♕♕♕ ดีสุดขั้ว & ชั่วสุดขีด ♛♛♛ [Up. Special 1 P.102 13/5/58]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ♕♕♕ ดีสุดขั้ว & ชั่วสุดขีด ♛♛♛ [Up. Special 1 P.102 13/5/58]  (อ่าน 1089508 ครั้ง)

ออฟไลน์ ทั่วหล้า

  • ไม่ช่างพูดแต่ช่างพิมพ์
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1049
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-3
ถ้าเนเน่รู้ความจริงแล้วอะไรจะเกิดขึ้นล่ะ
จะโกรธเฮดิสไหมนะ?
อยากรู้อ่ะจะใจจดจ่อรอตอนหน้าครับ :z3:

-เฮดิสเป็นคนที่หึงในเรื่องติ๊งต๊องได้น่ารักที่สุดในสามโลกกกกกกก :impress2:

ออฟไลน์ tou

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 55
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ในที่สุดก็มาถึงวันที่จะเปิดเผยความจริงแล้วเหรอ

ดีใจ ตามอ่านมานานมากกกก

ออฟไลน์ Maxshu

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 858
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
เราจะเก็ดเรื่องแหวนล่ะ รู้สึกเนเน่แปลกๆนะ ช่วงนี้นอนไม่หลับ บ่อยมาก

ออฟไลน์ IsDeer

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2519
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +85/-8
รอลุ้นความจริง  :hao3:

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
โอ้ะ จะเกิดอะไรขึ้นเนี่ยยย

ออฟไลน์ fay 13

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5635
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +286/-44

ออฟไลน์ PetitDragon

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4126
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +343/-5
หวังว่าความจริงคงไม่นำมาซึ่งดราม่านะ  :sad4:

ออฟไลน์ aoihimeko

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3132
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +155/-9
กรี๊ดดดดดดดดดดด เฮดีสน่ารักมากมาย

หนูเนใกล้จะได้รู้ความจริงแล้วสินะ

แล้วแหวนนั่นหนูเนเอาไปเก็บไว้ไหนนะ

หรอว่าฝาก(หลวง)พ่อไว้  :hao4:

ออฟไลน์ Phijarana

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 144
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
พี่เฮดีสสสสส น่ารักมากๆเลย  :hao5:

ออฟไลน์ no.fourth

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 888
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-1
ความจริงกำลังจะเปิดเผยสินะ รออออ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ takara

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4145
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +379/-13
อิอิ น่ารักอะเนเน่ ว่าแต่เนเน่เป็นอะไรอะนั่น

ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7
มารออ่านความจริงที่จะเปิดเผยตอนหน้าครัฟฟฟฟฟ

 :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ moomj

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 62
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ใกล้จำได้หมดแล้วใช่ไหมเนรัญ

ออฟไลน์ PaTtO

  • อาซามิซามะ.. ทาคาบะ4ever
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1638
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-3
เรื่องราวกำลังเปิดเผย ความจริงมีเพียงหนึ่งเดียว :a5:
รักเฮดีสสสที่ซู้ดดด น่ารักกับเนเน่มากๆล่ะ555

เรื่องของแก้วตากับไนซ์ คงจะยังไม่รู้ว่าตัวเองไม่ใช่ลูก น่าจะโดนยัยแก้วเป่าหูอยู่คาดว่าคงอยากจะให้ไนซ์มาแทนเฮดีสรึเปล่า
ตัวเองจะได้กลับเข้ามาบ้านของ3เทพ หวังสมบัติหรอ หรือหวังอะไร
แล้วก็เรื่องที่มีคนคอยหาเรื่องนี่พวกของยัยป้ารึเปล่า เห็นชอบโผล่ที่โรงบาล
ไนซ์ก็คงจะชอบเนเน่เหมือนกันสินะ...เฮ้อพี่น้อง

เรื่องนี้ปมไม่เยอะนะ แต่แก้ไม่ออก :z10:
..อยากตบกะโหลกพี่เทพ2(โพไซดอน)เหลือเกิน กวนสุดๆ :laugh:

ออฟไลน์ Littlesir

  • I adore all the things you hate about yourself.
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 442
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +101/-0
พี่พอลดูสว่างไสวน่าอยู่ใกล้มาก โดยส่วนตัวไม่ค่อยชอบเทพอะพอลโลซักเท่าไหร่ แต่มาแนวพี่พอลนี่ ดูอบอุ๊นอบอุ่นอะ
พี่เฮดีสโคตรมั่นคงเลยอะ ถึงแกจะเอิ่มค่อนข้างเจ้าชู้เรื่องผู้หญิง
(จะเรียกเจ้าชู้ได้ไหมอะหรือธรรมชาติของผู้ชายดี) นั่นแหนะๆ แต่แกก็รักมั่นคงแค่เนเน่คนเดียว
เนเน่ไม่ได้ป่วยอยู่ใช่ไหม? ไม่เป็นไรมากใช่ปะ? หรือเพราะใกล้วันเกิดเฮดีส แล้วที่เฮดีสบอกว่าใกล้วันเกิดแล้วอันตรายคือไรอะ
และพี่ไนซ์อีกอายุคบ21จะไม่ตายเหรอ หรือว่าชีเป็นเฮเคต (เค้าจำถูกใช่ป่ะ?)
แล้วรอตอนต่อนะ

ออฟไลน์ Littlesir

  • I adore all the things you hate about yourself.
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 442
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +101/-0
พี่พอลดูสว่างไสวน่าอยู่ใกล้มาก โดยส่วนตัวไม่ค่อยชอบเทพอะพอลโลซักเท่าไหร่ แต่มาแนวพี่พอลนี่ ดูอบอุ๊นอบอุ่นอะ
พี่เฮดีสโคตรมั่นคงเลยอะ ถึงแกจะเอิ่มค่อนข้างเจ้าชู้เรื่องผู้หญิง
(จะเรียกเจ้าชู้ได้ไหมอะหรือธรรมชาติของผู้ชายดี) นั่นแหนะๆ แต่แกก็รักมั่นคงแค่เนเน่คนเดียว
เนเน่ไม่ได้ป่วยอยู่ใช่ไหม? ไม่เป็นไรมากใช่ปะ? หรือเพราะใกล้วันเกิดเฮดีส แล้วที่เฮดีสบอกว่าใกล้วันเกิดแล้วอันตรายคือไรอะ
และพี่ไนซ์อีกอายุคบ21จะไม่ตายเหรอ หรือว่าชีเป็นเฮเคต (เค้าจำถูกใช่ป่ะ?)
แล้วรอตอนต่อนะ

ออฟไลน์ ma-prang

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 469
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
เนรัญเป็นอาร้ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยย  :katai1:

ออฟไลน์ lie-boy

  • การแก้แค้นที่ดีที่สุด คือ การประสบความสำเร็จให้มากกว่า
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +270/-1
    • poypoy & lieboy
สุดขั้วสุดขีด 29

“เหวอออออออ!!!”

“แว๊กกกกกกก!!!”

“ตกใจอะไรกันวะ?” ผมหันไปต่อว่าพวกเพื่อนๆ ที่ส่งเสียงร้องตกใจกันโอเว่อร์กันสุดๆ โอเล่อ้าปากมองผมอย่างเป็นกังวล ขนาดมอตโตยังทำหน้าตกใจเลย ผมลูบหน้าตัวแล้วถอนหายใจ แสดงว่าหน้าของผมมันคงจะแย่มากจริงๆ เมื่อเช้าพี่เฮดีสยังมองด้วยความเป็นห่วงสุดๆ แต่เพราะผมยืนยันว่าไม่เป็นอะไรถึงได้มาเข้าเรียน

“หน้ามึงซีดกว่าเมื่อวานอีกนะไอ้รัญ เป็นอะไรหรือเปล่า หรือว่านอนไม่หลับอีก?”

“เปล่า นอนหลับดี” ผมตอบ ผมพูดจริง เมื่อคืนนี้ผมหลับสนิทมากจนถึงเช้าเลยล่ะ ตื่นเต็มอิ่มแต่ตอนตื่นขึ้นมานั้นเหมือนโดนใครเอาค้อนฟาดหัว รู้สึกมึนงงมากกว่าเมื่อวานซะอีก เครียดจนปวดหัวจี๊ดๆ นอนก็เหมือนไม่ได้นอน หัวใจเต้นรัวตลอด สภาวะแบบนี้เหมือนตอนที่เข้าสอบเลย มันตึงเครียดจนร่างกายเหนื่อยล้ากว่าปกติ

“อ้าว แล้วทำไมมึงเป็นแบบนี้ล่ะ?” ซันเซ็ตเอ่ยถามอย่างสงสัย ผมเงยหน้ามองมันแล้วส่ายหน้า

“เพราะไอ้เฮดีสหรือเปล่า?” มอตโตเปิดปากถามอย่างข้องใจ ผมเงียบแล้วถอนหายใจ

ปฏิเสธไม่ได้เต็มปากว่า มันไม่เกี่ยวกับเขาก็ไม่ได้...

“ไม่ว่าจะตอนนี้หรือตอนไหนก็มีแค่นายเท่านั้นที่เป็นคนรักของฉัน”

ไอ้ประโยคนี้ดันวนเวียนไปมาในหัวของผม อีกทั้งความฝันเมื่อคืนของผม แหวนที่คล้ายกับแหวนของพี่โพไซดอน แต่แหวนของพี่โพไซดอนเป็นสีน้ำเงินไพลิน แหวนในความฝันของผมเป็นสีแดงเข้มโกเมน จะว่าไปแล้วพี่โพไซดอนก็เคยบอกไว้ว่าแหวนแต่ละวงจะมีหัวแหวนที่แตกต่างกัน ผมกัดริมฝีปาก ผมจำไม่ได้ว่าแหวนของพี่เฮดีสนั่นเป็นโกเมนหรือเปล่า แล้วทำไมผมถึงฝันว่าพี่เฮดีสให้แหวนวงนั้นกับผมกันล่ะ หรือว่าเพราะผมอิจฉาแฟนเก่าที่ได้แหวนของพี่เฮดีสไปก็เลยฝันไปแบบนั้น

ทำไมความฝันเพ้อเจ้อมันถึงได้ตามหลอกหลอนผมหนักกว่าเดิม ทุกอย่างมันแปลกประหลาดไปหมด ตั้งแต่ตอนที่ได้เจอกับพี่เฮดีสที่ร้านครั้งนั้น มันเหมือนกับว่าผมเคยรู้จักเขามาก่อนแต่มันเป็นไปไม่ได้ พี่เฮดีสเคยปฏิเสธไปแล้ว ตอนแรกผมก็ไม่ได้เอะใจสงสัยอะไร แต่ตอนนี้กลับมาสงสัยว่าทำไมเขาถึงเหมือนรู้จักผมมากซะจนน่ากลัว ตั้งแต่เรื่องที่ผมชอบอะไร กลัวอะไร แม้แต่เรื่องรอบตัวผมที่ไม่เคยเล่าให้ใครฟัง เขายังรู้เลย! ยิ่งคิดก็ยิ่งแปลก

อีกอย่างที่ทำให้ผมคาดคะเนไปแนวทางนี้ เพราะช่วงเวลาพี่เฮดีสคบกับแฟนเก่าคนนั้นจนกระทั่งเลิกนั้นตรงกับช่วงที่ผมจำอะไรไม่ได้เลย ถ้ามันเป็นความบังเอิญก็คงเป็นความบังเอิญที่ร้ายกาจทีเดียว ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ เพราะความฝันเมื่อคืนทำให้ผมรู้สึกไม่ดีเท่าไร หัวใจมันหวิวๆ ตัวเหมือนชาไปหมด แม้กระทั่งวิชาเรียนที่อุตส่าห์เข้ามาก็ยังไม่ผ่านเข้าหูเลย

เมื่อเช้าเพราะยังคงช็อกมากเกินไปผมถึงยังไม่ได้เช็คดูว่าความฝันที่ผ่านมานั้นเป็นเรื่องจริงหรือแค่เพ้อเจ้อไปเอง ใช่แล้ว เมื่อคืนนี้ความฝันอันยาวนานติดต่อกันราวกับนิยายของผมนั้นจบลงที่ผมเอาแหวนที่ได้จากพี่เฮดีสไปซ่อนเอาไว้ ผมขมวดคิ้ว มันเป็นที่ใกล้แค่เอื้อมมือแต่ทว่าช่วงสามปีที่ผ่านมานี้ผมกลับไม่เคยใส่ใจเลย แม้นานๆ ครั้งจะเคยทำความสะอาดแต่ก็ไม่เคยสังเกตเลย ผมถึงจำไม่ได้ว่ามันมีแหวนวงนั้นอยู่หรือเปล่า แต่มันจะเป็นไปได้งั้นเหรอ นี่มันก็แค่ความฝันบ้าบอของผมเท่านั้นนี่น่า แล้วทำไมผมต้องกังวลขนาดนี้ด้วยนะ หรือเพราะคำพูดของพี่เฮดีสเมื่อวานนี้

ผมอยากให้มันเป็นเพียงแค่ความฝันบ้าบอเท่านั้น ถ้าไม่ใช่แบบนั้น ผมคง...

“โธ่เอ๊ย วันนี้กูอุตส่าห์เตรียมพรีเซ้นต์มาอย่างดี อาจารย์ดันไม่อยู่ บัดซบบบบ!” ซันเซ็ตกำมือแน่นกัดฟันเอ่ยด้วยความขุ่นเคือง โฮ หายากนะเนี่ยที่คุณชายซันเซ็ตจะเตรียมตัวมาพรีเซ้นต์งาน ก่อนหน้านั้นมาเตรียมในชั่วโมงตลอดเลยนี่หว่า ก็นะ อาจารย์วิชานี้ท่านเข้มจริงๆ นั่นแหละ ขนาดกลุ่มของผมที่นำเสนองานไปเมื่ออาทิตย์ก่อนยังโดนตำหนิซะพรุนเลย

“แต่ก็ดีแล้วนี่หว่า วันนี้ตอนบ่ายพวกเราไม่ต้องเรียน ว่างนะโว้ย!” ซีเนียร์เอ่ย น้ำเสียงเปี่ยมสุขเล็กๆ ใบหน้าที่ชอบทำเบื่อหน่ายก็สว่างไสวขึ้นมา โอเล่พยักหน้าตามแล้วยิ้มกว้าง

“ว่างทั้งที พวกเราไปดูหนังด้วยกันไหมวะ?”

คำชวนของเพื่อนตัวเล็กเป็นหมัน เพราะไอ้หนุ่มสังคมสองตัวตีปีกติดเทอร์โบไปเผือกกับไทมุงตรงหน้าอย่างรวดเร็ว ชนิดที่อายชิลด์ยี่สิบเอ็ดต้องชิดซ้าย(?) โอเล่เลิกคิ้วมองไทมุงกลุ่มใหญ่ที่ค่อยข้างจะมีผู้หญิงอยู่เยอะเป็นพิเศษ ผมกับโอเล่มองหน้ากัน ส่วนหนุ่มแว่นมาดขรึมก็ยืนกอดอกไม่แสดงอาการอยากรู้อยากเห็นแม้แต่น้อย โอเล่ตัดสินใจเข้าไปถามเพื่อนร่วมคณะที่กำลังยื้อแย่งเข้าไปมุงดู

“เขามุงดูอะไรกันเหรอ?”

“อ้อ ไม่รู้สิ แต่ได้ยินมาว่ามีกลุ่มหนุ่มหล่อสุดๆ มายืนรอใครสักคนที่หน้าคณะแน่ะ”

“หนุ่มหล่อ!?” โอเล่อุทานเสียงแหลม ก่อนจะสวมวิญญาณนักรักบี้สุดแกร่งกระแทกดันตัวเข้าไปร่วมเผือกด้วยอีกคน มอตโตถอนหายใจเอือมระอากับเพื่อนหนุ่มตัวเล็กที่ได้ยินคำว่าหนุ่มหล่อก็พุ่งใส่สุดตัว ผมเองก็หัวเราะแห้งๆ กับความกล้าหาญของเพื่อนที่ตะลุยฝูงไทมุงเข้าไปดูหนุ่มหล่อโดยเฉพาะ

“แกรู้สึกยังไงบ้าง?” มอตโตหันมาถามผม สีหน้ามีความกังวลนิดๆ มองสำรวจตัวผมอยู่ครู่ใหญ่แล้วถอนหายใจ ผมยิ้มรับแล้วส่ายหน้าไปมา

“ดีขึ้นแล้วล่ะ”

“อืม สีออร่าก็ดูเป็นปกติดี หม่นไปนิดเดียว มีเรื่องกลุ้มใจอยู่งั้นเหรอ?”

หือ? ออร่า?

“อ้อ ก็นิดหน่อย”

“ถ้าเกิดอยากให้ช่วยอะไรก็บอกได้นะ”

“ขอบใจ” ผมพยักหน้ารับ รู้สึกถึงความห่วงใยจากเพื่อนตัวสูงสุดในกลุ่ม แม้มอตโตจะไม่ค่อยพูดหรือแสดงออกมากนัก แต่หมอนี่ก็นับว่าเป็นเพื่อนที่ดีคนหนึ่งเลย ผมกับมอตโตหันไปมองโอเล่กับสองหนุ่มคู่ซี้ตัวเอสที่วิ่งทำหน้าตื่นเข้ามาหา

“ไอ้รัญ ไอ้รัญโว้ย!”

“รัญญญ แย่แล้ววว!”

“เดี๋ยวๆ ใจเย็นๆ สิวะ ค่อยๆ พูด พวกมึงพูดพร้อมกันหมดสามคนแล้วกูจะรู้เรื่องได้ยังไง?” ผมยกมือห้ามปราบเพื่อนทั้งสามที่พยายามจะสื่อสารกับผมพร้อมกัน ไม่รู้เสียงใครเป็นเสียงใครมั่วกันไปหมดจนฟังไม่รู้เรื่อง

“แฟนมึง..”

“หนุ่มหล่อพวกนั้น...”

“...มึงต้องไปดู”

“เอ่อ... พวกมึงพูดคนเดียวเถอะ พูดสามคนแบบนี้กูไม่เข้าใจ”

ทั้งสามหายใจหอบพร้อมกับพยายามจะอธิบายให้ผมรู้เรื่อง แต่ดันพูดสวนกันไปมาไม่รู้เรื่องอยู่ดี ซันเซ็ตทำเสียงในลำคอด้วยความรำคาญ มันถอนหายใจแล้วเป็นตัวแทนพูดกับผม

“พวกกูจะบอกว่า...” 

“รัญญญญ! ทางนี้!!”

“มัมมมมม!!!”

ผมหันไปมองเสียงตะโกนที่ผ่ากลางวงเข้ามาแทรกตัดบทของซันเซ็ตดื้อๆ เห็นร่างสูงผู้ทำหน้าทะมึนมืดพร้อมจะประหัตประหารใครสักคนได้ทุกเมื่อ โดยด้านหน้ามีเด็กน้อยฝาแฝดหน้าตาน่ารักน่าเอ็นดูวิ่งนำพุ่งชนผมเต็มแรง ไม่แค่นั้นด้านหลังยังมีหนุ่มชุดกาวน์สีขาวที่มีรอยยิ้มอบอุ่นดังดวงตะวัน หนุ่มหล่อผมทองที่มีรอยยิ้มชวนหลง หนุ่มเฮ้วผู้มีรอยยิ้มกว้างโบกมือทักทายด้วยความร่าเริงสุดๆ ปิดท้ายด้วยชายหนุ่มตัวใหญ่หล่อเหลาสไตล์ดิบเถื่อน

“ไมนอส แมนทีส พี่โพไซดอน พี่พอล พี่โพม พี่ยู มาได้ยังไงครับเนี่ย?” ผมมองทุกๆ คนด้วยความแปลกใจเป็นอย่างมาก เหลือบมองหน้ามองแฟนที่ทำหน้าเหมือนจะตาย พี่เฮดีสหยุดยืนด้านหลังของผมแล้วจ้องคนอื่นๆ เขม็ง แววตาเต็มไปด้วยความขุ่นเคือง

“มาหามัม! / มาส่งเด็ก / บังเอิญติดรถมาครับ / มากับพี่โพซครับ / มากับแฟนน่ะ”

ทั้งหกคนตอบอย่างพร้อมเพรียงไปคนละแนว ผมมองพวกเขาแล้วพยักหน้า สรุปว่าความวุ่นวายจรชนเล็กๆ เกิดจากคนพวกนี้สินะ ทำไมคณะของผมถึงได้มีเรื่องวุ่นวายไม่เว้นแม้แต่สักวันกันนะ นี่เป็นเพราะ... ผมเหล่มองคนข้างหลังเล็กน้อย

“ไม่มีธุระอะไรก็กลับไปได้แล้ว” พี่เฮดีสเอ่ยไล่เสียงราบเรียบ แต่คนกลุ่มนี้ต่างก็แยแสความกดดันต่ำที่เกิดขึ้น ชวนผมคุยข้ามหน้าข้ามตาของพี่เฮดีส ไม่มีท่าทางจะเกรงกลัวเลยแม้แต่น้อย พี่ยูร่าเริงเหมือนเดิมชวนผมไปกินข้าวด้วยกันรวมกับเพื่อนๆ ของผมที่ยืนเอ๋ออยู่ข้างหลัง

“นานๆ ทีจะได้สังสรรค์เป็นหมู่คณะขนาดนี้ สนุกดีออก” พี่ยูให้เหตุผลแบบนั้น คะยั้นคะยอคนอื่นๆ ให้ร่วมด้วย พี่โพมทำตามบทคนรักที่ดีพยักหน้าไม่ขัดความต้องการของพี่ยู แถมยังหันไปบังคับน้องชายที่เข้าสู่สภาวะไร้ตัวตน โอเล่ยิ้มกว้างพยักหน้าอย่างกระตือรือร้นออกหน้าออกตา แถมดวงตากลมโตระยิบระยับกวาดมองหนุ่มหล่อลากแต่ละคนด้วยความพอใจสูงสุด

“เย้! กินข้าวๆ!” คู่แฝดตัวน้อยที่ยึดมือของผมคนละข้างก็กระโดดโลดเต้นด้วยความตื่นเต้น เปล่งเสียงร้องเร่งรบ คนอื่นๆ ก็มีท่าทางโอนเอนตามๆ กันอย่างง่ายดาย พี่เฮดีสมองด้วยสายตาเยือกเย็นพัดผ่าน สีหน้านิ่งแต่ผมสัมผัสถึงความเดือดดาลได้เป็นอย่างดี ก็เขาไม่ชอบคนเยอะและความวุ่นวายนี่น่า ไม่ต้องพูดถึงว่ากลุ่มคนพวกนี้ที่ดูท่าวุ่นวายกว่าคนทั่วไปซะอีก

หลังจากตกลงกันเสร็จเรียบร้อย พี่โพไซดอนก็เอ่ยขอตัวด้วยท่าทางเยือกเย็นและห่างเหิน ผมมองด้วยความแปลกใจ นี่มันดูเย็นชาพอๆ กับพี่เฮดีสเลยหรือไม่ก็มากกว่าซะอีก เขาเอ่ยกับน้องชายด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

“พี่จะไปยังไง?”

“วิลมอสมารับ”

“งั้นก็ระวังตัวด้วยนะครับ”

“แกเองก็เหมือนกัน ถ้ามีปัญหาอะไรให้รีบบอกทันที ถึงจะเตรียมป้องกันไว้เรียบร้อยแล้วแต่อาจจะเกิดเรื่องไม่คาดฝันก็ได้ ดูแลตัวเองกับคนรักดีๆ” พี่โพไซดอนเอ่ยล่ำลาคล้ายจะเดินทางไกล ก่อนจะก้มมองไมนอสกับแมนทีสที่ยืนเกาะผมไม่ปล่อย ใบหน้ากระด้างแย้มยิ้มอ่อนโยน ยกมือกดศีรษะเล็กๆ ทั้งสองอย่างเอ็นดู “เจ้าหนูฝาแฝดพวกนี้ด้วย”

“โชคดีครับ”

“โชคดีครับ” ผมรีบเอ่ยตามพี่เฮดีสพลางจ้องใบหน้าคมเข้มที่เหลือบมามองผมเล็กน้อย เขายิ้มให้กับผมแวบหนึ่ง ก่อนจะกลายเป็นใบหน้าราบเรียบเหมือนเมื่อครู่เป็นคนอื่นที่ยิ้ม รถคันหรูอีกคันแล่นผ่าฝูงชนเข้ามาจอดรอท่า พี่โพไซดอนโบกมือลาหันตัวขึ้นรถคันนั้นไป

“พี่โพไซดอนไปไหนเหรอครับ?” ผมเงยหน้าเอ่ยถามพี่เฮดีส เขาเหลือบสายตามามองผมด้วยแววตาขรึม

“ไปทำงานน่ะ”

ทำงานเหรอ? แล้วทำไมต้องทำหน้าซีเรียสกันซะขนาดนั้นด้วย ไม่ใช่แค่พี่เฮดีส แม้กระทั่งพี่พอล พี่โพม แม้กระทั่งมอตโตก็ยังทำหน้าขรึมตามกันไปหมด งานอะไรที่ต้องทำหน้ากังวลใจแบบนี้ด้วย ระหว่างที่บรรยากาศหนักอึ้งพี่ยูก็เปล่งเสียงแหลมปรี๊ดใช้ความสดใสล้นเหลือของตัวเองเรียกบรรยากาศสนุกสนานกลับมา

“เราจะไปกินอะไร ที่ไหนกันดี!!?”

หลังจากเหล่าคนเรื่องมากเถียงกันไปเถียงกันมา พวกเราก็ยกโขยงมาที่ร้านอาหารริมแม่น้ำแห่งหนึ่ง คนเยอะเรื่องมันก็แยะครับ กว่าจะได้นั่งก็ผ่านไปนานและกว่าจะสั่งอาหารก็กินเวลาไปอีก พี่เฮดีสที่นั่งหัวโต๊ะ(คนจ่ายนั่งหัวโต๊ะตามธรรมเนียม)ก้มหน้ามองเมนูแล้วพูดให้ผมสั่งให้ มีบางคนเหลือบมามองอย่างแปลกใจแต่ก็ไม่ได้สนใจ หันไปจดจ่อเมนูในมือของตัวเอง

“ไมอยากจินปูอะ”

“อืมๆ แมนอยากจินจุ้ง”

ผมยิ้มรับ เอ่ยสั่งให้เด็กน้อยทั้งสองที่นั่งอยู่ขนาบข้างซ้ายขวาของผม พี่เฮดีสเหลือบมองมาด้วยสายตาไม่พอใจแวบหนึ่ง ผมเหลือบสายตาไปมอง เขาก็สะบัดหน้าไปมองด้านอื่น ผมเลิกคิ้ว เมื่อกี้มันอะไรกันนะ ท่าทางแบบนั้นเหมือนกำลังงอนอยู่เลยแฮะ ผมอมยิ้มในใจหันกลับมาสนใจเด็กๆ ที่เริ่มซุกซน

ระหว่างนั่งรออาหารพี่ยูรับหน้าที่เป็นฝ่ายกระตุ้นให้ทุกคนผ่อนคลาย เริ่มพูดปราศรัยกันอย่างปกติ ไม่เกร็ง โดยเฉพาะพวกเพื่อนๆ ของผมที่นั่งตัวแข็งทื่อ มีแค่มอตโตที่นั่งทำท่าชิวไม่สนใจใคร ส่วนโอเล่ก็ทำตาวิ๊งๆ ใส่พี่พอลที่นั่งตรงกันข้าม พี่พอลได้แต่ยิ้มรับแห้งๆ ไม่รู้จะทำหน้ายังไงจนผมเริ่มสงสาร แต่ที่น่าสงสารสุดน่าจะเป็นซันเซ็ตที่นั่งติดกับหัวโต๊ะฝั่งพี่เฮดีส ตั้งแต่มาจนถึงตอนนี้มันนั่งเกร็งหลังตรง เบิกตามองจานตรงหน้าเอาเป็นเอาตายแน่ะ ผ่อนคลายบ้างก็ได้นะเพื่อน พี่เฮดีสไม่กัดมึงหรอก...ล่ะมั้ง

ตอนกินผมก็ต้องคอยดูแลเด็กและผู้ใหญ่ไปพร้อมๆ กัน เพราะถ้าหากดูแลแต่เด็กผู้ใหญ่บางคนจะส่งสายตาเย็นยะเยือกมาให้ แต่ถ้าดูแลแค่ผู้ใหญ่เด็กทั้งสองก็พร้อมใจกันโวยวายว่าสองมาตรฐาน ไม่รู้จริงๆ ว่าเด็กพวกนี้ไปเรียนรู้คำยากๆ แบบนี้มาจากไหน ไปๆ มาๆ มัวแต่ใส่ใจคนอื่นทำให้ผมไม่มีอะไรลงท้องนอกจากน้ำ ผมถอนหายใจยกผ้าเช็ดปากให้กับไมนอสที่ทำซอสมะเขือเทศเปรอะมุมปาก จากนั้นก็ก้มหน้าก้มตาเกาะกุ้งและปูให้กับเหล่าลูกนกลูกกาที่คอยแหงนหน้าอ้าปากรอเหยื่อ ผมยื่นจานไปให้กับพี่เฮดีสแต่เขากลับดันจานกลับ ทิ้งสายตามองผมวูบหนึ่งแล้วหันสนใจพี่โพมซึ่งกำลังเล่าเรื่องตลกของตัวเอง

ผมมองพี่เฮดีสแล้วยิ้มกับตัวเองแวบเดียว มีโอกาสได้อาหารผ่านปากบ้างแล้ว สองเด็กน้อยทานกันจนอิ่มและเรียกร้องหาของหวานดับคาว พี่เฮดีสมองผมก่อนจะยื่นมือเข้ามาจัดการแทน ปล่อยให้ผมได้มีเวลาพักหายใจ กินข้าวต่ออย่างสบายอกสบายใจ อย่าคิดว่าพี่เฮดีสจะสั่งเองกับพนักงาน เขาให้พวกเด็กๆ เป็นคนสั่งแต่คอยดูแลอย่างเงียบๆ เท่านั้น ผมมองเด็กฝาแฝดกับพี่เฮดีสแล้วอมยิ้ม จะว่าไปแล้วพวกเด็กๆ หน้าเหมือนพี่เฮดีส(อันที่จริงควรบอกว่าหน้าเหมือนพี่ไนซ์)ทำให้ช่างดูเหมือนพ่อลูกกันจริงๆ

พี่เฮดีสเหลือบมามองผม ผมยิ้มนิดๆ ให้ เขาทำหน้าราบเรียบไม่เปลี่ยน แต่แววตาละมุนขึ้น ทอดมองมาด้วยความร้อนแรงประดุจจะแผดเผา จนผมต้องเบือนหน้าหลบด้วยความเคอะเขิน ผมหุบยิ้มแทบจะทันทีที่เห็นสายตายิ้มหยอกล้อของพี่ยู พี่ยูยิ้มหน้าบานพลางแกล้งเบ้ปากเอ่ยเสียงดัง

“อ่า! ทำไมต้มยำกุ้งมันหวานได้ขนาดนี้กัน!”

“ไม่ครับพี่ยู ผมว่าต้มยำกุ้งมันเผ็ดจนตาของผมร้อนไปหมดแล้วเนี่ย” โอเล่ไม่ยอมน้อยหน้าเอ่ยสมทบแถมยังหลิ่วตามาที่ผม ยิ้มหยอกเย้าอย่างสนุกสนาน

ผมทำหน้าบึ้งรับคำแซวหยอกล้อ พูดเกินไป แค่นี้ไม่น่าทำให้หวานหรือชวนตาร้อนสักหน่อย แล้วตกลงต้มยำกุ้งหม้อนั้นมันหวานหรือเผ็ดกันแน่!? คนอื่นๆ ที่เข้าใจก็หัวเราะรับเสียงเบาอย่างรักษามารยาทหรือเกรงใจคนโดนแซวที่นั่งหัวโต๊ะ มีแค่พี่โพมกับสองฝาแฝดที่หัวเราะเสียงดัง พออกพอใจถึงสุดขีด

โครม!!!

เสียงโครมครามดังสะเทือนทั่วร้าน พวกเราที่กำลังหัวร่อยิ้มแย้มหันไปมองต้นเสียงอย่างพร้อมเพรียง เสียงกรีดร้องตื่นตระหนกตกใจทำให้ผมเลิกคิ้วสงสัย มองกลุ่มคนที่เดินเข้ามาด้วยท่วงท่าระรานไม่เป็นมิตรอย่างกังวล พวกมันเข้ามาก็เตะโต๊ะเตะเก้าอี้ในร้านอย่างอุกอาจ ผมเขม็งตามอง รู้สึกคุ้นหน้าคุ้นตาสุดๆ

“ไอ้เฮดีส!”

ผมแทบจะยกมือกุมขมับ มุมปากกระดกขึ้นอย่างอ่อนแรง

คราวนี้มาหาเรื่องถึงที่!

“อ่า... ดีจังที่ไม่ใช่ร้านตู” พี่ยูมองโขยงอันธพาลตรงหน้าอย่างใจเย็น เขาระบายยิ้มนิดๆ เอ่ยถ้อยคำสงบใจเยือกเย็นได้อีก พี่ยูกับพี่โพมค่อยๆ ลุกขึ้นเดินหลบไปอย่างสงบ ปล่อยให้คนอื่นๆ หันซ้ายหันขวาไม่รู้ว่าจะทำตัวยังไงดี พี่เฮดีสมองผมปราดเดียวอย่างรวดเร็ว ผมก็พยักหน้าเข้าใจคำสั่งทางสายตาของเขา รีบดึงไมนอสกับแมนทีสหลบไปอยู่ในที่ปลอดภัย

โครม!

โต๊ะที่พวกเรานั่งโดนพวกมันพลิกคว่ำในครั้งเดียว โชคดีที่ทุกคนมีปฏิกิริยาตอบสนองรวดเร็ว ผละจากโต๊ะไปคนละทิศคนละทาง มอตโตหิ้วคอเสื้อโอเล่กระโดดหนีอย่างว่องไว พี่พอลถลาหาที่กำบังรวดเร็วติดจรวด ซันเซ็ตกับซีเนียร์ไปตั้งแต่โครมแรก เหลือแค่พี่เฮดีสที่ยังนั่งอยู่ที่เดิมไม่เปลี่ยนกิริยาบท ไม่เหลือบมองพวกที่เข้ามาหาเรื่องเลยด้วยซ้ำ 

คนที่เหมือนจะเป็นหัวหน้ากลุ่มเดินกร่างเข้ามา อ้าปากเอ่ยกับพี่เฮดีส

“วันนี้...!!?”

พี่เฮดีสไม่พูดไม่จาลุกขึ้นคว้าหัวมัน ยกเข่ากระแทกเข้าหน้ามันอย่างแรง ก่อนจะสะบัดมือโยนอีกฝ่ายลอยตัวปลิวไปชนกำแพง ไอหยา เลือดกำเดาไหลแดงเถือกเต็มหน้า สองฝาแฝดทำหน้าทำตาสะใจส่งเสียงเชียร์อย่างฮึกเหิม พี่เฮดีสจัดการตัวหัวหน้าดับอนาถในเวลาเสี้ยววิ เร็วขนาดที่อีกฝ่ายยังไม่ได้เอ่ยวาจาปราศรัยครบประโยค จ้าวนรกองค์ลงประทับหันขวับไปมองเหล่าลูกกระจ๊อกหลายสิบตัวมองหัวหน้าพร้อมอ้าปากเหวอ และเริ่มหน้าซีดเมื่อเห็นเจ้าของทัวร์นรกกวักนิ้วเรียกให้เข้าไปหา

“ไอ้สัด!!!” หัวหน้ากลุ่มหัวโล้นเจ้าเก่าลุกขึ้นมา เช็ดเลือดพร้อมกับสบถเสียงดังอย่างอารมณ์เสีย กลบเกลื่อนเหตุการณ์หน้าอายหน้าแหกเมื่อครู่ มันทำหน้าทะมึนตึงขึงตาใส่ชายผู้มีสีหน้าราบนิ่ง

พี่เฮดีสยืนรับหน้านิ่งได้อีก แววตาเย็นยะเยือกเหลือบมองเจ้าหัวโล้นนั่นปราดหนึ่งราวกับไม่อยากจะมองให้ระคายสายตา การกระทำนั้นทำให้พี่ยูหัวเราะขำเสียงดัง เจ้าวายร้ายหัวโป๊งเหน่งกริ้วจนหน้าดำหน้าแดงหันมามองพี่ยูที่ส่งยิ้มกว้างท้าทายไม่กลัว พี่โพมที่ยืนข้างๆ โบกมือไปมาด้วยสีหน้าหวาดหวั่น พยายามทำให้พี่ยูเงียบ ไอ้หัวโจกชักสีหน้าเอียงหัวไร้ผมมองลูกน้อง สะบัดหน้าส่งสัญญาณให้ทีหนึ่ง พวกลูกกระจอกแยกกลุ่มเข้าไปสั่งสอนพี่ยูที่ยังยืนนิ่งไม่ขยับหนี ผมมองพี่ชายละล้าละลัง อยากจะไปช่วยแต่ติดว่าตัวผมก็มีภาระชิ้นโตให้ดูแลเหมือนกัน

“อย่าเข้ามา!!” พี่โพมกรีดร้องเสียงแหลม ท่าทางตื่นตระหนกกลัวจนทำอะไรไม่ถูกของพี่โพมยิ่งทำให้พวกมันหัวเราะอย่างชอบใจ ผมรีบหันไปมอตโตที่ยืนมองนิ่ง ผมร้อนใจกำลังจะบอกให้มอตโตที่อยู่ใกล้เข้าไปช่วยพี่ชายกำลังถูกเล่นงาน เสียงโครมเหมือนมีของหนักล้มลงพร้อมเสียงร้องเจ็บปวดก็ดังขัดขึ้น ผมรีบย้ายสายตามองกลับ

“ว้ายยย! บอกแล้วว่าอย่าเข้ามา!” พี่โพมร้องตะโกนเสียงดังอย่างตื่นกลัว ขาและหมัดทำหน้าที่จัดการพวกลูกกระจอกอย่างหนักหน่วง ปกป้องคนรัก โคตรจะมาดแมนถ้าไม่นับเสียงหวีดร้องราวที่บ้านไฟไหม้นั้น พี่ยูลากเก้าอี้มานั่งจิบน้ำอัดลมอย่างสบายอกสบายใจ ชวนมอตโตกับโอเล่ร่วมวงสนทนาโดยไม่ยี่หระกับกลุ่มนักเลงตรงหน้า ยิ่งเหมือนโดนหยามหน้าหัวหน้าหัวโล้นกัดฟันกรอด สั่งให้ลูกน้องจัดการพวกผมให้หมอบ

“พวกมึงล่ะมั้งที่จะหมอบ สัด!” ซันเซ็ตกับซีเนียร์หักไม้หักมือ สะบัดคอ ยิ้มแสยะอย่างตื่นเต้น ช่วยกันจัดการศัตรูที่พุ่งเข้าไปหาเรื่อง ผมมองดูเพื่อนที่ท่าทางจะได้เปรียบกว่ามากแล้วสบายใจ ก่อนจะรู้สึกตัวเมื่อถูกเด็กๆ กระตุกแขนยิกๆ ผมกลับมามองตรงหน้ากลุ่มลูกน้องพร้อมอาวุธในมือเดินเอื่อยเข้ามาพร้อมผิวปาก ดูเหมือนพวกมึงจะจำผมได้ด้วย

“ว้าว! นี่ใช่ ‘เนรัญ’ ที่กำลังเป็นข่าวอยู่หรือเปล่าน่า?”

“ฮ่าๆๆๆ ตอนนั้นพลาดไปจริงๆ”

แย่ล่ะสิ!

ผมกับเด็กสองคนจะเอาอะไรไม่สู้พวกมัน มองซ้ายมองขวา ทุกคนกำลังชุลมุนวุ่นวายป้องกันตัวเอง ไม่มีเวลาปลีกมาช่วยเหลือพวกเราแน่ พี่เฮดีสเองก็ถูกพวกหัวโจกพร้อมลูกน้องหลายคนที่มีอาวุธครบมือรุม ท่าทางจะตึงมือคงสลัดไม่หลุดง่ายๆ ฉิบแล้ว คราวนี้ตายแหง ผมรีบดันเด็กๆ ไปอยู่ด้านหลังของตัวเอง พยายามจะปกป้องทั้งสองสุดความสามารถ

“เดี๋ยวก่อนครับ ใจเย็นๆ นะครับ” ผมยิ้มพยายามเจรจาพาทีกับกลุ่มคนที่มองมาอย่างกระหือรือ ไม่สนใจว่าผมจะพูดอะไรออกมา อะไรกัน ท่าทางชวนขนลุกขนพองแบบนนี้ ท่าทางพวกมันคงจะไม่มีเจตนาแค่ทำให้เจ็บตัวซะแล้วล่ะมั้ง สงสัยว่าพวกมันต้องมีลูกไม้ซ่อนไว้แน่ ผมเม้มปาก ใช้ตัวบังพวกเด็กๆ เอาไว้

“ไอ้รัญ!” โอเล่ตะโกนขึ้นมาด้วยความตกใจ มันอยู่รอดปลอดภัยด้านหลังพี่โพม หันมามองผมแววตาหวาดหวั่น พวกพี่ยูหันมามองแล้วร้องตะโกนอย่างพร้อมเพรียง

“ไอ้เฮดีส!!”

ตึง!

ไม่ทันที่เสียงเรียกจะจางหาย พี่เฮดีสกระโดดเข้ามาขวาง ซัดพวกมันคราวเดียวกระเด็นออกไปไกลหลายเมตร

“อย่าคิดว่าจะได้แตะแฟนกูเป็นครั้งที่สอง” พี่เฮดีสเอ่ยเสียงลอดไรฟัน เขาเล่นโหดกว่าปกติฟาดเก้าอี้เหวี่ยงใส่พวกมันอย่างไม่ปราณี พวกที่ก่อนหน้ารุมพี่เฮดีสก็เฮโลเข้ามาพร้อมกัน ระหว่างนั้นพี่พอลก็ดอดเข้ามาลากผมออกมาจากเขตอันตราย หลบอยู่ด้านหลังของพี่โพม

“แม่งเอ๊ย!” ไอ้หัวหน้าหงุดหงิดที่ทำอะไรพี่เฮดีสไม่ได้ เขาแยกตัวไปกระซิบกระซาบบางอย่างกับลูกน้องแล้วพวกมันทั้งหมดก็เข้าไปรุมพี่เฮดีสคนเดียว ไม่สนใจคนอื่นๆ เลย ซันเซ็ตกับซีเนียร์เดินเข้ามาสมทบกับพวกผม


.
.
.

ออฟไลน์ lie-boy

  • การแก้แค้นที่ดีที่สุด คือ การประสบความสำเร็จให้มากกว่า
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +270/-1
    • poypoy & lieboy
.
.
.


“อ่า นี่พวกเรากำลังดูเดชมังกรแปดอสูรเย้ยยุทธจักรอยู่หรือเปล่าวะ?” ซันเซ็ตพึมพำสงสัยหลังจากที่มองพี่เฮดีสต้านฝูงหมาป่ากระหายเลือดแค่คนเดียว ทั้งถีบ เตะ ชก คล่องแคล่วว่องไว ผมยิ้มรับ พวกฝาแฝดปลาบปลื้มออกหน้าออกตา ภาคภูมิใจกับคุณพ่อที่กำลังโชว์ฝีมือต่อกรนักเลงด้วยตัวคนเดียว

“เหอะ คนพวกนี้จะมีปัญญาทำอะไรมันได้” พี่ยูเอ่ยพร้อมยิ้มกระหยิ่ม พี่โพมพยักหน้ารับ พี่ยูหันมาเอ่ยสายตาหวานว่า “แต่พี่เก่งกว่ามันอยู่ดี เท่ที่สุดเลย” พี่โพมฉีกยิ้มจนตาหยี่ บิดตัวเขินอายเล็กน้อย มอตโตมองพี่ชายและคนรักของพี่ชายด้วยสายตาว่างเปล่าแลเอือมระอาหน่อยๆ โอเล่มองพี่เฮดีสด้วยสายตาเคลิ้มฝันยิ้มตาเยิ้ม

“เฮ้ยยยยยย!”


โต๊ะทั้งตัวพุ่งมาทางพวกเรา ทุกคนตกใจกรีดร้องเสียงหลง รีบกระโจนคนละทิศคนละทาง ผมจับตัวเด็กๆ กลิ้งหลุนๆ กับพื้น ผมเงยหน้ามองพี่เฮดีสที่วิ่งเข้ามาขวาง หยุดโต๊ะนั้นเสี้ยววินาทีแล้วขว้างมันใส่พวกมันจนล้มกองพื้นระเนระนาด พี่เฮดีสหันมาพูดอะไรบางอย่างแล้วพุ่งเข้าไปจัดการกับพวกมัน ระหว่างการต่อสู้อันดุเดือดรอบข้างก็อลหม่านไม่แพ้กัน ของทุกอย่างปลิวข้ามไปมา ทุกคนต้องหาทางหลบเลี่ยงกันอุตลุด ยกเว้นผมกับเด็กๆ ที่ทุกอย่างเหมือนถูกสะท้อนกลับคล้ายมีกำแพงปกป้องพวกเราไว้

เหตุการณ์ชุลมุนวุ่นวายยังดำเนินต่อไม่หยุด ผมมองพี่เฮดีสระบายความเครียดกับกระสอบทรายมีชีวิตแล้วอดจะสงสารพวกเขาไม่ได้ ถึงแม้อีกฝ่ายจะเข้ามาหาเรื่องก่อนก็ตาม สภาพร้านไม่ต้องพูดถึง ยับเยินจนไม่เหลือเค้าเดิม เก้าอี้ โต๊ะ หักพังระเนระนาด ผ่านไปนานเกือบชั่วโมงผู้ที่ยืนอยู่เหนือซากศพทั้งหลายก็คือ พี่เฮดีส เหมือนเคย

ผมถอนหายใจอย่างโล่งอก โชคดีที่ไม่มีใครเป็นอะไรมาก

เสร็จภารกิจกำจัดศัตรูพี่เฮดีสก็หันมามองผมเล็กน้อย เขากำลังจะเดินเข้ามาหาแต่ก็ชะงักตัว ก้มมองตัวเองก่อนจะมองหาอะไรบางอย่าง พี่เฮดีสเปลี่ยนเส้นทางไปล้างไม้ล้างมือทำความสะอาดตัวเองก่อนจะเข้ามาหาผม 

“กลับเถอะ”

ผมพยักหน้าเห็นด้วย ไม่มีแย้ง

คนอื่นๆ ปาดเหงื่อแล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่ เหลือบมองซากกระสอบทรายที่นอนหมอบหมดสภาพบนพื้นด้วยความเวทนา ผมเองก็เหลือบมองไป นี่พวกเราจะปล่อยให้พวกเขานอนอยู่แบบนี้น่ะเหรอ? พี่เฮดีสดึงเอวเร่งให้ผมเดินตามไป สายตาเย็นเยียบติดลบมองสภาพร้านและกลุ่มคนที่นอนเกลื่อนกลาดร้องโอดโอยน่าสมเพช

“เดี๋ยวก็มีคนมาจัดการ”

เดินไปหน่อย พี่เฮดีสก็ถูกเรียกตัวกลับบ้าน ท่าทางจะเป็นเรื่องด่วนมาก เพราะพี่เฮดีสอยากจะไปถึงผมก่อนแต่ทว่าคนในสายกลับไม่อนุญาต พี่เฮดีสวางสายด้วยความจำใจหันมามองผมด้วยสายตานิ่งที่แฝงด้วยความยุ่งยากใจ ผมยิ้มเข้าใจเอ่ยปลอบเขา

“ไม่เป็นไรหรอกครับ พี่รีบไปทำธุระเถอะ เดี๋ยวผมกลับกับพวกพี่ยูก็ได้”

“อืม ล็อกประตูหน้าต่างดีๆ มีอะไรให้รีบโทรหาฉัน ระวังตัวด้วย”

“ครับ”

พี่เฮดีสก้มมองเด็กๆ ที่ทำหน้าหง่อยเหงา เงยหน้ามองตาละห้อย ผมยิ้มให้กับพวกเด็กๆ ที่ทำหน้าเหมือนไม่อยากจะไปแต่เพราะกลัวสายตาจริงจังของผู้เป็นพ่อก็ยอมเดินไปอย่างว่าง่าย

“เนรัญ”

“ครับ?”

ผมเงยหน้าขึ้นไปขานรับเสียงเรียกแล้วชะงัก เงาดำวูบก้มต่ำลงมาหา ฉวยจังหวะจุมพิตอย่างรวดเร็ว เขาผละเดินจากไปแต่ผมก็ยังยืนทื่ออยู่ที่เดิมจนพี่ยูเข้ามาสะกิดถึงได้สติกลับคืนมา ผมหน้าแดงขณะที่เหลือบมองเพื่อนของตัวเอง แม้พวกมันก็ไม่ได้เอ่ยล้อแต่ทว่ากลับหลิ่วตาฉีกยิ้มเลี่ยนให้ โอ๊ยยยย สายตาพวกมันทำให้ผมรู้สึกอายจนอยากจะหายตัวไปจากที่นี้

ซันเซ็ตกับซีเนียร์กลับด้วยกัน ส่วนที่เหลือกลับรถของพี่ยู ในรถผมเงียบพยายามทำตัวล่องหนเพื่อไม่ให้ถูกพูดถึง พวกเขาก็เหมือนรู้ว่าผมหน้าบางก็ชวนคุยกันเรื่องอื่น และไม่เรียกผมร่วมสนทนาด้วย ผมเริ่มวางใจหันไปร่วมคุยด้วย พอคุยกันไปคุยกันมาก็วนเข้ามาหาเรื่องของผมแบบไหลลื่นไม่มีสะดุดเสียจนผมยังงุนงง

“พี่เฮดีสเนี่ยดีกับไอ้รัญจริงๆ นะฮะ อย่างกับนิยายโรแมนซ์อะ” โอเล่เปิดประเด็นด้วยสีหน้าเบิกบานใจ พี่ยูหันมาหัวเราะหึๆ เหลือบมามองผมพลางยิ้มกว้าง

“แน่นอน เห็นแบบนี้ก็เถอะแต่มันเป็นคนดีมากนะ”

ผมมองพี่ยูที่พูดประโยคนั้นออกมาแบบไม่ติดขัด พี่เฮดีสติดสินบนมาเท่าไรครับพี่ กล้าพูดแบบตาใสๆ เชียว แต่ผมก็ไม่ปฏิเสธหรอกนะว่าพี่เฮดีสเป็นคนดีคนหนึ่งทีเดียว ถ้าไม่นับนิสัยเอาแต่ใจ ปากร้าย ชอบใช้ความรุนแรง...

“นั่นสิครับ ผมอิจฉาโคตรๆ” โอเล่พยักหน้าหงึกหงัก บ่นอุบอิบและยื่นปากหน่อยๆ

“เป็นครอบครัวสุขสันต์ พ่อแม่ลูกด้วยนะ!” พี่โพมที่เป็นคนขับรถเอ่ยสมทบ สีหน้าอิจฉาสุดๆ ผมปั้นยิ้มแห้งๆ นั่นไม่ใช่ลูกของผมสักหน่อย ก็แค่หน้าคล้ายแม่พวกเขาเท่านั้นเอง ผมกลับมานั่งเงียบอีกครั้ง คนพวกนั้นก็พูดถึงเฮดีสอย่างนั้นเฮดีสอย่างนี้เต็มไปหมด โดยเฉพาะโอเล่ที่ท่าทางจะชอบมาก ตาเป็นประกายวิบวับ แถมยังซักถามถึงพี่โพไซดอน

“กรี๊ด! เลิศอะ! ไอ้รัญอย่างกับซินเดอเรลล่า เจ้าชายรูปงาม ครอบครัวที่ร่ำรวยมหาศาล”

“...” ผมหรุบตามองพื้น ด้วยความรู้สึกบางอย่างที่พุ่งเข้ามา เจ้าชายรูปงามที่สมบูรณ์พร้อมกับซินเดอเรลล่าแสนยากจนในห้องครัวที่สกปรก อ่า ท้ายสุดแล้วทั้งสองก็ครองรักชั่วนิรันดร์ แต่ในความเป็นจริงแล้วมันเป็นอย่างนั้นได้ด้วยเหรอ? เจ้าชายกับหญิงยาจกจะรักกันไปตลอดได้เหรอ...

แม้โอเล่จะลงจากรถไปแล้วแต่พี่ยูก็เล่าเรื่องพี่เฮดีสอย่างสนุกปาก พี่โพมเอ่ยเสริมอยู่ตลอด นี่ถ้าพี่เฮดีสรู้ว่ามีคนปากบอนเล่าเรื่องส่วนตัวของเขาล่ะก็... พวกพี่ยูไม่รอดแน่ แต่ก็นะ ผมไม่ฟ้องพี่เฮดีสหรอกเพราะผมเองก็ชอบที่พี่ยูเล่าเรื่องเกี่ยวกับพี่เฮดีสให้ฟังแบบนี้เหมือนกัน ช่วยไม่ได้เจ้าตัวไม่ค่อยเล่าอะไรให้ผมฟังเองนี่น่า

กลุ่มอันธพาลทั้งหลายที่ชอบมาเล่นงานพี่เฮดีสบ่อยๆ นั้นเป็นคนของพี่ชายอัญดาชื่ออัษฎา พวกมันรับเงินจากนายอัษฎานั้นเพื่อแวะเวียนหมุนเปลี่ยนกันมาหาเรื่องพี่เฮดีสอย่างน้อยเดือนละครั้ง ถูกพี่เฮดีสซ้อมปางตายแต่พวกเขาจะได้รับเงินปลอบขวัญ และเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลของครอบครัวพี่เฮดีสฟรี สาเหตุที่นายอัษฎาอะไรนั่นเคียดแค้นพี่เฮดีส เหตุมาจากเรื่องบาดหมางตอนเด็กๆ ที่พี่เฮดีสพลั้งมือทำให้เขาขาพิการ และเรื่องของอัญดาน้องสาวของเขาที่เขาเชื่อปักใจว่าเป็นพี่เฮดีส พี่โพมยืนยันว่าเป็นเรื่องจริง ตอนแรกพี่โพไซดอนโมโหมากแทบจะเอาดินกลบหน้าตระกูลภฤตย์ปรเมษฐ์ทุกคน แต่พี่เฮดีสปรามเอาไว้แล้วปล่อยเลยตามเลยมาหลายปี ผมเหลือบมองมอตโตที่ขมวดคิ้วนิ่วหน้า ท่าทางเหมือนเพิ่งรู้

“ทั้งๆ ที่เฮดีสเองก็ไม่ได้ตั้งใจ ตอนนั้นหมอนั้นยังเด็กมากล่ะนะ ครอบครัวของพวกคุณอาก็ได้เงินชดเชยแบบมหาศาล เรื่องของอัญดา...เป็นแพะเต็มๆ ทั้งที่ไม่รู้เรื่อง” พี่โพมเอ่ยพร้อมกับทอดถอนหายใจ พี่ยูพยักหน้าเข้าใจ ผมขมวดคิ้ว ที่เขาไม่เอาเรื่องนายอัษฎานั่นเพราะรู้สึกผิดอยู่หรือเปล่านะ ส่วนเรื่องของอัญดาที่พี่เฮดีสไม่ปฏิเสธให้มันชัดเจนว่าไม่ใช่ตัวเอง นั่นหรือว่า... เพราะปกป้องไม่ให้นายอัษฎาอะไรนั้นไปยุ่งย่ามพี่ชายฝาแฝด ก็เลยรับเอาไว้เองทั้งหมด ผมถอนหายใจตามพวกพี่ยูและพี่โพม

ถ้าเป็นแบบนั้นจริง... พี่เฮดีสนี่ก็เป็นคนดีผิดคาดเลยน่ะสิ!

“ใช่น่ะสิ เฮดีสน่ะน่าสงสารจะตาย ไอ้อัษก็ไม่ยอมหายแค้นสักที อาฆาตไม่เลิก ถ้าไอ้อัษมันมีขอบเขตเล่นงานแค่เฮดีสคนเดียวฉันจะไม่โมโหเลย แต่นี่มันแทบจะลากทุกคนที่เกี่ยวกับเฮดีสให้เดือดร้อนไปด้วย ลำพังแค่การต้องสาปของเฮดีสก็ไม่มีคนจะคบด้วยแล้ว เฮ้อ ที่อภัยให้ไม่ได้ที่สุดก็เรื่องที่ไอ้อัษมันส่งคนไปเล่นงานแฟนของเฮดีสเมื่อสามปีก่อนนี่ล่ะ!” พี่โพมพูดอย่างโมโห เขาใส่อารมณ์เต็มที่ ทันทีที่ผมได้ยินก็หูผึ่ง

“เห? มีเรื่องแบบนี้ด้วยงั้นเหรอ!?” พี่ยูเบิกตากว้างเอ่ยถามอย่างสงสัย ท่าทางไม่อยากจะเชื่อว่าพี่เฮดีสเคยมีแฟนมาก่อน ผมส่งค้อนให้กับพี่ยู หน้าตาของพี่เฮดีสถ้ามีแฟนเป็นโหลผมก็ไม่แปลกใจอะไรเลย พี่โพมถอนหายใจเล่นด้วยสีหน้าคิดไม่ตก

“ตอนนั้นเฮดีสเกือบจะฆ่าไอ้อัษตาย”

“เกิดอะไรขึ้นกับแฟนของพี่เฮดีสงั้นเหรอครับ?” ผมเปิดปากถามเป็นครั้งแรก พี่โพมหันมามองผมแล้วยิ้มปลอบใจ

“ไม่รู้สิ แต่น้องไม่ต้องกลัวหรอก เฮดีสต้องปกป้องน้องสุดความสามารถอย่างแน่นอน”

ผมคลี่ยิ้มรับแล้วไม่เอ่ยอะไรต่อ คนชื่ออัษฎาเป็นต้นเหตุให้พี่เฮดีสกับแฟนเก่าคนนั้นต้องเลิกกันสินะ ผมนั่งเงียบ พอครุ่นคิดเรื่องนี้ผมก็คิดขึ้นมาได้ว่าบางทีที่พี่เฮดีสเลิกกับแฟนเก่าคนนั้น ก็เพราะเขาต้องการปกป้องแฟนจากนายอัษฎาหรือเปล่า ไม่ใช่ว่าหมดรักแต่เพราะรักมากถึงต้องเลิก? คงไม่ใช่ว่าตอนนี้เขาก็ยัง... ไม่ๆ! นี่ผมจะจิตตกอะไรกับความคิดข้างเดียวเนี่ย เลิกคิดๆ!

พวกเราส่งสองพี่น้องโพมมอตโตที่บ้าน สุดท้ายเป็นผมที่อยู่บ้านติดกับพี่ยู

“ขอบคุณมากครับ”

“ไม่เป็นไร ล็อกประตูบ้านดีๆ ล่ะ ใครมาหาตอนดึกๆ ก็ห้ามเปิดประตูให้เด็ดขาด!”

“ครับ” ผมพยักหน้าพร้อมกับยิ้มรับเป็นปกติ หมุนตัวเดินเข้าบ้านอย่างเป็นปกติ ผมไขประตูบ้านหันไปมองพี่ยูที่ขับรถเข้าบ้านของตัวเอง ผมสะกิดใจอะไรบางอย่างขึ้นมา ฟังผ่านๆ เหมือนเป็นคำพูดปกติธรรมดาทั่วไป แต่ทำไมทุกคนถึงได้ย้ำเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่บ่อยๆ ถ้าแค่คนสองคนผมก็ไม่สงสัยเลย แต่นี่แทบทุกคนที่รู้จักผมจะเตือนเรื่องนี้อยู่เสมอ

ทำไมต้องเตือนเรื่องนี้เสียทุกครั้งด้วย?

ล็อกประตูดีๆ... ใครมาหาก็ห้ามเปิดประตูบ้านให้...?

ปึง!


ผมที่จมอยู่กับความคิดสะดุ้งตกใจ จู่ๆ ลมก็พัดมาอย่างรุนแรงจนประตูหน้าบ้านที่เปิดอ้าไว้ปิดลงเอง ผมใจหายแวบ ลูบอกปลอบใจตัวเอง เงยหน้ามองท้องฟ้าสีดำทะมึนที่มีแสงปราดแปรบไปทั่วท้องฟ้า ลมที่พัดกระโชกครั้งแล้วครั้งเล่า อ่า สงสัยคืนนี้ฝนจะตก ท่าทางจะแรงซะด้วย เสียงครืดๆ ดังทั่วฟ้าพร้อมเสียงสว่างวาบ ผมยืนตัวแข็งทื่อ เบิกตากว้าง ความหวาดกลัวแล่นเข้าครอบงำทั่วร่างจนผมกลั้นหายใจ ลมพัดแรงหอบเอาความเย็นชื่นๆ ปะทะกับหน้า ผมรู้สึกตัวรีบกระโจนเข้าบ้านหลบห่าฝนตกลงมาอย่างหนักหน่วง

ผมล็อกประตูหน้าต่างเรียบร้อย ก้มหน้าส่องมองนอกบ้าน พายุฝนโหมกระหน่ำอย่างบ้าคลั่งจนต้นไม้เอนลู่ตามลม แสงสว่างวาบทั่วฟ้าตามมาด้วยเสียงคำรามก้องของนภา อากาศคืนนี้เลวร้ายเหมือนเป็นลางไม่ดี คล้ายวันนั้น... หือ? วันนั้น? วันไหนกัน? ผมกอดอกนึกทบทวนว่ามีวันไหนที่มีพายุรุนแรงแบบนี้บ้าง คิดเท่าไรก็คิดไม่ออก ผมส่ายหัวไปมาแล้วเลิกคิ้ว เพราะยังไงทุกปีก็ต้องมีพายุฝนแบบนี้อยู่แล้ว ผมเดินเกาหัวแกรกๆ จะเข้าห้องนอนตัวเองแต่ก็ชะงักเท้ามองไปที่ห้องนอนใหญ่ที่เดิมเป็นห้องนอนของพ่อกับแม่

จริงสิ แหวน...

ผมเปลี่ยนเส้นทางเดินไปห้องนอนใหญ่ ผลักประตูเข้าไป มือเริ่มสั่น โว้ยยย! จะมาสั่นอะไรตอนนี้กันเล่า! ผมเดินมายืนที่หน้ากระจกโต๊ะเครื่องแป้งของแม่ มองในกระจกที่สะท้อนเงาของตัวผมตามลำพัง ผมก้มมองโต๊ะเครื่องแป้งที่สะอาดสะอ้าน หยิบกุญแจลิ้นชักของโต๊ะเครื่องแป้งมาไข นานมากแล้วที่ผมไม่ได้สนใจลิ้นชักนี้ ทุกครั้งผมจะทำความสะอาดหน้าโต๊ะข้างนอกแล้วปล่อยผ่านไป ไม่คิดที่จะไขลิ้นชักออกมาดูข้างในนั้นเลย ผมค่อยๆ เลื่อนลิ้นชักออกมา

ภายในอก หัวใจเต้นตึกตักๆ

ถ้าไม่มีแสดงว่าผมแค่เพ้อเจ้อ...

ผมยืนมือไปประคองกล่องเครื่องประดับของแม่ที่วางซุกไว้มุมสุดของลิ้นชัก วางลงบนโต๊ะ ผมกลืนน้ำลาย ยื่นมือไปเปิดกล่องนั้นอย่างช้าๆ ความรู้สึกปะทะกัน ใจหนึ่งไม่อยากจะเปิด อีกใจก็อยากจะรู้

แล้วถ้าเกิดว่ามีแหวนล่ะ?


ผมจะทำยังไง?

ฝากล่องค่อยๆ เปิดออก สายตาของผมจับจ้องเขม็ง หัวใจผมเต้นรัวเร็ว มือสั่นเล็กน้อย กลั้นหายใจ เปิดกล่องนั้นออก เริ่มเข้าใจว่าแพนโดร่าที่ได้กล่องมาจากเทพเจ้าซุสรู้สึกยังไงตอนเปิดมันออก ผมวางฝากล่องเอาไว้ด้านข้าง จ้องมองลงไปในกล่อง หัวใจกระตุกวูบ มือที่สั่นเทาหยิบบางอย่างออกมาจากกล่อง พิจารณามันอยู่ครู่หนึ่งแล้วสมองของผมก็ว่างเปล่า

“มันแพงมากนะ หัวแหวนเป็นโกเมน ตัวแหวนเป็นทองคำขาว”

แหวนในมือของผม... หัวแหวนเป็นโกเมนสีแดงเข้ม ตัวแหวนนั้นสีขาววาววับ ลวดลายถูกสลักเสลาละเอียดอ่อนประณีตงดงาม เป็นแหวนที่ช่างฝีมือต้องเก่งมากแน่ๆ ถึงได้ทำออกมาได้สวยงามขนาดนี้ มันต้องแพงมหาศาลอย่างแน่นอน และแหวนราคาแพงแบบนี้ผมจะไปมีปัญญาซื้อมาใช้ได้ยังไง หนำซ้ำแหวนในมือของผมยังเหมือนกับแหวนในความฝันราวกับเป็นวงเดียวกัน!

ผมชาวาบไปทั้งตัว

อย่างที่คิดเอาไว้

ที่แท้ แฟนเก่าคนนั้น ก็คือ... ผมเอง

ผมคลี่ยิ้ม...






TBC.

ยังมีอะไรที่ยังไม่ได้เฉลยอีกนะ? (จำไม่ได้ว่ามีปมอะไรบ้าง 555)
รวมสองตอนไว้รวดเดียวเลย จะตัดครึ่งเหมือนที่ผ่านมาก็กลัวจะค้างกัน ฮิๆ
ช้าไปบ้างแต่ชดเชยให้เต็มๆ ตอนแบบนี้ ไม่ว่ากันนะจ้ะ
ใครสงสัยเกิดอะไรเมื่อสามปีก่อนกันแน่ ตอนหน้ารู้แน่นอนค่ะ!!!
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10-08-2014 02:48:13 โดย lie-boy »

ออฟไลน์ HISY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-3
ตอนหน้าจะได้รู้เรื่องในอดีตแล้ว

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






mae.js

  • บุคคลทั่วไป
ตื่นเต้นๆ ว่าแต่ลางร้ายเหมือนตอนนั้นนี่อะไรหว่า

ออฟไลน์ RinNam

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 178
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
เสมือนท้องฟ้าวิปริตแปรปรวนทันใด อังกอร์ 555

เกิดอะไรขึ้นกันนะ แล้วทำไมไม่มีใครอยู่เป็นเพื่อนเนรัญหรือให้ไปค้างกันคนที่ไว้ใจได้

ทำไมต้องย้ำว่าห้ามเปิดประตู ทำไมอะทำมายยยย

อังกอร์จะมาหรอ

ความจริงมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้นน


ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
บรรยากาศมันเหมือนการอ่านการ์ตูนเรื่องยาวๆเรื่องหนึ่งเลย
**กว่าจะได้รู้ความลับในแต่ละอย่างเนี่ยต้องรอนานมากลุ้นแล้วลุ้นอีกอยู่นั้นแหละ

ออฟไลน์ moobarpalang

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1081
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +185/-6
อุ้ยหน้ารักใสใส

ออฟไลน์ PetitDragon

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4126
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +343/-5

ออฟไลน์ Min*Jee

  • เอวรี่ติงจิงกะเบล
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2797
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-5
กรี๊ดดดดด ความจริงมีเพียงหนึ่งเดียววววว :z3:
แน่ล่ะ เนเน่ต้องเป็นของพี่เฮดีสคนเดียวเท่านั้น ไม่ว่าจะตอนนี้หรือตอนไหน :-[
รอตอนต่อไปปปปป :katai1: :กอด1:

ออฟไลน์ saruttaya

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 926
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-6

ออฟไลน์ Phijarana

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 144
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0

ออฟไลน์ MK

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1112
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-4
อยากรู้แล้ว  อยากอ่านต่อแล้ว  มาแบบนี้ก็ค้างนะ   :ling1:

ออฟไลน์ double9JH

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1809
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-7
โอ๊ะโออ~  :mew3:

เป็นไงต่อไปล่ะเนี่ย...

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด