สุดขีด 34ผมสะดุดลืมตาตื่นแล้วดีดตัวลุกขึ้น กะพริบปรับสายตาแล้วหันไปมองรอบๆ แล้วถอนหายใจโล่งอก ยกมือตบอกแปะๆ คล้ายปลอบใจตัวเอง โชคดีที่ตื่นมาแล้วไม่ได้หายตัวไปไหน ยังอยู่ในห้องของพี่เฮดีส บนเตียงตัวเดิม และข้างๆ คือพี่เฮดีสที่นอนหลับสนิท แม้ผมจะสะดุดตัวตื่นแรงขนาดนี้เขาก็ยังไม่ตื่น นั่นอาจเป็นเพราะเขาเหนื่อยมากแน่ๆ ผมมองใบหน้าตอนหลับของเขาอยู่ครู่หนึ่ง
ก่อนจะรู้สึกตัวว่าตอนนี้ตัวเองหลุดจากการกอดรัดอันหนาแน่นของคนเอาแต่ใจแล้ว ผมกระโดดลงจากเตียง สำรวจเสื้อผ้าเนื้อตัวของตัวเองแล้วรู้สึกไม่ไหวจะเคลียร์ จึงตัดสินใจจะอาบน้ำทำความสะอาดสักหน่อย หันไปมองคนบนเตียงที่นอนหลับทั้งๆ ที่สภาพเนื้อตัวไม่ต่างจากคนผ่านสงครามอย่างดุเดือดก็ถอนหายใจ สภาพแบบนั้นคงจะนอนไม่สบายตัวเท่าไร คิดแล้วผมก็รีบลงมือปฏิบัติอย่างรวดเร็ว หาผ้าหาอ่างน้ำทำการเช็ดตัวที่แสนสกปรกมอมแมมอย่างกับคนที่เพิ่งตกบ่อน้ำเสียของพี่เฮดีส เช็ดเสร็จก็เปลี่ยนเสื้อผ้าให้เขาเป็นชุดนอน แล้วคนที่คิดว่าหลับอยู่ก็ลืมตาขึ้น
ผมเกือบผงะปล่อยอ่างในมือ ผมชะงักค้างกลั้นหายใจด้วยใบหน้าแดงๆ บ้าเอ๊ยยยย! แกล้งนอนงั้นเหรออออ!? นี่ผมอุตส่าห์ใจกล้าเปลี่ยนทุกชิ้นให้เพราะแน่ใจว่าอีกฝ่ายหลับสนิท เพราะถ้าถูกถามก็คิดไว้แล้วว่าจะโมเมโบยว่าคุณพ่อบ้านเป็นคนเปลี่ยนให้ แต่นี่เขากลับตื่นอยู่หรอกเหรอ!? พี่เฮดีสกรอกตามาจ้องผมนิ่ง ผมกะพริบตาปริบๆ เมื่อกี้เหมือนเห็นตาของเขามีสีแดงพาดผ่านแวบหนึ่งเลย พี่เฮดีสจ้องผมอยู่นานถึงค่อยยิ้มพร้อมพึมพำเสียงแหบแห้งในลำคอ จากนั้นเขาก็หลับตานอนหลับไปเหมือนเดิม
ผมยืนมองเขาอยู่นานด้วยความมึนงง เมื่อกี้พี่เฮดีสพึมพำว่า ‘ขอบคุณ’ หรือเปล่า ผมไม่มั่นใจเพราะไม่ได้ยิน แค่ดูจากการขยับปากของเขาเท่านั้น ผมเฝ้าดูเขาต่ออีกนิดหน่อย เมื่อแน่ใจว่าอีกฝ่ายหลับสนิทก็ขนย้ายอ่างน้ำสกปรกไปจัดการเททิ้งแล้วเริ่มอาบน้ำบ้าง ผมเตรียมน้ำอุ่นๆ ไว้เต็มอ่างแล้วค่อยๆ ถอดเสื้อผ้าลงไปแช่น้ำผ่อนคลายกล้ามเนื้อและอารมณ์ที่สับสันยุ่งเหยิง
เฮ้อ! ทำไมเจ้าเฮเคตอะไรนั่นถึงได้มาเข้าฝันผมกันนะ หรืออาจจะเป็นแผนการที่เจ้านั้นตั้งใจให้ผมคิดว่าเขาตายไปแล้วทั้งๆ ที่ยังไม่ตาย จากนั้นก็รอจังหวะที่พวกเราเผลอเข้ามาจัดการ อีกอย่างทำไมถึงอยากจะลักพาตัวผมไปกันนะ ทั้งๆ ที่เขาก็รู้ตัวดีอยู่แล้วว่าพี่เฮดีสจะไม่ปล่อยเขาไปแน่ แต่เขาก็ยังแฝงตัวเข้ามาเสี่ยงที่จะต้องปะทะกับพี่เฮดีสเพื่อพาผมไป มันไม่คุ้มค่าเอาซะเลย เขาจะทำมันไปเพื่ออะไรกัน ระหว่างแช่น้ำในอ่างผมก็ครุ่นคิดเรื่องของเฮเคตไปด้วย เจ้านั้นเล่าก็เหมือนไม่ได้เล่าอะไรเลย ไม่มีรายละเอียดปลีกย่อย เนื้อแน่นๆ เต็มไปหมด แน่นจนผมย่อยไม่ได้สักเรื่อง แย่จริง ถึงจะเห็นใจว่าเป็นแรงเฮือกสุดท้ายแล้วก็เถอะ แต่ช่วยเล่าให้มันละเอียดมากกว่านี้จะได้ไหม โธ่เอ๊ย! เหมือนผมไม่รู้อะไรเพิ่มเลย อย่างกับมาขู่ให้กลัวซะมากกว่า ถ้าอยากให้มีชีวิตอยู่จริงๆ ทำไมไม่อธิบายอะไรให้มันเข้าใจง่ายกว่านี่เล่า ผมถอนหายใจเฮือก ทบทวนประโยคสุดท้ายที่เฮเคตทิ้งไว้
ผมกับ...ใครอีกสักคนหนึ่งที่มีกายภาพคล้ายกัน ใกล้ชิดกันทางสายเลือด หมายถึงใครกันฟะ กายภาพ? จะหมายถึงหน้าตาหรือเปล่า? คนที่หน้าตาคล้ายกับผม... ไม่จริงน่ะ หรือว่าเขาจะหมายถึงอัญดางั้นเหรอ!? แต่ว่าผู้หญิงคนนั้นจะทำอะไรได้ เธอป่วยทางจิตนี่น่า... ผมนึกถึงตอนที่พี่ชายของอัญดามาถามชื่อของพ่อแม่ของผมแล้วหนาวเยือกทั้งที่แช่น้ำอุ่นอยู่ ไม่เอาน่า! ไม่มีทางเถอะ ถึงผมจะหน้าตาคล้ายกับอัญดาก็จริงอยู่ แต่ว่าพวกเราก็คนละเพศกันนะ นี่มันไม่ใกล้เคียงทางกายสภาพแล้ว อีกอย่างผมไม่มีทางที่จะใกล้ชิดกันทางสายเลือดกับอัญดาคนนั้นแน่ พ่อแม่ของผมไม่ได้นามสกุลภฤตย์ปรเมษฐ์สักหน่อย... เอ๊ะ ไม่มั้ง มันต้องไม่ใช่สิ แม่งั้นเหรอ? นามสกุลเดิมของแม่คืออะไรกันล่ะเนี่ยยยย!? ผมไม่เคยรู้เพราะตั้งแต่จำความได้แม่ก็ใช้นามสกุลเหมือนพ่อ จะว่าไปแล้วผมก็ไม่เคยรู้จักกับญาติฝั่งแม่เลยนี่นะ ผมแทบจะนวดขมับแล้วเอาหัวจุ่มน้ำให้รู้แล้วรู้รอด
แต่ยังไงก็เถอะ ผมคงต้องระวังพี่น้องคู่นี้ให้มากๆ แล้วปัญหาไม่ได้มีแค่เรื่องนี้เรื่องเดียวเท่านั้นนะ ยังมีเรื่องอีกหลายเรื่องเข้ามารุมล้อมผมแทบจะกระดิกตัวไม่ได้ หนึ่งในนั้นคือเรื่อง... เด็กแฝดคู่นั้นไม่ใช่ลูกของเฮเคต!? บ้าเอ๊ย! นี่มันเรื่องอะไรกันเนี่ย ถ้าไม่ใช่ลูกของเฮเคตแล้วจะเป็นลูกของใครกันล่ะ พี่เฮดีสงั้นเหรอ!? เฮ้ย! เป็นไปไม่ได้ ไม่เอาน่า! ถ้าจำไม่ผิดมอตโตเคยเล่าให้ฟังว่า...เฮเคตฆ่าลูกของตัวเอง หรือเพราะเขามารู้ทีหลังว่าเด็กทั้งสองไม่ใช่ลูกตัวเอง? ถ้าเป็นลูกของพี่เฮดีสจริงทำไมเขาไม่ฆ่าล่ะ ถ้าเขาแค้นพี่เฮดีสจริงก็ต้องฆ่าลูกของพี่เฮดีสแน่ แต่นี่เขากลับเลี้ยงจนโตกระทั่งส่งต่อมาให้กับผม ผมเองก็ยังแปลกใจว่าทำไมเขาถึงทิ้งลูกไว้ให้น้องชายเลี้ยง ตอนแรกก็คิดว่าไว้ใจพี่เฮดีสแต่คงจะไม่ใช่เพราะเขาแค้นพี่เฮดีส โธ่ถัง ทำไมหมอนี้ถึงได้เข้าใจยากเย็นขนาดนี้กันนะ
ยิ่งคิดยิ่งปวดหัว!
ปัง! ผมสะดุ้งตกใจเสียงประตูห้องน้ำที่ถูกกระชากเปิดกะทันหัน หันขวับไปมองก็ใครบางคนยืนปั้นหน้านิ่งมองเข้ามา พอเห็นว่าเป็นใครผมก็โล่ง เมื่อกี้ตกใจหมดนึกว่าจะมีใครเข้ามาลักพาตัวอีก ผมแช่น้ำในอ่างเหมือนเดิมแต่ก็เอ่ยถามคนที่ยืนนิ่งอยู่ หรือว่าเขาปวดฉี่จนกลั้นไม่ไหวแล้ว ไอ้ผมก็แช่นานแล้วสิ
“มีอะไรหรือเปล่าครับ?”
“เปล่า ตื่นมาแล้วไม่เห็น” พี่เฮดีสตอบเสียงราบเรียบ
อ้อ เขาตื่นขึ้นมาแล้วไม่เห็นผมก็เลยตามหาสินะ ตอนนั้นเขาก็ตื่นขึ้นมาแวบหนึ่งไม่ใช่หรือไง หรือว่าจำไม่ได้ แต่ช่างเถอะ เขาคงจะละเมอหรือคิดว่าฝันนั่นแหละ ผมพยักหน้ารับแล้วบอกเขาว่ารู้สึกเหนื่อยก็เลยแช่น้ำผ่อนคลาย พี่เฮดีสพยักหน้าเข้าใจแต่ก็ยังเกาะประตูนิ่งเป็นหมีโคอาลา พยักหน้าเข้าใจแต่ไม่ขยับไปไหน มันหมายความว่ายังไงวะ พี่ต้องการอะไรไม่ทราบครับ บอกผมตรงๆ เถอะ เอาแต่จ้องนิ่งแบบนี้ผมไม่รู้หรอกนะ
“พี่มีอะไรอีกหรือเปล่า?”
“เปล่า” ปฏิเสธแต่ยังคงยืนเกาะประตูเหนียวแน่นไม่ยอมกระดิกตัว ทำเอาผมคิดถึงเด็กที่เพิ่งไปเรียนวันแรกที่โรงเรียนอนุบาลเด็กน้อย เอาแต่ยืนกอดประตูไม่ยอมเข้าไปโรงเรียน นี่ถ้าร้องไห้ฟูมฟายหน่อยจะเหมือนมากเลยล่ะ ลูกแหง่พ่อแม่เนี่ย คิดแล้วผมก็แอบหัวเราะแล้วเอ่ยถามลูกแหง่อีกครั้ง
“ถ้าไม่มีอะไรแล้วทำไมพี่ไม่ออกไปอีกล่ะครับ?”
“ตรงนี้วิวดีกว่า”
“ก็เลยเกาะประตูเป็นตุ๊กแกแบบนั้นงั้นเหรอครับ?” ผมพ่นลมหายใจออกมาทันทีเมื่อได้ยินคำตอบลวนลามทางเพศ ผมเอ่ยล้อกลับ เขาก็พยักหน้ารับหน้านิ่ง
“อืม แต่ให้ดีอยากเป็นเป็ดลอยในอ่างมากกว่า”
ผมนิ่งคิดไปเล็กน้อยก่อนจะหัวเราะก๊ากออกมาเสียงดัง เมื่อกี้เล่นมุกใช่ไหม โธ่ เล่นซะหน้านิ่งแบบนั้นผมก็คิดไม่ทันนะ พ่อหมีโคอาลาผู้อยากกลายเป็นเป็ดในอ่างของผม! ผมกวักมือหยอยๆ เรียกให้พ่อหมีโคอาลาที่เกาะประตูเข้ามา เห็นสีหน้าเบิกบานใจของเขาแล้วก็อดทำหน้าเจ้าเล่ห์ไม่ได้ ผมแอบคิดแผนร้ายอยู่ในใจ มองพี่เฮดีสที่กระโดดถอดชุดมานอนในอ่างภายในเสี้ยววินาที พอเขาลงมาแช่เท่านั้นแหละ ผมก็ลุกขึ้นก้าวเท้าออกจากอ่างทันที พี่เฮดีสชะงักเงยหน้ามองผมทำหน้าเหลอหลาเสียจนผมอยากจะถ่ายรูปเก็บเอาไว้
“พี่เป็นเป็ดลอยในอ่างต่อไปนะ ผมแช่พอแล้วล่ะ” ผมยิ้มนิดๆ พร้อมกับเอ่ยบอกเขาด้วยสีหน้าไร้เดียงสา พี่เฮดีสอึ้งนั่งนิ่งไปเพราะไม่คาดคิดว่าเรื่องมันจะกลายเป็นแบบนี้ ผมคว้าผ้าเช็ดตัวห่มร่าง หันมาโบกมือให้กับเขาแล้วรีบเดินฉับๆ จะออกไปจากห้องน้ำโดยด่วน พี่เฮดีสมองตามด้วยสายตาเจ็บใจมาก เขาทำเสียงขึ้นจมูก ส่งสายตามาเหมือนจะบอกผมว่า จะเอางั้นเหรอ ไม่ครับ ไม่เอาอะไรทั้งหมด
“ปิด”ปัง! ประตูห้องน้ำปิดลงก่อนที่ผมจะได้จรลีออกไป ผมเกือบจะกรีดร้องออกมา พยายามดึงให้มันเปิด ยิ่งได้ยินเสียงอีกฝ่ายลุกขึ้นจากอ่างแล้วก้าวเข้ามาหาผมอย่างช้าๆ ผมก็กรีดร้องในใจทันที แว๊กกกกกก! จู่ๆ ก็เข้าธีมหนังสยองขวัญไปได้ยังไงกันล่ะเนี่ยยยย!? เปิดน่าาาาา เปิดให้ผมเถอะ ขอร้องงงง! เสียงฝีเท้าก้าวเข้ามาประชิดแผ่นหลังของผมเรื่อยๆ จนกระทั่งลำคอที่เปียกชื้นของผมสัมผัสลมหายใจอุ่นจนร้อน ทั้งตัวของผมขนลุกซู่ด้วยความหวาดหวั่น
“บ๊ายบายงั้นเหรอ หึๆ” เสียงกระซิบของจ้าวนรกดังข้างหูของผม มันหลอนได้ใจ นี่มันหนังสยองขวัญหรือไงงงง!?
อ๊ากกกกกกก ผมขอโทษ ผมผิดไปแล้วววววว!พี่เฮดีสสอดแขนโอบรอบเอวของผมแล้วดึงเข้าไปกอดรัดแน่นแบบจงใจ รู้โชคชะตาในอนาคตของตัวเองก็แทบอยากจะร้องไห้ ตัวอ่อนปวกเปียกยอมแต่โดยดีตั้งแต่เริ่มแรก เพราะถ้ายังขัดขืนเชื่อสิว่าจ้าวนรกจะต้ององค์ลงมากกว่านี้แน่ และบทลงโทษของผมยืดเวลาออกไปอีกนานแสนนาน ถ้าเป็นอย่างนั้นผมขอโยนศักดิ์ศรีบ้าบอเหล่านั้นไปไกลๆ แล้วยอมทำตัวเป็นเด็กดีว่านอนสอนง่ายจะดีกว่า เผื่อพี่แกจะได้สงสารเวทนากันบ้าง พี่เฮดีสจับปลายคางของผมหันไปรับการบดจูบอันหนักหน่วง
“อืม...อือ...อา...”
มือของเขาลูบไล้ไปตามร่างเปลือยเปล่าที่ฉ่ำน้ำของผม ผ้าเช็ดตัวที่ห่มบนตัวของผมหล่นลงพื้น แผ่นหลังแนบชิดหน้าอกแน่นเสียดสีแผ่วเบา ริมฝีปากผมผละจากมา เริ่มเปล่งเสียงครางเบากับสัมผัสเล้าโลมสำรวจตรวจตราทุกส่วนของร่างกายของผม ลิ้นเปียกชื้นตวัดหยอกใบหูของผมพร้อมกับขบเบาๆ ลงติ่งนุ่มนิ่ม ความวาบหวามค่อยๆ ถูกจุดอย่างช้าๆ ผมแทบจะทนไม่ไหวเมื่อถูกสัมผัสเร้าจากเบื้องหน้าอันอ่อนไหว คลื่นอารมณ์พัดกระเพื่อมรุนแรง เสียงลมหายใจแรงขึ้น อุณหภูมิในตัวสูงขึ้น
ร่างกายของเราเคลื่อนไหวตามแรงขับเคลื่อนจากส่วนลึก รู้สึกตัวอีกทีก็เป็นตอนที่ผมกำลังจูบนัวเนียเบียดร่างกายเข้าหาเขา รับแรงกระแทกหนักเน้นครั้งแล้วครั้งเล่าแทบคลั่งบนเตียงกว้าง เสียงร้องครางขาดห้วง ผิวแดงระเรื่อและร้อนผ่าว หยาดเหงื่อไหลตามผิวกายที่เสียดสีแนบชิด อารมณ์ไฟรักแสนร้อนแรงคุโชนอยู่เนิ่นนานกว่าจะมอดไหม้ก็เกือบเช้า ผมเหนื่อยล้าแทบขาดใจแต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่ามันเป็นการขาดใจที่สุขสุดๆ นี่เขาเป็นคนบาดเจ็บหนักประเภทไหนกันวะ? คึกจัดเกินไปแล้ว
พี่เฮดีสจูบผมรุนแรง ลิ้นอ่อนนุ่มตวัดเกี่ยวรัดดูดดึงช่ำชองเสียจนผมแทบสำลัก เนิ่นนานจึงถอยออกไป ผมถอนหายใจหอบทันที จูบที่ลึกซึ้งรุนแรงแต่ทว่าก็ไม่บ้าเถื่อน เฮ้อ ผมเนี่ยหลงหัวปักหัวป้ำ พี่เฮดีสนอนคว่ำหน้าอยู่ข้างๆ ผม นิ่งเงียบเหมือนหลับไปแล้ว ผมพลิกตัวตะแคงมองด้านข้างหน้าของเขา ก่อนจะถอนหายใจ บ้าชะมัด ผมชอบผู้ชายคนนี้จังเลย นี่มันบ้าชัดๆ! เอาล่ะ แม้ว่าเด็กแฝดพวกนั้นจะเป็นลูกของพี่เฮดีสจริงหรือเป็นลูกของใครก็ช่าง มันก็ไม่ผลต่อความรู้สึกของผม ยังไงผมก็ชอบเขามากๆ อยู่ดี ดีซะอีก! ไม่ต้องคลอดก็มีลูกเป็นตัวเป็นตนตั้งสองแล้ว อีกอย่างนี่อาจจะเป็นเรื่องโกหกที่เฮเคตหลอกให้มันคิดมากระแวงพี่เฮดีสก็ได้
“ผมรักพี่นะ”
“อืม” พี่เฮดีสลืมตาขึ้นแล้วทำเสียงรับในลำคอ เขากระตุกปากนิดๆ เหมือนแอบยิ้มไม่ให้ผมเห็น แต่นั่นแหละมันไม่มีทางรอดพ้นสายตาอันแหลมคมของผมไปได้หรอก เลเวลการจับตามองสีหน้าของพี่เฮดีสนั้นผมถือว่าสูงมากนะ พวกเราไม่พูดอะไรกันอีก นอนข้างๆ กันไปอย่างนั้นจนกระทั่งหลับไปด้วยกัน
ตั้งแต่วันที่เกิดเหตุการณ์วุ่นวายครั้งนั้น คฤหาสน์ของครอบครัวก็อดไลค์เนสก็กลับเข้าสู่ความปกติสุขอย่างรวดเร็ว ราวกับว่ามันไม่เคยเกิดเรื่องแย่ๆ ขึ้น ส่วนเรื่องของเฮเคตนั้นเงียบมาก พี่เฮดีสเองก็ไม่พูดถึงเลย อีกอย่างที่คฤหาสน์มีแขกมากหน้าหลายตา ผมไม่รู้จักพวกเขาแต่เดาว่าอาจจะเป็นคนในตระกูลก็อดไลค์เนสเพราะได้ยินพูดเกี่ยวกับลูซิฟ เอ้อ ผมถามพี่เฮดีสเรื่องนี้แล้ว เขาเล่าให้ฟังว่า...ลูซิฟหรือลูซิเฟอร์ที่ว่านั้นเป็นอาชญากรที่มีค่าหัวมากที่สุดในโลกของผู้มีพลังพิเศษ ลูซิฟที่ว่านั้นเก่งมหาเก่งเป็นบุคคลอันตรายสุดๆ และเขายังเป็นหัวหน้ากลุ่มเดวิลที่รวบรวมเหล่าผู้มีพลังพิเศษที่เกลียดชังมนุษย์ มีอุดมการณ์หนึ่งเดียวคือการครองโลก อยู่เหนือเหล่ามนุษย์ธรรมดาที่ไม่มีพลัง เอ่อ...ฟังคล้ายหนังแอ็กชั่นทั่วไปมากใช่ไหมล่ะครับ ก็ประมาณตัวร้ายในหนังนั่นแหละ
เรื่องมันยาวมากผมใช้เวลาฟังตั้งวันหนึ่ง และอีกหลายวันในการทำความเข้าใจ ซึ่งผมเองก็มีขีดจำกัดในการรับฟังเรื่องเหลือเชื่อพรรค์นี้ โอ๊ยยยย! นี่มันยังใช่โลกของเราอยู่หรือเปล่า พวกเขาอยู่ในโลกเดียวกันกับผมหรือเปล่าเนี่ย!? สรุปง่ายๆ ล่ะกัน เฮเคตและแก้วตาเป็นหนึ่งในสมาชิกของกลุ่มเดวิลทำให้คนในตระกูลก็อดไลค์เนสตื่นตัวกับปัญหานี้ ไม่ใช่เพราะว่าคนในตระกูลเข้าร่วมกับอาชญากรหรอกนะครับ พี่เฮดีสบอกว่าคนตระกูลก็อดไลค์เนสที่เข้ากลุ่มเดวิลก็มีเยอะเหมือนกัน แต่ที่พวกเขากังวลก็คือลูซิฟจะวางแผนทำชั่วโดยใช้เรื่องนี้เป็นตัวจุดเพลิง ฝ่ายก็อดจึงหาทางดับไฟตั้งแต่ต้นลมก่อนที่มันจะลุกลามไปมากกว่านี้
และคนที่ต่อกรกับลูซิฟคนนั้นได้มีแค่... พี่โพไซดอนที่หนีเที่ยวคนนั้นนั่นแหละ! ที่วุ่นวายกันขนาดนี้ก็เพราะตามหาตัวพ่อหมีที่ชิ่งหนีเที่ยว ซึ่งไม่มีใครรู้เลยว่าเขาหายไปไหน แต่หลายวันต่อมาก็มีจดหมายน้อยของพี่โพไซดอนจ่าหน้าซองถึงพี่ซูส เขียนไว้สั้นๆ ว่า... ไม่ต้องตามหา ทุกอย่างเรียบร้อยดี ทุกคนถึงหยุดวิ่งเต้นและกลับเข้าสู่สภาพปกติ ปัญหานี้จบลงไปแล้วแต่ยังเหลือปัญหาของผม ตอนแรกก็กะจะเล่าให้พี่เฮดีสฟังแต่... ผมก็ไม่กล้า เพราะอะไรน่ะเหรอ ก็เพราะบรรยากาศครอบครัวของพี่เฮดีสกับครอบครัวพี่น้องของอัญดามันดีมากๆ เลยน่ะสิ! ถ้าผมพูดออกไปมีหวังถูกมองว่าเป็นคนขี้อิจฉาแหงแซะ
ตั้งแต่วันนั้น อัษฎากับพี่เฮดีสเหมือนจะเคลียร์ปัญหาในอดีตกันเรียบร้อยแล้ว ทุกคนเข้ากันเป็นอย่างดี บรรยากาศมันดีมากเสียจนผมคิดว่าเจ้าเฮเคตมันบลั๊ฟผมก่อนตายหรือเปล่า!? แถมอัญดาคนนั้นก็ถูกคุณแม่ของพี่เฮดีสดูแลเอาใจใส่เป็นอย่างดี ดีกว่าผมอีก ไม่รู้คิดไปคนเดียวหรือเปล่าว่าตัวเองถูกแม่ของพี่เฮดีสเย็นชาใส่ บางทีผมอาจจะคิดไปเองนั่นแหละ อัญดาคนนั้นก็น่าสงสารจริงๆ เธอไม่ค่อยปกติทั้งที่อายุยังน้อยแท้ๆ แม่ของพี่เฮดีสจะสงสารก็ไม่แปลก แถมหลานชายคนโปรดก็ยังเป็นลูกของเธอด้วยนี่น่า
ผมกลับมาอยู่ที่บ้านและไปเรียนได้เป็นปกติแล้ว แม้จะระแวดอยู่บ้างแต่ผมก็พยายามจะก้าวเดินต่อไป พวกเพื่อนๆ ก็ดีกับผมมาก พวกนั้นรู้แค่ว่าผมป่วยหนัก ไม่รู้อะไรมากไปกว่านี้ แม้จะอยู่ที่บ้านคนเดียวแต่ผมก็ยังมีเพื่อนบ้านอย่างพี่ยูที่คอยเฝ้าดูอย่างเป็นห่วง และที่สำคัญผมมีเทพธิดาสีซีดลอยตามไปมาอยู่ตลอด ผมเริ่มชินกับการเห็นลินเช่ย์อยู่ด้วยทุกที่ทุกเวลาแล้วล่ะ อย่างน้อยก็รู้สึกอุ่นใจไม่น้อยตอนที่ไม่มีพี่เฮดีสอยู่ อ้อ อีกเรื่องที่กระจ่างแล้วคือนามสกุลเก่าของแม่ ผมแทบจะไม่เชื่อเมื่อพ่อบอกว่านามสกุลเก่าของแม่คือ... ภฤตย์ปรเมษฐ์! แต่ยืนยันได้ว่าแม่ของผมเป็นคนธรรมดาๆ คนหนึ่งเท่านั้นจริงๆ พอไปถามมอตโตเจ้านั้นก็บอกว่ารู้นานแล้ว อะไรกันเนี่ยยยย ตกลงผมเป็นญาติกับเจ้ามอตโตงั้นเหรอ? งั้นก็เป็นญาติกับพี่เฮดีสด้วยน่ะสิ บ้าไปแล้ว!
หลังจากที่ไม่ได้เจอพี่เฮดีสมาช่วงหนึ่ง เขาก็มาหาผมและพาไปที่คฤหาสน์ด้วย เหมือนว่าคู่แฝดจะร่ำร้องอยากเจอผมจนอดข้าวประท้วง ไม่รู้ทำไมเจ้าแฝดคู่นี้ถึงได้ยึดติดกับผมนักนะ ทั้งที่แม่ของตัวเองก็อยู่ใกล้ๆ แท้ๆ วันนี้ที่คฤหาสน์ก็อดไลค์เนสมีปาร์ตี้เนื้อย่างกันครับ โดยมีแม่งานเป็นคุณแม่ของพี่เฮดีสที่นึกอยากจะให้ทุกๆ คนฉลองด้วยกันหลังจากผ่านพ้นเหตุการณ์เลวร้ายมา ดังนั้นครอบครัวก็อดไลค์เนสจึงอยู่กันเกือบครบ ยกเว้นแค่พี่โพไซดอนที่หายตัวเข้ากลีบเมฆ พี่เฮดีสเคยพูดไว้ว่าพี่โพไซดอนอาจจะหาที่สงบๆ เพื่อคุยกับพ่อของเขาก็ได้ พ่อที่ว่านี่เป็นพ่อแท้ๆ ของพี่โพไซดอน ไม่ใช่คุณป๋านะครับ
“ดูเหมือนว่าเฮเคตจะตายไปแล้วจริงๆ ส่วนแก้วตาคนนั้นเรายังตามหาไม่เจอ” พี่เฮดีสเอ่ยบอกผมเบาๆ ขณะที่นั่งจิบเบียร์
“ตราบใดที่ยังหาที่อยู่ของแก้วตาคนนั้นไม่เจอ นายก็ต้องระวังตัว เข้าใจไหม?”
“รู้แล้วล่ะครับ เอ่อ...พี่เฮดีส” ผมลังเลใจที่จะเอ่ยเรื่องนี้กับพี่เฮดีสดีไหม พี่เฮดีสเลิกคิ้วรอรับฟัง ผมก็กลืนน้ำลายแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงลำบากใจ “ช่วยพูดกับลินเช่ย์หน่อยได้ไหมครับ ว่าตอนผมเข้าห้องน้ำเนี่ยไม่ต้องตามเข้ามา เฝ้าอยู่ข้างนอกก็ได้”
“ว่าไงนะ!?” พี่เฮดีสอุทานเสียงดังลั่น สีหน้าคาดไม่ถึง ผมเองก็อายนะครับที่จะพูดถึงเรื่องนี้ ลินเช่ย์เล่นตามติดผมแบบไม่ยอมให้คลาดจากสายตาแม้แต่วินาทีเดียวเลย ที่ผ่านมาก็เป็นแบบนี้มาตลอดเลยงั้นเหรอ นี่ผมมีคนถ้ำมองมาตั้งเนิ่นนานแล้วใช่ไหม!?
“ลินเช่ย์!” พี่เฮดีสผุดลุกขึ้นแล้วกระดิกนิ้วเรียกลินเช่ย์ออกไปเคลียร์ตัวต่อตัว ลินเช่ย์ทำหน้านิ่งลอยตามไปด้วยสีหน้าเต็มไปด้วยความฮึกเหิม พี่เฮดีสก็ตีหน้าจริงจังอย่างเป็นที่สุด เอ่อ...ค่อยๆ พูดกันนะครับ อย่าให้มีเลือดตกยางออกกันล่ะ
ผมก้มหน้าหยิบขนมตรงหน้ากินพร้อมกับมองสำรวจไปรอบตัว ครอบครัวของพี่ซูสอยู่ไม่ห่างครบองค์ประกอบ มองไปอีกกลุ่มที่อยู่ใกล้เตาย่างเนื้อซึ่งประกอบไปด้วยแม่ของพี่เฮดีส อัญดา อัษฎาและคู่แฝด คู่แฝดกำลังเล่นกับอัษฎา มองเผินๆ อัญดาเหมือนคนปกติที่ทำตัวเป็นเด็กเล็ก ทุกคนกำลังสนุกเหลือแค่ผมที่รู้สึกว้าเหว่มาก ให้ตายเถอะ
หลังจากเนื้อย่างสุกจนส่งกลิ่นหอมกรุ่นไปทั่ว เนื้อที่ย่างสุกแล้วก็ถูกแจกจ่ายให้ทุกๆ คนทานอย่างเอร็ดอร่อย พี่เฮดีสกับลินเช่ย์ไม่พลาดกลับมาจากการเจรจาตกลงที่ยังไม่ลงตัว แต่เรื่องกินเข้ามาคั่นซะก่อน คุณแม่ของพี่เฮดีสเดินมาส่งจานให้ด้วยตัวเอง ก่อนเดินจากไปก็มองผมด้วยสายตาเย็นเยียบ ผมนี่สะอึกเลย ให้ตายเถอะ รู้สึกแย่อย่างบอกไม่ถูก ผมนั่งหงอยคอตกจนพี่เฮดีสทัก
“เป็นอะไร?”
“เปล่าครับ” ผมยิ้มให้กับเขาแล้วหยิบเนื้อย่างที่ส่งกลิ่นยั่วเย้าชวนน้ำลายไหลเข้าปาก พอเคี้ยวแล้วรู้สึกมีความสุขสุดๆ แอร๊ยยยยยย มันอร่อยมากเลยล่ะ พวกเรานั่งกินไปหลายชิ้นอย่างเพลิดเพลิน ลินเช่ย์กับพี่เฮดีสแย่งชิงเนื้อจากโต๊ะอื่นๆ อย่างดุเดือด ส่วนผมที่อยู่นอกวงได้ส่วนแบ่งจากทั้งสอง ไม่ต้องแย่งเนื้อกับใครอย่างเหนื่อย เผลอๆ ผมได้ส่วนแบ่งเยอะสุด
ตุบ!ผมหันไปมองอัญดาที่จู่ๆ ก็ล้มลงไป ตามด้วยอัษฎาแล้วคนอื่นๆ ก็ค่อยๆ ร่วงไปล้มทีละคนๆ เหมือนเป็นโรคติดต่อ พี่เฮดีสผุดลุกขึ้นอย่างตกใจ ผมเองก็ตกใจไม่แพ้กัน โอ๊ะ อะไรเนี่ย ทำไมจู่ๆ ภาพตรงหน้ามันถึงหมุนติ้วแบบนี้ ผมพยายามจะลุกขึ้นแต่ก็ทรงตัวไม่ได้ ภายในหัวหมุนเหวี่ยงไปมา ผมพยายามสะบัดหน้า ลินเช่ย์ล้มฟุบหน้าลงกับโต๊ะ พี่เฮดีสเข้ามารับตัวผมที่ล้มอ่อนปวกเปียกแล้วหันไปมองรอบๆ ตัวแล้วขมวดคิ้ว ทำหน้าน่ากลัวมาก
“แก้วตาาาาาาา!!!” ก่อนที่ผมจะหมดสติไปก็ได้ยินเสียงคำรามเดือดดาลของพี่เฮดีสดังก้องหู
.........รีต่อไป 