มาต่อแล้วนะคะ รู้สึกเหมือนมีคนแอบบ่น...หรือไม่ได้แอบหว่า
*************************************************************************************************************
ผมปล่อยมือเจแล้ว เจ้าตัวจะรู้ไหมว่าตอนนี้ทำสีหน้ายังไงอยู่ เห็นแล้วยิ่งอยากแกล้งครับ หน้าขาวๆ แก้มแดงนิดๆ ทั้งที่ยังไม่ได้ดื่มเหล้าสักหยด เพิ่งรู้ว่าเวลามันอายน่ารักแบบนี้เอง
นึกถึงตอนที่โทรหาเศก ผมอดเป็นห่วงไม่ได้ครับ เลยขับรถตามมา ตอนมันล้มก็เห็นอยู่ว่าเอาแขนลงข้างเดียวด้วย ก่อนหมดเวลาก็เห็นมันไม่ค่อยแกว่งมือเท่าไหร่ แต่เอาเถอะครับ เจ็บไม่มาก แถมผมยังได้กำไรอีก เป็นครั้งแรกครับที่อ้อนผมอ่ะ ดีใจสุดๆ เลย เศกมันยังถามว่าเป็นอะไรยิ้มเหมือนคนบ้า ผมว่าผมเริ่มบ้าแล้วครับ ไม่อยากให้มันเจ็บ แต่ถ้าเจ็บแล้วมาอ้อนผม ผมยอมนะ
“ไงมึง ขับออกไปไม่ชวนกูเลยนะ”โมทย์หันมาว่าผม
“เออกูลืม ไม่ทันคิดว่ะ โทษที”ความจริงคิดเนี่ยแหล่ะเลยไม่ชวน ชวนไปเจก็อ้อนแต่มันน่ะสิ จะชวนไปเป็นก้างทำไม
“แล้วไง ไปทำไรมา นั่งยิ้มหน้าบานเนี่ย”
“หน้าบานจริงเหรอวะ”ผมจับหน้าตัวเอง ก็รู้แหล่ะครับ ว่าปากผมยังอมยิ้มอยู่
“เก็บอาการบ้างนะมึง มึงลองหันไปดูด้านหลังซิ เผื่อหน้ามึงจะหุบได้”โมทย์มองไปทางข้างหลังผม พอผมมองตาม ก็มีเจนั่งข้างๆ นี่แหล่ะ เลยไปก็เป็นไอ้อ้น นั่งตักอาหารให้พี่มันอยู่ แต่เลยไปอีกเนี่ยสิ ทำเอาผมหุบยิ้มแทบไม่ทัน......ไอ้โก้ไอ้ตี๋มันมองตาขวางเลยครับ
“ไงมึง เห็นแล้วล่ะสิ”
“เออ ทำไมมันทำหน้าโหดจังวะ”
“กูบอกแล้วให้เก็บอาการหน่อย เมื่อเช้าก็เอานมไปให้ ตอนเที่ยงยังซื้อข้าวกล่องให้เจมันอีก ทำอะไรอย่าคิดว่าพวกกูไม่เห็นนะ”
“ก็มันไม่กินข้าว กูเป็นห่วงนี่หว่า”ผมพูดเสียงอ่อยเลยครับ ไม่เข้าใจตัวเองว่าทำไมต้องกลัวไอ้น้องสองคนนั้นด้วย
“พูดไรก็พูดไปเหอะ แต่เตรียมคำตอบให้ตี๋มันดีๆ แล้วกัน ระวังมันจะไม่ให้มึงเข้าใกล้เจอีก”โมทย์พูดยิ้มๆ แล้วก็หันหน้าไปคุยกับคนอื่นเลย มันยิ้มเยาะเย้ยผมน่ะ
ผมก็นั่งกินนั่งคุยกับคนโน้นคนนี้ เดินไปโต๊ะอื่นๆ บ้าง บางทีก็ไปเจอเจที่โต๊ะอื่น มันก็เป็นที่ต้องการของทุกคนในคณะนี่ครับวันนี้ ผมเห็นมันอีกทีที่คอก็ห้อยเหรียญทองไว้สามเหรียญแล้วครับ กรคงไปรับแทนให้ มันก็เดินไปชนกับคนโน้นทีคนนี้ที ดีนะที่ชนแป๊ปซี่ แต่ก็มียกแก้วที่คนอื่นให้จิบๆ บ้างนิดหน่อย ขนาดเดี้ยงๆ นะยังเดินทั่ว ไม่ห่วงตัวเองเลย แต่ทำไรไม่ได้ครับ เพื่อนมันยังมองผมอยู่ ผมอยากเป็นคนที่มีสิทธิเข้าไปห้าม เข้าไปเตือน มีสิทธิเป็นห่วงมันมากกว่าใครๆ มีสิทธิที่จะทำอะไรให้มันโดยไม่ต้องแคร์สายตาของใคร
“เมื่อกี้ก็มีน้องโอ้นะครับ เรียกร้องให้น้องเจนะครับ น้องเจอยู่ไหนครับ เพื่อนๆ ให้ขึ้นมาร้องเพลงโชว์หน่อย”เสียงพี่ติเรียกที่หน้าเวทีครับ เจก็เดินไปทำหน้างงๆ พอรู้ว่าไอ้โอ้จะให้ร้องเพลงโชว์เจมันหันมาด่าเลย แต่มันก็เดินขึ้นไปยืนบนเวทีนะครับ เห็นไปคุยกับพี่ในวงคนอื่นๆ คงเตรียมเพลงกัน
“เห็นเรียกน้องเจๆ พี่ก็นึกว่าใคร คนนี้พี่รับประกันคุณภาพเสียงครับ เพราะเคยทำให้สาวๆ ร้องไห้มาแล้ว พี่ก็มอบเวทีต่อให้น้องเจแล้วกันนะครับ”พี่ติแซวมัน เขาคงจำเรื่องคราวที่มันบอกเลิกเกตได้ เจมันก็ยิ้มแห้งๆ ให้ แล้วรับไมค์มา
“ผมจะมาร้องเพลงคนเดียวก็ยังไงอยู่ ยังไงก็ขอเรียนเชิญเพื่อนชั่ว เอ้ย เพื่อนโอ้นะครับ ขึ้นมาเล่นกีตาร์ให้หน่อย ในฐานะเป็นตัวตั้งตัวตี”เจเรียกโอ้ โอ้มันก็ขึ้นไปครับ รับกีตาร์มาแล้วยืนข้างๆ กัน
“เพลงต่อไปนี้ก็ถือว่าเป็นตัวแทนจากทีมบอลแล้วกันนะครับ ชอบไม่ชอบก็อย่าอ้วกทั้งที่ไม่เมานะครับ”เจหันไปพยักหน้าให้พี่มือกลองเริ่มบรรเลง
เสียงนุ่มๆ ที่เคยร้องเพลงรักเศร้าๆ วันนี้ร้องเพลงแนวอื่นได้เพราะไม่แพ้กัน ทั้งเพลงช้าเพลงเร็ว ทำเพื่อนและรุ่นน้องผมพากันกระโดดเต้นตามจังหวะดนตรี บทเพลงที่รุนแรงเมื่อครู่เปลี่ยนเป็นแนวหวานซึ้ง ทุกคนก็หลงเคลิ้มไปกับเสียงเพราะๆ หน้าหวานๆ ที่อินไปกับเนื้อเพลง เมื่อเพลงที่สามจบลงเรียกเสียงปรบมือ ผิวปากดังลั่นร้าน เจเป็นที่รักของทุกคนเสมอ ใครได้รู้จักก็พากันชื่นชมในความตรงไปตรงมา ความเข้มแข็งที่ขัดกับภาพลักษณ์ ใครๆ ก็อดไม่ได้ที่จะรัก....แล้วผมจะไม่รักได้ไง
“ก็จบอีกเพลงไปแล้วนะครับ เล่นเอาเสียงแหบเลย ตอนนี้นักบอลมาร้องแล้ว ต่อไปก็ขอเชิญนักบาสขึ้นมาบ้าง ขอเชิญพี่เอ็กซ์นะครับ กัปตันบาสที่พาทีมชนะในวันนี้ เชิญบนเวทีด้วยครับ”เจมองมาทางผมส่งยิ้มล้อๆ ให้ ผมรู้ว่าเจตั้งใจแกล้ง แต่ผมจะให้รู้บ้างว่ามันแกล้งคนอย่างผมไม่ได้หรอก มีแต่จะเข้าตัวมันเองนั่นแหล่ะ
ผมเดินขึ้นไปบนเวที ตบไปที่หัวมันเบาๆ มันก็หันมาแลบลิ้นใส่แล้วเดินตามโอ้ลงไป เจกลับไปนั่งที่โต๊ะหันไปหัวเราะคิกคักกับพวกบนโต๊ะ
“ความจริงก็ร้องเพลงไม่ค่อยเก่งน่ะนะ แต่เมื่อเด็กมันแกล้งก็จะจัดให้ ผมก็ขอฝากเพลงนี้ให้ฟังแล้วกันนะครับ”ผมหันไปบอกชื่อเพลงกับพี่ๆ เขา แล้วหันกลับมาที่ไมค์ต่อ
“ไปฟังกันครับ.....คิดลึก
จากคนๆนึงที่ไม่เคยคิดอะไร จากไม่มีใจและไม่เคยพูดสักที
ไม่ค่อยสนิท อย่างมากก็แค่เป็นพี่
(ที่/เขา)คิดลึก ลึกจนเกินที่จะเอ่ย และเขาคงไม่กล้าเปิดเผย ทั้งๆที่เคยพยายามทุกที
เขาคิดลึก ลึกจนล้นใจที่มี จนร้องเป็นเพลงๆนี้ บอกสิ่งที่มีข้างในหัวใจ ให้เธอฟัง
เขาแอบมองเธอจนเขาแอบเผลอเปิดใจ แต่ว่ายังไงก็ไม่เคยพูดสักที
เลยไม่สนิท อย่างมากก็แค่เป็นพี่
(ที่/เขา)คิดลึก ลึกจนเกินที่จะเอ่ย และเขาคงไม่กล้าเปิดเผย ทั้งๆที่เคยพยายามทุกที
เขาคิดลึก ลึกจนล้นใจที่มี จนร้องเป็นเพลงๆนี้ บอกสิ่งที่มีข้างในหัวใจ ให้เธอฟัง
ถ้าเธอมองมาเขาคงหลบสายตา และคงไม่กล้าที่จะพูดซักคำ
จึงร้องเป็นเพลงนี้ ให้เธอได้ยินเข้าสักครั้ง
(ที่/เขา)คิดลึก ลึกจนเกินที่จะเอ่ย และเขาคงไม่กล้าเปิดเผย ทั้งๆที่เคยพยายามทุกที
เขาคิดลึก ลึกจนล้นใจที่มี จนร้องเป็นเพลงๆนี้ บอกสิ่งที่มีข้างในหัวใจ ให้เธอฟัง
ให้เธอฟัง
ให้เธอฟัง
ตลอดเวลาที่ร้องเพลงอยู่ สายตาผมไปหยุดที่เจบ่อยๆ และนานๆ เสมอ ผมไม่รู้และไม่สนว่าคนอื่นจะมองหรือคิดยังไง ผมสนแค่ว่าคนที่ผมร้องเพลงนี้ให้จะรู้ตัวหรือเปล่า หวังว่าเขาคงจะรู้นะ
เสียงปรบมือดังเกรียวกราวพร้อมเสียงเชียร์ให้ร้องเพลงต่ออีก แต่ผมปฏิเสธไป ก็อารมณ์นี้ร้องเป็นแต่เพลงรักนี่นา เดี๋ยวคนอื่นๆ จะอ้วกเอา ขอกลับไปนั่งใกล้ๆ ไอ้เปี๊ยกมันดีกว่า
“ไปคุยกันหน่อยสิพี่”โก้เดินมาขวางหน้าผมไว้ ผมมองข้ามไหล่ไปเห็นโมทย์ยิ้มขำผมอยู่ ก็นะ ผมแสดงออกโจ่งแจ้งขนาดนั้น เพื่อนมันจะไม่รู้ได้ไง ผมก็เดินตามมันออกไปหลังร้าน มีโต๊ะไม้หินอ่อนเล็กๆ อยู่ ตี๋นั่งรออยู่ก่อนแล้วครับ
“พี่ไม่ต้องมองผมเลย ผมไม่ได้บอกไรโก้มันทั้งนั้นแหล่ะ”ตี๋รีบแก้ตัวทันทีที่ผมนั่งมองหน้ามัน
“มันไม่ต้องบอกผมหรอก ผมมีตา ดูออก”
“...........................”ไม่มีอะไรพูดครับ รู้สึกเหมือนโดนครูจับได้ว่าแอบกินขนมในห้องเรียน
“แล้วตกลงพี่ว่าไงล่ะ แน่ใจแล้วเหรอ”ตี๋เห็นผมเงียบมันเลยเปิดปากถามก่อน
“อืม แน่ใจว่ะ ว่าไม่ได้สับสนแน่นอน”ผมตอบด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น ก็ผมไม่มีเรื่องที่ต้องลังเลแล้วนี่ครับ
“พี่ชอบเจตรงไหน”โก้ถาม
“........ถ้าถามว่าชอบตรงไหนบอกไม่ถูกว่ะ แต่ถ้าถามว่าไม่ชอบตรงไหนตอบง่ายกว่า..........พี่ไม่ชอบเวลาเจมันไม่ดูแลตัวเอง ไม่ชอบเวลามันไปกับไอ้ฟ้าสองคน ไม่ชอบเวลามันยิ้มให้คนที่ชมมันว่าน่ารัก ไม่ชอบ...เวลามันอ้อนคนอื่น....ไม่ชอบ...เวลาที่ไม่ได้คุยกัน”ผมพูดให้พวกมันฟัง มันก็นั่งฟังให้ผมพูดไปเรื่อยๆ จนผมพูดจบ
“พี่เอ็กซ์แม่งท่าจะอาการหนักว่ะ”โก้หันไปพูดกับตี๋ มันสองคนส่ายหน้าให้กัน ก่อนที่ตี๋จะตอบกลับมา
“ส่งโรงบาลดีมั้ยมึง”
“ไอ้พวกนี้นี่ กูอุตส่าห์จริงจัง”
“ก้อมันจริงนี่ แต่เอาเถอะ เหตุผลนี้..........ผ่าน”ตี๋ยักคิ้วให้ผมหนึ่งที โก้เองก็ยกมือตบบ่าผมเบาๆ เชิงให้กำลังใจ แต่...ลามปามนะมัน ดีไม่ตบหัวผม
“ผมน่ะชอบพี่นะ ถูกชะตาน่ะ ถ้าเจมันชอบพี่แบบนั้นด้วยก็คงจะดี ผมไม่อยากให้พี่อกหักเลยว่ะ บอกตรงๆ”แรกๆ โก้เหมือนจะให้กำลังใจนะครับ แต่ไหงตอนท้ายเหมือนแช่งเลย
“ไรวะ ยังไม่ได้เริ่มทำไรเลย อย่าเพิ่งแช่งสิ”
“ไม่ได้แช่งพี่ เจมัน.....เป็นคนแปลกๆ นะพี่ มันเหมือนทั้งเด็กและผู้ใหญ่ในคนเดียวกัน ความคิดมันบางทีพวกผมก็เดาไม่ถูก ผมไม่รู้ว่าถ้าพี่รู้จักมันทั้งหมดแล้ว...จะยังทนมันได้อยู่รึเปล่า”โก้พูดอะไรที่ผมไม่ค่อยเข้าใจนัก เรื่องที่มันบอกน่ะผมก็พอรู้ แต่ยังมีเรื่องไหนเหรอที่ผมจะทนไม่ได้
“ผมรู้ว่าพี่รู้ว่าผมรักเจ ตอนนี้ก็รัก แต่ผมต้องตัดใจยอมเป็นแค่เพื่อนเพราะเจอยากให้เป็นแบบนี้ ผมทนไม่ได้เมื่อมันทำเป็นไม่สนใจความรักแบบแฟนที่ผมมีให้ มันไม่ผลักไสรักที่อยู่ตรงหน้าแต่มันแกล้งมองไม่เห็นมันไม่รับรู้ว่าใครรักมันแบบไหน มันอยากให้ใครอยู่กับมันแบบไหนมันเลือกเองเสมอ ผม...หวังว่าพี่จะไม่ท้อเหมือนผม”ตี๋พูดแบบที่ผู้ชายคนหนี่งพูดกับผู้ชายอีกคน ไม่ใช่ฐานะรุ่นพี่รุ่นน้อง สายตาที่แสดงความคาดหวังในตัวผมจริงๆ ไม่ใช่แค่ให้กำลังใจ
“ตอนที่พ่อแม่เจตายน่ะ พวกผมอยู่ด้วย พวกผมชวนมันไปเที่ยวน้ำตก คือฉลองสอบติดแล้วก็กะว่าฉลองวันเกิดมันด้วยเลย ตอนแรกก็นึกว่ามันจะไปด้วยไม่ได้เพราะบ้านมันค่อนข้างเป็นห่วงน่ะ มันป่วยง่าย พอเห็นพ่อแม่มันขับรถมาส่งก็แปลกใจอยู่ ก่อนที่ท่านจะเกิดอุบัติเหตุ พวกท่านบอกให้พวกผมดูแลเจแทนพวกท่านด้วย ขับไปแค่ไม่กี่ร้อยเมตรเองก็มีรถมาชน เจมันวิ่งเข้าไปดึงประตู ดึงพ่อดึงแม่มัน ทั้งเศษกระจก ขอบประตูบาดจนมือเลือดไหลเป็นทาง พวกผมต้องวิ่งไปดึงมันไว้ พอมันร้องไห้จนเป็นลม ไปโรงบาลมันก็เอาแต่วิ่งหาพ่อแม่มัน ขนาดงานศพมันก็เอาแต่ร้องไห้ พอนั่งนิ่งๆ หน่อยก็พูดอะไรไม่รู้เรื่อง หลังงานศพมันก็ยังซึมเศร้า เดี๋ยวร้องเดี๋ยวนิ่ง เป็นอยู่อย่างนี้เกือบเดือน พวกผมต้องผลัดกันเฝ้าไว้ พอใกล้เปิดเทอมนั่นแหล่ะมันถึงดีขึ้น เรื่องนี้น่ะ ผ่านมาแค่สองปีกว่าเองนะพี่ พวกผมน่ะคิดว่าจะไม่ได้เห็นมันยิ้มอีกแล้วซะอีก ที่เล่าให้พี่ฟัง เพราะอยากให้พี่รู้ว่ามันน่ะ เสียใจมามาก ผมไม่อยากให้มันเสียใจเพราะอะไรอีก แต่ผมไม่ได้จะห้ามพี่หรอกนะ ผมเองก็อยากเห็นมันมีความสุขเหมือนคนอื่นเขาบ้าง”โก้พูดมาแบบนี้ ทำให้ผมนึกถึงวันที่ตี๋พูดกับผมเลย ผมนึกว่าพ่อแม่มันตายหลายปีแล้วเสียอีก แสดงว่าเป็นช่วงที่เข้าเรียนปวส.น่ะสิ
“พี่อย่าทำหน้าเศร้าแบบนี้ดิ ที่ตอนร้องเพลงจีบเพื่อนผมนี้ยิ้มแก้มแทบปริ ตางี้เยิ้มจนมดจะขึ้นทั่วร้าน”
“มึงนี่นะไอ้ตี๋ กูกำลังอินที่โก้มันเล่า หมดรมณ์เลย”
“ฮ่าๆๆๆ แค่นี้จิ๊บๆ ไปๆ กลับเข้าไปในร้านกัน ออกมานานแล้ว”ตี๋ลุกขึ้นเดินนำพวกผมเข้าไป ผมกับโก้เดินรั้งท้าย มันตบบ่าผมอีกแล้ว ผมว่ามันเริ่มลามปามนะ
“ผมน่ะไม่ห้ามพี่หรอก ถ้าจะจีบมัน แต่....ผมก็ไม่ช่วยเหมือนกัน”โก้พูดทิ้งท้ายก่อนเดินไปนั่งที่เดิม ไอ้ไม่ช่วยของมันเนี่ย คงไม่ได้คิดขัดขวางผมหรอกนะ ผมว่าปีหน้าไอ้โก้มันน่าจะเป็นประธานคณะนะครับ ขนาดผมยังเกรงๆ มันเลย ผมไม่ได้ถามว่าโก้รักเจแบบไหน แต่คิดว่าไม่ต่างจากตี๋ การแสดงออกอาจแตกต่างแต่...หลายครั้งที่เจเกิดเรื่อง โก้เป็นคนแรกที่ทำเพื่อเจก่อนเสมอ เหมือนเจเป็นศูนย์กลางในการกระทำของทั้งคู่ ผมดีใจที่เห็นมุมมองความรักแบบนี้ ผมเชื่อว่าเป็นรักแท้
ผมเดินกลับมานั่งที่ไม่เห็นเจแล้วครับ มองเห็นมันนั่งอยู่กับกลุ่มนักฟุตบอลของมัน คุยกันสนุกสนานจนลืมคนข้างๆ ผมไปแล้ว
“ไงอ้น โดนพี่เจมึงทิ้งแล้วล่ะสิ”ผมหันไปแซวอ้นที่นั่งคนเดียวครับ
“อืมนั่นดิ พี่เจพาผมมาปล่อยเฉยเลย”
“ไม่เป็นไร นั่งกินกับพวกพี่นี่แหล่ะ เอ้าชนๆ”ผมยกแก้วไปชนกับอ้นมัน นั่งคุยไปถึงรู้ว่าพี่ภานุให้มาเป็นผู้ช่วยเจโดยเฉพาะ คงอยากให้สอนงาน หวังให้เป็นเด็กปั้นเจนั่นล่ะ เห็นว่าปีหน้าจะมาสอบเข้า ฝากตัวเป็นรุ่นน้องล่วงหน้าเฉยเลย อ้นมันก็อัธยาศัยดีครับ คุยกับคนโน้นคนนี้ทั้งโต๊ะนั่นล่ะ แต่ส่วนใหญ่จะคุยกับผมมากกว่า เรียกว่าผมชวนคุยจะถูกกว่า ก็เขาว่าเก็บศัตรูไว้ใกล้ตัวจะปลอดภัย ต้องกันไว้ก่อนครับ ไม่อยากมีคู่แข่งเพิ่ม