Kiss Love ► รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 100 เพิ่งเริ่มเท่านั้น |10/3/18|(ตอนจบ)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Kiss Love ► รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 100 เพิ่งเริ่มเท่านั้น |10/3/18|(ตอนจบ)  (อ่าน 680248 ครั้ง)

ออฟไลน์ Chrysan

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 306
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
แต่ผมเสียใจที่ทำมันเจ็บ(หลายรอบแล้วนะเนี่ย) สาเหตุมาจากความหึงหวงของผมทั้งนั้น นี่ขนาดยังไม่ได้เป็นแฟนกันนะ ถ้าเป็นแฟนกันจริง ๆ จัง ๆ ขึ้นมา ผมจะขี้หึงขนาดไหน 
นั่นน่ะสิ ห่วงอนาคตกายจริง ๆ ตอนนี้เราโกรธเอกมาก  :fire: เอาแต่ใจตัวเองสุด ๆ
ทำคนอื่นเจ็บ แต่ก็ไม่คำขอโทษสักคำ แล้วก็โกรธตัวเองด้วย
ที่โกรธแทนกาย เพราะดูเหมือนกายจะไม่รู้สึกอะไรกับการกระทำบ้า ๆ ของเอกเลย
ยกโทษให้ง่าย ๆ ซะงั้น

เมื่อไหร่จะคบกับจริง ๆ จัง ๆ สักที
เดี๋ยวก็แช่งให้พี่โอ๊คเป็นพระเอกแทนซะหรอก
                :katai5:       


ออฟไลน์ memew

  • ขอบคุณที่เข้ามาอ่านจ้าาา
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 456
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +382/-10
    • :: Memew แฟนเพจ :

Chapter 45 : ทายา & คันนม

[กาย...♥] (Part 1)


ไอ้พี่เอกบ้ามันทิ้งผมไว้กับฝาแฝดมันสองคนครับ 
หลังจากมองตามจนพี่มันเดินหายไปแล้ว ผมถึงได้หันกลับมามองซ้ายทีขวาที มองพี่เอกเบอร์สองกับพี่เอกเบอร์สาม

“เอ่อ พี่ ๆ พอจะมีชุดให้ผมเปลี่ยนบ้างไหม”
ผมพยายามดึงเสื้อที่มันร่นไร้ระเบียบให้เข้าที่เข้าทาง 

“โทษทีนะ เรามีแต่ไซส์ใหญ่ ๆ พอดีเสื้อผ้าเราเอาไปบริจาคทุกปีน่ะ เลยไม่มีไซส์เล็ก ๆ เหลือเลย”
โห ใจบุญกันจริงวุ้ย มิน่าล่ะ ถึงได้พากันหล่อได้หล่อดี 

อืม กูจะได้ทำตามบ้าง 
ผมพยักหน้า ยกเสื้อขึ้นมากลัดกระดุมลงหลุม

ถึงหน้าตาของพี่อาร์ตกับพี่อิฐจะเหมือนพี่เอกขนาดไหน แต่บรรยากาศผิดกันลิบลับเลยแฮะ พี่เอกดูมีอำนาจและกดดันกว่าเยอะ แต่พี่ ๆ ทั้งสองดูสบาย ๆ แล้วก็อบอุ่นกว่า

“ป่ะ”
พี่อาร์ตชวนเมื่อเห็นว่าผมพร้อมแล้ว ผมขอตัวเข้าไปเอาข้าวของในห้องก่อน แล้วเดินตามคนทั้งคู่ออกไป

หวิวครับ…

กางเกงในก็ไม่มี ไอ้พี่เอกมันเล่นขนเสื้อผ้าผมไปซักหมดเลย 

พอเดินออกมาพ้นตัวบ้าน ลมโกรกแรงจนผมต้องรีบดึงชายเสื้อเอาไว้ ดีนะที่พวกพี่ ๆ เดินกันอยู่ข้างหน้า ไม่งั้น คงได้เห็นกายน้อยโผล่ออกมาหลอกหลอนแน่ ๆ

ตระกูลนี้เป็นสุภาพบุรุษกันมาก พี่อาร์ตเปิดประตูให้ ผมนั่งเบาะหลัง ส่วนพวกพี่ ๆ นั่งเบาะหน้ากัน

แอบเขินครับ เหมือนมีพี่เอกสองคนมานั่งอยู่ด้วยเลย   

“ขอบใจอีกครั้งนะ สำหรับโฟโต้บุ๊ค สวยดี ได้ข่าวว่าแม่เห็นแล้วร้องไห้เลยนี่”
พี่อาร์ตหันมาชวนคุยขณะคาดเข็มขัดนิรภัย 

ผมได้แต่ยิ้มแหะ ๆ ตอบรับ 

แอบเขินนิดหน่อย

พี่อาร์ตสตาร์ทเครื่องยนต์ ขับเคลื่อนตัวรถไปเรื่อย ๆ ตามเส้นทางที่ผมบอก จนถึงหน้าปากซอย ก็มีคนโทรเข้ามา    

“ถึงไหนแล้ว”
เป็นพี่เอกนี่เอง 

“ใกล้ถึงแล้ว”
ผมเหลือบตามองถนน มือก็ชี้บอกเส้นทางอีกที 

“อย่าไปหลงเสน่ห์อาร์ตกับอิฐเข้าล่ะ ถึงยังไงก็เป็นแค่ตัวก๊อปปี้ของพี่”
ดูพี่มันพูดเข้า 

ผมเงียบไปพัก ก่อนหัวเราะออกมาเบา ๆ   

ถึงพี่ไม่บอก ผมก็ไม่หลงเสน่ห์หรอกน่า หน้าตาเหมือนกันขนาดไหน แต่ภายในก็ยังเป็นคนละคนกันอยู่ดี 

พี่อาร์ตจอดรถหน้าบ้าน ผมขอตัววางสาย ก้าวลงจากรถไปไขประตู ไม่ลืมเชิญพวกพี่ ๆ เข้าไปนั่งรอด้วย

“ตามสบายนะฮะ ผมขอไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน”
กำลังจะก้าวขึ้นบันได แต่ได้ยินเสียงโหวกเหวกโวยวายดังมาจากข้างนอก ผมชะงัก หันหลัง แล้วเดินกลับไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น ไปยังไม่ทันจะถึงหน้าประตูด้วยซ้ำ ก็มีสิ่งหนึ่ง กระโจนเข้าใส่เต็มแรง

แรงโถมจากสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่ตรงหน้า พาเอาผมเสียหลักถอยไปชนกับใครบางคนเข้า จนคนคนนั้นต้องโอบรับร่างของผมเอาไว้อย่างรวดเร็ว 

ผมไม่ได้หันไปมองว่าเป็นใคร ตอนนี้กำลังปกป้องตัวเองจากการถูกรุกรานด้วยลิ้นเปียก ๆ แล้วก็สองขาหน้าที่อุดมไปด้วยขนปุยสีน้ำตาลเข้ม มันยืนด้วยสองขาหลังเกาะไหล่ผมอยู่ 

“หยุดนะ หมูตอน หยุด!!”
ผมร้องห้าม พยายามปกป้องตัวเองจากลิ้นที่กำลังตวัดเลียไปทั่วทั้งหน้าและผิวเนื้อที่โผล่พ้นคอเสื้อออกมาจนเปียกไปหมด คนที่ประคองผมอยู่พยายามรองรับน้ำหนักตัวผมพร้อมเจ้าสี่ขาเพื่อไม่ให้พวกเราล้มไปด้วยกัน 

เขาก็คงไม่รู้จะช่วยผมยังไงดีเหมือนกัน   

“หยุด!!!!”
ผมพยายามห้ามอีกที มันยังเลียอยู่ครับ หางที่ปกคลุมไปด้วยขนส่ายเร็วยิ่งกว่าเฮลิคอปเตอร์ตอนร่อนลงจอดซะอีก 

“เฮงเฮง!!!”
ผมตวาดเรียกชื่อจริงมัน 

มันชะงัก หยุดเลียหน้าผมทันที แต่ก็ยังยืนสองขาเกาะไหล่ผมอยู่ หน้าตามันยังยิ้มระรื่น หางก็ยังส่ายไม่หยุด   

ผมยืนหอบแดก จ้องหน้าระรื่นของมัน

กูรู้ว่ามึงดีใจที่เจอกู แต่ดีใจให้มันน้อย ๆ หน่อยได้ไหม ทั้งตัวทั้งหน้ากูเปียกไปหมดแล้ว 

หางมันส่ายหนักขึ้นเรื่อย ๆ บ่งบอกความอดทนที่เริ่มหมดลงเรื่อย ๆ ของมัน

“นั่งลง!!”
ผมรีบชี้นิ้วสั่ง มันนั่งลงตาม แต่ยังฟาดหางที่พื้นพับ ๆ ลิ้นยาว ๆ แลบออกมาจนสุด

“นั่ง!!!”
ผมเบรกมันเสียงเข้มเมื่อมันทำท่าจะลุกขึ้นมาอีก 

แม่ง! ต้องให้กูดุ

เฮงเฮง หรือเจ้าหมูตอน มันเป็นหมาพันธุ์โกลเด้นรีทรีฟเวอร์ครับ เป็นหมาของน้องดรีม คนข้างบ้านผมเอง 

จำได้ว่าตอนเอามาใหม่ ๆ ตัวมันเล็กมาก อยู่บนฝ่ามือผมได้สบาย ๆ น่ารักน่าเอ็นดูดี ผมเลยติดมันหนึบ แต่พอผ่านไปได้แค่ปีกว่า ๆ มันก็กลายร่างจากหมาเป็นหมูยักษ์

เพราะผมชอบไปเล่นกับมันบ่อย ๆ มันเลยติดผมพอควร เห็นผมเป็นไม่ได้ ต้องวิ่งเข้ามาหาทันที ทั้งกระโดดกอด กระโดดเกาะ กระโดดเลียหน้าบ้าง บางทีมีกระโดดคร่อมเลย

แต่ก่อนตัวมันเล็ก ไม่ว่าอะไรหรอก แต่นี่ ตัวมันใหญ่เกือบเท่าผมเลย กระโดดใส่แต่ละที ผมแทบเดี้ยง

จริง ๆ ลุงเดชพ่อของน้องดรีม พามันไปอยู่กระบี่ตั้งครึ่งปีแล้วครับ ไปอยู่เป็นเพื่อนคุณยายน้องดรีม แต่สงสัยจะซนจัดเขาเลยเตะกลับมา (หมาอายุสองขวบกว่า ๆ แต่ดูขนาดตัวมันสิ) 

ผมพ่นลมหายใจแรงเมื่อเห็นว่ามันสงบลงแล้ว กำลังจะหันไปขอบคุณคนที่รับผมไว้ (ซึ่งตอนนี้คนคนนั้นก็ยังไม่ได้ปล่อยมือ โอบเอวผมไว้อยู่ คงกำลังมองสถานการณ์ตรงหน้าเพลิน ๆ เหมือนกัน) 

หันไปแต่ยังไม่ทันได้เห็นว่าเป็นใคร ไอ้หมูตอนมันก็ลุกขึ้นมากระโดดเกาะหลังผมอีกที จนผมเสียหลักล้มลงไปที่พื้น

พี่อิฐวิ่งมาจากไหนไม่รู้ มาจับปลอกคอมัน กึ่งลากกึ่งจูงมันออกไปจากบ้าน ผมเอี้ยวหน้ามองตามหลัง 

ได้ยินเสียงมันเห่าใหญ่ แล้วก็ได้ยินเสียงน้องดรีมตะโกนด่ามันมาเป็นทอด ๆ แล้วตอนนี้ผมก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นแล้วครับ ผมมองหน้าประตูด้วยความหวาดหวั่น กลัวว่ามันจะกลับเข้ามาอีก 

ไปอยู่ต่างจังหวัด คิดว่าจะผอมลงบ้าง ที่ไหนได้ ตัวใหญ่กว่าเดิมอีก 

ผมถอนหายใจแรง หันกลับมามองตรงหน้าอีกที 

กรรม…

ผมล้มทับพี่อาร์ตเข้าเต็ม ๆ

แล้วล้มอยู่ในท่าวาบหวิวซะด้วย 

คือ..

ตอนนี้พี่มันนั่งกึ่งนอนหงายอยู่ครับ ค้ำศอกพยุงตัวไว้ด้านหลัง ดวงตาแกยังจ้องอยู่ที่หน้าประตู   

แล้วผมก็เอ่อ…

นั่งคร่อมเป้าพี่มันไว้อยู่

โห…ท่าส่อมากเลยกู 

อย่าลืมนะครับ ผมไม่มีกางเกงใน 

เพราะงั้น… 

เต็ม ๆ ครับ T^T

แล้วทั้งหน้าและหุ่นพี่อาร์ตก็เหมือนพี่เอกน่ะนะ   

พี่มันหันมามอง

มึง อย่ามามองกูด้วยดวงตาที่ถอดแบบพี่เอกมาเดี้ยะแบบนี้จะได้ไหม 

กูแอบหวั่นไหว

พี่เอกยิ่งเตือน ๆ ไม่ให้หลงเสน่ห์พวกมึงอยู่ด้วย ผมหลุบเปลือกตา เขยิบตัวจะลุก แต่ได้ยินเสียงเห่าดังโฮ่งใหญ่ ผมผวาเฮือก แทนที่จะลุก ผมกลับยึดเสื้อแถว ๆ พุงพี่อาร์ตแน่น หันขวับไปมองทางหน้าประตู

กูไม่ได้กลัวนะเว้ยเฮ้ย 

แต่กูหลอน 

แม่ม…

เลียมาได้ หน้าหล่อ ๆ กูสิวขึ้นหมด 

พอทุกอย่างเงียบลง ผมถอนหายใจแรง (กี่ครั้งแล้ววะเนี่ย) หันกลับมามองพี่อาร์ตอีกที

กรรมรอบสอง

ผมยังนั่งอยู่ท่าเดิม มือกำเสื้อที่พุงแกแน่นทั้งสองข้าง ที่สำคัญด้วยความกลัวจัด(ไหนบอกไม่กลัว - -) ผมเลยบดร่างตัวเองเข้ากับพี่แกมากขึ้นไปอีก 

พอรู้ตัว ผมรีบคลายมือออกทันที

“ขะ ขอโทษฮะ”
ทำไมกูชอบทำร้ายเสื้อผ้าชาวบ้านเขานักวะ 

พี่มันพยักหน้าทีเดียว ผมรีบลุกขึ้นยืน ก้มลงไปช่วยพี่มันลุกด้วย 

“หมาของคนข้างบ้านน่ะ สงสัยมันเพิ่งกลับมาจากใต้ เห็นผมทีไร จะกระโจนใส่แบบนี้แหละ แต่ก่อนตัวมันเล็ก ๆ อ้าแขนรับได้อยู่หรอก แต่ตอนนี้ผมขอวิ่งหนีก่อนดีกว่า กระโดดเข้าใส่แต่ละที แขนขาผมแทบหัก”
ผมพูดติดตลก ลูบหน้าลูบตาสำรวจเนื้อตัวแขนขา ดูว่ามีส่วนไหนของร่างกายแตกหักหรือร้าวรึเปล่า 

พี่อาร์ตเข้ามาช่วยดูด้วย แกจับคางผมไว้ พลิกไปพลิกมาเช็ค 

เมื่อกี้จำได้ว่าไอ้หมูตอนมันเลียไปทั่วทั้งหน้าและคอผมเลย ตัวก็ใหญ่ เล็บก็ยาวอีกต่างหาก สงสัยไม่มีคนตัดให้ (ตัวมันโต มีแค่ไม่กี่คนหรอกที่จะจับมันตัดเล็บได้) 

“มีรอยข่วนนิดหนึ่งนะ”
พี่มันขมวดคิ้วมองแถว ๆ ไหปลาร้า

“อืม แสบนิดหน่อย ไม่เป็นไรผมทนได้”

“ปล่อยไว้ไม่ได้หรอก ต้องทายาก่อน เกิดติดเชื้อพิษสุนัขบ้าขึ้นมาจะทำไง” 

“มันฉีดยาแล้ว” 

“ถึงฉีดยาก็ต้องทำแผลก่อน”
พี่มันพูดเสียงเข้ม มาดนี้แหละ พี่เอกเลย กูก็คิดว่ามึงจะอบอุ่นกว่านี้ซะอีก 

แม่ม อย่าเอานิสัยพี่มึงมาใช้เดะ เดี๋ยวกูจะเผลอคิดว่าเป็นคนคนเดียวกันหรอก

“กล่องยาอยู่ไหน”
พี่มันถามต่อ

“ผมไปอาบน้ำก่อนก็ได้”

“ล้างแผลก่อนแล้วค่อยไปอาบ!!”
พี่มันทำเสียงดุจนผมหงอ 

เอ้อ ก็ได้วะ 

ผมเลยเดินตัวปลิว ไปหยิบกล่องยามานั่งที่โซฟา เปิดกล่องหยิบเอาแอลกอฮอล์มาเปิดฝา หยิบสำลีมาชุบ ๆ เตรียมเช็ด แต่พี่มันดึงไปถือไว้ 

คือกำลังจะบอกว่า ผมทำเองก็ได้ แต่เห็นสายตาดุ ๆ แบบนั้นแล้ว แอบเงียบครับ 

กูไม่ได้กลัวมึงนะ!

ผมแอบซี้ดปากนิดหนึ่ง ตอนพี่แกลงแอลกอฮอล์

“ฆ่าเชื้อไปก่อน อาบน้ำแล้วพี่จะทายาให้อีกที”

ผมพยักหน้า พอล้างแผลเสร็จ ก็เดินขึ้นไปชั้นบนเพื่ออาบน้ำ พอเสร็จก็ลงมาครับ พี่อิฐกลับเข้ามาแล้ว ทั้งคู่นั่งดูอัลบั้มภาพต่าง ๆ ที่ผมเคยถ่ายเก็บไว้ 

และในนั้นก็มีภาพสามภาพที่ผมชนะการประกวดด้วย(แต่เป็นภาพเล็กนะฮะ) ส่วนภาพใหญ่ที่ผมขยายแล้ว วางพิงกำแพงห้องอยู่นู้น ตอนแรกก็กะว่าจะเอามาแปะฝาบ้านนั่นแหละ แต่เต็มครับ ผมกำลังคิดอยู่ ว่าจะเอาสามภาพนั้นไปแปะที่เชียงใหม่แทน 

“เก่งนะ ถ่ายเองหมดเลยเหรอ”
พี่อิฐถาม ผมยิ้มรับ เดินไปทิ้งตัวลงนั่งข้างกล่องยา พี่อาร์ตวางอัลบั้มลง หยิบยามาป้ายให้ทันที 

“เจ็บหรือเปล่า”
คนทำไม่ได้ถาม แต่คนถามเป็นคนไม่ได้ทำ ผมซี้ดปากเบ้หน้าหน่อย ๆ ตอนส่ายหัวปฏิเสธ เห็นพวกพี่ ๆ มันพากันหัวเราะใหญ่ 

อะไร กูเป็นผู้ชายนะเว้ยเฮ้ย เรื่องแค่นี้กูทนได้ 

“ไปกันเถอะ สายพวกพี่เปล่า ๆ”
พอทายาเสร็จ ผมรีบชวนทันที พวกพี่ ๆ พากันพยักหน้ารับ 

คราวนี้พวกพี่ ๆ ให้ผมเดินนำครับ เดินแบบประชิดตัวเลย สงสัยจะกลัวไอ้หมูตอนมันกระโดดเข้าใส่ผมอีก

เดิน ๆ ไปโดยมีผู้ชายตัวใหญ่ ๆ สองคนมาเดินตาม ทำเอารู้สึกเหมือนมีบอดี้การ์ดประจำตัวยังไงก็ไม่รู้ 

แถมบอดี้การ์ดยังหน้าตาเหมือนพี่เอกอย่างกับแกะอีกต่างหาก



ผมมาถึงมหา’ลัยโดยสวัสดิภาพครับ

เฮ้อ~ คิดถึงอีตาหื่นจัง 

กูนี่เป็นเอามากแฮะ 

ผมสะดุ้งกับเสียงมือถือที่ดังลั่น เสียงเป็นเอกลักษณ์แบบนี้ไม่ต้องดูเบอร์ครับ มีแค่คนเดียว 

“พี่เชน”

“รับเร็วจัง”

“รับช้า เปลืองค่าโทรกลับ”
พี่มันหัวเราะใหญ่ 

“จำที่พี่เคยบอกว่าจะพาไปดูแกลของเพื่อนได้ไหม งานเขามีวันพรุ่งนี้แล้วนะ” 

“ทำไมกะทันหันจัง”
ผมพยายามนึกอยู่ว่าพรุ่งนี้มีคิวว่างไปดูได้ตอนไหน

“โทษที พี่ไม่ได้โทรบอก พอดียุ่ง ๆ น่ะ”
มิน่าล่ะ หายไปเลย 

“คิดว่าลืมผมไปแล้วซะอีก”
พูดไปแล้วก็อยากวิ่งไล่ตะครุบคำพูดตัวเองกลับคืน 

กูมาพูดอะไรส่อ ๆ ให้เขาเข้าใจผิดรึเปล่าวะ 

จริง ๆ ก็ไม่อยากคิดมากหรอก แต่ทั้งพี่เอก (อันนี้เชื่อไม่ค่อยได้ พี่มันเห็นใครอยู่กับผมก็หึงไปหมด) กับไอ้เต้ยก็เตือน ผมก็ควรจะระวัง ๆ เอาไว้บ้าง 

ไม่อยากให้ความหวังใครครับ 

เฮ้อ ถ้าเป็นสาว ๆ ก็ว่าไปอย่าง แต่นี่ ผู้ชายทั้งนั้น ดู ๆ แล้ว น่าจะเป็นชายแท้ทั้งแท่งกันด้วย (ผมก็ชายแท้ครับ แต่เสร็จโจรภูเขาอย่างพี่เอกแค่นั้นเอง) 

นี่กูมีเสน่ห์กับเพศเดียวกันด้วยเหรอวะ 

หุ่นก็หุ่นแบบผู้ชาย หน้าตาก็แมน ๆ แบบผู้ชาย เอ้อ ถ้าหน้าตาน่ารักนิดหน่อยแบบไอ้เต้ยก็ว่าไปอย่าง ผมว่าสองคนนั้น ต้องคิดมากไปเองแน่ ๆ 

พี่เชนเป็นคนใจดี สิ่งที่แกทำอาจทำให้คนอื่นเข้าใจผิดก็ได้ 

ขอคิดในแง่ดีไว้ก่อนครับ 

“พี่ก็ลืมจริง ๆ นั่นแหละ”
อ้าว มึง ให้ความหวังกูหน่อยก็ไม่ได้
“เพราะงั้นพี่ต้องทำโทษตัวเอง โดยการพากายไปเที่ยว แล้วเลี้ยงแบบไม่อั้นซะแล้ว” 

เอ่อ.. กูว่าไม่ธรรมดาแล้วล่ะ

ผมนิ่งคิด 

คันปากอยากถามตรง ๆ แต่มันจะดูเป็นการเสียมารยาทไป 

เอาน่า คิดในแง่ดีไว้ก่อน 

เขาแค่คิดกับมึงแบบน้อง พวกนั้นมันร้อนตัวกันไปเอง

ผมยิ้มแป้น ตอบตกลงทันที

*** ***

TBC..(เจ้าของเดียวกับ UBC หรือเปล่า?)

ฮาโหลวววววววว หายไปหลายวัน ยังมีคนอ่านกันอยู่ม้าย(ชาติหนึ่งมึงมาลงที ใครจะมาอยู่ตามอ่านวะ TT) เค้าขอโต้ดดดด จิมาให้ไว้ขึ้น เอาให้หอยทากเมายาวิ่งตามไม่ทันเลย เชื่อสิ เค้าสัญญา 

แวร์ อิส ยัวร์ มือ ยก สูง ๆ ให้ ข่อย ส่อง แน่ จิได้ รู้ ว่า เจ้า รอ อ่าน อยู่ นะ เจ้าาา (มิกซ์ภาษาทุกภาค โทษ ๆ ช่วงนี้เมายาคุม)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 17-06-2015 18:23:47 โดย memew »

ออฟไลน์ live_evil

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 34
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ยังอ่านอยู่ค่าาาา มาต่อเรื่อยๆนะคะ  :katai2-1: :katai2-1:

ออฟไลน์ Thanamint

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 1
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
อ่านอยู่ค่าาาาา มาต่อเร็วๆน้าาาา :impress2: :impress2:

ออฟไลน์ naresetn

  • is this love
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 4
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
 :hao6: :hao6:รออยู่เน้อคุณผู้แต่ง  พี่เอก Fc จ้า

ออฟไลน์ memew

  • ขอบคุณที่เข้ามาอ่านจ้าาา
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 456
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +382/-10
    • :: Memew แฟนเพจ :

Chapter 45 : ทายา & คันนม

[กาย...♥] (Part 2)

เอ่อ..
ตอนนี้ผมกำลังคันครับ 

ไม่ได้คันแผลที่ถูกหมูตอนข่วน 

อันนั้นไม่รู้สึกอะไรแล้ว
 
แต่ว่า…เอ่อ…มันคัน…

หัวนมน่ะ

ไม่รู้ทำไมถึงคัน หรือพี่เอกมันจะดูดแรงไปแล้วติดเชื้อ 

หรือเป็นอะไรวะ?

คันมาก แต่ไม่อยากเกาให้คนอื่นเห็น เลยแกล้งทำเป็นเอามือลูบ ๆ

แต่ยิ่งลูบมันยิ่งคัน 

จริง ๆ มันก็ไม่ใช่แค่หัวนมนะ ที่คอกับที่หน้าท้องก็รู้สึกคันด้วยเหมือนกัน แพ้น้ำลายไอ้หมูตอนรึเปล่าฮึ 

แต่ผมก็โดนมันเลียบ่อย ๆ ไม่เห็นจะแพ้มาก่อน และที่สำคัญ มันไม่ได้มาเลียพุงผมนี่

ผมพยายามนึกให้ออกว่าตัวเองไปใช้อะไรผิดสำแดงมารึเปล่า

อ้อ…นึกออกแล้ว ตอนอาบน้ำ ผมหยิบเอาสบู่ใยไหมที่ซื้อมาจากเชียงใหม่มาใช้ พอดีเห็นเขาบรรยายว่าดีนักดีหนา

สงสัยว่าผมจะแพ้ไอ้นั่นแหละ

แล้วทำไม มันต้องมาคันเฉพาะที่คอ ท้อง แล้วก็หัวนมด้วยวะ   

ผมเดินเข้าห้องน้ำเพื่อไปเช็คดู รอจังหวะให้คนออกไปจนหมด ก่อนเอี้ยวหน้าดูรอบคอตัวเอง มันแดงไปเป็นแถบเลย ผมแกะกระดุมเสื้อออก มองกระจกอีกที

แล้วตอนนี้หน้าผมมันก็แดงแทนคอไปแล้ว

เพราะตามตัวผม มีรอยอยู่สองแบบ แบบแรกเป็นรอยแดงจาง ๆ แบบเดียวกับที่คอแล้วก็แถว ๆ หน้าท้อง อันนี้คงแพ้สบู่ กับอีกแบบ คือรอยแดงเป็นจ้ำ ๆ อันนี้อยู่แถว ๆ ไหปลาร้ากับหน้าอก 

คนทำ คงเป็นพี่เอก   

“พี่มันทำรอยไว้มากขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย”
ผมบ่น แตะนิ้วไปตามรอยแดง 

ดูดิหัวนมยังแดงแป๊ดเลย หวังว่าพี่อาร์ตคงไม่เห็นตอนทายาหรอกนะ เมื่อเช้าตอนติดกระดุมเสื้อก็ไม่ได้สังเกตว่ามีรอยพวกนี้อยู่ด้วย

คันหัวนมยิก ๆ เลย สงสัยจะถลอกตอนพี่มันงับลงมาแหง ๆ พอถูกสบู่เลยแพ้ง่าย

“ซาดิสม์จริง ๆ”
ผมบ่นอีกที ดีหน่อยที่ตรงรอยข่วนไม่แพ้ไปกับเขาด้วย สงสัยเพราะยาที่พี่อาร์ตทาให้   
ผมเดินออกจากห้องน้ำ ตรงไปยังห้องพยาบาล มองหาอาจารย์ แต่แกไม่อยู่ ผมเลยถือวิสาสะเดินไปเปิดตู้ยาที่สูงเสมอหน้าเพื่อหายาแก้แพ้แบบไม่ง่วงมากิน จะได้ไปเรียนต่อได้ พอได้ยากิน ก็กลับมาคุ้ยหายาทาต่อ 

“หาอะไรอยู่”
ผมสะดุ้งหันไปมองเจ้าของเสียงทัก

“อ้าว พี่โอ๊ค”
ผมละมือจากประตูตู้ยา หันไปมองพี่แกทั้งตัว

“หายาทาแก้แพ้น่ะฮะ”
ผมชี้ไปที่คอแดง ๆ ให้พี่โอ๊คดู

“แพ้สบู่ใยไหม” 
พี่มันหัวเราะ เดินมาช่วยหายาให้   

“อันนี้ได้ผลดีที่สุด ทาครั้งเดียว รับรองหาย”
พี่มันการันตี ผมรับมาถือไว้ แกะยาออก เตรียมป้าย แต่พี่มันเบรกมือเอาไว้ก่อน

“เป็นพวกใช้อะไรไม่อ่านฉลากก่อนรึไง”
พี่มันทำเสียงดุ จับข้อมือผมยกสูงเหนือหัว 

เอ่อ ยาแก้แพ้ก็คือยาแก้แพ้ แปะยา ทา ๆ แล้วก็จบ 

พี่มันถอนหายใจแรง 

“ยาบางตัวให้ทาบาง ๆ ยาบางตัวให้ทาหนา ๆ ป้ายไปซะขนาดนั้น ผิวเราได้ไหม้ก่อนพอดี”

ผมตาโต

โหย แค่ยาแก้แพ้ พาผิวไหม้ได้ด้วยเหรอ

“ยาเย็นบางตัวก็ทำผิวไหม้ได้ ถ้าไม่ระวังให้ดี”
พี่มันเฉลย หยิบทิชชู่มาป้ายยาออกจากนิ้วผม แล้วลากไปนั่งบนเก้าอี้ข้างโต๊ะอาจารย์ ส่วนแกก็ลากเก้าอี้อาจารย์มานั่งฝั่งตรงข้ามผม

ผมก็นั่งนิ่ง ๆ ครับ ไม่อยากผิวไหม้เหมือนกัน พี่มันป้ายยาแล้วทาให้เบามือ

“นี่ล่ะ ไปโดนอะไรมา แผลยังใหม่อยู่เลยนี่”
พี่มันแตะตรงรอยข่วนเบา ๆ 

“โดนหมาข้างบ้านมันกระโจนใส่น่ะฮะ แต่ทายาแล้ว”
ผมรายงาน ปล่อยให้พี่แกป้ายยามาทารอยแดงไปเรื่อย ๆ พี่โอ๊คมือเบาเอามาก ๆ   

“พี่น่าจะไปเป็นหมอนะเนี่ย”
พี่มันเหลือบตามองนิดหน่อย

“ก็ว่าอยู่ แต่ใจดีไม่พอ”

ผมยิ้ม 

“ถ้าคนแบบพี่ไม่เรียกว่าคนใจดี ผมว่าในโลกคงมีแต่คนใจร้าย”
ก็จริงไหมล่ะ พี่มันออกจะดูแลผมดีจะตาย ถ้าไม่ใจดีแล้วจะเรียกว่าอะไร 

พี่มันมองตาผมนิดหนึ่ง ก่อนละสายตาไปป้ายยาต่อ 

“ตรงไหนอีก”

ผมเลิกพุงขึ้น มันแดงขึ้นกว่าเดิมอีก คันเยอะกว่าเดิมด้วย พี่มันไล่ป้ายไปทั่ว 

“จุดสุดท้ายผมทาเองดีกว่า”

พี่มันขมวดคิ้วเหมือนผู้ใหญ่กำลังดุเด็ก 

นมกู กูทาเองก็ได้ 

“ตรงไหน”
พี่มันป้ายยาเตรียมไว้ที่นิ้วบาง ๆ

ผมทำหน้าแหยง 

“หัวนม” 

พี่มันอึ้ง มองมายังจุดที่ผมบอกผ่านเสื้อนักศึกษาที่ยังปิดสนิท

“ผมทาเองก็ได้” ผมเสริมอีกที

“ไม่เป็นไร เปิดออก” พี่มันพูดเสียงเรียบ ผมพยักหน้า

เอาวะ คนเป็นหมอ เขาไม่มาใส่ใจอะไรกับหัวนมคนไข้หรอก ตอนแรกว่าจะเลิกเสื้อขึ้นจากด้านล่าง แต่คงไม่ถนัด เลยตัดสินใจปลดกระดุมเสื้อออกแทน

เห็นพี่มันชะงักกวาดมองไปทั่วแผ่นอกผมนิดหนึ่ง 

มึงไม่ต้องสนใจรอยอื่น ๆ เลยนะ 

พี่มันดึงใบหน้าให้กลับมาราบเรียบเหมือนเดิม แล้วลงมือทายาให้ต่อ

ผมสะดุ้งทันทีที่พี่แกแตะยาเย็น ๆ ลงมาที่หัวนม

น่าอายสุด ๆ 

ความเย็นของยาพาเอาหัวนมผมตั้งขึ้นมาทันที ดีว่าเป็นพี่โอ๊ค ถ้าเป็นพี่เอก ผมคงครางไปนานแล้ว (คนมันชินมือครับ รายนั้นแตะทีไร เหมือนโดนไฟช็อตทุกที) 

พี่แกลูบหัวนมผมเบามือไปเรื่อย ๆ

หัวนมมันเย็น แต่หน้าผมน่ะร้อนไปหมดแล้ว 

ก็มันเขิน 

“สองข้างเลยรึเปล่า”
พี่มันถาม ผมพยักหน้า แล้วพี่โอ๊คก็ป้ายยาไปแปะอีกข้าง พี่มันทำหน้านิ่งเอามาก ๆ 

ผมถอนหายใจเบา ๆ เสมองไปด้านข้าง คิดไปถึงใครอีกคน ถ้าปล่อยให้รายนั้นมาทายาให้ คงไม่จบแค่ทายาแน่ ๆ

คิดถึงตอนที่พี่เอกจับนมตัวเองแล้วก็หน้าร้อนขึ้นมาอีก

“อ๊ะ อือ…”
ผมเผลอครางออกมาเบา ๆ ไม่ใช่เพราะคิดถึงพี่เอกนะ แต่เพราะแรงกดหนักหรือแรงบีบเบา ๆ ที่หัวนมนี่แหละ ผมไม่ค่อยแน่ใจ

ผมหันไปมองพี่โอ๊ค

“มันแดงนะ”
อันนั้นกูรู้ พี่มันทำหน้านิ่ง ๆ ละมือออก

ผมรีบก้มหน้าลงไปติดกระดุม

“ครั้งหน้าจะใช้อะไรก็ระวัง ๆ ไว้หน่อยละกัน”
พี่แกสอน ผมพยักหน้า 

“ขอบคุณครับ ผมต้องไปเรียนแล้ว”
กำลังจะก้าวออกจากห้อง แต่ถูกฉุดข้อมือเอาไว้ก่อน ผมหันไปมอง 

พี่แกจ้องหน้าผมอยู่พัก เหมือนกำลังมีคำถามอยู่ในใจ สุดท้ายแกก็พูดออกมา

“บอกพี่ได้ไหม ว่าวันนั้น นายร้องไห้เพราะอะไร”
ผมรู้ว่าแกคงคาใจ วันนั้นพี่มันไม่ถาม แต่ไม่ได้หมายความว่าไม่อยากรู้ ผมหลุบเปลือกตาลงต่ำ 

“ไม่มีอะไรหรอก เรื่องมันผ่านไปแล้ว”
จะให้บอกได้ไง ว่าร้องไห้เพราะเรื่องเข้าใจผิด พี่มันค่อย ๆ คลายมือผมออก แล้วผมก็เดินออกจากห้องพยาบาลไป







อีกไม่กี่วันก็ครบเดือนที่ไอ้เต้ยจะเลิกตื๊อพี่มันแล้วครับ ผมอดดีใจแทนพี่เป้ไม่ได้ 

อย่างน้อยก็เพื่อคนทั้งคู่นั่นแหละ 

ยิ่งช่วงใกล้หมดเวลาค้นหาคำตอบ มันยิ่งติดพี่มันหนึบ พอเลิกคลาสปุ๊บ มันก็วิ่งลิ่วไปหาพี่มันทันที 

มีเวลาว่างอีกชั่วโมงหนึ่ง ก่อนไปทำงาน ผมกำลังคิดอยู่ ว่าจะทำอะไรดี ระหว่าง เป็นเด็กดีอ่านหนังสือเตรียมสอบกับนั่งเล่นเกมในมือถือ 

ผมอยากเป็นเด็กดีครับ เลยเดินไปห้องสมุดเพื่อหาที่เงียบ ๆ

ในการเล่นเกม 

หึหึ เป็นเด็กดีที่เลวได้อีกกู

ระหว่างทางผมถูกเบรกด้วยเสียงของใครบางคน ผมหันไปมอง 

ง่ะ อาจารย์สุชาติ กูได้เป็นม้าใช้อีกแล้ว 

“ช่วยหน่อยนะ”
ช่วงแรก ๆ มาแค่แผ่นสองแผ่น แต่วันนี้แกเล่นยกมาให้เป็นตั้งเลย ตั้งใหญ่ด้วย ผมรับมาถือไว้ ปลายยอดสูงเกือบท่วมหัว 

“อาจารย์ ผมไม่ใช่คนของสภานะ”
ผมครางบอกแก 

“ก็ใช้นายแล้วได้งานเร็วดีนี่ รีบ ๆ ไปเถอะ” 

โธ่ กรรมของกู 

ผมประคองเอกสารเดินตุเลง ๆ ไปยังชั้นสามของตึกสภา ระหว่างทางก็ภาวนาขอให้มีใครสักคนเข้ามาช่วยบ้าง

“กาย”
สวรรค์ได้ยินคำร้องขอของผมครับ ผมหันไปมอง 

โอ้ พี่โอ๊ค เทวดาของผมนี่เอง 

“ทำไมหิ้วเยอะนักล่ะ”
พี่มันถาม 

“ก็อาจารย์สุชาตินั่นแหละ”
พี่มันหัวเราะหึ ๆ เข้ามาแบ่งงานจากผมไปถือเองเกือบหมด แล้วเราสองคนก็พากันเดินเคียงกันตรงไปยังห้องสภา

ข้างในเงียบครับ ผมกวาดมองไปรอบ ๆ ไม่มีใครอยู่สักคน ห้องน้ำก็ไม่ได้ปิดประตูไว้ พี่โอ๊คเดินไปวางแผ่นงานไว้บนโต๊ะทำงานของพี่เอก ผมเดินตามไปวางแผ่นงานที่เหลือไว้ข้าง ๆ กัน 

“สงสัยพี่เอกจะกลับไปแล้ว”
ผมออกความเห็น พี่โอ๊คพยักหน้าเห็นด้วย ผมเลยถือวิสาสะเปิดลิ้นชัก มองหาโพสท์อิทมาเขียนข้อความแปะไว้ให้พี่เอกแทน

พอเขียนเสร็จก็หันไปมองพี่โอ๊คอีกที 

“เป็นไงบ้าง”
พี่มันพยักหน้ามายังรอยแดงที่คอผม 

ตอนนี้มันดีขึ้นเยอะแล้ว รอยแดง ๆ ก็จางลง ไม่คันแล้วด้วย

“ได้ยาดีจากพี่นี่นา มันต้องหายอยู่แล้ว”
พี่มันเดินเข้ามาใกล้ ใช้นิ้วดึงเสื้อตรงคอออกเพื่อดูรอยแดง ใช้ปลายนิ้วลูบผิวเบา ๆ เช็คอีกที 

“รอยมันจางลงแล้วนะ” 

“อืม ขอบคุณอีกครั้งนะฮะ ถ้าไม่ได้พี่ ผมคงแย่แน่ ๆ แทนที่จะหาย อาจได้วอลเปเปอร์ลายตุ๊กแกมาประดับแทน”
พี่มันหัวเราะกับมุขผมใหญ่ 

เออ กูไปเป็นตลกคาเฟ่ดีไหมเนี่ย 

“เอ่อ…แล้วตรงนั้นล่ะ”
พี่มันถามเสียงเบา ผมยิ้ม รั้งคอเสื้อออก ส่องดูหัวนมตัวเองอีกที

“ดีขึ้นแล้วเหมือนกัน แต่มันยังคัน ๆ อยู่” 

“กลับไปทายาเพิ่มละกัน”
พี่มันบอก ก่อนยกนาฬิกาขึ้นดู 

“พี่มีคลาสนะ ต้องไปก่อนแล้ว”
แล้วพี่แกก็วิ่งลิ่วหายไปเลย

ผมยิ้ม หันมาเช็คความเรียบร้อยของงานบนโต๊ะอีกที จัดแผ่นงานที่วางไว้สองกองเมื่อกี้ ให้เป็นกองเดียว พอเรียบร้อยก็หันหลัง เตรียมเดินออกจากห้อง

แต่มือที่แตะลูกบิดไว้ต้องหยุดชะงัก เพราะมีมือใหญ่ของใครบางคนมาค้ำประตูไว้ รังสีคุกคามแผ่กระจายไปทั่วทั้งแผ่นหลัง ผมค่อย ๆ หันไปมอง

ใบหน้าคมเข้มนิ่งเรียบราวรูปปั้นของเทพบุตรที่ถูกจับมาสต๊าฟอีกที มีเพียงดวงตาเท่านั้น ที่ทำเอาขนที่กลางหลังผม พากันลุกซู่

“พี่เอก..”

*** ***
See You Jub ๆ(?)

1 เม้นท์ 1 กำลังใจ :z13:


ออฟไลน์ inspirer_bear

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2021
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +206/-5
อย่าหึงมาดเซ่พี่เอก ตัวเองยังไม่ยุติธรรมกะกายเลย

ออฟไลน์ umarinnew

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 12
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
โอ๊! พี่มิวเอานิยายมาลงในเว็บนี้ด้วยดีใจจัง ติดตามอยู่นะคะ

ออฟไลน์ boonpa

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +132/-9
 :mew1: ตามอ่านจนทัน ชอบกายค่ะเป็นคนน่ารักมาก

ออฟไลน์ •ผั๑`|nกุ้va’ด•

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1279
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-69
รู้สึกห่างหายกับเรื่องนี้ไปนานมากเลยค่ะ แต่ยังติดตามคู่นี้อยู่นะคะ  ใจจริงแอบเชียร์คู่พี่น้องด้วย

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ panitanun

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 482
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
จะผิดไหมถ้าจิ้นอาร์ตกาย ฮ่าๆๆ :hao7:

ออฟไลน์ memew

  • ขอบคุณที่เข้ามาอ่านจ้าาา
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 456
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +382/-10
    • :: Memew แฟนเพจ :
Kiss Love : 46
สอบสวน     
เอก....☼

ทั้งเรียนทั้งทำงานที่สภา เหนื่อยมาทั้งวัน อยากงีบ อยากพัก แต่ก็ต้องเร่งงานให้เสร็จ จะได้กลับไปพักเลยทีเดียว พอง่วงจัด ๆ ผมเลยเลือกที่จะเดินเข้าห้องน้ำไปล้างหน้าล้างตา เรียกความสดชื่นกลับคืน   

ได้ยินเสียงคนเปิดประตูเข้ามา คงเป็นหนึ่งในกลุ่มเพื่อนของผมสักคน ผมหยิบผ้าขนหนูมาซับหน้าให้แห้ง กำลังจะเดินออกไป แต่ชะงักขาไว้จ้องมองคนสองคนที่ยืนอยู่ด้านนอก

หนึ่งในนั้นเป็นคนที่ผมเฝ้าคิดถึงมาตลอดทั้งวัน กับอีกหนึ่งเป็นคนที่ผมไม่อยากให้มันเข้าใกล้ที่สุด

“เป็นไงบ้าง”
ได้ยินเสียงพวกมันคุยกันเบา ๆ แต่สิ่งที่ทำให้ผมยืนมองตาค้าง เผลอกำหมัดแน่นโดยไม่ได้ตั้งใจ คือไอ้เชี่ยโอ๊คมันเกี่ยวคอเสื้อไอ้ตัวเล็กออกเพื่อดูอะไรบางอย่าง แล้วใช้ปลายนิ้วไล้ไปทั่วผิวเนื้อลำคอ ซึ่งไอ้ตัวเล็กก็แหงนหน้าเอียงคอนิด ๆ ให้มันดูดี ๆ ผมกำหมัดแน่นขึ้นไปอีก

พวกมันพูดคุยกันต่อ ก่อนหัวเราะคิกคัก แล้วไอ้ตัวเล็กก็ดึงคอเสื้อตัวเองออก ก้มมองบางสิ่งที่อยู่ภายใน 

บางสิ่งที่ผมชื่นชอบที่จะสัมผัส

ผมหรี่ตาจ้องมองพวกมันทั้งคู่ มันคุยกันอยู่สักพัก ไอ้โอ๊คก็ขอตัวออกไป ผมจำได้ว่ามันมีคลาส ไอ้ตัวเล็กหันไปจัดเอกสารบนโต๊ะ ผมก้าวออกจากจุดที่ยืนอยู่เดินตรงไปหามันอย่างเงียบเชียบ มันยังไม่รู้ตัว พอมันจัดเอกสารเสร็จก็หันหลังเดินตรงไปที่หน้าประตู   

ผมก้าวตามมันไปติด ๆ และทันทีที่มันจับลูกบิด ผมก็ค้ำมือไว้กับบานประตู กั้นไว้ไม่ให้มันออก มันเอี้ยวหน้ามามอง

“พี่เอก”
มันเรียกเสียงเบา ผมมองมันนิ่ง ๆ แต่ภายในกรุ่นไปด้วยเพลิงโทสะ

มึงจะทำให้กูโมโหอีกกี่ครั้งถึงจะพอใจ

“ผมคิดว่าพี่กลับไปแล้วซะอีก”

“ถึงได้กล้ามายืนสวีทกับไอ้โอ๊คในนี้ใช่ไหม!!”
พาลครับ รู้ว่าไม่ใช่เรื่องจริง แต่ก็ยังพาล

เลวได้อีกกู

“เปล่านะ!”
มันรีบค้านหันมาทางผมเต็ม ๆ

“แล้วสิ่งที่พี่เห็นล่ะ ถ้าไม่ได้สวีทกันแล้วไปเปิดคอเสื้อให้มันดูทำไม”

มึงแก้ตัวมาดิ กูสัญญาว่ากูจะฟังมึงดี ๆ

มันหน้าแดงก่ำ 

มึง!

มึงมีอะไรเกินเลยกับมันจริง ๆ ใช่ไหม!

“คะ คือ”

ผมเลื่อนไปจับสองข้อมือมันตรึงไว้กับบานประตู 

แม่ง กูไม่อยากเล่นบทโหดนะ กูอยากเป็นพระเอกกับเขาบ้าง แต่นี่ เวลากูอยู่กับมึง มึงส่งแต่บทผู้ร้ายให้กูทุกที 

มันยังอ้ำ ๆ อึ้ง ๆ 

“ว่าไง”
ผมแผ่รังสีความไม่พอใจออกมาล้อมรอบ

“พี่โอ๊คแค่ถามว่าผมหายแพ้รึยัง”
มันอ้อมแอ้มบอก ผมเลิกคิ้ว 

“แพ้? แพ้อะไร!!”
ผมกระชากถามเสียงเข้ม มันทำหน้าตื่นรีบรัวลิ้นบอก

“ผมแพ้สบู่ที่ซื้อมาจากเชียงใหม่น่ะ สบู่ใยไหม มันเป็นรอยแดงที่คอ ที่ท้องแล้วก็…”
มันหยุดคำพูดสุดท้ายเอาไว้ในลำคอ 

“แล้วก็…”
ผมตรึงข้อมือมันแน่นขึ้น หวังเค้นเอาคำตอบ 

มึงจะให้คำตอบกูเร็ว ๆ หน่อยได้ไหม 

มันก้มหน้า 

“กาย!! มองหน้าพี่แล้วตอบ!!”

มันค่อย ๆ เงยขึ้น หน้ามันแดงยิ่งกว่าเดิมอีก

“นะ นม”
พูดแล้วมันก็ก้มหน้าต่อ 

“นม”
นมเนี่ยนะ ไปแพ้อะไรตรงนั้น

“แล้วไปแพ้อะไรตรงนั้น”
ผมถามต่อ

“ก็พี่กัด มันคงถลอก พอสบู่ถูกมันก็เลย…” 

อึ้งครับ..

นี่กูผิดอีกแล้วใช่ไหม
ผมคลายมือออก แต่ยังเหลืออีกประเด็น 

“แล้วไอ้โอ๊ครู้ได้ยังไง”
ผมตรึงข้อมือมันต่อ มันเงยหน้ามอง เบ้หน้าหน่อย ๆ คงเพราะเจ็บ แต่ผมไม่สนครับ อยากได้คำตอบมากกว่า 

“พอดีผมไปหายาทาที่ห้องพยาบาล แล้วพี่โอ๊คผ่านมาเห็นพอดี ก็เลยช่วยหายามาทาให้” 

“หายา…มาทาให้”
ผมทวน หรี่ตาจ้องมอง มันหน้าเจื่อนลงทันที 

“มันทาให้ตรงไหน”
ผมภาวนาขอให้มันทาให้แค่ที่คอก็พอ

ไอ้ตัวเล็กก้มหน้าลงต่ำ 

แม่ง!! อย่าบอกนะว่าทาให้หมดเลย แม้แต่หัวนมที่กูหวงแหนก็ด้วย 

“ทาตั้งแต่เมื่อไหร่”
ผมถามมันด้วยน้ำเสียงอดทน 

“ตั้งแต่เช้าแล้ว” 

“งั้นยามันคงหมดฤทธิ์แล้วล่ะ” 

มันเงยหน้ามอง 

“คงต้องทาใหม่”
พูดจบผมก็จัดการก้มทายาให้มันทันที ด้วยน้ำบ่อน้อยจากปากตัวเองนี่แหละ มันพยายามขัดขืน

“พี่เอก อย่า! ยาอาจจะยังอยู่นะ”
ยามันไม่ได้อยู่ได้ทั้งวันขนาดนั้นหรอก เจ้าบื้อ!!                   

ผมตวัดปลายลิ้นไปทั่วทั้งลำคอมัน มันรีบหดคอหลบหนี ผมรวบข้อมือมันสองข้างตรึงไว้ด้วยมือเดียว มันไม่ได้ข้อมือเล็กเหมือนผู้หญิงหรอก แต่ผมเป็นพวกข้อแข็ง กดมันนิดหน่อยก็ดิ้นไม่หลุดแล้ว 

กูจะเป็นหมอ เพื่อรักษามึงเอง

ผมเลื่อนมืออีกข้าง ลงมาคลี่ปลดกระดุมเสื้อมันออก เห็นรอยจาง ๆ ตรงท้องมันด้วย

อืม มันคงแพ้จริง
ผมเลื่อนริมฝีปากลงไปเลียเบา ๆ มันหดหน้าท้อง ครางออกมาซะหวานหยด

อืม...
เสียงดีจริง ๆ

แล้วผมก็เลื่อนปลายลิ้นขึ้นไปแตะยังจุดสุดท้าย

หัวนมที่ผมหวงแหน

แม่ง มาจับหัวนมเด็กกูได้

ผมลงลิ้นกับมันเบา ๆ ไม่ได้ดูดแรงหรือกัดเหมือนเมื่อวันก่อน ก็ตอนนั้นผมทำเพราะโมโห แล้วก็อยากทำโทษมันด้วย แต่มาวันนี้แค่เลีย

และผลที่ได้ก็คือ…

“อ๊า~ พี่เอก”

เชี่ย!!
มึงครางซะน้องกูตื่นเหมือนทหารถูกปลุกด้วยนกหวีดเลย

ผมตวัดปลายลิ้นไปมา มันดิ้นพล่านด้วยความเสียวซ่าน มือไม้ผมก็ไม่อยู่สุข ลูบไล้ไปทั่วผิวเนื้อแผ่นหลังเลื่อนมาด้านหน้าช่วยกันปรนเปรอยอดอกอีกข้าง 

“อ๊า พี่เอก อื้ม..พอ”
ยังมีอารมณ์มาห้ามอีกนะ

ผมไม่ฟัง เลื่อนริมฝีปากขึ้นไปไซ้ซอกคอมันอีกรอบ ก่อนคลี่ปลดเข็มขัดและกางเกงมันออก เหลือไว้แค่เสื้อเชิ้ตก็พอ ผมคุ้ยน้ำหล่อลื่นจากปากตัวเอง แตะลงตรงช่องทางคับแคบ กดแทรกปลายนิ้วเข้าไปเบา ๆ มันสะดุ้งเฮือก แอ่นสะโพกเข้าหาผมอัตโนมัติ   

ชักชอบซะแล้วสิ

ผมปล่อยสองข้อมือมันลง ปลดเข็มขัดนำน้องทหารตั้งตรงออกมาภายนอก เกี่ยวขามันพาดแขนไว้ แล้วเป่านกหวีดให้มันหาหนทางวิ่งเข้าถ้ำเอาเอง หาไม่ยากครับ แผล็บเดียวก็เจอ น้องผมเข้าไปได้แล้วครึ่งทาง ผมขยับอีกนิด มันก็เข้าไปได้ทั้งตัว ไอ้ตัวเล็กบีบต้นแขนผมแน่น หายใจแทบไม่เป็นจังหวะ 

ผมเคลื่อนสะโพกเข้าออกเบา ๆ มันครางสะท้านจนผมต้องเพิ่มจังหวะเร็วขึ้นเรื่อย ๆ

ผมบดเบียดจนแผ่นหลังมันแนบติดไปกับบานประตู ให้น้องของผมได้ทำหน้าที่นำความเสียวซ่านมาให้มัน มันหลับตาลงแน่น ก่อนปรือเปิดขึ้นมามองผมหยาดเยิ้ม

มองแบบนั้นแหละดี ยิ่งมองยิ่งมีอารมณ์

ผมขยับใส่จังหวะเร็วขึ้นเรื่อย ๆ ยิ่งความเสียวซ่านมีมากเท่าไหร่ มือไม้มันยิ่งบีบขยำต้นแขนผมมากขึ้นเท่านั้น 

ผมนี่หอบหนักเลย

ผมจัดการมันหน้าประตูอยู่สักพัก ก็อุ้มพามันไปที่โต๊ะทำงาน ตอนแรกอยากเล่นมันบนโต๊ะ แต่เอกสารเพียบ ผมเลยเดินไปนั่งที่เก้าอี้แทน ให้มันนั่งอยู่ด้านบน

งานนี้ผมถือคติ น้องไม่ต้องพี่จัดการเอง ผมจับสะโพกมันยกขึ้นยกลง เป็นจังหวะเชื่องช้าบ้างสลับเร็วบ้าง จวบจนพวกเราทั้งคู่พากันปลดปล่อย

สรุป ผมก็กินมันจนชุ่มปอด พอจบอาหารมื้อเย็น ผมก็สั่งให้มันมาช่วยงานผม โดยแยกเอกสารให้ผมนั่งเซ็น ให้มันเป็นเลขา

“พี่เอก ทำงานไปดี ๆ สิ”
มันปรามเมื่อมือหนึ่งผมถือเอกสารอ่าน แต่อีกมือกำลังลูบสะโพกมันอยู่

คือมันชินน่ะครับ   

ผมไม่ได้ฟังคำปรามมันแม้แต่น้อย มือหนึ่งลูบอีกมือก็เซ็นไปอยู่อย่างนั้น ที่ผมรีบทำให้ เพราะเป็นช่วงเวลาที่ผมจะได้อยู่กับมันนี่แหละ งานเยอะไม่ว่า แต่ได้ทำไปจับก้นมันไปนี่สนุกดี

ไม่เกินครึ่งชั่วโมงผมก็เซ็นงานจนหมด

“ผมเอางานไปส่งอาจารย์ดีกว่า”
มันรีบรวบเอกสารไว้ในอ้อมแขน ผมดึงเอกสารทั้งหมดมาถือเอง 

“ผมเอาไปส่งเองก็ได้” 

กูรู้…

แล้วมึงก็จะหนีกลับก่อน เรื่องอะไรกูจะยอม 

ผมอุ้มเอกสารเดินเคียงมันไปจนถึงห้องพักอาจารย์ แต่อาจารย์แกกลับไปแล้ว ผมเลยวางกองงานไว้บนโต๊ะ หาอะไรทับนิดหน่อย 

“เดี๋ยวพี่ไปส่ง”
ผมหันไปบอก มันพยักหน้ารับ ไม่เงยหน้ามองผมแม้แต่น้อย 

“พี่เอกคะ”

ผมชะงัก หันไปมองคนเรียก ต่ายนั่นเอง

ไอ้ตัวเล็กเม้มปากแน่น 

“มีอะไร” 

“คือ ต่ายจะมาชวนพี่ไปดูหนังน่ะค่ะ” 

“โทษทีพี่ไม่ว่าง”
บอกแค่นั้น ดันหลังไอ้ตัวเล็กให้เดินหน้า 

“งั้นพรุ่งนี้ได้ไหมคะ”
สาวต่ายยังตื๊อไม่เลิกจนผมต้องหันไปมองปราม ๆ   

ไอ้ตัวเล็กก้าวเร็วขึ้น จนผมต้องก้าวไปคว้าข้อมือมันไว้ 

“พี่ไม่ว่าง แค่นี้นะ”
แล้วผมก็ก้าวฉับ ๆ ดึงไอ้ตัวเล็กจากมา

ผมไม่รู้ว่ามันเป็นพวกใจกว้าง หรือไม่อยากจะมากะเกณฑ์อะไรกับผมกันแน่ แต่บางครั้ง ผมก็อยากให้มันหึงหวงผมบ้าง หรือไม่ก็ใช้สิทธิ์ในฐานะของคนที่เคยมีอะไรกันมารั้งผมเอาไว้บ้าง

ใช่ ผมไม่ชอบ แต่ไม่ได้หมายความว่าไม่อยากให้มันทำ แต่นี่มันเล่นเฉยเมย พอมีใครเข้ามาก็หลีกทางให้เหมือนนางเอกผู้แสนดี 

บอกตามตรง ขัดใจครับ
     
“อีกสองอาทิตย์ พวกพี่จะไปเที่ยวนครสวรรค์กันนะ”
ผมบอกคนที่ยังเดินก้มหน้าอยู่ข้าง ๆ ระหว่างทางไปยังโรงจอดรถ มันเงยหน้ามอง ขมวดคิ้วสงสัย คงคิดว่า แล้วจะมาบอกมันทำไม

“นายต้องไปด้วย” 

มันทำหน้าสงสัยยิ่งกว่าเดิม

“ไปกันยกกรุ๊ปนั่นแหละ ไปเที่ยวสวนผลไม้ไอ้กิ๊ฟมัน พ่อมันอยากเห็นว่าที่ลูกเขย” 

“พี่หมายถึง พี่ฝรั่งคนนั้น”

ผมพยักหน้าให้มันที มันยิ้ม ก่อนตอบตกลง 

ไม่เกินครึ่งชั่วโมง ผมก็ขับรถมาถึงที่ทำงานมัน   

แต่ว่า…

ทำไมคนเยอะนักวะ ออกันเต็มหน้าร้านเลย พอพวกผมไปถึง พวกนั้นก็กรูกันเข้ามากรี๊ดใหญ่ 

“พี่เอก!!พี่กาย!!” 

เอ่อ..
กูคิดว่าจะจบแค่เมื่อวานนี้ซะอีก

ผมตีสีหน้าไม่พอใจทันที   

“กรี๊ดดด มาดมาเฟีย!” 

ซะงั้น

กูละหน่าย ผมรีบดันหลังไอ้ตัวเล็กให้เข้าไปภายในร้านทันที

ผู้จัดการเดินยิ้มแก้มบานเข้ามาหา 

“วันนี้จะมาช่วยอีกเหรอครับ”

ตอนแรกก็ว่าจะปฏิเสธ เพราะไม่อยากให้พวกสาว ๆ เข้ามายุ่งวุ่นวายมาก แต่เปลี่ยนใจ เพราะเหลือบไปเห็นใครบางคนกำลังนั่งไขว่ห้าง ส่งยิ้มมาให้ไอ้ตัวเล็กจากโต๊ะในสุด 

ไอ้คุณชรินทร์

ไอ้ตัวเล็กเดินตรงไปหามันทันที 

คันไม้คันมือครับ อยากต่อยไอ้หน้าหล่อนั่นสักที หลังจากนั้นก็จับไอ้ตัวเล็กมัดไว้ ไม่ให้มันไปหาผู้ชายคนไหนได้ นอกจากผมคนเดียว 

“พี่เชนมาได้ไง” 

“ขับรถมา”

แน่ะ มีอารมณ์ขันอีกนะ มันมองมาทางผมนิดหนึ่ง ยิ้ม แล้วหันไปคุยกับไอ้ตัวเล็กต่อ

“พี่มาเตือนว่า อย่าลืมนัดของเราสองคนวันพรุ่งนี้นะ”

ไอ้ตัวเล็กสะดุ้งโหยง แล้วนิ่งไป 

หึ ๆ มันคงรู้ว่าจะโดนผมสอบสวนมิใช่น้อย แล้วไอ้คนพูดมันคงอยากจะประกาศสงครามแย่งชิงปลาน้อยกับผมตรง ๆ ดวงตามันฉายแววแน่วแน่มาทางผม 

ผมรู้ว่าคนเป็นช่างภาพ มักมีความอดทนสูง และผมก็รู้ว่าคนพวกนี้ กล้าที่จะเดินหน้าเพื่อให้ได้ในสิ่งที่ตัวเองต้องการเหมือนกัน 

แล้วสิ่งที่ไอ้คุณชรินทร์มันต้องการตอนนี้ ก็คือกาย และดวงตาของมันก็ฉายแววว่าพร้อมที่ทำทุกวิถีทางเพื่อทำให้กายมาเป็นของตัวเองด้วยเหมือนกัน

ไอ้ตัวเล็กรีบขอตัวเข้าไปแต่งตัวก่อน โดยมีผมและมัน ไอ้คุณชรินทร์เดินตามไปด้วย 

จะตามไปทำไม

วันนี้ผู้จัดการร้านเปลี่ยนเครื่องแบบของพนักงานทุกคนครับ เปลี่ยนจากเสื้อเชิ้ตสีขาวมาเป็นสีแดงเลือดหมู ดูเท่และมีเสน่ห์ไปอีกแบบ และดูเหมือนผู้จัดการจะรู้ว่ามีอาสาสมัครมาช่วยงานที่ร้านบ่อย ๆ เลยสั่งตัดเสื้อผ้าไซส์ใหญ่มาไว้ให้ด้วย ซึ่งผมกับไอ้คุณชรินทร์ก็ตัวสูงเกือบเท่า ๆ กัน (ผมสูงกว่ามันประมาณ 5 เซ็นได้มั้ง) คงเพราะมันเป็นลูกครึ่งไทยอังกฤษนั่นแหละ

ไอ้เต้ยกับไอ้เป้แต่งตัวเรียบร้อยแล้ว พวกมันออกไปรับลูกค้าสาว ๆ ที่พากันหลั่งไหลเข้ามาไม่ขาดสาย

พอผมกับไอ้คุณชรินทร์ไปถึงห้องแต่งตัว ก็เห็นไอ้ตัวเล็กยืนอยู่หน้าล็อคเกอร์ ผมกับไอ้คุณชรินทร์ไปหยุดยืนอยู่ด้านหลัง ใช้สายตาห้ำหั่นกันเอง 

“สวยดีแฮะ”
ไอ้ตัวเล็กมันคงตื่นเต้นกับเครื่องแบบใหม่ มันยกขึ้นมาส่อง ๆ ดู ก่อนคลี่ปลดเสื้อตัวเองออกยัดไว้ในล็อกเกอร์ 

ผมยืนมองตาค้าง จ้องมองแผ่นหลังเพรียวบางของคนที่ผมเพิ่งจะฟัดไปหยก ๆ ปกติกายเป็นพวกชอบใส่กางเกงเอวต่ำอยู่แล้ว ผิวก็ขาว ทำให้เห็นร่องสองจุดด้านหลังได้ชัด ๆ 

นี่มันรู้ตัวรึเปล่า ว่ามายืนโป๊เปลือยท่อนบนต่อหน้าผู้ชายที่คิดจะงาบมันถึงสองคน ผมหันไปมองไอ้คุณชรินทร์ มันยืนมองตาค้างไม่ต่างกับผมเหมือนกัน

ผมไม่รู้ว่ามันเคยชอบใครหรือมีอะไรกับผู้ชายมาก่อนหรือเปล่า แต่คนตรงหน้านี้ของกูเว้ย!

กูหวง!!

ไอ้ตัวเล็กก็อีกคน แทนที่จะรีบ ๆ ใส่ กลับยืนลีลาส่องเสื้ออยู่นั่นแหละ 

“เฮ้ย! ไอ้กาย มึงแต่งตัวเร็ว ๆ หน่อยดิวะ ลูกค้าเยอะ”
ไอ้เต้ยโผล่หน้าเข้ามาเรียก ไอ้ตัวเล็กหันไปมองนิดหน่อย ก่อนรีบตวัดเสื้อใส่ พวกผมสองคนรีบเดินไปคว้าชุดใหม่มาใส่บ้างเหมือนกัน พอไอ้ตัวเล็กใส่เสร็จก็หันมามอง 

“ผมออกไปก่อนนะฮะ”
พูดจบมันก็วิ่งออกไปทันที

ผมหันไปมองไอ้คุณชรินทร์ มันก็ทำหน้านิ่ง ๆ แต่งตัวไป พอเรียบร้อยผมกับมันก็พากันเดินออกไป 

สาว ๆ เยอะครับ มากันให้ตรึม โต๊ะไม่พอ แต่ไอ้ผู้จัดการร้านมันก็ฉลาด มันเอาม้านั่งแบบยาว ๆ เหมือนม้านั่งในสวนสาธารณะไปวางไว้ยังมุมต่าง ๆ ถึงไม่มีโต๊ะก็ยังมีที่ให้นั่ง ส่วนพวกที่เหลือ ก็จับกลุ่มยืนคุยกันไป เด็กบางคนพากันลงไปนั่งที่พื้นเลยก็มี(ดีว่าปูหญ้าไว้เต็มทุกพื้นที่) 

เห็นไอ้ตัวเล็กวิ่งวุ่นถือถาดเอาของไปเสิร์ฟให้ลูกค้าใหญ่ ผมกับไอ้คุณชรินทร์เลยรีบเดินเข้าไปช่วย 

เวลาผ่านไป พวกเราก็ยังคงวุ่นวายอยู่กับการทำงาน ไอ้ตัวเล็กที่เพิ่งเอาเครื่องดื่มไปเสิร์ฟลูกค้าโต๊ะสี่ก็เดินถือถาดเปล่าตรงมาทางผมกับไอ้คุณชรินทร์ (ที่บังเอิญอยู่ใกล้กันพอดี) มันหยุดยืนอยู่ตรงหน้าไอ้คุณชรินทร์ เอื้อมจัดคอเสื้อที่เบี้ยวไร้ระเบียบให้เข้าที่เข้าทาง

“เหนื่อยหน่อยนะครับ วันนี้”
มันบอกยิ้ม ๆ

ผมยืนมองตาเขียว ก่อนที่ไอ้ตัวเล็กจะเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าผมบ้าง มันเอื้อมจัดคอเสื้อและปรับจี้พระอาทิตย์ให้อยู่ในตำแหน่งเดิม พอเสร็จมันก็ตบแปะเบา ๆ ที เงยหน้าขึ้นมายิ้มหวานใส่ แล้วเดินไปทำงานต่อ

ปล่อยให้ผม ยืนหัวใจเต้นแรงอยู่ตรงจุดเดิม 

และผมว่าไอ้คุณชรินทร์ มันก็คงมีอาการไม่ต่างกับผม เพราะเห็นมันมองตามไอ้ตัวเล็กแทบจะตลอดเวลา

งานนี้ ผมคงอยู่เฉยไม่ได้แล้วล่ะ ไม่งั้น คงมีแมววิ่งมาคาบปลาย่างไปจากผมแน่ ๆ

*** ***

To be Con..
หายไปเป็นเดือนเลย
คิดถึงเอกกายเบา ๆ TT
 

ออฟไลน์ boonpa

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +132/-9
 :mew1: ตัวเล็กนี่เสน่ห์แรงน่าดู

ออฟไลน์ Naenprin

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1172
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +203/-1
 :o8:

เสน่แรงจริงๆ นายเอกของเรา

เนื้อเรื่องสนุกมากเลยค่ะ

ออฟไลน์ memew

  • ขอบคุณที่เข้ามาอ่านจ้าาา
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 456
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +382/-10
    • :: Memew แฟนเพจ :

Kiss Love ♥ [47]
สาวเสิร์ฟคนใหม่
[กาย...♥]


วุ่นวายครับวันนี้

พวกแฟนคลับไอ้พี่เอกพากันมารอตั้งแต่พวกผมยังไม่เข้าร้าน ดีใจอยู่หรอก (เพราะได้ทิปเพิ่มขึ้น) แต่ก็แอบเห็นใจไอ้พี่เอกมัน ยิ่งเป็นพวกไม่ชอบให้ใครมายุ่งวุ่นวายอยู่ด้วย ผมยังไม่ได้ปิดบอร์ด เพราะพี่เอกบอกว่าไม่เป็นไร (แต่ต้องจ่ายค่าตัวมากขึ้น) 
วันนี้ผู้จัดการตัดชุดใหม่ให้ด้วย เป็นเสื้อแขนยาวสีแดงเลือดหมู สวยดีครับ มีโลโก้เท่ ๆ ดูเป็นร้านกาแฟมีระดับขึ้นมาอีก แล้วอีกอย่างกาแฟกับขนมที่นี่อร่อยจริง ๆ (อันนี้คอนเฟิร์มโดยพี่เป้อีกที) 

ผมกับไอ้เต้ย วิ่งวุ่นต้อนรับลูกค้า พี่เอกกับพี่เชนเสิร์ฟกันอยู่อีกด้าน สาว ๆ งี้พากันกรี๊ดโครม ๆ ไม่รู้กรี๊ดใครมากกว่ากัน ระหว่างลูกครึ่งสุดหล่ออย่างพี่เชน หรือไทยแท้อย่างพี่เอก 

อยากได้กล้องครับ เอามาถ่ายสักแชะสองแชะ 

การกระทำผมไวกว่าความคิด ผมรีบล้วงหยิบมือถือขึ้นมากดโทรออกหาใครบางคนทันที ไม่เกินครึ่งชั่วโมงหลังจากนั้น ก็มีรถวิ่งเข้ามาจอดที่ลานจอดรถ ผมรีบวิ่งออกไปรับทันที

“มาถึงก็ใช้กันเลยนะ”
แม่แอบต่อว่า แม่เพิ่งบินมาจากเชียงใหม่วันนี้นี่เอง โทรบอกตั้งแต่ตอนกลางวันแล้ว 

“มีภาพสวย ๆ ให้อยากถ่ายน่ะ ขอบคุณครับ”
ผมรับกล้องมาถือไว้ แม่กวาดมองไปรอบ ๆ   

“ว้าว ลูกค้าเยอะจัง” 

“ฮะ แฟนคลับของพี่เอกทั้งนั้นเลย”
แม่เลิกคิ้วสูง ยังไม่ทันที่ผมจะได้อธิบายอะไรก็มีเสียงของใครอีกคนดังแทรกเข้ามาก่อน

“ว้าววววว วันนี้ลูกพ่อใส่เครื่องแบบใหม่ด้วย”
พ่อผมฮะ ไม่รู้มาได้ยังไง ผมหันไปมอง พอ ๆ กับแม่ที่หันขวับไปมองทันทีที่ได้ยินเสียงเหมือนกัน 

“อ้าวคุณ” 

“นาย”
แต่ละคนทำหน้าเหมือนอีกคนเป็นตัวประหลาด

“กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่”
พ่อถาม

“ไม่เกี่ยวกับคุณ”

“ไม่เกี่ยวได้ไง ผมกะจะไปค้างกับลูก คุณมาอย่างนี้ ผมก็เสียโอกาสน่ะสิ” 
แม่ยิ้มมุมปาก

“หึ โอกาสคุณมันหมดไปตั้งแต่วันที่คุณก้าวออกจากบ้านไปแล้ว” 
พ่อทำสายตากรุ้มกริ่ม

“พูดงี้ แปลว่าเสียดายผมล่ะซี้”
แม่เบ้หน้า ทำท่าแหวะลงพื้น 

“ตะกวดแถวกำแพงเมืองจีนยังดูดีซะกว่าอีก”
พูดซะผมเห็นภาพเลย 

“คุณว่ากายหน้าตาหล่อไหม”
พ่อผมไม่ยี่หระ แถถามไปเรื่องอื่น แม่ทำหน้าเป็นแมวงง ก่อนตอบด้วยน้ำเสียงฉะฉาน ไม่แน่ใจว่าต้องการเอาใจผม หรือพูดความจริงกันแน่

“หล่อสิ หล่อมาก ๆ ด้วย”
ผมฉีกยิ้ม ปลื้มครับ โดนแม่ตัวเองชม 

พ่อยิ้มแป้น 

“ยิ้มอะไร” 

“ขอบคุณที่คุณชมผม”
ผมกับแม่พากันเลิกคิ้วแปลกใจ

“ฉันไม่ได้ชมนาย ฉันชมลูก”
พ่อยิ้ม ยกมือขึ้นมากอดอก 

“อ้าว ก็มีคนเคยพูดอยู่บ่อย ๆ ว่ากายหน้าตาคล้ายผม ถ้าคุณชมว่ากายหล่อมาก ๆ งั้นก็หมายความว่าคุณต้องชมผมด้วยเหมือนกัน” 

โห พ่อคิดได้ไงครับ
เกิดมาผมยังไม่เคยเห็นใครหยิบประเด็นนี้ขึ้นมาเป็นข้ออ้างชมตัวเองเลย 

แม่อ้าปากค้าง หน้าแดงก่ำ พูดอะไรไม่ออก เพราะถ้าค้านนั่นหมายถึง ผมจะกลายเป็นคนขี้เหร่ไปทันที แต่ถ้ายอมรับ ก็เข้าทางพ่อพอดี

ซ้ายพ่อก็ชนะ ขวาพ่อก็ชนะ 

ยกนี้ แม่โดนน็อกครับ 

“ชิ! เสียอารมณ์ แม่มาเหนื่อย ๆ หิว มีอะไรหวาน ๆ ให้แม่กินบ้างไหม”
แม่ละความสนใจจากพ่อหันมาทางผม

“กินมากเดี๋ยวก็อ้วนหรอก”
ยังครับ พ่อยังแขวะไม่เลิก

แม่หันขวับไปมอง นี่ถ้าตาแม่มีแสงเลเซอร์ พ่อคงตัวพรุนเพราะถูกลำแสงจิกกัดก่นด่าแบบไม่มีเสียงแน่ ๆ 

“มีครับ เยอะแยะเลย เข้าไปข้างในกันก่อนดีกว่า”
ผมถือกล้อง เดินนำแม่กับพ่อเข้าไปภายในร้าน ยังดีที่มีน้องนักเรียนจากโต๊ะติดกระจกลุกพอดี ผมเลยถือโอกาสเข้าไปเก็บของและทำความสะอาด ปล่อยพ่อกับแม่ยืนรออยู่ด้านหลัง จ้องมองกันแบบกัด ๆ ไป พอเสร็จผมก็บอกให้พวกท่านนั่ง(งานนี้จะมาเล่นแง่แยกโต๊ะไม่ได้ครับ คนเยอะ โต๊ะเก้าอี้ไม่พอนั่ง) 

แม่นั่งได้แล้ว แต่ยังไม่ทันที่ตูดพ่อจะติดเบาะ ผู้จัดการก็มาลากแขนพ่อไปหลังร้าน แล้วแกก็ออกมาในสภาพเดียวกับผม

ผมหัวเราะร่วน สงสัยต้องบอกผู้จัดการให้เลิกจับพวกพี่ ๆ พ่อ ๆ ผมมาเป็นพนักงานเสิร์ฟซะแล้ว ถึงจะได้ค่าเหนื่อยเป็นเงินเยอะอยู่ก็เถอะ 

“เสียดายพวกน้องอ้อนไม่ได้มาด้วย อุตส่าห์ตัดชุดใหม่ไว้ให้โดยเฉพาะ”
ผู้จัดการบอกด้วยน้ำเสียงเสียดาย ก่อนสายตาแก จะเหลือบไปเห็นแม่ที่นั่งเคี้ยวขนมตุ้ย ๆ อยู่ข้าง ๆ ผู้จัดการร้านกระแซะเข้ามาใกล้ 

“ใครน่ะกาย” 

“ทำไมเหรอฮะ” 

“น่ารักดี อยากขอเบอร์โทร” 
ผมมองหน้าผู้จัดการ แม่ไม่ได้ยินครับ แต่พ่อที่กำลังยืนพับแขนเสื้ออยู่ได้ยินเต็ม ๆ พ่อละมือออกทันที เสื้อมันเป็นเสื้อแขนยาวน่ะฮะ แล้วพ่อผมก็เป็นพวกชอบพับแขนเสื้อไว้ที่ศอก

พ่อยืนทำหน้าไม่สบอารมณ์ 

ผมกำลังจะบอกพ่อว่า แขนเสื้ออีกข้างยังไม่ได้พับ แต่ไม่ทันครับ ใครอีกคนเร็วกว่า

“แก่แล้วยังขี้ลืมอีก แขนอีกข้างยังไม่ได้พับแน่ะ”
แม่ผมครับ ปากก็จิกไปมือก็จิ้มตักแบ่งเค้กในจานเตรียมกิน

“พับให้หน่อย”
พ่อยื่นแขนข้างที่ยังไม่ได้พับไปให้ แม่ทำหน้าเหวอ ถือช้อนค้างไว้ใกล้ปาก

“เรื่องอะไรฉันต้องทำให้นายด้วย” 
ผู้จัดการร้านมองพ่อกับแม่สลับกันไปมา 

“เมื่อกี้คุณยังชมว่าผมหล่ออยู่เลย ตอนนี้ผมยังหล่อไม่เสร็จ ทำให้ผมหล่อเสร็จหน่อยสิ” 

มุขไหนครับพ่อ - - 

พ่อยื่นแขนไปแทบจะติดหน้าแม่ แม่จิ๊ปากปัดมือออก ด่าทอพ่อทางสายตา แม่คงรำคาญเลยจับแขนเสื้อพับให้ลวก ๆ แค่นั้นพ่อก็ยิ้มออกแล้วครับ แต่แม่ไม่เห็น

“สองคนนี้…”
ผู้จัดการถามผมต่อ

“ก็อย่างที่เห็น”
ผมให้คำตอบไว้แค่นั้น หันหลังเดินไปทำงานต่อ 

ผู้จัดการทำหน้าหงอย
ถ้าให้ผมเลือก ผมขอเลือกพ่อมาเป็นพ่อเลี้ยงผมดีกว่านะครับ

“เฮีย”
ผมสะกิดพ่อตอนพ่อกำลังรับถาดมาถือไว้ พ่อหันมามอง ในปากคาบบิลไว้ เท่สุด ๆ ไปเลย 

“เฮียสนใจหาแม่เลี้ยงให้ผมไหม”
ผมเสนอ 

พ่อเลิกคิ้วสูง ผมยิ้มนิด ๆ ดึงบิลจากปากเฮียแกมาถือไว้ ดูรายการในนั้นนิดหน่อยว่าต้องนำไปเสิร์ฟที่โต๊ะไหน

“ใคร ถ้าไม่สวย เฮียไม่รับพิจารณานะ”
พ่อถาม เดินถือถาดออกไปด้านนอก โดยมีผมเดินตามไปทำหน้าที่เสิร์ฟให้ ผมหันไปยิ้มเจ้าเล่ห์ใส่พ่อ

“ก็ผู้หญิงสวย ๆ ที่นั่งเขียนนิยายอยู่ตรงนู้นไง”
หลังจากทานเค้กหมด แม่ก็ยังไม่ได้กลับฮะ นั่งแต่งนิยายต่อ เห็นบอกไอเดียพุ่งพอดี แม่มีที่อุดหูฮะ เอาไว้ใส่กันเสียงรบกวน ตอนนี้เข้าถ้ำไปแล้ว นั่งพิมพ์นิยายต๊อกแต๊กหน้าเครียดอยู่คนเดียว 

พ่อมองตาม ก่อนหันมามองหน้าผมด้วยความแปลกใจ ผมอมยิ้ม 

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้นะ ว่าเฮียยังรู้สึกดี ๆ กับเจ้แกอยู่ ผมไม่ได้บอกว่าให้กลับมาเป็นเหมือนเดิม แต่ให้พิจารณาใหม่ เริ่มต้นใหม่ จีบใหม่ ทำตัวแบบใหม่ อะไรที่มันเคยผ่านไปแล้ว ก็ให้มันผ่านเลยไป”

“ผมว่าเฮียเองก็เปลี่ยน เจ้เองก็เปลี่ยน แต่เปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นนะ คงเพราะต้องประสบพบเจออะไรหลาย ๆ อย่าง ยิ่งช่วงที่ไม่มีกัน ยิ่งขัดเกลาให้พวกเฮีย ๆ เข้มแข็งขึ้น ภายนอกอาจไม่เปลี่ยน แต่ผมว่าภายในเปลี่ยนไปเยอะ”

“ผมอยู่กับเจ้มา ผมรู้ ส่วนเฮียถึงผมไม่ได้อยู่ด้วย แต่ทุกครั้งที่ผมได้เจอได้พูดคุยกับเฮีย ผมรู้ว่าเฮียเองก็เปลี่ยนไปเหมือนกัน ผมจึงไม่ขอให้เจ้กับเฮียกลับมาเป็นเหมือนเดิม เพราะถ้าเป็นแบบนั้น คงต้องลงเอยแบบเดิมกันอีกแน่ ๆ แต่ผมขอให้เริ่มต้นใหม่ คิดใหม่ทำใหม่ จีบใหม่ เป็นคนใหม่ที่ดีกว่าเดิม”
ผมพูดรวดเดียวจบ อยากได้น้ำมาดื่มสักแก้วแฮะ

พ่อมองผมอึ้ง ๆ ยิ้มแล้วลูบหัวผมเบา ๆ 

“ลูกเฮียโตขึ้นเยอะเลยนะเนี่ย ทั้งความคิดและจิตใจ เฮียว่าเจ้แกเลี้ยงกายดีเหมือนกัน”

ผมยิ้มรับคำพ่อ 

“ไงก็พิจารณาข้อเสนอผมไว้หน่อยละกัน”
พ่อไม่ได้ตอบอะไรกลับมา ผมยิ้ม หันไปมองแม่ที่นั่งทำหน้าเซ็ง ๆ อยู่หน้าจอคอม ผมเลยละจากพ่อไปหาแม่บ้าง 

“มีอะไรให้ช่วยหรือเปล่าครับ คุณผู้หญิง”
ผมโน้มหัวลงต่ำคล้ายบริกรในโรงแรม แม่แงะที่อุดหูออกมาคุยด้วย 

“คิดช็อตต่อไปไม่ถูก”

“แล้วเขียนเรื่องอะไรอยู่ล่ะ”
ผมถาม เพราะบางที แม่ก็ถามไอเดียจากผมเหมือนกัน

“พอดีเห็นบรรยากาศในร้านกาแฟ เลยลองแต่งแนววัยรุ่นที่พบรักกันในร้านกาแฟดูบ้างน่ะ” 
ผมยืนคิดอยู่สักพัก สายตาเหลือบไปเห็นพ่อกำลังยืนรับออเดอร์อยู่ ก่อนหันกลับมามองคนที่นั่งเคาะนิ้วไร้ไอเดียกับแป้นพิมพ์
ผมยิ้มทันที 

“แล้วทำไมเจ้ไม่ลองมาใช้ชีวิตเป็นพนักงานเสิร์ฟสักวันล่ะ เผื่อจะได้ไอเดียเพิ่มขึ้น ผ่อนคลายด้วย เจ้เคยบอกว่าถ้าผ่อนคลายไอเดียจะบังเกิดนี่” 

แม่ขมวดคิ้วทำท่าคิด

“แล้วจะทำได้ไง”
ผมพยักหน้าไปยังพ่อ

“แล้วคิดว่าเฮียทำได้ยังไง” 
แม่ขมวดคิ้วอีกที 

“หลักสูตรเดียวกันครับ มานี่”
แล้วผมก็จัดการรวบเก็บข้าวของของแม่ พาแม่เดินดุ่ม ๆ เข้าไปในห้องแต่งตัว

สิบนาทีต่อมา แม่ผมก็ออกมายืนอยู่ในชุดพนักงานเสิร์ฟสุดน่ารัก

เคยบอกแล้วใช่ไหมฮะ ว่าที่นี่ไม่เคยรับพนักงานเสิร์ฟหญิงมาก่อน ผมเพิ่งเข้าใจว่าเพราะอะไร เห็นไอเดียการออกแบบชุดของผู้จัดการแล้ว ผมอยากเปลี่ยนใจพาแม่ผมกลับบ้านขึ้นมาดื้อ ๆ 

ไม่ใช่ไม่น่ารัก
แต่เพราะมันน่ารักสุด ๆ น่ารักชนิดกระชากวัยลงไปอีกยี่สิบปีเลย 

ชุดพวกนี้ผู้จัดการจัดไว้ให้พวกทโมน เป็นชุดสีแดงเลือดหมูเหมือนกัน กระโปรงฟู ๆ สั้นเหนือเข่า ถุงเท้าฟู ๆ บนรองเท้าส้นสูงไม่มากเล่นลายน่ารัก เสื้อแขนสั้นโชว์ผิวเนื้อขาว ๆ ผ้ากันเปื้อนสั้นเท่ากระโปรง 

น่ารักมว้ากกก 

ที่สำคัญ ใส่ที่คาดผมไว้บนหัวสีเดียวกับชุดอีก(ปกติแม่ไม่ค่อยชอบใส่อะไรพวกนี้หรอก)

โอ๊ย จะน่ารักไปไหน 

“นี่ แน่ใจเหรอว่าจะให้ใส่ชุดนี้”
แม่ถาม

“ผมไม่แน่ใจแฮะ”
ผมชักลังเล 

“ทำไม”
แม่ทำหน้าไม่มั่นใจ

“น่ารักเกิน”
แม่หน้าแดงเลย

“ผมอยากให้แม่เป็นคนอื่นจัง ผมจะได้จีบ”
ผมแซว แม่ยิ้มเขิน 

โหย น่ารักได้อีก 

“ไปกันเถอะ”
ผมตัดสินใจลากแม่ออกจากห้องแต่งตัว 

“โห คุณแม่ เอ้ย เจ้น่ารักมากเลย”
ไอ้เต้ยวิ่งเข้ามาชมก่อนเป็นคนแรก ใจจริงมันคงอยากวิ่งมาซุกอกตูม ๆ ของแม่ แต่มันยั้งไว้   
แม่เขินใหญ่

พี่เอกกับพี่เป้เดินเข้ามาทักบ้าง 

“โห…”
พวกพี่ ๆ พูดกันได้แค่นั้นครับ ผมนี่ยิ้มแก้มบานเหมือนตัวเองโดนชมซะเอง   

“น่ารักดีครับ”
พี่เอกเพิ่งควานหาคำชมเจอ แม่เขินแล้วเขินอีก พอดีมีลูกค้าเข้ามาใหม่ พวกพี่ ๆ เลยเดินเลี่ยงไปทำงานต่อ แต่ไปได้ไม่เท่าไหร่ พี่เอกก็เดินวนกลับมากระซิบบางอย่างข้างหูผม

“อยากเห็นกายใส่ชุดนี้บ้างจัง คงน่ารักน่าดู”

ผมยืนหน้าร้อน 
ฝันเอาครับพี่ ผมไม่มีทางมาแต่งชุดแบบนี้ให้พี่เห็นแน่ ๆ 

ผมเดินประกบแม่ มือใหม่หัดขับ ต้องแนะนำกันหน่อย

พ่อผมยังไม่เห็นครับ เดินถือถาดร่อนผ่านสามโต๊ะ เพื่อนำเครื่องดื่มไปเสิร์ฟลูกค้าสาว ๆ ยังโต๊ะที่ติดกับรั้วไม้ ใบหน้าเคลือบความสุข ยิ้มหล่อเรี่ยราดไปตามทาง ใครอยากได้ ก็เก็บใส่กระเป๋าเอากลับบ้านได้

พอเสิร์ฟเสร็จ พ่อตวัดพลิกถาดมาถือไว้ข้างลำตัวอย่างชำนาญหันกลับมาทางหน้าร้านซึ่งมีผมกับแม่ยืนมองเฮียแกทำงานอยู่เพลิน ๆ

“เคร้ง!!!”
มือไม้ไร้กำลังขึ้นมาทันที พ่อทำถาดตกพื้นเสียงดังจนผู้คนหันไปมอง แต่พ่อผมหาได้สนใจไม่ ยืนมองแม่ตาค้าง

เมื่อกี้พ่อยืนอยู่ท่าไหน ตอนนี้ก็ยังอยู่ท่านั้น

แม่ผมยืนอายม้วนต้วนไปเลย คงไม่เคยเห็นพ่อเวอร์ชั่นเอ๋อแดกแบบนี้มาก่อน

ผู้คนเริ่มพากันส่งเสียงซุบซิบคุยกัน คงรู้กันแล้วว่าอะไรเป็นเหตุให้พ่อพนักงานเสิร์ฟสุดหล่อสติหลุด และก่อนที่ผู้คนจะสนใจมากไปกว่านี้ ผมรีบผลักหลังแม่ไปด้านหน้าเบา ๆ

“เจ๊ ฝากเก็บถาดที่เฮียแกทำหล่นด้วย…เฮีย ฝากดูแลพี่แก้วด้วยนะ พอดีผมต้องไปช่วยพี่เชนยกนมสดมาเพิ่ม”
ผมบอกคนทั้งคู่รวดเดียวจบ หันหลังเดินกลั้นขำมาตลอดทางจนเจอคนที่ผมใช้เป็นข้ออ้างเข้าจริง ๆ

“ขำอะไร”
พี่เชนแกไม่รู้เรื่องครอบครัวผมครับ พี่แกถาม ตาก็มองไปยังพ่อที่ยืนเก้ ๆ กัง ๆ กับแม่ที่ทำหน้าหงิกก้มเก็บถาดมายื่นให้พ่อ 

“เพิ่งเคยเห็นพี่พัฒน์ทำท่าเสียลุคก็ครั้งนี้แหละ”
มองไม่ยากครับ เห็น ๆ กันอยู่ ผมขำยิ่งกว่าเดิม

“ปล่อยให้พวกเขาเรียนรู้กันดีกว่าครับ เรื่องของเขาเราไม่เกี่ยว”
ผมรีบเกี่ยวแขนพี่เชนให้หนีออกไปจากจุดนั้น

แต่เดินไปได้ไม่เท่าไหร่ ผมก็ถูกดึงแขนกลับ พอหันไปมอง 

อ้าว…

“พี่เอก” 

“โทษที พอดีพี่หาของไม่เจอ ไปช่วยพี่หาหน่อย”
แล้วพี่มันก็ลากผมเดินไปด้วยกันทิ้งให้พี่เชนยืนมองตามหลัง 

อะไรวะ กูจะคุยกับพี่เชนซะหน่อย 

“พี่เอกจะพาผมไปไหน”
พี่มันลากผมแถก ๆ เข้าไปในห้องเก็บของ

“พี่เอก อื้อ!!…”
อยู่ ๆ พี่มันก็กดจูบลงมาเต็มแรง 

นี่พี่มันไปตายอดตายอยากที่ไหนมา ได้ข่าวว่าเพิ่งกินกูไปหยก ๆ

ผมพยายามดิ้นรน นี่มันในร้านนะ ถึงจะเป็นห้องเก็บของก็เถอะ ถ้าเกิดใครเดินมาเห็นเข้าล่ะ จะทำยังไง พี่มันกระหน่ำบดปากผมอยู่สักพักก็ปล่อยออก

“เลิกทำตัวน่ารักสักนาทีจะได้ไหม”

ผมกะพริบตาปริบ ๆ มองแกเหมือนเห็นสัตว์ประหลาดหลุดออกมานอกโลก

อะไร กูทำตัวน่ารักอะไร ยังไง ตรงไหน กูก็อยู่ของกูเฉย ๆ 

พี่มันกดจูบลงมาอีกรอบก่อนละปากลงไปที่ซอกคอ งับเบา ๆ จนเจ็บจี๊ด ผมรีบผลักหน้าพี่มันออก

“พี่เอก หยุดนะ นี่มันในร้าน”
พี่มันเงยหน้าขึ้นมายิ้ม ทำหน้าเจ้าเล่ห์หน่อย ๆ หันหลังเดินจากไป ผมยืนงงอยู่คนเดียว

อะไรวะ คุยกับพี่เชนอยู่ดี ๆ ก็ลากกูมาไว้ในห้องเก็บของ มาจูบ มากอด มากัด แล้วก็ชิ่งหนีไปเนี่ยนะ

“ประสาท”
ผมรีบเดินออกจากห้องเก็บของตรงดิ่งไปหาพี่เชนทันที พอดีเมื่อกี้ว่าจะคุยกันเรื่องเวลานัดพบวันพรุ่งนี้   

“พี่เชน”
ผมเรียก รีบเดินกึ่งวิ่งเข้าไปหา พี่เชนหันมามองตาม จนผมไปหยุดยืนอยู่ตรงหน้าพี่แก เหมือน ๆ พี่เชนจะมองบางอย่างที่คอผม แต่ผมไม่ได้ใส่ใจ 

“ผมแลกเวรกับเพื่อนแล้ว ผมว่างตั้งแต่สี่โมงเย็น จะให้ผมไปรอที่ไหนเหรอ” 
พี่เชนเสหน้าไปด้านข้าง

“เป็นไรรึเปล่าฮะ เหนื่อยเหรอ เลิกแค่นี้ก่อนก็ได้นะ”
เห็นแกมีสีหน้าแปลก ๆ เป็นห่วงครับ เพราะถึงยังไงพี่เชนก็แค่มาช่วย ไม่จำเป็นต้องอยู่นานก็ได้ 

พี่เชนหันมายิ้มหล่อนิดหนึ่ง เขยิบมายืนจนชิด 

เอ่อ…พี่ฮะ ชิดเกินไปไหม

“พรุ่งนี้พี่จะไปรับที่มหา’ลัย” 

“ไม่ต้องลำบากพี่ก็ได้” 

“ไปรับนั่นแหละดีแล้ว จะได้ขับรถเลยไปเลย” 
ผมพยักหน้าเข้าใจ หันไปมองพี่เอกที่ถูกล้อมหน้าล้อมหลังด้วยสาว ๆ หน้าพี่มันหงิกได้ใจมองมาที่ผม 

คงโกรธที่ผมทำให้พี่แกกลายเป็นคนดัง 

ผมขอโท้ดดด

สัมผัสจากปลายนิ้วตรงต้นคอพาเอาผมสะดุ้งโหยงหันไปมองคนทำ 

พี่เชนฮะ

แกแตะนิ้วบนคอผมเบา ๆ 

“ประกาศว่ามีเจ้าของแล้วน่ะสินะ” 

“เอ๊ะ?” 

“รอย…”
พี่แกกลืนคำพูดสุดท้ายไป ผมลูบแถว ๆ ต้นคอลงไปที่ไหปลาร้า

“อ๋อ พี่หมายถึงรอยข่วนเหรอฮะ” ผมลูบรอยข่วนนั้นเบา ๆ “โดนหมาข้างบ้านมันข่วนเอาน่ะ มันอยากให้ผมเป็นเจ้าของมากกว่าเจ้าของที่แท้จริงของมันซะอีก ตัวก็ใหญ่ โดดทับมาแต่ละที แทบเดี้ยง” ผมบ่นอุบ

พี่แกปรายตามองจุดที่ผมลูบ ก่อนขำกับคำพูดผมใหญ่

“ใช่ ท่าทางจะเป็นหมาหวงก้างนะ” 

“มีแต่แมวหวงก้างไม่ใช่เหรอฮะ หมาต้องหวงกระดูกสิ” ผมแย้ง “ไม่รู้ว่ามันหวงไหม แต่เห็นผมเป็นไม่ได้ กระโดดเข้าใส่ทุกที” ผมเล่าต่อ พี่เชนหัวเราะใหญ่

“ก็คนมันน่าเป็นเจ้าของนี่เนอะ”
พี่มันพูดอะไรสักอย่าง ยังไม่ทันคุยกันต่อก็มีลูกค้ากลุ่มใหญ่เข้ามาจนพวกผมต้องรีบเข้าไปต้อนรับ 

เอ้อ จริงสิ ผมลืมไปเสียสนิทเลย

พอรับลูกค้าเสร็จ ผมรีบเดินไปหน้าเคาน์เตอร์เพื่อขอกล้องที่ฝากไว้ ก่อนเดินไปขออนุญาตผู้จัดการเพื่อถ่ายภาพบรรยากาศภายในร้าน ผู้จัดการอนุญาตทันที 

ผมเดินถ่ายไปทั่วทุกจุดทุกมุมที่มีการตกแต่งแบบใหม่ ไล่ไปถึงพนักงานแต่ละคน ซึ่งทุกคนก็ให้ความร่วมมือโดยดี ผมกดถ่ายไปเรื่อย ๆ จนไปหยุดอยู่ยังคนสองคนที่กำลังช่วยกันเสิร์ฟลูกค้าอยู่ด้านนอก 

ผมอมยิ้ม ปรับเลนส์ล็อกใบหน้าพ่อเอาไว้ ก่อนกดถ่ายไปสองสามที แล้วเลื่อนไปยังแม่และทำแบบเดียวกันบ้าง 

ตอนนี้พ่อถือถาดเอาไว้ในมือ โดยมีแม่เป็นคนยกเครื่องดื่มเสิร์ฟลูกค้าอีกที พวกหนุ่ม ๆ พากันมองแม่จนเหลียวหลัง

ทุกคนจะรู้ไหมนะ ว่าผู้หญิงคนนั้น ใกล้สี่สิบแล้ว 

แม่ทำหน้าเขินใหญ่ตอนพ่อเผลอหันมามอง น่ารักดีครับ ผมถ่ายรูปคู่ของพวกเขาไปอีกหลายช็อต แล้วก็หันไปถ่ายภาพพี่เอก ภาพน้อง ๆ นักเรียนในมุมต่าง ๆ ถ่ายภาพพี่เชนด้วย ที่พอผมหันไปหาแกทีไรก็มักจะเห็นพี่แกมองตรงมาที่ผมเสมอ 

และที่ขาดไม่ได้

ผมหันเลนส์กล้องตรงไปยังสองพี่น้อง ที่หนึ่งทำงานด้วยใบหน้าเย็นชากับอีกหนึ่งบริการด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม 

ผมไม่รู้ว่าไอ้เต้ยมันคิดอะไรอยู่ แต่มันดูมีความสุขมากกว่าปกติ

ดูมีความสุขมากเกินไป

ผมค่อย ๆ ลดกล้องลง 

จริงสินะ 

อีกแค่สองวัน…

สองวันเท่านั้น ที่เวลาของมันจะหมดลง 

ผมไม่รู้ว่าที่มันมีความสุขขนาดนี้ เพราะมันได้คำตอบที่น่าพอใจแล้ว หรือว่าเป็นความสุขสุดท้าย ที่มันจะหาได้จากพี่มัน 
ก่อนกลับไปเป็นคนแปลกหน้า แล้วรอจนกว่าพี่เป้จะกลับมาเป็นคนเดิม

คืนนั้น ผมกลับบ้านพร้อมแม่ 

ถึงแม่จะบ่นเรื่องพ่อบ้าง แต่ก็ดูมีความสุขดี 

ผมเอ่ยปากถามแม่เหมือนที่เคยถามพ่อ และพูดประโยคเดียวกันกับที่พูดกับพ่อให้แม่ฟัง แม่กอดผมทันทีที่พูดจบ ปากก็พร่ำบอกว่า ‘ลูกแม่โตแล้วจริง ๆ’

ผมไม่รู้ว่าผมโตแล้วหรือว่ายังเด็กอยู่ ผมก็แค่พูดไปตามสิ่งที่ผมคิด ผมแค่อยากให้ทุกคนมีความสุข แค่นั้นเอง 

ผมรักพ่อกับแม่นะฮะ
*** ***


ออฟไลน์ แมลงมีพิษชนิดหนึ่ง

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 464
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-14
สนุกมากมายรีบมาต่อไวๆนะครับ :katai2-1: :katai2-1:

ออฟไลน์ mawmeawmimo

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 65
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
รอตอนต่อไปอยู่นะคะ  มาต่อไวๆนะคะ

 :pig4: :pig4: :pig4:

 :mew1: :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
สนุกมากกกกกกกกเลยค่ะ อ่านแล้วก็อยากให้ตอนใหม่มาไวไว อารมณ์มันค้างน่ะรู้ไหม

ออฟไลน์ Chrysan

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 306
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
สงสารเต้ยกับพี่ เป็นความสัมพันธ์ที่ไม่รู้จะไปต่อยังไงดี
ก้าวหน้าก็ไม่ได้ ถอยหลังก็ไม่ใช่ หยุดอยู่กับที่ก็อึดอัด

คู่พ่อแแม่ดูจะแซงหน้าคู่ลูกแล้วนะ
พี่เอกช่วยชัดเจนกว่านี้ด้วย
เป็นหมาหวงกระดูกที่น่าตบมาก
แต่กระดูกเขาเต็มใจนี่เนอะ
          :katai5:

ออฟไลน์ memew

  • ขอบคุณที่เข้ามาอ่านจ้าาา
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 456
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +382/-10
    • :: Memew แฟนเพจ :
Kiss Love : 48
เผลอสารภาพ(รัก)
 เอก....☼

ในที่สุดวันอันแสนเหน็ดเหนื่อยผสมสนุกสนานก็จบลง ตอนแรกผมกะจะพาไอ้ตัวเล็กกลับมานอนค้างที่คอนโดด้วย แต่แม่มันกลับมาพอดี ผมเลยต้องปล่อยมันไป 

วันนี้ผมทำงานแทบไม่มีสมาธิ มองตามไอ้ตัวเล็กที่มีสายตาของไอ้คุณชรินทร์มองตามแทบจะตลอดไอ้ตัวเล็กมันไม่รู้ตัวหรอก ตั้งหน้าตั้งตาทำงานของตัวเองไป   

ผมอยากเตือนให้มันรู้อีกครั้งว่ากายเป็นของใคร เลยลากไอ้ตัวเล็กไปจูบแล้วสร้างรอยไว้ที่คอหนึ่งจุด ไอ้ตัวเล็กมันไม่รู้ตัว ถึงได้เดินทะเล่อทะล่าเข้าไปหาไอ้คุณชรินทร์มันแบบนั้น

ผมมองตามทุกการกระทำของมัน ไอ้คุณชรินทร์คงเห็นร่องรอยที่ผมทำไว้แล้ว ผมแทบจะเดินไปต่อยหน้ามันตอนมันสัมผัสต้นคอขาวนั้นเบา ๆ ทำถึงขนาดนั้นแล้ว ก็คิดว่ามันจะหยุดบ้างอะไรบ้าง แต่ดวงตามัน กลับมีแววมุ่งมั่นมากกว่าเดิมอีก

จะด้านไปไหนวะ

พรุ่งนี้ไอ้ตัวเล็กจะไปดูภาพกับมัน ผมอยากตามไปด้วย แต่ติดงาน จะห้ามก็ห้ามไม่ได้ เพราะนั่นคือชีวิตของมัน แต่จะให้ไว้ใจก็ทำไม่ได้อีก

ผมกลับมาถึงคอนโดในสภาพที่จิตใจคิดถึงแต่เรื่องของไอ้ตัวเล็ก ผมโยนกระเป๋าและกุญแจไว้บนโต๊ะ สลัดเสื้อผ้าทุกชิ้นออกจากร่างกาย เดินเปลือยเปล่าเข้าห้องน้ำไป หวังให้สายน้ำช่วยกันชำระล้างจิตใจที่กำลังร้อนระอุให้เบาบางจางหายไปได้บ้าง               

ผมยืนนิ่ง ก้มหน้าค้ำมือข้างหนึ่งไว้กับกำแพง อีกข้างเสยผมไปด้านหลัง ครุ่นคิดกับวันที่ผ่านมาและสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น             

ผมยืนอยู่อย่างนั้นจนผ่านไปร่วมครึ่งชั่วโมง แต่เป็นครึ่งชั่วโมงที่ว่างเปล่า สายน้ำเย็น ๆ ไม่ได้ช่วยอะไรผมเลยแม้แต่น้อย               

ผมกวาดนิ้วเสยผมไปด้านหลังเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนหมุนปิดฝักบัว คว้าหยิบผ้าเช็ดตัวมาเช็ดลวก ๆ โยนใส่ตะกร้า คว้าเอาเสื้อคลุมมาสวม ก้าวเดินออกจากห้องน้ำไปหยุดยืนอยู่นอกระเบียง เผื่อบางที สายลมเย็น ๆ ด้านนอก จะช่วยอะไรผมได้บ้าง

ผมค้ำมือกับราวระเบียง แหงนหน้าขึ้นมองท้องฟ้าสีดำเคลือบแสงด้านบน

ผมมีสิทธิ์จะหึงจะหวงมันได้ไหม ก็ในเมื่อผมไม่ได้วางมันไว้ในฐานะอะไรเลย แล้วมันล่ะ จะหวงเนื้อหวงตัวไว้ให้ผมเพียงคนเดียวไหม

ผมถอนหายใจแรง หันไปมองเครื่องมือสื่อสารที่ส่งเสียงดังครืด ๆ อยู่บนโต๊ะ ผมเดินเนือย ๆ ไปหยิบมากดรับทั้งที่ไม่ได้มองเบอร์

“พี่เอก”
เหมือนเรี่ยวแรงที่หายไปเมื่อตะกี้ถูกกระชากกลับคืนทันทีที่ได้ยินเสียง   

“จะนอนรึยังฮะ”
ปลายสายถามต่อ ผมเลื่อนโทรศัพท์มาดูให้แน่ใจว่าเป็นเบอร์ของใคร เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่มันโทรมาหาผมก่อน

“กาย”
ผมทดสอบเรียก เผื่อมีใครหยิบเอาโทรศัพท์มันมาโทรเล่น 

“ครับ”
เสียงตอบรับเป็นเสียงของมันจริง ๆ 

“อยู่ไหน”
กูจะถามให้มันยาว ๆ กว่านี้ไม่ได้เหรอวะ

“อยู่บ้าน ในห้องนอน นั่งอยู่ข้างเตียง กำลังคุยโทรศัพท์อยู่กับพี่เอก”
มันตอบมาซะยาวยืด แถมท้ายด้วยหัวเราะเบา ๆ 

มึงจะอารมณ์ดีอะไรนักหนาวะ กูกำลังอารมณ์เสียอยู่นะเว้ยเฮ้ย

“พี่ถามคำเดียว”
ผมย้อน 

“ตอบก่อนไง เผื่อพี่อยากรู้แบบละเอียด” 

“อารมณ์ดีจริง มีเรื่องอะไรดี ๆ เกิดขึ้นรึไง”
ผมถาม มันหัวเราะร่วนเลย 

“ก็วันนี้มีแต่เรื่องดี ๆ เกิดขึ้นจริง ๆ นี่นา”
ผมก็เห็นมันมีแต่เรื่องดี ๆ เกิดขึ้นทุกวัน ยกเว้นวันที่ผมหึงมันจนลมออกหูน่ะนะ 

“อย่างเช่น…”
ผมเดินไปทิ้งตัวลงนั่งบนโชฟา หยิบรีโมตขึ้นมากะว่าจะเปิดทีวีไปด้วยคุยกับมันไปด้วย แต่เปลี่ยนใจ เพราะอยากได้ยินเสียงของมันคนเดียวมากกว่า

“ก็ได้ทำงานสนุก ๆ”
ผมก็เห็นมันสนุกทุกวัน

“ได้อยู่กับพ่อกับแม่”
อันนี้ไม่เถียง ผมเห็นแล้วยังอมยิ้มเลย 

“ได้อยู่กับเพื่อนสนิท”
อันนี้มันก็จริง

“ได้อยู่กับพี่เชน นักถ่ายภาพที่ผมรักและเชิดชู” 

ผมนั่งนิ่ง เผลอกำหมัดแน่น แล้วผมล่ะ หายไปไหน ไม่มีอยู่ในลิสต์รายชื่อของมันเลย 

“และที่สำคัญ…”
มันหยุดเสียงตัวเองไป แต่ผมไม่คิดที่จะฟัง เพราะมันน่าจะเอาผมไปไว้เป็นคนแรก ๆ

“เพราะมีพี่เอกอยู่ด้วย”

ผมหยุดหายใจไปชั่วขณะ

เพราะผมเงียบและฝั่งนั้นเองก็เงียบ ทำให้ได้ยินเสียงทุกอย่างได้ชัดเจน ผมได้ยินเสียงยวบ เหมือนมันทิ้งตัวลงนอน ผมนึกภาพตามได้ทันที 

คนตัวขาว ๆ ทอดตัวนอนยาวไปกับผืนที่นอนนุ่ม ๆ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ อีกข้างวางราบไว้ใกล้หัว ทอดดวงตามองเพดานขาว ปากยิ้มนิด ๆ ส่งเสียงเจื้อยแจ้วให้ผมฟัง   

“คนสำคัญที่ผมรัก อยู่ด้วยกันหมดเลย” 

ผมนั่งนิ่ง ฟังมันพูดต่อไปเรื่อย ๆ

ไอ้ตัวเล็กมันจะรู้ตัวไหม ว่าเมื่อกี้เผลอพูดอะไรออกมา

ผมนั่งหน้าร้อนผ่าวอยู่กับที่ เจอคนบอกรักก็เยอะ แต่ไม่เคยเจอใคร เผลอสารภาพรักแล้วไม่รู้ตัวแบบมันมาก่อน

ผมไม่ใช่หนุ่มขี้อาย ไม่ใช่คนด้อยประสบการณ์ แต่ตอนนี้ผมกำลังเขิน เขินไปกับน้ำคำสารภาพของมัน ผมไม่รู้ว่ามันวางผมไว้ในฐานะอะไร แต่ผมก็เป็นหนึ่งในคนที่มันเลือกที่จะรัก แค่นี้ผมก็ดีใจแล้ว

“กาย…”
ผมเบรกเสียงมันลง 

“ฮะ”
มันตอบรับ

ผมอยากพูดคำคำนั้นกับมัน 

“พี่…” 

ปลายสายเงียบไป ราวกับตั้งใจรออะไรบางอย่างจากผมเหมือนกัน ผมไม่รู้ว่าผมควรจะพูดดีไหม ถ้าพูดไปแล้ว จะมีอะไรเปลี่ยนแปลงความสัมพันธ์ของเรา

ทุกอย่างจะดีขึ้น 

ทุกอย่างจะเลวลง

หรือทุกอย่างจะยังคงเป็นเหมือนเดิม 

ผมไม่รู้ 

“พี่อยากกอดกายจัง”
แต่สุดท้าย ผมก็ยังพูดคำนั้นกับมันไม่ได้อยู่ดี ผมแหงนหน้าขึ้นมองเพดาน ได้ยินเสียงต่อว่ามาตามสายเบา ๆ 

“พี่เอกหื่น” 
ผมหัวเราะหึ ๆ ในสายตามัน ผมมีอะไรดีมั่งเนี่ย

ทั้งที่อยากทำตัวดี ทั้งที่อยากทำให้มันประทับใจ ทั้งที่อยากทำให้เป็นที่สุด แต่สิ่งที่ผมทำ กลับมีเพียงแสดงด้านมืดให้มันเห็น หึงหวงไม่เข้าท่า บ้าเซ็กส์ ขู่ตะคอก เอาแต่ใจ หุนหันพลันแล่น 

แต่มันก็ยังยอมผม คำต่อว่าที่ออกมา ก็ดูจะไม่จริงจังขนาดผลักไสผมได้ มันกลับกลายเป็นคำต่อว่าที่พาเอาผม อยากกอดมันมากกว่าเดิมอีก

ผมนั่งฟังมันคุยเรื่องราวต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น คุยถึงแผนการที่จะยุให้พ่อกับแม่คืนดีกัน และอีกหลายอย่าง น้ำเสียงของมันเริ่มยานลงเรื่อย ๆ จนกลายเป็นเครือครางและจางหายไปในที่สุด

ผมอมยิ้ม เรียกมันอีกสองสามที แต่มันเงียบไปแล้ว มีเพียงเสียงของลมหายใจที่กำลังเข้าออกสม่ำเสมอเท่านั้น ผมกดตัดสาย วางโทรศัพท์ไว้ข้างตัวแล้วนั่งยิ้มกับตัวเอง

ผมเพิ่งสังเกต ว่าเวลาที่มันมีความทุกข์ มันจะไม่แบ่งปันความทุกข์ให้ใครรู้ แต่เวลาที่มันมีความสุข มันชอบที่จะเล่าเรื่องราว และบอกต่อเรื่องราวที่มันมีความสุข ให้ทุกคนได้รับรู้

ผมนั่งนึกถึงมันไปเรื่อย ๆ นึกถึงใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม ประดับประดาด้วยเสียงหัวเราะ เลื่อนไล้ไปยังดวงตาที่สดใส หรือหมองเศร้าในเวลาที่ผมทำร้ายมัน ทุกอย่างที่รังสรรค์มาเป็นมัน ดูจะทำให้ผมมีความสุขที่ได้อยู่ใกล้หรือแม้แต่แค่คิดถึง

ไม่ต้องอะไรมากมาย แค่ยิ้ม แค่หัวเราะ แค่เป็นมัน อะไรก็ได้ที่เป็นมัน ก็ทำให้ผมมีความสุขแล้ว 

ผมยิ้มนิด ๆ คิดถึงริมฝีปากได้รูปที่มักจะแย้มยิ้มอยู่เสมอ หรือมักเม้มน้อย ๆ ในเวลาที่เขินอาย ผิวแก้มเนียนใส ไม่ถึงขนาดเนียนเรียบเปล่งปลั่งอย่างผู้หญิงแต่ก็ไม่ได้หยาบกร้านเหมือนอย่างผม

คิดถึงน้ำเสียงสดใสในเวลาที่มันพูดกับลูกค้า พ่อแม่ หรือเพื่อนมัน เสียงเรียกเป็นเอกลักษณ์ในเวลาที่มันเรียกชื่อผม รวมไปถึงเสียงครางเบา ๆ เมื่อยามที่ผมสัมผัสมันแต่ละที

รู้สึกเหมือนร่างกายตัวเองจะร้อนขึ้นเรื่อย ๆ แฮะ

“ไอ้บ้าเอกเอ้ย มึงจะนึกถึงเขาโดยไม่มีเรื่องเซ็กส์เข้ามาเกี่ยวข้องสักวันจะได้ไหม”
ผมด่าตัวเอง

แต่ตอนนี้ ผมหยุดตัวเองไม่ได้แล้ว เพราะในหัวผมมีแต่ภาพของมันวิ่งวนจนเต็มไปหมด ภาพใบหน้ายิ้มแย้ม หัวเราะ สงสัย หมองเศร้า หรือปรือปรอยคลอเคลือบไปด้วยแรงอารมณ์     

ผมหลับตาลงหวังลบเลือนภาพพวกนั้นทิ้งไป แต่กลับกลายเป็นว่า ภาพเหล่านั้นแจ่มชัดยิ่งกว่าเดิม จนบางส่วนของผมด้านล่างดุนดันชุดคลุมขึ้นมา ผมไม่อยากสนใจมัน แต่ความปวดหนึบก็ทำให้ผมจำต้องเลื่อนมือเข้าไปภายใน แล้วกอบกุมมันไว้ เพื่อปลดปล่อยความต้องการด้วยตัวเอง 

มันง่ายมากที่จะโทรเรียกใครสักคนให้มาหาที่ห้องหรือเพียงแค่หยิบกุญแจรถ เดินออกจากห้อง ไปที่ไหนสักแห่ง เพื่อคว้าเอาผู้หญิงสวย ๆ อกอึ๋ม ๆ มานอนกกด้วยจนถึงเช้า   

มันง่ายมาก

แต่ผมเลือกที่จะนั่งอยู่บนโซฟา หลับตา ใช้เพียงมือและภาพแห่งความทรงจำ ช่วยปลดปล่อยตัวเอง

“กาย…”
ผมครางพร่าเอ่ยเรียกชื่อมันครั้งแล้วครั้งเล่า มือหนึ่งโหมเพลิง อีกมือบีบพนักโซฟาไว้ทดแทนเรือนร่างที่ผมอยากจะสัมผัส จวบจนร่างกายวิ่งขึ้นไปถึงจุดสูงสุด แล้ววิ่งลงมายังจุดต่ำสุด 

ผมหอบหายใจแรง ค่อย ๆ ลืมตาจ้องมองความอุ่นสีขาวที่เคลือบอยู่บนมือตัวเอง

“หึ เป็นเอามากแฮะเรา”



บางทีชีวิตคนเราก็มีอะไรเกิดขึ้นเยอะแยะเต็มไปหมด วันนี้ผมมาเรียนด้วยรอยยิ้มที่มีมากกว่าเดิม 

“เป็นบ้าอะไรวะไอ้เอก”
ไอ้กิ๊ฟมันว่า 

“เออใช่ กูเห็นมึงนั่งยิ้มเหมือนคนบ้าตั้งแต่เข้ามาแล้วนะ”
ไอ้มอมันเสริม

“เรื่องของกู”
ผมตอบกลับไป แล้วก้มหน้าลงไปทำงานต่อ 

“ประสาท”
ไอ้อ้อยมันสรรเสริญ
“ว่าแต่มึงง่ะ ไอ้กิ๊ฟ ตกลงมึงบอกแฟนมึงรึยังว่าพ่อตาเขาอยากเจอ”
ก่อนหันไปคุยกับไอ้กิ๊ฟต่อ 

เออ ใช่ ผมลืมคุยกับมันไปเลย 

“เรื่องอะไรกูต้องบอก ไม่ใช่หน้าที่ แล้วอีกอย่าง กูยังไม่ได้ตอบตกลงเป็นแฟนกับมันซะหน่อย”
ไอ้นี่มันค้าน

“เอ้อ มึงไม่ได้เป็นแฟนกันหรอก แค่ไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อย ๆ แค่บางครั้งมันหอมแก้มมึง แค่บางครั้งกูก็เห็นมึงหอมแก้มมันกลับ ไม่ได้เป็นแฟนกันเล้ยยยย”
ไอ้อ้อยมันจี้ต่อ 

“แค่วัฒนธรรมเขาว่ะ หอมแก้ม กอด จูบ เป็นเรื่องปกติ”
มันพูดเหมือนเป็นเรื่องชิลล์ ๆ

“มึงก็ไปให้พ่อแม่มึงสบายใจหน่อยก็ดีนะกิ๊ฟ จะเป็นหรือไม่เป็น ก็พาผู้ชายเข้าบ้านบ้าง เขาจะคิดว่ามึงเป็นลูกชายอีกคนอยู่รอมร่อแล้ว” ไอ้อ้อยเสริมต่อ

ไอ้กิ๊ฟยิ้มพราว เดินเข้าไปใช้ปลายนิ้วเสยคางไอ้อ้อยอย่างหยอกล้อ 

“งั้นกูจะเอามึง แอ๊บไปเป็นเมียกูแนะนำพ่อแม่ดีกว่า” 

“มึงไม่ต้องเลย" มันปัดมือไอ้กิ๊ฟออกแรง “กูไม่อยากถูกฟ้าผ่า ให้มามีแฟนเป็นเพศเดียวกันรับไม่ไหวว่ะ ในกลุ่ม กูยกให้ไอ้เอกคนเดียวก็พอ” 

อ้าวเฮ้ย กูไปเกี่ยวอะไรด้วยวะ   

พวกมันหันมองมาทางผม

มึง พวกมึงอย่ามายุ่งเรื่องของกู ปล่อยกูไว้คนเดียวเลย 

“แล้วเรื่องของมึงไปถึงไหนแล้ววะเอก กูได้ข่าวว่าพาน้องเขาเข้าบ้านไปกราบตีนพ่อกับแม่แล้วนี่หว่า”
คนถามเป็นไอ้อ้อยเหมือนเดิม

“รู้กันได้ไง”
ผมถามกลับ

“ทโมน”
ครับ แล้วผมจะพูดอะไรได้ 

“มึงอะ ไม่รู้อะไร น้อง ๆ มึงน่ะ เป็นสาวกวาย มันถึงได้ชอบไอ้กายมัน” 

ผมขมวดคิ้ว อะไรวาย ๆ เป็นกลุ่มนักร้องหน้าใหม่รึไง ฮิปฮอป ป๊อบร็อก ลูกทุ่ง ลูกกรุงหรืออะไร สงสัยผมจะทำหน้าเป็นหมางง ไอ้อ้อยมันเลยเสริมขึ้นมาอีก 

“ก็กลุ่มคนรักผู้ชายรักกับผู้ชายไง”

ผมมองมันอึ้ง ๆ

“เกย์?” 

“เปล่า แค่ชายรักชาย”
มันเฉลยอีก

ยิ่งพูดยิ่งงงวุ้ย

“น้องมันเล่าให้ฟังว่าเกย์คือกลุ่มคนที่รู้อยู่แล้วว่าชอบผู้ชายด้วยกันเอง ส่วนมากจะไม่ยุ่งกับผู้หญิง แต่วายหรือ yaoi จะ แตกต่าง จะเป็นผู้ชายปกติแบบมึงเป็นนี่แหละ แต่มีเหตุให้มารักกับผู้ชายด้วยกันเอง อะไรทำนองนั้น น้องมันพยายามอธิบาย กูก็เพิ่งเข้าใจนี่แหละ และแฟนคลับส่วนใหญ่ก็มีทุกเพศทุกวัย แต่เยอะหน่อยก็เป็นกลุ่มนักเรียนหญิงน่ะนะ” 

ผมนั่งอึ้งครับ 

งั้นที่พวกทโมนมันกรี๊ด ๆ กันอยู่นี่ เพราะเป็นพวกวายกันใช่ไหม 

แล้วผมก็นึกไปถึงสาว ๆ ที่พากันมากรี๊ดตอนผมไปทำงานที่ร้านกาแฟ โดยเฉพาะกลุ่มที่กรี๊ดผมกับกายมากเป็นพิเศษ

สงสัยต้องกลับไปหาข้อมูลจริง ๆ จัง ๆ ซะแล้ว


ผมใช้เวลากินข้าวเที่ยงเร็วกว่าปกติ พออิ่มก็รีบขอตัวจากเพื่อน ๆ ไปที่ห้องทำงานก่อน พอมาถึง ผมรีบทิ้งตัวลงนั่งหน้าจอคอม กางนิ้วออก คิดอยู่ว่าจะเริ่มต้นจากอะไรก่อนดี 

สิ่งที่อยากรู้คือเรื่องวายเวยอะไรสักอย่างนี่แหละ อย่างน้อยผมก็อยากรู้สิ่งที่น้อง ๆ กำลังคลั่งไคล้กันอยู่บ้าง ตอนแรกเสิร์ซคำว่าวาย ก็เจอแต่ข้อมูลที่เกี่ยวกับโรคหัวใจ เลยเสิร์ซไปอีกคำ 

Yaoi 

เพียบครับ ข้อมูลเยอะมาก ผมนั่งอ่านข้อมูลเบื้องต้นว่ามันคืออะไร ทั้งบทอธิบาย นิยาย ภาพ แสงสีเสียงมากันให้ครบ 
ผมรีบปิดข้อมูลตรงหน้าทันที 

เอาคร่าว ๆ ก็พอ เพราะผมไม่ใช่เกย์ ไม่ได้ชอบผู้ชายทั่วไปเรี่ยราด แต่คนที่ผมชอบมีเพียงกายแค่คนเดียวเท่านั้น 

ผมสูดลมหายใจเข้าปอดลึก กำลังจะกดปิดเครื่อง แต่นึกอะไรขึ้นมาได้ จึงตัดสินใจจิ้มกูเกิ้ลหาคำบางคำ 

GooGuy

ไม่นานผลลัพธ์มากมายก็ปรากฏ ผมจิ้มเปิดไปที่ลิงค์แรก เครื่องรันอยู่ไม่นานก็ปรากฏภาพดวงอาทิตย์ที่กำลังจะตกดิน สวยดีครับ มันน่าจะเป็นคนถ่ายเอง ด้านล่างของภาพมีปุ่มเล็ก ๆ เขียนว่าเอ็นเทอร์ให้กดเข้าไปภายใน ผมเลื่อนเม้าส์ไปยังจุดนั้นแล้วกด               

ผมฉีกยิ้มกว้างทันทีที่เห็นสิ่งที่อยู่ภายใน เพราะพื้นหลังของบอร์ดมันเป็นภาพรอยยิ้มมากมายของเด็ก ๆ เยอะแยะเต็มไปหมด หลายคนหลายอิริยาบถ ตัดต่อเรียงกันเป็นร้อย ๆ ภาพได้มั้ง

มันเป็นคนที่ชอบให้คนมีรอยยิ้มจริง ๆ 

ผมกดเข้าไปดูประวัติของเจ้าของบอร์ด ซึ่งก็คือมัน มันใช้ภาพตัวเองตอนยิ้มหล่อเป็นตัวแนะนำ มีกล้องคล้องอยู่ที่คอ 

ผมยิ้ม ไล่ดูภาพที่มันถ่ายเก็บไว้ไปเรื่อย ๆ เยอะครับ สวยด้วย ยอมรับว่ามันถ่ายภาพได้สวยเอามาก ๆ ภาพพร้อมคำบรรยายซึ้ง ๆ คำพูดประทับใจ ความคิดและสิ่งที่ดี ๆ ที่มันได้ประสบพบเจอมา

สมาชิกบอร์ดมันเยอะเหมือนกัน ผมกดไล่ไปเรื่อย ๆ จนไปเจอเซคชั่นหนึ่งที่มันเขียนเอาไว้ 

“The Sun” 

ผมสะดุดกับชื่อนี้ยังไงพิกล ไม่แน่ใจว่าจะเจออะไรในนั้น แต่ผมก็เลือกที่จะคลิกเอ็นเทอร์เข้าไป และสิ่งที่เห็นก็คือ…
ภาพของใครคนหนึ่ง นั่งอยู่บนโซฟาด้วยใบหน้าและท่าทางอันแสนเซ็กซี่

จะเป็นใครไปไม่ได้… 

นอกจากผม   

เซคชั่นนี้จะรวมเอาภาพของผมไว้ทั้งหมด แยกออกเป็นเซตเล็ก ๆ มีตั้งแต่ผมในชุดคลุม ชุดสูท หรือใส่เพียงเสื้อเชิ้ต               

ผมมองตัวเองผ่านภาพแล้วก็อมยิ้ม มันมีฝีมือจริง ๆ มองกี่ทีกี่ทีก็ไม่น่าเชื่อว่านี่คือตัวผมเอง

ผมไล่สายตาดูไปเรื่อย ๆ จนหมดทุกภาพ ก่อนเลื่อนไปดูเซคชั่นอื่น ซึ่งมีภาพของตัวมันเองรวมอยู่ด้วย มันถ่ายไว้กับสถานที่ต่าง ๆ คงตั้งถ่ายแบบอัตโนมัติ(เคยเห็นมันทำบ่อย ๆ) หรือบางภาพเป็นภาพรวมของมันกับเพื่อนมันและเพื่อน ๆ ของผม

และมีอีกหลายภาพที่มีเพียงมันกับผม   

มันไม่ได้คิดจะโชว์ภาพของตัวมันเอง แต่มันกำลังถ่ายทอดเรื่องราวต่าง ๆ ผ่านภาพถ่าย ผมเริ่มต้นอ่านเนื้อหาที่มันเขียนบรรยายเอาไว้ใต้ภาพ

“สิ่งที่ผมได้ไม่ใช่เพียงมิตรภาพ แต่เป็นประสบการณ์ใหม่ ๆ ที่ไม่อาจหาได้ หากไม่ลงมือทำด้วยตัวเอง”

ผมเปิดดูทีละภาพ พร้อมอ่านข้อความที่มันบรรยายทิ้งไว้ ความคิดมันดีใช้ได้เลย ผมลองกดกลับไปที่ภาพของตัวเองดูบ้าง มีคำบรรยายไว้ใต้ภาพเหมือนกัน ผมไล่อ่านจนหมด ก่อนกดออกไปหน้าแรกสุดซึ่งมีคอลเลคชั่นที่มันชนะการประกวด ผมไล่อ่านทุกภาพจวบจนมาถึงภาพสุดท้าย               

'ดั่งดวงอาทิตย์'               

ภาพของตัวผมเอง ผมเลื่อนสายตาลงไปอ่านข้อความใต้ภาพ 

“สิ่งที่ผมภาคภูมิใจ คือได้ฉวยเอาพระอาทิตย์อันสูงส่ง มาไว้ในกรอบสี่เหลี่ยม แล้วนั่งมองมันทุกวัน ผมไม่รู้ว่าผมนั่งมองภาพนี้วันละกี่ชั่วโมง แต่ผมจดจำได้ทุกรายละเอียดของภาพ แม้กระทั่งจุดเล็ก ๆ ที่ขอบภาพ คนในภาพนี้เป็นเหมือนพระอาทิตย์ เขาทั้งอบอุ่นและร้อนแรงในเวลาเดียวกัน ในบางครั้งที่ผมรู้สึกหนาวเหน็บ การได้มองภาพนี้ ก็ทำให้ผมรู้สึกอบอุ่นขึ้นมาได้แล้ว” 

ทำไมผมถึงเพิ่งมาเปิดเจอภาพพวกนี้ ทำไมผมถึงเพิ่งมาเปิดเจอบอร์ดนี้ 

ทำไมผมถึงเพิ่งรู้ 

ผมไม่รู้ 

ผมยกมือปิดหน้าตัวเอง

ผมเดาไม่ออกว่าเวลากายมองผมผ่านภาพ กายเขามองแบบไหน แต่ตอนนี้คำพูดของกาย กำลังทำให้ใบหน้าของผมร้อนผ่าวไปหมด

“กาย นายนี่น้า”
ผมกดปิดคอมพิวเตอร์ลง ผมว่ากลับบ้านไปคราวนี้ ต้องรีบไปสมัครเป็นสมาชิกของบอร์ดนี้ซะแล้ว 

*** ***
To Be Con..

อยู่ ๆ น้ำตาก็ไหล ไม่ได้เศร้าอะไรหรอก แต่ไหลเพราะมีความสุข ตั้งแต่แต่งนิยายมา เรื่องนี้แหละที่แต่งแล้วมีความสุขที่สุด

หวังว่าคนอ่านจะมีความสุขด้วยเช่นกัน



CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ boonpa

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +132/-9
 :hao5: ซึ้งจัง ดั่งดวงอาทิตย์

ออฟไลน์ Love_Heals

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 16
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
มีความสุขทีได้อ่านเช่นกันค่ะ  ขอบคุณมากค่ะที่แต่งนิยายซึ้ง ๆ มาให้อ่าน


ตอนนี้ซึ้งมาก พี่เอกคงรู้แล้วใช่ไหมว่าน้องรักตัวเองขนาดไหน ยังปากแข็งอยู่อีก รีบไปสารภาพรักกับน้องกายด่วนเลย

ออฟไลน์ Nunun_B2UTY

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 132
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-2

ออฟไลน์ manami_01

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 980
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +72/-1
ไอ้พี่เอกถ้าไม่รีบขอกายเป็นแฟน


เดี๋ยวโดนคุณเชนของน้องกายขอตัดหน้าไปก่อนแล้วจะหนาวนะ


ไหนจะได้พี่โอ๊ตอีกคน รายนั้นมาแบบเงียบ ๆ เนียน ๆ อยู่ด้วย :serius2:

ออฟไลน์ Naenprin

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1172
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +203/-1
 :mew1:

รอตอนต่อไปนะคะ

ออฟไลน์ cho_co_late

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 337
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
เพิ่งได้มาเจอเรื่องนี้ เรื่องนี้ถือว่าเป็นเรื่องที่มีตัวละครเยอะ แต่ไม่ทำให้เราเบื่อเลยนะคะเนี่ย
ชอบๆ ฮี่ฮี่ เรื่องพี่เอกกับกายนี้คืออยากให้ชัดเจนเร็วๆ ให้ทายว่าพอความสัมพันธ์ชัดเจนแล้ว
ความดราม่าจะเข้าชัวร์ๆ เรื่องการดองกับบริษัทอื่นของพี่เอกเนี่ย เหมือนจะเริ่มมีคนอยากจับพี่เอกแต่งงานแล้ว ฮือออ
เรื่องคู่เป้-เต้ย ทายว่าสองคนนี้เป็นพี่น้องไม่แท้ สงสารพี่เป้มากกว่าเต้ยอีก ทำไมก็ไม่รู้ ฮ่าๆๆ
ยังไงก็ของให้คนแต่งมาต่อเร็วๆนะคะ รออย่างใจจดใจจ่อเลย  :hao5:

ออฟไลน์ tiew93

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 655
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
เพิ่งได้อ่าน ชอบมากกกก มาต่อเร็วๆน๊าาาา  :katai2-1:

ออฟไลน์ Piima

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 660
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
เพิ่งเข้ามาอ่านเหมือนกัน

คนแต่งไปไหนเนี่ย

ออฟไลน์ memew

  • ขอบคุณที่เข้ามาอ่านจ้าาา
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 456
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +382/-10
    • :: Memew แฟนเพจ :
Kiss Love : 49
ปลอบใจ       
กาย....♥

ผมสะลึมสะลือตื่นขึ้นมาอีกทีตอนแสงแรกของดวงตะวันแยงลูกกะตา 

นี่ผมเผลอหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่ จำได้ว่ากำลังเม้าท์แตกกับพี่เอกเพลิน ๆ อยู่นี่นา ไหงมานอนเฝ้าพระอินทร์อยู่แบบนี้ได้วะ

“กาย ตื่นรึยังลูก”
แรงเคาะหนัก ๆ พร้อมเสียงเรียกดังมาจากทางหน้าประตูห้อง

“ตื่นแล้วครับแม่!”
ผมตะโกนบอกคนที่อยู่ข้างนอก ดึงผ้าห่มออกจากตัวลุกออกจากเตียง เดินโต๋เต๋หัวฟูฟ่องไปเปิดประตู เห็นแม่ยืนยิ้มสวยอยู่ตรงหน้า 

“รีบอาบน้ำมากินข้าวกันได้แล้ว แม่ทำของโปรดของกายไว้ให้ด้วย”
แม่ผมอารมณ์ดีแต่เช้าเชียว

คงไม่ต้องให้บอกใช่ไหมฮะ ว่าเกิดอะไรขึ้น 

เปล่า
พ่อกับแม่ยังไม่ได้คืนดีกัน 

แต่ดูเหมือนแม่ กำลังเป็นตัวของตัวเอง เป็นคนใหม่ที่สดใสกว่าเดิม หรือไม่ ก็กลับไปเป็นคนเดิมที่สดใสอีกครั้ง 

เพื่อรอให้ใครบางคน มาจีบอะนะ

ผมพยักหน้าเดินเข้าห้องน้ำไป ฮัมเพลงเบา ๆ สลัดเสื้อผ้าออกจากตัว รอยแดงที่คอกับที่ท้องหายไปแล้ว ส่วนสบู่ใยไหม ผมโยนให้แม่เอาไปใช้ตั้งแต่เมื่อคืน แม่บอกดี เพราะแม่ชอบ ใช้แล้วผิวสวยดี 

เพราะมันนั่นแหละ ผมถึงได้โดนฟัดอยู่ในห้องสภาจนเยินเมื่อวาน 

แต่บอกแม่ไม่ได้ครับ เดี๋ยวช็อก 

พออาบน้ำแต่งตัวเสร็จ ก็เดินลงไปข้างล่าง ผมเลิกคิ้วสูงเมื่อเห็นชายไม่หนุ่มแต่ดูหนุ่มในชุดสูทหล่อเหลามานั่งยิ้มแป้นที่โต๊ะกินข้าว 

“มาได้ไงฮะ” 

“ขับรถมา”
พ่อผมกวนได้อีก

“ฮึ!!”
แม่ทำเสียงขึ้นจมูก สะบัดหางม้าไปด้านข้าง พ่อหันมาสบตาผม ก่อนพากันหัวเราะเบา ๆ ลับหลัง

“ก็พ่ออยากกินข้าวกับกายนี่นา” 

“ถังขยะตั้งอยู่หน้าบ้าน…เชิญเลย”
แล้วแม่ก็สอดเข้ามาอีก 

“คุณนี่น้า ไม่หัดทำตัวเป็นแม่ที่ดีบ้างเลย สอนลูกให้ไล่แขกแบบเสียมารยาทแบบนี้ ลูกได้เสียนิสัยหมด” 

“ฉันสอนลูกฉันมาดีย่ะ แล้วลูกฉันก็ฉลาดพอที่จะรู้ว่า แม่มันจงใจขับไล่พวกไม่พึงประสงค์ออกจากบ้าน”
แม่ว่าต่อ 

“จานนี้น่าทานจังเลยลูก พ่อหิวแล้ว”
แต่พ่อเมินฮะ เมินกันแบบเห็น ๆ แม่นี่ลมออกหูเลย 

“ตามสบายเลยครับพ่อ บ้านผมเอง ผมอนุญาต”
แม่ชักสีหน้าค้อนขวับใส่ผมทันที แต่ผมทำเมินแบบพ่อบ้าง

สุดท้าย แม่ก็ต้องทิ้งก้นงอน ๆ พอ ๆ กับหน้างอน ๆ ลงกับเก้าอี้ ผมรีบทำหน้าที่ตักข้าวให้พ่อกับแม่ทันที ยังไม่ลืมตักกับข้าวให้อีกนิดหน่อยพอเป็นพิธีครับ ผมมักจะให้ความสำคัญกับการดูแลเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ แบบนี้กับครอบครัวผมเสมอ   

แม้จะเพียงนิด แต่ผมก็อยากดูแลคนที่ผมรักให้มากที่สุด   

ผมไม่มีตากับยาย มีแต่ปู่กับย่าที่อาศัยอยู่กับลุงพงษ์ที่จังหวัดน่าน นานทีปีหน ถึงจะไปเยี่ยมท่านสักที ส่วนมากต้องรอไปพร้อมพ่อ พอพ่อเดินทางไปต่างประเทศ แม่ก็ไม่คิดจะพาผมไปอีก(งอนพ่อเลาะเลยไปถึงพ่อกับแม่เขาอีกนะคนเรา) 

แต่อนุญาตให้ผมไปหาได้เท่าที่ใจต้องการ 

ผมเลยใช้วิธีโทรหาพวกท่านแทน หรือถ้าวันไหนได้ไปเที่ยวเชียงใหม่ ผมก็จะให้แม่พาแวบ ๆ เลยไปหาพวกท่านบ้าง บางทีแม่ก็พาผมไปเองฮะ งอนไปงั้นเอง เพราะแม่ก็รักปู่กับย่าเหมือนพ่อแม่แท้ ๆ นั่นแหละ แต่ที่ไม่อยากกลับ เพราะไม่อยากไปเจอหน้าลุงพงษ์ ที่มีหน้าตาคล้ายพ่อน่ะ บอกว่าเห็นทีไรของขึ้นทุกที ฮ่า ๆ ๆ

แม่กับพ่อพูดขอบใจผมเบา ๆ แล้วลูบหัวให้พร น้ำคำเล็ก ๆ น้อย ๆ แบบนี้แหละประเสริฐดี พรไหน ไม่สูงส่งเท่าพรที่พ่อกับแม่ให้ยามเช้าหรอกครับ

“รีบ ๆ กิน แล้วก็รีบ ๆ ไป ๆ ได้แล้ว รกบ้าน”
ถ้าไม่มีคำพูดพวกนี้ตามมาน่ะนะ ผมหัวเราะเบา ๆ 

คิดซะว่าเป็นสีสันของบ้านละกัน 

“รีบอยู่แล้วละคุณ เอ้านี่ของโปรดกาย ส่วนนี่ ผมไม่อยากกิน คุณก็เอา ๆ ไปซะ”
พ่อผมตักเนื้อปลาแน่น ๆ มาให้ผมครับ แล้วก็ตักต้นหอมชิ้นใหญ่ไปให้แม่ 

แต่ผมแอบกระซิบนิดหนึ่ง ว่าแม่ผมเป็นพวกชอบกินผักเอามาก ๆ ไอ้ต้นหอมที่พ่อบอกไม่อยากกินน่ะ ของโปรดแม่เลย

ผมนั่งอมยิ้ม มองละครช่องสาม นำแสดงโดยพระเอกสุดหล่อ คุณพ่อพัฒน์ และนางเอกสุดสวย คุณแม่กิ่งแก้ว และมีตัวประกอบสุดหล่อเป็นผม 

อาหารมื้อนี้ อร่อยจริง ๆ



“พี่เป้”
ผมทักคนที่กำลังนั่งเหม่ออยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่กลางสวนของมหา’ลัย ด้านหน้าเป็นบึงน้ำใสสะอาด มีฝูงปลามากมายพากันแหวกว่ายไล่หาอาหาร ในเวลาที่มีลมพัดโกรก ดอกไม้สีเหลืองอ่อนดอกเล็ก ๆ จากกิ่งก้านด้านบน ก็พากันร่วงโรยหลุดออกจากขั้วตกลงสู่ผืนน้ำด้านล่าง ตามแนวตลิ่งเต็มไปด้วยต้นหญ้าหลากหลายสายพันธุ์ สูงต่ำไล่ระดับ แข่งกันออกดอกชูช่อเรียกร้องสายตาผู้คนให้หันไปมอง 

สำหรับคนอื่น ๆ ดอกหญ้าคงดูไร้ค่า แต่สำหรับผมดอกหญ้าคืองานศิลปะที่ถูกสรรสร้างมาจากธรรมชาติ ธรณีและคงคา มันสวยงามทุกครั้งที่ผมได้มอง และผมก็ชอบถือกล้องมาถ่ายพวกมันบ่อย ๆ ด้วย 

พี่เป้หันมามอง พอเห็นว่าเป็นใคร ก็หันกลับไปมองผืนน้ำตรงหน้าต่อ แต่ดวงตาคมนั้นไม่ได้นำพาภาพใด ๆ เข้าไปในโสตประสาทแม้แต่น้อย   

ในนั้น อาจมีเพียงความว่างเปล่า หรือภาพของใครบางคน และคนคนนั้นก็คงจะเป็นเพื่อนสนิทของผมเอง

..ไอ้เต้ย

ผมทิ้งตัวลงนั่งข้าง ๆ ส่งยิ้มอบอุ่นไปให้

“ยังทำไม่ได้อีกเหรอฮะ”
ผมถามทั้ง ๆ ที่รู้คำตอบดีอยู่แล้ว พี่มันหันมามอง 

“ยังกาย พี่ยังทำไม่ได้ และมันก็ทำยากเอามาก ๆ ด้วย ยิ่งอยากตัดมากเท่าไหร่ ตรงนี้ของพี่มันยิ่งเจ็บปวดมากขึ้นเท่านั้น”
พี่มันจิ้มนิ้วใส่หน้าอกตัวเองเบา ๆ

ผมยิ้ม เอื้อมมือไปวางทาบไว้บนหน้าอกด้านซ้ายของพี่แก

“พ่อเคยบอกว่า ห้ามอะไรก็ห้ามได้ แต่ห้ามตรงนี้ไม่ให้รักใครหรือรักใคร มันทำได้ยาก ผมรู้ว่าพี่คงจะตัดใจจากเต้ยไม่ได้ แต่สามารถทำให้มันเบาบางลงได้” 

พี่เป้หันมามองหน้าผม 

“ผมว่าถ้ามันตัดใจยากมาก พี่เป้ลองมองหาใครสักคนมาทดแทนเต้ยดูบ้างสิครับ ใครก็ได้ที่ทำให้พี่เป้รู้สึกอุ่นใจเวลาที่ได้อยู่ด้วย ใครก็ได้ที่พี่เป้สามารถลืมเต้ยได้บ้าง ในเวลาที่ได้อยู่กับคนคนนั้น”
ผมกดมือที่ตำแหน่งหัวใจพี่เป้แรงขึ้นอีก 

“พี่เป้ไม่ใช่พระอิฐพระปูน ถ้ามันตัดใจยากมากก็ไม่ต้องตัด แต่หาใครสักคนมาทดแทน แม้เพียงชั่วคราว เพื่อให้ลืมก็พอ” 

พี่มันมองหน้าผมนิ่ง ๆ 

“จริง ๆ พี่ก็คิดอยู่เหมือนกัน แต่พี่ไม่อยากทำร้ายใคร ถ้าเกิดคนคนนั้นรักพี่ขึ้นมาจริง ๆ แต่พี่ไม่สามารถทำใจให้รักเขาได้ เขาคงจะรู้สึกเจ็บปวดมาก พี่รู้ความรู้สึกนั้นดีนะกาย แล้วพี่ก็ไม่อยากเอาหัวใจใครมาเป็นเครื่องมือ”
คำพูดพี่เป้ พาเอาผมนั่งอึ้งกิมกี่ไปเลย 

จริงสินะ 

ถ้าเกิดคนที่พี่เป้เลือกคบ รักพี่เป้ขึ้นมาจริง ๆ แต่พี่เป้ไม่สามารถแบ่งปันหัวใจไปให้ได้ หัวใจของคนคนนั้นก็คงจะเจ็บปวดน่าดู   
ผมยิ้ม ตีแปะหน้าอกพี่มันเบา ๆ จนพี่มันก้มมองด้วยความแปลกใจ 

“พี่เป้เป็นคนดีชะมัด ถ้าผมเป็นผู้หญิงนะ ผมจะรีบอาสามาเป็นตัวช่วยสมานแผลใจให้พี่แบบไม่คิดค่าเสียเวลาแม้แต่บาทเดียวเลย”
ผมแซวขำ ๆ พี่มันหัวเราะเบา ๆ 

“ให้พี่ข้ามศพไอ้เอกมันไปให้ได้ก่อนนะ”
ผมเบ้หน้า

“พี่เอกมาเกี่ยวอะไรด้วยเล่า” 

“อ้าว ก็เห็นมันอื้ออ…”
ผมรีบปิดปากพี่มันทันที อุดไว้ครับ อย่าให้พูดอะไรออกมาเด็ดขาด พี่เป้ยิ้มในดวงตาล้อเลียน ผมก้มหน้าด้วยความเขิน

มึงเงียบไปเลยนะ อย่าพูดอะไรพาดพิงถึงตาหื่นคนนั้นเด็ดขาด 

พี่เป้จับมือสองข้างผมไว้ 

“ขอบใจนะ ถ้าถามว่าใครที่ทำให้พี่รู้สึกสบายใจที่สุดในตอนนี้ ก็มีเอกกับกายนี่แหละ แล้วถ้าถามว่าอยู่กับใครแล้วพี่รู้สึกอบอุ่นที่สุด ก็กายนี่แหละ แล้วถ้าถามว่าอยู่กับใครแล้วทำให้พี่รู้สึกผ่อนคลายที่สุด ก็กับกายอีกเหมือนกัน”

ผมกะพริบตาปริบ ๆ พี่มันก้มหน้าเอาหน้าผากซบหัวไหล่ผมไว้

“ถ้าพี่ทำได้ พี่อยากเปลี่ยนให้กายเป็นเต้ย แล้วเต้ยเป็นกาย มันยังจะง่ายสำหรับพี่มากกว่า พี่อยากให้กายเป็นน้อง และเต้ยเป็นคนอื่น ที่ไม่ใช่น้อง ไม่ใช่คนที่ทำให้พี่รู้สึกทรมานแบบนี้” 

ผมรู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนจากมือที่กำผมไว้ทั้งสองข้าง ผมอยากปลอบพี่มัน แต่ว่าทำไม่ได้ ผมจึงได้แต่นั่งนิ่ง ๆ ให้พี่แกซบไหล่อยู่อย่างนั้น 

พี่เป้ร้องไห้อยู่ไหม 

ผมไม่รู้

แต่ผมรู้แค่ว่า พี่เป้กำลังอยากเข้มแข็ง 

ได้ยินเสียงสะอื้นเบา ๆ ผมรู้ได้เลย ว่าพี่เป้ยังเข้มแข็งไม่พอ 

“พี่ไม่ได้อ่อนแอนะกาย แต่พี่ยังเข้มแข็งไม่ได้ ขอเวลาให้พี่หน่อย ให้พี่ได้เข้มแข็งยิ่งกว่านี้”

ผมดึงมือตัวเองออก โอบรอบแผ่นหลังกว้างนั้นเบา ๆ

“ผมว่าพี่เป็นคนเข้มแข็งนะ” 

“ไม่…ยัง…ยังไม่พอ”
พี่มันค้าน 

“เข้มแข็งสิ เพราะถ้าไม่เข้มแข็ง ป่านนี้พี่คงจะทำอะไรไอ้เต้ยมันไปนานแล้ว ไม่ปล่อยเวลาให้ล่วงเลยมาถึงขนาดนี้หรอก สำหรับผม พี่คือคนที่เข้มแข็งที่สุด” 

พี่มันค่อย ๆ เงยหน้าพร้อมน้ำตาที่ไหลพรากขึ้นมอง ผมยิ้ม กรีดไล่หยดน้ำเม็ดเล็ก ๆ ออกให้เบา ๆ 

“คนเข้มแข็งที่ไหนจะร้องไห้แบบนี้”
พี่มันว่าต่อ

“พี่รู้ไหม ว่าทำไมคนเราถึงได้ร้องไห้”
พี่มันมองหน้าผมนิ่ง ๆ เพื่อรอคำตอบ

“เพราะเป็นการบ่งบอกว่า เราอดทนมามากพอแล้ว เข้มแข็งมาเยอะแล้ว น้ำตาคือปรอทวัดค่าแห่งความอดทนเฉย ๆ พี่มีความอดทนที่สูงเอามาก ๆ ไม่งั้นคงได้นั่งร้องไห้ไปแล้วทุกวัน ๆ ไม่รอให้ถึงที่สุดแบบนี้หรอก”
ผมเกลี่ยน้ำตาออกจากใบหน้าพี่แก 

“หึ ๆ”
พี่มันยิ้มทั้งน้ำตา เป็นผมเองที่ขมวดคิ้วด้วยความแปลกใจ ร้องไห้มากจนประสาทกินรึไง 

“พี่เข้าใจแล้วว่าทำไมไอ้เอกมันถึงได้หลงเรานักหนา”
อ้าว พี่เอกมาเกี่ยวอะไรด้วยเนี่ย

ผมทำหน้าสงสัย พี่แกไม่พูดอะไรต่อ ยกฝ่ามือสองข้างของผมไปปิดหน้าตัวเองไว้เบา ๆ 

มึง…

มือกูไม่ใช่ผ้าเช็ดหน้านะเว้ยเฮ้ย 

พอพี่มันเอามือผมออก น้ำตามากมายที่เห็นเมื่อกี้ก็อันตรธานหายไปเลย 

เอ๊ะ!?
หรือว่ามือกูจะเป็นผ้าเช็ดหน้าจริง ๆ 

“ตอนนี้กายเป็นทุกอย่างของพี่แล้วนะ พี่อยากให้กายเป็นกำลังใจให้พี่ ถ้าวันไหนที่พี่ร้องไห้ พี่อยากให้กายมาช่วยเช็ดน้ำตาให้ ถ้าวันไหนที่พี่อ่อนแอ พี่ก็อยากให้กายมาช่วยชาร์จพลังให้” 

“ได้สิ ได้เสมอเลย ผมจะคอยเป็นกำลังใจให้ ถ้าวันไหนที่พี่ร้องไห้ ผมจะช่วยซับน้ำตาให้ แล้ววันไหนที่พี่อ่อนแอ ผมก็พร้อมที่จะพยุง หรือถ้าวันไหนที่พี่หมดแรง ผมก็พร้อมที่จะชาร์จพลังให้เหมือนกัน”
ผมยิ้ม   

“แล้วชาร์จแบบไหนดี เอาแบบหนังจีนกำลังภายในไหม ประกบสองมือเพื่อถ่ายทอดพลังให้กัน”
ผมพูดติดตลก พี่แกหัวเราะเบา ๆ

“ไม่ต้องถึงขนาดนั้นหรอก แค่ใช้สองมือนี้สัมผัสพี่ หรือซับน้ำตาให้พี่ก็พอ”
แล้วพี่แกก็เอามือผมไปปิดหน้าแกไว้อีกที 

สรุป มือกูเป็นผ้าเช็ดหน้าว่างั้น =*=

ผมยิ้มอีกที ก่อนสายตาจะเหลือบไปเห็นอะไรแวบ ๆ ตรงพุ่มไม้ไกลออกไปทางด้านหลังพี่เป้ 

ใคร?

คงเป็นคนแถวนี้มานั่งเล่นเหมือนกันละมั้ง ผมละความสนใจจากคนคนนั้นมาที่พี่เป้ต่อ 

“ได้สิ ถ้าพี่ต้องการเมื่อไหร่ ผมจะรีบยื่นมือไปให้พี่ซับน้ำตาทันที”
ผมพูดล้อ ๆ พี่มันเขกหัวผมดังโป๊ก 

“แล้วนี่ไม่มีเรียนรึไงเรา”
พี่มันเปลี่ยนอารมณ์มาถาม หน้าดูสดใสขึ้นเยอะเลย

“มี..แต่โดด” 

“เด็กไม่ดี”
แล้วพี่มันก็ขยี้หัวผมเบา ๆ 

“ขอบใจสำหรับทุกสิ่งทุกอย่างนะ”
พี่มันยิ้มอ่อนโยน ผมยิ้มรับ

“พี่ไปก่อนล่ะ”
ผมพยักหน้าให้ทีเดียว พี่เป้ลุกขึ้นยืนก้าวเดินจากไป

ผมยังนั่งอยู่ตรงจุดเดิม ตรงนี้วิวสงบดีจริง ๆ มิน่าล่ะ ไอ้พี่เป้มันถึงได้เลือกมานั่งติสต์แตกแถวนี้ ผมทิ้งตัวลงไปนอนราบกับผืนหญ้าสีเขียว หญ้ามันแห้งฮะ นอนได้สบาย 

กำลังจะหลับตางีบสักหน่อย ก็มีใครบางคนมายืนอยู่เหนือหัว ก้มลงมาส่องหน้า ผมกะพริบตามอง เรือนร่างของคนคนนั้นน่าจะสูงใหญ่ โครงหน้าคมคายถูกแสงของดวงอาทิตย์ตัดไปจนพร่ามัว ทำให้มองไม่ออกว่าเป็นใคร ผมจำต้องลุกขึ้นมานั่ง ถึงได้รู้ 

“พี่โอ๊ค”
ทำไมช่วงนี้เจอพี่เขาบ่อยจังวะ

พี่มันไม่พูดอะไร ทิ้งตัวลงมานั่งข้าง ๆ ทำหน้านิ่ง ๆ เหมือนกำลังคิดอะไรอยู่สักอย่าง ผมไม่พูดไม่ถามอะไรต่อ เผื่อพี่แกอยากปล่อยอารมณ์ติสต์ ๆ แบบพี่เป้บ้าง

ผมทิ้งตัวลงไปนอนอีกที หลับตาลงเบา ๆ ผ่อนคลาย รู้สึกผืนหญ้าด้านข้างมันอ่อนยวบ ผมหรี่ตาหันไปมอง เห็นพี่โอ๊คทิ้งตัวลงมานอนด้วยเหมือนกัน พี่มันยกสองแขนขึ้นมาหนุนหัว ใบหน้ามองตรงไปยังผืนฟ้าด้านบน ผมหันกลับไปมองบ้าง

ท้องฟ้าถูกบดบังด้วยใบไม้จากกิ่งไม้ใหญ่อีกที แต่ก็มีบางช่วงช่องที่พอใบไม้ไหว แสงเงาจากแบล็คกราวด์สีฟ้าอ่อนจะหลุดลอดออกมาให้เห็นเลือนราง   

ผมปิดเปลือกตาลงอีกครั้ง

อากาศดีครับ แอบง่วง แล้วผมก็พาสติตัวเองจางหายไป


ผมขยับตัวนิดหนึ่ง 

อืม…หญ้า นุ่ม ๆ แบบนี้ก็ดีนะ ว่าแต่ทำไมรู้สึกเหมือนมีอะไรแข็ง ๆ มาอยู่ข้าง ๆ หว่า ผมสะลึมสะลือดวงตาขึ้นมอง สิ่งที่เห็นก็คือ แผงอกกว้างของใครบางคน และคนคนนั้นก็เสียสละแขนข้างหนึ่งมาให้ผมหนุน ซ้ำยังใจดี ลดแลกแจกแถมเสื้อตัวที่แกใส่อยู่มาให้ผมกำเล่นจนย่นยับอีกด้วย   

กูทำร้ายเสื้อพี่โอ๊คไปด้วยอีกคน 

ผมรีบคลายมือออก ค่อย ๆ ดันตัวลุกขึ้นนั่ง บ่ายสามโมงกว่าแล้วครับ พระอาทิตย์วิ่งไปนู่นแล้ว นี่ผมโดดเรียนยาวเลยเหรอเนี่ย แล้วทำไมไอ้เต้ยมันไม่ยอมโทรมาตามบ้างวะ 

ผมหยิบมือถือขึ้นดู เผื่อไอ้เต้ยมันจะโทรเข้ามาบ้าง 

ไม่มีสักสาย 

ไอ้นี่ เพื่อนไม่เข้าเรียนทั้งคน มันดันไม่โทรตาม 

ผมหันไปมองคนข้างตัวก็เห็นพี่มันตื่นและลุกขึ้นมานั่งตามบ้างแล้วเหมือนกัน มีเศษหญ้าแห้งติดเสื้อติดหัวพี่มันด้วย ผมหัวเราะหึ ๆ หันมาลูบ ๆ ปัด ๆ เสื้อผ้าเส้นผมตัวเอง เผื่อมันมีติดแบบพี่แกบ้าง

พี่มันยังไม่รู้ตัวครับ ยังนั่งทำหน้าเบลออยู่จนผมต้องเอื้อมไปหยิบออกให้

“ขอบคุณสำหรับแขนนะฮะพี่โอ๊ค”
พี่มันพยักหน้าเบลอ ๆ 

“ผมเพิ่งรู้นะเนี่ย ว่าเวลาพี่ตื่นนอน พี่จะเบลอได้ขนาดนี้”
ไม่รู้ไอ้ที่ผมพูดไป แกจะได้ยินบ้างไหม ทำหน้าเบลอได้ใจมาก 

“โอ้ สายแล้ว ผมไปหาไอ้เต้ยก่อนดีกว่า วันนี้ไม่ได้ไปทำงาน มีนัด แค่นี้นะฮะ”
ผมลุกขึ้นยืน พี่แกลุกตาม แล้วเดินตามผมมาต้อย ๆ จนไปถึงถนนของมหา’ลัย 

เออเว้ย คนอะไร เดินตามเหมือนคนละเมอ

“ตื่นรึยังพี่โอ๊ค”
ไม่แน่ใจครับ ผมเรียกอีกที เห็นพี่แกยังทำหน้าเบลออยู่ ผมเลยเดินเข้าไปใกล้ ตบแก้มแกเบา ๆ แต่ดูพี่แกยังไม่รู้ตัว ผมเลยตบแรงขึ้นเรื่อย ๆ 

“เจ็บ”
พี่มันกำมือผมไว้เพื่อหยุดการกระทำนั้นทันที 

“ตื่นรึยัง” 

พี่โอ๊คพยักหน้าเบา ๆ ที 

“ผมว่าพี่ไปล้างหน้าล้างตาก่อนดีกว่า จะได้ตื่นเต็มตา”
พี่โอ๊คไม่ตอบรับใด ๆ กลับมา นอกจากจ้องหน้าผมเขม็ง 

ผมเริ่มหน้าเจื่อน มองมือตัวเอง พี่แกจับมือผมไว้ มองตาผมนิ่ง ๆ เหมือนกับกำลังค้นหาอะไรบางอย่างอยู่

โห ถ้าพี่เอกมาเห็นนะ คงหึงตาลุกแน่ ๆ ผมรีบชักมือกลับ 

“ขอตัวนะฮะ”
พอหันหลัง สายตาก็ไปปะทะกับใครบางคนที่ผมไม่อยากให้มาเจอผมในสภาพนี้ที่สุด

แต่เขาก็มายืนอยู่ตรงนั้นแล้ว อีกฟากของถนน 

ผมยืนตะลึงอยู่กับที่ ถ้าพี่เอกเห็นภาพเมื่อกี้ รับรองได้ว่าผมโดนยำเละแน่

พี่เอกยืนกำหมัดแน่น หันหลังเตรียมจะเดินหนี ผมรีบวิ่งข้ามถนนไปหาพี่แกทันที 

เอี๊ยดดดดดดด!!!!
..
..
..
..
เสียงล้อบดถนนดังสนั่นจนผมหูอื้อ แขนขาขยับไม่ออก ยืนนิ่งอยู่กับที่ หรือพูดให้ถูก ผมยืนนิ่งอยู่ในอ้อมแขนของใครบางคน ที่รีบเข้ามารวบตัวผมไว้จากทางด้านหลัง ดึงให้กลับขึ้นไปบนทางเท้าที่ผมก้าวลงมาอีกครั้ง 

สองแขนใหญ่รวบผมไว้ทั้งตัว หัวใจที่แทบจะหยุดเต้นเมื่อกี้ กลับมาเต้นแรงอีกครั้ง และดูเหมือนจะมากกว่าเดิมเพราะความตระหนกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น   

ผมหันไปมองคนที่ช่วยผมไว้ 

“พี่โอ๊ค”
เทวดาประจำตัวผมเองครับ แล้วผมก็หันไปมองฝั่งตรงข้าม 

พี่เอกยืนตะลึงอยู่ฝั่งโน้น พี่มันมองผม ก่อนเลื่อนสายตาจ้องมองใครอีกคนที่ยังกอดผมเอาไว้อยู่ ผมหันไปมองพี่โอ๊คอีกที สายตาพี่แกจ้องเขม็งไปที่พี่เอกนิ่ง ๆ เช่นกัน 

ผมไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่แววตาของคนทั้งคู่ กำลังทำให้ผมหวาดหวั่น และหวาดกลัวว่าจะมีอะไรเกิดขึ้น โดยมีผมเป็นตัวกลาง 

“เอ่อ พี่โอ๊ค ผมปลอดภัยแล้ว ขอบคุณนะฮะ”
ผมบอกเพื่อให้แกคลายอ้อมแขนออก แต่แกกลับกระชับแน่นยิ่งกว่าเดิม 

เฮ้ย ปล่อยดิ กูไม่อยากให้ไอ้พี่เอกมันเข้าใจผิด เดี๋ยวมันได้หึงโหด ฆ่ากูหมกเตียงอีก ผมหันไปมองพี่เอกอีกที

แล้วทำไมพวกมึงสองตัว ต้องมองตากันขนาดนั้นด้วยวะ

ชักหวั่นกว่าเดิมซะแล้วสิ

*** ***
หย่อนกันอีกตอน ^^

ออฟไลน์ Apple_matinie

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1564
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-2
ไอ้พี่เอก ความชัดเจนอยู่ไหน ตอบบ!!!
กายน่ารักจะตาย โดนแย่งจะสมร้ำหน้าให้

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด