Kiss Love ► รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 100 เพิ่งเริ่มเท่านั้น |10/3/18|(ตอนจบ)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Kiss Love ► รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 100 เพิ่งเริ่มเท่านั้น |10/3/18|(ตอนจบ)  (อ่าน 680935 ครั้ง)

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
พี่อาร์ต ร้ายมาก
กาย อยู่ลำพัง ไม่ได้แน่
แถมชักชวนพี่โอ้ค เข้าร่วมขบวนการ
ไม่แน่พี่อาร์ต ต้องไปชักชวนพี่อิฐร่วมด้วย
แต่ที่แน่ๆ พี่เอก เห็นพี่เชนประคองตัวกายซะและ
จะโทษใคร ต้องโทษตัวเองแล้วพี่เอก
รู้ว่าอาร์ต อิฐ โอ้ค เชน ชอบกาย
แล้วไม่ตามติดคุ้มครองกายอีก
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30-04-2017 13:09:10 โดย ♥►MAGNOLIA◄♥ »

ออฟไลน์ Ginny Jinny

  • ความเป็นจริงมันวุ่นวาย ก็ขอให้ใจมันสบายๆในความฝัน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2099
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4

ออฟไลน์ BABYBB

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1123
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-1
ไม่เข้าใจคนเขียนอ่ะ คือจะดำเนินเรื่องไปในทางไหนหรอ นายเอกจากที่ดูใสๆกลายเป็นดู...ไปแล้วอ่ะ งง

ออฟไลน์ lovejinjunno

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
เพิ่งเข้ามาอ่านค่ะ
เลยอ่านรวดเดียวเลย
เป็นเรื่องที่อ่านแล้วอบอุ่นแล้วก็จั๊กจี้หัวใจดีเหมือนกัน
คู่พ่อแม่กายน่ารักมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
สงสารพี่เป้กับเต้ยจัง
หวังว่าทั้งคู่คงจะไม่ใช่พี่น้องคลานตามกันมาหรอกนะ

อ่านมาจนถึงตอนนี้.....
เกลียดอาร์ตมากมาย
จากที่จะปลื้มๆอิฐ ตอนนี้ก็เริ่มเบื่อหน้าอิฐไปแล้วเนี่ย

ชอบที่คนเขียนแต่งเรื่องนี้ที่อบอุ่นให้อ่าน
แต่ก็ไม่ชอบใจที่คนเขียนแต่งให้กายผ่านมือคนนั้นทีคนนี้ทีเหมือนน้องเป็นของสาธารณะที่ใครอยากจะแตะต้องเมื่อไหร่ยังไงก็ได้แบบนี้
อ่านแล้วอยากเขวี้ยงคอมทิ้ง ล้มโต๊ะแล้วก็พังห้องทำงานให้เป็นผุยผง
แล้วก็รู้สึกโชคดีที่ตัวเองไม่ได้เนื้อหอมแบบกาย ไม่งั้นคงได้ฆ่าตัวตาย 3 เวลาอาหารแน่ๆ

ยังไงก็แล้วแต่ มาต่อให้จบเร็วๆด้วยค่ะ
แต่บางทีอาจจะตามไปอ่านที่เด็กดีแทนก็เป็นได้

ออฟไลน์ Ginny Jinny

  • ความเป็นจริงมันวุ่นวาย ก็ขอให้ใจมันสบายๆในความฝัน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2099
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4

ออฟไลน์ OoniceoO

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 969
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-2
น้ำตาจิไหลมาต่ออีกเร็วๆนะครับอยากอ่านแล้วๆ

ออฟไลน์ memew

  • ขอบคุณที่เข้ามาอ่านจ้าาา
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 456
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +382/-10
    • :: Memew แฟนเพจ :
72
มหกรรมงอน & ง้อ
[เอก...☼]



ผมยืนมองคนที่ผมรักอยู่ในอ้อมแขนของใครอีกคน ผมรู้ว่าตอนนี้ไอ้ตัวเล็กคงกำลังร้องไห้อยู่ และก็รู้ว่าใครเป็นคนทำ
 
จะเป็นใครไปได้ ถ้าไม่ใช่ผม
 
ไอ้เอก 
ไอ้เอกภพ กิจไพศาล
 
ผมรู้ว่าสองคนนั้นไม่ได้คิดอะไรมากไปกว่าพี่ชายและน้องชาย แต่ความหึงหวงไม่เคยปรานีผมสักที ผมรีบเผยตัวเพื่อหยุดคนสองคนที่กำลังมองตากันอยู่
 
“เขากำลังจะไปกันแล้ว”
ผมบอกเรียบ ๆ
 
ไอ้เป้มันพูดอะไรสักอย่างกับไอ้ตัวเล็กแล้วเดินจากไป ผมไม่ได้สนใจฟัง เพราะสายตาผมหยุดนิ่งอยู่ที่คนคนเดียว

แล้วมันก็หันหลังให้ผมอีกรอบ แต่ครั้งนี้ผมไม่คิดจะปล่อยมันไปง่าย ๆ เหมือนที่ผ่านมา ผมรั้งมันกลับมาไว้ในอ้อมแขน

นัยน์ตามันสั่นไหว ปากแดงเม้มแน่น ผมรู้ว่ามันพยายามจะไม่แสดงความอ่อนแอออกมา
 
ถ้าเป็นแต่ก่อนมันคงทำได้ แต่ตอนนี้ ภายในอ้อมแขนผม มันคงทำไม่ได้

และผมก็ได้เห็นน้ำตาของมันอีกครั้ง
 
กี่ครั้งแล้ว ที่ผมทำมันเจ็บ
 
กี่ครั้งแล้ว ที่ผมทำมันร้องไห้
 
และกี่ครั้งแล้ว ที่ผมปล่อยให้ความโกรธมาทำร้ายคนที่ผมรักแบบนี้
 
“พี่ขอโทษ” ผมบอกมันเสียงเบา
 
“ไม่เป็นไร ยังไงผมก็เป็นผู้ชาย แค่นี้ไม่ตายหรอก”
มันประชดผลักอกผมเพื่อดันตัวมันเองออก
 
“กาย”
ผมเรียกมันเสียงเย็น

มันเม้มปากแน่น มองผมด้วยแววตาตัดพ้อผสมน้อยใจ
 
เอ่อเว้ย…
 
ใครว่าผู้ชายจะงอนไม่เป็น เมียผมงอนได้น่ารักซะด้วย ผมยิ้มนิด ๆ คลายตัวออกมาลูบรอยมือตัวเองเบา ๆ
 
“ขอโทษนะ”
 
“ไม่เป็นไร”
มันทำท่าจะเดินหนี แต่ผมรั้งมันกลับมาอีกที
 
“ถ้ากายยังไม่ยกโทษให้พี่ พี่จะไม่ปล่อยกายไปเด็ดขาด”
 
“ผมไม่ได้โกรธพี่นี่”
 
“แต่งอน”
 
มันเม้มปากแน่น
 
“ทายาแล้วใช่ไหม”
มันไม่ตอบ ผมถอนหายใจเบา ๆ นึกโทษตัวเองที่เผลอทำรุนแรงไป
 
“เขาจะขึ้นรถกันแล้วไม่ใช่รึไง”
มันเตือน ผมก็ได้แต่พยักหน้า ทำให้หายงอนเลยคงยาก คงต้องค่อย ๆ เป็นค่อย ๆ ไป
 


 
“เอ้า!! ขึ้นรถ ๆ ช้าเดี๋ยวทิ้งซะนี่”
ไอ้เจ้าของฟาร์มมันเร่ง

พวกเราเลยรีบพากันกระโดดขึ้นรถ รถที่พวกเรานั่งเป็นรถคล้ายรถรางสำหรับพานักท่องเที่ยวเที่ยวโดยเฉพาะ ด้านข้างเปิดโล่ง มีหลังคาเอาไว้กันแดด คันหนึ่งมีสิบกว่าที่นั่ง กรุ๊ปเราใช้รถสองคัน

ตอนแรกไอ้ตัวเล็กจะไปนั่งข้างพ่อกับแม่ แต่ผมดึงมันมานั่งข้างตัวแทน มันยื้อใหญ่ แต่ผมยึดเอวมันไว้ด้วยวงแขน มันเม้มปากแน่น จำใจนั่งเงียบ ๆ ไป
 
พี่กิจทำหน้าที่พิธีกรสุดหล่อ ยืนอยู่หน้ารถคันที่ผมนั่ง(คันแรกครับ) บรรยายประวัติและความเป็นมาของฟาร์ม รวมถึงรายละเอียดของไร่องุ่นและวัวที่เลี้ยงไว้
 
ผมกระชับวงแขนที่เอวไอ้ตัวเล็กแน่น ไม่สนว่าพี่กิจหรือคนอื่นที่ไม่ใช่เพื่อนจะมองยังไง ผมแค่อยากให้มันรู้ว่าผมแคร์และอยากอยู่เคียงข้างมันขนาดไหน เผลอคลาดสายตานิดเดียว มันยังโดนลวนลามซะขนาดนั้น ต่อไปนี้ผมคงจะละสายตาไม่ได้อีก
 
พอมาถึงฟาร์ม มันก็ตั้งหน้าตั้งตาถ่ายรูปอย่างเดียว ทำเป็นไม่รู้ว่ามีผมคอยเดินตาม
 
เรามากันที่โรงเลี้ยงวัวก่อน ใหญ่เหมือนกัน ที่นี่เพิ่งเปิดตัว พี่กิจเป็นคนดูแล แกไปเรียนรู้งานมาจากต่างประเทศโดยตรงเลย
 
พวกทโมนพากันวิ่งพล่านจนแม่วัวพากันแตกตื่น พ่อรีบปรามเสียงดุถึงได้เงียบลง แล้วพวกเราก็ได้รับอนุญาตให้รีดนมวัวกันได้
 
ถึงจะงอน แต่ไอ้ตัวเล็กก็ยังแสดงสีหน้าตื่นตาตื่นใจออกมาให้เห็น ผมยิ้ม ยืนฟังเขาสอนวิธีรีดนมวัวด้วยมือ ส่วนไอ้ตัวเล็กลงไปนั่งยอง ๆ อยู่ที่พื้น ก้ม ๆ เงย ๆ ดูเต้านม ก่อนจิ้มจึกไปที
 
“นุ่มแฮะ”
 
“ใช่ นี่แหละ อัดแน่นไปด้วยน้ำนมเลยแหละ”
คนงานชายวัยรุ่นบอก ย่อตัวลงไปสาธิตการรีดนมวัวให้ดู ไอ้ตัวเล็กทำหน้าตื่นเต้นตอนน้ำนมพุ่งปรี๊ดใส่ถัง แล้วมันก็ทดลองรีดด้วยตัวเอง
 
“คุณจะลองด้วยไหม”
คนงานลุกขึ้นมาถามผม
 
“ไม่ล่ะ ไม่ถนัดรีดนมวัว ถนัดแต่รีดนมคน”
 
คนงานหน้าแดงก่อนหัวเราะร่วน แต่คนที่หน้าแดงกว่าคือคนที่กำลังนั่งยอง ๆ รีดนมวัวอยู่ต่างหาก ผมอมยิ้ม ตีเนียนลงไปนั่งข้าง ๆ จิ้มนิ้วใส่นมวัวใกล้มือไอ้ตัวเล็กมัน
 
“อืม จะว่าไปแล้ว มันก็นุ่ม ๆ เหมือนนมผู้หญิงดีนะ”
 
“อืม บางทีก็มีบีบเพลินบ้างเหมือนกัน”
คนงานสารภาพอาย ๆ เกาหัวแกรก ๆ หัวเราะกลบเกลื่อน ในขณะที่ไอ้ตัวเล็ก นั่งหน้างอไปแล้ว
 
เวอร์ชั่นงอนจัด ๆ แบบนี้ เพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรกนะเนี่ย
 
“แหม แต่หน้าตาหล่อ ๆ แบบคุณเนี่ย คงมีสาว ๆ มาให้กอดไม่เว้นวัน”
 
“ก็พอมีบ้าง แต่ตอนนี้ติดพันอยู่คนหนึ่ง ขี้งอนเป็นที่สุด”
ยิ่งพูด คนที่กำลังบีบนมวัวอยู่ยิ่งหน้างอเข้าไปใหญ่
 
“ผมจะไปถ่ายรูป”
มันละมือออก ลุกขึ้นเดินหนีไป

ผมลุกขึ้นตาม หันไปขอบคุณคนงาน แล้วเดินตามมันไป
 
เห็นพวกทโมนกำลังให้อาหารวัวกันอยู่ พวกมันทำท่ากล้า ๆ กลัว ๆ ยื่นหญ้าสดให้วัวในคอกกิน ไอ้ตัวเล็กเห็นท่าน่าสนุกเลยเดินเข้าไปสมทบและทำตามบ้าง
 
“ให้พี่ถ่ายรูปให้ไหม”
ผมยื่นมือออกไปขอกล้องจากมัน มันทำท่าจะไม่ยอม แต่คงอยากได้ภาพตัวเองด้วยเหมือนกันเลยยื่นมาให้ ผมก็รับมาถ่าย บางจังหวะมันก็ยิ้มให้กล้อง บางจังหวะมันก็ทำหน้างอน ๆ ใส่
 
น่ารักดีครับ
 
บางทีปัญหาก็ใช่จะนำมาแต่เรื่องแย่ ๆ เสมอไป อย่างน้อยวันนี้ ผมก็ได้เห็นอีกมุมที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อนของคนที่ผมรัก
 
 
หลังจากโอ้ลั่นล้าในฟาร์มวัว พวกเราก็ขนขบวนกันไปที่ไร่องุ่นต่อ องุ่นที่นี่ลูกใหญ่มาก แถมยังไร้สารพิษอีกต่างหาก เก็บมาล้างหรือเช็ดนิด ๆ หน่อย ๆ ก็กินได้แล้ว
 
ไอ้ตัวเล็กมันเดินไปรอบ ๆ เพื่อถ่ายรูป โดยมีผมเดินเป็นเงาตามตัว
 
“นี่ไอ้หมาเอก มึงจะเดินตามไอ้กายมันทำด๋อยอะไรวะ”
ไอ้โอมมันทัก ก่อนไอ้มอจะมาลากคอเสื้อมันเดินออกไป
 
“มึง เขางอนกันอยู่”
 
“อ้าว เหรอ กูไม่ได้สังเกต เฮ้ย! มึงปล่อยกูก่อนเด๊ะ เสื้อกูขาดหมดแล้ว”
 
“เสื้อมึง ไม่ใช่เสื้อกู”
 
“อ้าวเว้ยไอ้มอ!!”
แล้วพวกมันก็พากันโวยวายหายไป

ไอ้คนข้าง ๆ ผมมองตามจนลับสายตาก่อนหันกลับมามองผมต่อ แล้วมันก็สะบัดบ๊อบเดินหนีไป
 
เมียผมงอนยาวแฮะ รอบนี้
 


 
“อยากกินองุ่นจัง”
ผมแกล้งพูดให้ไอ้ตัวเล็กมันได้ยิน
 
ตอนนี้มันกำลังกินองุ่นอยู่ครับ เด็ดมาพวงเบ้อเร่อ ล้างน้ำที่ลำธารแล้ว ปกติถ้ามันไม่งอน คงจะป้อนผมไปแล้ว แต่นี่เดินกินคนเดียวไม่สนใจกันเลย ผมเลยต้องทวงสิทธิ์กันนิดหน่อย

มันไม่ตอบ ไม่สนใจผมด้วย ผมเลยเดินเข้าไปใกล้
 
“ป้อนพี่หน่อยสิ”
ผมร้องขออ้อน ๆ

มันมองหน้าผมนิดหนึ่ง ไม่ป้อนครับ แต่ยังมีน้ำใจยื่นองุ่นมาให้ทั้งพวง
 
“อยากให้กายป้อน”
 
“มีมือก็กินเอาเอง”
มันบอกเรียบ ๆ
 
“ก็ได้”
ผมตอบกลับเรียบ ๆ เหมือนกัน แต่ยังไม่เด็ดกิน ผมรอจังหวะให้มันเด็ดออกมาลูกหนึ่งยัดใส่ปากตัวเอง แล้วอาศัยช่วงจังหวะนั้นคว้าเอวมันไว้ จับมันแหงนหน้านิด ๆ ก้มประกบปาก ควานลิ้นเข้าไปรั้งองุ่นลูกนั้นเข้าปากตัวเอง
 
มันหน้าแดง อ้าปากค้างคล้ายคนไม่เชื่อในสิ่งที่ตัวเองเห็น

ผมเคี้ยวองุ่นลูกนั้นกรุบ ๆ ทำสายตาเจ้าเล่ห์ใส่
 
“หวานดีแฮะ”
ผมเลียริมฝีปากตัวเองเบา ๆ
 
“แต่อยากกินองุ่นลูกเล็ก ๆ ของกายมากกว่า”
ยิ่งพูดแก้มขาวยิ่งแดง
 
จริง ๆ ผมไม่เหมาะกับบทพระเอกหรอก บทผู้ร้ายน่าจะทำได้ดีกว่า เมื่อง้อด้วยวิธีดี ๆ นุ่มนวล ๆ ไม่ได้ผล ก็ต้องง้อด้วยวิธีเจ้าเล่ห์ ๆ นี่แหละ
 
“พี่ป้อนกายบ้างดีกว่า”
ผมเด็ดองุ่นออกมาลูกหนึ่ง คาบไว้ในปาก รั้งเอวมันมากดจูบส่งผ่านองุ่นแสนหวานเข้าไป แต่แทนที่ผมจะถอนจูบออก ผมกลับใช้ลิ้นดึงองุ่นลูกนั้นกลับ กัดแบ่งออกเป็นสองส่วน แล้วดันใส่ปากมันไปครึ่งหนึ่ง ส่วนอีกครึ่ง กินเอง
 
“อร่อยแฮะ”
ผมพูดยั่ว ๆ

มันรีบเช็ดปากตัวเอง ทำท่าจะคายทิ้ง

“อย่าทิ้งนะ!! ถ้าคายทิ้ง พี่จะจูบนายไม่หยุดเลย”

 
มันชะงัก จ้องหน้าผมเคือง ๆ ก่อนหันหน้าไปทางอื่น รีบเคี้ยว ๆ สิ่งที่อยู่ในปากกลืนลงคอ

ผมอมยิ้ม
 
คราวนี้มันหยิบองุ่นมายื่นใส่ปากผมสลับกับปากมันเองทันที ไม่มีเล่นแง่แล้วครับ คงกลัวโดนป้อนแบบเมื่อกี้นี้อีก
 
ผมหัวเราะหึ ๆ ด้วยความพอใจ เดินเคียงไปกับมัน   



จบจากไร่องุ่นพวกเราก็พากันกลับบ้านไปอาบน้ำอาบท่า เตรียมตัวเที่ยวงานวัดกันต่อ ไม่เกินสองทุ่มพวกเราก็มารวมตัวกันอยู่ในวัดแล้ว

งานใหญ่ใช้ได้เลยครับ คนเยอะน่าดู แค่คนจากฟาร์มของไอ้กิ๊ฟก็เยอะแล้ว ส่วนมากงานวัดตามต่างจังหวัดแบบนี้ ทุกคนจะพากันออกมาเที่ยวแบบยกครัว เด็กเล็ก ๆ ก็ถูกพ่อกับแม่พาไปเล่นเครื่องเล่นสำหรับเด็ก พวกผู้ใหญ่กับคนสูงอายุ ก็พากันไปนั่งรวมกันอยู่หน้าเวที รอชมการแสดงต่าง ๆ ส่วนพวกวัยรุ่นก็พากันเล่นเกม มากันเป็นกลุ่มบ้าง เป็นคู่บ้าง คละเคล้ากันไป

พอมาถึงพวกเพื่อน ๆ ผมก็พากันแยกย้ายไปเล่นเกมทันที
 
“ว้าย ๆ อ้อนอยากเล่นเกมนั้น”
พวกทโมนรีบจูงมือกันไปเล่นเกมสาวน้อยตกน้ำทันที ทิ้งพ่อกับแม่ผมให้เดินเล่นระลึกความหลังกันอยู่สองคน พวกไอ้อาร์ตกับไอ้อิฐหายไปไหนแล้วก็ไม่รู้ ไม่เห็นพวกมันตั้งแต่ออกจากบ้านแล้ว(พวกเราพากันเดินมาครับ) พอ ๆ กับไอ้คุณชรินทร์นั่นแหละ แต่รายนี้น่าจะหายตัวไปถ่ายรูปมากกว่า

พ่อไอ้ตัวเล็กท้าแม่ให้ไปเล่นเกมโยนห่วงด้วยกัน ในขณะที่ไอ้เต้ยลากพี่มันหายไปยังโซนของกิน ส่วนผมเดินตามไอ้ตัวเล็กมัน
 
วันนี้มันแต่งตัวน่ารักดีครับ ไม่รู้ว่ามันจงใจหรือเพราะอากาศร้อนกันแน่ มันถึงได้ใส่เสื้อกล้ามออกมาแบบนี้

ไม่เคยเห็นมาก่อน
ปกติเห็นใส่แต่เสื้อยืด แล้วเสื้อกล้ามที่ใส่ ก็เป็นแบบพอดีตัว สีดำอีกต่างหาก นั่นยิ่งไม่เคยเห็นเข้าไปใหญ่ เพราะปกติ มันชอบใส่แต่สีสว่าง ๆ อารมณ์ไหนวะเนี่ย
 
กางเกงที่ใส่เป็นกางเกงผ้าขาสามส่วนแบบสบาย ๆ รองเท้าแบบสวมสีดำสลับขาว เข้าเซตกับเสื้อกล้ามดี ผมจ้องมองแผ่นหลังเพรียวบางนั้น บอกตามตรง มันเป็นคนไม่มีกล้าม แต่ก็ไม่ได้ขี้ก้าง พอใส่เสื้อแบบนี้ มันเลยดูเพรียวลมสมส่วนเข้าไปใหญ่

เห็นแล้วอยากจับมาฟัดให้หนำใจ
 
ส่วนตัวผมมาในชุดเสื้อยืดสีเทาเข้ม สวมทับด้วยแจ็คเก็ตสีดำสไตล์เดิม กางเกงเป็นกางเกงยีน ร้องเท้าแบบสวมแต่มีรัดส้น เน้นเท่ไว้ก่อน
 
มันไม่มองหน้าผมเลยตั้งแต่ออกจากบ้านมา แล้วเลือกที่จะเดินนำปล่อยให้ผมเดินตามต้อย ๆ แขนมันยังเป็นรอยอยู่ และดูเหมือนรอยจะเข้มขึ้นกว่าเดิมจนผมสะท้อนใจ

ที่มันจะงอนยาวก็ไม่แปลก เพราะมันคงจะเจ็บเอามาก ๆ
 
มันเดินถ่ายรูปสลับกับแวะซื้อของกิน(ไม่ยอมแบ่งผมเหมือนเดิม) ผมจงใจจับมันแยกออกมาจากกลุ่ม จะได้ง้อมันได้ง่าย ๆ หน่อย แต่มันเล่นไม่พูดไม่จากับผมเลย
 
พอผมเดินเข้าไปใกล้ มันก็เลือกที่จะเดินเร็วหลบหนี เพราะเดินไม่ดูทาง มันเลยไปชนกับวัยรุ่นชายกลุ่มหนึ่งเข้า ดูแล้วน่าจะเป็นนักเลงประจำถิ่นด้วย

ไอ้ตัวเล็กรีบขอโทษขอโพย แต่ฝ่ายนั้นไม่ยอม มันผลักอกไอ้ตัวเล็กอย่างหาเรื่อง ผมรีบเดินไปจับแขนมันไว้ทันที แล้วใช้สายตาอาฆาตปรามมัน ชาวบ้านเริ่มถอยห่างเพราะรู้สถานการณ์ดี
 
“ยุ่งไรด้วยวะ”
มันถามด้วยน้ำเสียงกวนตีน

ผมยิ้มเย็น
 
“ถ้าไม่อยากเป็นศพอย่ามาหาเรื่องกันดีกว่า”
 
“วอน”
มันไม่ฟังฟ้าฟังฝน เหวี่ยงหมัดใส่ผมทันที ผมก้มหลบ ก่อนอีกหมัดจะเหวี่ยงมาบ้าง ผมไม่อยากมีเรื่องแถวนี้ เลยจับสองมือมันรวบไปด้านหลังแล้วผลักตัวมันไปด้านหน้าเพื่อปล่อย กำลังจะเอื้อมไปดึงไอ้ตัวเล็กออกจากแขนอีกคน แต่ต้องเด้งไปด้านหน้า เพราะแรงฟาดจากไม้หน้าสามเข้าเต็ม ๆ ที่กลางหลัง
 
“พี่เอก!!”
ไอ้ตัวเล็กเรียกผมเสียงตื่น มันก็พยายามดิ้นรนให้หลุดรอดเหมือนกัน แต่ถูกยึดไว้จากคนสองคนทำให้ขยับไม่ได้ มันมองผมด้วยความเป็นห่วง
 
ผมก้มหลบหมัดที่เหวี่ยงมาจากด้านซ้าย แต่ไม่พ้นหมัดที่เหวี่ยงมาจากทางด้านขวา ตอนนี้ผมถูกล้อมหน้าล้อมหลังโดยมีไอ้ตัวเล็กเป็นตัวประกัน
 
ผมใช้หลังมือเช็ดเลือดที่มุมปาก คำนวณด้วยสายตาแล้ว ผมหนึ่ง มีไอ้ตัวเล็กเป็นตัวประกัน ส่วนพวกมันมีสิบห้า

พวกมันกรูกันเข้ามา ถึงผมจะเก่งการต่อสู้แค่ไหน ก็คงไม่อาจทานมือทานตีนของคนร่วมสิบกว่าผสมอาวุธครบมือ ทั้งสนับมือ ไม้หน้าสาม บ้างพกมีดเลย

ที่สำคัญ...
ผมเป็นห่วงไอ้ตัวเล็กมันครับ มันพยายามดิ้นรนใหญ่ แต่สองแขนถูกล็อกไว้ด้านหลัง ซ้ำไอ้คนด้านหน้ายังจับคางมันบีบแน่นอีกด้วย
 
เฮ้ย! มึง! เมียกูผิวขาวนะโว้ย บีบแรงขนาดนั้น เดี๋ยวเมียกูช้ำหมด

 :z10: :z10: :z10:

เพราะเผลอมองไอ้ตัวเล็กด้วยความเป็นห่วง ผมเลยถูกอัดเข้าที่ซี่โครงเต็ม ๆ จนตัวงอ ไอ้ตัวเล็กร้องลั่นเลย พวกมันกำลังจะเขามายำตีนผมต่อ แต่ดีที่พวกเพื่อน ๆ ผมพากันกรูเข้ามาช่วย พวกมันคงได้ยินเสียงคนโวยวาย เลยเข้ามาดู
 
ไม่เกินห้านาที พวกมันก็ลงไปนอนกินฝุ่น โดยมีตีนของเพื่อน ๆ ผมอยู่บนตัว และคนที่เก็บพวกมันได้มากสุด ก็เป็นไอ้กิ๊ฟ ไอ้เพื่อนสุดกร่างของผมนั่นแหละ
 
“อ้าว ไอ้จิต”
ไอ้กิ๊ฟมันเรียกเสียงเย็น
 
“มึงกล้ามากเลยนะ มารังแกเพื่อนสนิทกับน้องชายสุดที่รักของกูได้”
 
เห็นไอ้คนที่นอนหมอบอยู่หน้าซีดเป็นไก่ต้ม
 
“ผะ ผมไม่รู้พี่กิ๊ฟ ว่านั่นเป็นน้องกับเพื่อนพี่”
 
ไอ้กิ๊ฟมันยิ้มเย็น
 
“อืม ทีนี้ก็รู้แล้วนี่ แต่ว่า…”
มันหันมามองกายที่พยุงผมไว้ด้วยความเป็นห่วง
 
“เมื่อกี้มันทำอะไรนายบ้างกาย”
มันถาม ไอ้ตัวเล็กส่ายหัว
 
“ยังไม่ทันได้ทำ พี่เอกเข้ามาช่วยไว้ก่อน”
จริง ๆ ก็ทำนะ แต่แค่ล็อกแขนกับบีบคาง
 
แต่แม่ง!! คางเมียกู
 
ไอ้กิ๊ฟหันมามองผมต่อ
 
“แล้วมึงล่ะ”
 
“โดนต่อยหน้า อัดซี่โครง กับโดนไม้หน้าสามฟาดเข้าเต็ม ๆ ที่กลางหลัง”
ผมตอบตามจริง

พวกมันพากันหน้าซีด
 
ไอ้กิ๊ฟสั่งให้พวกนักเลงยืนเรียงแถว ใครที่ยืนไม่ไหวเพราะโดนยำตีนไปก่อนหน้านั้นก็ให้พวกเพื่อน ๆ ผมพากันจับยืนแทน ไอ้พวกนี้ก็ทำงานกันเป็นทีมดี เรื่องพวกนี้มันยอมกันซะที่ไหน
 
เข้าข่าย..
เพื่อนข้า ใครอย่าแตะ
 
“ต่อยหน้า”
ไอ้กิ๊ฟยืนยิ้มพราวอยู่ต้นแถว นวดวนหลังมือตัวเองเบา ๆ ก่อนกำหมัดซัดใส่หน้าไอ้คนแรกเต็ม ๆ จนไอ้เด็กหัวเหลืองนั่นหน้าหันเลือดกบปาก
 
ไม่ต้องถามว่าเจ็บไหม เลือกทะลักพลั่ก ๆ ขนาดนั้น
 
แล้วมันก็ต่อยเรียงหน้าเลย บางคนขยับตัวจะวิ่งหนี แต่ถูกเพื่อนผมจับเอาไว้ก่อน อย่าว่าแต่เพื่อนผู้ชายผมนะที่เก่ง เพื่อนผู้หญิงกลุ่มผมก็ใช่ย่อย ยูโด เทควันโดสายดำกันทั้งนั้น ไอ้กิ๊ฟนี่เอาทุกอย่างแต่ถนัดสุด คงเป็นมวยไทย คนจากสมาคมกีฬามาซื้อตัวหลายรอบแล้ว แต่มันไม่ชอบเลยบอกผ่าน

ชาวบ้านพากันทำท่าหัวหด หวาดเสียวไปตาม ๆ กัน ไม่นานมันก็ต่อยครบ 15 หน้า
 
“อัดซี่โครง”
 
พวกมันพากันกุมซี่โครงอัตโนมัติ
 
“พี่กิ๊ฟพอเถอะ!!”
ไอ้ตัวเล็กมันร้องขอ

ไอ้กิ๊ฟหันมายิ้มพราวให้
 
“ไม่ได้หรอกกาย ถ้าไม่ปรามซะบ้าง พวกมันก็จะพากันกร่าง พางานดี ๆ เขาเสียหมด”
แล้วมันก็จัดการอัดซี่โครงพวกนั้นจนจุกไปคนละที
 
โหดครับเพื่อนผม
 
ชาวบ้านพากันยืนมองด้วยความหวาดเสียว แต่ไม่มีใครคิดปราม

เพราะความโหดของมันกับพวกพี่ ๆ มันนี่แหละ พวกนักเลงเลยไม่กล้าทำอะไรล้ำเส้น พ่อมันก็มีอิทธิพลด้วย เล่นยาก แม้แต่ตำรวจก็ยังเกรง

นี่ขนาดนาน ๆ ทีมันกลับบ้านทีนะเนี่ย
 
“อัดด้วยไม้หน้าสาม”
มันรับไม้ไปถือไว้ ก็ไอ้อันที่พวกมันใช้ตีผมนั่นแหละ มันตีไม้หน้าสามใส่มือตัวเองเบา ๆ เดินช้า ๆ ยิ้มเย็นไปยืนอยู่ข้างหลังพวกมัน
 
“โธ่ พี่กิ๊ฟ พอเถอะ ผมยอมแพ้แล้วพี่”
ไอ้คนที่ยืนอยู่หัวแถววอนขอ
 
“ดี งั้นก็ยืนอยู่เฉย ๆ”
มันแปลความเป็นอย่างอื่นไป
 
“ไม่ใช่พี่!! ได้โปรดเถอะ อย่าทำอะไรพวกเราเลย จะให้ทำอะไรก็ได้”
 
ไอ้กิ๊ฟมันยิ้มจนหวานเชื่อมพาลพาเอาเบาใจ
 
“อันนั้นหลังจากพวกมึงโดนกันคนละทีแล้ว”
ไม่พูดพร่ำทำเพลง มันฟาดไม้หน้าสามใส่กลางหลังไอ้คนพูดดังผัวะ จนไอ้คนนั้นลงไปร้องโอดครวญอยู่ที่พื้น
 
“พวกมึงทำผิดก็ต้องรับผิด ครั้งหน้าจะได้ไม่ซ่ากันอีก”
มันเขยิบไปยืนอยู่ด้านหลังอีกคนที่ยืนไม่ไหวแล้วแต่ถูกหิ้วปีกด้วยเพื่อน ๆ ผมอีกที
 
คิดว่ามันจะปรานีหรือเปล่า
 
ผัวะ!!
 
นี่คือคำตอบ

ชาวบ้านพากันยืนหัวหดยิ่งกว่าเดิม ทำท่าหวาดเสียวหรี่ตามองดู ผู้ใหญ่บางคนก็เอามือปิดตาเด็กแบบแง้ม ๆ ไว้ไม่ให้ดู (แล้วจะปิดไปทำไม = =) พอครบทุกคน เพื่อน ๆ ผมก็ปล่อยให้พวกมันนอนร้องโอดครวญกองกันอยู่ที่พื้น
 
“ถ้าพวกมึงกล้ามารังแกคนของกู หรือทำให้งานสนุก ๆ แบบนี้พังอีก กูจะเพิ่มโทษเป็นสองเท่า”
ไอ้กิ๊ฟมันขู่
 
ไอ้ตัวเล็กมองภาพตรงหน้าหวาด ๆ แฝงแววสงสารเอาไว้หน่อย ๆ มันยืนชิดอยู่ข้างผม
 
“เข้าใจแล้วใช่ไหม ว่าทำไมพวกพี่ถึงได้กลัวไอ้กิ๊ฟมัน”
ผมกระซิบ มันพยักหน้าหงึก ๆ ผมอมยิ้ม

ท่าทางแบบนี้ สงสัยจะหายงอนแล้ว
 
แล้วพวกเราก็ช่วยกันเก็บกวาดซากอมนุษย์โยนขึ้นรถ
 
แล้วพาส่งโรงพยาบาลกันเลยหรือเปล่า?
 
ไม่มีทางครับ
 
ถ้าปล่อยไปง่าย ๆ คงไม่ใช่ไอ้กิ๊ฟแน่ ๆ มันลากพวกสมุนสุดกร่างกลับบ้าน ไปทำแผลด้วยตัวเองต่อที่บ้าน
 
หึหึ
ขอเตือนไว้ก่อน ไอ้ที่โดนไปเมื่อกี้ ยังเจ็บน้อยกว่าวิธีการรักษาของมันซะอีก
 
ผมเคยบอกคุณรึยังว่าคนของตระกูลไอ้กิ๊ฟเป็นนักเลง ซ้ำยังเป็นผู้มีอิทธิพลของคนต่างจังหวัดอีกต่างหาก ปืนผาหน้าไม้ต่อยตีมีครบเครื่อง อย่าคิดไปมีเรื่องกับมันเชียว
 
ผมถูกพามาทำแผลที่บ้าน ทุกคนก็พากันกลับแล้วเหมือนกัน หมดอารมณ์ที่จะเที่ยวต่อ

หรือพูดให้ถูก...
คืออยากกลับมาดูการทำแผลอันมหาโหดของไอ้กิ๊ฟมันมากกว่า

เห็นแล้วเสียวแทน
 
มันเล่นเอาแอลกอฮอลล์สด ๆ ราดใส่แผล จนพวกมันร้องจ๊ากดิ้นแด่ว ๆ ทรมานปางตาย (ใครไม่เคยลอง ลองดูได้ แล้วจะรู้ว่ามันเจ็บปวดได้ใจขนาดไหน) แล้วเอาลูกประคบร้อน ๆ ตบตุบ ๆ ใส่รอยช้ำ (ที่น่าจะทำให้แผลช้ำยิ่งกว่าเดิมมากกว่า) แล้วคุ้ยเอายาหม่องเป็นก้อน ๆ มาโป๊ะ ๆ ป้าย ๆ ไปทั่วทั้งตัว ทั้งแสบทั้งร้อน ทั้งทรมานกันล่ะงานนี้
 
ซาดิสม์ได้ใจ
 
เดวิดนั่งกลืนน้ำลายอึก ๆ แว่วว่าอนาคตตัวเองคงจะริบหรี่น่าดู
 
ไอ้กิ๊ฟ ทำอะไรมึงคิดบ้างก็ได้นะ มันอยากจะเลือกมึงเป็นเมียอยู่ไหมน่ะ
 
พอเสร็จจากตรงนี้ก็อย่าคิดว่ามันจะปล่อยกลับบ้านได้ง่าย ๆ นะ มันถือคติ ทำร้ายก็ต้องดูแล มันสั่งให้พี่กิจทำแผลให้ไอ้พวกนี้ทุกวัน (แบบที่มันทำนั่นแหละ) ซ้ำยังให้ออกกำลังกายด้วยการลากสังขารไปช่วยทำไร่ทำสวนหรือช่วยงานวัดจนกว่าจะหายดีอีกด้วย
 
เอากับมัน
 
งานนี้ไม่ให้พวกมันเข็ด แล้วจะไปไหนรอด
 
หลังจากดูมหกรรมทรมานคน ผมก็ลากไอ้ตัวเล็กมานั่งให้มันทำแผลให้ในห้อง ผมเลิกถอดเสื้อออกจนหมด เหลือไว้แค่กางเกงเท่านั้น
 
“เป็นไงบ้าง” มันถามด้วยความเป็นห่วง
 
“พี่คงโดนลงโทษ ที่ทำให้กายต้องเจ็บตัว” ผมพูดเรียบ ๆ
 
มันเม้มปากแน่น
 
“ผมไม่เจ็บเท่าพี่หรอก”
มันป้ายยาหม่องมาแต้มเบา ๆ ที่มุมปาก แต้มอีกรอบมาทาที่ซี่โครง และคุ้ยยาก้อนเบ้อเร่อไปทาที่กลางหลัง

คุ้ยเยอะขนาดนั้น มันคงเขียวไม่ใช่น้อย

ผมเลื่อนมือไปแตะรอยแดงที่แขนมันเบา ๆ
 
“ยังเจ็บอยู่ไหม”

มันก้มมองแขนตัวเอง
 
“ถ้าเทียบกับพี่ ผมไม่เจ็บมากหรอก ขอบคุณฮะที่ช่วย”
 
ผมยิ้ม เลื่อนมือไปที่แก้มมัน
 
“ดีแล้วล่ะ พี่ไม่อยากให้กายเจ็บเหมือนกัน”

มันหลุบตาลงต่ำ แต้มยามาทาซี่โครงต่อ
 



 
“ไปเดินเล่นกันไหม”
ผมชวนหลังจากมันทายาเสร็จ มันพยักหน้ารับ แล้วผมก็เดินเปลือยท่อนบนพามันเดินออกจากห้องไป 
 
“โห อนุสาวรีย์มึงเต็มตัวเลยว่ะเอก”
ไอ้กิ๊ฟมันแซว

ผมยักคิ้ว
 
“อนุสาวรีย์บ้านมึง เขาเรียกอนุสรณ์แห่งความกล้าหาญโว้ย”
 
“พูดดีไป ไม่ได้พวกกู มึงก็นอนกินตีนพวกมันกลายเป็นศพเฝ้าวัดไปแล้ว”

ผมหัวเราะหึ ๆ
 
“แล้วตกลงพวกมันเป็นใคร”
 
“วัยรุ่นแถว ๆ นี้แหละ จริง ๆ พี่กิจคุมอยู่ แต่ช่วงนี้เฮียแกยุ่ง ๆ กับนมวัว เลยไม่ได้ไปดูแล กะว่างานนี้จะซ่ากันให้เต็มที่ แต่มันคงไม่รู้ว่ากูมา”

พวกเพื่อน ๆ พยักหน้าเข้าใจ

เห็นความช้ำของแต่ละคนแล้ว เหอ ๆ กูจะไม่ขอเป็นศัตรูกับคนตระกูลมึงเด็ดขาด
 
“พี่กิ๊ฟเก่งจัง”
ไอ้ตัวเล็กมันชม
 
“เราก็ต้องหัดไว้บ้างน่ะ วิชาป้องกันตัวน่ะ เวลาผัวมันทำร้ายมา จะได้โต้กลับได้บ้าง ไม่ใช่ให้มันมาทำร้ายเราฝ่ายเดียว”

ผมสะดุ้งโหยง
 
“มึงไม่ต้องมาสอนวิชามารให้เมียกู ไอ้กิ๊ฟ”
ผมรีบท้วง

ไอ้ตัวเล็กมันยืนหน้าแดง
 
“นี่กาย” มันไม่ฟังครับ “พี่จะสอนอะไรให้นะ”
 
“ไอ้กิ๊ฟ!!”
ผมท้วงเสียงดัง
 
“มึงเงียบไปเลย! ถ้าไม่อยากโดนตีนกูอีกคน”

ผมหุบปากลงฉับ พวกเพื่อน ๆ พากันหัวเราะคิกคัก
 
“พี่จะสอนอะไรให้ รับรองได้ผลดียิ่งกว่าอะไร”
แล้วมันก็ก้มกระซิบอะไรบางอย่าง ไม่ได้ยินครับ แต่อย่าให้มันสอนอะไรเป็นดีที่สุด

ไอ้ตัวเล็กหน้าแดง
 
มึงสอนอะไรเมียกูวะ
 
“มึงสอนอะไรกาย”
ผมถามมันเสียงเครียด
 
“กูแค่สอนวิธีหยุดหมาบ้าแบบมึงแค่นั้นแหละ ถ้าวันไหนมึงเกิดสติหลุดขึ้นมา น้องกูจะได้ไม่เจ็บตัวแบบวันนี้อีก”

ผมสะอึก
 
“พวกมึงจะไปไหนก็รีบ ๆ ไป พวกกูจะจั่ว”
แล้วมันก็ไล่ผมกับไอ้ตัวเล็กออกจากกลุ่ม ผมเลยได้ทีดึงมันลงจากเรือน ปล่อยให้พวกมันสรวลเสเฮฮาลั่นบ้านกันไป
 
แม่ง เช้าทำบุญ เย็นอบายมุข เจริญล่ะพวกมึง
 
แต่พวกมันเล่นกันเป็นเกมครับ ไม่มีเงินวาง ไม่ได้เล่นเป็นการพนันกันหรอก
 
จริง ๆ ของพวกนี้มันขึ้นอยู่ที่เจตนา ถ้าไม่ติดจนกลายเป็นนิสัย มันก็แค่เกมเพื่อความสนุกและกระชับมิตรดี ๆ นี่เอง
 
“ไอ้เชี่ยมอ!! ถ้ามึงโกงกูอีกที มึงเอาตีนกูไปกินได้เลย”
 
คิดว่านะ…
 
ไอ้ตัวเล็กข้างผมหัวเราะคิก ผมหันไปมอง โอบเอวมันไว้ พามันก้าวไปตามทางเดินภายใต้แสงสว่างของดวงพระจันทร์สีนวลสวย


To be Con..

หายหัวไปร่วมสองอาทิตย์กว่าจะโผล่มาอัพที ข้าน้อยขออภัย  :z3: ช่วงนี้ติดเขียนนิยายเรื่องใหม่มากกกก เหอๆ เขียนจบละ กำลังอ่านทบทวนเพื่อปรับแก้ก่อนลงให้อ่านกันจริงๆ ยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะเอาลงให้อ่านกันในเล้าไหมนะคะ ถ้าไม่ได้ลงก็ตามไปอ่านกันได้ในเด็กดีน้า
แนวโรแมนติกคอมเมดี้มิมีดราม่า เห็นเขาว่าน่าจะเหมาะกับคนในเล้า ตัดสินใจได้ไงเดี๋ยวจะแวบมาบอก  :katai4: 

............................
ปล. ตอนหน้าเอ็นซีมา (ดิ้นตามเพลง)

...........................

หนังสือ&ebook >>https://goo.gl/FSOuuM
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-04-2017 19:58:01 โดย memew »

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ไม่รัก ก็ไม่งอน

ออฟไลน์ Ginny Jinny

  • ความเป็นจริงมันวุ่นวาย ก็ขอให้ใจมันสบายๆในความฝัน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2099
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4

ออฟไลน์ Timber Huang

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 49
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
เดาตอนจบยากอ่ะ ยืดไปเรื่อยๆ พอเหมือนจะจบกลับมีเรื่องมาอีก แต่ก็สนุกดี สู้ๆครับคนเขียน  o13

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ memew

  • ขอบคุณที่เข้ามาอ่านจ้าาา
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 456
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +382/-10
    • :: Memew แฟนเพจ :


73 ดูพระจันทร์ & ขี่ม้า Part 1 [กาย...♥]




ดึกมากแล้ว รอบด้านเงียบสนิท ได้ยินเพียงเสียงเรไรของสรรพสัตว์ยามค่ำคืนกับเสียงกรอบแกรบของใบไม้ที่ผมกับพี่เอกพากันเหยียบลงไปแต่ละก้าว คืนนี้เป็นคืนเดือนหงาย พระจันทร์กลมป๊องเลย มันสว่างมากจนเกือบจะกลายเป็นตอนกลางวัน
 
ผมตกใจมากกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น อาการงอนเมื่อกี้ก็หายไปเลย
 
ก็นะ พี่มันอุตส่าห์เข้ามาช่วยจนเจ็บไปหมดทั้งตัวแบบนี้

ผมหยุดเท้าไว้ พี่มันหยุดตามแล้วหันมามอง ผมแตะนิ้วลงบนซี่โครงเขียวช้ำนั้นเบา ๆ
 
“เจ็บมากไหม”
ผมถามคำเดิม

พี่มันมองหน้า ยิ้มออกมานิดหนึ่ง
 
“ตรงนั้นน่ะ ไม่เจ็บเท่ากับตรงนี้หรอก”
พี่มันรวบมือผมไปวางไว้ยังตำแหน่งหัวใจตัวเอง

“ตรงนี้ของพี่เจ็บกว่าเยอะ เพราะมันทำให้หัวใจของพี่ต้องเจ็บ”

ผมหลุบตาลงต่ำ ขยับเข้าไปสวมกอดอกกว้าง พี่มันชะงัก แต่ก็โอบวงแขนตอบรับ
 
“ผมรักพี่นะฮะ รักพี่คนเดียว”
 
“อืม..พี่รู้”
พี่มันตอบรับพร้อมกระชับวงแขนแน่นขึ้นไปอีก จูบลงมาที่หัวผมเบา ๆ
 
ผมยิ้ม รู้สึกอุ่นซ่านในหัวใจยังไงบอกไม่ถูก ผมกระชับอ้อมแขนบดเบียดตัวเองเข้าหาร่างสูงใหญ่มากขึ้น
 
ผมชอบที่จะอยู่ในอ้อมกอดของพี่เอก
มันรู้สึกทั้งปลอดภัยและอบอุ่นในเวลาเดียวกัน

ผมแนบหน้ากับอกกว้าง ฟังเสียงหัวใจของพี่มันเต้นเป็นจังหวะ คลอเคล้าไปกับเสียงหวีดร้องของสัตว์ตัวน้อย  ก่อนชะงักค้าง…
 
เอิ่ม…
 
มึง…

กูขอเวลาทำซึ้งสัก 60 วินาทีจะได้ไหม
 
ผมค่อย ๆ ดันตัวเองออกห่างเมื่อมีอะไรแข็ง ๆ มาดันอยู่แถว ๆ ท้องน้อย
 
“ผะ ผมว่า เรากลับไปเล่นไพ่กับพวกพี่ ๆ เขากันดีกว่า”
ผมรีบชวน ทำท่าจะเดินกลับ แต่พี่มันยึดแขนผมเหวี่ยงตัวกลับมาที่เดิม
 
“เดี๋ยวก่อนสิ…”
พี่มันเริ่มทำเสียงออดอ้อน
 
“วันนี้พี่ช่วยกายจนเจ็บไปทั้งตัวเลยนะ กายไม่คิดจะปลอบใจพี่บ้างเหรอ”
มาละ ข้ออ้างหื่น ๆ
 
“ทะ แทนกันไง พี่ทำแขนผมเจ็บตั้งสองข้าง”
ผมรีบท้วง

พี่มันทำท่าคิด
 
“อืม ก็จริง”
พี่เอกมองแขนผมสลับกันไปมา ก่อนจิ้มนิ้วมาที่แขนขวาผมเบา ๆ
 
“พี่ทำไปหนึ่งจุด”
แล้วก็จิ้มไปที่ปากตัวเอง

“พี่ช่วยไปหนึ่งจุด”
จิ้มกลับมาที่แขนผมอีกข้าง

“พี่ทำไปสองจุด”
แล้วจิ้มกลับไปที่ซี่โครงช้ำ ๆ นั้นอีกที
 
“พี่ช่วยไปสองจุด”
 
ผมมองหวั่น ๆ

พี่มันทำท่ามองหาร่องรอยบนตัวผมเพิ่ม พอไม่เห็น ก็ชี้กลับไปที่แผ่นหลังตัวเองต่อ

“เกินมาหนึ่งจุด ไอ้ที่เกิน กายต้องปลอบใจนะ”
 
ผมอ้าปากพะงาบ ๆ ในความเจ้าเล่ห์ของพี่มัน
 
“ไม่เกี่ยวกันซะหน่อย”
 
“กายง่ะ”
มึง อย่ามาทำเสียงงุ้งงิ้งแบบนี้ใส่กูนะ
 
ดะ เดี๋ยวกูใจอ่อน
 
“วันนี้พี่อดทนมาหลายรอบแล้วนะ ให้อดมากไปกว่านี้ พี่คงแย่แน่ ๆ ดูสิ เอกน้อยปวดไปหมดแล้ว”
พี่มันพูดอ้อน ๆ ชี้ไปยังเอกน้อยที่ไม่น้อยอย่างคำพูด
 
“พี่…แต่นี่มันข้างนอกนะ เดี๋ยวใครมาเห็น”
 
“ก็ทำเงียบ ๆ กันสิ”
พอพูดจบ พี่มันก็ลากผมไปยืนพิงไว้หลังต้นไม้ กำลังจะโวยวาย พี่มันก็รีบเอามืออุดปากผมไว้ทันที

 
“ชี่..เงียบ ๆ”
 
“อี่เอก!!”
ผมท้วงอู้อี้ อ้อนวอนผ่านดวงตา
 
“แล้วพี่จะทำเบา ๆ”
พอพูดจบ ก็ทำหน้าเจ้าเล่ห์ทันที

“เพิ่งนึกได้แฮะ พี่กำลังเจ็บตัวอยู่นี่นาเนอะ คงทำเองไม่ไหว…”

ผมหรี่ตาจ้องหน้าพี่แกหวั่น ๆ พี่เอกก้มกระซิบข้างหูเบา ๆ
 
“สงสัยกายต้องออนท๊อปให้พี่แล้วล่ะ”
 
กูว่าแล้ว
ผมรีบส่ายหน้าจนผมสะบัด
 
“น่านะ ถ้ากายออนท๊อปให้ พี่จะทำแค่รอบเดียว แต่ถ้าให้พี่ทำเอง พี่จะขอสักห้ารอบ”
 
ผมตาโต รีบพยักหน้ารับทันที
 
พี่มันยิ้มถูกใจ
 
“กายตกลงเองนะ”
 
ง่ะ!
หลงกลพี่มันอีกแล้ว


 :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:


พี่มันยิ้มพราว ทิ้งตัวลงนั่งพิงต้นไม้ใหญ่ไว้ ผมหันซ้ายหันขวา กลัวก็กลัว เกิดใครมาเห็นเข้าจะทำยังไง มันยิ่งสว่าง ๆ อยู่ด้วย

พี่เอกปลดเอกน้อยออกมานอกกางเกง ดึงผมลงไปจูบเบา ๆ 
 
“หยอดนิดหนึ่งสิ”
พี่แกใช้นิ้วโป้งบดปากล่างผมเบา ๆ แล้วชี้ไปยังตำแหน่งด้านล่าง

ผมเม้มปากแน่น ขยับตัวก้มหน้าอ้าปากรับเอาความแข็งขืนเข้าไป ใช้ปลายลิ้นตวัดปรนเปรอเบา ๆ พี่มันครางทุ้ม จนผมขนลุกซู่
 
สยิวครับ
 
ยิ่งพี่มันครางมากเท่าไหร่ ผมยิ่งบริการดีมากขึ้นเท่านั้น พี่มันสอดนิ้วเข้ากับเส้นผมผม ส่วนอีกมือก็บีบนวดระบายความเสียวซ่านที่หัวไหล่
 
“อืม นั่นแหละ กายเก่งมาก”
พี่มันครางชม

ไม่รู้เพราะบรรยากาศ หรือเพราะน้ำเสียงทุ้ม ๆ ผมถึงได้รู้สึกว่าไอ้ของที่ผมกำลังกินอยู่ รสชาติมันดีพิลึก
 
ผมเกือบจะทำให้พี่มันไปถึงปลายทางอยู่แล้วเชียว แต่พี่มันเบรกไว้ก่อน
 
“พอแล้ว มาดูพระจันทร์กันดีกว่า”
 
ผมขมวดคิ้วงุนงง
อ้าว พอแล้วเหรอ กำลังเพลินเลย

กำลังจะลุก แต่พี่มันจับผมพลิกหันหน้าไปยังทิศทางเดียวกัน สองมือใหญ่ถอดกางเกงผมออก แล้วจับผมนั่งของพี่แกไปทั้งอย่างนั้น
 
สรุป พี่มันให้ผมออนท๊อปแบบหันหน้าไปในทิศทางเดียวกัน
 
คิดได้นะมึง
ผมเสียววาบไปทั้งตัว พอใส่ได้หมด พี่มันก็แนบแผ่นหลังผมเข้ากับแผงอกเปลือยเปล่าของพี่แก
 
“อือ สุดยอด”
พี่มันคราง
 
ผมขยับตัว ปรับฐานด้านล่างให้ลงล็อก
ของตัวเองก็ใช่จะเล็ก ๆ ใส่มาแต่ละทีอึดอัดไปหมด
 
“พี่รักกายนะ”
พี่มันกระซิบ มือหนึ่งจับคางผมเอียงหน้าไปด้านข้างเพื่อเล็มหู ไล่ต่ำลงไปที่ซอกคอ ส่วนอีกมือก็ล้วงเข้ามาลูบ ๆ ไล้ ๆ อยู่แถว ๆ หน้าท้องสูงขึ้นไปที่หน้าอก บางจังหวะก็บีบหัวนมผมเล่นเบา ๆ
 
รู้สึกดีสุด ๆ ครับ พอรู้สึกดีมาก ๆ เข้าก็พาลพาเอาผมขยับตัวเพื่อระบายอารมณ์ ยิ่งขยับยิ่งรู้สึกดีเข้าไปใหญ่ ทั้งผมทั้งพี่มันเลยพากันครางแข่งกัน
 
“พี่เอก…”
ผมครางเรียกพี่แก มือหนึ่งคล้องคอพี่แกไว้ ส่วนอีกมือจับมือที่กำลังบีบนมผมอยู่ ลิ้นร้อนชอนไชซอกหู งับเบา ๆ ดึงความหวิวออกมาไม่รู้จบ
 
“ขยับสะโพกหน่อยสิ”
พี่มันกระซิบสั่ง

ผมพยักหน้า ขยับสะโพกเบา ๆ พี่มันครางเสียวซ่านไม่ต่างกับผม 
 
“ดูพระจันทร์ด้วยสิกาย”
พี่มันจับคางผมเชิดขึ้นอีกนิดบังคับให้ดูพระจันทร์ด้านบน สยิวอย่าบอกใครเชียว
 
ผมครางเบา ๆ บีบมือพี่แกแน่น อีกมือก็ขยุ้มบีบนวดหัวแกไม่หยุด ผมเอียงหน้ามองพระจันทร์ ในขณะที่ซอกคอก็ถูกเลาะเล็ม พี่มันก็ดูไปกินผมไปเหมือนกัน มือก็ใช่จะอยู่สุข ลูบไล้บีบนวดอยู่นั่นแหละ

ผมอยากจะครางให้ขาดใจตายกันไปข้าง สักพักพี่มันเลิกเสื้อขึ้นสูงจนหน้าอกผมโผล่ออกมาต้องลม
 
“พี่ชอบเสื้อตัวนี้ของกายจัง เซ็กซี่ดี”
พี่มันกระซิบบอก
 
มึง.. กูขอเถอะ
            แค่นี้กูก็จะตายอยู่แล้ว ยังจะมากระซิบใส่หูกันด้วยน้ำเสียงสยิวกิ้วแบบนั้นอีก

            ไม่ไหวแล้วครับ อยากจะฆ่าพี่มัน
            ผมขยับสะโพกเร็วขึ้นไม่ห่วงภาพลักษณ์แล้วตอนนี้
 
“อ๊า กาย อืมดี เก่งมาก”
พี่มันชมต่อ ผมก็บ้าจี้ ขยับสะโพกเร็วขึ้นไปอีก
 
“พี่เอก ผม…”
ไม่ไหวแล้วครับ ผมเร่งจังหวะเร็วขึ้น บังคับตัวเองให้ไปถึงฝั่งฝัน

ปกติถ้าผมทำแบบนี้ พี่มันก็จะเร่งจังหวะแล้วไปพร้อมกัน แต่วันนี้ มีผมไปคนเดียว ผมนั่งหอบแรงจนอกกระเพื่อม พี่มันยังนั่งเล็มหูผมอยู่
 
“กายกินของพี่นะ”
พี่มันพูดอะไรสักอย่าง ดันตัวผมออก แล้วพี่มันก็ลุกขึ้นยืน จับคางผมไว้บีบเบา ๆ บังคับให้ผมอ้าปาก แล้วมือร้อนก็ประจุกระสุน พุ่งหยาดน้ำขาวขุ่นใส่ปากผมเต็ม ๆ
 
ผมตกใจเผลอหันหน้าหนี จนบางส่วนกระเซ็นเลอะแก้ม ผมไอแค๊ก ใช้หลังมือเช็ด ๆ ไอ้ที่เลอะออก
 
น้ำพี่แกเยอะครับ เต็มหน้าเต็มมือผมเลย ผมกลืนกินบางส่วนที่อยู่ภายในเข้าปาก เป็นครั้งแรกที่พี่แกให้ผมกินแบบนี้ เคยเห็นแต่ในหนังเอวี รสชาติมันปะแล่ม ๆ หวาน ๆ เค็ม ๆ พี่มันยืนหอบแฮ่ก
 
“โทษทีนะ พี่ไม่อยากปล่อยข้างในน่ะ เดี๋ยวมันเลอะ”
ขอบคุณที่ยังเห็นใจ
 
พี่มันพยุงผมลุก ผมพยายามเช็ดไอ้ส่วนที่เลอะหน้าออก พี่มันจ้องใหญ่ แต่ผมไม่สนใจ รีบเช็ดก่อนที่มันจะแห้งเป็นแป้งเปียกติดหน้าติดมือ เอาไปเช็ดเสื้อก็ไม่ได้ เสื้อดำ เป็นคราบแน่ ๆ ผมใช้ลิ้นกวาดเช็ดคราบน้ำขาว ๆ ที่ร่องนิ้วผ่านหลังมือ ไล่ยาวลงไปถึงท่อนแขน
 
“แม่ง! น่าฟัดฉิบหาย”
 
“เหวอ!!”
ผมร้องเสียงหลง เมื่อพี่มันยกผมขึ้นกลางอากาศ ด้วยความตกใจผมรีบเกี่ยวสองขาที่เอวพี่มันทันที
 
“ดะ เดี๋ยว พี่เอก จะทำอะไร!! อะ อื้อ ..หนะ..ไหนพี่บอก อือ รอบเดียว อ๊า”
ผมท้วงไปครางไป เพราะพี่มันจับเอกน้อยที่ตื่นเต็มที่ ยัดกลับเข้ามาที่เดิม 
 
“อืม…พี่ไม่ไหวแล้วกาย นายอยากยั่วพี่เอง”
กะ กูไปยั่วมึงตอนไหน
 
“อื้อ…”
อยากด่าครับ แต่ไม่ไหวจะเคลียร์ พอพี่มันใส่ได้หมด ก็จับผมยกขึ้นยกลงกลางอากาศเลย

อยากด่าพี่มันจริงจัง แต่ตอนนี้ทำได้อย่างเดียวคือ…
 
“อ๊า..พี่เอก”
ได้แค่นี้แหละ…
 
“อ๊า กายเซ็กซี่สุด ๆ”
พี่มันครางชม ผมยึดลำคอพี่มันไว้ ซบหน้าครางตามพี่มันไป 

ไว้ใจไม่ได้ครับ คนคนนี้ บอกแค่รอบเดียว
 
สรุปมันฟัดผมไปเต็ม ๆ สามรอบ
 


to be Con...


 
ตั้งแต่เขียนคิสเลิฟมา สารภาพเลยว่าตอนนี้คือตอนที่เรียกกันว่า NC จริง ๆ อ่านแล้วแบบว่าโคตรของโคตรของโคตรของความเขินเลย แบบว่าเอ้ย++ อ่า... เอ่อ... ทำแบบนี้แม่ไม่ว่าเหรอ = = [ขออภัยสำหรับคนไม่ชอบเอ็นซี ข้าม ๆ มันไปละกัน มีแค่นี้แหละ = =]
           


บอกไว้ตอนที่แล้วว่าอาจจะเอานิยายเรื่องใหม่มาลง เอามาลงแล้วนะคะ ฝากด้วยน้าาาา แนวโรแมนติกคอมเมดี้ ไม่ดราม่า 
ที่นี่ค่ะ >>https://goo.gl/5kkQMx
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11-05-2017 18:25:36 โดย memew »

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ทั้งพี่เอก น้องเอกที่ไม่น้อย หื่นทั้งพี่ทั้งน้อง
กาย รัก ก็เลยใจอ่อนตกหลุมอยู่ตลอด
      :L1: :L1: :L1:
:pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Timber Huang

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 49
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0

ออฟไลน์ OoniceoO

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 969
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-2

ออฟไลน์ memew

  • ขอบคุณที่เข้ามาอ่านจ้าาา
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 456
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +382/-10
    • :: Memew แฟนเพจ :
73
ดูพระจันทร์ & ขี่ม้า
Part 2
[กาย...♥]



 
“ว้าย ๆ อ้อนอยากขี่ม้า”
 
“แอมด้วย”
 
“ไอด้วยค่ะ”
พวกน้อง ๆ พากันวี้ดว้ายตื่นเต้นกันใหญ่ ไม่อยากจะบอกว่าผมเองก็ตื่นเต้นไม่แพ้กัน
 
ตอนนี้เราทั้งหมดพากันมายืนอยู่ในฟาร์มม้าแล้วครับ กว้างมาก อ่านจากแผนที่ที่เขาแปะเอาไว้บนบอร์ดเมื่อกี้ ที่นี่กว้างเกือบร้อยไร่แน่ะ เป็นสนามหญ้าสลับกับต้นไม้ใหญ่เป็นกลุ่ม ๆ มีทั้งที่ราบและเนินเขา สูงต่ำต่างระดับ มีหนองน้ำอยู่หลายจุด ตรงกลางจะใหญ่สุด (ลองนึกภาพพวกสนามกอล์ฟก็ได้) ม้าที่นี่เป็นม้าพันธุ์อย่างดี บรรพบุรุษเป็นม้าแข่ง ส่วนคนดูแลคือพี่ก้อง
 
เจ้าหน้าที่พาพวกเราเดินชมบริเวณรอบ ๆ เพื่อให้รู้ประวัติและความเป็นมาคร่าว ๆ อย่างก่อตั้งเมื่อไหร่ ม้าพันธุ์อะไร แล้วเลี้ยงดูกันแบบไหน ก่อนพาพวกเราไปที่คอกม้าสำหรับขี่
 
ผมเพิ่งรู้ว่าพวกพี่ ๆ ขี่กันเป็นทุกคน ไอ้เต้ยก็ขี่เป็น
 
โห กูก็เพิ่งรู้นะเนี่ย
ผมก็ลืมไปว่ามันเป็นลูกคุณหนู เรื่องแค่นี้ มันต้องเคยเรียนมาก่อนอยู่แล้ว

แต่มันไม่ขี่เองครับ อ้อนพี่มันอยู่นู่น
 
“ขี่เป็นก็ขี่เองดิ” พี่เป้โวย
 
“ไม่เอาอ่ะ ไม่อยากขี่เอง พี่ขี่ผมซ้อน หรือไม่ผมก็นั่งหน้าแล้วพี่เป็นคนคุมม้า”
ไอ้นี่มันก็อ้อนได้ใจ
 
ยืนเถียงกันอยู่นาน สุดท้ายพี่เป้ก็แพ้ทาง ไอ้เต้ยได้นั่งหน้าสมใจ มันบอกนั่งหลังแล้วมองไม่ค่อยเห็นวิว
 
มันยิ้มร่า บอกให้พี่เป้บังคับม้าเดินไปในเส้นทางที่มันต้องการ
 
“ฉันบังคับเป็น ให้ฉันบังคับเถอะน่า”
 
“รู้ว่าคุณบังคับเป็น แต่หน้าที่นี้เป็นของผู้ชาย คุณนั่งดูวิวไปเฉย ๆ เถอะ ให้ผมเป็นคนบังคับเองดีกว่า”
พ่อกับแม่ฮะ ง้องแง้งกันอยู่ แม่อยากซิ่งเองตามสไตล์ แต่พ่อไม่ยอม คงอยากเป็นพระเอก
 
สรุป พ่อได้บังคับม้าสมใจ แม่ยืนหน้างอ พ่อรีบดันแม่ให้ขึ้นไปบนหลังม้า
 
“ชิ แค่นี้ฉันก็ทำได้”
 
“ผมรู้น่า ถ้าวันไหนคุณมาเที่ยวคนเดียวค่อยบังคับเอง แต่วันนี้มีผมอยู่ ให้ผมดูแลเองดีกว่า”
พ่อพูดเรียบ ๆ พาเอาแม่หน้าแดงก่ำ
 
คุณพ่อคุณแม่พี่เอกก็นั่งไปด้วยกัน ผมอมยิ้ม พ่อพี่เอกต้องเป็นต้นแบบความเป็นสุภาพบุรุษของบ้านแน่ ๆ ตอนนี้บังคับม้าเดินเหยาะ ๆ พาคุณแม่ไปนู่นแล้ว
 
มองไปอีกด้าน มีพี่กิ๊ฟเป็นคนคุมม้า และมีพี่ฝรั่งนั่งอยู่ด้านหลัง เฮียแกกลัวตกครับ จับเอวพี่กิ๊ฟแน่น แล้วพี่แกก็พาพี่ฝรั่งตะบึงเร็วจนเฮียแกร้องไม่เป็นภาษาหลับตาแน่น
 
ผมหัวเราะร่วน ไม่รู้คิดถูกหรือคิดผิดที่มาคบกับคนแบบพี่กิ๊ฟ ต้องเตรียมหัวใจเอาไว้หลาย ๆ ดวง ไม่งั้นคงได้หัวใจวายตายก่อนวัยอันควรแน่ ๆ
 
“กูจะบังคับม้าเอง”
 
“กูสิ กูเก่งกว่ามึง”
พี่มอกับพี่โอมครับ ยืนเถียงกันอยู่
 
คือ ไม่ใช่อะไรหรอก พอดีช่วงที่เรามามีทัวร์ลงพอดี ทำให้ม้าไม่พอ ต้องขี่สองคนต่อหนึ่งตัว
 
“เวลากูขับรถมึงก็ให้กูขับ แล้วทำไมเวลาขี่ม้า มึงต้องเป็นคนควบเองด้วยวะ”
พี่โอมเถียง
 
“ก็เพราะมึงขับรถแล้วไง กูถึงต้องควบม้า อย่าพูดมากน่า มึงนั่งเฉย ๆ ไปเถอะ เดี๋ยวกูจัดการเอง”
พี่โอมทำหน้าขัดใจ แต่ก็ยอม ๆ ครับ พี่มอเหวี่ยงตัวขึ้นนั่งบนหลังม้า ตามติดด้วยพี่โอม
 
“นี่มึง กูอยากควบบ้าง สลับกันได้ไหม”
พี่โอมยังไม่วายต่อรอง พี่มอถอนหายใจแรง
 
“เอ้อ ๆ”

พี่โอมยิ้มดีใจ
 
“จะดีกว่านี้ ถ้าเปลี่ยนจากมึงเป็นสาว ๆ”
พี่มอแอบบ่น ขยับสายบังคับ ตีเท้าใส่สีข้างม้ากระตุ้นให้มันเดิน

ส่วนพี่ปิงรู้หน้าที่ดีครับ ให้พี่โอ๊คเป็นมือบังคับ ส่วนตัวเองนั่งซ้อนไปตามระเบียบ
 
 พวกทโมนเห็นซน ๆ กันแบบนั้น แต่ขอบอก ขี่ม้าเก่งกันน่าดู ม้าตัวเดียว ซ้อนกันไปได้ไง สามคน

ผมยืนมองอึ้ง ๆ
 
“พวกนั้นทำบ่อยไม่ต้องห่วง”
พี่เอกตอบความสงสัยในใจผม ผมพยักหน้า กวาดมองคนที่เหลือ
 
ตอนนี้เหลือผม พี่เอก พี่อาร์ต พี่อิฐ แล้วก็พี่เชน
 
พี่เอกรีบดันผมขึ้นหลังม้า แล้วพี่แกก็ขึ้นตาม ผมเลยไม่ได้มอง ว่าที่เหลือจะได้ม้ากันยังไง
 
เพราะเป็นม้าแข่ง ตัวมันเลยสูงใหญ่มากกว่าม้าทั่วไป กล้ามงี้เป็นมัด ๆ สัญชาตญาณจะดีและวิ่งได้เร็วมาก เขาสอนให้ออกคำสั่งตามที่บอกครับ คำสั่งอื่น มันฟังไม่รู้เรื่อง
 
พี่เอกพาม้าวิ่งเหยาะ ๆ ไปตามทางเดิน ผมได้นั่งหน้า พิงแผ่นหลังไว้กับอกกว้าง มองวิวจากต้นไม้ใหญ่ และต้นหญ้าหลากพันธุ์ที่สูงเพียงข้อเท้าเท่านั้น
 
พี่เอกบังคับพาม้าไปเดินริมน้ำ สงสัยม้ามันหิว เลยเดินเหยาะ ๆ ไปก้มกินน้ำ ผมร้องเหวอตอนมันก้มจนผมเกือบจะไถลหล่น พี่เอกหัวเราะกอดเอวผมไว้แน่น
 
“ลองบังคับดูไหม”
พี่มันถาม

ผมพยักหน้า จับเชือกไว้ แล้วบังคับให้มันเดินหน้า ผมยิ้มเมื่อม้าเดินตามคำสั่ง กว่าจะหายกลัวหายตื่นเต้นได้ก็นานอยู่เหมือนกัน ผมคุมเองอยู่สักพัก ก็ปล่อยให้พี่เอกเป็นคนคุม ส่วนตัวเองก็ยกกล้องขึ้นมากดถ่ายรูป
 
พี่เอกพาม้าเดินเหยาะ ๆ ไปหามุมสวย ๆ ให้
 
วิวดีครับ สวยจริง ๆ บางจุดเป็นเนินเขา พอโดดแสงแดดสาดส่องยิ่งสวยเข้าไปใหญ่ ผมกดถ่ายไปเรื่อย ๆ กระทั่งพี่มันกระซิบบางอย่างข้างหู
 
“กาย…กายเชื่อใจพี่ไหม”
คำถามพาเอาผมนั่งงง ผมขมวดคิ้ว พยักหน้ารับ
 
“พี่อยากพิสูจน์ว่ากายจะเชื่อใจพี่มากแค่ไหน”
แล้วพี่มันก็ควบม้าเป็นจังหวะเร็วขึ้น ผมตัวเกร็งขึ้นมาทันทีจับที่จับด้านหน้าแน่น
 
“พี่เอก!! เร็วไปแล้วนะ”
ผมรีบท้วงเมื่อความเร็วมันเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ
 
“เชื่อใจพี่สิ”
พี่มันบอกแค่นั้น แล้วควบม้าตะบึงเร็วขึ้นไปอีก แถมยังใส่จังหวะตีโค้งจนตัวเอียง นี่ถ้าม้ามันดริฟท์ได้ พี่มันคงพาม้าดริฟท์จนเกือกขึ้นควันแน่ ๆ
 
ผมหลับตาปี๋ แนบแผ่นหลังกับอกกว้างจับที่จับไว้แน่น
 
“ลืมตากาย!! มองให้ดี ๆ!!”
พี่มันตะโกนบอกตัดกับเสียงสายลมที่กำลังพัดหวือ

ผมค่อย ๆ ลืมตามอง มันเร็วเอามาก ๆ ผมรู้ว่าม้าวิ่งได้เร็วพอ ๆ กับรถมอเตอร์ไซด์ แต่รถมอเตอร์ไซด์มันวิ่งนิ่ง ๆ ไม่ได้ถูกควบเป็นจังหวะขึ้นลงแบบนี้
 
ผมมองภาพตรงหน้าอึ้ง ๆ
 
สายลมพากันตีใส่หน้า ผ่านทิวไม้และต้นหญ้า บอกตามตรง ให้ความรู้สึกดีแบบที่ไม่เคยเจอมาก่อน ถ้าใครเคยขับมอเตอร์ไซด์แบบไม่สวมหมวกกันน็อกจะรู้ดี
 
ผมกัดฟัน นึกย้อนคำพูดพี่แก
 
‘เชื่อใจพี่สิ’
ผมผ่อนคลายความเกร็งลง พี่เอกเพิ่มจังหวะเร็วขึ้น
 
และพี่แกท้าทายความเชื่อใจของผมมากขึ้น ด้วยการบังคับม้าด้วยมือเดียว แล้วเกี่ยวแขนอีกข้างไว้ที่เอวผม
 
“พี่เอก!!”
ผมตะโกนเตือนพี่แก แต่พี่เอกยังวิ่งเร็วไม่หยุด
 
‘เชื่อใจพี่สิ’
คำนี้ผุดขึ้นมาอีกครั้ง ผมกลับมานั่งนิ่ง ๆ ให้พี่มันบังคับเข้าโค้งต่อไป
 
“ไอ้เอก!! มึงเป็นบ้ารึไง!!”
พี่กิ๊ฟครับ ควบม้าเร็วมาเทียบแล้วตะโกนใส่ พี่กิ๊ฟนั่งมาคนเดียว คาดว่าพี่ฝรั่งคงลงไปนั่งอ้วกอยู่ข้างทางเรียบร้อยโรงเรียนไทยไปแล้ว
 
พี่เอกหันไปยิ้มให้ แล้วควบม้าเร็วยิ่งกว่าเดิม
 
“ไอ้เอก!!”
พี่กิ๊ฟตามมาด่าต่อ
 
“มึงลองดูบ้าง แล้วจะรู้ว่ามันสนุกขนาดไหน”
พี่มันหันไปบอก

พี่กิ๊ฟมองตรงไปด้านหน้า ไม่นานก็คลี่ยิ้มออกมา
 
“ก็จริง”
แล้วพี่แกก็ควบม้าเคียงข้างพี่เอกมาเรื่อย ๆ
 
“พวกมึง!! เล่นอะไรกันไม่ชวนกันบ้าง”
ไอ้พี่มอครับ ควบม้าเร็วตามมา โดยมีพี่โอมยืนอยู่บนที่เทียบ จับสองไหล่พี่มันไว้
 
“ไปไอ้มอ อย่าให้เสียชื่อสถาบันคนม่อแห่งชาติ”
พี่โอมตีไหล่พี่มอแรง บังคับให้พี่แกเร่งความเร็วมากขึ้น
 
“กูไม่ใช่ม้า!!” พี่มอด่ากลับ
 
“ตอนนี้มึงเป็นม้าสำหรับกูแล้ว กูบอกให้มึงเร่งความเร็วมึงก็ต้องเร่ง”
แล้วพี่มันก็ตบไหล่พี่มอเสียงดังป้าบ ๆ บังคับให้พี่มันเร่งความเร็วขึ้นอีก พี่มอต้องทำตามครับ คาดว่าน่าจะเพราะเจ็บไหล่
 
พอพี่มอขึ้นนำ มีหรือท่านแม่ทัพเอกจะยอม ท่านรีบบังคับม้านำทันที เทคนิคต่างกันครับ พี่มันละมือจากเอวผมไปบังคับม้าดี ๆ แล้ว
 
ผมยิ้ม เมื่อหันไปเห็นม้าของพี่โอ๊คควบเร็วตามมา ผมยิ้มให้พี่แกไปที
 
และในจังหวะตีโค้งนั้น ผมถึงกับตาโต เพราะนอกจากพี่โอ๊คแล้ว ยังมีพี่อิฐกับพี่อาร์ตด้วย แต่ได้ม้าคนละตัว
 
ผมยิ้มอีกที เมื่อเห็นพวกเราสนุกกับการควบม้าเร็ว ชาวบ้านและนักท่องเที่ยวเริ่มพากันมายืนดูแล้ว พวกเราพาม้าวิ่งกันฝุ่นตลบ

ผมหัวเราะด้วยความสนุกสนาน
รู้สึกภูมิใจสุด ๆ ด้วยที่ม้าของตัวเองควบนำอยู่
 
“พี่เอก”
ผมเรียก คนที่ควบม้าอย่างมุ่งมั่นครางหือในลำคอตอบรับ
 
“ผมเชื่อใจพี่นะ”
พี่มันก้มมองนิดหนึ่ง ก่อนทำหน้าตื่นเมื่อผมทำเรื่องไม่สมควรทำเข้า
 
ผมเอี้ยวหน้าไปจูบพี่แกที
 
แหะ ๆ ไม่ใช่แค่นั้นหรอก
แต่ผมดันตัวลุกขึ้นยืนทั้ง ๆ ที่ม้ายังควบเร็วอยู่
 
“กาย!!!”
พี่มันเรียกเสียงตื่น
 
“ผมเชื่อใจพี่ไง อย่าทำผมตกนะ”
ผมยืนให้มั่นด้วยสองเท้าบนหลังม้า พี่เอกรีบรวบกอดต้นขาผมไว้ด้วยแขนเดียว ในขณะที่อีกมือยังควบม้าอยู่ พี่มันลดความเร็วลง
 
“ห้ามลดความเร็วนะ ให้เร็วขึ้นกว่าเดิมด้วย” ผมสั่ง
 
“มันอันตรายกาย!!”
 
“ก็ผมเชื่อใจพี่ไง”
ผมย้ำ ยกกล้องขึ้นมาจ่อไว้ที่ดวงตา เล็งเลนส์กล้องไปยังพวกพี่ ๆ ที่ควบม้าตามมา
 :L2: :L2: :L2:


เป็นภาพที่สวยดีครับ
สวยเอามาก ๆ พี่มอซิ่งแหลก โดยมีพี่โอมยืนอยู่บนที่เทียบ สั่งการราวกับผู้บังคับบัญชา พี่โอ๊คควบเร็ว โดยมีพี่ปิงนั่งซ้อนไม่สะทกสะท้านไปกับความเร็วสุดกู่นั้น พี่อ้อยควบโดยมีพี่สาวซ้อน อีกตัวมีพี่อิงควบเดี่ยว
 
ผมแพนกล้องไปยังพี่อาร์ตกับพี่อิฐ พี่อาร์ตส่งจูบให้ผมที ผมยิ้มแหยง วันนี้แยกได้ เพราะแต่งตัวไม่เหมือนกัน
 
ผมยิ้มกว้าง เมื่อเห็นม้าอีกตัวกำลังตีโค้งเข้ามาเทียบอยู่ด้านข้าง และคนบังคับคือพ่อผมเอง โดยมีแม่นั่งอยู่ด้านหน้า ตอนแรกก็คิดว่าแม่จะร้องโวยวายหรือทำท่าหวาดกลัวบ้าง แต่แกกลับนั่งนิ่งครับ ปล่อยให้พ่อควบม้าไป
 
พ่อชูนิ้วโป้งขึ้นเหนือหัว ผมยิ้ม ลั่นชัตเตอร์เก็บภาพเหล่านั้นไว้
 
มีเรื่องตื่นตามากไปกว่านั้นอีก เพราะอยู่ ๆ ก็มีม้าที่ไม่มีคนนั่งวิ่งตามมาฝูงใหญ่ คงเป็นม้าของนักท่องเที่ยวชุดแรก มันคงเห็นเพื่อน ๆ มันวิ่ง มันเลยอยากวิ่งบ้าง

ฝูงเบ้อเร่อเลย
 
ผมแพนกล้องจากซ้ายวนไปทางขวา จนไปสบกับใครบางคนที่แพนกล้องมาทางผมเหมือนกัน
 
พี่เชนครับ
พี่แกทำเรื่องท้าทายกว่าผมอีก ด้วยการยืนบนที่เทียบ และบังคับเชือกม้าด้วยปาก สองมือจับตัวกล้อง จ่อไว้ที่ดวงตาแล้วเล็งเลนส์มาที่ผม
 
ผมยิ้ม
เราสองคนต่างคนต่างถ่ายกันและกัน ตีโค้งไปทางด้านซ้าย
 
ผมรู้ว่านี่คงไม่ใช่ครั้งแรกที่พี่เชนทำเรื่องแบบนี้ พี่แกเป็นช่างภาพมืออาชีพ ชอบท่องเที่ยว และกล้าที่จะทำเรื่องท้าทายเพื่อหาภาพเด็ด ๆ มาไว้ในคอลเลคชั่น บางทีก็ต้องเข้าไปในพื้นที่อันตราย เพื่อให้ได้ภาพสวย ๆ เหมือนกัน (ดูได้จากบอร์ดครับ) มันเป็นความตื่นเต้นของการถ่ายภาพ ที่ถ้าไม่ลองมาจับกล้องดู ก็คงไม่มีทางรู้
 
“พี่เชน!!”
ผมตะโกนลั่น เมื่อม้าพากันวิ่งเลี้ยวโค้งไปทางด้านขวา ค้านจังหวะที่พี่เชนกำลังถ่ายรูปอยู่ พี่เชนเสียการทรงตัว พลัดตกจากหลังม้าทันที
 
ผมอยากให้พี่เอกหยุดไปช่วย แต่ม้าวิ่งด้วยจังหวะเร็วเกินไป ผมพยายามมองหาพี่เชน พอม้าวิ่งผ่านหนองน้ำขนาดใหญ่แบบวงกลม ผมถึงได้เห็นพี่เชนลุกขึ้นมายืนถ่ายรูปต่อ
 
อึดให้ตาย
 
ผมยิ้มออก ยกนิ้วโป้งชูเหนือหัวให้พี่แก พี่เชนยกนิ้วโป้งชูเหนือหัวตอบรับเช่นกัน พวกเราวนรอบหนองน้ำหนึ่งรอบ โดยมีพี่เชนยืนแพนกล้องถ่ายพวกเราไว้
 
ผมตาโต เมื่ออยู่ ๆ ก็มีม้าอีกกลุ่มวิ่งเข้ามาเสริม แต่ตรงกลางระหว่างเราและม้ากลุ่มนั้น มีพี่เชนกำลังยืนเล็งกล้องอยู่
 
พี่เชนไม่ได้สนใจ ยังยืนนิ่งถ่ายรูปอยู่
 
“พี่เชน!!”
ผมตะโกนเตือน ม้าของพวกเราไม่ได้หยุด ถึงหยุดก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะระยะมันไกลเกินไป

แม้ม้าจะวิ่งเข้ามาใกล้ แต่พี่เชนก็ไม่คิดจะขยับไปไหน
 
ม้าฝูงใหญ่วิ่งใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ และวินาทีนั้นเอง ผมเห็นใครบางคน ควบม้าย้อนศรกลับไปหาพี่เชน
 
ผมยืนมองด้วยจิตใจลุ้นระทึก
 
ใครคนนั้น
 
คนที่มีหน้าตาเหมือนพี่เอกอีกคน…
 
พี่อาร์ต
 
ด้วยสัญชาตญาณช่างภาพ ผมยกกล้องขึ้นมาจ่อไว้ที่ดวงตา และกดชัตเตอร์เก็บทุกภาพระทึกขวัญนั้นไว้
 
“ไอ้ช่างภาพ!!”
พี่อาร์ตยื่นมือออกไปรับ พี่เชนไม่ได้สนใจมอง

แต่จังหวะที่ม้าพี่อาร์ตกำลังจะวิ่งผ่าน พี่เชนวาดมือคว้ามือพี่อาร์ตไว้ แล้วเหวี่ยงตัวเองขึ้นไปนั่งบนหลังม้า
 
คุณเคยดูหนังเรื่องเดอะลอดออฟเดอะริงไหม ตอนที่โอแลนโด้ บลูม เหวี่ยงตัวขึ้นหลังม้า แบบนั้นแหละ เหมือนกันเลย
 
เท่สุด ๆ ทั้งพี่อาร์ตและพี่เชน
 
ทั้งที่นั่งอยู่บนหลังม้า พี่เชนก็ยังไม่หยุดถ่ายรูป ผมเห็นพี่แกลุกขึ้นเหยียบบนที่เทียบ ส่องกล้องมาทางผม

ผมหัวเราะร่วน
 
ระห่ำสุดยอด
 
พี่เชนตบบ่าพี่อาร์ตให้เร่งความเร็วมาชิดม้าผม แล้วพวกเราก็ขี่ม้าควบเคียงไปด้วยกัน
 
ไม่เพียงแต่เราที่ชื่นชอบการควบม้าเร็ว พวกม้า ๆ เอง ก็คงจะสนุกไม่แพ้กัน เพราะเห็นพวกมันพากันยกหัวยกเท้าร้องฮี่กันใหญ่
 
แล้วพวกเราก็ได้เห็นสิ่งอัศจรรย์อีกรอบ
สามทโมนควบม้าแซงพวกเราไป ผมอ้าปากค้าง จ้องมองคนสามคนที่นั่งเอนตัวไปด้านหน้าเหมือนจ็อกกี้สาวตามสนามแข่ง (พวกน้อง ๆ ใส่สนับที่แขนกับเข่า แต่ไม่ยอมใส่หมวก เห็นบ่นว่าไม่โดนลม ไม่สะใจ) สามทโมนจับเอวกันแน่น สามัคคีโน้มตัวไปตามแรงเหวี่ยง
ผมกับพี่เชนรีบถ่ายภาพนั่นไว้ทันที
 
พอถ่ายรูปจนหนำใจ ผมก็ลงมานั่งดี ๆ อีกครั้ง
 
รู้สึกดีจริง ๆ
ยิ่งเมื่อโดนลมแรง ๆ ตีใส่หน้า และร่างกายที่ขยับไปตามจังหวะขึ้นลงของม้า ยิ่งพาเอาหัวใจรู้สึกสนุกเข้าไปใหญ่
 
“วู้วววววววววว”
ผมแหกปากตะโกนเสียงดัง แหงนหน้า กางแขนออกกว้าง
 
ผมยิ้มจนเต็มหน้า ปล่อยให้พี่เอกพาผมโบยบินไปตามเส้นทางเขียวขจี ราวกับนกน้อยที่กำลังโผบินไปบนท้องฟ้าแสนกว้าง     
 
ขอบคุณสำหรับความสุขครั้งนี้ครับ พี่เอก





To be Con...
..
..
ตอนนี้เป็นตอนที่จำได้ว่าวนอ่านอยู่หลายรอบมาก ชอบมาก ๆ มันทั้งสนุกและลุ้นระทึกในเวลาเดียวกัน แต่ฉากที่ชอบมากสุด คงไม่พ้นฉากที่พี่อาร์ตขี่ม้ากลับไปช่วยพี่เชนนั่นแหละ เท่มาก เอาไปนั่งเพ้อนอนเพ้ออยู่หลายวันเชียว Icon YoYo Emotion

อยากบอกว่าตอนนี้เป็นจุดเริ่มต้นของแต่ละคู่ คือไม่ได้ตั้งใจจะจับคู่ให้ใครแต่แรก แต่อยู่ ๆ เนื้อเรื่องมันดันไหลมาให้ทุกคนต้องคู่กันเอง อย่างพี่อาร์ตกับพี่เชน(ที่โคจรมารักกันได้ไงนี่สุดยอดความอัศจรรย์ของโลกมาก) พี่มอกับพี่โอม(อันนี้เพราะพลังม่อของคนทั้งคู่แน่ ๆ = =) พี่โอ๊คกับพี่ปิง(อันนี้ไม่อยู่ในสารบบ แต่พอถามว่าถ้าให้สองคนนี้คู่กันล่ะ โอ้โห เนื้อเรื่องมาเป็นกุรุส)


อ่านกันให้สนุกน้า ^^ 
..
..
หนังสือ & e-book : https://goo.gl/FSOuuM
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-05-2017 19:14:51 โดย memew »

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
กาย ท้าทาย ผาดโผนมากเลย

ออฟไลน์ memew

  • ขอบคุณที่เข้ามาอ่านจ้าาา
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 456
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +382/-10
    • :: Memew แฟนเพจ :

74
จบทริป...รางวัลของคนหื่น
[เอก...☼]


ผมหัวเราะหึ ๆ ตอนสั่งให้ม้าหยุดเดิน คนในอ้อมแขนผมหันมามองด้วยความแปลกใจ

ผมว่าผมบ้าแล้ว ยังมีคนที่บ้ามากกว่าผมซะอีก
 
“หัวเราะอะไร”
มันตัดสินใจถาม ผมไม่ได้ตอบ แต่จับคางมันไว้แล้วกดจูบลงไปเบา ๆ มันตาโตดิ้นขลุกขลักพยายามดันมือดึงหน้าตัวเองออก ผมบดปากมันเบา ๆ โดยไม่ล่วงล้ำ 
 
“หัดอายม้าอายแมวมันซะบ้างนะไอ้เอก สวีทกันได้ทุกที่เลยจริง ๆ”


ผมละริมฝีปากออกไปมองคนพูด เห็นไอ้มอพาม้าเดินเหยาะ ๆ มาหยุดอยู่ข้าง ๆ ไอ้โอมที่นั่งซ้อนมาด้วยกันกระโดดตุบลงไปยืนอยู่ที่พื้น ตามติดด้วยตัวมันเอง

ผมหันกลับมามองไอ้ตัวเล็ก แอบเสียดายนิด ๆ เพราะยังอยากจูบมันต่อ ผมส่งไอ้ตัวเล็กลงจากหลังม้า ตามติดด้วยตัวเอง
   

“ไอ้เชี่ยโอม มึงตบบ่ากูมาซะแรง ช้ำหมดแล้วมั้งเนี่ย”
ไอ้มอมันโวยใส่คู่หูมัน เอี้ยวหน้าไปดึงคอเสื้อลงจนถึงหัวไหล่เพื่อเช็คดู 
 
“โทษที กูลืมตัว”
คนทำบอก แต่น้ำเสียงดูจะไม่สำนึกเท่าไหร่
 
“ช้ำจริง ๆ ด้วย”
มันลูบรอยแดงตรงไหล่มันเบา ๆ แดงเป็นปื้นเลย
 
“เฮ้ย! กูขอโทษ”
 ไอ้โอมหน้าตื่น

“แม่ง กูสงสารผู้หญิงของมึงจริง ๆ เวลามีอะไรกัน นี่มึงไม่ลืมตัวทำเขาช้ำหมดเลยเหรอวะ”
มันดึงเสื้อกลับที่เดิม ลูบรอยแดงผ่านเสื้อตัวเองป้อย ๆ
 
“ไม่ว่ะ กูรุนแรงแบบอื่นแทน”
มันยิ้มรับหน้ารื่น
 
“ซาดิสม์”
ไอ้มอต่อว่าทำหน้าแหยง ๆ
 

คนโดนด่ายักคิ้วภูมิใจ ลูบสีข้างม้าที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ไป
 
คนอื่น ๆ ก็เริ่มพากันกลับมาแล้วเหมือนกัน ยกเว้นพ่อกับแม่ผม ไม่รู้ว่ายังไม่กลับหรือว่าเลิกขี่กันไปนานแล้ว (เพราะพ่อกับแม่ผมไม่ได้มาร่วมซิ่งม้ากับพวกเราด้วย)
 
“นี่ครั้งหน้าให้ฉันควบเองบ้างสิ”
แม่ไอ้ตัวเล็กร้องขอทันทีที่พ่อส่งลงจากหลังม้า ตามติดด้วยพ่อที่กระโดดลงมายืนอยู่ข้าง ๆ
 
“เอาสิ งั้นถือเป็นคำสัญญาว่าคุณจะมากับผมอีกนะ”

แม่ยืนอึ้ง อ้าปากเหมือนจะค้าน แต่พูดอะไรไม่ออก พ่อฉีกยิ้มกว้าง

หึ ๆ แม่หลงกลพ่อแล้วล่ะครับ
 
“กรี๊ดดด สนุกจัง อยากขี่อีกเนอะ”
พวกทโมนก้าวลงจากหลังม้าทีละคน สีหน้ายังคงรื่นเริง หัวเหอฟูกันนิดหน่อยเพราะไม่ได้ใส่หมวก
 
“เก่งกันจัง”
ไอ้อิฐเดินไปลูบหัวน้องมันเบา ๆ พวกทโมนยิ้มรับ กางนิ้วสางหัวฟู ๆ ให้เข้าที่เข้าทางกันใหญ่
 
พวกสาว ๆ ก็พากันก้าวลงมาจากหลังม้าเหมือนกัน
 
“วู้ สนุกเป็นบ้า ครั้งหน้ามาทำแบบนี้กันอีกนะ”
ไอ้สาวมันบอกยิ้ม ๆ ไอ้อ้อยพยักหน้าเห็นด้วย
 
“ม้ากูเสียนิสัยเพราะพวกมึงนี่แหละ”
ไอ้เจ้าของฟาร์มมันต่อว่า เพราะม้ามันพากันแหกคอกออกมาวิ่งกันหมด ดีนะ ที่พอพวกเราหยุด พวกมันก็หยุดตาม
 
“โดยเฉพาะมึง ไอ้เอก”
มันชี้หน้าด่า ผมยักไหล่ทำเป็นไม่ใส่ใจ มันจิ๊ปากหันไปทางไอ้ตัวเล็ก
 
“เราก็กล้าเนอะกาย สมแล้วที่เป็นน้องพี่”
มันตบหลังไอ้ตัวเล็กปุ ๆ ด้วยความภูมิใจ
 
“เพราะมีพี่เอกอยู่ด้วยต่างหาก ผมถึงกล้า”
 
“ฮิ้ววว แม่ง เสี่ยวว่ะ” พวกมันแซว “แต่ได้ใจฉิบหาย พี่ว่า คงไม่มีใครเขาบ้าเหยียบบนหลังม้าที่กำลังควบเร็วเพื่อถ่ายรูปแบบนั้นหรอก”
 
“ไม่นะ มีอีกคนที่บ้ามากกว่าผมอีก”
ไอ้ตัวเล็กมันพยักหน้าไปยังม้าที่กำลังวิ่งเหยาะ ๆ เข้ามา ม้ายังไม่ทันจะหยุด ไอ้คุณชรินทร์ก็กระโดดลงมาหาไอ้ตัวเล็กแล้ว
 
“กายเท่สุด ๆ ไปเลย”
 
“ผมว่าพี่เท่กว่าอีก”
 
“บ้ามากกว่าน่ะสิ ประสาท ไม่กลัวตายกันเลยรึไง”
ไอ้อาร์ตมันบ่น กระโดดลงมาจากหลังม้า
 
“มึงก็บ้าเหมือนกันที่กล้าพาม้าสวนทางเข้าไปช่วยแบบนั้น”
ไอ้กิ๊ฟมันว่ากลับ
 
“ไม่อยากเห็นคนตายแถวนี้”
มันพูดแค่นั้น ตีสีข้างม้าปุ ๆ ปล่อยให้คนงานนำม้าเข้าคอกไป
 
“ฝูงม้าน่ากลัวน้อยกว่าดงระเบิดเยอะ”
ไอ้คุณชรินทร์มันบอกต่อ ไอ้ตัวเล็กตาโต
 
“พี่เคยไปถ่ายภาพสงครามด้วยเหรอ ไม่เห็นมีลงในบอร์ดเลย”
 
มันส่ายหัว
 
“เปล่า แค่พวกค้ายาเสพติดแถว ๆ ชายแดนน่ะ ผ่านไปพอดีเลย'แชะ'เข้าให้”
มันขยับมือทำท่าแชะให้ดู

ไอ้ตัวเล็กตาวาว
 
“เลิกคิดไปได้เลย”
ผมหันไปชี้หน้า

จะถ่ายอะไรก็ถ่ายได้ แต่ให้ไปถ่ายพวกเสี่ยง ๆ ผมไม่ให้ไปแน่ ๆ
 
“ทำไมล่ะ”
มันหันมาถามกลับตาแป๋ว
 
มึง…
ไปเรียนวิธีทำตาแป๋วแหว๋วแบบนี้มาจากไหนวะ
 
“ก็พี่…”
 
มันยืนนิ่ง ขมวดคิ้วทำท่าตั้งใจฟัง ไม่ต่างกับคนอื่น ๆ โดยรอบ
 
“ก็พี่ไม่อยากเป็นหม้ายน่ะ”
 
มันอ้าปากค้าง พวกเพื่อน ๆ ผมพากันโก่งคออ้วกเรี่ยราด แม้แต่ไอ้คุณชรินทร์ก็ยังทำท่าแหวะลงพื้นหน่อย ๆ
 
“อยู่แบบนี้ทุกวันไม่เบื่อรึไง รีบ ๆ เบื่อได้แล้ว พี่จะได้เสียบซะที”
 
ไอ้ตัวเล็กมันอ้าปากค้างอีกรอบ
 
“คงยากละนะ บังเอิญตีตราไปเยอะแล้ว”
แล้วผมก็รั้งไอ้ตัวเล็กมาจูบต่อหน้ามันที พวกเพื่อน ๆ พากันโห่ฮา มันหัวเราะหึ ๆ ส่วนไอ้ตัวเล็กหน้าแดง
 
แล้วหลังจากนั้น พวกเราก็ไปหาอะไรกินกัน             
 
สนุกดีครับวันนี้ ทั้งสนุกและตื่นเต้น
 
และวันนี้ ผมก็ได้รู้ว่าไอ้ตัวเล็ก มันเชื่อใจผม มากกว่าที่ผมเชื่อใจตัวเองซะอีก

รึเป็นแค่ความบ้าส่วนตัวของมันกันแน่วะ?
 
 
 







 
ได้ยินเสียงคุณแม่ฮัมเพลงเบา ๆ คลอเสียงเพลงจากลำโพงรถตู้ โดยมีคุณพ่อเป็นเจ้าของอกกว้างให้ซบ ตอนนี้พวกเรากำลังมุ่งตรงเข้ากรุงเทพครับ ผมนั่งอยู่แถวท้ายสุด พ่อกับแม่นั่งอยู่เบาะหน้า ถัดไปทางขวาเป็นพวกทโมน พวกน้อง ๆ พากันหลับปุ๋ย หัวพิงกันเรียงไว้หลับไหลราวกับลูกแมวน้อย ผมยิ้ม

คงเหนื่อยจัดมาจากการควบม้า

ด้านหน้าสามทโมนเป็นพ่อกับแม่ไอ้ตัวเล็ก แม่พิงหัวไว้กับอกกว้างของพ่อ สองคนพากันหลับปุ๋ยไปแล้ว คงเหนื่อยจัดไม่ต่าง ผมอมยิ้ม หันมามองคนข้างตัวที่นั่งหลับพิงหัวไว้กับอกผมเหมือนกัน ผมกระชับเอวมันแน่นขึ้น
 
“ผมยังไม่แน่ใจว่าจะดูแลกายได้ดีเท่ากับที่คุณดูแลหรือเปล่า”
ไอ้คุณชรินทร์มันเปรยขึ้นมาเบา ๆ ผมหันไปมอง
 
“งั้นก็สละสิทธิ์ไป”
 
มันยิ้มยั่ว
“ไม่ดีกว่า กายออกจะน่ารัก บกพร่องเรื่องการดูแลไปบ้าง แต่เรื่องอื่นคงทดแทนกันได้”
 
คิ้วผมกระตุก พยายามตีความหมาย ก่อนคลี่ยิ้ม เลิกเสื้อไอ้ตัวเล็กขึ้นสูงจนเห็นหัวนม แต่ที่ผมต้องการจะโชว์จริง ๆ คือรอยแดงจำนวนมากที่เกิดจากการตีตราจองของผมรอบ ๆ ไหปลาร้าและหน้าอกมันต่างหาก
 
ไอ้คุณชรินทร์มันอึ้งไป
 
ผมหัวเราะหึ ๆ
 
“หึ ถ้าคิดจะเล่นกับพี่ คงต้องทำงานหนักหน่อยนะไอ้ช่างภาพ”
ไอ้อาร์ตที่นั่งอยู่เบาะถัดไปว่าขึ้นเบา ๆ
 
แถวที่ผมนั่งมีอยู่ห้าเบาะ ผมนั่งคนแรก ต่อด้วยกาย ตามด้วยไอ้คุณชรินทร์ ไอ้อาร์ตและไอ้อิฐ
 
ไอ้คุณชรินทร์หันไปมองคนพูด
 
“เขาว่ายิ่งยาก ยิ่งท้าทาย”
มันตอบกลับพร้อมรอยยิ้มข้างมุมปาก
 
ไอ้อาร์ตจ้องกลับ
 
“ก็จริง”
 
ผมถอนหายใจเบา ๆ กระชับคนในอ้อมแขนแน่นขึ้น
 
รอบ ๆ ตัวผม มีแต่คนอันตรายทั้งนั้น














มีหลากหลายเรื่องราวเกิด แต่ผมก็มีความสุขสุด ๆ ได้เรียนรู้ในหลาย ๆ แง่มุมของไอ้ตัวเล็กมันด้วย
 
“อืม...พี่เอก...พอ...เจ็บ”
 
“อดทนหน่อย”
 
“ก็มันเจ็บ” มันท้วง
 
“อีกนิดเดียวน่า”
 
“อื้ออ..พี่เอก เบา ๆ”
 
“โอเค ๆ เลิกครางแบบนั้นได้แล้ว ฟังทีไรสยิวทุกที”
 
มันลูบต้นแขนช้ำ ๆ ของตัวเองเบา ๆ มองหน้าผมงง ๆ
 
ผมกำลังทายาที่แขนให้มันอยู่ครับ
 
“ก็มันเจ็บ”
 
ผมถอนหายใจแรง จ้องหน้าขู่มันด้วยสายตา
 
“ก็ได้ ๆ ไม่ร้องแล้วก็ได้”
มันรับปาก
 
ผมทดลองจิ้มแขนมันดู คราวนี้มันไม่ร้องครับ แต่หรี่ตากัดปากตัวเองแน่นอย่างอดทน
 
“แม่ง!!”
ผมกระชากมันมานอนใต้ร่างทันที
 
“ก็ผมไม่ร้องแล้วไง”
 
“ทำท่าไหนก็น่าฟัดทั้งนั้นแหละ”
แล้วผมก็จัดการฟัดมันไปอีกรอบ
 
หมั่นเขี้ยวครับ จะน่ารักไปไหน
ขอฟัดมันให้หนำใจก่อน แล้วค่อยปล่อยมันกลับบ้านไปทำภาพต่อละกัน





 
 
ไม่เกินชั่วโมงหลังจากนั้น ห้องผมก็กลับมาเงียบเหมือนเดิม
 
พอไม่มีมันอยู่...
ห้องดูกว้างไปถนัดตา
 
พอไม่มีมันอยู่...
เหมือนที่นี่จะไร้สิ่งมีชีวิต แม้กระทั่งตัวผมเอง
 
พอไม่มีมันอยู่...
หัวใจผมมันก็ทั้งเหงาทั้งอ้างว้างยังไงบอกไม่ถูก
 
พอไม่มีมันอยู่...
รู้สึกว้าเหว่จนแทบจะร้องไห้ออกมา
 
ผมไม่ใช่พวกอ่อนไหว แต่หัวใจมันรู้สึกแบบนี้ทุกครั้งที่ไม่มีไอ้ตัวเล็กอยู่

ผมถอนหายใจเบา ๆ

สงสัยผมจะติดกายมากเกินไปแล้วล่ะมั้ง
 
ผมทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟา คว้าหยิบรีโมตทีวีขึ้นมากดเปิดดู แต่ไม่มีรายการอะไรน่าสนใจเลยสักอย่าง ผมเลื่อนเปลี่ยนช่องไปเรื่อย ๆ บางรายการเหมือนจะสนุก แต่พอดูไปสักพักก็เบื่ออีก
 
ผมกดปิดทีวี คว้าหนังสือมาเปิดอ่าน เปิด ๆ ไปก็ไม่มีอะไรน่าสนใจเหมือนกัน ผมโยนหนังสือไว้บนโต๊ะ ล้มตัวลงนอนยาวเหยียด จ้องมองเพดานขาวด้านบน ในหัวมีแต่ภาพของไอ้ตัวเล็กวนเวียนเต็มไปหมด
 
แม่ง.. เมียไม่อยู่ เหงาฉิบหาย
 
เสียงกริ่งหน้าประตูดังเบา ๆ ผมหันไปมอง ถอนหายใจออกมาอีกรอบ ค่อย ๆ ดันตัวลุกขึ้น เดินเหนื่อย ๆ ไปเปิด

ผมเลิกคิ้วขึ้นสูง เมื่อคนที่ตัวเองกำลังคิดถึงมายืนอยู่ตรงหน้า มันทำหน้าแหยง ๆ
 
“กำลังจะถึงบ้าน แต่คิดถึงพี่เอก เลยย้อนกลับมาหา”
 
ผมมองมันอึ้ง ๆ มันกวาดมองมาทั่วใบหน้าผม

“โอเคละ ขอบคุณครับ อยากเห็นหน้าให้หายคิดถึงแค่นั้นแหละ”
แล้วมันก็หันหลังเตรียมจะก้าวจากไป ผมรีบคว้าแขนมันไว้ทันที
 
“แม่อยู่บ้านใช่ไหม”
 
มันพยักหน้า
 
“พี่ไปด้วยคนสิ ไม่อยากอยู่คนเดียวเหมือนกัน”
ผมขออาย ๆ
 
มันทำหน้าแปลกใจ ก่อนยิ้มแล้วพยักหน้ารับ
 
ก็คนมันคิดถึงอะนะ
ผมฉีกยิ้มกว้าง รีบกลับเข้าห้องไปแต่งหล่อ แล้วเดินเท่ออกไปกับมัน
 
 


 
 
 
 
“เคร้ง!!!”
เสียงแรกที่ได้ยินตอนเข้าบ้าน
 
“คุณ!! ผมแค่หอมแก้มเอง ทำไมต้องรุนแรงแบบนี้ด้วย!!”
 
“แค่หอมแก้มเนี่ยนะ!!”
 
ผมรีบก้มหลบปากกาที่ถูกเขวี้ยงมาโดยแม่ ส่วนไอ้ตัวเล็กเดินชิว ๆ
 
“นี่ทำไม?”
 
“แม่คงแก้เขินน่ะ”
 
ผมทำหน้างง ไอ้ตัวเล็กยิ้ม ยืดตัวขึ้นมาเอามือป้องหูกระซิบให้ผมได้ยิน
 
“พ่อบอกว่าจะเผด็จศึกแม่น่ะ ดูจากอาการแม่แล้ว พ่อน่าจะทำสำเร็จ”
 
ผมอ้าปากค้าง ถึงบางอ้อทันที มันยิ้มรื่น วิ่งตุบตับขึ้นห้องตามด้วยผม ผมหันไปมองพ่อที่พยักหน้ามาทักทาย มือหนึ่งกอดแม่ไว้ ส่วนอีกมือยื้อจับไม้ตีเบสบอลที่กำลังจะฟาดใส่หัวตัวเอง
 
“ดีนะที่กายไม่โหดแบบนั้น”
ผมชี้นิ้วโป้งไปทางด้านหลัง มันหน้าแดง
 
“ผมไม่ใช่ผู้หญิงนี่”
 
“แต่กายดีกว่าผู้หญิงบางคนซะอีกนะ”
ผมทำสายตากรุ้มกริ่ม มันรีบเปิดประตู เดินลิ่ว ๆ ไปนั่งหน้าคอม ผมอมยิ้มก้าวตามเข้าไป ปิดประตูลง แล้วเดินไปทิ้งตัวลงนั่งข้างเตียง
 
 ห้องมันไม่ได้กว้างขนาดห้องผม ผมเลยได้แต่นั่งเล่นนอนเล่นอยู่บนเตียงมันนั่นแหละ จนผ่านไปสองชั่วโมง รับรองได้เลยว่ามันคงลืมไปแล้วว่ามีผมอยู่ด้วย

แต่ผมกลับไม่ได้รู้สึกแย่หรือโกรธมัน

เพียงแค่รู้ว่ามีมันอยู่

แม้ไม่ได้พูดคุยหรือสัมผัสเนื้อตัว แต่ผมก็มีความสุขแล้ว

 ผมนั่งอ่านนิตยสารเกี่ยวกับการถ่ายภาพของมันไปเรื่อย ๆ จนความง่วงเริ่มแทรกซึม ผมวางหนังสือไว้บนชั้น หันไปมองคนที่กำลังตั้งหน้าตั้งตาคลิกเม้าส์อยู่หน้าคอม ผมยิ้มนิด ๆ หันกลับมาที่เดิม ปิดเปลือกตาลง แล้วหลับไหลไป
 




 
“พี่เอก”
ได้ยินเสียงเรียกดังแว่วมาแต่ไกล
             
“พี่เอก”
เสียงนั้นชัดขึ้นเรื่อย ๆ จนผมต้องลืมตามอง เห็นไอ้ตัวเล็กนั่งยิ้มอยู่ข้างเตียง
 
“เสร็จแล้วเหรอ”
ผมงัวเงียถาม มันพยักหน้ารับ
 
“เอาลงบอร์ดเกือบหมดแล้ว ที่เหลือยังคิดคำบรรยายดี ๆ ไม่ออก”
 
ผมพยักหน้าเข้าใจ ดึงมันขึ้นมานั่งคร่อมบนตักทั้งที่ยังนอนอยู่ รู้สึกเหมือน ๆ ตัวเองจะยังไม่ตื่นดี
 
“ได้เยอะไหม”
มันยิ้มแก้มฉีก
 
“เยอะ แฟนคลับดูจะเยอะขึ้นด้วย”
 
“พี่ชอบนะ เข้าไปอ่านประจำ แอบคุยกับกายก็บ่อย”
 
“หา!?”
มันเลิกคิ้วสูง ผมยิ้มให้มันที
 
“พี่เคยเข้าไปคุยกับกายในบอร์ดด้วย”
 
“คนไหน!”
มันรีบถามเสียงตื่น
 
“เดาเอาสิ”
 
มันทำท่าคิด
 
“ถ้าเดาถูกพี่จะให้รางวัล”
 
มันทำท่าคิดหนักยิ่งกว่าเดิม
 
“เยอะนะ”
 
“เดาเอา”
 
มันนั่งคิดจนคิ้วขมวด ผมเลื่อนมือหนึ่งมาบีบสะโพกมันเบา ๆ มันยังไม่รู้ตัว กรอกตาไปมาทำท่าคิดอยู่ ผมเลื่อนมืออีกข้างมาบีบอีก มันก็ยังไม่รู้ตัว

สักพักมันก็เลื่อนสายตามามองตาผม   
 
“Sun”
 
ผมยิ้มรับ มันอ้าปากค้าง ก่อนหน้าแดง

มันไม่รู้ว่าเป็นผม บางเรื่องมันถึงได้กล้ามาเล่าให้ฟังเพื่อระบาย หรือถามบางเรื่องที่มันอยากรู้
 
มันเม้มปากแน่น

“ผมก็คิดว่าในโลกนี้จะมีคนที่เหมือนพี่ซะอีก”
 
“ถ้ามีจริงจะนอกใจรึไง”
ผมถามด้วยน้ำเสียงติดจะไม่พอใจนิด ๆ
 
มันส่ายหัวไปมา
 
“บางเรื่อง ผมไม่กล้าถามพี่ตรง ๆ แต่ถ้ามีใครสักคนที่เหมือนพี่ จะได้ถามเขาได้ว่าเขารู้สึกยังไง และต้องการอะไร”
 
ผมมองมันอึ้ง ๆ
 
มิน่าล่ะ มันถึงได้ถามนู่นถามนี่ตลอด ผมก็ตอบไปตามจริง

ไม่ใช่แค่มันรักผมอย่างเดียว แต่มันเรียนรู้ที่จะรักตัวตนของผมด้วย
 
“ขอบใจนะ”
 
มันพยักหน้ายิ้มรับ
 
“แต่ถึงพี่จะบอกความจริง แต่ Sun กับพี่จะเป็นคนละคนกัน ในนั้นพี่จะเป็นเพียงแฟนคลับของกายคนหนึ่ง จะไม่ใช่พี่เอกที่อยู่ตรงนี้”
 
มันจ้องหน้าผมเขม็งเพื่อหาเหตุผล
 
“กายยังอยากมีที่ปรึกษาอยู่ไม่ใช่รึไง พี่เองก็อยากเป็นแฟนคลับของนายกันตรัตน์ ที่ไม่ใช่ไอ้ตัวเล็กน่าฟัดน่าหม่ำตรงนี้เหมือนกัน เพราะงั้น เวลาที่พี่เป็น Sun พี่จะเป็นคนอื่น แต่เวลาอื่น พี่คือสามีของกาย”
 
มันนั่งหน้าแดง ผมหัวเราะหึ ๆ
 
“เอาล่ะ ถึงเวลาให้รางวัลแล้ว”
ผมจับมันพลิกลงไปนอนข้างใต้
 
“ดะ เดี๋ยว ถามก่อนสิว่าผมอยากได้อะไร!!”
 
“พี่ไม่ได้บอกซะหน่อย ว่าจะให้รางวัลอะไร กายไม่ได้ถามก่อน เพราะงั้น พี่จะให้รางวัลที่พี่อยากให้”
 
“อย่านะพี่เอก ไอ้คนเจ้าเล่ห์”
 
“ปากจัดนักนะเรา อย่างนี้ต้องให้รางวัลแล้วต่อด้วยทำโทษฐานพูดไม่เพราะ”
 
มันกำลังจะอ้าปากเถียง ผมรีบก้มปิดปากมันทันที

มันดิ้นรนขัดขืนใหญ่ แต่ผมยังโหมจูบมันอยู่ เพียงไม่นานมันก็หยุดดิ้น มือที่ผลัก ๆ อยู่ก็ทิ้งจังหวะเบาลงเรื่อย ๆ จนกลายเป็นบีบต้นแขนผมไว้เบา ๆ ปลายลิ้นเล็กที่พยายามหลบหนีเริ่มอ่อนล้าให้ผมเกี่ยวกระหวัดเล่นอยู่ภายใน   
ดวงตามันปรอยลงจนฉ่ำเยิ้ม

ผมค่อย ๆ ถอนริมฝีปากขึ้นมามองภาพสวยตรงหน้า มันอ้าปากนิด ๆ ผ่อนลมหายใจหอบ ๆ ออกมา ผมจับมือมันขึ้นมาจูบเบา ๆ แล้ววางลง
 
“ทำไมกายต้องทำแบบนี้กับพี่ด้วย”
ผมถามมันหน้านิ่ง

มันทำหน้างง ๆ ไม่ได้สนใจมือผมที่กำลังถอดกางเกงมันอยู่ มันเริ่มหน้าเสียเพราะคิดว่าผมกำลังต่อว่าอะไรมันสักอย่าง
 
“ทำไมกายต้องทำให้พี่หลงรักกายมากขึ้นทุกวันด้วยนะ”
 
แดงเลยครับ

แดงไปทั่วทั้งหน้าทั้งหูทั้งคอ แล้วผมก็จับเสื้อมันเลิกถอดออกจากหัว
 
“ดะ เดี๋ยวพี่เอก พ่อกับแม่อยู่ข้างล่างนะ”
 
“พ่อรู้น่า แม่ก็ฉลาดพอที่จะไม่พากันขึ้นมา”
 
“แกร็ก!”
“อุย! ขอโทษ คิดว่ากำลังทำภาพกันอยู่”
 
ผมหันไปมองหน้าประตู เห็นพ่อยืนจับลูกบิดอยู่และมีแม่ยืนหน้าแดง ๆ อยู่ด้านหลัง
 
ไอ้ตัวเล็กมันตัวเล็กกว่าผมเยอะ ร่างใหญ่ ๆ ของผมเลยบังมันไว้จนมิด ยกเว้นขาขาว ๆ ที่โผล่ออกมาเพราะผมแทรกกลางระหว่างขามันอยู่ ได้มุมกล้องพอดีครับ มันมุดหน้ากับอกผมใหญ่
 
“อย่าหาเรื่องมาแอบดูหุ่นเมียผมสิพ่อ”
 
พ่อเบ้หน้า
 
“หุ่นเมียพ่อก็น่ามองไม่แพ้กัน”
แล้วพ่อก็ต้องร้องโอ๊ย เพราะโดนแม่ตีเพี้ยะเข้าให้
 
“คือ พ่อจะพาแม่ไปดินเนอร์น่ะ ไปด้วยกันไหม เอิ่ม…แต่ดูแล้วคงเพิ่งเริ่ม งั้นให้เวลาชั่วโมงหนึ่ง เสร็จแล้วก็ไปด้วยกันละกัน”
พ่อพูดแค่นั้นก่อนปิดประตูลง ยังไม่ทันที่ผมจะหันกลับ พ่อก็เปิดประตูเข้ามาใหม่
 
“ครั้งนี้พ่อจะล็อกประตูให้ แต่ครั้งหน้า ล็อกเองนะ”
แล้วประตูก็ปิดลงอีกครั้ง
 
ผมอมยิ้ม หันมามองใบหน้าแดง ๆ ของคนในอ้อมแขน
 
“พะ พอเลย”
มันรีบผลักผมออก แต่ผมไม่ขยับ
 
“ไม่เห็นรึไง ว่าพ่อให้เวลาพี่ตั้งชั่วโมง”
 
มันอ้าปากค้าง ผมรีบเชื่อมร่างผมเข้ากับมันทันที
 
“อ๊า พี่เอก”
ครับ เถียงไม่ได้สู้ไม่ไหว ก็ทำได้อย่างเดียวคือครางดัง ๆ เท่านั้นแหละ
 
ผมยิ้ม จ้องมองดวงตาปรอยหวานของคนที่อยู่ข้างใต้ มันทำได้ดี ในการทำให้ผมรักมันทุกวันจริง ๆ



ว่าแต่…
ขอเพิ่มเวลาเป็นสองชั่วโมงจะได้ไหมฮึ..
หึ ๆ
 


To be con..

:katai5:





Book & e-book: https://goo.gl/FSOuuM

 
 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-07-2017 19:53:53 โดย memew »

ออฟไลน์ Ginny Jinny

  • ความเป็นจริงมันวุ่นวาย ก็ขอให้ใจมันสบายๆในความฝัน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2099
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4

ออฟไลน์ OoniceoO

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 969
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-2

ออฟไลน์ memew

  • ขอบคุณที่เข้ามาอ่านจ้าาา
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 456
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +382/-10
    • :: Memew แฟนเพจ :
75

ดินเนอร์...ฉลองกับเพื่อน
[กาย...♥]






 
อายครับ
 
ผมเปิดบทด้วยคำพูดนี้มากี่ตอนแล้ว ขี้เกียจกลับไปนับ คุณผู้อ่านนับให้ผมด้วยจะดีมาก หนึ่งชั่วโมงผ่านไป พี่มันก็เดินตัวผ่องออกมาจากห้อง ในขณะที่ผมเดินตัวซีดออกมา พ่อกับแม่นั่งรออยู่ในห้องรับแขก พ่อเอนหลังนั่งดูทีวี ส่วนแม่นั่งพิมพ์อะไรสักอย่างกับโน้ตบุ๊คตัวโปรดบนตัก
 
“อิ่มแล้วใช่ไหม”
พ่อหันมาถามพี่เอก พี่แกส่ายหัวไปมา
 
“อยากทดเวลาบาดเจ็บอีกสักชั่วโมง แต่กายท้องร้องแล้ว”
พี่มันพูดตรง ๆ

พ่อหัวเราะร่วน เลยถูกแม่ตีเพี้ยะเข้าให้
 
พี่เอกมองหน้าพ่อ ก่อนทำท่าจับเคราตัวเอง
 
“วันหน้าลองไว้บ้างดีกว่า”
 
ผมอ้าปากค้าง
 
“ลองดูสิ ส่วนจะดีไม่ดี ลองถามอาร์ตตัวแม่เขาก่อนก็ได้”
เอฟเฟ็คจากคำตอบพ่อคือเสียงเพี้ยะที่เกิดจากมือแม่อีกที
 
ผมอมยิ้ม
 
“งั้นผมขอเวลาไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนดีกว่า ชุดนี้ยับหมดแล้ว”
ไม่ต้องมามองหน้ากูกรุ้มกริ่มแบบนั้น มึงสลัดลงพื้นของมึงเอง
 
“ยังไงผมขอฝากเมียผมไว้ก่อนนะ ขืนเอากลับไปด้วย คงไม่ได้กลับมาง่าย ๆ แน่”
 
ผมอ้าปากค้างอีกรอบ อยากตีพี่มันแบบแม่ตีพ่อเหมือนกัน แต่กลัวเอฟเฟ็คเป็นอุ้งตีนหมีตะปบเอา พ่อหัวเราะหึ ๆ แล้วพี่แกก็เดินฮัมเพลงออกจากบ้านไป
 
“แม่ผมสวยจังวันนี้”
ผมชมแก้เขิน เดินไปนั่งยังโซฟาข้าง ๆ แม่ยิ้มรับ
 
พ่อกับแม่แต่งตัวเรียบร้อยแล้วครับ แม่มาอย่างเช้ง นาน ๆ ทีถึงจะเห็น เป็นแซกสีขาวล้วน (แม่ผมชอบสีสว่างเหมือนกัน โดยเฉพาะสีขาว) เนื้อผ้าพลิ้ว ๆ หน่อย ผมที่ปกติจะมัดหางม้าไว้ตลอดก็ปล่อยยาวลงมาระกลางหลัง ได้กลิ่นหอมอ่อน ๆ คล้ายแป้งเด็กลอยคลุ้ง กลิ่นประจำตัวเขาแหละ ผมชอบกอดแล้วก็ดมเป็นประจำ
 
“แม่กายไม่สวยหรอก”
พ่อละสายตาจากทีวีมาบอก
 
แม่หันขวับไปมองตาเขียว
 
พ่อยิ้ม
 
“แต่เมียพ่ออะ สวยกว่าเยอะ”
 
ก๊าก แม่รีบเปลี่ยนแก้มขาว ๆ ไปเป็นแดงแป๊ดแทบไม่ทัน
 
“พ่อผมก็หล่อเหมือนกัน”
ผมชมต่อ
 
“ชิ ไม่เห็นจะหล่อเลย”
 
แล้วเราสองคนก็นั่งลุ้นว่าแม่จะยืมมุขพ่อไปใช้รึเปล่า
 
“แค่พอไปวัดไปวาได้”
 
แล้วคุณคิดว่าพ่อผมจะจ๋อยหรือเปล่า
 
อย่าหวังฮะ
 
“แหม อยากทำบุญเพื่อให้เกิดมาคู่กันชาติหน้าก็ไม่บอก”
 
แม่อ้าปากค้าง
 
ผมก็ได้แต่นั่งขำ ดูพ่อโยนมุขเสี่ยว ๆ ใส่แม่
 
ไม่เกินชั่วโมง พี่เอกก็เดินหล่อเข้ามา และอีกชั่วโมงต่อจากนั้น พวกเราก็มาอยู่ในร้านอาหารแถว ๆ ชานเมือง วิวดีครับ มีระเบียงยื่นยาว เห็นวิวต้นไม้ด้านนอก พ่อพามากินไกลถึงสมุทรปราการเลย กินข้าวภายใต้แสงเทียน
 
จะว่าไปแล้ว นี่คงเป็นครั้งแรกที่ผมกับพี่เอกได้มากินอาหารกันในที่แบบนี้
 
ดีว่ามีพ่อกับแม่อยู่ด้วย ผมเลยไม่อายเท่าไหร่ ถ้าขืนมากับพี่มันสองคน ผมคงเดินไม่เป็น พ่อกับพี่เอกนัดกันใส่เสื้อยืดคอโปโลเล่นสไตล์คล้ายกัน แค่ก้าวเข้าไปภายในร้าน คนก็พากันมองจนเหลียวหลัง
 
จะหล่อกันไปไหน หล่อแพคคู่จริง ๆ
 
พ่อจองโต๊ะไว้แล้ว พอพวกเราไปถึงพนักงานก็ออกมาต้อนรับ ถามชื่อ ไม่นานเราก็ได้ที่นั่งวิวดีของร้าน พวกเราช่วยกันสั่งอาหาร หลังจากสั่งเสร็จผมกับแม่ก็พากันนั่งหน้าร้อนหน้าแดงไปตาม ๆ กัน มันทั้งภูมิใจทั้งอาย ภูมิใจว่ามีสามีหล่อ(อันนี้ได้ยินเสียงคนชมมาครับ) แต่อาย เพราะพวกท่านทั้งหลายเล่นมานั่งจ้องกันซะตาหวานเยิ้ม
 
โอ๊ย ไม่ต้องมานั่งมองกันแบบนี้ก็ได้
 
ผมนี่หยิบน้ำขึ้นมาดื่มเป็นรอบที่ล้าน(เวอร์ละ = = ) สั่งเติมแล้วเติมอีกจนแทบจะอิ่มน้ำแทนข้าว
 
บนเวทีขนาดย่อม มีนักดนตรีมาบรรเลงเพลงแจ๊สให้ฟังกันสด ๆ ผมยิ้มนั่งฟังเพลงไปเรื่อย ๆ เพลงนี้เป็นเพลงโปรดผมด้วย
 
อยู่ ๆ พ่อผมก็ลุกขึ้นยืน ยื่นมือไปหาแม่ แม่ทำหน้างง
 
“แต่ก่อนผมไม่เคยทำแบบนี้กับคุณ แต่ตอนนี้ ผมอยากเริ่มต้นทุกสิ่งทุกอย่างใหม่ ผมไม่ใช่คนเดิมแล้วและคุณก็คงไม่ใช่คนเดิมเหมือนกัน ผมอยากจะลองใช้ชีวิตในอีกรูปแบบดู คุณอยากจะลองมาสนุกด้วยกันดูไหม”
 
แม่ทำหน้างง
 
“ไปเต้นรำกันดีกว่า คุณอาร์ตตัวแม่”
แอบซึ้งมาตั้งนาน มาสะดุดเอาก็ไอ้คำหลังนี่แหละ แม่ตีเพี้ยะเจ้าของมือใหญ่ไปที แล้ววางมือไว้ ลุกขึ้นเดินหน้าแดง ๆ ออกไป
 
ผมยิ้มจนแก้มแทบฉีก มองพ่อที่กำลังก้าวนำแล้วมีแม่ก้าวตามแบบขัด ๆ เขิน ๆ ไปกลางฟลอร์ที่มีคนเต้นรำอยู่ก่อนหน้านั้นสองคู่ หันกลับมามองคนตรงหน้าอีกที แต่มีเพียงเก้าอี้ว่างเปล่าเท่านั้น
 
อ้าว พี่เอกหายไปไหน
 
ยังไม่ทันได้มองหา ก็รู้สึกเหมือน ๆ มีใครสักคนมายืนอยู่ข้าง ๆ ผมหันไปมอง
 
เป็นพี่เอกฮะ
 
พี่แกยิ้ม ยื่นมือมาไว้ตรงหน้า ผมมองพี่แกสลับกับมือนั้นงง ๆ
 
“กล้าที่จะเต้นรำกับพี่ไหม”
 
ผมนั่งอึ้ง หันมองไปรอบ ๆ เห็นผู้คนมองมาที่เรากันใหญ่
 
แล้วผมกล้าที่จะลุกขึ้นไปทำเรื่องน่าอายกับพี่มันได้ไหม
กล้าที่จะแสดงออกให้ทุกคนเห็นว่าผมรักพี่มันหรือเปล่า
กล้าที่จะตอบรับความรักที่พี่มันมีให้กับผมไหม
 
ผมนั่งนิ่งเม้มปากอยู่พัก ก่อนตัดสินใจวางมือไว้บนมือนั้น แล้วเดินออกไปด้วยกันท่ามกลางสายตาของผู้คนที่มองมากันเกือบทั้งร้าน
 
พี่มันพาผมมายืนกลางฟลอร์ข้างพ่อกับแม่ พวกท่านส่งยิ้มให้ผมนิดหนึ่ง คล้ายจะเป็นกำลังใจให้ ผมยิ้มตอบ หลังจากนั้น ผมก็มุดหน้าไว้กับอกพี่แก
 
ผมอาย อันนี้ผมรู้
แล้วพี่มันล่ะ จะอายไหม
             
ผมอายผมยังหลบซ่อนความอายไว้กับอกพี่มันได้ แล้วถ้าพี่มันอายล่ะ จะเอาหน้าไปมุดไว้ที่ไหน
 
ผมเม้มปาก เงยหน้าขึ้นมอง พี่แกไม่ได้ทำท่าขัดเขิน แต่กำลังใช้สายตาจ้องมาที่ผมเพียงคนเดียว
 
สายตาที่เต็มไปด้วยความรัก
 
ผมสูดผมหายใจเข้าปอด ทำใจกล้า เขยิบตัวออกนิดหนึ่ง เชิดหน้าขึ้นให้มันรู้ไปเลย ว่ากูอะ เมียพี่เอก
 
พี่มันยิ้มกับสิ่งที่เห็น
 
“เป็นตัวของตัวเอง ไม่ต้องฝืน”
พอพี่มันพูดจบ ผมก็มุดหน้าลงไปที่เดิม
 
เขินครับ อายได้ใจ เมื่อกี้ฝืนทำใจกล้าไปงั้นแหละ พี่มันหัวเราะหึ ๆ ขยับขาก้าวช้า ๆ นำพาผมไปตามจังหวะของเสียงเพลง

เหลือบไปมองพ่อกับแม่นิดหนึ่ง เห็นแม่ซบหน้าไว้กับอกพ่อ ใบหน้าประดับไปด้วยรอยยิ้มเขินอาย ไม่ต่างกับผมในตอนนี้
 
ถึงผมจะทำใจกล้าหน้าด้านแบบพี่มันไม่ได้ แต่ผมก็รู้ว่าผมรักพี่เอก

ผมกระชับอ้อมแขนแน่นขึ้นไปอีก
 
“ผมรักพี่นะ”
ก่อนบอกกับเจ้าของอกกว้างอู้อี้
 
“พี่ก็รักกายเหมือนกัน”
แล้วพี่มันก็จับหน้าผมแหงนขึ้นไปจูบ ผมตาโต อยากขัดขืนครับ แต่ไม่กล้า ทันทีที่พี่มันปล่อย ผมรีบมุดหน้ากลับที่เดิมทันที
 
ได้ยินซาวด์เอฟเฟคเป็นเสียงวี้ดวิ้วและเสียงปรบมือของผู้คนรอบด้าน ผมนี่ไม่กล้าโผล่หน้าออกไปจากอกพี่มันเลย คนยังปรบมือกันไม่หยุด ตอนแรกก็คิดว่าคนจะพากันโห่ด่าปาส้อมกันซะอีก
 
“ความรักเป็นสิ่งสวยงาม ถ้าแสดงออกจากหัวใจ ใคร ๆ ก็พากันชื่นชม”
พี่มันคงรู้ว่าผมกำลังคิดอะไรอยู่ถึงได้พูดออกมาแบบนั้น ผมค่อย ๆ เงยหน้าสบดวงตาคม ก่อนมุดหน้ากลับที่เดิม กระชับอ้อมแขนแน่นขึ้นไปอีก
 
ผมว่าผมคิดไม่ผิดนะ ที่เลือกมารักคนคนนี้
 
เสียงเพลงยังคงบรรเลงต่อไป
 
ฝ่าเท้าผมยังคงก้าวตามฝ่าเท้าของพี่เอกไป
 
ใบหน้าของผมยังคงแนบอยู่กับแผงอกกว้างต่อไป
 
และหัวใจผมก็กำลังพองโต และรักพี่เอกมากขึ้นเรื่อย ๆ
 
 



 
ผมฮัมเพลงอารมณ์ดีจนไอ้เต้ยมันเลิกคิ้วแปลกใจ
 
“มึงไปอารมณ์ดีที่ไหนมา”
 
ผมยักไหล่ ฮัมเพลงต่อไป ตอนนี้ผมกับไอ้เต้ยนั่งเล่นอยู่บนม้านั่งในสวนของมหา'ลัยครับ รอเวลาเข้าคลาสอีกชั่วโมง มันเบ้หน้าหยิบปากกามาใส่ปาก ใช้ลิ้นเดาะเล่นไปมาเบา ๆ สายตามันดูเหม่อลอยยังไงพิกล
 
“กาย ทำไงดีวะ ถ้ามึงหลงรักคนที่ไม่ควรรักเข้าเนี่ย”
มันถามเสียงเบา ผมหยุดฮัมเพลงทันที
 
“นี่ มึงบอกกูได้ไหม ว่ามึงกำลังหลงรักใครอยู่”
 
มันมองหน้าผม ทำท่าจะพูดอะไรสักอย่าง ก่อนเงียบไป
 
“เอาไว้กูพร้อมเมื่อไหร่ กูจะบอก หรือไม่ ถ้ากูจัดการเรื่องบางเรื่องได้ ความรู้สึกนี้อาจหายไปเองก็ได้”
 
ผมพยักหน้าหงึก ๆ ยังไงก็ขอให้มันทำได้ละกัน
 
“ว่าแต่มึงอะ ไม่คิดจะเลือกพี่กูบ้างรึไง พี่กูออกจะนิสัยดี”
มันพูดต่อ แต่น้ำเสียงดูไม่จริงจังเท่าที่ผ่านมา
 
“ไม่ล่ะ กูรักพี่เอก”
 
มันเบ้หน้า
 
“กูจะหาผู้หญิงสวย ๆ มาประเคนพี่มัน ถึงยังไงผู้ชายก็เห็นผู้หญิงดีกว่าอยู่วันยังค่ำ”
คำพูดมันพาเอาผมแอบคิดไปนิดหนึ่ง ก่อนถอนหายใจออกมาเบา ๆ
 
“กูรู้เต้ย แต่ตอนนี้กูรักพี่เขา กูรู้แค่นี้ อนาคตจะเป็นยังไงกูบอกไม่ได้ว่ะ กูขอแค่วันนี้ กูมีพี่เขา มีความสุขอยู่กับคนที่กูรัก กับครอบครัว กับมึง แค่นี้ก็พอแล้ว ส่วนอะไรจะเกิดก็ให้มันเกิด อย่างน้อยวันนี้กูก็มีความสุข”
 
มันจ้องหน้าผมเขม็ง
 
“กูดีใจที่ได้เกิดเป็นเพื่อนมึง”
 
“แต่กูเสียใจที่ได้เกิดเป็นเพื่อนมึงว่ะ”
 
มันเขวี้ยงปากกาใส่ผมแทบจะทันที
 
ผมหัวเราะร่วน
 
“กาย ถ้ากูเป็นเพื่อนที่นิสัยไม่ดีของมึง มึงจะเกลียดกูไหม”
 
ผมขมวดคิ้วมองหน้ามันอีกรอบ
 
“ทำไม”
 
“เปล่า”
มันพูดแค่นั้นแล้วเงียบไป
 
“มึง วันนี้ไปดื่มกัน เราไม่ได้ดื่มด้วยกันมานานแล้วนะ”
มันชวนขึ้นมาตัดความเงียบ

ผมทำท่าคิด จะว่าไปก็จริง วันนี้ไม่มีเวรที่ร้านด้วย
 
“เอาดิ”
 
 
 
 
 
 
 
 
ปกติมันจะมาดื่มที่บ้านผม แต่วันนี้มันกลับชวนผมไปดื่มที่บ้านมันแทน ผมไม่ค่อยได้ไปบ้านมันเท่าไหร่หรอก
 
บ้านหลังใหญ่ แต่ดูเงียบเหงายังไงบอกไม่ถูก
 
พ่อกับแม่มันคงไม่อยู่อีกตามเคย เดินสายทำงานกันซะส่วนใหญ่ จะว่าไปครอบครัวนี้ให้ความสำคัญกับงานมากกว่าลูกซะอีก ไอ้เต้ยมันถึงได้เป็นเด็กติดพี่ขนาดนี้
 
เราแวะซื้อของกินกันที่ซุปเปอร์มาเก็ต แล้วเอาขึ้นไปนั่งกินกันในห้องนอนมันเอง ห้องมันกว้างครับ กว้างกว่าห้องผมเยอะ มันลากโต๊ะญี่ปุ่นมากางไว้กลางห้อง ผมทำหน้าที่จัดโต๊ะ ห้องมันมีของครบทุกอย่าง ไม่ว่าจะเกมหรือหนัง แถมวันนี้มันยังใจดี ไปหาหนังของเฮียเฉินหลงที่ผมชอบมาเปิดให้ดูอีกต่างหาก
 
ผมยิ้มกริ่ม หยิบแก้ว เตรียมจะชงเครื่องดื่มตามปกติ
 
“เฮ้ย วันนี้กูเป็นเจ้ามือ กูเลี้ยงเองชงเอง มึงนั่งอยู่เฉย ๆ เหอะ”
ไอ้เต้ยมันรีบแย่งแก้วไปจากมือผม
 
ผมเลิกคิ้วสูงมองมันด้วยสีหน้างุงงง
 
“มึงไม่ต้องมามองกูแบบนั้น เสิร์ฟกูยังทำมาแล้ว ชงเหล้าแค่นี้ ขี้ปะติ๋ว”
 
ผมพยักหน้าให้มันส่ง ๆ อยากทำอะไรก็ทำไป ส่วนผมหันไปดูเฮียเฉินหลงต่อ เรื่องนี้ผมดูไปหลายรอบแล้วครับ แต่ดูกี่ทีกี่ทีก็สนุก
 



 
ผมนั่งกรึ่ม ๆ กับมันอยู่สักพักก็มีคนเปิดประตูเข้ามา
 
“อ้าว พี่เป้” ผมทัก
 
พี่มันทำหน้าแปลกใจที่เห็นผมเหมือนกัน
 
“กูโทรตามพี่มันให้มาดื่มด้วยกันเอง มามะ”
มันที่กรึ่ม ๆ เหมือนกันตบพื้นปุ ๆ พี่เป้ทิ้งตัวลงนั่งข้าง ๆ ไอ้เต้ยรีบกุลีกุจอชงเหล้าให้พี่มันทันที
 
“ไปไหนมาเหรอพี่” ผมถาม
 
“ไปหาเหล่สาวนิดหน่อย”
 
ผมอมยิ้มกับคำพี่แก แล้วเราสามคนก็นั่งกินกันไปคุยโม้เรื่องนู้นเรื่องนี้กันไป
 


 
“พี่เป้ พี่คิดยังไงที่ไอ้กายมันคบกับพี่เอก” ไอ้เต้ยมันตั้งประเด็นขึ้นมา
 
“ก็ไม่ไง”
 
“พี่ไม่ได้รังเกียจมันใช่ไหม” มันถามต่อเหมือนหยั่งเชิง
 
“ไม่นี่ ความรักมันห้ามกันไม่ได้หรอกนะ แม้จะรู้ว่าไม่ควรรัก บางทีก็ยังรัก”
 
ไอ้เต้ยมันอึ้งไป
 
“ก็จริง” ก่อนกระดกเหล้าเข้าปากใหม่ “อ้าว โซดาหมด กูไปเอาเพิ่มก่อน พวกมึงรอนี่นะ” แล้วมันก็ลุกไป ปล่อยผมไว้กับพี่เป้สองคน
 
“นี่พี่เป้ พี่จะบอกมันเมื่อไหร่” ผมถาม
 
พี่มันมองหน้ายิ้ม ๆ
 
“พี่ยังไม่กล้าเลย พอจะบอก มันก็แอบปอด”
พี่มันทำหน้าแหยง ๆ
 
ผมหัวเราะหึ ๆ
 
สักพักไอ้เต้ยก็มา พร้อมของกินและเครื่องดื่ม มาถึงมันก็จัดการชงเหล้าแก้วใหม่ให้ผมกับพี่เป้
 
“เอ้า รีบ ๆ กินกันเข้าไป นาน ๆ ทีท่านเต้ยจะชงให้ หาไม่ได้ง่าย ๆ นะ”
 
ผมรับแก้วเหล้าแก้วนั้นมาจรดเข้าปาก รสชาติมันปะแล่ม ๆ ยังไงพิกล ฝีมือการชงของมันนี่ไม่ได้เรื่องเลย แต่ก็เอาเถอะ มันอุตส่าห์ชงให้ ผมกระดกรวดเดียวหมดแก้ว(ของไม่อร่อยต้องรีบเคลียร์ให้หมด = =) ในขณะที่พี่เป้ค่อย ๆ ยกจิบ ส่วนของมันยังกินแก้วเดิม
 
ไอ้เต้ยจ้องหน้าผมเขม็ง
 
“มึง…”
ผมที่เมาได้ที่ชี้นิ้วใส่หน้ามัน
 
“บอกกูมาว่ามึงชอบใครอยู่”
ผมรู้ว่ามันก็เมาเหมือนกัน และคนเมา ปากมักจะเบามากกว่าปกติ
 
“กูไม่บอก”
 
“ดี งั้นกูจะมอมเหล้าจนกว่ามึงจะยอมบอก”
ผมคว้าแก้วเหล้าจากมือพี่เป้ที่กำลังจะดื่ม พี่มันเหวอไปนิด ผมรู้ว่าพี่เป้ชอบกินเหล้าที่ชงเข้ม ๆ แต่พี่แกจะจิบช้า ๆ ในขณะที่ของผมกับไอ้เต้ยจะกินรสอ่อนกว่า
 
เอาของพี่มันนี่แหละ เมาง่ายดี
 
ผมกระโดดคร่อมเอวมันไว้ จับคางมันบีบแน่น กรอกเหล้าเข้าปาก มันดิ้นรนขัดขืน แต่แรงน้อยกว่าผม ลูกคุณหนูก็งี้แหละ พี่เป้นั่งขำใหญ่
 
“ไอ้เชี่ยกาย!! มึงทำอะไรของมึง!!”
มันรีบเช็ดปากตะคอกด่า
 
“บอกกูมาสิ ว่ามึงรักใครอยู่”
 
“กูไม่บอก!”
 
ผมจับคางมัน บีบแน่น กรอกเหล้าที่เหลือเข้าปากมันจนหมด
 
ผมหอบแฮ่ก มันก็หอบแฮ่ก ไอค๊อกแค๊ก
 
รู้สึกตัวมันร้อน ๆ ยังไงบอกไม่ถูก หันไปมองพี่เป้ รายนั้นก็นั่งกระพือเสื้อพรึบ ๆ แล้วเหมือนกัน
 
“ร้อนจัง แอร์ห้องมึงเสียรึไง” ผมถาม มันรีบผลักตัวผมออก
 
“งะ งั้นกูจะปรับแอร์ให้ เดี๋ยวกูจะไปเอากับแกล้มเพิ่มด้วย”
มันรีบลุก แต่ผมรั้งมันกลับมาที่เดิม
 
“ไม่เป็นไร มึงบริการมาเยอะแล้ว ที่เหลือกูจัดการเอง กูรู้ว่าตู้เย็นมึงอยู่ไหน”
ผมยันตัวลุกขึ้น เดินเซ ๆ ออกจากห้อง

ยิ่งเดินยิ่งร้อน มันร้อน ๆ รุ่ม ๆ แปลก ๆ ยังไงบอกไม่ถูก จังหวะการหายใจก็เร็วขึ้นเรื่อย ๆ บางครั้งก็ขัด ๆ เหมือนจะหายใจไม่ออก
 
เป็นอะไรวะ
 
พอลงมาถึงชั้นล่าง ผมรีบทิ้งตัวลงนั่งพิงหลังไว้กับกำแพงทันที ผมกำอกซ้ายไว้ กลัวเป็นโรคหัวใจครับ
 
ได้ยินเสียงมือถือดังแว่วเข้ามา ผมควานมือสะเปะสะปะล้วงหยิบจากกระเป๋ากางเกงมากดรับ
 
“พี่เอก…” ผมเรียกเสียงแผ่ว
 
“กายเป็นไร ทำไมเสียงเป็นแบบนั้น”
 
“ไม่รู้ ผม…”
ผมกลืนน้ำลายลงคอ มันทั้งหนืดและแห้ง
 
หรือว่าแพ้เหล้า?
 
ไม่น่าจะใช่
 
“กาย!”
ได้ยินเสียงพี่มันเรียก
 
ผมหอบแฮ่ก รู้สึกร้อนราวกับมีไฟสุม ที่สำคัญรู้สึกอยาก ๆ ยังไงบอกไม่ถูก
 
“อยู่ไหน!”
พี่มันถาม ผมปรือตามองภาพตรงหน้า
 
“บ้านไอ้เต้ย มันชวนมาดื่ม สงสัยจะเมา”
ได้ยินเสียงพี่มันถอนหายใจผ่านโทรศัพท์
 
“แล้วทำไมเสียงเป็นแบบนั้น”
 
“ผมไม่รู้ ร้อน อึดอัด หายใจไม่ออก”
ผมบอกต่อ เสียงเริ่มแผ่วลงเรื่อย ๆ
 
“กายอย่าขยับไปไหนนะ! พี่จะไปหาเดี๋ยวนี้แหละ!”
นั่นคือเสียงสุดท้ายที่ผมได้ยิน ก่อนพี่แกจะกดตัดสายไป
 
ผมนั่งหอบ พยายามจะดันตัวลุก แต่ทำไม่ได้ ร่างกายมันร้อน ร้อนเอามาก ๆ ดวงตากำลังพร่าเลือนลงเรื่อย ๆ
 
นี่ผมเป็นอะไร
 
ไม่นะ กูเพิ่งจะมีผัวเป็นตัวเป็นตน ยังไม่อยากให้พี่มันเป็นหม้ายนะเว้ยเฮ้ย
 
ผมนั่งอยู่ที่เดิม ปล่อยให้สติตัวเองค่อย ๆ เลือนรางหายไป


To Be Con... ^^

โอ้ววววว นี่มันเกิดอะไรขึ้น!!!! นี่อย่าบอกนะว่า นะว่า! น้องกายจะเป็นโรคหัวใจ(วาย) เฉียบพลัน หุหุ อะไรจะเกิดขึ้นน้า รอตอนถัดไปค่ะ







Book & e-book: https://goo.gl/FSOuuM   
 
 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 17-08-2017 18:48:52 โดย memew »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
พ่อ รุกแม่ ไม่ยอมน้อยหน้า คู่ลูกเลย

พี่เอก น่ารัก อ่อนโยน อบอุ่นมาก
แสดงความรัก  ให้ความสำตัญกับกาย
และรู้สึกว่าขาดกายไม่ได้

กายเป็นไอ้ตัวเล็กที่พยายามกล้าขึ้นเพื่อพี่เอก
เพราะกายรักแต่พี่เอกมาตลอด
พี่เอก กาย  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Ginny Jinny

  • ความเป็นจริงมันวุ่นวาย ก็ขอให้ใจมันสบายๆในความฝัน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2099
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4

ออฟไลน์ memew

  • ขอบคุณที่เข้ามาอ่านจ้าาา
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 456
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +382/-10
    • :: Memew แฟนเพจ :

76
ถูกวางยา?
[เอก...☼]






 
 
ผมคว้ากุญแจรถโดยไม่ฟังเสียงทัดทานจากไอ้อ้อยที่กำลังยื่นเอกสารมาให้ คว้าได้ก็วิ่งลิ่วออกจากห้องสภาวิ่งลงบันไดตรงไปยังลานจอดรถ
 
น้ำเสียงไอ้ตัวเล็กน่าเป็นห่วงเอามาก ๆ ไม่รู้ว่ามันเป็นอะไร 
 
ไม่เกินยี่สิบนาที ผมก็มาถึงบ้านไอ้เป้ พ่อแม่มันไม่ค่อยอยู่บ้านหรอก ทำงานกันตลอด ผมเคยมานอนบ้านมันหลายทีแล้วเหมือนกัน
 
แต่ก่อนเคยดื่มด้วยกันบ่อย ๆ แล้วถ้าวันไหนผมดื่มจัด ๆ ก็มีมันนี่แหละ ที่คอยหิ้วผมกลับไปส่งที่คอนโด หรือไม่ก็หิ้วกลับมาบ้านมันเอง (มันคงขี้เกียจไปส่ง) แต่ไม่เคยพาผมกลับบ้านใหญ่สักที คงเพราะไม่อยากให้น้อง ๆ เห็นตัวอย่างที่ไม่ดีของเพื่อนตัวเองเท่าไหร่
 
ผมจอดรถไว้หน้าบ้าน เปิดประตูเล็ก วิ่งลิ่วเข้าไปภายใน ผมกวาดมองไปรอบ ๆ จนเห็นไอ้ตัวเล็กนอนหมอบอยู่ที่พื้น ผมรีบถลาเข้าไปหามันทันที
 
“กาย!!”
ผมจับมันพลิกหงาย หน้ามันแดงเอามาก ๆ หายใจผิดจังหวะ ปากแดงจนฉ่ำ ดวงตาปรือปรอย
 
“พี่เอก…”
มันเรียกผมด้วยน้ำเสียงแหบพร่า ผมรีบช้อนอุ้มมันไว้ในอ้อมแขน แต่ยังไม่ทันจะลุก มันก็ดันตัวเองออก แล้วผลักผมจนล้มลงไปนั่งกึ่งนอนอยู่ที่พื้น

                ผมมองมันอึ้ง ๆ
เรี่ยวแรงมันมาจากไหนวะเนี่ย

             

มันนั่งอยู่ที่ปลายเท้าผม ดวงตาฉ่ำเยิ้ม ก่อนแลบลิ้นออกมาเลียริมฝีปากตัวเองเบา ๆ ทุกการกระทำดูยั่วยวนจนผมเผลอกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่
 
“กาย ล้ออะไรพี่เล่นหรือเปล่า”
มันไม่ตอบ แต่เคลื่อนตัวช้า ๆ มาคร่อมร่างผมไว้ ตอนนี้หน้ามันอยู่ห่างจากหน้าผมไม่ถึงสองคืบ ผมมองตามแทบตาไม่กะพริบ ก่อนสะดุ้งเฮือกเมื่อมันจับหมับน้องชายผมเข้าเต็ม ๆ 

“กาย!!”
ผมมองมันตาค้าง
 
“นายจะทำอะไรน่ะ!!”
ผมรีบท้วงเมื่อมันเคลื่อนตัวลงไปปลดเข็มขัดผมออก รูดซิปกางเกงลง แล้วดึงเอาบางส่วนที่อยู่ภายในออกมา 
 
“กาย!!”
ผมรีบยึดจับสองข้อมือมันไว้

มันมองผมตาปรอย ๆ เคลื่อนไหวร่างกายดูยั่วยวน ผมหรี่ตามอง สำรวจมันจนถึงด้านล่าง ของมันก็ขึ้นมาแล้วเหมือนกัน
 
“นี่นายกินอะไรเข้าไป”
 
มันดึงข้อมือตัวเองออก เคลื่อนตัวมาคล้องคอผมไว้ แล้วกดจูบลงมาเบา ๆ แต่ก่อนมันจูบไม่เก่ง แต่ตอนนี้มันจูบได้ชำนิชำนาญจนผมยังอึ้ง
 
“กาย!!”
ผมรีบถอนปากออกมาเบรก คนตรงหน้ายิ้มยั่ว โน้มมากัดปากล่างผมเบา ๆ มือไม้ก็ลูบ ๆ ไล้ ๆ อยู่แถว ๆ ท้องน้อยไล่ลงไปถึงน้องชายที่ตื่นตัวเต็มที่ของผม มันจับหมับเข้าเต็มแรงจนผมสะดุ้งอีกรอบ รีบจับหัวไหล่มันดันออก
 
“กายมีสติหน่อยสิ!”
เมาหนักแล้วเป็นขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย
 
“พี่เอก ร้อนจัง”
มันพูดเสียงแหบ บดเบียดท่อนล่างใส่น้องผม 
 
“อึ๋ย…”
ไม่ไหวแล้วครับ มายั่วกันขนาดนี้ ผมจับมันพาดบ่า ลุกขึ้นยืนหันซ้ายหันขวา
 
เอาไงดีวะ
ตอนแรกก็ว่าจะพามันกลับคอนโด แต่สภาพแบบนี้ คงกลับไม่ถึงแน่ ๆ

ผมเลยตัดสินใจ แบกไอ้ตัวเล็ก วิ่งขึ้นไปยังชั้นสองตรงไปที่ห้องไอ้เป้

จะขอยืมห้องมันใช้ซะหน่อย

ผมเคาะแรง ๆ ไปสองสามที 
 
“พี่เป้อยู่ห้องนู้นกับไอ้เต้ย”
ไอ้ตัวเล็กมันชี้มือชี้ไม้ไปที่ห้องไอ้เต้ย
 
ผมรีบหมุนเปิดประตูออกและปิดตัวลงอย่างรวดเร็ว เดินลิ่ว ๆ พามันไปโยนไว้บนเตียง ทันทีที่หลังมันแตะที่นอน มันรีบพลิกตัวดึงผมลงไปนอนแทนที่ แล้วดันตัวมันเองขึ้นไปนั่งบนหน้าท้องผม หนำซ้ำยังจับสองข้อมือผม กดติดกับที่นอนอีกต่างหาก
 
“กาย...”

มันมองผมตาเยิ้ม
 
“พี่เอกหล่อจัง”
มันพูดยั่ว ๆ ยิ้ม ๆ บดเบียดน้องมันเข้ากับหน้าท้องผม

“กาย...” ผมครางเรียกมันอีกรอบ

ไอ้ตัวเล็กก้มลงมาจูบผมเบา ๆ กัดปากล่างนิด ๆ ให้พอเจ็บ แล้วผละออกไปเลียมุมปากตัวเองเบา ๆ นัยน์ตาคลอไปด้วยหยาดน้ำแห่งอารมณ์ มันปล่อยข้อมือผมออก ลุกขึ้นนั่งตรง ๆ ยิ้มเซ็กซี่ใส่ผมนิด ๆ ก่อนยกนิ้วตัวเองขึ้นไปอม แลบลิ้นออกมาเลียหน่อย ๆ อย่างยั่วยวน

ผมซี้ดปากมองภาพตรงหน้าอย่างหลงใหล
 
“ให้ตายสิ ถ้ารู้ว่าเมาจัด ๆ แล้วเป็นแบบนี้จะจับกรอกเหล้าทุกวันเลย” 
 
มันเลิกถอดเสื้อตัวเองออก ตามด้วยกางเกง จนเหลือเนื้อตัวล้อนจ้อนเปลือยเปล่า มันก้มจูบผมเบา ๆ ไล่ต่ำลงไปที่ลำคอ มือก็เลิกชายเสื้อผมขึ้นสูงจนหัวนมโผล่ แล้วมันก็เลื่อนปากลงไปกัดเบา ๆ ผมครางออกมาแทบจะทันที

สยิวอย่าบอกใคร
 
มันเลิกถอดเสื้อผมออก ผมไม่ขัดขืนใด ๆ ทั้งสิ้น มันโยนเสื้อผมทิ้งไปไกล ก่อนเคลื่อนตัวลงไปด้านล่าง แล้วจัดการกับกางเกงผมต่อ ผมขยับให้มันถอดได้ง่าย ๆ ไม่นานเราก็มาอยู่ในชุดวันเกิดด้วยกันทั้งคู่

มันเคลื่อนตัวมางับติ่งหูผมเบา ๆ ไล่ลงไปที่ซอกคอ ต่ำลงไปที่หน้าอก ขบหัวนมผมสองข้างสลับกันไปมา ละลงไปที่หน้าท้อง ก่อนปากแดง ๆ นั้น จะครอบครองน้องผมไว้ทั้งอัน
 
ผมครางออกมาทันที

มันถอนปากตัวเองออก ตวัดปลายลิ้นไล่เล็มเหมือนกินไอติมแท่งโปรด บางทีก็ขบเบา ๆ ให้ผมพอเจ็บ ผมก็ได้แต่ครางทรมานผสมเสียวซ่าน

มันเคลื่อนตัวขึ้นมาอยู่เหนือน้องผม ตั้งตัวตรง ๆ ยิ้มนิดหนึ่ง ก่อนกดตัวลงไปช้า ๆ
 
ผมมองภาตรงหน้าอย่างตกตะลึง

ไม่เคยเห็นครับ ปกติมันจะไม่ออนท็อปถ้าไม่เจอบังคับจริง ๆ แต่วันนี้มันเล่นทำเองหมดเลย
 
มันเบ้หน้าหน่อย ๆ ตอนน้องผมค่อย ๆ ผลุบหายเข้าไป พอมันกินน้องผมได้ทั้งตัวก็นั่งนิ่ง ๆ ให้ร่างกายผ่อนคลาย สักพักก็เริ่มเคลื่อนไหวท่อนล่างเบา ๆ

ผมครางในลำคอเบา ๆ

ปากแดงแย้มยิ้มนิด ๆ ราวกับเจอเรื่องถูกใจ ก่อนเผยออ้าเอาไว้แล้วปลดปล่อยน้ำเสียงหวาน ๆ ออกมา

ผมมองภาพตรงหน้าอย่างหลงใหล ปากมันแดงเอามาก ๆ แดงเหมือนลูกเชอร์รี่เลย ผมดันตัวลุกขึ้นนั่งกึ่งนอน ค้ำร่างด้วยศอกเพียงข้างเดียว ส่วนอีกมือเอื้อมไปบดปากมันเบา ๆ

มันจับมือผมไว้ มองผมยั่ว ๆ แล้วอมนิ้วผมเบา ๆ สลับกับดูดเม้ม สะโพกก็ยังไม่หยุดเคลื่อนไหว

ผมได้แต่ซี้ดปากหอบหายใจแรง ปล่อยให้มันเป็นคนใส่จังหวะด้วยตัวเอง อยากไปเอามาก ๆ แต่พยายามอดใจเอาไว้ก่อน อยากให้มันขี่นาน ๆ

ทุกกิริยาท่าทางมันดูยั่วยวนเอามาก ๆ ยั่วยวนจนแทบไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นคนคนเดียวกับกายคนที่ผมรู้จัก จนเป็นผมเองที่เริ่มทนไม่ไหว ดึงมือตัวเองมาจับสะโพกมันไว้ เร่งจังหวะพามันไปถึงปลายทาง
 
ผมหอบแฮกจนหน้าท้องกระเพื่อม

ปกติถ้ามันเสร็จ มันจะนอนทับลงมาบนตัวผมเลย แต่นี่มันยังนั่งอยู่ที่เดิม ดวงตาปรือลงนิด ๆ หอบหายใจแรง สักพักมันก็คลี่ยิ้ม

ยังไม่ทันที่ผมจะได้ขยับทำอะไร มันก็เริ่มต้นขยับสะโพกอีกที
 
“กาย”
ผมเรียกมันอึ้ง ๆ
 
“ทำอีกนะ”
มันบอกอ้อน ๆ

ผมตาโต ยังไม่ทันที่ผมจะตอบหรือปฏิเสธ มันก็ขยับสะโพกตัวเองเร็วขึ้น จนน้องผมที่หลับใหลเมื่อกี้พากันซู่ซ่าขึ้นมาอีกรอบ


 

 
เวลาผ่านไปนานแค่ไหนไม่รู้ ผมหอบหายใจถี่คร่อมร่างมันไว้ มันนอนหงายนัยน์ตายังฉ่ำหวาน ไม่มีทีท่าว่าจะลดดีกรีความต้องการลงเลยแม้แต่น้อย
 
ผมชักไม่แน่ใจแล้วว่ามันเมาจริงหรือไปโดนยาอะไรมา ขนาดมันเสร็จไปแล้วตั้งหลายรอบ ของมันก็ยังไม่ยอมลดขนาด ปากก็แดงจนเกินปกติ
 
“ทำอีก พี่เอก”
มันร้องขอยั่ว ๆ แลบลิ้นเลียริมฝีปากตัวเองเบา ๆ
 
“กาย นี่นายกินเหล้าหรือกินอย่างอื่นเข้าไปด้วยเนี่ย”
 
มันยิ้ม
 
“กินเหล้า กับพี่เป้ ไอ้เต้ยมันชงให้”
 
ผมหรี่ตาจ้องมอง
 
ไอ้เต้ยชงให้งั้นเหรอ...
 
ผมหันไปมองห้องข้าง ๆ รู้สึกสังหรณ์ใจยังไงบอกไม่ถูก แต่แรงรัดจากบางสิ่งที่ผมเชื่อมอยู่ ดึงความสนใจผมให้หันกลับมามองอีกครั้ง
 
เอาวะ ตายเป็นตาย อย่าให้เสียชาติเกิดลูกพ่อ























คำว่าฟ้าเหลืองเป็นยังไง ผมเพิ่งเข้าใจก็วันนี้แหละ ฟ้าไม่เหลืองธรรมดา เหลืองแบบเหลืองเอามาก ๆ ด้วย ผมสะลึมสะลือลืมตาตื่นตอนตะวันสายโด่ง
 
“อืม...” ผมขยับตัวลุก
 
แม่ม ไม่เคยฟัดใครมาราธอนขนาดนี้มาก่อน

ผมยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดู
 
พับผ่า สิบเอ็ดโมง นอนกินประเทศมาก ก้มมองคนข้างตัว ไอ้ตัวเล็กยังนอนหลับตาพริ้ม ผมก้าวลงจากเตียงเดินสะโหลสะเหลเข้าห้องน้ำไป
 
ออกมาอีกที ไอ้ตัวเล็กก็ยังไม่ตื่น ผมขมวดคิ้ว มันบอกว่าดื่มกับไอ้เป้และไอ้เต้ย แล้วไอ้อาการที่มันเป็นนี่เป็นอาการของคนที่เมาจัด ๆ
 
หรือว่า…
 
ผมไม่อยากจะคิด แต่วิธีพิสูจน์ให้แน่ใจ คือต้องไปดูให้เห็นกับตาเท่านั้น
 
ผมเดินออกจากห้องไอ้เป้ ตรงไปยังห้องนอนของไอ้เต้ย ยืนชั่งใจอยู่นาน ก่อนตัดสินใจหมุนลูกบิดเปิดประตูออก
 
หัวใจผมหล่นวูบไปอยู่แทบเท้าทันทีที่เห็นภาพที่อยู่ภายใน
 
บนเตียงกว้างมีร่างเปลือยเปล่าของไอ้เต้ยถูกกอดไว้ภายใต้เรือนร่างเปลือยเปล่าของไอ้เป้ เสื้อผ้ากระจายเกลื่อนพื้นใกล้เตียง กลางห้องมีโต๊ะญี่ปุ่นวางอยู่ บนโต๊ะเต็มไปด้วยแก้วเหล้าและกับแกล้ม ข้างโต๊ะมีถังใส่กระติกน้ำแข็ง
 
ผมเดินเข้าไปภายใน ก้มหยิบหนึ่งในแก้วเหล้าที่มีน้ำสีใส ๆ เหลืออยู่หน่อย ๆ ขึ้นมาดมดู ได้กลิ่นแปลก ๆ จากแก้วเหล้าใบนั้นด้วย ผมลองแตะขึ้นมาใส่ปลายลิ้น
 
“นี่มัน…”

หันไปมองภาพบนเตียง กำลังคิดอยู่ว่าจะทำยังไง แต่เรื่องนี้คงไม่เป็นผลดีแน่ ผมตัดสินใจเดินไปปลุกไอ้เป้
 
“เป้!!”
ปลุกกันอยู่นานมาก แต่คนที่ตื่นกลับเป็นไอ้เต้ย มันเบ้หน้าด้วยความเจ็บปวด
 
แน่ล่ะ ครั้งแรก ขนาดกายยังนอนป่วยไปเป็นวัน แล้วมันจะเหลืออะไร แล้วมันก็โดนยาด้วย ขนาดไอ้ตัวเล็กมันยังรุกผมไปยกโหล แล้วสองคนนี้ล่ะ
 
มันกะพริบตามองผม
 
“พี่เอก...”
มันทำท่าจะลุก ก่อนเบ้หน้าเจ็บปวดอีกที
 
“อย่าเพิ่งลุกดีกว่า” ผมรีบห้าม
 
ไอ้เป้ค่อย ๆ สะลึมสะลือตื่นขึ้นตาม มันครางฮือ เด้งตัวขึ้นมานั่งกุมหัว
 
“ซี้ด!! ปวดหัวฉิบหาย” มันบ่น เงยหน้ามองผม
 
“มึง มาอยู่นี่ได้ไงวะ”
มันถามเสียงพร่า กุมหัวทำท่านึก และมันคงจะนึกออกแล้ว มันลืมตาโพลงรีบหันไปมองคนข้าง ๆ
 
“เต้ย!!” มันเรียกเสียงตื่น
 
“มึงจำอะไรได้ไหม” ผมถาม แต่มันยังช็อกอยู่
 
“ไอ้เป้!!!!”
ผมเรียกสติมันอีกที เสียงเรียกผมทำเอาไอ้เต้ยสะดุ้งโหยง
 
“มึงจำเรื่องเมื่อคืนได้ไหม” ผมถามย้ำอีกที
 
“จะ จำได้” มันตอบตะกุกตะกัก
 
ไอ้เต้ยนอนมุดหน้ากับผ้าห่ม ปากเล็กเม้มแน่น
 
“มึงรีบลุกไปอาบน้ำ แล้วหายามาให้ไอ้เต้ยมันก่อน สภาพแบบนี้ วันนี้มันคงเดี้ยงไปทั้งวันแน่ ๆ เอายาแก้อักเสบมาสองเม็ด แก้ปวดอีกสองเม็ด ยาบำรุงเหี้ยห่าอะไร ถ้ามีก็เอามากรอกปากมันให้หมดก่อนที่มันจะไข้ขึ้น”
ผมบอก
 
มันพยักหน้ารีบลุกออกจากเตียงคว้าเสื้อผ้าเดินเข้าห้องน้ำไป เหลือผมกับไอ้เต้ยสองคน
 
“เต้ย”
 
มันดึงผ้าห่มมาปิดหน้าไว้มากขึ้น
 
“นายเอายาให้กายกินใช่ไหม”
 
มันสะดุ้งที่ผมรู้ทัน ผมถอนหายใจแรง
 
“รู้แล้วใช่ไหม ว่าผลของการคิดไม่ซื่อกับเพื่อนมันเป็นยังไง นายต้องเจ็บตัว เป้มันก็ต้องรู้สึกผิดไปตลอดชีวิต”
ผมต่อว่าไป
 
“กาย…” มันถามเสียงพร่า
 
“กายปลอดภัย เล่นซะพี่ฟ้าเหลือง”
 
“มันกินไปหมดแก้ว ผมกับพี่เป้คนละครึ่งแก้ว”
 
ผมพยักหน้าเข้าใจ งั้นแปลว่ามันคงไม่โดนหนักมาก
 
ไม่นานเกินรอไอ้เป้ก็ออกมายืนเก้ ๆ กัง ๆ ภายในห้อง
 
“มึงไปเอายาก่อน” ผมบอก
 
มันรีบวิ่งลิ่ว ๆ ออกจากห้องไปทันที ผมหันมาลูบหัวไอ้เต้ยเบา ๆ
 
“รักไอ้เป้มันมากขนาดยอมทำได้ทุกอย่างเลยเหรอ”
 
มันร้องไห้ออกมาเบา ๆ ผมก็ได้แต่ถอนหายใจ
 
“ผมไม่อยากให้พี่มันทรมาน”
 
“แต่การบังคับคนอื่นแบบนี้ คิดรึไงว่าไอ้เป้มันจะมีความสุข”
 
“ทำไมล่ะ ก็พี่เป้รัก…”
 
“ไอ้เป้มันไม่ได้รักกายน่ะเต้ย”
 
มันมองผมอึ้ง ๆ
 
“แล้ว…”
 
“พี่บอกไม่ได้ แต่พี่ยืนยันว่าเป้มันไม่ได้รักกาย พี่รู้ว่าเป้รักใคร กายมันก็รู้ แต่บอกเต้ยไม่ได้แค่นั้นแหละ เอาไว้ให้ไอ้เป้มันพร้อมเมื่อไหร่มันจะบอกเต้ยเอง แต่อย่าคิดทำอะไรแบบนี้อีก เพราะนายจะสูญเสียทุกคน ไม่ใช่แค่พี่ชายเท่านั้น”
 
มันร้องไห้หนักกว่าเดิม ไอ้เป้เปิดประตูเข้ามา พอเห็นน้องมันร้องไห้ มันรีบเข้ามาดูใหญ่
 
“มึง อย่าเพิ่งขยับตัวมัน เมื่อกี้กูลืมบอก ออกไปหาอะไรมาให้มันกินรองท้องก่อน เดี๋ยวกระเพาะมันพัง โจ๊กก็ได้”
 
มันพยักหน้า เดินลงไปแบบไม่พูดอะไรอีกที
 
ไอ้เต้ยจับชายเสื้อผมแน่น
 
“ใครที่พี่เป้รัก”
 
“พี่ยังยืนยันคำเดิม พี่บอกไม่ได้ ถ้านายรักพี่นายจริง นายก็ต้องอดทน และรอให้มันพูดเอง และถึงเวลานั้น คนที่ตัดสินใจคือนายเอง”
 
“ผมขอโทษ”
มันพูดเสียงแผ่ว
“ขอโทษ…”
แล้วมุดหน้าร้องไห้หนักกว่าเดิม
 
ผมถอนหายใจเบา ๆ
 

 
“แล้วตอนนี้กาย…”
พอร้องไห้จนหนำใจมันก็เงยหน้าขึ้นมาถาม
 
“นอนยังไม่ตื่น เมื่อคืนมันลุยเองแบบไม่ยั้ง ซัดไปซะโหล วันนี้จะฟื้นหรือเปล่าก็ยังไม่รู้”
 
ไอ้เต้ยหน้าแดงก่ำ
 
“ผมคงใส่ยาเยอะไป”
 
ผมถอนหายใจเบา ๆ

สักพัก ไอ้เป้ก็วิ่งเข้ามาพร้อมโจ๊กหอมฉุยในมือ
 
จริง ๆ ผมควรจะปล่อยให้เป็นเรื่องของพวกมันสองคน แต่บังเอิญเรื่องนี้มันเกี่ยวกับกายและผมโดยตรง ถ้าเกิดวันนี้ผมมาไม่ทัน คนของผมจะเป็นยังไง แม้จะรู้ว่าเป็นเพราะยา แต่ผมคงไม่ให้อภัยทั้งเพื่อนและไอ้เต้ยมันแน่ ๆ
 
หลังจากป้อนข้าวป้อนยาไอ้เต้ยเสร็จ ผมก็บอกให้มันนอนแล้วก็ลากไอ้เป้ที่ยังสับสนออกมาคุยกันนอกห้อง
 
“มึง กู…”
 
“พวกมึงโดนยา”
 
มันมองผมอึ้ง ๆ
 
ผมก็คิดอยู่แล้วว่ามันต้องคิดว่าตัวเองข่มอารมณ์ความต้องการของตัวเองไม่ได้ พอเมาแล้วคงทำเรื่องแบบนั้นลงไป
 
“หมายความว่ายังไง” มันถามผมอึ้ง ๆ
 
“เต้ยมันคงวางยาไว้ในเหล้า เพื่อให้มึงนอนกับกายน่ะ แต่กูไม่รู้ว่าทำไมมันถึงได้กินยาเข้าไปด้วย”
 
“กายมันเอาเหล้าที่กูกำลังกินอยู่ไปกรอกปากเต้ยมันน่ะ”
 
ผมพยักหน้าเข้าใจ
 
“นี่กูกับเต้ย…”
 
“ก็อย่างที่เห็น”
 
มันยืนอึ้งไป ที่มันถามคงเพราะต้องการคำยืนยันว่าทุกสิ่งได้เกิดขึ้นแล้วจริง ๆ
 
“รู้สึกแย่มากไหม” ผมถาม มันส่ายหน้า
 
“ถ้ามันแสดงท่าทีรังเกียจกูบ้าง กูก็คงจะรู้สึกแย่กว่านี้ แต่นี่มันทำเฉย ๆ ติดจะอาย ๆ ด้วยซ้ำ กูก็เลย…”
ปฏิกิริยาที่มันหวาดกลัวที่สุด คือไอ้เต้ยทำท่ารังเกียจมันสินะ
 
“มึงพร้อมจะบอกความจริงกับมันรึยัง”
 
มันเม้มปากแน่น ถึงจะมีอะไรกัน แต่มันก็เป็นเพราะยาอยู่ดี มันกล้าที่จะบอก หรือปิดบังความลับไว้ต่อไป
 
 
 
TBC...








Book & e-book: https://goo.gl/FSOuuM   
 
 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02-09-2017 11:40:44 โดย memew »

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
เต้ย ชงเหล้า ใส่ไรให้พี่เป้ กับกายดื่ม

ในเมื่อกายเป็นแบบนี้
แสดงว่าพี่เป้ก็ต้องเป็นเหมือนกาย อะจ๊ากกกกก
รอตอนใหม่ แบบรออย่างทุรนทุรายเลย  :ling1: :ling1: :ling1:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: 

ออฟไลน์ memew

  • ขอบคุณที่เข้ามาอ่านจ้าาา
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 456
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +382/-10
    • :: Memew แฟนเพจ :

77
รักต้องห้าม
[กาย...♥]








“อืม...” ผมกะพริบตาขึ้นลง ก่อนมองไปรอบ ๆ ห้องที่ไม่คุ้นเคย

ที่นี่ที่ไหน
จำได้ว่าล่าสุด นั่งกินเหล้าอยู่กับไอ้เต้ยแล้วก็พี่เป้นี่นา

ผมลุกพรวดขึ้นมานั่ง ก่อนครางออกมาเบา ๆ ปวดระบมไปทั่วทั้งบั้นเอว สะโพก แล้วก็ตรงนั้นด้วย

“โอ๊ย ทำไมมันเจ็บอย่างนี้วะ”
ผมจับบั้นเอวตัวเองไว้ พยายามนึกอีกที

ใช่ เมื่อคืนผมนั่งกินเหล้าอยู่กับไอ้เต้ยและพี่เป้ แล้วผมอาสาลงไปเอากับแกล้ม แต่ร่างกายรู้สึกแปลก ๆ เหมือนหายใจไม่ออกแล้วก็ร้อนเอามาก ๆ หลังจากนั้นพี่เอกก็โทรมา ไม่นานพี่เอกก็โผล่

แล้วต่อจากนั้นผมก็…

จูบพี่มัน…

ยั่วพี่มัน…

รุกพี่มัน…

แถมยังออนท็อปพี่มันไปหลายยกอีกต่างหาก

อ้าคคคคคคค!!!
นี่กูทำอะไรลงปายยยยย

ผมนั่งกุมหัว พยายามหยุดภาพมากมายที่กำลังหลั่งไหลเข้ามา

ประตูห้องถูกเปิดออกผัวะ ผมเงยหน้ามอง แล้วคนที่ผมไม่อยากเจอมากที่สุดในตอนนี้ก็เดินหน้าหล่อเข้ามา

“ตื่นแล้วเหรอ”
พี่มันเดินมาทิ้งตัวลงนั่งข้าง ๆ

“ไหวไหม เจ็บตรงไหนรึเปล่า”
พี่มันถามต่อ

ผมยังนั่งอึ้งไม่หาย

“กาย…” พี่มันเรียก “จำเรื่องเมื่อคืนได้รึเปล่า”

ผมแทนคำตอบตัวเองด้วยหน้าร้อน ๆ แทน พี่เอกยิ้ม โน้มหน้าลงมาใกล้แล้วกระซิบบางอย่างข้างหูผมเบา ๆ

“แม่แมวยั่วสวาทของพี่”

อ้าคคคคคค!!
มึง…มึงหยุดพูดไปเล้ย!! ลืม ๆ มันไปเลยได้ยิ่งดี!

ผมรีบล้มตัวลงนอนอีกรอบ คว้าเอาผ้าห่มมาคลุมโปงไว้ ได้ยินเสียงพี่มันหัวเราะหึ ๆ ดึงผ้าห่มออกจากตัวผมโยนไปไกล

“พี่เอก!!”
ผมตะโกนลั่นเมื่อพี่มันช้อนอุ้มผมไว้

“ตื่นแล้วก็ไปอาบน้ำกันก่อนดีกว่า เมื่อคืนพี่ออกข้างในหมดเลย ทิ้งไว้นาน ๆ คงไม่ดี”
พี่มันพูดเรียบ ๆ

อยากดิ้นครับ แต่เจ็บ เลยได้แต่มุดหน้ากับอกกว้างไป

“พี่เอก ผมอาบเองดีกว่า”
ผมร้องขอหลังจากพี่มันวางผมลงกับพื้นใต้ฝักบัว 

“อยู่เฉย ๆ เถอะน่า”
พี่มันดันผมไปยืนค้ำกำแพง เตะสองขาผมแยกออกกว้าง แล้วจัดการทะลวงนิ้วล้างบางอย่างที่อยู่ภายในออกให้ ผมไม่รู้จะบรรยายความอายตอนนี้ให้ใครฟังดี ผมทำได้แค่มุดหน้ากับกำแพง ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ปล่อยให้พี่มันทั้งล้าง ทั้งล้วง ทั้งถูสบู่ให้ครบถ้วนเสร็จสรรพ

เอาเล้ย!!
นี่ไม่ใช่ร่างกายของกูแล้ว

กูยกให้มึง

เอาไปเลย

กูอาย…T^T

ถ้ารู้ว่าเมาแล้วเป็นแบบนี้ ต่อไปนี้จะไม่กินเหล้าอีกแล้ว

“อ๊ะ”
พี่มันงับหูผมเบา ๆ ผมเอียงคอหนี พลิกตัวหันไปเผชิญหน้า

แต่คิดผิดครับ พอหันมาก็เจอกับเรือนร่างสูงใหญ่ที่กำลังเปลือยเปล่า พี่เอกยิ้มพราว เขยิบเข้ามาจนชิดแล้วกดจูบลงมาเบา ๆ

“เมื่อคืน กายโดนยาปลุกน่ะ” พี่มันถอนปากออกมาบอก ผมตาโตจ้องหน้าพี่มันอึ้ง ๆ

ยาปลุก?

แล้วไปโดนตอนไหน?

ผมนึกถึงแก้วเหล้าแก้วสุดท้ายที่มีรสชาติปะแล่ม ๆ ขึ้นมาทันที

“ไอ้เต้ย…” ผมครางคาดเดา พี่เอกพยักหน้ารับ ผมทำหน้าตื่น

“แล้วไอ้เต้ยกับพี่เป้ล่ะ!!”

พี่มันถอนหายใจเบา ๆ

“พวกมันโดนยาด้วยกันทั้งคู่”

ผมยืนอึ้งรอบสอง

งะ..งั้นหมายความว่า…

ผมมองตาพี่เอก

“ไอ้เต้ยยังลุกไม่ขึ้น คงเดี้ยงไปทั้งวัน”

ผมกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ พี่เอกเอื้อมหยิบผ้าเช็ดตัวมาเช็ดหัวให้

“กายกินข้าวก่อนละกัน จะได้กินยา เมื่อคืนทำเอาพี่คางแทบเหลือง”
พี่มันส่งยิ้มกรุ้มกริ่มมาให้

ผมรีบดึงผ้าเช็ดตัวมาปิดหน้าทันที

“หึ ๆ พี่อยากรู้จัง ว่ายาตัวไหนกัน ถึงได้ทำให้คนกลายเป็นแมวยั่วสวาทไปได้”

อ้าคคคคคคคค
ไอ้พี่เอก มึงหยุดพูดไปเล้ยยยยย

นั่นไม่ใช่กู

นั่นไม่ใช่กู๊!!!!!!!

พี่มันหัวเราะ พันผ้าเช็ดตัวรอบตัวผมเหมือนดักแด้แล้วอุ้มผมออกจากห้องน้ำไป

พอแต่งตัวเสร็จ ผมก็เดินเจ็บ ๆ ลงไปข้างล่าง โดยมีพี่เอกเดินประกบอยู่ข้างหลัง (ใจแกอยากอุ้มครับ แต่ผมไม่ยอม) เห็นพี่เป้นั่ง
เหม่ออยู่บนโซฟาคนเดียว

“พี่เป้”
ผมเรียก พี่มันหันหน้าเหม่อ ๆ มามอง

“กาย...พี่…” ปากได้รูปเม้มแน่น ผมพยักหน้าบอกว่าผมรู้เรื่องทั้งหมดแล้ว พี่เป้หันไปนั่งกุมหัว

“ถ้าพี่บอกมันไปตั้งแต่แรก เรื่องแบบนี้ก็คงจะไม่เกิดขึ้น กายก็คงไม่ต้องมาเดือดร้อนด้วย”

“พี่เป้…” ผมครางเรียก

“กูบอกมันไปแล้ว ว่ากายไม่ใช่คนที่มึงรัก แต่กูไม่ได้บอกว่าเป็นใคร กูจะให้มึงบอกด้วยปากมึงเอง หรือถ้ามึงทำไม่ได้ บอกกูมาคำเดียว กูจะพูดให้” พี่เอกบอก

พี่เป้ไม่ได้ตอบอะไร นั่งกุมหัวเหมือนเดิม

ผมถอนหายใจออกมาเบา ๆ

“งั้นผมขอไปดูไอ้เต้ยก่อนละกัน”

“กินอะไรก่อนดีกว่าไหม”
พี่เอกรีบเบรกผมที่กำลังจะเดินกลับขึ้นชั้นบนไปอีกรอบ

“ของกินนายมาพอดี”
พี่มันพยักหน้าไปทางประตู ผมหันไปมองตาม ก็เห็นคนส่งพิชช่ามายืนยิ้มแป้นในมือถือกระเป๋าพิซซ่าใบใหญ่ไว้

อาหารประจำผมครับ พี่มันชอบสั่งมาให้กินตอน เอ่อ…หนัก ๆ ทุกที ท้องผมร้องจ็อก ๆ แล้วด้วย ยังไงไอ้เต้ยมันก็ยังนอนอยู่ ผมเลยตัดสินใจเดินไปนั่งฝั่งตรงข้ามพี่เป้เพื่อกินพิซซ่าก่อน

มีผมกินอยู่คนเดียวครับ พี่เอกยังไม่หิว ส่วนพี่เป้แกคงกินไม่ลง พี่เอกสั่งมาหลายถาดเลย

แล้วผมก็ซัดไปคนเดียวเกือบถาด พี่เอกหัวเราะหึ ๆ

“เอาอีกไหม” พี่มันถาม ผมส่ายหน้า 

กินอิ่ม ผมถึงได้เดินขึ้นห้องไปหาไอ้เต้ยอีกที มันนอนหลับอยู่บนเตียง ผมเดินไปทิ้งตัวลงนั่งข้าง ๆ แรงยุบของเตียงปลุกมันให้ลืมตามอง

“กาย…” มันเม้มปากแน่น “กูขอโทษ”

ผมพยักหน้าให้มันที

“กูไม่เป็นไร”
แค่ปากช้ำ ปวดบั้นเอว สะโพกระบม และ…แหก

“กาย”
มันเรียกผมเสียงเครือ ผมจับมือมันไว้

“เต้ย กูเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น”

มันส่ายหัวไปมา

“ทั้งหมดเป็นความผิดของกูเอง”
เสียงมันแหบน่าดู ผมก็ได้แต่ถอนหายใจ

“กูเสียใจที่มึงทำแบบนี้กับกู แต่กูก็รู้ว่ามึงทำเพื่อพี่เป้มัน แต่กูอยากให้มึงมีสติมากกว่านี้หน่อย เพราะครั้งหน้ามันอาจไม่จบแค่มึงหรือกูเจ็บตัว แต่มันอาจแย่ไปกว่านั้น”

มันพยักหน้า

“กาย… แต่กูรักพี่เป้นะ”

“กูรู้”

“มันไม่ใช่รักแบบน้องรักพี่”

ผมนั่งอึ้ง

“กูรักพี่มันเหมือนที่มึงรักพี่เอก”

ผมนั่งอึ้งรอบสอง สมองพยายามประมวลสิ่งที่ได้ยินอยู่

“มะ มึงว่าไงนะ”

“กูรักพี่เป้” มันย้ำ บีบมือผมแน่น “กูไม่ได้เสียใจที่มีอะไรกับพี่เป้ แต่กูเสียใจที่เกือบทำมึงกับพี่เป้มีอะไรกัน แถมยังทำให้พี่มันรู้สึกผิดเรื่องกูอีก”

ผมหลับตาลงแน่น

“เต้ย”
ผมชั่งใจ กรอกตาไปมาอย่างหาทางออก

ผมควรจะบอกความจริงกับมันดีรึไม่ดีดี

“กาย เต้ยเป็นไงบ้าง”
ยังไม่ทันที่ผมจะได้ตัดสินใจทำอะไร พี่เอกก็เปิดประตูเข้ามาก่อน ผมหันไปมองสลับกับหันมามองคนที่นอนอยู่ ผมถอนหายใจออกมาเบา ๆ ก้มมองคนที่นอนอยู่อีกที

“มึงนอนพักไปก่อนละกัน หิวรึยัง ข้างล่างมีพิซซ่านะ”

มันส่ายหัวไปมา

“เดี๋ยวกูกลับมาคุยกับมึงใหม่”
ผมบอกแค่นั้น ลุกขึ้นลากพี่เอกเดินออกจากห้องไป

“มีอะไรรึเปล่า”
พี่มันถาม คงเห็นสีหน้าแปลก ๆ จากผม ผมจ้องหน้าพี่เอกเขม็ง

“ยุ่งแฮะ” ผมพูดขึ้นมาลอย ๆ

มันรักพี่เป้…

แล้วพี่เป้ก็รักมัน…

แต่มันเป็นพี่น้องกัน

“โอ๊ย!!”

พี่เอกทำหน้าตื่นตอนผมทำท่าสติแตก
           
“เป็นอะไร!”               

ผมเบะหน้าทำท่าจะร้องไห้ ทำไมกูถึงได้อ่อนแอเยี่ยงนี้วะ เอะอะก็จะร้องไห้

“พี่เอก”

“เป็นอะไร!” พี่มันถามอีกที สีหน้าเต็มไปด้วยความกังวล

“ไอ้เต้ยมันรักพี่เป้”

พี่เอกอึ้งไป คงแปลกใจว่าผมจะโวยวายทำไม

“อืม พี่รู้”

“รักแบบที่ผมรักพี่”

พี่เอกอ้าปากค้าง ตามติดด้วยใครอีกคนที่เดินมาได้ยินพอดี

“พี่เป้…” ผมครางเรียก

“มะ เมื่อกี้กายว่าไงนะ” พี่เป้ถามกุกกัก ผมอ้ำอึ้ง

“ไอ้เต้ยมันบอกว่า มันรักพี่เป้แบบที่ผมรักพี่เอก ไม่ได้รักพี่แบบพี่ชาย”

อึ้งครับ พวกเราทุกคนพากันยืนอึ้ง พี่เป้ตัวแข็งทื่อ พี่เอกก็ไม่ต่าง

เรื่องมันเริ่มอลหม่านมากขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.

“มึงเอาไง ไอ้เป้”
พี่เอกถามเพื่อน ตอนนี้พวกเราย้ายกันมานั่งอยู่บนโซฟาในห้องรับแขกแล้วครับ   
 
พี่เป้นั่งกุมขมับ
 
“มึงก็รู้ไอ้เอก รักขนาดไหนกูกับมันก็เป็นพี่น้องกัน”
 
ผมถอนหายใจแรง พิงหลังไว้กับพนักโซฟา แหงนหน้าขึ้นมองเพดานด้านบน
 
“งั้นพี่เป้ก็อย่าให้มันรู้เด็ดขาด ว่าพี่เป้รักมัน ผมกลัวใจมัน มันคงไม่สนความเป็นพี่น้องแน่ ๆ ถ้าพี่เป้ใจตรงกับมัน”
 
พี่เป้นั่งกุมขมับยิ่งกว่าเดิม
 
“โธ่เว้ย!!”
 
เรื่องมันกลับตาลปัตรไปหมด ถ้าไอ้เต้ยมันไม่ได้รักพี่เป้ แล้วพี่เป้บอกความจริง ไอ้เต้ยมันต้องถอยห่างแน่ แต่ถ้าใจตรงกัน คนอย่างไอ้เต้ย มันคงติดหนึบ ไม่สนอะไรทั้งนั้น
 
“พี่จะให้มันรู้ไม่ได้เด็ดขาด ว่าพี่รักมัน” ผมย้ำอีกที

พี่เป้พยักหน้ารับรู้
             
 


หลังจากนั้น พวกเราก็แยกย้ายกันกลับบ้าน ผมลากสังขารที่ไข้เริ่มขึ้นหน่อย ๆ ไปนอนแอ้งแม้งที่คอนโดพี่เอก โดยมีพี่เอกคอยดูแลอีกที
 
“อืม พี่เอก”
ครับ ดูแลแบบใกล้ชิดติดเนื้อติดหนังเลยล่ะ
 
ป้อนยา พี่มันก็ใช้ปากป้อน อาบน้ำ พี่แกก็บริการอาบให้ สะอาดไปทุกจุดด้วยสบู่และเนื้อหนังมังสา กว่าจะอาบได้แต่ละจุด ลวนลามลากไล้อยู่นั่นแหละ เสื้อผ้าก็ใส่ให้ แต่กว่าจะใส่ได้ พี่แกก็แทะก็เล็มจนผมแทบต้องกลับไปอาบน้ำอีกรอบ
 
สรุป กว่าจะได้เข้านอน ผมก็เสร็จไปอีกหลายรอบโดยไม่โดนล่วงล้ำ พี่มันกลัวช้ำครับ ใช้หนักมาทั้งคืน







 
กว่าไอ้เต้ยจะฟื้นตัวก็หลังจากนั้นสองวัน มันเดินเหม่อ ๆ มาเรียน ผมล่ะเป็นห่วงมันสุด ๆ
 
“มึง”
 เหมือนมันจะถามอะไรผมสักอย่าง ผมพยักหน้ารับรู้
 
“มึง มึงบอกกูได้ไหม ว่าใครคือคนที่พี่เป้รัก”
มันถามคำถามเดิม ผมถอนหายใจเบา ๆ
 
“รอให้พี่เขาพร้อมแล้วบอกเองดีกว่านะเต้ย”

มันเม้มปากแน่น แหงนหน้าขึ้นมองเพดานห้องเรียน แล้วมันก็เหม่ออยู่แบบนั้นทั้งวัน แถมยังเดินชนนู่นชนนี่ตลอดจนน่าเป็นห่วง

             



 
“เต้ย!!!”
ผมร้องเตือนเมื่อมันเดินข้ามถนนไม่ดูตาม้าตาเรือ ยังดีที่พี่เป้วิ่งมาดึงตัวมันได้ทัน
 
“พี่เป้...”
มันเรียกเสียงเบา
 
“ทำอะไรของนาย!! มีสติหน่อยสิ!!”
พี่มันตะคอก
 
“ขอบคุณ”
มันพูดแค่นั้น แล้วเดินเหม่อจากพี่เป้ไป

ผมถอนหายใจแรง ไม่ต่างกับพี่เป้ ขืนเป็นแบบนี้ต่อไปคงไม่ดีแน่


             



 
วันนี้พวกเรามาทำงานกัน ไอ้เต้ยมันทำงานเหมือนคนไร้วิญญาณ ตอนพี่เป้ว่าหนักแล้ว เจอเวอร์ชั่นไอ้เต้ยเข้า หนักยิ่งกว่าอีก
ผมขมวดคิ้ว
 
“พี่เป้ พี่ต้องทำอะไรสักอย่างแล้วนะ ไม่งั้นมันแย่แน่ ๆ ผมกลัวมันจะเดินไปให้รถชนเข้าสักวันน่ะสิ”
 
“แล้วกายได้คุยกับมันไหม เกิดอะไรขึ้น”
 
“มันไม่บอก แต่เหม่อมาก ในห้องเรียนก็เหม่อ ผมล่ะห่วง”
 
พี่มันถอนหายใจแรง ก่อนเดินไปคว้ามือไอ้เต้ยเดินหายไปหลังร้าน ผมไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ด้วยความสงสัยผมเลยเดินตามไป
 
ไม่ควรครับ
 
ไม่ใช่เรื่องดี และภาพที่ผมเห็นยิ่งไม่น่ามองเข้าไปใหญ่
 
ไอ้เต้ยมันรั้งคอพี่เป้ลงไปจูบ พี่เป้พยายามขืน แต่มันยังโหมจูบอยู่ไม่หยุด ชายแท้แบบพี่เป้ถึงจะรู้ว่ามันผิด แต่เมื่อคนที่ตัวเองรักมายั่วแบบนี้ พี่มันจะทนได้สักกี่น้ำ
 
สุดท้ายประตูห้องเก็บของก็ปิดตัวลง ผมยืนนิ่งอยู่กับที่ ทั้งสับสนและหวาดกลัว
 
และผมรู้ว่าพี่เป้กำลังจะแพ้ใจตัวเอง
 
“มาทำอะไรอยู่ตรงนี้”

ผมสะดุ้งเฮือก หันไปมองคนทัก
 
“พี่เอ...”
เสียงสุดท้ายหายไปเมื่อคนที่อยู่ตรงหน้าไม่มีสร้อยคออย่างเคย ผมถอยออกไปยืนอยู่ห่าง ๆ พยายามมองให้ออกว่าคนตรงหน้านี้เป็นใคร
 
พี่มันทำหน้านิ่ง ๆ ไม่ยิ้มพราวให้รู้ว่าเป็นพี่อาร์ต ไม่ยิ้มอบอุ่นให้รู้ว่าเป็นพี่อิฐ
 
แล้วใคร…
 
“ถ้าไม่มีสร้อยก็จำกันไม่ได้เลยใช่ไหม”
พี่มันต่อว่า ชูสร้อยพระอาทิตย์ให้ดู ผมกะพริบตาปริบ ๆ มองสร้อยในมือพี่แก
 
“ไปซาวน์น่ามา เลยถอดออก”
 
ผมถอนหายใจโล่งอก รับสร้อยมาถือไว้ เขยิบเข้าไปชิดแล้วใส่ให้พี่มันเบามือ
 
“ขอบใจ”
พี่มันก้มหอมแก้มผมที
 
“เลิกงานแล้วไปเดินเล่นกันหน่อยไหม”
พี่มันชวน
 
ผมพยักหน้า กำลังคิดหนักเรื่องสองคนที่อยู่ในห้องเก็บของอยู่
 
“พี่เอก..ถ้าเป็นพี่ ระหว่างความถูกต้องกับความรัก พี่จะเลือกอะไร”
 
พี่มันนิ่ง
 
“ไม่รู้ ต้องดูก่อนว่าคนที่พี่รักเป็นใคร”
 
“ถ้าสมมุติว่าวันหนึ่ง พี่มารู้ทีหลังว่าผมเป็นน้องชายพี่ พี่จะทำยังไง”
 
พี่มันจ้องตาผมเขม็ง
 
“ถ้าเป็นแต่ก่อน พี่จะทำแบบเป้ พยายามตัดใจแล้วเลือกความถูกต้อง แต่ตอนนี้ พี่ขอเลือกหัวใจตัวเองดีกว่า พี่จะพากายหนีไปมีความสุขด้วยกัน ในที่ที่ไม่มีคนรู้จัก”
 
ผมมองพี่มันอึ้ง ๆ
 
“ผมกำลังกลัวว่าพี่เป้กับไอ้เต้ยกำลังจะทำอย่างนั้น”
 
พี่เอกชะงัก จ้องหน้าผมเขม็ง
 
“อันนั้นเป็นเรื่องของพวกเขาสองคน เราเป็นแค่คนนอก”
 
“แต่มันเป็นเพื่อนสนิทผม”
 
พี่เอกลูบหัวผมเบา ๆ

“ไอ้เป้ก็เพื่อนสนิทพี่เหมือนกัน แต่ก็ต้องไว้ใจมัน ไว้ใจว่ามันจะไม่ทำเรื่องแบบนั้น”
 
ผมถอนหายใจเบา ๆ มองหน้าพี่แกเหมือนตัวเองเป็นคนทำผิดซะเอง
 
“แต่ตอนนี้ พี่เป้กับไอ้เต้ยอยู่ในห้องเก็บของ”
 
พี่เอกมองผมอึ้ง ๆ
 
“เข้าไปเอาของมั้ง”
พี่มันคาดเดา ผมส่ายหัว ทำหน้าแหยง
 
“จูบกันด้วย”
ผมบอกสั้น ๆ พี่เอกทำหน้าอึ้ง ๆ ก่อนถอนหายใจเบา ๆ
 
“เรื่องของพวกมันแล้วล่ะคราวนี้”
 
 






 
มึง…
กูก็คิดว่ามึงจะพากูไปเดินเล่นแถว ๆ บ้านหรือที่ทำงาน แต่เสือกพากูมาเดินเล่นซะไกลเชียว
 
ตอนนี้พวกเรามาอยู่กันที่หาดแม่พิมพ์จังหวัดระยองครับ
 
คนเงียบให้ตาย
 
พี่มันจองห้องพักไว้ห้องหนึ่ง เพราะรู้ว่าวันพรุ่งนี้ผมไม่มีเรียน และที่ทำให้ผมอึ้งมากไปกว่านั้นก็คือไอ้เต้ยกับพี่เป้ก็ตามมาด้วย
 
ไม่ใช่อะไรหรอก หลังจากมันหายเข้าไปในห้องเก็บของกับพี่เป้สองคน พอออกมามันก็มีสภาพเกือบเป็นปกติ
 
พี่เป้ใช้อะไรรักษาโรคเหม่อของมันวะ ได้ผลดียิ่งกว่ากินยาจีนซะอีก พอมันรู้ว่าพี่เอกจะพาผมมาเดินเล่น มันก็เลยขอตามมาด้วย
 
ผมมองหน้าพี่เอก
 
“พี่ไม่ได้บอกซะหน่อยว่าจะพาไปเดินเล่นที่ไหน”
 พี่มันพูดเหมือนตัวเองไม่ผิด
 
“อย่าทำหน้าแบบนี้สิ เราไม่เคยมาเที่ยวทะเลกันสองต่อสองแบบเต็ม ๆ เลยนะ”
 
ผมมองไปทางพี่เป้กับไอ้เต้ย
 
“อันนั้นถือเป็นตัวเหลือบไรไม่เกี่ยวกับเรา”
ดูพี่มันลื่น
 
พี่เอกโอบผมไว้จากทางด้านหลัง
 
“พี่แค่อยากให้เรามีความสุขด้วยกันทุกวัน อยากสร้างความทรงจำเก็บไว้ด้วยกันเยอะ ๆ เพราะไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง เรายังโชคดีที่สามารถทำได้ ดีกว่าไอ้เต้ยกับไอ้เป้เยอะ ถึงจะไม่ขนาดชายหญิงปกติทั่วไป แต่ก็ยังดีกว่าอีกหลาย ๆ คู่ที่ทำไม่ได้”
 
ผมนั่งอึ้ง ฟังพี่มันพูดเงียบ ๆ
 
“กายจำรูปถ่ายที่กายเคยทำให้อาร์ตได้ไหม”
 
ผมพยักหน้า
 
“คนเราถ้าไม่ได้ทำอะไรร่วมกันเลย ก็จะไม่มีความทรงจำเอาไว้ให้เก็บ”
 
ผมจ้องตาพี่มัน
 
ไม่ต้องพูดอะไรต่อแล้วครับ
 
ผมเข้าใจแล้ว
 
ผมหันไปเผชิญหน้า โอบลำคอพี่มันไว้ แล้วจูบเบา ๆ

ผมรู้ว่าพี่เอก ทำเพื่อพวกเราขนาดไหน พี่เอกเป็นผู้นำ และผมมีหน้าที่เป็นผู้ตามที่ดี เพื่อให้ความรักของเราสองคนแข็งแรงและ…
 
เอิ่ม…
 
แม่ม
 
กูขอทำซึ้งสักนาทีก่อนจะได้ไหมแล้วค่อยตื่น
 
ไอ้เอกน้อยนี่!!
 


To be Con...

หึ ๆ







Book & e-book: https://goo.gl/FSOuuM   
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-09-2017 10:11:44 โดย memew »

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
จะเคลียร์กันยังไไงให้เข้าใจล่ะทีนี้

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
เต้ย รักพี่เป้ เหมือนกายรักพี่เอก
อ้าว........ก็ใจตรงกัน
พี่เป้ ก็รักเต้ยแบบคนรัก
แล้วรักมานานแล้วด้วย
ดูเหมือนจะรักไม่รัก ก็ต้องก้าวผ่านให้ได้
ทำใจให้ได้ ก้าวผ่านแล้วก้าวเลย ไม่หวนคิด
ไม่งั้นไม่ว่ายังไงก็ทุกข์ เจ็บช้ำทั้งคู่
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
สารภาพรักไปเลยหลานเป้ คนแก่รู้สึกหน่วง ๆ ในอกเต็มทีแล้ว  o12

ออฟไลน์ Ginny Jinny

  • ความเป็นจริงมันวุ่นวาย ก็ขอให้ใจมันสบายๆในความฝัน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2099
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด