Kiss Love ► รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 100 เพิ่งเริ่มเท่านั้น |10/3/18|(ตอนจบ)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Kiss Love ► รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 100 เพิ่งเริ่มเท่านั้น |10/3/18|(ตอนจบ)  (อ่าน 680883 ครั้ง)

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
กายหนอ กาย เขาทำขนาดนั้น ทำไมยังไม่ตัดใจอีกละหลาน  :กอด1:

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
มีคำพูดว่า ถ้ารักคนที่หนึ่งที่สุด จะไม่มีคนที่สองตามมา
แล้วกรณีเอกล่ะ  มันรักคนที่หนึ่งยังงายยยยยย    :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:
สมละที่รู้ตัวว่าตัวเองเลววววววววววววววววววววววววว

       รักสามเส้า คนเศร้าคือกาย        พี่เอกตัวร้ายวุ่นวายอยู่นั่น
ถึงแม้กายตัดใจทุกวัน                   เซ็กส์สดดัน ดีลิเวอรี่

 
                                                      :L1: :L1: :L1:
                                                :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-11-2017 09:13:06 โดย ♥►MAGNOLIA◄♥ »

ออฟไลน์ memew

  • ขอบคุณที่เข้ามาอ่านจ้าาา
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 456
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +382/-10
    • :: Memew แฟนเพจ :
86
สับสน
[เอก...☼]







ผมรู้ว่าผมทำผิด ผมรู้ว่าผมกำลังทำเรื่องที่ไม่ควรทำ ผมรู้ แต่ก็ห้ามตัวเองไม่ได้ แม้ตัวจะห่างแต่ใจกลับถวิลหา แม้ผมจะกอดนก แต่ใจผมกลับคิดถึงแต่กาย
 
ผมกอดมันไว้ จ้องมองหยาดเหงื่อและปากแดง ๆ ที่กำลังเผยออ้า ผ่อนลมหายใจเข้าออกไร้จังหวะ ผมรู้แค่ว่าสายตาผมไม่อาจละไปจากกายได้
 
ทุกอย่างเริ่มกลับมาเป็นกายอีกครั้ง

ผมใส่จังหวะแรงขึ้น อย่างน้อยก็เป็นจังหวะรักที่ผมคุ้นเคย ที่ผมคิดถึง และอยากให้มันรับรู้ ว่าผมไม่เคยหยุดรักมันเลยแม้แต่วินาทีนี้
 
แต่ผมไม่รู้ ว่าผมกำลังรักใครมากกว่ากัน นกหรือกายเท่านั้นเอง
 
ผมจูบแผ่นหลังเพรียวบางของคนที่คว่ำหน้าไว้กับโต๊ะ โดยมีบางส่วนของผมเชื่อมเอาไว้ ผมไม่ได้คิดไปเอง แต่กายผอมลงอีกแล้ว
 
ผมปล่อยกายให้เป็นอิสระ ยกมันขึ้นมานั่งบนโต๊ะเหมือนเดิม สองแขนผมโอบกอดมันไว้ กอดมันนิ่ง ๆ ส่งผ่านทุกความรู้สึกของผมไปให้มัน
 
ไร้คำพูดใด ๆ จากเราทั้งคู่ ผมก้มจูบขมับมันเบา ๆ
 
“พี่ขอโทษนะกาย”
ผมกระซิบบอก ก้มเก็บเสื้อผ้ามาวางไว้ข้าง ๆ มันนั่งน้ำตาไหลริน ผมลูบหัวมันเบา ๆ ในขณะที่อีกมือก็ช่วยกันกรีดหยาดน้ำออกจากดวงตามัน แต่มันไม่หยุดไหลสักที จนเป็นผมเองที่ขอยอมแพ้
 
“พี่ขอโทษนะ”
ผมจูบซับน้ำตามันไปอีกรอบ ก่อนหันหลัง แต่งตัวและเดินออกจากห้องไป
 
เพราะถ้าผมยังอยู่ น้ำตานั้นคงไม่หยุดไหลเอาง่าย ๆ แน่
 
 
 
“หายไปไหนมาคะเอก”
ผมกลับมาที่โต๊ะอีกครั้ง นกยิ้มรื่น ไม่ต่างกับเพื่อน ๆ ของนก ผมได้แต่ยิ้มเหนื่อยตอบรับ
 
“เป็นอะไรคะ ดูเหนื่อย ๆ”
นกถามด้วยความเป็นห่วง ผมส่ายหัว ตีสีหน้านิ่งเรียบคล้ายคนกำลังคิดเรื่องงาน ซึ่งนกก็พอจะเดาได้ เลยเลิกเซ้าซี้ไป
 
“เอกนี่หล่อจริง ๆ นะ สมกับนกอย่างกับกิ่งทองใบหยก แพลนว่าจะแต่งงานกันหลังเรียนจบเลยหรือเปล่า”
ผมหันไปมองคนถาม ถ้าเป็นแต่ก่อน คงเป็นผมเองที่รีบขอนกแต่งงาน แต่ตอนนี้ผมชักลังเล
 
ผมไม่กลัวอิสระที่จะหายไป แต่สิทธิ์ที่จะได้ครอบครองกายอีกครั้งจะหายไปด้วย และผมยังไม่พร้อมที่จะสูญเสียสิ่งนั้นไป
 
ผมกำลังเห็นแก่ตัว ยึดนกไว้ แต่ไม่คิดจะปล่อยกาย ผมกำลังจับปลาสองมือ ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องดี เพราะปลายทาง ผมอาจต้องสูญเสียคนทั้งคู่ไป
 
“พี่เอกพี่นก มากันตั้งแต่เมื่อไหร่คะ”
พวกทโมนพากันเดินเข้ามาทัก
 
“อ้าวเด็ก ๆ มากันด้วยเหรอ”
นกทักกลับ แล้วก็แนะนำน้อง ๆ ให้เพื่อน ๆ รู้จัก
 
“นั่งกันตรงไหนเนี่ย ทำไมพี่ไม่เห็นเลย”
นกถามต่อ
 
“ข้างในสุดนู่นเลยค่ะ นั่งทำการบ้านกันอยู่ แต่ตอนนี้เสร็จแล้ว”
 
“เหรอ แล้วทานอะไรกันมารึยัง”
 
“เรียบร้อยแล้วค่ะ”
พวกน้อง ๆ ตอบคำถามกันเพียงสั้น ๆ ซึ่งถ้าเป็นแต่ก่อนคงแย่งกันพูดไม่หยุด และผมก็รู้ว่าเพราะอะไร
 
“ดี สาว ๆ”
 
พวกเราหันขวับไปมองคนที่เดินเข้ามาใหม่ ผมตัวเกร็งขึ้นมาทันที ไม่ต่างกับพวกทโมน ถ้าเป็นแต่ก่อน แค่ได้ยินเสียงทัก พวกน้อง ๆ ต้องวิ่งเข้าไปกอดแล้ว แต่ตอนนี้พวกน้อง ๆ ทำได้แค่ยืนทำท่าหางตกหูลู่ เหมือนพวกลูกแมวทำผิด
 
ผมรู้ว่าการที่ผมเลิกกับกายไม่เกี่ยวกับน้อง ๆ แต่พวกมันคงรู้สึกผิดไม่ต่างกับผมเท่าไหร่ 
 
ไม่เพียงผมทำร้ายจิตใจของกายเท่านั้น แต่ผมยังทำร้ายจิตใจของน้อง ๆ รวมถึงพ่อกับแม่ผมด้วย ถึงพวกท่านจะไม่พูดอะไร แต่ผมก็รู้ว่าพวกท่านคงเสียใจอยู่ไม่น้อย โดยเฉพาะคุณแม่ที่รักกายเหมือนลูกคนหนึ่ง
 
“เป็นไรกันฮึ”
พ่อคงเห็นความผิดปกติ พวกน้อง ๆ ยิ่งทำท่าหางตกหูลู่ยิ่งกว่าเดิม ก่อนพ่อจะมองเห็นผมที่ถูกพวกน้อง ๆ ยืนบังไว้อีกที
 
“อ้าว เอก อยู่ด้วยเหรอ”
 
ผมที่พอได้สติ รีบยกมือไหว้ ไม่ต่างกับนกและเพื่อน ๆ ที่ยกมือไหว้ไปตาม ๆ กัน แม้จะยังไม่รู้ว่าคนตรงหน้าเป็นใคร
 
พ่อยิ้มหล่อตอบรับ
 
“มากันนานแล้วเหรอ แล้วนี่กายอยู่ไหน”
พ่อถามในขณะที่สายตาก็มองหาไปรอบ ๆ   
 
“อยู่ในห้องทำงานครับ”
ผมตอบสั้น ๆ
 
“คนเยอะดีแฮะ นี่ถ้าไม่ติดธุระ ว่าจะมาช่วยเสิร์ฟนะเนี่ย”
พ่อบอกอารมณ์ดี เดินดี๊ด๊าเข้าไปภายใน ในขณะที่ผมยังนั่งนิ่งอยู่ที่เดิม
 







“เอก”
ผมหันไปตามเสียงเรียก ก่อนหน้าผมจะหันไปตามแรงหมัดอันคุ้นเคย พวกสาว ๆ พากันร้องวี้ดว้าย ไม่ต่างกับลูกค้าคนอื่น ๆ ในร้าน
 
พ่อยิ้มทันทีที่ต่อยหน้าผมเสร็จ
 
“ขอโทษด้วยนะจ้ะสาว ๆ ผู้ชายมีเรื่องต้องคุยกันนิดหน่อย”
พ่อคว้าคอเสื้อผม เดินกึ่งลากไปทางหลังร้าน
 
“เอก!!”
นกทำท่าจะตามมา แต่ผมเบรกไว้
 
“ไม่มีอะไรหรอก นั่งรอไปก่อน”
 
“นายทำอะไรกาย ทำไมถึงได้นั่งร้องห่มร้องไห้แบบนั้น”
 
ผมหลับตาแน่น นึกภาพใบหน้าที่เต็มไปด้วยน้ำตาขึ้นมาได้ทันที ผมมันก็แค่ไอ้เลวคนหนึ่ง ที่ชอบทำร้ายจิตใจของคนที่รัก
 
“ผมขอโทษที่ทำให้พ่อผิดหวัง”
 
พ่อปล่อยคอเสื้อผมออกแรง
 
“เล่าเรื่องทุกอย่างมา เพราะกายคงไม่ยอมพูดเอง”
 
“ผมเลิกกับกายแล้ว”
 
พ่อยืนอึ้งไป
 
“ผมกลับไปคบกับแฟนเก่า ขอโทษครับ ผมเลว ผมยอมรับ”
ผมยืนประจันหน้าเตรียมรับหมัดที่จะวิ่งเข้ามาอีกระลอก และก็ไม่ผิดหวัง หมัดหนักซัดใส่ปากอีกข้างเต็ม ๆ จนเลือดบางส่วนไหลแหมะลงมา
 
“ดีที่นายกล้ายอมรับ พ่อเสียใจที่แกทำให้กายเสียใจ แต่ก็ดีใจที่แกเป็นลูกผู้ชายมากพอที่จะยอมรับ เมื่อคิดว่าตัดสินใจดีแล้ว ก็ต้องรับผิดชอบทุกความผิดของตัวเอง พ่อเห็นกายร้องไห้มามากพอแล้วนะ ถ้าเป็นไปได้ อย่ามาให้กายเห็นอีก”
 
ผมพยักหน้าเช็ดเลือดที่มุมปากออก พ่อหันหลังเดินจากไป ในขณะที่ผมเดินกลับไปยังจุดเดิมของตัวเอง พวกสาว ๆ ยังคงโวยวายไม่หยุด
 
“เขาเป็นใครคะ ทำไมมาต่อยเอก แล้วทำไมเอกไม่เอาเรื่อง”
 
“ขอตัวก่อนนะ นกกลับแท็กซี่ละกัน แล้วจะโทรหาอีกที”
ผมไม่ตอบคำถาม แต่บอกในสิ่งที่ตัวเองต้องการและเดินจากมา
 
“เอก!!”
นกส่งเสียงเรียกมาตามหลัง แต่ผมไม่คิดจะหันไปมอง ผมรู้ว่านกเป็นห่วง แต่ตอนนี้ ผมยังไม่พร้อมที่จะเผชิญหน้ากับใครทั้งนั้น
 
ผมขับรถไปเรื่อย ๆ โดยไร้จุดหมายปลายทาง พยายามคิดหาทางออกให้กับความสับสนที่เกิดขึ้น
 
แต่ยิ่งคิดยิ่งตีบตัน
 
ผมรู้ว่าความรักไม่มีตรรกะที่แน่นอน และผมก็ไม่สามารถหาข้อสรุปให้มันได้
 
“โธ่เว้ย!!”
ผมทุบพวงมาลัยแรง เหยียบคันเร่งระบายความอัดอั้น
 
ผมไม่รู้ว่าผมเป็นบ้าขับรถวนอยู่บนท้องถนนรถติด ๆ อยู่นานแค่ไหน กระทั่งตัวรถหยุดลงหน้าบ้านของใครคนหนึ่ง ผมมองผ่านประตูรั้วเข้าไปภายใน
 
ที่นี่คงเป็นที่สุดท้ายที่ผมอยากมามากที่สุด ผมมองมันอยู่นาน ก่อนตัดสินใจ ดับเครื่องก้าวลงจากรถไปกดกริ่งหน้าบ้าน
 
ไม่นานนัก เจ้าของบ้านก็เยี่ยมหน้าออกมาดู มันทำหน้าแปลกใจที่เห็นผม ผมเองก็แปลกใจตัวเองอยู่เหมือนกัน

....................................

“ลมอะไรหอบมาวะ”
 
“ไม่รู้…แต่กูไม่มีที่ไป”
 
มันมองหน้าค้นหาความจริง
 
“เข้ามาก่อนเถอะ”
มันเปิดประตูออกกว้างให้ผมเข้าไปภายใน
 
“อ้าว เอก”
คู่ซี้ปาท่องโกมันทัก
“มาได้ไง”
 
“ขับรถมา”
ผมตอบกวน ๆ
 
“มึงนี่ ทำหน้าเป็นหมาหงอยแต่ปากยังร่าเริงเหมือนเดิมเลยนะ”
 
ผมไม่สนใจที่จะตอบกลับ ทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาสีอบอุ่น ผมแค่ต้องการสักที่ เพื่อทบทวนอะไรบางอย่าง แต่ไม่ใช่การอยู่คนเดียว
 
“เรื่องของกาย”
เจ้าของบ้านคาดเดา ไอ้คนที่นอนคว่ำหน้าอ่านหนังสืออยู่เงยหน้ามองผมอีกที ผมพยักหน้า มันถอนหายใจเบา ๆ
 
“กายเขารักมึง”
 
“กูรู้”
 
“แต่มึงก็รักนก”
พูดอีกมันก็ถูกอีก
 
“ทำไมกูหลายใจนักวะ”
ผมแหงนหน้ามองเพดาน มันหัวเราะหึ ๆ
 
ไอ้คนที่นอนคว่ำหน้าอยู่กัดป๊อกกี้ดังเป๊าะ
 
“มึงก็ต้องเลือกเอาสักทาง กูรู้ว่ามึงรักนก แล้วก็รักกายด้วย แต่มึงต้องถามใจตัวเองแล้วล่ะว่าอยู่กับใครแล้วมีความสุขมากกว่ากัน”
 
ผมละสายตาจากเพดานมองคนพูด มันหยิบป๊อกกี้แท่งใหม่มากินต่อ
 
“ปิง มึงลุกขึ้นมานั่งกินดี ๆ หน่อยดิ”
ไอ้โอ๊คมันสั่ง ไอ้ปิงจำต้องลุกขึ้นมานั่งขัดสมาธิอย่างว่าง่าย
 
“บอกตามตรงนะ”
มันพูดไปหักป๊อกกี้เข้าปากไป
“ตั้งแต่มึงมาคบกับนก กูยังไม่เห็นมึงจะมีความสุขแบบที่มึงเคยคบกับกายเลย”
 
ผมจ้องหน้ามันอึ้ง ๆ ตอนแรกผมก็คิดว่าผมมีความสุขดีซะอีก
 
“แต่กูรักนก”
 
“กูรู้ ไม่ได้โง่”
แม่ม อยากจับป๊อกกี้ยัดปากมันจริง ๆ
 
แต่มีคนทำให้แล้วครับ ไอ้โอ๊คดึงป๊อกกี้ในกล่องมายัดใส่ปากมันสองแท่ง แต่ไอ้ปิงมันหยิบออกแท่งหนึ่งอย่างไม่ใส่ใจ
 
“กูรู้ว่ามึงรักนก แต่มึงก็แค่รัก ไม่ได้มีความสุขจนดูบ้า ๆ บอ ๆ เหมือนที่มึงอยู่กับกาย ไม่รู้สิ สำหรับกู กูจะอยู่กับคนที่กูรู้สึกสบายใจ รักน้อยหน่อย แต่มีความสุขมากหน่อย อันนั้นน่าจะดีกว่า”
มันพูดปรัชญาที่ผมไม่ค่อยเข้าใจ
 
“หัวใจมึง มึงต้องค้นหาด้วยตัวเองนะ กูรักกายเขาก็จริง แต่เขาก็วางกูไว้แค่พี่ชาย และมันก็ไม่คิดจะเขยิบยกฐานะให้กูสักที แม้จะไม่มีมึงแล้วก็ตาม”
ไอ้โอ๊คมันเสริม
 
“ถ้ามึงคิดจะตัด มึงก็ต้องตัดให้ขาด” ไอ้ปิงมันหยิบป๊อกกี้มาชี้หน้าผม “กูไม่สนับสนุนหรือขัดขวางใครทั้งนั้น แต่ในฐานะเพื่อนที่ไม่อยากจะสนิทกับมึงสักเท่าไหร่” มันหักป๊อกกี้แท่งนั้นดังเป๊าะ “แต่กูรับมึงตอนนี้ไม่ค่อยได้ว่ะ ปากมึงบอกรักนก แต่มึงก็เอาแต่เหม่อ ทำงานเหมือนซอมบี้ มีตัวตนเหมือนไม่มี มึงคนที่กูรู้จักหายไปไหนแล้วก็ไม่รู้”
 
ผมนั่งอึ้งมองพวกมัน นี่ผมเป็นแบบนั้นเหรอ
 
“มึงต้องเลือกเอาเอง”
ไอ้โอ๊คปิดประโยคแทนไอ้ปิง ก่อนแย่งป๊อกกี้ที่ไอ้ปิงกำลังจะเอาเข้าปากไปกินเอง

ผมพิงแผ่นหลังไว้กับโซฟา
 
ไอ้ความสุขที่ผมคิดว่าผมมี ตกลงมันเป็นความสุขที่แท้จริง หรือความสุขที่เคยชินกันแน่
 
“มึงจะค้างไหม”
ไอ้โอ๊คถาม
 
ผมพยักหน้ารับ ไม่อยากกลับไปอยู่คนเดียวเหมือนกัน เผื่อพวกเพื่อน ๆ จะช่วยเตือนสติอะไรได้บ้าง
 
บ้านนี้เป็นบ้านที่พ่อไอ้โอ๊คซื้อให้มันตั้งแต่เข้ามหา’ลัย มันเลือกบ้านเพราะมันไม่ชอบคอนโด แต่ผมไม่เคยรู้มาก่อน ว่าไอ้ปิงมันย้ายสำมะโนครัวมาอยู่ด้วย
 
“มึงย้ายมาอยู่ด้วยกันตั้งแต่เมื่อไหร่”
 
“กูไม่ได้ย้ายมา แต่ขี้เกียจกลับบ้านแค่นั้นแหละ”
ไอ้ปิงมันบอก
 
ผมพยักหน้าไม่ใส่ใจ
 
“มีอะไรดื่มไหม”
ผมถามเจ้าบ้าน แต่คนอาศัยเป็นคนตอบแทน
 
“ที่บ้านไม่มี แต่หน้าปากซอยมี”
 
 
 
 
 
 
“ยะโฮ่!!”
นั่งดื่มกันไม่ถึงชั่วโมง ไอ้มอกับไอ้โอมก็พากันเดินหน้าสลอนเข้ามา
 
“แหม พวกมึงนี่จมูกดีกันจัง ยังไม่ทันได้เคาะกะละมังเรียกเลย”
ไอ้ปิงมันแซว
 
“พวกกูไม่ใช่หมา แต่ดีเลยกูซื้อของกินมาด้วย”
ไอ้โอมรีบเดินลิ่ว ๆ หิ้วถุงของกินเข้าไปในครัว
 
“ฉลองอะไรกันวะ”
ไอ้มอมันถามไม่เจาะจงคนตอบ ทิ้งตัวลงนั่งคว้ากับแกล้มโยนเข้าปาก ไอ้โอ๊คลุกไปหยิบแก้วมาเพิ่ม
 
“หมาเอกมันอยากเมาน่ะ”
ไอ้ปิงเป็นคนตอบ
 
“มาแล้ว ๆ กูโทรตามพวกไอ้อ้อยด้วย”
ไอ้โอมยกของกินมาวางไว้ ไอ้นี่มันชอบดื่มกับคนเยอะ ๆ ไม่ต่างกับไอ้มอนั่นแหละ ในขณะที่ผม ชอบดื่มแบบเงียบ ๆ เหมือนไอ้เป้มากกว่า
 
“ไอ้เอก มึงไปโดนใครสอยปากมาวะ ได้ข่าวว่านกไม่ใช่คนซาดิสม์นี่หว่า”
โดนต่อยมาชั่วโมงกว่า ๆ มันคงขึ้นสีชัดเจนแล้ว
 
“ไม่ใช่นกหรอก…”
ผมกระดกเหล้าลงคออึกใหญ่
“พ่อกายเขาน่ะ”
 
ทุกคนเงียบกริบ
 
“มึงยังไม่ได้บอกเขา?”
 
“ตอนนี้รู้แล้วล่ะ”
 
“อืม…จารึกรังแกลูกเขา”
 
ผมแค่นยิ้ม ตามด้วยหัวเราะหึ ๆ
 
“ก็สาสมดี”
 
“เอ้า ๆ เลิกพูดเรื่องเมีย ๆ แล้วมาดื่มกันดีกว่า”
ไอ้มอยกแก้วขึ้นสูง ทุกคนยกตาม ปิดท้ายด้วยผม
 
“ไอ้พวกเลว ชวนพวกกูช้าไปไหม”
ไม่เกินชั่วโมงไอ้อ้อยกับไอ้สาวก็เดินโวยวายเข้ามา ตามด้วยอิง และไอ้กิ๊ฟ
 
“ไปโดนไรมาหมาเอก”
ไอ้กิ๊ฟมันถามทันทีที่เห็นหน้า
 
“โดนอดีตพ่อตาต่อยมาว่ะ”
อันนี้ไอ้โอมมันตอบแทน
 
ไอ้กิ๊ฟพยักหน้าเข้าใจ เดินมาตบหลังผมสองสามทีให้กำลังใจ
 
“เสียดายไอ้เป้ไม่อยู่”
ใครสักคนพูดขึ้น ผมไม่ได้ใส่ใจ แต่ลึก ๆ ผมแอบดีใจที่มันไม่อยู่ ไม่งั้นผมคงนั่งร้อนมากกว่านี้ที่เห็นมันควงกายออกหน้าแน่ ๆ
 
 
 
 
 
“มึง ไหวไหม”
ใครสักคนถามขึ้น มือผมยังถือแก้วเหล้าไว้ สติเลือนรางเต็มทน เปลือกตาหนักอึ้งจนต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการเปิดออก ผมเงยหน้ามอง ใบหน้าของคนถามดูพร่ามัว ผมพยายามปรือตามองอีกที จนเห็นได้ลาง ๆ ว่าเป็นใคร 
 
“กาย”
 
“กายบ้ากายบอบ้านมึงอะดิ!!”
 
ผมวางแก้วไว้กับพื้น คว้ามือสะเปะสะปะหวังดึงคนตรงหน้ามากอด 
 
“กาย”
แต่ไอ้คนที่ผมจะจับมันปัดแขนผมออก
 
“มึงเมามากแล้วนะเอก พอเหอะว่ะ”
 
“กาย”
ผมยังพยายามคว้าคนตรงหน้าเข้ามาใกล้
 
“โว้ย!! ไอ้เอก กูไม่ใช่ไอ้กาย!!”
มันโวยวาย
 
“กาย”
ผมยังไม่ยอมแพ้ พยายามโน้มตัวไปหามัน
 
“มึง กูว่าพามันขึ้นห้องเหอะว่ะ”
เสียงใครสักคนสั่ง เสียงเล็ก ๆ ปนอำนาจ เสียงนี้ต้องเป็นไอ้กิ๊ฟแน่ ๆ
 
ตัวผมถูกยกขึ้นมายืนโซเซ
 
“แม่ง แดกเหล้าเหมือนคนอกหัก”
 
“ไม่หักก็เหมือนหักละวะ ดันรักพี่แต่เสียดายน้อง”
 
ผมยกมือขึ้นมาชี้โบ้ชี้เบ้ไปยังต้นเสียง
 
ไม่รู้ว่าใครล่ะ
 
“กู กู ร้ากกก…กาย”
ผมพยายามบอก ใครสักคนปัดมือผมลง แล้วก็มีอีกคนมาช่วยกันหิ้วปีกผมเดินขึ้นบันได ไม่นานผมก็ถูกโยนลงไปนอนบนเตียง
 
“ปล่อยมันนอนไปเถอะ พวกเราไปกินกันต่อดีกว่า”
 
“อืม…”
แล้วเสียงทั้งหลายทั้งแหล่ ก็จางหายไป
 
ท่ามกลางความมืด เหมือนมีใครสักคนมาจับมุมปากผมเบา ๆ ผมพลิกหน้าปรือตามอง ภาพเลือนรางตรงหน้าเบลอจนแทบจะไร้ตัวตน ผมพยายามมองอีกทีจนภาพตรงหน้าชัดขึ้นเรื่อย ๆ ผมยิ้มเมื่อเห็นคนตรงหน้าชัด ๆ
 
“กาย”
ผมรั้งคนด้านบนลงมานอน แล้วคร่อมไว้ด้วยร่างสูงใหญ่ของตัวเอง
 
“กาย พี่รักกายนะ”
ผมบอกแค่นั้น ก่อนปิดปากที่กำลังร้องท้วงด้วยปากตัวเอง
 
ผมรักกาย ตอนนี้ผมรู้เพียงเท่านี้


to be Con..
++++++++++++++++++++++++
รู้ตัวนอนนี้ สายไปหน่อยไหมพี่ชาย
.
.
.
.

ปล. ชอบ... :กอด1:
มีคำพูดว่า ถ้ารักคนที่หนึ่งที่สุด จะไม่มีคนที่สองตามมา
แล้วกรณีเอกล่ะ  มันรักคนที่หนึ่งยังงายยยยยย    :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:
สมละที่รู้ตัวว่าตัวเองเลววววววววววววววววววววววววว

       รักสามเส้า คนเศร้าคือกาย        พี่เอกตัวร้ายวุ่นวายอยู่นั่น
ถึงแม้กายตัดใจทุกวัน                   เซ็กส์สดดัน ดีลิเวอรี่

 
                                                      :L1: :L1: :L1:
                                                :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05-12-2017 13:50:13 โดย memew »

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
อ้าวๆ.....เอกยอมรับแล้วว่าอยู่กับนก แต่ใจคิดถึงกาย
รู้ว่าตัวเองเลว จับปลาสองมือ  :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04-01-2018 20:05:32 โดย ♥►MAGNOLIA◄♥ »

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
 :fcuk: ขอทีนึง ไอหื่นเอก

ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
อิวันทอง 2017

หลายใจ มันใช่ทั้งสองคน
กรูจะเอาหมด ทั้งหน้า+หลัง

หุหุ ตามที่สบายใจเลย
เชี่ยยยยยยยยยยยยยยยยยเอก

ออฟไลน์ Mayana

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 424
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-2

ออฟไลน์ memew

  • ขอบคุณที่เข้ามาอ่านจ้าาา
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 456
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +382/-10
    • :: Memew แฟนเพจ :
87
ปล่อยหัวใจไปกับสายลม
[กาย...♥]






ผมนอนตะแคงข้างกึ่งคว่ำหน้ากอดหมอนใบย่อมเอาไว้ ตั้งแต่ไร้อ้อมกอดอบอุ่น ผมก็เลือกที่จะกอดหมอนกอดผ้าห่มรวมถึงตุ๊กตาตัวใหญ่ที่พี่มันเคยให้ ผมรู้ว่าควรจะทิ้งทุกอย่างที่พี่มันให้
 
แต่ผมทำไม่ได้
 
ผมกำสร้อยคอและยกมันขึ้นมาจูบเบา ๆ ผมรู้ว่าพี่เอกยังรักผมอยู่ รู้ได้จากอ้อมแขน จากสายตาและจากความห่วงใยที่พี่มันส่งถ่ายมาให้
 
แต่ก็รักผมน้อยกว่าที่รักพี่นก
 
ถ้าพี่มันไม่รักผมเลย ผมยังจะตัดใจง่ายกว่า แต่ไม่ว่าจะทางเลือกไหน สำหรับผมก็ตัดใจยากพอกัน
 
ก๊อก ๆ ๆ
 
“ตื่นได้แล้วลูก”
ได้ยินเสียงเคาะประตูพร้อมเสียงเรียกดังมาจากหน้าห้อง ผมเงยหน้ามอง สลัดผ้าห่มออกจากตัว ลุกออกจากเตียง เดินหัวฟูออกไปเปิด
 
“แตนแต่นแต้นแต๊นนนนนน!!”
พ่อทำซาวด์ประกอบ ยื่นบางอย่างมาไว้ตรงหน้า
 
“คะน้าหมูกรอบสูตรพิเศษ ฝีมือพ่อเอ้งงง!!”
 
“ขี้ตู่ ฝีมือแม่ย่ะ”
 
ผมยิ้มกว้างเมื่อเห็นใครอีกคนเดินออกมาจากหลังพ่อ
 
“แม่ มาตั้งแต่เมื่อไหร่”
ผมโผกอดแม่ทันที
 
“มาเมื่อเห็น”
 
“แหม่ะ ปากดีเหมือนใครเนี่ย”
ผมแซวแม่กลับ
 
พ่อรู้เรื่องทั้งหมดแล้ว แต่ผมไม่รู้ว่าพ่อจะบอกแม่แล้วรึยัง
 
“แม่ทำปลาเปรี้ยวหวานให้ด้วย ช่วงนี้อ่านหนังสือสอบ ต้องกินปลาเยอะ ๆ หน่อย”
แม่บอกยิ้ม ๆ
 
“คุณ ผมว่าเราน่าจะฉลองกันสักหน่อยดีไหม”
พ่อออกความเห็น แม่ทำท่าคิด
 
“ก็ดีเหมือนกัน”
 
พ่อยิ้มแก้มบาน
 
“อ้ะ งั้นคุณถือไว้ พอดีมีไวน์ชั้นดีอยู่ในรถ”
พ่อยัดจานคะน้าหมูกรอบใส่มือแม่ แล้ววิ่งตุบตับลงบันไดไป แม่หันมามองผมอีกที
 
“ไม่เป็นไรนะลูก”
แม่ลูบหัวผมเบา ๆ เห็นแวววูบไหวผ่านดวงตาสีน้ำตาลคู่นั้นด้วย

ถ้าให้เดา พ่อคงเล่าให้แม่ฟังแล้ว
 
“ครับ”
 
แม่ยิ้มผ่านดวงตา
 
“กายรีบเข้าไปอาบน้ำก่อนดีกว่า จะได้ลงไปทานข้าวกัน”
แม่รุนหลังผมกลับเข้าห้อง แล้วตัวเองก็เดินไปวางจานคะน้าหมูกรอบไว้บนโต๊ะ หันไปจัดที่หลับที่นอนให้ ผมยิ้มกว้าง เดินเข้าห้องน้ำไป
 
 
 
 
 
“อ้าว เต้ยมาตั้งแต่เมื่อไหร่วะ”
ผมถามแขกไม่ได้รับเชิญที่นั่งหน้าสลอนอยู่ในห้องรับแขก
 
“มาตอนรู้ว่าแม่บินลงมา กูจะมาอยู่กับแม่ เนอะแม่เนอะ”
มันตู่เองเสร็จสรรพ คิดว่ามันคงไม่ได้มาแค่เช้าเดียวด้วย เพราะมันเล่นหิ้วกระเป๋าเดินทางมาเลย
 
“มึงจะเอากระเป๋าเดินทางมาด้วยทำด๋อยอะไร”
 
“มาอยู่กับมึงช่วงปิดเทอมไง บ้านนู้นไม่มีใครอยู่ เหงาฉิบหาย อยู่กับมึงนี่แหละดีแล้ว อีกอย่างพรุ่งนี้พอพวกเราสอบเสร็จ น่าจะไปเที่ยวที่ไหนกันสักแห่ง ดีไหม”
มันชวน
 
ผมมองตามัน มันคงฟื้นตัวได้แล้วระดับหนึ่ง
 
“เอาสิ พ่อไปด้วย” พ่อรีบเสนอหน้าเข้ามาทันที “คุณเร่งต้นฉบับเสร็จรึยัง” ก่อนหันไปถามแม่
 
แม่ส่ายหัว

“แต่ไม่เป็นไรหรอก ไม่รีบมาก”
 
พ่อฉีกยิ้ม
 
“งั้นดีเลย ไปเดินป่ากันสักสองสามวันดีกว่า”
 
ผมรู้ว่าพ่อกับแม่พยายามให้ความอบอุ่นกับผมแค่ไหน โดยเฉพาะในเวลาที่ผมกำลังอ่อนแอแบบนี้                 
 
หลังจากมื้อเช้า พ่อกับแม่ก็แยกย้ายกันไปทำงาน ทิ้งผมกับไอ้เต้ยให้นั่งอ่านหนังสือด้วยกันเพียงลำพัง
 
“นี่ มึง”
ไอ้เต้ยมันเรียก

ผมครางรับในลำคอ ตอนนี้เรานั่งกันอยู่บนพรมในห้องรับแขก ใช้โต๊ะรับแขกเป็นโต๊ะอ่านหนังสือ บนโต๊ะมีขนมกับน้ำอัดลมคนละกระป๋อง มันนั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามผม
 
“ทำไมมึงยังใส่สร้อยของพี่เอกอยู่”
 
ผมเงยหน้ามองคนถาม
 
“สร้อยกูต่างหาก กูฝากไว้กับพี่เขา พอเขาไม่อยากได้ กูก็เลยเอาคืน”
ผมตอบเรียบ ๆ
 
มันเบ้หน้า เท้าค้างเอาปากกาวางไว้บนร่องจมูก ทำปากจู๋ ๆ รั้งปากกาไม่ให้หล่น
 
“คิดถึงพี่เป้จัง พี่มันจะเป็นยังไงบ้างน้า”
มันเปรยถามกับอากาศ
 
“ป่านนี้คงมีเมียเป็นฝรั่งนมตูมไปแล้วล่ะ”
 
“ถ้าพี่มันทำได้น่ะนะ แต่ให้เดา นานแค่ไหน พี่มันก็ตัดใจจากกูไม่ได้หรอก”
 
ผมมองตามัน
 
“มึงรู้ได้ไง”
 
มันคลี่ยิ้มบาง ละมือจากคางไปวางไว้บนโต๊ะเหมือนเดิม
 
“เพราะ…”
 
ผมเริ่มหวั่น ๆ กับสิ่งที่มันยังรู้สึก
 
“เพราะกูมันหล่อ กูมันน่ารัก กูมันดูดี ดูดิ ขนาดพี่ชายแท้ ๆ ของกู ยังมาหลังรักเลย ฮ่า ๆ ๆ ๆ”
ผมประเคนเท้าใส่มันไปทีข้อหากวน…น
 
“ไอ้เชี่ยกาย อย่าเอาขาหลังมาสะกิดตัวกู”
 
“หมานะมึง”
 
“ได้ข่าวว่ากูเป็นพันธุ์เดียวกับมึงนี่”
 
ผมถีบมันไปอีกที มันหัวเราะร่วน ไม่ต่างกับผม แล้วเราสองคนก็มานั่งเงียบ ๆ อ่านหนังสือกันต่อ
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
“โฮกกกกกก ทำไมข้อสอบมันยากขนาดนี้วะ”
ไอ้เต้ยมันเดินบ่นออกมาจากห้องสอบ ผมออกมาก่อนหน้ามันเกือบสิบห้านาทีแล้ว
 
“กูสงสัยมานานแล้วนะ พี่เป้ก็ออกจะเรียนเก่ง ไหงมึงถึงได้บื้อขนาดนี้วะ”
ผมด่า

มันทำหน้าเหมือนคนจะร้องไห้
 
“กูจะไปรู้ไหมล่ะ”
 
“เอ้อ ๆ สงสัยพี่เป้เขาจะโกยเอาความความหล่อกับความฉลาดไปหมด เหลือไว้แต่ความขี้เหร่กับความโง่ให้มึง”
 
“มึง เอาตีนกูไปกินหน่อยเหอะ”
แล้วมันก็ไล่เตะผมมาตลอดทั้งเส้นทาง ตั้งแต่หน้าห้องสอบลงมาถึงชั้นล่าง
 
ผมเบรกกึกตรงหน้าของใครบางคน ปากที่กำลังหัวเราะอยู่หุบลงทันที ไม่ต่างกับไอ้เต้ยที่วิ่งมาหยุดอยู่ข้าง ๆ กัน
 
“พี่นก…”
 
“พี่มีเรื่องจะคุยด้วยหน่อย”
 
“เอ่อ… งั้นกูไปเก็บของให้ เจอกันหน้ามอละกันมึง”
ไอ้เต้ยรีบขอตัว

ผมพยักหน้า เดินตามพี่นกไปยังร้านนมอันคุ้นเคย
 
พอมาถึง พี่นกก็เอาแต่นั่งจ้องหน้าผมนิ่ง ๆ ไม่พูดไม่จา จนผมรู้สึกอึดอัด ก่อนพี่แกจะเลื่อนสายตาลงต่ำมาที่คอผม
 
“ถ้าพี่จำไม่ผิด สร้อยเส้นนี้ของเอกนี่นา”
 
ผมก้มมอง ก่อนกุมมันไว้ทั้งอัน
 
“แบบเหมือนกันมากกว่าครับ สร้อยแบบนี้ หาซื้อที่ไหนก็ได้”
อันนี้ผมพูดจริง เพราะตั้งแต่พี่เอกได้ออกทีวี พวกแฟนคลับต่างก็พากันสั่งทำสร้อยเลียนแบบพี่เอกกันใหญ่ จนตอนนี้สร้อยพระอาทิตย์ กลายเป็นสร้อยคอแฟชั่นไปแล้ว แต่อันที่ผมใส่อยู่พิเศษหน่อย เพราะมันเป็นงานฝีมือจากช่างเชียงใหม่ และที่สำคัญมันเป็นแบบเดียว ที่มีตัวหนังสือสลักไว้ด้านหลัง
 
‘15 for 19’
 
พี่นกพยักหน้าเข้าใจ
 
“ได้ข่าวเป้บ้างไหม”
 
“ครับ ก็สบายดี”
จริง ๆ ผมคุยเมลกับพี่เป้อยู่ ไอ้เต้ยมันไม่รู้ พี่แกก็อยู่ที่อังกฤษนั่นแหละ เพียงแต่อยู่คนละเมืองกับที่แจ้งไว้ตอนต้น
 
“แล้วพวกเธอยังคบกันอยู่ไหม”
พี่นกถามด้วยน้ำเสียงซีเรียส

ผมทำท่าอึดอัด เพราะจริง ๆ แล้ว เราคบกันแค่ฉาบหน้าเท่านั้น
 
“ครับ”
 
“ถ้าอย่างนั้น ก็อย่ามายุ่งกับเอกเขาสิ!!”
คำพูดมาพร้อมกับความเย็นจัดของนมเย็นที่สาดใส่หน้าผมเต็ม ๆ มันเย็นเฉียบไปถึงหัวใจและปลายเท้า ผมมองคนตรงหน้าอึ้ง ๆ ดวงตาคู่สวยฉายแววเคียดแค้น

ผมกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่
 
“ผมว่าพี่เข้าใจอะไรผิดหรือเปล่าครับ”
ผมแกล้งบอกออกไป แม้หัวใจจะเจ็บปวดแค่ไหนก็ตาม
 
“พี่ไม่ได้โง่นะกาย ไม่มีใครพูดไม่ได้หมายความว่าพี่จะไม่รู้”
 
ไร้คำปฏิเสธใด ๆ จากผมอีก
 
“พี่รักเอก เลิกยุ่งกับเขาซะ”
 
ผมกล้ำกลืนก้อนน้ำอันใหญ่ในคอ
 
“เอาสร้อยเส้นนั้นคืนมาด้วย”
พี่มันลุกขึ้นยืน แบมือยื่นมาตรงหน้า
 
“ขอโทษครับ ผมให้ไม่ได้จริง ๆ อันนี้เป็นของสำคัญของผม”
ผมกุมจี้ไว้ ดันเก้าอี้ออก ลุกขึ้นยืนตามบ้าง
 
“หน้าด้าน!! มีแฟนเป็นตัวเป็นตนแล้วยังคิดจะมาแย่งแฟนของคนอื่นอีก”     
พี่นกโวยวายเสียงดัง จนคนรอบด้านหันมามอง
 
“ขอโทษครับ อันนี้ผมให้ไม่ได้จริง ๆ”
               
 
“หน้าด้าน!!”
 
หน้าผมหันไปตามแรงมือ
 
“หึ หน้าตาก็ออกจะดี ไม่น่าเป็นตุ๊ดเป็นเกย์ หนำซ้ำยังชอบแย่งแฟนชาวบ้านเขาอีก”
 
“ผมเปล่า”
               
 
เพี้ยะ!!
 
แล้วหน้าผมก็หันไปอีกด้าน
 
“หน้าไม่อาย!!”
 
“กาย!!”
ไอ้เต้ยวิ่งเข้ามาช่วย
 
“พี่นก! พี่จะทำอะไรน่ะ!”
มันรีบเอาตัวเข้ามากันผมไว้ทันที ในขณะที่ผมยังยืนหน้าชาอยู่กับที่ สมองขาวโพลนไปหมด
 
“หึ เอาเพื่อนของนายออกไปไกล ๆ อย่าปล่อยให้มาแย่งแฟนชาวบ้านเขาอีก”
 
มันยืนนิ่งไม่แพ้กัน
 
“ผมว่ากายไม่ใช่คนแบบนั้น ถ้าจะโทษจะด่าใคร ให้ไปหาพี่เอกดีกว่า เพราะคนที่เจ็บที่สุดงานนี้คือเพื่อนผม”
มันทิ้งท้ายไว้แค่นั้น แล้วลากผมให้เดินตามมันไป



..............................................50%..................................................
 :z13: :z13: :z13: :z13:










“อ้ะมึง”
มันเทน้ำคลิสตัลเย็น ๆ ใส่ผ้าเช็ดหน้ายื่นมาให้ ผมรับมาเช็ดแก้มเบา ๆ มันถอนหายใจแรง ทิ้งตัวลงนั่งข้าง ๆ
 
“เจ็บมากไหมมึง”
 
ผมส่ายหน้า

เจ็บกายไม่เท่าไหร่หรอก แต่หัวใจนี่สิ…
 
“สงสัยดวงความรักของเราสองคนจะจู๋ว่ะ”
มันพูดติดตลก ยกเข่าขึ้นมากอดเหม่อ ๆ ส่วนผมก็ได้แต่นั่งนิ่งไม่พูดอะไรเหมือนกัน
 
เราสองคนนั่งมองพระอาทิตย์ที่กำลังคล้อยตัวลงต่ำและกำลังจะเลือนหายไปกับยอดไม้ด้านบน
 
ไม่มีพระอาทิตย์สำหรับผมอีกแล้ว
 
“นี่กาย!!”
 
ผมสะดุ้ง เมื่ออยู่ ๆ ไอ้เต้ยก็ลุกพรวดขึ้นยืน
 
“ป่ะมึง กูว่า พวกเราสองคนไปปลดปล่อยกันหน่อยดีกว่า”
มันหันมาชวน

ผมเงยหน้ามองมันงง ๆ
 
“ไปทิ้งดวงจู๋ ๆ ของพวกเราลงน้ำกันดีกว่า”
มันคว้าข้อมือผมลากให้เดินตามอีกที

ผมหันไปมองแสงสุดท้ายของดวงอาทิตย์ที่กำลังจะลาลับ
 
ลาก่อนครับ…พี่เอก


             


















                 
“ว้ากกกกกกกก”
ผมกำลังลอยละล่องอยู่กลางอากาศ ข้อเท้าสองข้างถูกพันธนาการไว้ด้วยเชือกจากด้านบนลงสู่ด้านล่าง ห่างปลายเส้นผมของผมลงไปไม่กี่วา คือแม่น้ำขนาดใหญ่สีโอวัลติน พอลงไปถึงจุดต่ำสุด ตัวผมก็เด้งกลับขึ้นไปอีกครั้ง ผมได้แต่ร้องโหยหวนด้วยความหวาดเสียว
 
“ว้ากกกกกกก”
 
ผมยังคงแหกปากไม่หยุด กระทั่งทุกอย่างจบลง ผมถูกปลดพันธนาการออก เดินโซซัดโซเซกลับไปหาพ่อกับแม่และไอ้เต้ยที่ยืนลุ้นอยู่ ณ จุดปล่อยตัว
 
ผมก็คิดว่ามันจะชวนผมไปดื่ม ที่ไหนได้ มันชวนมาแอดเวนเจอร์ครับ พ่อกับแม่ก็ตามมาด้วย
 
“เสียวเป็นบ้าเลย”
ผมเปรยหัวฟู
 
“แต่สนุกใช่ไหมล่ะ”
แม่ยักคิ้วให้ แม่มาเล่นบ่อยครับของพวกนี้
 
“มึง ไม่ตายแน่นะ”
ไอ้คนต้นคิดทำท่าสั่น ๆ
 
“มึงเป็นคนชวนกูเองนะเต้ย”
 
“ก็กูอยากปลดปล่อย แต่ไม่อยากขาขาดตายนี่หว่า”
มันสารภาพ ยืดคอดูผืนน้ำด้านล่างจากหอสูงที่เรายืนอยู่
 
“ไม่เป็นไรหรอกเต้ย เชื่อแม่สิ” แม่ปลอบโยนมัน “แต่ถ้าขาเต้ยเกิดขาดขึ้นมาจริง ๆ เดี๋ยวแม่ช่วยเย็บให้”
 
“โห ได้กำลังใจจมกองเลือดเลยแม่”
มันบอก แม่หัวเราะร่วน
 
ไอ้เต้ยไปยืนเตรียมตัวกล้า ๆ กลัว ๆ ณ จุดปล่อยตัว
 
“สู้โว้ยเต้ย”
ผมกำหมัดให้กำลังใจ มันพยักหน้า ยืนทำใจอยู่นาน ก่อนตัดสินใจทิ้งตัวลงไปด้านล่าง
 
“ว้ากกกกกก ไอ้เชี่ยกายยยยยย เสียวฉิบหายวายวอดดดดดดด”
 
แม่ง ปากมึงนี่นะ
 
“อ้าคคคคค ไอ้บ้า ไอ้สาดกายยยยย ปล่อยกูลงงงงงง”
มันหวีดร้องโหยหวน พาเอาพวกเราด้านบนพากันขำก๊าก เราให้เขาช่วยถ่ายวีดีโอเก็บไว้ให้ด้วย จะได้เก็บเอาไว้ดูทีหลัง

ในระหว่างรอไอ้เต้ยกลับมา แม่ก็หันไปหาคนที่กำลังยืนลูบหัวใจตัวเองอยู่ด้านหลัง
 
“ปอดอะดิ”
 
“อูย.. มันก็มีบ้าง ไม่อยากหัวใจวายตายก่อนวัยอันควร”
 
“ทีเมื่อคืนละทำตัวหนุ่มเฟี้ยว”
แม่พูดเสียงเบาจนผมกับพ่อเกือบไม่ได้ยิน พ่อทำสายตากรุ้มกริ่มกระแซะไหล่แม่เบา ๆ
 
“งั้นเรามาพนันกันไหม ถ้าผมโดดลงไปโดยไม่ร้องแต๋วแตกสักแอะ คืนนี้ผมขอสี่ยก”
 
ผมสะอึก ส่วนแม่หน้าแดงก่ำ นี่พ่อผมอึดได้ขนาดนั้นเลยเหรอวะ
 
“กล้ารึเปล่า”
พ่อท้าอีก แม่เชิดหน้าจนหางม้าสะบัด
 
“หึ ได้ ฉันรับคำท้า แต่ถ้าร้องแต๋วแตกแม้แต่แอะเดี๋ยว คุณต้องยอมเป็นม้าใช้ให้ฉัน”
 
พ่อทำหน้าไม่เดือดร้อน
 
“ได้สิ”
 
“หึ”
แม่ทำเสียงขึ้นจมูกเย้ยหยัน พ่อกำหมัดทำท่าฮึด
 
“สู้โว้ย เพื่อสี่ยก”
 
ผมขำกับคำพ่อ
 
“วู้ มันเป็นบ้าเลยว่ะ”
ไอ้เต้ยเดินหัวฟูกลับมา แล้วพ่อก็ไปเตรียมตัวให้เขามัดข้อเท้า
 
พวกเรามาโดดบันจี้จั๊มพ์กันครับ ไอ้เต้ยมันอยากปลดปล่อย และทำสิ่งที่มันไม่เคยทำมาก่อนเพื่อเปลี่ยนเป็นคนใหม่ ไหน ๆ มันก็ไม่มีพี่มันอยู่แล้ว มันเลยอยากลองเปลี่ยนแปลงตัวเองดูบ้าง
 
“มึงว่าพ่อจะร้องแต๋วแตกไหม”
ผมตั้งประเด็นขึ้น ทุกคนหันไปมองพ่อกันหมด
 
“แม่ว่าพ่อร้อง ร้อยหนึ่ง”
แม่วางเงินก่อน
 
“ผมว่าไม่ร้องร้อยหนึ่ง”
ไอ้เต้ยเข้าข้างพ่อ
 
“ผมว่าไม่ร้องเหมือนกัน ห้าร้อย”
เกทับครับ พ่อยิ้มกริ่มที่ผมเข้าข้าง
 
“ขอบใจลูก” ก่อนทำหน้าเป็นหมาหงอยใส่แม่ “แต่คุณนี่สิ ไม่เชื่อใจผมเลย”
 
“เชื่อ แต่ไม่มาก”
 
“ไม่เป็นไร ผมจะลองดู”
พ่อทำท่าฮึดอีกที พอเตรียมตัวพร้อม พ่อไปยืนอยู่ณ จุดกระโดด หันมามองแม่ด้วยสายตาอาลัยอาวรณ์ประหนึ่งจะลาไปกู้ชาติแถว ๆ ชายแดน เบะหน้าคล้ายคนจะร้องไห้ แต่ยกนิ้วขึ้นมาสี่นิ้ว เป็นผลทำให้แม่หน้าแดงแป๊ด แล้วแกก็กระโดดลงไปโดยไม่รอคำสั่งแอคชั่น
 
พวกผมรีบก้มมอง เห็นพ่อแหงนหน้ารับอากาศ กางแขนออกกว้างราวกับนกกำลังโบยบิน และที่สำคัญ พ่อไม่แหกปากร้องเลยสักแอะ พวกเรายืนมองอึ้ง ๆ โดยเฉพาะแม่ พอหยุด พ่อก็เดินหน้าหล่อกลับมา
 
“ว้าวว คุณพ่อเก่งจัง”
ไอ้เต้ยรีบวิ่งเข้าไปกอดแขนพ่อทันที พ่อยิ้มหน้าบาน ลูบหัวมันเบา ๆ
 
“ทำได้ไงเนี่ย ไม่ร้องเลยสักแอะเลย”
ผมชมบ้าง พ่อยิ่งยิ้มแก้มบานเข้าไปใหญ่
 
“หึ ๆ ก็คนมันเก่ง”
พ่อหันไปทางแม่
 
“สี่ยกตกลงนะ”
พ่อทวง

ผมกับไอ้เต้ยพากันยืนหน้าแดงไม่ต่างกับแม่
 
“ขอเคล็ดลับหน่อยสิพ่อ โดดครั้งหน้าจะได้ไม่แหกปากอีก”

พ่อหันมายิ้มให้ กำมือ ยกขึ้นมาทำท่ากระแอมไอเบา ๆ ที
 
“มันก็ไม่ยากมากมายอะไรนักหรอกนะ ก็แค่…”
พ่อยืดอกกว้าง ๆ ออก หันไปมองหน้าแม่
 
“โดดหลาย ๆ รอบ เดี๋ยวก็ทำได้เอง”
 
พวกผมอ้าปากค้าง ไม่ต่างกับแม่ พอได้สติ แม่ก็รัวมือตีอกพ่อใหญ่
 
“ไม่ใช่ครั้งแรกของคุณใช่ไหม นี่แน่ะ ๆ ทำไมไม่บอกกันก่อน”
       
“โอ๊ย ๆ คุณ!! เบา ๆ แล้วใครว่าครั้งแรกของผมเล่า”
พ่อยิ้มร่า รับมือขนมตุ๊บตั๊บเป็นพัลวัน
 
“งั้นที่พนันกันไว้ ยกเลิก”
 
“อันนั้นไม่ได้ เพราะคุณไม่ได้ถามผมก่อนนี่”
พ่อทำหน้าเจ้าเล่ห์ แม่อ้าปากพะงาบ ๆ ยังไม่ทันที่แม่จะได้พูดอะไร พ่อก็รวบเอวแม่ไปกอด ก้มหอมแก้มฟอดใหญ่
 
ผมกับไอ้เต้ยหัวเราะร่วน
 
“นี่มึง ก่อนที่พวกเราจะโดนมดมันยกโขยงมาถีบพวกเราตกฐาน เราไปโดดกันอีกรอบดีกว่า”
ไอ้เต้ยมันชวนกวน ๆ
 
“กูก็ว่างั้นแหละ”
ผมเห็นด้วย พวกเราไปติดต่อขอโดดกันอีกรอบ เลิกสนใจพ่อกับแม่ที่กำลังกระหงุงกระหงิงกันอยู่สองคนตรงจุดเดิม
 
พอจบจากบันจี้จั๊มพ์ พวกเราก็มาต่อกันที่…
 
“แน่ใจนะว่าคุณทำได้”
แม่เย้ย พ่อยักคิ้ว
 
“อย่ามาดูถูกกัน ตอนอยู่นอก ผมเคยเล่นกระทั่งมีคนติดต่อให้เข้าทีมแข่งเชียวน้า”
พ่อผมที่มีหมวกกันน็อคที่หัว สนับที่เข่าสองข้างพร้อมถุงมือคล้ายสนับสีดำสนิทตอบกลับ
 
“งั้นมาดูกัน”
แม่สตาร์ทเครื่อง ไม่ต่างกับพ่อ แล้วสองคนก็บิดคันเร่งพารถ ATV ซิ่งไปยังสนาม พวกผมมองกันตาค้าง
 
ทั้งคู่ดูสูสีกันมาก แต่แม่อ่อนกว่าหน่อย อาจเพราะสรีระ
 
“เอ้า ลุยได้เลยครับ”
พอเจ้าหน้าที่สั่ง ผมก็สตาร์ทเครื่องทันที แล้วออกวิ่งตามหลังพ่อกับแม่ไป ส่วนไอ้เต้ย มันเพิ่งหัดขับมอเตอร์ไซค์ กว่าจะได้ขับ ATV คงต้องรอเจ้าหน้าที่สอนหน่อย พอผมวิ่งไปได้สามรอบ ไอ้เต้ยก็ค่อย ๆ กระดื๊บออกมาจากที่สตาร์ท
 
ผมบิดคันเร่งเพื่อซิ่งแหลกโดยไม่มีคุณตำรวจมาตรวจจับ
 
เมื่อวานเจอเรื่องแย่ ๆ มา ผมอยากให้มันหยุดอยู่แค่นั้น วันนี้ผมขอมีความสุขดีกว่า
 
“ไม่หวั่นแม้วันมามาก!!”
ผมตะโกนก้องกลางอากาศ
 
“เป็นเมนรึไงมึง”
ไอ้เต้ยที่ค่อย ๆ เร่งตัวรถมาขับข้าง ๆ ตะโกนถาม
 
“เอ้อ มาแข่งกันหน่อยไหม”
ผมแกล้งชนมันเบา ๆ
 
“ไอ้เชี่ย กูขับไม่แข็ง”
 
“หึ ๆ งั้นกูจะทำให้มึงขับแข็งเอง”
แล้วผมก็ขับไปใกล้ ๆ มัน ตีคู่กันไปในสนาม จากช้าจนเพิ่มความเร็วมากขึ้นเรื่อย ๆ
 
ผมจะสนุกเพื่อลืมพี่เอกให้ได้
 

       
To Be Con...


 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: (ขอบคุณรัวๆ ทุกคอมเม้นท์ค่ะ อ่านแล้วชื่นใจ)  :heaven :heaven :heaven


Ps. ช่วงนี้ติดอ่านนิยายสุดๆ ไปสอยมาจากงานหนังสือรอบที่แล้วได้มาราว ๆ 150 เล่ม (ฟินเวอร์...) รวมของเก่าที่ยังอ่านไม่หมดอีกสองร้อยกว่าเล่ม) อยากไล่ให้หมดก่อนงานหนังสือรอบถัดไปจะมาถึง หิ้วหนังสือกลับบ้านหนักมาก แต่กระเป๋าเงินเบาหวิว

...แดก...แกลบ... o22




Book & e-book: https://goo.gl/FSOuuM   
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13-12-2017 20:04:12 โดย memew »

ออฟไลน์ Tiffany

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1147
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
กายตัดใจซะนะ หาคนที่ดีกว่านี้เถอะ

ออฟไลน์ mareya.no7

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 556
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
ยากที่เราจะกลับไปยอมรับพระเอก ส่วนนกไปดูผัวมึงโน้น ไม่ใช่เอะอะมาทำร้ายคนอื่น อุตส่ามองมึงดีมาตลอดนะ ส่วนไอ้เอกคบคนนี้เอาคนนั้นไม่เหี้ยจริงทำไม่ได้นะ ให้มันทุกข์เพราะมักมากและมากรักจนตายไปก็ดี

ให้กายหลุดจากเรื่องพวกนี้เสียทีเถอะ อย่าวนอีกเลย // อินมาก ขอบคุณคับ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
ผู้หญิงตบผู้ชายเพราะแย่งผู้ชาย
ฮ่าฮ่า ดี๊ยยยยดียยยยย

พระเอกเสน่ห์แรงโน๊ะ
เหี้ยลากกกกกก
หุหุ

+1 ให้คนแต่ง
ชอบอ่านเรื่องนี้ ได้อารมณ์ม่อกกก

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
เวร...... กายโดนอีกแล้ว ส่วนอีพี่เอก  :fcuk:

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
นกเอ๊ย............ขอให้นกนะ   :angry2: :angry2: :angry2:

ทำไมไม่คิดบ้างว่าตบมือข้างเดียวมันไม่ดัง
ตัวเองก็ตบแผละๆ กับผัวตัวเองตลอดๆ   หรือว่าเวลานั้น ขึ้น........เอง
อยากได้สร้อยก็ไปถามความจริงจากปากไอ้ผัวตัวเลวของตัวเองสิ
บ้าบอมาทวงของที่ตัวเองไม่รู้ที่มาที่ไป  :fire: :fire: :fire:
หรืออิจฉาที่ตัวเองมาก่อนแต่ผัวไม่ให้สร้อย กร๊ากกกกก สะจายยยย  :z3: :z3: :z3:

          อยากเป็นฝน เย็นฉ่ำดับทุกข์      ให้กายสุขคลายเศร้าหายขื่นขม
ลืมพี่เอกรักร้ายหายระทม                    กายรื่นรมย์เป็นสุขทุกเวลา

        :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-12-2017 06:15:27 โดย ♥►MAGNOLIA◄♥ »

ออฟไลน์ memew

  • ขอบคุณที่เข้ามาอ่านจ้าาา
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 456
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +382/-10
    • :: Memew แฟนเพจ :
88
เปลี่ยนไป
[เอก...☼]




ผมลืมตา กระเด้งตัวลุกขึ้นนั่ง เจ็บหัวจี๊ดจนต้องกุมขมับไว้ทั้งสองข้าง
 
“อูยยย…ปวดหัวฉิบ”
เมื่อคืนฟาดเข้าไปแบบไม่นับแก้วเลย
 
ผมพยายามทบทวนสิ่งที่เกิดขึ้นอีกที ผมเข้าไปหากายในห้อง โดนพ่อต่อย แล้วหนีมาบ้านไอ้โอ๊ค กินเหล้ากับเพื่อน ๆ แล้วหลังจากนั้นผมก็นอนกับ…
 
กาย!!
 
ผมหันไปมองที่นอนข้าง ๆ
 
ดวงตาที่เปิดแทบไม่ออกเมื่อกี้ เบิกกว้างแทบจะทันทีที่เห็นคนที่นอนล่อนจ้อนอยู่ข้าง ๆ แทนที่จะเป็นกาย ทำไมมันถึงได้กลายเป็น…
 
“ไอ้มอ…”
นะ นี่อย่าบอกนะว่าเมื่อคืนผมกับมัน...
 
“ไรมึง มองกูเหมือนเห็นผี”
ไอ้มอสะลึมสะลือเงยหน้าขึ้นมาถาม
 
“ว้ากกก!!!!”
ผมแหกปากลั่น เมื่อเห็นใครอีกคนนอนเปลือยอยู่ข้าง ๆ ไอ้มออีกที
 
“มึงจะแหกปากทำเตี่ยอะไร ไอ้เอก!!”
ไอ้คนด้านในสุดมันเงยหน้ามาบ่นใส่
 
“นั่นดิ” ไอ้มอเสริม “ แล้วมึงอะ ไอ้โอม มึงจะมานอนด้วยทำไมเนี่ย ตัวก็ไม่ใช่เล็ก ๆ พื้นก็มี ทำไมไม่ไปนอน”
 
“เรื่องไร ก็กูอยากนอนเตียง”
มันดึงผ้าห่มที่ปิดตูดเอาไว้นิดหน่อยขึ้นมากอด ไอ้มอถีบมันแรงจนไปชนกำแพง
 
“มึงอย่ามาใช้ขาหลังถีบกู กูง่วง”
มันกระเถิบกลับมานอนที่เดิมดี ๆ
 
“งั้นมึงก็ลุกไปไอ้เอก”
ไอ้มอมันหันมาถีบผมแทน
 
“ใช่ มึงอะ ลุกไปได้แล้ว”
ไอ้โอมมันเสริม แถมยังช่วยกันถีบจนผมตกเตียงอีกต่างหาก
 
“พวกมึง…”
ผมไม่อยากจะคิด ว่าเมื่อคืนนี้ ผมกับพวกมันจะ….
 
“นี่พวกมึง”
ผมเรียกอีกรอบ พวกมันไม่ได้สนใจตื่นขึ้นมาตอบ ผมกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่
 
“พวกมึงมานอนกับกูตั้งแต่เมื่อไหร่”
 
“กูไม่รู้”
ไอ้มอบอก ส่วนไอ้โอม หลับไปแล้ว ผมมองพวกมันอีกทีเพื่อค้นหาความผิดปกติ
 
“มึงจะไปไหนก็รีบ ๆ ไป!! กูจะนอน!!”
ไอ้มอมันโวยวายต่อ ผมได้แต่ยืนเกาหัว
 
แล้วตกลงเมื่อคืนกูนอนกับใครวะ
 
ผมเดินเข้าห้องน้ำ เอาน้ำลูบหน้า จ้องมองร่องรอยบนตัว ลอยข่วนนี้คงเป็นของกาย แต่รอยนี้ล่ะ รอยคิสมาร์คจาง ๆ บนแผงอก
 
ผมออกจากห้องน้ำ เดินไปหาพวกมัน
 
“มึง เมื่อคืนมีใครขึ้นมาหากูเปล่า”
ผมใช้เท้าเขี่ย ๆ จนพวกมันงัวเงียตื่น
 
“กูไม่รู้ กูง่วง อย่ามายุ่งกับกู!!”
แล้วมันก็มุดหน้ากับผ้าห่มต่อ ผมเลยตัดสินใจเดินลงไปข้างล่าง พวกผู้หญิงคงกลับกันหมดแล้ว ยกเว้นไอ้กิ๊ฟที่นอนอยู่บนโซฟา มันพาดขาข้างหนึ่งไว้บนพนักพิง
 
“แม่.ง กูเกือบจะลืมไปเลยว่ามึงเป็นผู้หญิง”
 
“ตื่นไงมึง”
เจ้าบ้านมันทัก
 
“อืม”
 
“นู่นกับข้าว ไอ้ปิงทำไว้”
มันพยักหน้าไปยังกับข้าวที่วางเรียงรายกันบนโต๊ะ ผมเดินเอื่อย ๆ ไปนั่งกิน
 
“แล้วไอ้ปิงไปไหน”
 
“ไปเรียน”
ผมพยักหน้าจ้วงตักข้าวเข้าปาก กินข้าวยังไม่ถึงครึ่งจาน ไอ้กิ๊ฟก็เดินสะโหลสะเหลมาร่วมโต๊ะ
 
“มึงไม่คิดจะล้างหน้าล้างตาก่อนรึไง”
 
มันส่ายหัว
 
“กินก่อนค่อยล้างทีหลัง”
 
ผมส่ายหัว อาสาตักข้าวให้มันจานหนึ่ง แล้วไอ้โอ๊คก็เดินมาร่วมวงด้วย
 
“เนี่ย ข้าวเช้าพวกมึง แต่ข้าวเที่ยงของกู”
มันบอก
 
ผมนั่งกินไปเงียบ ๆ ยังไม่หมดข้อข้องใจเรื่องเมื่อคืน
 
“นี่ เมื่อคืนมีใครขึ้นไปหากูรึเปล่า”
ผมถามไม่เจาะจงคนตอบ ไอ้กิ๊ฟเงยหน้าเบลอ ๆ มอง มันทำตาปรือพยักหน้า
 
“ใคร”
ผมหวังให้คนคนนั้นเป็นกาย
 
“ไอ้มอ”
 
ผมทำหน้าเซ็ง
 
“แล้วนอกจากมันล่ะ”
 
มันทำท่าคิดเบลอ ๆ
 
โอ้เว้ยเพื่อนกู ใครจะคิดว่ามันเป็นนักเลงสาวบ้างวะ
 
“มี”
 
“ใคร”
ผมถามต่อด้วยความหวัง
 
“ไอ้โอม”
 
ผมทำหน้าเซ็งอีกรอบ
 
“แล้วใครอีกล่ะ”
 
มันส่ายหัว ผมทำหน้าเบื่อหน่าย
 
“นก”
 
ผมหันไปมองอีกคนที่ตักข้าวกินอยู่
 
“อะไร”
 
“นกมาหามึงเมื่อคืน พอดีเขาโทรเข้าเครื่องมึง กูรับสายแทนแล้วบอกว่ามึงดื่มอยู่ที่นี่ เขาก็เลยมา แต่ไม่เกินชั่วโมงก็กลับ”
 
ผมลูบหน้าตัวเองเบา ๆ ใจจริงอยากให้คนที่มาเป็นกายมากกว่า
 
“ทำไม”
มันถามต่อ
 
“เปล่า”
ผมตอบได้แค่นี้ แล้วตักข้าวกินต่ออย่างหิวโหย
 
“ไอ้เอก!!”
ไอ้กิ๊ฟตะโกนเสียงดังจนผมกับไอ้โอ๊คสะดุ้งเฮือกเกือบทำช้อนหลุดมือ
 
“มึงอะ! แย่งกับข้าวกู!”
มันทำหน้าเอาเรื่อง ก่อนค่อย ๆ แนบหน้าลงข้างจานข้าวแล้วหลับไป
 
“แม่.ง ตกใจหมด”
ไอ้โอ๊คลูบหัวใจตัวเอง
 
“นั่นดิ”
ผมส่ายหัว ลุกลากมันไปที่โซฟาอีกรอบ แล้วตัวเองก็กลับมานั่งกินอีกทีดี ๆ
 
 
ผมยอมรับว่าผมคิดถึงกาย และดูเหมือนจะมากขึ้นเรื่อย ๆ ด้วย ผมกลับมาที่คอนโดเพื่อหาเสื้อผ้าเปลี่ยน ก่อนเดินไปหยิบอะไรบางอย่างจากกล่องมาดู มันเป็นสร้อยธรรมดา มีจี้เป็นทอง และสลักตัวหนังสือด้านหลัง 19 &15
 
สัญลักษณ์ของเราสองคน
 
ผมหยิบมันขึ้นมาจูบ สวมลงที่คอ ผมไม่รู้ว่าทำไมถึงต้องทำแบบนี้ แต่ผมอยากทำ







 :L2: :L2: :L2: :L2:






 
“หมาเอก”
 
ผมหันไปตามเสียงเรียก
 
“มีอะไร”
 
“เอ้านี่ สาว ๆ ฝากมาให้”
ไอ้อ้อยมันยื่นกล่องของขวัญขนาดเล็กมาให้ 
 
“ใคร”
 
“ไม่รู้สิ เด็ก ๆ ที่ปลื้มนายละมั้ง”
 
ผมวางกล่องของขวัญไว้บนโต๊ะ แล้วนั่งทำงานต่อ
 
“นี่มึงไม่คิดจะเปิดดูหน่อยเหรอวะ”
ไอ้อิงมันถาม สามสาวที่เหลือพากันทำหน้าอยากรู้อยากเห็น
 
“ไม่”
 
“แต่กูอยากเห็น นี่เปิดหน่อยดิ”
 
“อยากเปิดก็เปิดเอา”
 
ไอ้อ้อยรีบหยิบไปเปิดดูทันที
 
“ว้าววววว จดหมายรักพร้อมคุกกี้ ลงชื่อว่าจากน้องฝน ปีหนึ่ง คณะมนุษย์..”
 
“มึงนี่เสน่ห์แรงไม่เปลี่ยนเลยว่ะ”
มันแซวต่อ ผมไม่ได้สนใจสิ่งที่พวกมันกำลังดี๊ด๊า ตั้งหน้าตั้งตาเซ็นเอกสารตรงหน้าไปเรื่อย ๆ
 
รู้สึกเหมือนบางสิ่งห้อยต่ำลงมา ผมกำมันไว้ผ่านเสื้อ ผมกับกายจะใส่สร้อยต่างกัน ผมจะใส่จี้แบบติดคอ ในขณะที่กายจะใส่สายสร้อยยาว ๆ มองภายนอกไม่เห็น
 
ของขวัญเพียงชิ้นเดียวที่กายให้ผม กายเอาคืนไปแล้ว เหลือแต่ของขวัญที่ผมให้กาย และกายส่งคืนกลับมา
 
เสียงเครื่องมือสื่อสารดังขึ้นตัดภาพของกายทิ้งไป ผมเหลือบตามอง แล้วปล่อยให้มันดังอยู่อย่างนั้น
 
“นี่ใจคอมึงจะให้มันดังอยู่อย่างนี้ตลอดเลยรึไง”
ไอ้อ้อยมันคงรำคาญเสียงหงุงหงิงจากมือถือผม ผมเลยจำใจต้องหยิบขึ้นมากดรับ
 
“ไง”
 
“ทำอะไรอยู่คะ”
ปลายสายถามด้วยน้ำเสียงร่าเริง
 
“ทำงานที่สภา”
 
“ดึกไหม”
 
ผมมองกองงาน
 
“ก็พอควร”
 
“งั้นนกไปหาที่มหา’ลัยนะ”
นกไม่ได้รอให้ผมตอบรับ แล้วกดวางสายไป
 
มีบางสิ่งกำลังขัดใจผม มีบางสิ่งกำลังเปลี่ยนไป มีบางคนกำลังเปลี่ยน
 
นกไม่ได้เปลี่ยน แต่คนที่เปลี่ยน…
 
คือผมเอง
 
ผมหมุนเก้าอี้ หันไปมองวิวจากนอกหน้าต่าง
 
“เอก ไอ้เอก!!”
 
“หือ?”
 
“มึง นี่เหม่อได้เหม่อดีเลยนะ” ไอ้อ้อยมันทำหน้าหงิกใส่ “เอ้านี่ งานมึง จัดการให้เรียบร้อยด้วยล่ะ” ไม่รู้ใครเป็นประธานใครเป็นเลขา สั่งเก่งจริง ๆ
 
“นี่เอก กูถามมึงจริง ๆ เหอะ”
 
ผมเงยหน้ามอง
 
“มึงยังรักกายอยู่ใช่ไหม”
 
ลายเส้นสีน้ำเงินที่ผมกำลังตวัดวาดเป็นลายเซ็นอยู่หลุดออกนอกกรอบแทบจะทันที
 
“กูรู้ว่ามึงรักนก และพวกกูก็รู้ว่ามึงยังรักกายอยู่ กูเห็นมึงเป็นแบบนี้แล้วกูรับไม่ได้ว่ะ กูอยากมีเพื่อนไม่ใช่ซอมบี้”
 
ผมไม่ได้ตอบคำถามของมัน นอกจากก้มหน้าทำงานต่อไป
 
 
 
 
 
 
 
 
 
“เอก ทางนี้”
นกตะโกนเรียกเสียงดัง โบกมือไหว ๆ อยู่ที่ทางลง มืออีกข้างถือแก้วนมเย็นไว้ วิ่งลิ่ว ๆ เข้ามาหาในชุดทำงานน่ารัก
 
“นกหิวแล้ว ไปหาอะไรกินกันเถอะ”
 
ผมพยักหน้า พานกไปยังร้านอาหารเจ้าอร่อยที่ผมเคยพากายไป
 
“แหม ไม่ยักกะรู้นะว่าเอกใส่สร้อยได้ด้วย ว่าจะทักตั้งแต่เห็นสร้อยอันแรกแล้ว แต่ก่อนเห็นบอกไม่ชอบ”
 
ผมที่กำลังนั่งคิดอะไรเพลิน ๆ อยู่หันไปมอง ก่อนจับจี้ที่มันหลุดออกมานอกตัวเสื้อกลับเข้าไปตามเดิม ผมนั่งกินของผมไปเงียบ ๆ ไม่ได้สนใจที่จะตอบคำถามอะไรกลับไป
 
“หลังทานข้าว เราไปเดินเล่นกันนะ”
ประโยคหนึ่งดังผ่านเข้ามา ผมทำได้เพียงพยักหน้าลอย ๆ เท่านั้น
 
“เอก”
ผมสะดุ้งตามเสียงเรียก
 
“ช่วงนี้เหม่อจังเลยนะ”
 
ผมเพียงแค่ยิ้ม เอื้อมตักของโปรดให้
 
“ทานเยอะ ๆ จะได้มีเนื้อมีหนังหน่อย”
ผมแซวกลบเกลื่อน
 
“แค่นี้ยังมีไม่พออีกเหรอ”
นกถามงอน ๆ ผมยิ้ม
 
“มีเยอะแล้ว แต่หมายถึง สุขภาพแข็งแรงต่างหาก”
 
นกยิ้ม ตักของกินตรงหน้าเข้าปาก
 


 
นกพาผมเดินช็อปอยู่หลายร้านเหมือนกัน ก่อนมาจบที่ร้านขายเครื่องประดับ
 
“นกอยากได้อันนี้”
นกยกสร้อยเส้นเล็ก ๆ ให้ผมดู ผมเพียงพยักหน้า ยื่นการ์ดให้พนักงานนำไปจ่าย แล้วนกก็หยิบอีกอันมายื่นให้
 
“อันนี้นกซื้อให้ ใส่อันนี้แทนอันนั้นได้ไหม”
สิ่งที่นกยื่นให้ คือจี้รูปหัวใจสองดวงคล้องกันไว้ มีลูกศรปักอยู่ตรงกลาง รูปแบบสร้อยก็คล้าย ๆ กับอันที่ผมใส่อยู่นี่แหละ ผมส่ายหน้าทันที
 
“ผมไม่ชอบใส่”
 
“แล้วอันนั้นล่ะ”
ผมมองตามมือที่ชี้มายังคอผม
 
“อันนี้พิเศษน่ะ”
 
“ของนกก็พิเศษเหมือนกัน”
นกเริ่มหน้าง้ำ
 
“ผมซื้อให้นกคนเดียวก็พอแล้ว ไม่ต้องให้อะไรผมหรอก”
ผมหยิบสร้อยในมือนกวางไว้บนเคาน์เตอร์ คว้าจับข้อมือเล็กลากออกจากร้านไป นกเดินหน้าง้ำมาตลอดทั้งเส้นทาง แต่ผมก็ไม่คิดจะง้อหรือใส่ใจ
 
“เอก”
ได้ยินเสียงเรียกอีกครั้ง ผมหันไปมอง
 
“ก่อนนกมา เอกคบกับใครอยู่ก่อนคะ”
 
ผมนิ่งไปกับคำถามนั้น
 
“นกไม่ต้องสนใจหรอกว่าผมคบกับใครมาก่อน ให้สนใจแค่ว่า ตอนนี้ผมคบอยู่กับใครต่างหาก”
ผมบอกเสียงเบา
 
แล้วหัวใจผมล่ะ ตอนนี้มันอยู่กับใคร
 
“ให้นกค้างที่คอนโดนะคะวันนี้”
ผมยิ้มกับคำขอนั้น ก่อนส่ายหน้าปฏิเสธ
 
“พอดีต้องเข้าออฟฟิศ อยู่ดึก นกกลับบ้านดีกว่า”
ผมอ้างเหตุผล ทั้งที่แท้จริงแล้ว ผมไม่ได้มีงานเยอะอะไรขนาดนั้น
 
“นกรอก็ได้”
 
“อย่าดีกว่า อยากใช้สมาธิทำงาน โดยไม่พะวงว่าจะมีใครนั่งรออยู่”
 
นกเม้มปากแน่น
 
“ก็ได้ค่ะ”
 
ผมเข้าบริษัท นั่งทำงาน และนอนที่ออฟฟิศ ที่นี่มีโซฟาขนาดใหญ่ มีผ้าห่ม และมีห้องพร้อมอุปกรณ์การแต่งตัว
 
ผมไม่ได้โทรหานก พอนกโทรมาก็อ้างเอางานบังหน้า ผมนั่งทำงานต่อกระทั่งดึก หมดไปอีกวันที่เหมือนกับชีวิตขาดอะไรบางอย่างไป หลังเซ็นหนังสือตัวสุดท้าย ผมทิ้งแผ่นหลังไว้บนพนักเก้าอี้ หลับตาลงเบา ๆ ผ่อนคลาย
 
‘พี่เอก’
น้ำเสียงของกายดังเข้ามาในความคิด รอยยิ้ม เสียงหัวเราะ หรือแม้แต่เรือนร่างที่ผมคิดถึง ผมถอนหายใจเบา ๆ เปิดเปลือกตาออกมามองคอมพิวเตอร์ที่หน้าจอยังมืดสนิท 
 
ผมตัดสินใจกดปุ่ม เปลี่ยนหน้าจอสีมืดนั้นให้มีแสงสว่างขึ้นมา
 



to be Con...

นิยายเรื่องนี้อัพจบไปแล้วที่เว็บเด็กดี แล้วเอามารีรันต่อที่เล้า โดยใช้วิธีก๊อปปี้จากที่นู่น มาแปะที่นี่เลย ยกเว้นไว้แค่ช่วงไรท์ทอล์ก เพราะส่วนใหญ่คนเขียนจะเวิ้นอะไรไร้สาระไปเรื่อย ย้อนกลับไปอ่านก็เพลินดีเหมือนกัน

ที่น่าอัศจรรย์ไปกว่านั้นคือ ตอนที่อัพนิยายตอนนี้เมื่อ 3-4 ปีที่แล้ว กำลังจะเดินทางไปลาว พอมาอัพอีกรอบ 4 ปีให้หลังดันอยู่ที่ขอนแก่นกำลังจะไปลาวเช่นกัน

ซึ่งครึ่งหลังที่เหลือ เดาเอาว่าน่าจะอัพจากลาวเลย

คนเขียนเริ่มเขียนนิยายเรื่องแรกคือฟิควอนฮยอกเรื่อง Cinderalla boy เมื่อปี 2010 ผ่านมา 7 ปีพอดีเลขอาถรรพ์ เห็นพัฒนาการนิยายของตัวเองมาเรื่อย ๆ พอ ๆ กับสังคมรอบตัว สิ่งที่เปลี่ยนไปมีแค่วิธีการนำเสนอ วิธีการเขียน แต่สิ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนไปเลยคือความสุขที่ได้เขียน ที่ได้อ่าน ที่ได้รับรู้ว่ายังมีคนคอยอ่านอยู่


ขอบคุณที่อยู่เคียงข้างกันมาตลอดนะคะ โดยเฉพาะคนที่กลับมาอ่านแล้วอ่านอีก (ทรุดตัวลงไปกอดขา ซบแก้มเบาๆ บ่าวปลื้มเหลือเกินเจ้าค่ะ) 



 :katai5: :katai5: :katai5:



Book & e-book: https://goo.gl/FSOuuM   
 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-12-2017 08:51:30 โดย memew »

ออฟไลน์ Ginny Jinny

  • ความเป็นจริงมันวุ่นวาย ก็ขอให้ใจมันสบายๆในความฝัน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2099
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
นก ยังตามเอกมาอีก
กิฟ ตลกมาก เกรียนมากกกกกกกกก

ดีนะสามหนุ่มไม่มีไรกัน กร๊ากกกกกก
เวลาง่วง ไม่มีใครรักเพื่อนกันเลย ถีบกันอุตลุด

พี่เอก ตอนนี้หลุดจากเสน่ห์น้ำมันพรายชะนีแล้วเหรอ
หลุดก็ดีแล้ว สวมสร้อยกาย แล้วทำสิ่งที่ถูกต้องซะที
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
ก่อนจะคิดถึงกาย ช่วยเอาชะนีนกออกไปจากชีวิตตัวเองก่อนได้ไหม  :katai1:

ออฟไลน์ memew

  • ขอบคุณที่เข้ามาอ่านจ้าาา
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 456
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +382/-10
    • :: Memew แฟนเพจ :
 


89
ทวงหนี้ Part 1
[กาย...♥]




ผมนำภาพที่พวกเราไปเที่ยวกันทั้งหมดมาลงบอร์ดให้แฟน ๆ ได้อ่านกัน ผมไม่รู้ว่าแฟน ๆ มีความสุขกันได้ยังไงกับอีแค่ผมถ่ายภาพตัวเองหรือคนรอบข้างมาให้ดู แต่อาจจะเพราะสถานที่ท่องเที่ยวอันสวยงาม และคำบรรยายที่ผมสอดแทรกลงไปก็ได้
 
ผมยิ้ม นั่งอ่านคอมเม้นท์ที่ทุกคนทิ้งไว้ มีคนถามหาพี่เอกด้วย แต่ผมไม่ได้ตอบอะไรออกไป เพราะตอนนี้พี่เอก เป็นเพียงความทรงจำของผมเท่านั้น
 
ดึกแล้ว ผมกำลังจะปิดเครื่อง แต่มีข้อความทักทายเด้งขึ้นมา ผมมองชื่อคนส่ง และนั่งอึ้งอยู่อย่างนั้น
 
‘ดี…’
ข้อความทักทายสั้น ๆ จากผู้ส่งที่ทำเอาหัวใจผมแกว่งไกวไร้จังหวะ
 
Sun
 
แล้วผมควรจะทักกลับ หรือกดปิดดี
 
‘ถ้าพี่เป็นซัน พี่จะไม่ใช่พี่เอกสามีของกายอีกต่อไป แต่เป็นพี่ซัน หนึ่งในแฟนคลับของกายเท่านั้น’
ผมนึกถึงคำที่พี่แกเคยบอก
 
แล้วตอนนี้พี่เอกทักผมในฐานะใคร
 
พี่เอก หรือ พี่ซัน
 
 ผมนั่งมองข้อความนั้นอยู่นาน ก่อนตัดสินใจจิ้มนิ้วทักกลับไปในที่สุด
 
“ครับ…”
 
‘ทำอะไรอยู่’ พี่มันถามต่อ
 
“เพิ่งอัพภาพเสร็จ กำลังจะเข้านอน”
ผมพิมพ์ไปในขณะที่ใจกำลังคิดทบทวนว่าควรจะทำหรือไม่ทำต่อดี
 
‘ปกติผมจะเป็นที่ปรึกษาให้คุณ แต่วันนี้ ผมอยากให้คุณเป็นที่ปรึกษาให้ผมหน่อยได้ไหม’
 
ผมนั่งนิ่ง พยายามคาดเดาพฤติกรรมของฝ่ายตรงข้าม
 
‘ได้ไหม?’
 
ผมคงนิ่งนานไป ปลายทางถึงได้ถามย้ำอีกครั้ง ผมเลื่อนมือไปยังแป้นเพื่อพิมพ์คำว่า…
 
“ไม่”
แตะปลายนิ้วค้างไว้ที่ปุ่ม Enter ผมกรอกตาไปมาด้วยความสับสน ก่อนเลื่อนนิ้วไปกดเครื่องหมาย Delete แล้วพิมพ์คำใหม่ลงไป
 
“ครับ”
 
ปลายทางเงียบไป ก่อนข้อความใหม่จะผุดขึ้นมา
 
‘คุณเคยรักคนสองคนในเวลาเดียวกันไหม’
 
ผมนั่งอึ้งไปนานกับคำถามนั้น
 
“ไม่…เพราะหัวใจผมมีดวงเดียว”
 
‘ดีจัง แต่หัวใจผมมีสองดวง และผมรักทั้งสองดวง แต่ผมไม่รู้ว่าผมรักใครมากกว่ากัน’
 
ผมนั่งมองข้อความนั้น และกดพิมพ์อีกครั้ง
 
“ผมคงให้คำแนะนำคุณไม่ได้ คุณต้องถามใจตัวคุณเอง”
 
ปลายทางนิ่งไป
 
‘แล้วถ้าคุณเป็นคนที่ไม่ถูกเลือก คุณอยากให้เขากลับมาหาคุณหรือเสียสละเขาให้อีกคน’
 
ผมนั่งนิ่ง อ่านทวนข้อความนั้นซ้ำไปซ้ำมา 
 
“ผม…ไม่รู้” ผมตอบกลับไป
 
‘ลองถามใจตัวเองดู’
ปลายทางให้โอกาส
 
ผมนั่งนิ่งอีกรอบ

              ถ้าให้ผมถามใจตัวเองอีกครั้งงั้นเหรอ
 
ผมมีคำตอบอยู่แล้ว

              ผมจิ้มปลายนิ้วลงบนแป้นคอม
 
“ผมเป็นเพียงมนุษย์คนหนึ่ง…และมนุษย์มักจะมีนิสัยเห็นแก่ตัว”
 
“และถ้าถามผม…”
 
“ผมเอง…”
 
“ก็อยากเป็นคนที่ถูกเลือกเหมือนกัน”
 
หลังกดเอ็นเทอร์ส่งข้อความไปแล้ว ความรู้สึกผิดก็พากันถาโถมเข้ามาไม่ขาดสาย ผมไม่ควรพูดแบบนั้นออกไป เพราะจะมีใครอีกคนที่เสียใจ
 
ผมไม่ได้รอฟังว่าเขาจะพูดอะไรต่อ เพราะผมล็อกเอาท์ออกมาก่อน ผมนั่งกุมหัว อยากย้อนเวลากลับไปดึงคำพูดเหล่านั้นกลับคืน
 
ผมไม่ได้อยากทำตัวเป็นนางเอกผู้เสียสละ หรือเป็นผู้ร้ายที่คอยแย่งชิงคนรักของใคร ผมเป็นเพียงมนุษย์ปุถุชนคนหนึ่ง ที่อยากมีรัก และได้อยู่กับคนที่รักเท่านั้น
 
ถ้าเขายังรักและต้องการผมอยู่น่ะนะ
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
“ไอ้กายโว้ยยยยยยย ตื่นนนนนน”
เสียงไอ้เต้ยวิ่งทะลุแก้วหูผมไป ผมสะดุ้งลุกพรวดขึ้นนั่ง
 
“เชี่ย มึงปลุกกูดี ๆ ก็ได้ หูกูอื้อหมด”
 
“ก็ปลุกตั้งนาน มึงไม่อยากตื่นเองนี่นา ไม่ได้เอานาฬิกาปลุกมึงมาด้วย ป่ะมึง ไปดูพระอาทิตย์ขึ้นกัน”
 
ผมหยิบมือถือขึ้นมากดดูเวลา
 
“ไอ้เชี่ย!! พระอาทิตย์ประเทศไหนมันขึ้นตอนตีสี่วะ”
 
“จุดสวย ๆ มันอยู่ไกล เราต้องเดินไปกัน”
 
ผมเลิกคิ้วมอง
 
“มึงไม่กลัวความมืดแล้วรึไง”
 
มันเชิดหน้า
 
“กูจะเปลี่ยนเป็นคนใหม่ เรื่องแค่นี้จิ๊บจ๊อย”
 
ผมพยักหน้าส่ง ๆ
 
“ขอให้มึงทำได้ละกัน”
 
 “รีบ ๆ ไปอาบน้ำได้แล้ว กูขอเล่นคอมมึงหน่อยละกัน”
 
ผมพยักหน้าเดินเอื่อย ๆ เข้าห้องน้ำไป พอออกมา ก็เห็นมันนั่งนิ่งอยู่หน้าคอม 
 
“เป็นไรมึง” ผมถาม
 
“ทำไมมึงไม่บอกกูว่ามึงติดต่อกับพี่กูอยู่”
 
ผมมองไปยังหน้าจอคอม เมื่อคืนผมเปิดเมลทิ้งไว้ และพี่เป้คงส่งเมลมาตอนผมหลับไปแล้ว เพราะปกติ ถ้าผมเห็น ผมจะกดอ่านแล้วลบทิ้ง เพื่อกันไม่ให้ไอ้เต้ยมาเห็น พี่เป้เปลี่ยนเมลใหม่ ถ้าไม่กดเข้าไปอ่านข้อความข้างใน ก็คงไม่มีทางรู้
 
แต่หัวข้อที่พี่เป้ส่งมาวันนี้ มันคงไปสะกิดใจไอ้เต้ยเข้า ถึงได้ถือวิสาสะเปิดอ่านและเห็นเนื้อหาภายในแบบนี้
 
จะโทษมันไม่ได้ครับ เพราะผมเป็นคนประมาทเลินเล่อเอง
 
“กูขอโทษ แต่กูจำเป็นจริง ๆ”
 
มันเม้มปากแน่นจ้องผมเขม็ง
 
“ก็ดีแล้วที่พี่กูสบายดี”
มันพูดเรียบ ๆ หันหลังเดินออกจากห้องไป
 
ผมอดแปลกใจไม่ได้ที่มันไม่คะยั้นคะยอถามผมมากไปกว่านี้ ผมหันไปอ่านเมลที่ไอ้เต้ยเปิดทิ้งไว้ และเขียนทักสั้น ๆ กลับไป ผมบอกพี่มันด้วย ว่าไอ้เต้ยได้อ่านเมลนี้แล้ว
 
 
 
 
 
 
 
“ก็ไหนมึงบอกไม่กลัว”
 
“กูบอกว่ากูจะพยายาม”
ไอ้เต้ยมันตอบเสียงสั่น เดินกอดแขนผมแน่นไปตามเส้นทางที่ทำด้วยกรวดหิน มันหันซ้ายหันขวา สะดุ้งหลายทีกับความเคลื่อนไหวของต้นไม้ใบหญ้า ขนาดว่ามีไฟฉายอันใหญ่ ๆ คนละอันแล้วนะเนี่ย
 
เราเดินลัดเลาะไปตามเส้นทางที่เขาขึงเชือกเอาไว้ให้ ไกลอยู่เหมือนกัน
 
พอเราไปถึง เห็นคนเยอะแยะมาคอยไม่ต่างกับเรา อากาศเย็นครับ ผมกระชับเสื้อคลุมกับตัว แอบคิดถึงพี่เอกนิดหน่อย เพราะถ้าพี่มันอยู่ พี่มันคงโอบให้ความอบอุ่นกับผมแน่ ๆ เรายืนรอกันไม่นาน พระอาทิตย์ก็โผล่ขึ้นมา
 
ผมยิ้ม นึกถึงพระอาทิตย์ที่ผมกับพี่เอกเคยมองด้วยกัน ผมเพิ่งนึกได้ ว่าผมกับพี่เอก ไม่เคยดูพระอาทิตย์ขึ้นด้วยกันเลย มีแต่ดูพระอาทิตย์ตก
 
ผมยืนนิ่ง จ้องมองแสงสว่างที่เริ่มโผล่ขึ้นมาเรื่อย ๆ ตามด้วยลูกกลม ๆ ของพระอาทิตย์สีส้ม ผมยืนมองด้วยรอยยิ้ม ยกกล้องขึ้นมากดชัตเตอร์ไปอีกหลายภาพ
 
‘แล้วถ้าคุณเป็นคนที่ไม่ถูกเลือก คุณอยากให้เขากลับมาหาคุณหรือเสียสละเขาให้อีกคน’
 
‘ผมเป็นเพียงมนุษย์คนหนึ่ง…และมนุษย์มักจะมีนิสัยเห็นแก่ตัว และถ้าถามผม…ผมเอง…ก็อยากเป็นคนที่ถูกเลือกเหมือนกัน’
 
ผมนึกถึงสิ่งที่ผมกับพี่เอกคุยกันเมื่อคืน ไม่ได้อยากเข้าข้างตัวเองมากไป แต่ผมยังจะมีหวัง ให้พระอาทิตย์กลับคืนมาหาผมได้ใช่ไหม
 
 
 
 
 
 
 
“ไอ้เต้ย! มึงจะม่อสาวหรือมึงจะทำงาน!”
ผมตวาดใส่ไอ้เพื่อนตัวดีที่ยืนหลีสาวอยู่ไม่ห่าง
 
“โธ่ ไอ้กาย กูกำลังจะได้เบอร์น้องเขาแล้วเชียว”
 
ผมกรอกตาขึ้นฟ้า
 
“มึง หน้าน้องเขาราวกับเทพธิดา หน้าแบบยาจกอย่างมึงอย่าไปหวังเลย”
ผมตัดทางมัน
 
แต่จริง ๆ ไอ้เต้ยมันก็ไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่อะไรหรอกครับ ไม่ถึงกับหล่อลากไส้แบบพี่เป้ แต่ก็ถือว่าหล่อน่ารักคล้าย ๆ กับเด็กเกาหลีทั่วไป ผิวขาว ๆ (แต่ผมขาวกว่า) ปากแดงหน่อย ๆ (แต่ไม่แดงเท่าผม) นอกนั้น ผมหล่อกว่ามันเห็น ๆ
 
ที่แซวนี่แค่อยากแกล้งมันเฉย ๆ
 
“มึง…น้องเขากำลังจะให้เบอร์กูนะเว้ย ถ้ากูได้ กูว่าจะขอเบอร์เพื่อนน้องเขาให้มึงด้วย น่ารักโคตร ๆ สเป็คมึงเลย”
 
หูผมเริ่มกระดิก
 
และภาพของใครบางคนก็ฉายขึ้นมาแทนที่ ผมรีบลบภาพเหล่านั้นทิ้งไปทันที
 
“แน่ใจนะ” ผมถาม
 
“ถ้ามึงไม่ชอบ กูให้มึงกระทืบปอดแหกเลย”
 
“โอเค ก็ได้ ๆ”
ผมยิ้มให้มัน แล้วต่างคนก็ต่างแยกย้ายกันไปทำสิ่งที่ตัวเองทำอยู่ต่อ
 
ตอนนี้ผมกำลังอยู่ในช่วงทำใจครับ ตั้งแต่คุยกับพี่เอกครั้งล่าสุดในฐานะพี่ซัน ก็ผ่านมาหลายอาทิตย์แล้วตั้งแต่ปิดเทอมยันเปิดเทอม ผมก็ยังไม่มีโอกาสได้คุยกับพี่มันอีกเลย
 
ผมว่าพี่เอกคงเลือกได้แล้วล่ะ ว่ารักใครมากกว่ากัน ผมก็หวังแค่ว่า พี่แกจะมีความสุขกับชีวิตที่แกได้เลือกแล้วเท่านั้นแหละ 
 
สำหรับผม ผมก็จะเริ่มต้นชีวิตใหม่เหมือนกัน
 
“กาย”
 
ผมหันไปตามเสียงเรียกและฉีกยิ้มกว้างทันทีเมื่อเห็นว่าเป็นใคร
 
“พี่โอ๊ค”
ผมรีบเดินเข้าไปหาทันที
 
“บังเอิญแวะมา…อยากกินกาแฟ…อยากมาช่วยงาน…หรือคิดถึงผมกันครับ”
ผมถามพี่แกรวดเดียวจบ
 
พี่โอ๊คหัวเราะหึ ๆ
 
“ทั้งหมดรวมกัน”
 
ผมยิ้ม เชิญพี่แกให้เข้าไปหาที่นั่งภายใน
 
ผมกับพี่โอ๊คสนิทกันมากขึ้น แต่ในฐานะพี่ชายน้องชายนะฮะ ผมรู้ว่าพี่โอ๊คคิดยังไงกับผม แต่เป็นผมเองที่ไม่สามารถเลื่อนฐานะให้พี่มันได้สักที ผมรักพี่โอ๊คก็จริง แต่รักได้แบบพี่ชายเท่านั้น ซึ่งพี่แกก็เข้าใจและยังคงดูแลผมอย่างที่เคยเป็นมา เป็นเทวดาที่น่ารักของผมไม่เปลี่ยนแปลงเลย
 
“คาปูเย็นเฉียบ ใส่ความรักลงไปเยอะ ๆ”
ผมแซว พี่มันยิ้ม
 
“แล้วพี่มาคนเดียวเหรอฮะ”
ผมถามเผื่อใครอีกคนที่มักจะเป็นปลาท่องโก๋ของพี่มัน
 
“ไอ้เห็บน่ะเหรอ พี่ทิ้งมันไว้ที่ซีเอ็ดนู่น”
 
ผมหัวเราะร่วนกับคำเรียกใหม่พี่แก
 
“คิดว่าจะเลิกเป็นหมาเฝ้าเจ้าของแล้วซะอีก”
เสียงใครอีกคนแซวขึ้น ผมหันไปมอง ชะงักนิดหนึ่ง แต่พอสังเกตดี ๆ ถึงได้รู้ถึงความแตกต่าง
 
“พี่อาร์ต”
 
พี่แกเลิกคิ้วสูง
 
“แยกออกแล้วเหรอ”
 
ผมยิ้มจืด ชี้ไปที่หน้าผากพี่แก พี่มันลองจับดู
 
“อ๋อ…”
 
จริง ๆ ผมยังแยกไม่ออกหรอก แต่ที่รู้ เพราะพี่แกมักไปซ่าให้เขาต่อยตีจนได้แผลกลับมาประจำ ไม่รู้แกใช้ชีวิตยังไงของแก ถ้าวันไหนเลือดโชกมา ก็นั่นแหละพี่อาร์ตเลย
 
“แล้วนายล่ะ มาทำไม…บังเอิญผ่านมา…อยากกินกาแฟ…อยากช่วยงาน…หรือคิดถึงกาย”
 
ผมหัวเราะหึ ๆ เพราะพี่โอ๊คเล่นก๊อปคำพูดผมไปทั้งดุ้นเลย พี่อาร์ตยักไหล่ ยื่นมือขวาที่มีเลือดไหลโชกมาตรงหน้า
 
“พี่อาร์ต!!”
ผมเรียกหน้าตื่น พอดีพี่แกเอามือล้วงกระเป๋าไว้ตลอด เลยไม่เห็น ผมรีบดึงมือพี่มันมาดู กดหัวไหล่ให้นั่งยังเก้าอี้ตรงข้ามกับพี่โอ๊ค
 
“รออยู่นี่นะ ไปเอากล่องยาแป๊บ”
ผมเดินเข้าห้องทำงานไป ก่อนเดินกลับมาพร้อมกับกล่องยา ไม่ลืมสั่งของโปรดพี่มันมาให้ด้วย
 
“ทำไมชอบหาเรื่องใส่ตัวอยู่เรื่อยเลยน้า”
ยิ่งช่วงหลัง ๆ นี้ยิ่งบ่อยครับ เดี๋ยวหัวแตก เดี๋ยวปากแตก ดีว่าพี่แกเป็นพวกแผลหายเร็ว แต่ก็ขยันหาแผลใหม่ ๆ มาให้ทำเหลือเกิน
 
พี่แกยังนั่งชิว ๆ ปล่อยให้ผมทำแผลไป ในขณะที่มืออีกข้างก็ยกแก้วกาแฟขึ้นมาดื่มสบายใจเฉิบ
 
“ถ้าไม่มีแผล กายก็ไม่อยู่ดูแลพี่นาน ๆ นี่นา”
 
ผมเงยหน้ามอง อยากดีใจนะครับ แต่เจตนาไม่ค่อยดีเท่าไหร่
 
“โอ๊ย!!”
 
ผมแกล้งบีบแผลพี่แกแรง ๆ
 
“ร้องทำไมครับ แค่นี้… พี่ไม่เจ็บหรอกใช่ไหม”
ปากผมยิ้ม แต่น้ำเสียงเยือกเย็น
 
พี่แกรีบดึงมือกลับ
 
“แอบซาดิสม์นี่นา” พี่มันทำหน้าเจี๋ยมเจี้ยมเหมือนคนหวาดกลัว แล้วดึงผมไปนั่งบนตัก “แต่แบบนี้แหละ…”
พี่มันโน้มหน้าเข้ามาจนชิด
“พี่ชอบ”
 
ผมรีบผลักตัวเองออก แต่ไม่หลุดฮะ ดิ้นขลุกขลักอยู่พัก จนพี่โอ๊คต้องลุกมาลากผมออกจากตัวพี่แกแทน
 
“นี่ แฟนเขาจะสวีทกัน มายุ่งอะไรด้วยเนี่ย”
 
“เท่าที่จำได้ กายเขายังโสดอยู่นี่นา”
 
พี่อาร์ตยิ้มเย็น
 
“เพราะงั้น เลยมีหมาบางตัวมานั่งตอมหึ่ง ๆ อยู่แถว ๆ นี้ใช่ไหม”
 
เอ่อ…
 
พี่อาร์ต พี่โอ๊คเขาไม่ใช่หมาหรือแมงหวี่แมงวันนะฮะ
 
“แต่ผมว่าพวกคุณน่าจะเป็นหมาด้วยกันทั้งคู่นั่นแหละ”
ยังไม่ทันที่พี่โอ๊คจะได้กัดตอบก็มีเสียงใครบางคนทักขึ้นมาก่อน
 
ผมหันไปมอง
 
“พี่เชน!!”
ด้วยความดีใจ ผมรีบสลัดพี่โอ๊ควิ่งตุบตับไปหาพี่เชนทันที
 
“กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่ฮะ”
 
“เครื่องเพิ่งลง คิดถึงกาย เลยมาหาก่อน”
 
ผมยิ้มกว้าง
 
“อ้ะ ของฝาก”
พี่เชนยื่นกล่องอะไรสักอย่างมาให้ ผมมองดูลักษณะของกล่อง แล้วเงยหน้ามองพี่แกอีกที
 
“นี่อย่าบอกนะว่า…”
 
พี่มันพยักหน้า
 
“ก็ของที่กายอยากได้นั่นแหละ”
 
ผมทำหน้าลำบากใจ
 
“ผมบอกว่าอยากได้แต่ไม่ได้หมายความว่าอยากให้พี่ซื้อให้นี่นา แพงจะตาย”
 
จริง ๆ ผมเคยปรึกษาพี่แกว่าจะซื้ออุปกรณ์ตัวนี้ดีไหม คือตัวเองเป็นแค่มือสมัครเล่น ของบางอย่างซื้อมา ใช้ได้ไม่เยอะ มันก็ดูจะไม่คุ้มกับเงินที่เสียไป แต่ไม่คิดว่าพี่แกจะซื้อมาให้แบบนี้
 
“ครั้งหน้าผมจะไม่ปรึกษาอะไรพี่อีกแล้ว”
 
“อดใจไหวเหรอ” พี่มันดักทาง
 
ผมยิ้มแห้ง
 
ก็นะ ผมเป็นแฟนคลับตัวยงของพี่แกนี่นา แต่ก่อนพยายามศึกษาเทคนิคแกจากพวกเว็บบอร์ดที่แกสอนไว้นิด ๆ หน่อย ๆ แต่เดี๋ยวนี่คุยได้ปรึกษาได้ ผมเลยถามแหลกเลย เหอ ๆ
 
“ถ้ากายลำบากใจ ก็เลี้ยงกาแฟพี่สักแก้วก็พอ”
 
มึง อุปกรณ์ตัวหนึ่งตั้งหลายหมื่น แลกกาแฟแก้วเดียว คุ้มมึงไหมเนี่ย

               ผมยิ้มแห้ง พยักหน้ายอม ๆ เดินไปสั่งเครื่องดื่มให้อีกที
 
ขัดยากครับรายนี้
 
พี่เชนลากเก้าอี้มานั่งรวมกับพี่โอ๊คและพี่อาร์ต ไม่ถูกกัน ก็ยังจะมานั่งคุยกันอีกนะ ผมยกกาแฟมาให้ด้วยตัวเองแล้วลากเก้าอี้มานั่งคุยด้วย มือพี่อาร์ตมีเลือดซึมออกมานิดหน่อย ผมรีบจับมือพี่แกมาดู
 
“อย่าขยับมากนักสิ ยิ่งขยับเลือดมันยิ่งออกนะ”
 
“ก็พี่ไม่ถนัดมือซ้ายนี่นา” พี่มันบอกหน้าเซ็ง “เจ็บแบบนี้ คงทำอะไรลำบาก” เหมือน ๆ พี่มันจะบ่น ๆ กับตัวเอง

“กายช่วยอะไรพี่หน่อยได้ไหม”
 
ผมเงยหน้ามอง พี่มันทำหน้าเจ้าเล่ห์
 
“ไปอาบน้ำให้พี่หน่อยสิ แก้ผ้าเองลำบาก”
 
หน้าผมร้อนผ่าว
 
“ปัญญาอ่อน”
พี่เชนเปรยเสียงเบาผ่านแก้วกาแฟที่กำลังจรดริมฝีปาก
 
พี่อาร์ตหันไปมอง
 
“รึคุณจะอาบให้ผมแทน”
 
พี่เชนยิ้มเย็น
 
“เอาสิ ผมจะได้ถ่ายภาพตอนคุณโป๊เอาไปประจานในเน็ต”
 
พี่อาร์ตหน้าตึงขึ้นมาทันที ก่อนยิ้มเจ้าเล่ห์
 
“เอาสิ ผมมั่นใจในรูปร่างของตัวเองซะอย่าง”
 
คราวนี้เป็นพี่เชนที่นั่งอึ้ง
 
ผมไม่รู้ว่างานนี้ใครจะกล้าหรือหน้าด้านมากกว่ากัน ระหว่างคนโป๊กับคนถ่ายภาพโป๊
 
“พี่กลับก่อนนะ แล้ววันหน้าจะมาใหม่”
พี่โอ๊คเลื่อนเก้าอี้ลุกหนี ผมพยักหน้า เดินไปส่งพี่แก แล้วพี่อาร์ตกับพี่เชนก็ขอตัวกลับหลังจากนั้นไม่เกินสิบนาที
 
แต่ไอ้สิบนาทีที่ผ่านมาเนี่ย พี่มันนั่งกัดกันตลอดครับ ไม่รู้ทำไม
 
พอทุกคนกลับ ผมก็ทำงานต่อเหมือนเดิม
 
“กายรถส่งของมาแล้ว”
พี่เก่งเดินเข้ามาบอก ผมรีบเดินตามพี่แกไปแบกของเข้าไปไว้ในห้องเก็บของทันที หลายลังครับ เราให้เขาจัดส่งอาทิตย์ละครั้ง ยกเว้นถ้าวันไหนของหมด เราอาจต้องสั่งเพิ่มระหว่างทาง
 
“พี่เก่งกลับไปข้างในก่อนก็ได้ ที่เหลือผมจะจัดการเอง”
ที่เหลือคือเอาของขึ้นชั้น โดยแยกเป็นฝั่ง ๆ เวลาเข้ามาหยิบจะได้ง่ายหน่อย
 
ผมปาดเหงื่อ ยกลังเมล็ดกาแฟห้าลังขึ้นเรียงไว้บนชั้น วันนี้สั่งเผื่อทั้งเดือนเลย ลังสุดท้ายเป็นลังน้ำตาล หนักสุด ๆ ผมค่อย ๆ ยก พยายามอีกนิดหน่อย จนในที่สุดมันก็ถูกวางลงล็อก
 
แต่ไม่ใช่ด้วยมือผมครับ
 
มันเกิดจากใครอีกคนที่ตัวสูงและใหญ่กว่าผมมาก
 
“ขอบคุณครับพี่เก่ง”
ผมพูดไปโดยไม่ได้หันไปมอง เพราะคนตัวสูง ๆ ในร้านตอนนี้มีแค่พี่เก่ง เพราะพี่ไนท์กับพี่โจหยุด ส่วนพี่โอมกับพี่มอไม่มา
 
พอหันไปมอง ปากที่ฉีกยิ้มอยู่หน่อย ๆ ของผมก็ค่อย ๆ หุบลง 
 
“พี่เอก…”
พี่แกอยู่ในชุดพนักงานของร้านเรียบร้อย ผมมองหน้าพี่แกงง ๆ ไม่เข้าใจว่าแกมาอยู่ในชุดนี้ได้ยังไง และเพื่ออะไร
 
“มันหนักนะ ทำไมไม่หาคนมาช่วยยก หรือหาเก้าอี้มารอง”
พี่มันบ่นใส่
 
“ผมยกได้ครับ”
ผมตอบกลับเสียงเรียบ ปวดแปลบในอกยังไงบอกไม่ถูก
 
“ลูกค้าเยอะแล้ว ออกไปกันเถอะ”
พี่มันชวนเสียงเรียบ เดินนำผมออกไป
 
ผมไม่รู้ครับ ว่าแกมาทำงานที่ร้านเพื่ออะไร หรือจริง ๆ แล้วแกอยากจะมาบริหารร้าน แต่ไม่น่าจะใช่ เพราะที่นี่ได้กำไรน้อยกว่าบริษัทพี่แกตั้งเยอะ
 
ผมถอนหายใจเบา ๆ
 
บางที นี่อาจถึงเวลาที่พี่เอกจะเอาร้านคืนแล้วก็ได้ (ผมเคยบอกพี่แกแล้ว ว่าถ้าแกอยากได้ร้านคืนเมื่อไหร่ก็ให้บอก ผมพร้อมจะคืนให้พี่แกเสมอ)
 
ผมเดินกลับไปทำงานเงียบ ๆ ไม่ได้สอบถามการมาของพี่แกแม้แต่น้อย แค่ทำตามหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด เท่านั้นก็พอ
 
และไม่แน่ พี่เอกอาจจะอยากยกร้านนี้ให้พี่นกดูแลต่อก็ได้ ยิ่งคิดยิ่งเจ็บแปลบในหัวใจยังไงบอกไม่ถูก
 
มันถึงเวลาแล้วสินะ ที่ผมต้องไปจากพี่เอกอย่างแท้จริง

To Be Con...     


เมอรี่คริสมาสทุกคนจ้าาา







Book & e-book: https://goo.gl/FSOuuM   


ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
เอก รู้ใจตัวเองแล้วใช่ไหม
เลยมาหากาย มาทำงานกับกาย

ท่าทางมีคู่ใหม่เกิดและ
พี่อาร์ต พี่เชน  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
เรื่องนกยังไม่เคลียร์ เฮียแกโผล่มาทำไมฟ่ะ  :katai1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Ginny Jinny

  • ความเป็นจริงมันวุ่นวาย ก็ขอให้ใจมันสบายๆในความฝัน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2099
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4

ออฟไลน์ ous_p

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 146
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
เชอะ เปิดใจให้คนใหม่ก็ดีน๊ากาย

ออฟไลน์ jum1201

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 587
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-5
วุ่นวายดีจริงเลยๆ มาต่อได้แล้ววจ้าาา

ออฟไลน์ memew

  • ขอบคุณที่เข้ามาอ่านจ้าาา
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 456
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +382/-10
    • :: Memew แฟนเพจ :
 89
ทวงหนี้ Part 2
[กาย...♥]




พี่เอกอยู่ช่วยงานตลอดกระทั่งเก็บร้าน และก่อนปิดร้านชั่วโมงหนึ่ง ผมเข้าไปทำเรื่องเพื่อเคลียร์บัญชีและรายละเอียดอื่น ๆ เตรียมส่งมอบร้านคืนพี่มัน

ช่วงหลัง ๆ ผมจะอยู่เป็นคนสุดท้ายเพื่อปิดร้านเสมอ เพราะอยากดูแลความเรียบร้อยและคิดอะไรเกี่ยวกับงานเพิ่มเติม
 
และวันนี้ก็เช่นเดียวกัน แต่ผิดกันตรงที่มีพี่เอกอยู่ด้วย

พอปิดร้านเรียบร้อย ผมก็เดินเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้า โดยมีใครอีกคนเดินตามเข้ามาด้วย ไม่ได้อยากหวั่นไหว แต่หัวใจผมกำลังเต้นแรงเอามาก ๆ

ผมแอบหวังเล็ก ๆ ว่าพี่มันจะยังมีเยื่อไย

แต่ความหวังเป็นเพียงแค่ความหวัง เมื่อพี่มันแค่เปลี่ยนเสื้อผ้าลงตะกร้า หันหลังเดินออกจากห้องแต่งตัวไปเงียบ ๆ ผมยืนนิ่ง ยิ้มให้กับตัวเอง ก้มหน้าปลดกระดุมเสื้อ

อย่านะกาย มึงอย่ามาร้องไห้เพราะผู้ชายคนเดียวไม่สนใจนะ

เงียบ! อยู่นิ่ง ๆ

ผมนิ่งแล้วครับ แต่น้ำตาผมมันไม่นิ่ง

ผมปลดกระดุมเสื้อทำงานออกช้า ๆ แล้วถอดมันโยนลงตะกร้า หยิบเสื้อยืดมาสวม เงยหน้าจ้องมองล็อกเกอร์ตัวเองอีกที
 
ดีไม่ดี วันนี้อาจเป็นวันสุดท้ายที่ผมจะได้ใส่ชุดนี้แล้วก็ได้

พี่เอกคงกลับไปแล้ว ผมเดินตัวลอย ๆ ออกจากห้องแต่งตัว พอก้าวพ้นขอบประตู ข้อมือผมก็ถูกฉุดจนตัวถลาไปปะทะอกหน้าอกของใครบางคน ผมเงยหน้ามอง

“พี่เอก”

พี่มันทำหน้านิ่ง ๆ มองหน้าเปื้อนน้ำตาของผม

“ร้องไห้ทำไม”

ผมรีบปาดน้ำตาออก

“ไม่ได้ร้องนี่” ผมดันตัวเองออก “ผมจะปิดร้านแล้ว รีบไปกันเถอะ” ผมเดินลิ่ว ๆ นำหน้าพี่แกไปทางหน้าร้าน จุดอื่นล็อกหมดแล้ว เหลือแค่หน้าร้านหลักนี่แหละ

“ขอบคุณสำหรับวันนี้ครับ ผมขอตัว”
ผมกล่าวลาพี่แกนิดหน่อย แล้วหันหลังเดินลิ่ว ๆ ไปที่รถมอเตอร์ไซค์ของตัวเอง


พอผมขึ้นคร่อมมอเตอร์ไซค์ได้ ก็เหมือนมีใครบางคนมานั่งซ้อนด้วย ผมหันไปมอง

“พี่เอก”

พี่มันนั่งนิ่ง ๆ ครับ ทำหน้าเหมือนปลาตาย

“ขึ้นมาทำไม”
ผมถาม เพราะรถพี่แกอยู่ที่ลานจอดนู่น

“ขี้เกียจขับ”

ผมพยายามคาดเดาว่าพี่แกต้องการจะเล่นอะไร

“พี่รีบกลับบ้านดีกว่า ผมจะรีบเหมือนกัน ดึกแล้ว”

“ก็ไปสิ แต่ไปส่งพี่ก่อนนะ” พี่มันสั่ง ผมหันไปมองงง ๆ

“ไปรถพี่สิ”

“ขี้เกียจขับ”
พี่มันพูดจากวนประสาท ผมเริ่มคิ้วขมวดอารมณ์ขุ่น

“รถผมมีหมวกกันน็อคแค่อันเดียว พี่ซ้อนไม่ได้”

แล้วพี่มันก็ยื่นกุญแจรถของตัวเองมาให้

“งั้นก็ไปรถพี่”

ผมมองหน้าพี่มันงง ๆ

“พี่เอก”

“แล้วแต่นะ พี่ซ้อนไปก็ได้ แต่ถ้าถูกตำรวจจับ กายจ่าย”
พี่มันพูดหน้าด้าน ๆ ผมขมวดคิ้วมองหน้าพี่แกด้วยความแปลกใจ

ทำแบบนี้ พี่มันต้องการอะไรกันแน่

ไม่อยากคาดเดาอีกแล้ว ไม่อยากอยู่ใกล้พี่แกนาน ๆ ด้วย ผมลงจากรถ เดินเข้าไปในร้านอีกที แล้วออกมาพร้อมหมวกกันน็อคสำรองของพี่โจ

พี่มันก็ไม่ว่าอะไร รับหมวกไปสวม ไม่ยอมขยับลุกไปไหนด้วย ผมเลยจำต้องขับมอเตอร์ไซค์พาพี่แกกลับคอนโด ตอนแรกผมก็ขับมาดี ๆ นั่นแหละ แต่สักพักพี่มันก็เอื้อมมาจับแฮนด์ แล้วบังคับรถด้วยตัวเอง

“พี่เอก!!”
ผมรีบท้วง พยายามจะขับรถด้วยตัวเอง

“อยู่เฉย ๆ”
พี่มันบอกผ่านหมวกกันน็อคแบบเต็มหัว ผมเอี้ยวไปมองด้วยความงุนงง พี่แกไม่ได้ขับรถไปที่คอนโด แต่เบนหัวไปบ้านผมแทน ไม่นานรถก็มาจอดสนิทที่หน้าประตูรั้ว

“พี่เอก ผมต้องไปส่งพี่ที่คอนโดก่อน”

พี่มันไม่ฟังอะไร ก้าวลงจากรถไปยืนคอยอยู่หน้าประตู   

“พี่เอก”
ผมท้วง พี่มันไม่โต้ตอบอะไร ยืนหน้ามึนหนีบหมวกกันน็อคไว้ที่แขนท่าเดิม

“หิวน้ำ” แล้วพี่มันก็พูดขึ้นมาลอย ๆ
ผมมองหน้าคนพูด พี่มันยังทำหน้านิ่งเหมือนเดิม ผมจำต้องเปิดประตูรั้วออก ทิ้งรถไว้หน้าบ้านนั่นแหละ เพราะเดี๋ยวต้องออกไปส่งพี่มันอีก แต่พอหันไปมองอีกที ก็เห็นพี่มันจูงมอเตอร์ไซค์ตามเข้ามาแล้ว

“ไม่ต้องหรอก ต้องขับไปส่งพี่ก่อน”

พี่มันไม่ฟังอะไร เอารถไปจอดไว้ยังจุดจอด

“พี่เอก”
ผมเรียกอีกที พี่แกหันมามองหลังจากจอดรถเรียบร้อย ผมจำต้องไขประตูเดินเข้าบ้าน โดยมีแขกไม่ได้รับเชิญเดินตามเข้ามาด้วย

หรือพี่มันจะตามมาคุยเรื่องร้าน

ผมเดินไปหยิบน้ำในตู้เย็นมารินใส่แก้ว พี่เอกนั่งเอกเขนกอยู่บนโซฟา ผมวางน้ำไว้บนโต๊ะตรงหน้าแก แล้วทิ้งตัวลงนั่งฝั่งตรงข้าม

“แม่ล่ะ” พี่แกถาม

“อยู่เชียงใหม่”

“พ่อล่ะ”

“อยู่คอนโด”

คิ้วเข้มขมวดฉับ

“นี่อยู่คนเดียวมาตลอดเลยเหรอ”

“ครับ ผมโตแล้ว อยู่คนเดียวได้”
ไม่แน่ใจว่าผมจะมีนัยแฝงในคำพูดของตัวเองด้วยหรือเปล่า พี่มันพยักหน้า
 
“พี่มีธุระอะไรจะพูดกับผมหรือเปล่า”
ผมเปิดประเด็น พี่มันกระดกน้ำเข้าปากชิว ๆ ผมนั่งรอ แต่พี่มันไม่ยอมพูดสักที

“พี่เอก”
ผมพยายามนับตัวเลขในใจ

“พี่ต้องการร้านคืนใช่ไหม”
ผมถาม พี่มันยังเงียบไม่ตอบอะไรทั้งนั้น

“พี่เอก!!”
ผมหมดความอดทน เรียกชื่อเสียงดัง

“นายจำได้ไหม ว่านายติดหนี้พี่อยู่”

ผมนั่งฟังอึ้ง ๆ

“พี่ต้องการให้นายใช้หนี้พี่ทั้งหมด”

ผมขมวดคิ้วฟังด้วยความงุนงง

“ได้ ผมจะคืนร้านให้พี่ทั้งหมด”

“พี่ได้ข่าวว่านายได้กำไรจากร้านเยอะเลยนี่”
พี่มันพูดเนิบ ๆ
 
“ครับ”

“พี่ต้องการกำไรทั้งหมดที่กายได้จากร้าน”

ผมมองคนตรงหน้าอึ้ง ๆ

“พี่เอก…”

ทำไมพี่มันถึงได้ทำแบบนี้

ผมหลับตาแน่น พอ ๆ กับกำนิ้วทั้งหมดเข้าหากัน

“ได้ แล้วผมจะโอนเงินทั้งหมดที่ผมหาได้คืนให้ แต่พี่ต้องยกเลิกสัญญากู้เงินที่พี่ทำไว้เหมือนกัน”

“ไม่ได้หรอกนะ”

ผมมองพี่มันตาเขม็ง

“นายต้องเป็นหนี้พี่ต่อไป และต้องเอารายได้ทั้งหมดที่นายบริหารได้ มาให้พี่ด้วย”

ผมมองคนตรงอย่างไม่เชื่อในสิ่งที่ตัวเองได้ยิน

ผมมันโง่เอง ที่มาหลงเชื่อคนแบบพี่เอก ใช้ความรักเป็นเครื่องเดิมพัน เมื่อเขาไม่ต้องการก็เฉดหัวทิ้ง ซ้ำยังต้องเป็นหนี้ก้อนโตอีกต่างหาก

“นานแค่ไหน สำหรับสัญญาคืนเงิน”
ผมถามกลับเสียงพร่า

“ตลอดชีวิต”

“พี่เอก…”
น้ำตาผมไหลพรากลงมาอาบแก้ม ไหลให้กับความโง่เขลาของตัวเอง นอกจากจะต้องเจ็บช้ำเพราะรักแล้ว ยังต้องมาเป็นหนี้ที่หามูลค่าไม่ได้อีก

“ทำไมพี่ต้องทำแบบนี้ พี่ไม่รักผมไม่ว่า แต่ทำไมต้องมาหลอกลวงและเอาเปรียบกันแบบนี้ด้วย”
 
“ตอนที่นายมาชอบพี่ นายคงลืมไปแล้วว่าพี่ไม่ใช่คนดีอะไร”

ผมกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่

แต่ทุกอย่างมันเป็นความผิดของผมเองที่เลินเล่อไม่ดูแลหัวใจและรายละเอียดของเอกสารให้ดีเอง

“ได้ครับ เพราะถึงยังไงก็เป็นความผิดของผมเองที่ไม่ระมัดระวังเรื่องเอกสารเอง ผมจะรีบโอนเงินคืนให้ภายในวันพรุ่งนี้”
ผมบอก ก่อนลุกขึ้นยืน

“เรียบร้อยแล้วใช่ไหมครับ ผมจะไปส่ง หรือพี่จะกลับแท็กซี่เอง”
ผมให้ทางเลือก พี่มันไม่ตอบอะไร ผมไม่สนใจ หันหลัง เดินนำพี่แกไปทางหน้าบ้าน เดินยังไม่ทันถึงหน้าประตูดี ข้อมือผมก็ถูกคว้าเอาไว้ 

“นายอยากรู้วิธีใช้หนี้ให้หมดโดยไม่ต้องลำบากไหม”

ผมหันไปมองตาพี่เอก ตอนนี้รู้สึกเหมือนโลกทั้งใบกำลังถล่มลงมา

“ครับ”
ผมตอบรับเสียงพร่า

“ขายตัวให้พี่สิ”

ผมมองพี่แกอึ้ง ๆ

“พี่เอก…”
ผมครางเรียก วาดฝ่ามืออ่อนแรงหวังฟาดใส่ใบหน้าหล่อเหลานั้น แต่ถูกกั้นเอาไว้ด้วยมือใหญ่ มืออีกข้างยังเป็นอิสระ ผมกำหมัดแน่น เตรียมซัดใส่ใบหน้าคมคาย แต่พี่เอกก็รั้งจับเอาไว้ได้อีก ก่อนรวบไปไว้ด้านหลังด้วยมือเดียว

“ผมเสียใจที่มาหลงรักคนแบบพี่”

พี่มันยิ้ม

“ทำไม ไหน ๆ ก็เสียตัวให้พี่แล้วนี่ ขายให้พี่ไม่เห็นจะเป็นไรเลย”

ผมพยายามดิ้นรน แต่ยิ่งดิ้น สองแขนใหญ่ยิ่งรัดผมแน่น น้ำตาพากันไหลพราก ผมถูกดันจนไปติดกำแพงห้อง จะยกขาขึ้นมาเตะก็ทำไม่ได้

เมื่อแขนขาไร้อิสระ ผมตัดสินใจอ้าปากงับต้นแขนพี่มันสุดแรงจนพี่มันร้องโอ๊ย ปล่อยมือข้างหนึ่งมาลูบบั้นเอวผมเบา ๆ

จนผมเผลอตัวปล่อยปากออกมาครางด้วยความเสียวซ่าน พี่มันจับคางผมไว้ แล้วกดจูบลงมาเบา ๆ 

อยากขัดขืนมากกว่านี้ แต่ดูเหมือนร่างกายมันจะทรยศผมซะแล้ว รสจูบคุ้นเคยดึงมวลมากมายที่ห่างหายไปนานกลับคืน ผมถูกเบียดติดกำแพงมากขึ้น ซ้ำพี่แกยังแทรกขาเข้ามาระหว่างขาผมอีกจนตัวผมถูกร่นขึ้นสูง มือไม้พี่มันก็ไม่อยู่สุขลูบไล้แปะป่ายนวดคลึงไปทั่ว จนผมเผลอครางออกมาอย่างช่วยไม่ได้

ผมไม่ได้อยากอ่อนแอ แต่มันทนไม่ไหวจริง ๆ   

พี่มันถอดกางเกงผมออก รั้งขาขึ้นสูง กดแทรกบางส่วนเข้ามาภายใน ผมหลับตาลง ร่างกายพากันอ่อนระทวยไปกับทุกสัมผัสคุ้นเคย

ผมพยายามดันไหล่กว้างออกด้วยเรี่ยวแรงทั้งหมดที่มี แต่มันก็อ่อนแรงเต็มทน ผมทิ้งลมหายใจไร้จังหวะไปตามบทรักเร่าร้อน และดูเหมือนมันจะรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ ร่างกายที่ไม่ได้ถูกแตะมานาน เจ็บเสียดแต่ก็เสียวซ่านในเวลาเดียวกัน
 
“อ๊า พี่เอก”
ผมครางเรียก สองมือคล้องคอพี่แกไว้ ปล่อยตัวไปตามแรงโหมของอารมณ์

แพ้อีกแล้ว จะกี่ครั้งกี่ที ผมก็ไม่มีทางชนะพี่มันได้เลย


Tbc...     

ส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ค่ะ   :pig4: :pig4: :pig4: :L2: :L2: :L2: :กอด1: :กอด1: :กอด1:


ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
 :pigangry2: อ่านแล้วรู้สึกอยากฆ่าพระเอกเรื่องนี้แฮะ  :fire:

ออฟไลน์ _2385yeah

  • แล้วด้วยโชคชะตา กำหนดเวลา ให้เราได้มาพบกัน เพียงฝันยามตื่นก็หายไป
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 33
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
พึ่งมาตามอ่าน ไอ้พี่เอกกกก ไอ้สาดดเอกกก
ไอ่ง่าววว ไปตายยสะะะะ //กี่ครั้งแล้วที่ทำให้กายเจ็บ  ขอโทษเป็นสิบๆครั้งก็ยังดักดานเหมือนเดิม

เริ่มอยากให้เปลี่ยนพระเอกละ จับไอ้พี่เอกมันโดนรถชนไรงี้  :angry2: หึหึ

ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
ถ้าเข้ามาด่าไอ่(พระ)เอกอีกซักตอน
คนแต่งจะโกรธเราไหม
หุหุ

คนอะไร..เลวเกิ้นนนนนนน
หมดคำพูดจะสรรหามาใช้กับคนอย่างไอ่เอก เจรงๆ

FUCK!

ออฟไลน์ memew

  • ขอบคุณที่เข้ามาอ่านจ้าาา
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 456
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +382/-10
    • :: Memew แฟนเพจ :
90
ขอแต่งงาน
[เอก...☼]

ผมหายใจหอบถี่กอดมันไว้ในอ้อมแขน น้ำตามันยังคงไหลพรากลงมาเป็นทาง แม้ร่างกายจะยังไหวรับทุกสัมผัสจากผมก็ตาม
 
ผมรู้ว่าจุดอ่อนมันอยู่ตรงไหน และตอนนี้ผมกำลังจับจุดอ่อนของมันเอาไว้ และทรมานมันอยู่ ผมรั้งตัวมันมาทิ้งลงบนโซฟา จับมันสลัดเสื้อผ้าที่มีออก เหลือไว้เพียงร่างกายเปลือยเปล่า และเริ่มต้นบรรเลงเพลงรักอีกครั้งและอีกครั้ง

จนมันหมดแรงผล็อยหลับไป













 

ผมนอนมองใบหน้าน่ารักที่กำลังหลับพริ้ม ผมตื่นก่อนมัน เพื่อจะได้มองหน้าเวลาที่มันตื่นนอน(พาขึ้นมาบนห้องแล้วครับ)

และทันทีที่มันลืมตา และเห็นว่าใครอยู่ตรงหน้า มือที่สงบนิ่งเมื่อกี้กำแน่นเตรียมซัดหมัดใส่ผม แต่ผมก็รั้งเอาไว้ได้ แล้วกดมือมันสองข้างติดกับที่นอน เหวี่ยงตัวขึ้นคร่อมมันไว้   

“พี่มันเลว!!”

ผมยิ้มพราย

“แล้วใครว่าพี่เป็นคนดี กายผิดเองที่มารักคนแบบพี่”

น้ำตามันไหลออกมาอีกรอบ ผมแทรกร่างไว้ตรงหว่างขามันและกดแทรกบางส่วนเข้าไปภายใน

“อย่า…”
มันครางโรยแรง เชิดหน้าตามด้วยครางหวานเมื่อบางส่วนของผมเข้าไปจนสุด

“อ๊า…”
มันครางเสียงแหบ เอียงหน้าขยับขาออกกว้างอัตโนมัติ ผมยิ้ม กดสองมือที่พยายามขัดขืนของมันติดกับที่นอน ขยับท่อนล่างช้า ๆ เนิบ ๆ

“พอ...พี่เอก”
มันครางห้ามอีก แต่ยิ่งห้าม ผมยิ่งใส่จังหวะเร็วขึ้น ความร้อนภายในพาเอาผมครางออกมาคลอเคล้าเสียงครางแหบแห้งของมันเลย

ผมเร่งจังหวะเร็วขึ้น กระทั่งพามันไปถึงฝั่งฝัน มันนอนไร้แรง นัยน์ตาเหม่อลอยเต็มไปด้วยน้ำตาที่ร่วงหล่นลงมาเป็นทาง

“พี่ไม่ใช่คนดีนะกาย”
ผมกระซิบบอก

มันเลื่อนดวงตาลอย ๆ มามอง

“แต่กายก็ยังรักพี่ และตัดใจจากพี่ไม่ได้ใช่ไหม”

มันคงงงว่าผมกำลังจะพูดอะไร

“กายขายตัวให้พี่แล้วนะ เพราะงั้น พี่เป็นเจ้าของเรือนร่างนี้ทั้งหมดคนเดียว”

มันมองหน้าผมแค้นเคือง และก่อนที่มันจะซัดหน้าผมอีกรอบ ผมยิ้ม วางมือไว้บนหน้าอกมัน
 
“และรวมถึง…”

มันง้างหมัดขึ้น 
 
“หัวใจดวงนี้ด้วย”

มันค้างมือไว้กลางอากาศ มองหน้าผมอึ้ง ๆ

“กายต้องเป็นเมียพี่ตลอดไปนะ”

แววตามันเต็มไปด้วยความแปลกใจ สับสน ก่อนโกรธเคืองใหม่ มันกัดกรามแน่น ง้างหมัด ซัดใส่หน้าผมอีกรอบ

“พี่มันเลว!!”

แต่ผมรับหมัดมันไว้ด้วยมือเดียว

“พี่ไม่เคยบอกนี่ ว่าพี่เป็นคนดี”

“เลว เลวที่สุด!!”
มันโวยวาย ทั้งยังพยายามดิ้นรนจะดึงหมัดมาต่อยผมอีกรอบ แต่ผมยึดมันไว้อยู่
 
“พี่ทำแบบนี้ทำไม ถ้าไม่เห็นแก่ผม ก็น่าจะเห็นแก่พี่นกบ้าง”

ผมถอนหายใจเบา ๆ

“บังเอิญคนที่พี่ขอแต่งงานเป็นกายไม่ใช่นก พี่เลยไม่รู้ว่าจะไปเห็นแก่เขาทำไม”

มันหยุดทุกการดิ้นรนลง กะพริบตามองหน้าผม

“แต่งงานกับพี่นะ”

มันมองผมอึ้ง ๆ ก่อนเบะหน้าลง

“พี่กำลังจะแกล้งอะไรผมอีก ถ้าพี่ไม่รักก็อย่ามาทำแบบนี้สิ”

ผมยิ้ม แล้วดึงมันขึ้นมานั่งบนตัก มันพยายามจะดิ้นหนี แต่ผมรัดเอวมันแน่น

“พี่เลิกกับนกแล้วนะกาย”

มันหยุดดิ้น เงยหน้ามองผมแทบจะทันที 

“เพราะพี่ตัดสินใจเลือกกายแทนเขา”

มันมองผมด้วยสายตางุนงง

“พี่กำลังล้อผมเล่นใช่ไหม”

“ใช่”
ผมตอบทันที มันเบะหน้า ดันตัวออกมาง้างหมัดเตรียมจะต่อยผมอีก แต่ผมก็เร็วกว่า คว้าจับมือมันแล้วถือค้างไว้กลางอากาศนั่นแหละ

“กาย…พี่รักกายนะ”

มันหยุดดิ้นอีกที มองผมตาค้าง 

“ที่พี่หายไป พี่ไปเคลียร์กับนกเขา และทบทวนอะไรหลาย ๆ อย่าง และพี่ก็ได้ข้อสรุปว่า…พี่รักกายมากจริง ๆ”

“ผมไม่เชื่อ”

ผมยิ้ม

“ไม่เชื่อก็ตามใจ เพราะพี่ก็ไม่เชื่อใจตัวเองเหมือนกัน แต่ตอนนี้พี่เลิกกับนกแล้ว และกำลังขอกายแต่งงานอยู่”

“ไม่มีทาง”

“อันนั้นก็แล้วแต่กายจะคิด”

มันมองผมอึ้ง ๆ

“แล้วทำไมพี่ต้องมาแกล้งผมแบบนี้ด้วย”

“ตอนแรกก็ว่าจะเดินมาบอกดี ๆ นั่นแหละ แต่กายดันไปอี๋อ๋อกับพวกไอ้โอ๊ค ไอ้อาร์ต แล้วก็ไอ้คุณชรินทร์มันด้วย พี่เลยอยากทำโทษกายนิดหน่อย”

“พี่ไม่มีสิทธิ์มาหวงผม เพราะพี่เลิกกับผมไปแล้ว”

“พี่ไม่ใช่คนดีนะกาย พี่รักใครพี่ก็หึงหวงคนคนนั้น แม้ตัวจะเลิก แต่หัวใจพี่มันอยู่กับกาย พอเห็นพวกมันมาทำเจ๊าะแจ๊ะด้วย พี่แทบจะเดินไปฆ่าพวกมัน โดยเฉพาะกับไอ้อาร์ต แม่ง แต๊ะอั๋งคนของกูตลอด”
อันหลังนี่บ่นกับตัวเองครับ

“พี่มันเลว ไม่ใช่แค่ทำร้ายจิตใจผม แต่ยังทำร้ายจิตใจพี่นกด้วย”

ดู๊ดู มันยังมีกระจิตกระใจไปห่วงคนอื่นอีก

“นกเขามีคนดูแลอยู่แล้ว”

มันมองหน้าผมงง ๆ

“ใคร”

“ก็คนที่มีหน้าตาเหมือนพี่อีกคนไง”

มันขมวดคิ้วงุนงง

“พี่เคยบอกแล้ว ว่าพวกน้อง ๆ มักจะชอบอะไรเหมือน ๆ พี่ และนกก็เป็นหนึ่งในสเป็คของพี่ด้วย พอพี่เลิกกับนก ก็มีคนอาสารับช่วงดูแลนกต่อทันที”

มันทำท่าคิด

“พี่อาร์ต”

ผมส่ายหน้าปฏิเสธ

“พี่อิฐ”

ผมพยักหน้ารับ

“พี่อิฐกับพี่นก…”

ผมพยักหน้ารับอีกที

“คราวนี้ กายจะแต่งงานกับพี่ได้รึยัง”

มันหน้าง้ำ

“พูดเป็นเล่น ผู้ชายจะแต่งงานกันได้ยังไง”

“ไม่ได้จัดพิธีอะไรมากมายจริงจังซะหน่อย เอาเฉพาะคนรู้จัก”

มันรีบส่ายหน้า

“ไม่เอา ผมไม่อยากเป็นข่าว”

ผมอมยิ้ม

“งั้นก็เป็นเมียพี่โดยพฤตินัยอย่างเดียวก็ได้”

มันอ้าปากค้างไปกับคำผม ผมเลยก้มจูบมันไปที

 





 

ผมดีใจที่เรื่องทุกอย่างถูกเคลียร์จนหมด ผมไม่รู้หรอกว่าทำไมคนคนหนึ่งถึงได้มีอิทธิพลกับตัวผมมากมายขนาดนี้ แต่ผมก็รักมันสุดหัวใจจริง ๆ มันยังนั่งหน้าบูดอยู่บนโซฟา เพราะผมดันไปแกล้งมันไว้ซะเยอะ

“อย่างอนพี่น่า พี่ก็แค่เอาคืนที่กายไปอี๋อ๋อกับคนอื่นแค่นั้นเอง”

“พี่มันเห็นแก่ตัวที่สุด ตัวเองเที่ยวไปอี๋อ๋อกับใครก็ได้ แต่ผมทำไม่ได้”

ผมลากมันมานั่งตักเบา ๆ

“พี่ไปอี๋อ๋อกับใคร”

มันเม้มปากแน่น คงกำลังจะบอกว่านกนั่นแหละ

“พี่รู้ว่าพี่ไม่ใช่คนดีอะไร พี่ทำให้กายเจ็บหลายครั้ง จนไม่อยากจะสัญญาแล้วว่าจะอยู่กับกายไปได้นานแค่ไหน ทำให้กายมีความสุขได้มากแค่ไหน แต่พี่จะทำให้ดีที่สุด อย่างน้อยเหตุการณ์ครั้งนี้ก็พิสูจน์ให้พี่ได้รู้ว่า หัวใจพี่เป็นของกายเสมอ”

มันนั่งนิ่ง ๆ

“อันนั้นน่ะ พี่ขอคืนได้ไหม” ผมชี้ไปที่คอมัน “มันไม่เหมาะกับกายหรอก ของกายอันนี้ต่างหาก”
ผมปลดสร้อยที่คอตัวเองออก มันทำหน้าอึ้ง ๆ

“พี่ใส่มานานแค่ไหน”
สร้อยมันยาว ถ้าไม่สังเกตก็ไม่เห็นหรอก (ตอนมีอะไรกับมัน ผมไม่ได้แก้ผ้าปลดน้องออกมาทำงานอย่างเดียว)

“ตั้งแต่เรามีอะไรกันครั้งสุดท้าย”

มันมองผมนิ่ง ๆ

“แล้วพี่นก…”

“พี่ไม่ได้พูดอะไร”

มันเม้มปากแน่น

“เอาเถอะ พี่รู้แค่ว่าตอนนี้กายเป็นเมียพี่และพี่เป็นสามีกายเท่านั้น พี่ไม่สัญญาว่าพี่จะรักเดียวใจเดียว แต่ตอนนี้หัวใจพี่เป็นของกายแล้ว”

“เชื่อใจไม่ได้”

“ก็จริง…แต่กายเป็นคนบอกให้พี่กลับมาหากายเองนะ”

มันอ้าปากเหวอ

“ก็ตอนพี่ถามว่า ถ้ากายเป็นคนที่ไม่ถูกเลือก กายจะทำยังไง แล้วกายก็บอกว่า อยากเป็นคนถูกเลือกเหมือนกัน พี่เลยเลือกกาย”

มันอ้าปากค้าง

“ก็ไหนพี่บอกว่าถ้าเป็นซันจะไม่ใช่พี่ไง”

“ก็ไม่ใช่ไง แต่นั่นก็คือความรู้สึกจริง ๆ ของกายใช่ไหมล่ะ”

มันมองหน้าผมนิ่งค้าง

“พอเถอะพี่เอก อย่าแกล้งผมอีกเลยนะ ผมขอร้อง”
มันซบหัวเหมือนคนหมดแรงกับไหล่ผมเบา ๆ

“ไม่ได้หรอก”

มันเงยหน้ามอง

“ตั้งแต่พี่คบคนมา พี่ยังไม่เคยแกล้งใครแล้วมีความสุขเท่ากับแกล้งกายเลยนะ”

มันมองเหมือนไม่เชื่อ

“ตอนที่พี่คบกับนก พวกเพื่อน ๆ มันบอกพี่ว่าดูพี่ไม่เห็นจะมีความสุขเท่ากับตอนคบกับกายเลย”

มันนั่งอึ้งอีกรอบ

“พี่เคยรักนกมากก็จริง แต่นั่นเป็นเพียงอดีต พอมาถึงตอนนี้คนที่พี่รักมากที่สุด ก็คือกาย”

มันยังนั่งนิ่ง

“พี่ขอโทษสำหรับทุกสิ่งทุกอย่างนะ”
ผมรู้ว่ามันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะให้อภัย แต่ผมจะอยู่ตรงนี้กับมันต่อไป อยู่กับคนที่หัวใจผมเป็นคนเลือก

 

 

 

 







 

 

 

 

“กลับมาคบกันอีกทำไมเนี่ย”

ไอ้อาร์ตมันทำหน้าเอือม มองผมทีกายทีบนโต๊ะอาหาร

วันนี้ผมพามันกลับบ้านมาหาพ่อกับแม่ครับ พวกท่านดีใจใหญ่ ไม่เสียใครเลย ทั้งนกทั้งกาย ไอ้ตัวเล็กนั่งทำหน้าลำบากใจ เพราะตรงข้ามมันเป็นนก ส่วนนกนั่งคู่กับอิฐอีกที

พอหมดมื้อเช้า คุณพ่อก็ไปทำงาน ส่วนคุณแม่ไปหาเพื่อน จึงเหลือพวกเราเด็ก ๆ นั่งหน้าสลอนกันอยู่ในห้องนั่งเล่น

“ขอโทษที่เคยตบหน้านะ”
นกหันมาบอกกาย
               
ผมมองนกอึ้ง ๆ สลับกับกาย

“นกเคยตบกายด้วยเหรอ”
ไอ้อิฐมันถาม

นกยิ้มแห้ง ส่วนผมยังอึ้งอยู่ เพราะไม่คิดว่านกจะรู้เรื่องของผมกับกายก่อนหน้าที่ผมจะบอกความจริง

“ก็ตอนจับได้ว่าเอกนอกใจนกน่ะ ไม่ใช่สิ ตอนนกจับได้ว่าเอกยังมีใจให้กับคนที่เคยคบอยู่ก่อนต่างหาก”

“ตบไปมากแค่ไหน”
ผมถามเสียงเย็น นกหน้าซีด

“ก็…”
นกหน้าซีดยิ่งกว่าเดิม

“พี่เอก”
ไอ้ตัวเล็กมันปราม คงกลัวว่าผมจะวีนนกมั้ง

“ก็หน้าซ้ายขวา แล้วก็เอานมเย็นสาดหน้าน่ะ”

ทุกคนนั่งเงียบ

“เอกก็รู้ว่านกเป็นพวกยอมคนซะที่ไหน ใครคิดจะมาแหยมกับคนของนกละก็ แม่ตบแหลก”

ผมไม่แปลกใจเท่าไหร่ เพราะผู้หญิงกลุ่มผมนิสัยแรงทุกคน แต่ผมไม่คิดว่ากายจะกลายมาเป็นเหยื่อด้วยอีกคน   

“ทำไมไม่บอกพี่”
ผมหันไปถามไอ้ตัวเล็กบ้าง

“ไม่จำเป็นนี่ เรื่องมันผ่านมาแล้ว”
มันบอกแค่นั้น แล้วหันไปคุยกับพวกทโมนแทน

ผมถอนหายใจเบา ๆ ไม่เพียงผมจะทำร้ายจิตใจมันเท่านั้น แต่ผมยังทำร้ายร่างกายของมันด้วย

“น่าจะเลิก ๆ กันไปซะ ผมจะได้เสียบซะที”
ไอ้อาร์ตมันพูดอย่างเสียดาย

“นายเองก็เจอคู่ปรับคนใหม่แล้วนี่”
ผมพูดสั้น ๆ

มันมองหน้าผม ทุกคนหันไปมองมันไม่เว้นแม้แต่ไอ้ตัวเล็ก

“ใคร?”
มันจ้องหน้าผมเขม็ง

“ก็คนที่คุณก็รู้ว่าใคร”
ผมทิ้งเป็นปริศนาไว้

“กายเป็นของพี่แล้ว นายไปหาคนใหม่ดีกว่านะอาร์ต”

มันทำหน้าเบื่อหน่าย ก่อนยิ้มพราวตามมา

“ผมไม่ยอมแพ้หรอก”

คราวนี้เป็นผมเองที่ทำหน้าเบื่อหน่ายบ้าง

เอาเถอะ ถ้ามันไม่ทำอะไรกายเกินเลยเหมือนครั้งที่แล้ว ก็คิดซะว่ามันเป็นแมงหวี่แมงวันมาตอมน้ำผึ้งละกัน
 
“ไม่ต้องคิดมากเรื่องพี่กับเอกนะกาย พี่กับเอกรักกันก็จริงแต่นั่นมันสมัยก่อน ตอนนี้ เอกเขารักกายคนเดียวแล้ว และตอนนี้เราก็ตกลงที่จะเป็นเพียงเพื่อนกันเท่านั้น”
นกบอกกายอีกที 

“และอีกอย่าง…”
นกปรายตามองมาทางผม 

“พี่ไม่อยากได้ผู้ชายหลายใจ”

“หึ ระวังไอ้อิฐไว้เถอะ เพราะมันก็ชอบกายด้วยเหมือนกัน”

นกหันขวับไปมองหน้าไอ้อิฐทันที ความจริงข้อนี้นกยังไม่รู้ครับ

“จริงเหรออิฐ!!”

“ไอ้ชอบมันก็ชอบนั่นแหละนะ แต่กายเขาไม่ชอบ ผมก็เลยอกหักดังเป๊าะ แล้วมาหาคนดามใจเอาแถว ๆ นี้นี่ไง”

โห กูอยากแหวะใส่น้องตัวเองว่ะ 

“ไว้ใจไม่ได้ทั้งพี่ทั้งน้อง”
นกด่ากราด จริง ๆ แล้วนกยังไม่ได้รักอิฐ แค่เปิดโอกาสให้อิฐได้ทำคะแนนบ้างเท่านั้น แต่ผมมั่นใจอยู่อย่างว่าน้องผมเป็นผู้ชายที่ดี และดูแลนกได้ดีไม่แพ้ผม

หรือบางที อาจดีกว่าผมด้วยซ้ำ

ส่วนผมขอดูแลคนของผมดีกว่า อาจทำได้ไม่ดีเท่าคนอื่น แต่ก็ดีที่สุด เท่าที่ตัวผมจะทำได้ละนะ
 

“มิสชั่นเคลียร์!!”
ไม่รู้พวกทโมนมันคุยอะไรกับกาย อยู่ ๆ ก็พากันตะโกนลั่นด้วยความดีใจ พวกเราหันไปมอง 

“ดีใจจังที่พี่ชายของพวกเราได้เป็นฝั่งเป็นฝากันไปหมดแล้ว”

ไอ้อิฐหันไปมอง

“ยังนี่ เหลืออาร์ตอีกคน”

“โธ่ พี่อิฐอะ ไม่รู้อะไร”

“พี่อาร์ตน่ะนะ”

“เขามีคนถูกใจคนใหม่แล้ว”

“ใคร”
ไอ้อิฐมันรีบถาม เพราะข้อนี้มันยังไม่รู้จริง ๆ แต่ผมรู้แล้ว

“อันนี้ข่าวล่ามาแรง”

“จากสำนักข่าว ไอแอมอ้อน”

“หน่วยข่าวกรองของพวกเราได้รายงานมาว่า”

“พี่อาร์ตกำลังเจอคู่ปรับคนใหม่”

“ดูพี่แกจะถูกใจอยู่ไม่น้อย แต่ก็ไม่มาก”

“เรายังไม่รู้ความรู้สึกที่แท้จริงของพี่ชายเรามาก”

“รวมถึงคู่กรณีด้วย”

“ทุกอย่างยังไม่แน่ชัด”

“เราเลยยังยืนยันอะไรไม่ได้”

“คงต้องรอให้พยานและหลักฐานแน่นหนากว่านี้”

“แล้วพวกเราจะรีบมารายงานความคืบหน้าให้ทราบทันที”

“จบข่าว”
พอพวกมันรายงานจบ พวกเรานั่งขำ มีเพียงไอ้อาร์ตเท่านั้นที่นั่งทำหน้าบู้บี้อยู่คนเดียว
 



to be con...

 :katai2-1:






Book & e-book: https://goo.gl/FSOuuM   

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
เคลียร์แล้ว  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:




ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
ใครหว่า คู่ของอาร์ต  :confuse:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด