Kiss Love ► รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 100 เพิ่งเริ่มเท่านั้น |10/3/18|(ตอนจบ)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Kiss Love ► รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 100 เพิ่งเริ่มเท่านั้น |10/3/18|(ตอนจบ)  (อ่าน 680382 ครั้ง)

ออฟไลน์ CarToonMiZa

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6338
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +820/-41
พี่เอกระวังน๊า
พิสูจน์มากๆ
จะเข้าตัวเอง :z1:

บวกเป็ด

ออฟไลน์ memew

  • ขอบคุณที่เข้ามาอ่านจ้าาา
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 456
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +382/-10
    • :: Memew แฟนเพจ :
 Kiss Love ♥ [13] หัวใจไกลเกินเอื้อม
[กาย...♥]



 

“อ้าว แล้วเป้กับเต้ยล่ะ”
พี่สาวถามหาสมาชิกที่หายไป

“เป้มันคงอยู่ในห้อง ส่วนเต้ย…”
ไอ้พี่เอกมองมาทางผม ทุกคนมองตาม
 
“คือผมอาบน้ำเสร็จก็ออกมาถ่ายภาพเลย แฮะ ๆ หมอนั่นคงนั่งเล่นเกมหรืองีบหลับอยู่ในห้องนั่นแหละ”
ผมพูดเจื่อน ๆ ถ้าไอ้เต้ยได้หลับเมื่อไหร่ คงต้องใช้เวลากว่าจะปลุกให้ตื่นได้

“งั้นผมไปดูดีกว่า เดี๋ยวจะไปตามพี่เป้ด้วย”
ผมปลดกล้องออกจากคอยื่นให้พี่เอก

“ฝากลูกชายที รีบไปจะรีบกลับ”

พี่มันทำหน้าเหวอ รับไปถือไว้งง ๆ ผมเดินเร็วออกมาจากกลุ่ม ได้ยินเสียงไอ้พี่มอแซวมาตามหลัง

“ไม่ต้องห่วง ไว้ใจพ่อมันได้!”

ผมอมยิ้ม ไม่ใส่ใจกับคำแซวนั้น แม้จะแอบหน้าร้อนขึ้นมาหน่อย ๆ ก็เถอะ





ผมวิ่งลัดเลาะจากล็อบบี้ขึ้นไปยังชั้นสามห้องริมสุด ตอนแรกว่าจะกระชากเปิดประตูเข้าไปเลย แต่ว่าเปลี่ยนใจเป็นค่อย ๆ หมุนลูกบิดเปิดประตูเข้าไปดีกว่า เผื่อไอ้เต้ยมันนั่งเล่นเกมอยู่จะได้จ๊ะเอ๋มัน

พอเปิดประตูเข้าไป ภาพตรงหน้าทำเอาผมชะงักค้าง เท้าเกาะติดพื้น ร่างกายเหมือนโดนแช่ด้วยน้ำแข็งจากขั้วโลกเหนือ

บนเตียงใหญ่สีขาว มีร่างของไอ้เต้ยกำลังทอดตัวนอนหลับสนิทอยู่ และริมเตียงข้างตัวมันถูกครองพื้นที่ไว้ด้วยใครบางคน ซึ่งคนคนนั้นกำลังก้มหน้ากดจูบมันอยู่

ผมคงจะโวยวายไปแล้ว ถ้าคนคนนั้นไม่ใช่คนที่ผมคุ้นเคย
..

พี่เป้

ผมยืนอึ้งอยู่กับที่ ผมควรจะปิดประตูลง เดินจากไปแล้วทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นใช่ไหม แต่ขามันก้าวไม่ออก

พี่เป้ถอนริมฝีปากออกช้า ๆ เลื่อนขึ้นไปจูบหน้าผากมันเบา ๆ ผมได้แต่ยืนมองทุกภาพ เหมือนดูหนังสโลว์โมชั่น

พี่เป้ทำอะไร
แล้วทำไมต้องจูบ?

“พี่รักนาย”
คำสารภาพแผ่วเบาพาเอาหัวใจผมรู้สึกวูบโหวง

พี่เป้รักเต้ย
แล้วความรักของพี่เป้เป็นความรักแบบไหน

แล้วจูบที่พี่ให้ไอ้เต้ยเมื่อกี้
เป็นจูบแบบไหน

“พี่ขอโทษ”
วงแขนใหญ่สอดเข้าใต้ร่องเอวของไอ้เต้ย ยกขึ้นเบา ๆ แนบกับแผ่นอก สองไหล่กว้างกำลังสั่นไหว

“พี่ขอโทษ”
และพร่ำพูดด้วยน้ำคำเพียงคำเดียว

ผมเข้าใจทันทีว่าคำรักที่พี่เป้พูดถึง คือคำรักแบบไหน

คำรักที่ก่อให้เกิดความทรมานทั้งทางร่างกายและจิตใจ
 

“พี่เป้”
ผมเผลอเรียกพี่มันเสียงเบา พี่เป้ชะงัก หันมามองผมตะลึง ผมเองก็ชะงักไม่ต่าง เพราะหน้าของพี่เป้เต็มไปด้วยน้ำตา

ผมยังยืนนิ่งอยู่กับที่ พี่เป้ค่อย ๆ วางร่างของไอ้เต้ยลง ไม่รู้ทำไม แทนที่ผมจะเดินจากไป ผมกลับเลือกที่จะก้าวเข้าไปในห้องนั้นแทน

พี่เป้ลุกขึ้นยืน พยายามเช็ดน้ำตาตัวเองออก แต่ยิ่งเช็ดมันยิ่งไหลรินเยอะกว่าเดิม ผมเอื้อมไปบีบมือพี่เป้เบา ๆ

“ไม่เป็นไรนะ”
ผมพูดได้แค่นั้น ก่อนพี่เป้จะกระชากร่างผมเข้าไปกอด ตัวพี่เป้สั่นสะท้านรัดผมแน่น

ผมเจ็บ…
แต่ก็ไม่คิดจะห้าม เพราะผมรู้ว่าพี่เป้คงเจ็บกว่า

เจ็บที่หัวใจไม่ใช่ร่างกาย



“พี่เป้”

“ขอโทษ ขอพี่อยู่อย่างนี้แป๊บ”

ผมได้แต่ยืนนิ่ง ให้พี่เป้กอดอยู่อย่างนั้น

 

 

ผมไม่แน่ใจว่าเราสองคนยืนกอดกันอยู่นานแค่ไหน รู้แค่ว่าสองมือผมกำลังลูบแผ่นหลังกว้างปลอบใจพี่มันเบา ๆ

“ไม่เป็นไรนะฮะ”
ผมกระซิบปลอบ

“ขอเวลาพี่หน่อยนะกาย ขอเวลาให้พี่ได้ตัดใจจากมัน ขอเวลาให้พี่กลับไปเป็นพี่มันอีกครั้ง ถึงเวลานั้น เข้าใจพี่และอยู่เคียงข้างมันแทนพี่ด้วย พี่อาจจะทำให้มันเสียใจ แต่เพราะพี่รักมัน พี่ต้องทำ”
พี่เป้พูดอะไรสักอย่าง ผมไม่เข้าใจ แต่ในเมื่อกี้พี่เป้ต้องการอย่างนั้น ผมก็พยักหน้ารับ ผมดันตัวพี่เป้ออกเบา ๆ ใช้มือเกลี่ยน้ำตาออกให้

“ผมไม่เข้าใจเรื่องทั้งหมดหรอกนะ แต่ผมจะช่วยเท่าที่ช่วยได้”

พี่เป้จับสองมือผมบีบแน่น น้ำตาที่หยดแหมะค่อย ๆ แห้งลง ดวงตาที่เคยแดงก่ำ ค่อย ๆ กลับมาเป็นสีเดิม

“ขอบใจนะ พี่ฝากปลุกมันด้วย”
พี่เป้บอกแค่นั้นแล้วเดินจากไป ผมมองตามจนลับสายตา ก่อนหันมามองคนที่ยังหลับไม่รู้เรื่องรู้ราว ผมสูดลมหายใจเข้าปอดลึก ปลุกมันจนตื่น
 
ผมไม่รู้ว่าไอ้เต้ยมันรู้ความรู้สึกของพี่มันไหม ไม่อยากจะคาดเดา แต่ขอแค่ความรู้สึกของพี่เป้จะไม่มากไปกว่านี้ก็พอ


 

ผมกับไอ้เต้ยเดินโต๋เต๋กันไปที่รถ ไม่นาน พวกเราก็มารวมพลกันที่ร้านอาหารในตัวเมือง ผักบุ้งไฟแดงร้านนี้อร่อยสมคำคุยจริง ๆ เราสั่งอย่างอื่นมากินกันด้วยอีกหลายอย่าง เม้าท์แตกจนร้านเขาแทบพัง พี่เป้ยังมีท่าทีเหมือนเดิม ผมเหลือบตามองบ่อย ๆ ด้วยความเป็นห่วง

สำหรับไอ้เต้ย ถึงบางครั้งมันจะปากหมา แต่มันก็ยังเทคแคร์ดูแลพี่มันไม่หยุด 

ผมละสายตาจากคนทั้งคู่มามองอาหารในจานตัวเอง หยิบกล้องขึ้นมาเซต แล้วกดถ่าย

“ของกินก็ต้องถ่ายด้วย”
ไอ้พี่เอกมันว่า ผมกำลังหมุนเช็คภาพอยู่

“ก็มันสวยดี”

พี่เอกขมวดคิ้วงุนงง คงกำลังสงสัยว่าของกินรก ๆ ที่อยู่ตรงหน้า มันสวยงามตรงไหน   

ของพวกนี้มันพูดยากครับ มันอยู่ที่มุมมองของคน ถ้ามองให้สวยก็สวย ถ้ามองให้มันไม่สวย มันก็ไม่สวย สำหรับผม ทุกสิ่งรอบตัวคืองานศิลปะ ของทุกอย่างมันมีคุณค่าในแบบของมันเอง

และผมก็เชื่อว่าทุกอย่างที่เราสัมผัสได้และไม่ได้ในโลกนี้ มีชีวิตและลมหายใจ ผมถึงได้ชอบถ่ายภาพ จะได้เสนอเรื่องราวต่าง ๆ ผ่านภาพถ่ายของตัวเอง

ผมปรับเลนกล้องหันไปถ่ายพวกพี่ ๆ ในกลุ่ม ถ่ายทีละคน คนละมุม คนละช็อต คนละอิริยาบถ เลือกถ่ายช็อตที่คิดว่าน่าจะเป็นตัวตนของคนคนนั้นให้มากที่สุด

ผมไม่ชอบอยู่กับผู้คนเยอะ ๆ แต่ก็ใช่ว่าจะมองคนไม่เป็น ขี้เกียจยุ่งวุ่นวายแค่นั้นแหละ แค่กับไอ้เต้ยคนเดียวก็เพียงพอแล้ว
 
ผมไล่ถ่ายทีละคน เอาตอนเผลอเป็นหลัก จนมาจบที่คนด้านข้าง พี่เอกหันมามองผมตรง ๆ ผมกดถ่ายไปแชะหนึ่ง เอียงคอไปด้านซ้ายหลบกล้องมองพี่มัน ผมวางกล้องไว้บนตัก เอื้อมหยิบกระดาษทิชชู่มาถือไว้

“พี่เอกก้มหน้าหน่อย”

ชินครับ
สั่งพี่มันจนชิน พี่เอกก้มหน้าอัตโนมัติ รายนี้ก็คงชินด้วยเหมือนกัน ผมเช็ดปากให้เบา ๆ

“กินเหมือนเด็ก”
ผมว่าไปอีกดอก

“วู้!! พวกมึง สวีทกันเกินหน้าเกินตากูกับเจนแล้วนะ”
ไอ้พี่มอครับ ผมรีบวางทิชชู่ ก้มลงไปกินข้าวต่อไม่ใส่ใจ ไอ้คนข้างตัวผมชี้หน้าคาดโทษเพื่อนมัน


“กินเสร็จ พวกเราไปเดินเล่นงานวัดกัน”
พี่อ้อยชวน

ตอนมาพวกเราเห็นว่ามีงานวัดกันอยู่ มีพวกชิงช้าสวรรค์ ม้าหมุน เกมและอะไรอีกเยอะแยะให้เล่นเต็มไปหมด ทุกคนพยักหน้ารับ

และไม่เกินสิบห้านาทีหลังจากนั้น เราก็มาถึงวัดกันแล้วครับ มาคราวนี้ พวกเราเล่นกันเป็นกลุ่มใหญ่

พี่มอกับพี่โอม เน้นเล่นเกมที่ได้แทะแฟนตัวเองตลอด อย่างเกมยิงปืน พี่แกก็ไปยืนซ้อนตัวพี่เจนไว้ แต่ชิดเกินไปจนดูแนบสนิท สาวนางแก้มแดงใหญ่ สองมือก็ช่วยจับปืน จับไม่จับเปล่า มีแอบลูบมือขาว ๆ ด้วย แล้วพี่แกก็หาโอกาสแตะตรงนู้นนิด จับตรงนี้หน่อย หนัก ๆ เข้าก็หอมแก้มซะเลย

ใครได้สองคนนี้เป็นแฟนมีแต่พรุนกับพรุน

มองไปยังไอ้พี่เป้กับไอ้เต้ย มันสองคนก็ด่ากันไปช่วยกันยิงปืนกันไป เหมือนมันกับพี่มันจะหล่อเลี้ยงความสัมพันธ์ด้วยคำด่านะนั่น

พี่โอ๊คกับพี่ปิง เน้นเล่นเกมใช้สมองประลองปัญญา สองคนนี้เป็นเด็กเกียรตินิยมด้วยกันทั้งคู่ ถือเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงหลักของพี่เอกเหมือนกัน

พี่อ้อยเลขาจับมือกับพี่สาว เล่นเกมสาวน้อยตกน้ำ สงสัยสองคนนี้จะหมั่นไส้คนงามบนแท่น เล่นปาเอาปาเอา มือแม่นซะด้วย
 
ตกตู้มๆ ไปหลายรอบ

พี่อิงสิงสถิตดูเขาทำขนมตุบตับครับ บ้านแกเปิดร้านอาหาร เลยชอบดูสูตรลับการทำอาหารของชาวบ้านชาวเมืองเขาไปทั่ว รายนี้ปล่อยเขาไป ส่วนพี่กิ๊ฟสาวกร่างประจำกลุ่ม กำลังสนุกกับการโยนห่วงใส่ขวด ได้บ้างไม่ได้บ้าง สนุกสนานกันไป

ผมเดินถ่ายรูป ส่วนพี่เอกก็โผล่ไปเล่นเกมนู้นเกมนี้กับเพื่อนไป




ผมกำลังถ่ายภาพม้าหมุนขนาดใหญ่อยู่ มีเด็ก ๆ ไม่ถึงสิบคนกำลังควบเล่น ใบหน้าของแต่ละคนแต่งแต้มไปด้วยรอยยิ้มคละเคล้าไปกับเสียงหัวเราะ ไม่ต่างกับพ่อแม่ที่มาด้วย แต่ในกลุ่มของเด็กที่กำลังยิ้มรื่นอยู่นั้น มีเด็กชายตัวน้อยคนหนึ่ง กำลังร้องไห้น้ำตานองหน้าบนม้าหมุนสีแดงสด มือหนึ่งเกาะเสาม้าแน่น อีกมือปาดน้ำตาออกจากแก้ม โดยมีคนเป็นแม่ยืนให้กำลังใจอยู่ห่าง ๆ

น้องคงเพิ่งหัดเล่น
           
ผมยิ้ม กดถ่ายความแตกต่างที่กลมกลืนไปที

พอถ่ายเสร็จก็เก็บกล้องลงกระเป๋า วันนี้ถ่ายเยอะแล้ว อยากเล่นเกมบ้าง หันซ้ายหันขวามองหาเพื่อนกับพี่ ๆ

อ้าว หายไปไหนกันหมด

ผมมองหาอีกที ก่อนสะดุ้งเฮือกเพราะรู้สึกเหมือนมีใครบางคนมายืนขนาบอยู่ด้านหลัง ผมหันไปมอง

ไอ้พี่เอกครับ พี่มันเหลือบตาลงมอง

“คนอื่นล่ะ”
ผมถาม

“แยกย้ายกันไปเล่นเกมหมดแล้ว”

ผมพยักหน้าเข้าใจ
“แล้วพี่ล่ะ ไม่ไปเล่นเหรอ”

“เบื่อแล้ว เล่นไปตั้งเยอะ”

ผมมองของรางวัลมากมายที่พี่แกถือไว้จนเต็มมือ และหนึ่งในนั้น ก็เป็นตุ๊กตาหมีตัวใหญ่ ผมหัวเราะขำ ๆ กับสิ่งที่เห็น

ผู้ชายตัวโตอุ้มตุ๊กตาหมีตัวใหญ่

“เอ้า”
พี่มันยื่นตุ๊กตาหมีตัวนั้นมาให้ ผมมองงง ๆ

“พี่ถือมันไม่ค่อยเหมาะ นายถือแทนที”

ผมทำหน้าเหวอ แล้วกูเหมาะนักรึไง
 
พี่มันดัน ๆ ตุ๊กตามาด้านหน้าเร่งให้ผมช่วยถือให้ ผมก็รับมาถือไว้มึน ๆ

“เอาไอ้นั่นมาให้พี่ถือดีกว่า ดูท่าจะหนัก”
พี่มันชี้มาที่กระเป๋าใส่กล้องผม

“ไม่เป็นไรพี่ ผมถือได้”

“เอามา สลับกัน”
พี่มันทำเสียงเข้มบังคับ ผมเลยจำต้องยกกระเป๋ากล้องให้


ตอนแรกก็ว่าจะเล่นเกม แต่เห็นพี่มันเล่นจนเบื่อแล้ว เลยไม่อยากพาไปเล่นอีก ผมเลือกที่จะเดินเล่นไปเรื่อย ๆ เคียงข้างไปกับพี่แกโดยมีคุณตุ๊กตาหมีตัวใหญ่อยู่ในอ้อมแขน เห็นพวกพี่ ๆ บางคน กำลังเมามันกับการเล่นเกมกันอยู่ ไม่อยากเข้าไปกวน เลยเดินผ่านไปดูคนอื่น ๆ เล่นเกมกันแทน 
 

ไม่นานพวกเราก็กลับมารวมตัวกันอีกครั้ง แต่ละคนได้ของเล่นติดไม้ติดมือกันเต็มไปหมด ส่วนผมได้ภาพและความทรงจำกลับไปเหมือนเดิม

ทุกคนคงขี้เกียจเล่นเกมกันแล้ว เลยเลือกที่จะเดินดูงานและการแสดงต่าง ๆ ไปเรื่อย ๆ พวกพี่ ๆ เดินคุยกันโขมงโฉงเฉงโดยมีผมกับพี่เอกเดินรั้งท้าย

ฟิ้ววว~

ปัง!!!!

ลูกไฟสีส้มถูกส่งขึ้นฟ้า แล้วมันก็แตกกระจายกลายเป็นแสงไฟหลากหลายสีสัน พวกเราเงยหน้าขึ้นมอง ลูกไฟอีกลูกถูกส่งขึ้นไปอีกครั้ง แล้วมันก็แตกกระจายกลายเป็นแสงแห่งสีสันสวยงามยิ่งกว่าเดิม

“สวยเป็นบ้าเลย”
ใครสักคนพูดขึ้น

ผมยิ้ม กดคางลงบนหัวของตุ๊กตาหมีตัวใหญ่ในอ้อมแขน

“สนุกดีวะ ครั้งหน้ามาเที่ยวกันอีกนะ”
พี่อ้อยเปรย

แกคงกำลังซึมซับบรรยากาศดี ๆ แบบนี้เอาไว้ในใจไม่ต่างกับผม ผมยิ้ม จ้องมองแผ่นหลังของพวกพี่ ๆ แต่ละคน ปกติผมไม่ใช่คนเที่ยวแบบกลุ่ม ส่วนมากจะไปไหนมาไหนกับแม่ หรือไม่ก็กับไอ้เต้ยมากกว่า นี่คงเป็นครั้งแรกจริง ๆ ที่ได้เที่ยวแบบนี้


ผมเดินตามพวกพี่มันไปเรื่อย ๆ แต่อยู่ ๆ ภาพตรงหน้าก็ถูกบดบังด้วยใบหน้าของใครบางคน และริมฝีปากผมก็ถูกกดปิดอีกครั้ง ผมตาโต แล้วสิ่งนั้นก็หายไป ผมหยุดเดิน แต่แขนของคนที่เดินอยู่ข้าง ๆ โอบเข้าที่เอวด้านหลัง ดันเบา ๆ ให้เดินหน้า

เมื่อกี้พี่เอกทำอะไร!

จูบ!

ต่อหน้าเพื่อนเนี่ยนะ

ไม่ใช่สิ..
ลับหลังเพื่อนมากกว่า เพราะพวกพี่ ๆ เขามองไม่เห็น แต่คนรอบข้างต้องเห็นกันแน่ ๆ 

ความร้อนวิ่งผ่านใบหน้า แขนพี่เอกยังอยู่ที่เอวผม เราเดินเบียดกันเพราะทางเดินมันแคบ คนที่เดินอยู่ด้านหน้าคงไม่เห็นเพราะมีตุ๊กตาตัวใหญ่บังไว้อยู่ 

ผมไม่พูด ไม่ห้ามอะไร เดินเงียบ ๆ ไปอย่างนั้น

พี่มันหน้าด้านจริง ๆ ขอบอก 0///0
 

 




 

พวกเรากลับมาถึงที่พักกันตอนเที่ยงคืน ต่างคนต่างเหน็ดเหนื่อยแยกย้ายกันเข้าห้องอาบน้ำนอน ผมยังไม่ง่วงเลยขอตัวออกไปเดินเล่นรับลมทะเลข้างนอกแทน

นึกถึงความรู้สึกแปลก ๆ ที่ได้รับตลอดวันของวันนี้ ก็พาเอาใจวาบหวิวไม่น้อย วันนี้พี่เอกทำเอาผมใจเต้นแรงไปกี่รอบกันแล้วนะ

ผมเงยหน้าขึ้นมองพระจันทร์

มันยังคงส่องสว่างให้ทาง ตอนนี้พระจันทร์เกือบกลม มันสวยเอามาก ๆ เสียดายไม่ได้เอากล้องมาด้วย

“สวยดีนะ”
ใครสักคนพูดขึ้น ผมหันไปมอง

“พี่เอก”

พี่มันหันมามอง แล้วหันกลับไปมองพระจันทร์ต่อ ผมมองตามบ้าง แค่รู้ว่ามีพี่มันมายืนอยู่ข้าง ๆ ผมก็รู้สึกตื่นเต้นแปลก ๆ แล้ว
 
“จะตีหนึ่งแล้ว ผมง่วง ไปนอนก่อนดีกว่า”
ผมเบี่ยงตัวเตรียมจะเดินกลับ แต่ข้อมือถูกคว้าเอาไว้ ผมหันไปมอง

“คืนนี้เป้มันขอไปนอนกับเต้ย”

ผมยืนนิ่ง กรอกตาไปมาอย่างชั่งใจ ก็ไหนพี่เป้บอกว่าจะตัดใจ แล้วทำไมไปนอนกับไอ้เต้ยได้ล่ะ

“นายไปนอนห้องพี่ละกัน”
พี่มันพูดเรียบ ๆ แล้วปล่อยมือออก

ตอนนี้ผมกำลังกังวลเรื่องพี่เป้ พี่แกคิดจะทำอะไรกันแน่ ผมพ่นลมหายใจออกมาเบา ๆ

แต่ผมมั่นใจ ว่าพี่เป้ ไม่ทำอะไรไอ้เต้ยแน่นอน




ผมเดินตามพี่เอกกลับห้อง กวาดมองไปรอบ ๆ การตกแต่งเหมือนกันแทบจะทุกอย่าง พอเข้ามาถึงก็เริ่มตกประหม่า

เอาน่า ไม่มีอะไรหรอก

ผมพยายามไม่คิดอะไรมาก เดินลิ่ว ๆ ไปทิ้งตัวลงนอนด้านในสุด

“ราตรีสวัสดิ์ครับ”
ผมบอกลาก่อนนอนแค่นั้น คว้าเอาผ้าห่มมาคลุมจนแทบจะมิดหัว หันหน้าเข้าหากำแพง พยายามไม่รับรู้ว่าอีกคนกำลังทำอะไรอยู่

ได้ยินเสียงพี่มันทำอะไรสักอย่างดังก๊อกแก๊ก แล้วไฟกลางห้องก็ดับลง หลงเหลือไว้เพียงโคมไฟตรงหัวเตียง ผมพยายามข่มตาให้หลับ แม้หัวใจจะพากันเต้นตุบตับรุนแรงมากกว่าปกติก็ตาม

พื้นเตียงด้านข้างยุบฮวบ ผมลืมตาโพลง พยายามผ่อนลมหายใจให้เบาที่สุด ลดความตื่นเต้นที่มีมากเกินไปให้เบาบางลง แสงสว่างภายในห้องค่อย ๆ ลดระดับลงจนกลายเป็นความมืด ผมหลับตาลงอีกที

พี่เอกรั้งผ้าห่มผืนเดียวกันไปห่มบ้าง 

“กาย”
ได้ยินเสียงเรียกเบา ๆ ผมกำลังชั่งใจว่าจะตอบรับ หรือจะนอนนิ่ง ๆ แกล้งหลับดี แต่สุดท้ายผมก็เลือกอย่างแรก

“ครับ”

พี่มันเงียบ ไม่พูดอะไรต่อ ผมหน้าหันไปมอง เห็นพี่มันนอนหงาย เอามือก่ายหน้าผากไว้

“มีอะไรหรือเปล่า”
ผมถามอีกที

“เปล่า”
พี่มันปฏิเสธ
 
ผมเอื้อมไปดึงมือพี่มันออกจากหน้าผาก

“นอนก่ายหน้าผากไม่ดีนะ”
ผมพูดยิ้ม ๆ พลิกตัวกลับไปนอนหันหลังให้เหมือนเดิม ก่อนสะดุ้งเฮือกเพราะมีวงแขนใหญ่มารัดไว้ที่เอว ผมตาโต กำลังจะอ้าปากท้วง แต่พี่มันดักทางขึ้นมาก่อน

“นอนเถอะ พี่ง่วงแล้ว เป็นหมอนข้างให้พี่สักวันละกัน”
พี่มันพูดแค่นั้นแล้วเงียบไป

กูจะเป็นหมอนข้างให้มึงได้ไง กูเป็นคน แล้วเสียงหัวใจของกูเนี่ย มันดังจนเหมือนใครมาตีกลองอยู่ข้าง ๆ หูกูแล้ว

พี่มันดึงผมเข้าไปชิดมากขึ้น ผมได้แต่ก้มหน้า ไม่กระดุกกระดิกส่วนไหนของร่างกาย ตัวพี่มันใหญ่ โอบผมได้ทั้งตัว เหมือนแม่นกโอบลูกนกด้วยปีกนั่นแหละ

จากความตื่นเต้นในตอนแรกกลายเป็นความอบอุ่นอย่างประหลาดในตอนท้าย ผมผ่อนลมหายใจสม่ำเสมอมากขึ้น จังหวะการเต้นของหัวใจก็เริ่มกลับเข้าสู่สภาวะปกติ

แล้วผมก็นอนนิ่ง ๆ ทำตัวเป็นหมอนข้างที่ดีตลอดทั้งค่ำคืน



ต่อ...
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-04-2012 01:48:57 โดย memew »

ออฟไลน์ memew

  • ขอบคุณที่เข้ามาอ่านจ้าาา
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 456
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +382/-10
    • :: Memew แฟนเพจ :
ต่อ...

แสงตะวันยามเช้าลอดผ่านม่านหน้าต่างเข้ามา ถึงผมจะขี้เซา แต่เป็นพวกตื่นเป็นเวลา ผมขยับเปลือกตาเปิดขึ้นมอง สิ่งแรกที่เห็น คือแผงอกกว้างของใครบางคน ผมไล่สายตาสูงขึ้นเรื่อย ๆ จนเห็นลูกคางของคนคนนั้น และลมหายใจอุ่น ๆ กำลังเป่ารดอยู่ที่หน้าผาก แขนใหญ่ข้างหนึ่งถูกผมใช้เป็นหมอนรองหัวส่วนอีกข้างวางพาดร่องเอวผมไว้หลวม ๆ

ผมตื่นขึ้นมาในอ้อมกอดผู้ชาย

คิดแล้วก็หน้าร้อนผ่าว ถึงจะไม่มีอะไรเกินเลยก็เถอะ
       
ผมกำลังคิดอยู่ว่าจะเขยิบตัวออกท่าไหน พี่เอกที่ตื่นง่ายเอามาก ๆ จะได้ไม่ตื่นตาม แต่แค่ผมขยับตัวนิดเดียว คนที่หลับอยู่ก็ตื่นตาม

“อืม..ตื่นแล้วเหรอ”
พี่มันพูดงัวเงีย แทนที่จะปลดแขนออก กลับกระชับวงแขนแน่นขึ้นไปอีก

“สายแล้ว”
ผมบอก หวังให้แกปลดพันธนาการออกจากเอวผม

“อืม อีกนิดหนึ่ง อากาศกำลังดี”
พี่มันต่อรองเหมือนเด็ก ๆ แล้วกระชับอ้อมแขนแน่นขึ้นไปอีก รู้สึกเหมือน  ๆ พี่มันกำลังดมหัวผมอยู่เลยแฮะ

แน่ละครับ ผู้ชายเวลาตื่นนอน ธรรมชาติย่อมเป็นธรรมชาติ บางสิ่งที่บ่งบอกความเป็นชายค่อย ๆ ตื่นตัวขึ้น

เปล่า ไม่ใช่ของผมครับ

ของพี่เอกมันต่างหาก

เอิ่ม…

ผมพยายามไม่สนใจ

แต่ว่ามันก็…

“เอ่อ.. พี่เอก ผมหิว”
ผมรีบผลักอกพี่เอกออกเบา ๆ คนที่บางส่วนตื่น แต่เจ้าตัวยังไม่อยากตื่นงัวเงียมองอีกที

“อืม”
พี่มันรับปาก คลายวงแขนออก ผมสบโอกาสรีบลุกออกจากเตียงเดินเข้าห้องน้ำไปทันที

โอ๊ย! ไอ้กายเอ้ย มึงจะตื่นเต้นอะไรนักหนาวะ ก็แค่ธรรมชาติผู้ชาย

ผมรีบเปิดฟักบัว อาบน้ำอาบท่า บ้วนปากให้สะอาดอีกที (ยังไม่ได้แปรงฟันครับ พอดีแปรงผมอยู่ที่ห้อง บ้วนปากด้วยน้ำยาบ้วนปากลิสเตอลีนขวดสีฟ้าเฉย ๆ= = )

พอออกมา พี่เอกก็ยังไม่ตื่น (ทั้งที่บางส่วนมันตื่นอยู่) ได้ยินเสียงเคาะประตูหนัก ๆ สงสัยเป็นไอ้เต้ย ผมเขย่าแขนพี่เอกปลุกให้แกตื่น จะได้ไปกินข้าวกันก่อนสาย

พอเห็นว่าน่าจะตื่นแล้ว ผมก็ปล่อยให้พี่แกลุกขึ้นมานั่งหัวฟูข้างเตียง แล้วตัวเองก็เดินไปเปิดประตูที่ยังคงกระหน่ำเคาะอยู่ไม่หยุด

พอเปิดประตูออก

อ้าว…ไม่ใช่ไอ้เต้ยครับ แต่เป็นพี่มอ

“อะ อ้าว เรามาอยู่นี่ได้ไง”
พี่มันถาม ผมกำลังจะตอบ
“มึง….”
แต่พี่มันทักใครอีกคนด้านหลังผมขึ้นมาก่อน ผมหันหน้าไปมอง ก็เห็นคนหล่อทำหน้าเบลอ ๆ ยืนขนาบอยู่ด้านหลัง

“มีราย”
พี่มันถามเสียงยาน

ผมขมวดคิ้ว
นี่พี่เอกตัวจริงหรือเปล่าเนี่ย

“โห มึงพัฒนาขนาดเอาน้องเขามานอนกกด้วยแล้วเหรอวะ”
ไอ้พี่มอมันพูด ผมก็อยากจะเถียง แต่ว่า ไอ้คำว่านอนกกมันก็ถูกแล้วนี่หว่า

“มีไร”
พี่เอกไม่ด่ากลับแต่ถามต่อ แถมมันยังสอดมือเข้าที่เอวผมเบา ๆ กอดไว้ ผมหน้าร้อนขึ้นมาทันที พยายามจับมือพี่เอกออก แต่มือพี่มันตุ๊กแกใช้ได้

“พวกกูกินข้าวกันหมดแล้ว ถ้ามึงหิวก็ไปกินที่ห้องอาหารของทางรีสอร์ตละกัน พวกกูจะไปเล่นน้ำกันต่ออีกนิดหน่อย สาย ๆ ถึงจะกลับ”

พี่เอกพยักหน้า

“มึง อย่าหักโหมมากนักนะโว้ย สงสารน้องมันบ้าง”
พี่มอสั่งไว้แค่นั้น พี่เอกพยักหน้ารับเบลอ ๆ ปิดประตูลง ลากผมไปนอนบนเตียงต่อ

นี่มึง ไม่คิดจะห้ามอะไรเลยรึไง คนเขาจะเข้าใจมึงกับกูผิดไหม!!
 
“เดี๋ยวพี่เอก ผมหิวข้าว”
ผมพยายามดิ้นรนขัดขืนยืนหยัดที่จะลุกออกจากเตียง

“อืม ขอห้านาที”
พี่เอกรั้งผมเข้าไปในอ้อมกอดทั้งตัว ผมนอนตะแคงข้างโดยมีพี่มันนอนกอดอยู่ด้านหลัง

ผมได้แต่นอนนิ่ง ๆ รอให้ครบห้านาทีตามที่พี่แกบอก แต่ยังไม่ทันจะครบดี ปากพี่แกก็เริ่มเลาะเล็มซอกคอด้านหลังผมแล้ว

“พี่เอก!”
ผมรีบเบรกแกไว้ทันที ขยับตัวดิ้นขลุกขลัก พี่เอกพลิกตัวคร่อมร่างผมไว้ ผมตาโตจ้องมอง พี่แกกำลังก้มหน้าลงมา ผมรีบยกสองมืออุดปากพี่แกไว้ทันที

อันตรายครับ เพราะลูกพี่แกเล่นตื่นตั้งแต่เช้า

“ห้ามจูบ ปากเน่า”
ผมรีบแถ

พี่เอกชะงัก ขำออกมาทั้งที่มือผมยังอุดปากอยู่ พี่แกเบี่ยงหน้าออกจากมือผมลุกเดินจากไป ผมถอนหายใจเบา ๆ กำลังจะลุก แต่คนที่เดินจากไปเดินวกกลับมาใหม่ จับผมกดลงกับเตียงอย่างรวดเร็ว ๆ พอ ๆ กับที่พี่แกก้มหน้าลงมาใช้ปากปิดปากผมไว้

หมดสิทธิ์ดิ้นรนครับ ชัยภูมิไม่เอื้อ พี่มันใช้ร่างใหญ่ ๆ กดผมติดเตียงเลย จูบไม่จูบเปล่า ยังฉกลิ้นเข้ามาในปากอีก บดเบียดเน้นย้ำหยอกล้อ แล้วผละออกมายิ้มพราว

“พิสูจน์ไงว่าเหม็นจริงหรือเปล่า”

ผมรีบเช็ดปากตัวเอง

“เหม็น รีบ ๆ ไปอาบน้ำได้แล้ว”

พี่เอกหัวเราะหึ ๆ เดินผิวปากอารมณ์ดีเข้าห้องน้ำไป

คือ เอาตามจริงนะครับ มันไม่เหม็นหรอก เพียงแต่อายที่จะยอมรับ

ผมอยากออกจากห้องไปดูไอ้เต้ย ลุ้นว่ามันโดนพี่เป้ทำอะไรหรือเปล่า แต่ก็กลัวครับ นั่งคิดอยู่นานจนพี่เอกอาบน้ำเสร็จ พี่แกนุ่งผ้าเช็ดตัวผืนเดียวออกมา ผมเบือนหน้าหนี ผมใส่ชุดเดิมเมื่อคืน พี่เอกเดินไปใส่ชุดใหม่ที่เตรียมมา

คนอะไร หุ่นดีชะมัดยาด กล้ามงี้เป็นมัด ๆ

ผมนั่งรออยู่พัก พี่เอกก็แต่งหล่อออกมา วันนี้พี่แกใส่เสื้อยืดสีขาวล้วน เน้นแผงกล้ามช่วงอกและหัวไหล่กว้าง เอวสอบภายใต้กางเกงยีน พี่แกคงไม่คิดจะเล่นน้ำอีกแน่ ๆ
 
“ป่ะ ไปกินข้าวกัน หิวไม่ใช่เหรอ”
พี่มันชวน ผมพยักหน้ารับปาก เดินตรงไปยังหน้าประตู กำลังจะเปิดออก แต่พี่มันเกี่ยวแขนข้างหนึ่งไว้ที่เอวผม ส่วนมืออีกข้างก็จับคางผมดันเบา ๆ ให้แหงนหน้าไปรับจูบจากพี่มัน

ผมกำลังจะร้องท้วง แต่พี่มันอาศัยจังหวะนั้น ฉกลิ้นเข้ามาภายใน ผมอยากขัดขืน แต่มันมึนจนขยับแขนขาไม่ถูก

ช่วงนี้ผมถูกจูบบ่อยจัง อยู่กับพี่เอกมาสองวัน ผมโดนจูบไปแล้วกี่รอบเนี่ย

ผมหอบหายใจหนัก ปรอยตาจ้องหน้าพี่มัน

“พี่เอก…”
คือจริง ๆ จะครางห้าม แต่เสียงมันออกมาได้แค่นี้

“ถ้าไม่ติดต้องพานายไปกินข้าว พี่จะกินอย่างอื่นแทนนะเนี่ย”
พี่มันบอกแค่นั้นแล้วปล่อยผมออก

“ระ เรารีบไปกันดีกว่า”
ผมรีบชวน ก่อนที่อะไร ๆ มันจะเกินเลยมากไปกว่านี้

 

พอเปิดประตูออกไป ก็เห็นไอ้เต้ยเดินหัวฟูออกมาจากห้อง ตามติดด้วยพี่เป้

“มึง ทำไมพี่เป้มานอนกับกูได้วะ”
มันเดินเข้ามากอดคอผมไว้
“เมื่อคืนกูเลยฝันร้าย ฝันว่าถูกปีศาจเขมือบเอา กลัวแทบตาย”

ผมหัวเราะหึ มองไปยังพี่เป้ที่ทำหน้าบูดอยู่ตรงหน้า ก็คงจะเหมือนอยู่หรอก

“มึงกินข้าวรึยัง ไปกินข้าวกัน”
ผมชวน

มันพยักหน้า เปลี่ยนจากกอดคอมาเป็นพาดบ่าแทน เราสองคนสูงเท่ากัน มันเตี้ยกว่าผมแค่เซ็นต์เดียว มองกลาย ๆ ก็ไม่ต่างกันเท่าไหร่ เราเดินนำหน้า แล้วมีสองหนุ่มตัวใหญ่เดินตามหลัง พี่เอกสูงกว่าพี่เป้ประมาณห้าเซ็นต์ได้ แต่ความหนาของตัวคงพอ ๆ กัน

เราเข้าไปในห้องอาหารของทางรีสอร์ต อาหารละลานตาครับ จัดเรียงเป็นถาด ๆ พวกจานชามถูกแยกไว้เป็นสัดส่วนเรียงกันเป็นชั้น ๆ ประดับประดาด้วยแจกันดอกไม้ และผ้าแพรพับเรียบจับจีบ สวยสะดุดตาจนอยากจะเดินกลับไปเอากล้องมาถ่าย

 
ช่วงเช้าจะเป็นอาหารแบบบุฟเฟ่ เปิดตั้งแต่ 6 โมงปิดอีกทีก็ 10 โมง ผมเดินไปหยิบจานเปล่า เลือกของกินมาวางไว้อย่างละนิดอย่างละหน่อย 

พี่เอกเดินถือจานที่มีอาหารอยู่บ้างบางส่วนมาหยุดยืนอยู่ข้าง ๆ

“เอาอันนั้นให้พี่หน่อยสิ”
พี่มันพยักหน้าไปยังปลาราดซอสในถาด

“เอากี่ชิ้น”

“สอง”

ผมใช้ที่คีบหยิบให้พี่เอกสองชิ้น แล้วพี่แกก็สั่งให้ผมหยิบนู้นหยิบนี่ให้อีกประมาณสองสามอย่าง บางอย่างผมก็หยิบให้แกเองเลย มันน่าทานดี แล้วผมกับพี่แกก็ถือจานอาหารไปทิ้งตัวลงนั่งข้าง ๆ กัน 

ไอ้เต้ยกับพี่เป้นั่งกินจานเดียวกัน กินกันไปแย่งกันไปตามสไตล์ พี่เอกลงมือกินของที่เอามาอย่างรวดเร็ว ผมมองอึ้ง ๆ 

“กินเยอะดีเนอะ”
ผมว่ายิ้ม ๆ
“กินเหมือนไม่ใช่คน”
แล้วก็ได้รับรางวัลเป็นแรงโขกจากช้อนที่หัวเบา ๆ ที ผมหัวเราะเจื่อน ๆ

“มึงไม่ลงน้ำแล้วใช่ไหมเป้”
พี่เอกถามเพื่อน พี่เป้กำลังจิ้มปลาราดซอสยัดปากน้องมันอยู่ รายนั้นก็ชอบขุนน้องตัวเองจัง
 
“อืม”
พี่มันตอบสั้น ๆ

“กูก็ไม่เล่นแล้ว เหนื่อย เมื่อวานเล่นเยอะ ตัวดำ”
ไอ้เต้ยมันถลกแขนเสื้อให้ดู เมื่อวานมันใส่เสื้อกล้ามเล่นน้ำครับ พี่เป้ไม่ยอมให้มันถอดเสื้อ เห็นรอยผิวสองสีเลย

พอสาย ๆ พวกเราก็มารวมตัวกันอีกครั้ง พวกพี่ ๆ คงเหนื่อยกัน พอขึ้นรถได้ ก็พากันหลับจนหมด ยกเว้นพวกผมสี่คน ตอนนี้ผมนั่งกับพี่เอก เพราะพี่เป้อยากนั่งกับไอ้เต้ย

เหมือน ๆ พี่เป้ ต้องการใช้เวลาแบบนี้ให้คุ้มค่าที่สุด และคงตัดสินใจที่จะทำอะไรบางอย่างอยู่ ผมก็หวังแค่ว่า เรื่องที่พี่เป้ตัดสินใจนั้น จะไม่สร้างความเจ็บปวดมากมายให้กับพวกเขาทั้งคู่

 

ผมนั่งปลดปล่อยความคิดไปกับวิวข้างทาง ฟังเพลงเพราะ ๆ จากไอพอดตัวเก่ง หูฟังข้างหนึ่งติดอยู่ที่หูผม ส่วนอีกข้างถูกใครอีกคนยึดไปครอบครอง ซึ่งคนคนนั้นก็นั่งหลับคอพับไปแล้ว ไม่ต่างกับคนอื่น ๆ ในรถไม่เว้นแม้กระทั่งพี่เป้กับไอ้เต้ย ที่นั่งหลับซบต้นแขนพี่มันอยู่

ลุงถิงขับรถได้นุ่มเอามาก ๆ นั่งสบายจนผมไม่อยากให้ถึงกรุงเทพเร็ว ๆ เลย ผมทอดดวงตาจ้องมองท้องฟ้าสีคราม กลุ่มเมฆขาวลอยละล่องต้องแสงของพระอาทิตย์ ขยับปรับเปลี่ยนรูปร่างให้ดูสนุกสนานไปกับการคาดเดาตามจินตนาการ ถึงแม้แสงแดดจะเจิดจ้าจนแสบลูกตาไปหมด แต่ก็ไม่อาจล้มเลิกความตั้งใจของผมให้ละไปจากท้องฟ้าสีสวยนั้นได้

ผมอยากให้ช่วงเวลาดี ๆ แบบนี้ อยู่ไปนาน ๆ จัง ^^

 
TBC...
ล่องลอยไปกับสายลม หึหึ
อ่านกันให้หนุกหนาน ฝากเม้นท์ด้วยนะคร้าาา
วันหน้าจิเอานิยายพิเศษมาให้อ่านกัน วันนี้ฟิ้วววววไปปั่นนิยายต่อ คุคุ ง่วงแล้ว เที่ยงคืน จะมีใครมาอยุ่อ่านกันไหมนี่ - -
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-04-2012 01:50:44 โดย memew »

ออฟไลน์ owo llยมuมข้u

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 459
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-4

ออฟไลน์ patchylove

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1585
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +134/-4

ออฟไลน์ londoneye

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 366
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-1
วันนี้ก็ว่าจะนอนเร็วแล้วนะ

พอเห็นว่าเอามาลงเลยต้องมาอ่านอีก :serius2:

ทำให้เค้านอนดึกเลยเห็นไหม(555ความจริงก็นอนดึกอยู่แล้ว)

ก็นะ...พี่เอกจูบแล้วจูบอีก...จริงๆอ่านตอนนี้แล้วรู้สึกสงสารพี่เป้เป็นอย่างมาก...จัดการกับหัวใจยังไงดีน้อ :m15:


ออฟไลน์ nan239

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 57
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0
นิยาย Kiss Love : รักวุ่นวายนายสุดหล่อที่เด็กดีโดนแบนหรอค่ะ

ออฟไลน์ patchylove

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1585
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +134/-4

ออฟไลน์ in_blu

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-0
กรี๊ดดดดดดดดดดดด เพิ่งเห็นว่ามาลงที่เล้าด้วย
หลังจากที่เมื่อวานเค้าไปกรีดร้องในเด็กดีมา เพราะว่าค้างอย่างรุนแรง

Tiamo_jamsai

  • บุคคลทั่วไป

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ืnnick

  • บุคคลทั่วไป
มาตามอ่านตั้งแต่อยู่เด็กดี -.,-
หุหุหิหิ
กอดคนเขียนสักที  :กอด1:

ออฟไลน์ tuek

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3556
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +214/-3
อยากรู้ว่าเป้จะทำอะไร

ออฟไลน์ Zurruz

  • สาววายพันธุ์ยัน
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 754
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4
อ้าว มาลงเล้าด้วยหรอค่ะ > [ ] <!!

มีที่ให้ตามน้องกายอีกที่แล้ว

ออฟไลน์ memew

  • ขอบคุณที่เข้ามาอ่านจ้าาา
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 456
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +382/-10
    • :: Memew แฟนเพจ :
 Kiss Love ♥ [14] ครั้งแรก
[เอก...☼] Part 1
 



 

“ไอ้เอก มึงอนุมัติงบชมรมหมดรึยัง”
อิงเดินเข้ามาถาม
 
“อืม อยู่กับอ้อย”
ผมบอกในขณะที่ดวงตาก็กวาดอ่านรายละเอียดของงานมหาลัยปีนี้ไปเรื่อย ๆ

“ถ้าเรียบร้อยแล้ว งั้นกูกลับก่อนนะ”
มันบอก

ผมพยักหน้าให้มันที แล้วภายในห้องก็เหลือผมอยู่คนเดียว วันนี้เพื่อน ๆ ขอตัวกลับกันก่อนหมด เย็นวันศุกร์แบบนี้ คงพากันไปเที่ยวกับแฟน หรือไม่ก็พากันไปเดินช็อปปิ้งสังสรรค์กันตามสไตล์นั่นแหละ ส่วนผมยังต้องทำหน้าที่ของตัวเองต่อไป เพราะงานหลาย ๆ อย่าง ต้องรอผมเป็นผู้อนุมัติเท่านั้น 

ตั้งแต่กลับจากเที่ยว ผมก็ยุ่งอยู่กับการเตรียมงานมาตลอด งานมีศุกร์หน้าแล้ว ธีมการจัดงานปีนี้ไม่ต่างกับปีที่แล้วมากเท่าไหร่ เพียงแต่มีนิทรรศการมากขึ้นเท่านั้น

โดยปกติแล้ว เราเปิดให้คนนอกเข้ามาดูงานกันได้ คนถึงได้ล้นหลามทุกปี ถือว่าเป็นการโปรโมตมหาลัยไปในตัวละนะ ยิ่งคนมาเที่ยวกันมากเท่าไหร่ เรายิ่งต้องใส่ใจในรายละเอียดของงานมากขึ้นเท่านั้น

ซึ่งคนที่เหนื่อยมากที่สุด คงไม่พ้นพวกคณะกรรมการ คนที่ทำงานในสภาแล้วก็น้อง ๆ สต๊าฟนั่นแหละ วิ่งวุ่นเตรียมงานกันตั้งแต่เช้ายันมืด 

ผมตรวจเช็คเอกสารที่เหลือต่ออีกนิด พอเรียบร้อยก็วางมันไว้บนกองเหมือนเดิม เดี๋ยววันจันทร์อ้อยก็เอาไปสานต่อเอง ผมยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดู สี่โมงแล้ว วันนี้กลับเร็วหน่อยดีกว่า ผมตรวจเช็คความเรียบร้อยบนโต๊ะอีกที พอเห็นว่าไม่มีอะไรค้างคาก็เปิดลิ้นชักคว้าเอากระเป๋าเงินกับกุญแจรถเดินออกจากห้องทำงานไป

ระหว่างทางเห็นใครบางคนยืนอยู่แถว ๆ หน้าห้องคณะกรรมการการจัดงาน ผมเลยเดินเข้าไปใกล้ มันสะดุ้งนิด ๆ ตอนหันมาเห็นผม 

“มาทำอะไรแถวนี้”

“ยังไม่กลับอีกเหรอฮะพี่เอก”
มันไม่ตอบซ้ำยังถามกลับอีกต่างหาก

“มาทำอะไรแถวนี้”
ผมถามย้ำอีกที ไม่ตอบคำถามมันเหมือนกัน

“มาส่งภาพถ่ายเข้าประกวดน่ะฮะ วันนี้วันสุดท้ายแล้ว ผมส่งไปสามภาพ ภาพของพี่ก็ผ่านด้วยนะ”
มันพูดไปยิ้มไป

ผมทำหน้าไม่ถูก คือไม่รู้ว่าภาพนั้นเป็นภาพแบบไหน แต่คิดว่ามันน่าจะดูดีละนะ

ก็นายแบบออกจะหล่อขนาดนี้

“ผมส่งพร้อมภาพเด็กดอยซกมกกับกบกินแมลง”
ผมหลุดขำพรืด ภาพที่มันอุตส่าห์คุกเข่ารอตั้งนานสองนานน่ะนะ

แต่ว่า…

ชื่อภาพแต่ละภาพที่มันส่ง ออกแนวประหลาด ๆ ทั้งนั้น แล้วภาพที่มันถ่ายผมไว้ มันจะไม่ประหลาดตามไปด้วยรึไง
 
มันหน้าบึ้งที่ผมหัวเราะ ผมหุบปากลงทันที

“มีนัดที่ไหนหรือเปล่า”
ผมเสถามมันเรื่องอื่น มันทำหน้าสงสัย แล้วก็ส่ายหน้าปฏิเสธ

“นายค้างเลี้ยงข้าวพี่อยู่ พี่จะให้นายเลี้ยง”

มันทำหน้าบู้บี้ แต่ก็พยักหน้าเข้าใจ ผมอมยิ้ม พยักหน้าให้มันเดินตรงไปกับผม







 

 

มันทำหน้าแปลกใจ เงยมองป้ายร้าน เพราะผมบอกว่าจะให้มันเลี้ยงข้าว แต่ดันพาเข้าร้านขนมเฉยเลย

“ที่นี่ขายทั้งข้าวและขนม อาหารเขาอร่อย บรรยากาศดี พี่มากินกับเพื่อนบ่อย ๆ”
ผมไขความเข้าใจมัน

ที่นี่ตกแต่งดีครับ รอบ ๆ ร้านเน้นธรรมชาติ ต้นไม้ใหญ่เยอะ เก้าอี้ก็แยกสัดส่วนชัดเจน มีทั้งแบบส่วนตัวที่มาสวีทกันสองคนได้ หรือแบบกลุ่มเพื่อนตั้งแต่สี่ห้าคนขึ้นไป

ที่นี่แบ่งออกเป็นสองส่วน ในห้องกระจกสำหรับคนชอบแอร์ และในสวนที่ร่มไปด้วยต้นไม้ใหญ่ สำหรับคนที่ชอบนั่งทานอาหารกลั้วธรรมชาติ ผมเลือกนั่งด้านนอก เพราะบรรยากาศดีกว่า ในกรุงเทพ ร้านอาหารแบบนี้ค่อนข้างหายากแล้ว

ผมพามันไปนั่งยังโต๊ะสำหรับสำหรับสองคนนั่งใต้ต้นมะม่วงขนาดใหญ่ พื้นดินโดยรอบเป็นพื้นดินด้านสีขาว ใบมะม่วงร่วงลงมาประปราย ทางร้านจะปล่อยมันทิ้งไว้อย่างนี้ แล้วจะกวาดมันเพียงอาทิตย์ละครั้งเท่านั้น เวลาเดินจึงได้ยินเสียงกรอบแกรบเพลินหูดี ตรงหน้าเราเป็นน้ำตกจำลองสไตล์บาหลี ปกติโต๊ะตัวนี้ไม่ค่อยจะว่างนักหรอก จังหวะเราดี มาตอนเขากำลังจะลุกพอดี ดูท่ามันจะชอบด้วย 

“สวยดี เสียดายไม่ได้เอากล้องมาด้วย”

“ดีแล้วล่ะ ขืนเอากล้องมา นายคงได้ลืมพี่กับของกินแล้วถ่ายแต่รูปแน่ ๆ”
ผมพูดตรง ๆ มันทำหน้าขัดใจ แต่ไม่พูดอะไรต่อ

ผมสั่งอาหารที่เป็นกับข้าวสำหรับสองคนมากิน แล้วก็สั่งขนมไทยมาพร้อมกันด้วย ที่นี่มีทั้งขนมไทยและขนมเทศ แต่ผมชอบขนมไทยมากกว่า เจ้าตัวเล็กดูท่าจะชอบเหมือนผมด้วย มันสั่งบัวลอยไข่เค็มคู่มากิน ส่วนผมเลือกบัวลอยเผือก

“งานเยอะมากเลยเหรอฮะ”

“เยอะ ว่าง ๆ ก็มาช่วยได้นะ คนไม่พอ”

มันรีบส่ายหน้า

“ไม่เอา เหนื่อย”

“โหย น้ำใจ”

มันยิ้มรับ

“แค่มองก็พอ เวลาพี่เอกทำงาน เท่ดี”

ผมชะงักกับคำพูดมัน มันก็ชะงักกับคำพูดมันเอง ก่อนก้มหน้าลงไปกินต่อ

“แอบมองอยู่รึไง”
ผมพูดยิ้ม ๆ

มันก้มหน้าอยู่ครับ น่ารักดี

“เปล่า บังเอิญเห็น”
มันอ้อมแอ้มตอบ ผมอมยิ้ม

“พี่อยากลองชิมไข่เค็มดูบ้าง ไม่เคยลองเลย”

มันเงยหน้ามอง ตักแบ่งไข่เค็มให้ผมลูกหนึ่ง

“แค่ชิม ไม่ต้องให้พี่ทั้งลูกก็ได้”

“อร่อยนะ”
มันปัดคำพูดผมทิ้งไป

ผมใช้ปลายช้อนตัดแบ่งไข่เค็มออกเป็นสองส่วน ตักเพียงครึ่งเดียวใส่ปาก ก็อร่อยดีนะ เห็นมันใช้ปลายช้อนตัดแบ่งไข่เค็มออกเป็นชิ้นเล็ก ๆ จนมันแทบจะลุ่ยผสมไปกับน้ำกระทิ มันเลือกเอามาชิ้นหนึ่งผสมกับบัวลอยต่างสีอีกสามลูกเข้าปาก

การกินของเราแตกต่างกันนิดหน่อย ผมเป็นคนกินเยอะ เลยเน้นกินคำใหญ่ ๆ ให้มันอิ่ม ๆ ไป แต่ไอ้ตัวเล็กมักจะเล่นกับของกิน ตกแต่งให้สวยงาม แล้วค่อยกิน หรือไม่ก็ต้องถ่ายรูปก่อน แล้วค่อยกิน     

“เพราะมัวแต่เล่นกับของกินอยู่นั่นแหละ ถึงได้ไม่โตสักที” ผมพูดตามใจคิด มันหน้าหงิกทันที
 
 เอ่อวุ้ย เพิ่งรู้ว่ามันขี้งอน

“เขาเรียกมีศิลปะในการกิน คนกรอกอาหารเข้าปากอย่างเดียวไม่เข้าใจหรอก”

ผมยิ้มไปกับคำเปรียบกัด ๆ ของมัน

“คงงั้น”
ผมก้มตักไข่เค็มอีกครึ่งที่เหลือ แต่คราวนี้ผมลองตักผสมกับบัวลอยอีกจำนวนหนึ่งกินดูบ้าง
   
อืม..มันก็อร่อยไปอีกแบบน่ะนะ

 

 

 

 

 

 

“ไปเดินย่อยกันหน่อยไหม”
ผมชวนหลังจากอาหารตรงหน้าแทบไม่เหลือเศษซาก มันนั่งลูบท้องพยักหน้าขึ้นลง ที่นี่อาหารอร่อย แถมราคายังไม่แพง เห็นมันทำหน้าพอใจใหญ่ตอนเห็นตัวเลขบนบิล
 
“ถ้าราคาแพงกว่านี้ กะว่าจะพาพี่ไปนั่งล้างจานหลังร้านนะเนี่ย”
มันแซว ผมยิ้มเผล่

“ไม่เป็นไร พี่มีเงินให้กู้”
ผมตอกกลับ มันทำหน้าย่นใส่

แล้วเราสองคนก็พากันไปเดินเล่นในสวนสาธารณะใกล้ ๆ ร้านนั่นแหละ อากาศกำลังดี มีคนมาวิ่งออกกำลังกายกันด้วย




 

สี่ฝ่าเท้าย้ำไปบนผืนปูนซีเมนต์ขนาดกว้างวากว่า ๆ โอบรอบสองข้างทางด้วยต้นไม้ใหญ่และไม้พุ่มที่ถูกตัดแต่งกิ่งก้านเอาไว้อย่างดี มีต้นไม้ดัดเป็นรูปลูกช้างสามเชือกตรงกลาง

ผมสังเกตว่ามันชอบต้นไม้รูปร่างแปลก ๆ หรือไม่ก็ไม้ดอกสวย  ๆ เห็นมันเดินไปจับดูบ่อย ๆ

คงเป็นสัญชาตญาณของช่างภาพล่ะมั้ง

และตอนนี้ผมก็กำลังยืนกอดอกรอไอ้ตัวเล็กที่กำลังเพ่งสายตาจ้องมองหนอนแก้วขนาดใหญ่สีเขียวอื๋อบนใบไม้ของต้นอะไรสักอย่างอยู่ ลูกตามันใหญ่เอามาก ๆ จนจะกินพื้นที่ของหัวมันทั้งหมด มันก็จ้องตาหนอน หนอนก็จ้องตามัน และถ้าผมไม่สะกิดให้มันเดิน คิดว่ามันคงจะจ้องอยู่อย่างนั้นจนหนอนมันกลายร่างเป็นผีเสื้อแน่ ๆ

มันหันมายิ้มเผล่ พยายามไม่เพ่งมองอะไรเป็นพิเศษ แต่พอเจอของแปลกตาเข้าหน่อย มันก็ตรงดิ่งเข้าไปหาลืมผมไว้อีกที

 

 

 

 

 

อากาศที่เคยสดใสเริ่มครึ้มลงเรื่อย ๆ สายลมที่เคยพัดเอื่อยเมื่อกี้ก็พากันโหมแรงมากขึ้น ผมเงยหน้ามองท้องฟ้า เมฆก้อนใหญ่สีเทาดำลอยละล่องมาเป็นทาง ยังไม่ทันที่ผมจะเอ่ยปากชวนมันกลับ สายฝนก็พากันโปรยปรายลงมา เราสองคนหันซ้ายหันขวามองหาที่หลบฝน มีซุ้มนั่งพักอยู่ไม่ไกล พวกเรารีบวิ่งเข้าไปหลบเหมือนคนอื่น ๆ

แต่ดูเหมือนสายลมจะพากันโหมแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ ไม่ต่างกับสายฝนที่พากันเทกระหน่ำลงมาจนซุ้มไม่สามารถกันน้ำฝนได้ คนที่อยู่ข้างในพากันเปียกไปตาม ๆ กัน

“ขืนอยู่ตรงนี้ พี่ว่าก็ไม่ต่างกับเรายืนตากฝนกันนะเนี่ย หาที่ใหม่ดีกว่า” ผมบอกก่อนวิ่งนำหาที่หลบฝนอันใหม่

ตามตึกที่มีระเบียงหรือกันสาดถูกจับจองไปหมดแล้ว วันนี้วันศุกร์ด้วย คนเลิกงานพากันมาเที่ยวเยอะ เราสองคนวิ่งหาที่ว่างไปเรื่อย ๆ กระทั่งถึงร้านขนมที่เราเพิ่งกินกันมานั่นแหละ พวกเรารีบวิ่งเข้าไปหลบทันที

เสื้อผ้าหน้าผมของเราสองคน เปียกโชกด้วยกันทั้งคู่ พอมาเจอแอร์เย็น ๆ ภายใน มันก็ไม่ต่างกับเรายืนอยู่ในตู้แช่ดี ๆ นี่เอง ยืนไปได้เกือบสิบนาที ความเย็นเริ่มวิ่งเข้าไปชนกระดูก

ผมเริ่มสั่น ไอ้ตัวเล็กก็ไม่ต่าง

สุดท้ายผมเลยตัดสินใจชวนมันวิ่งฝ่าสายฝนไปที่รถ อย่างน้อยในนั้นก็มีผ้าเช็ดตัวกับเสื้อผ้าสำรองเอาไว้เปลี่ยน มันพยักหน้า ปากแดง ๆ ของมันซีดไปหมด

ยังดีที่ทิ้งมือถือกับกระเป๋าไว้ที่รถ ไม่งั้นเปียกหมดแน่ ๆ 

“เบาะพี่เปียกหมดแล้ว”
มันพูดตอนนั่งเบาะได้ น้ำจากตัวและเส้นผมของมันหยดติ๋ง ๆ ใส่เบาะจนชุ่ม

“เดี๋ยวก็แห้ง”
ผมหันไปคว้าผ้าเช็ดตัวผืนเล็กหลังรถโยนใส่หัวมัน มองหาเสื้อผ้าสำรองอีกที แต่ไม่มีสักตัว สงสัยลืมหยิบขึ้นรถมาด้วย

“พี่ลืมหยิบเสื้อผ้าสำรองมาแฮะ ไปเปลี่ยนที่คอนโดพี่ก่อนละกัน อยู่ใกล้ ๆ แค่นี้เอง แล้วจะขับรถไปส่งอีกที”
ผมหันไปบอกมัน มันพยักหน้า ตัวสั่นใหญ่ ผมสตาร์ทเครื่องยนต์ เปิดแอร์ไว้เบา ๆ ระบายอากาศและกันฝ้าขึ้นกระจก

 

 

 

ไม่เกินยี่สิบนาทีผมก็พารถคู่ใจเคลื่อนเข้าไปจอดไว้ในลานจอดรถใต้คอนโด ตรงจุดโปรดของผมนั่นแหละ ผมพามันก้าวออกจากรถเดินผ่านล็อบบี้ไปที่ลิฟต์ ตัวพอแห้งแล้ว แต่น้ำบางส่วนจากชุดหยดแหมะไปตามทางจนแม่บ้านคอนโดมองตาม ผมกดลิฟต์พามันขึ้นไปยังชั้น 9 หยิบการ์ดมารูดเข้าห้อง ผมรีบตรงดิ่งไปหยิบผ้าเช็ดตัวผืนใหญ่มายื่นให้มันทันที กลัวมันจะแข็งตายไปซะก่อน

“ไปอาบน้ำล้างตัวก่อน”
ผมไล่ มันรีบพยักหน้าเดินเข้าห้องน้ำไปทันที ผมเดินไปหยิบเสื้อยืดสีขาวกับกางเกงบอลสีเดียวกันมาวางไว้บนเตียง เป็นชุดตั้งแต่สมัยเรียนมอปลายของผมเอง ไซส์นี้น่าจะใส่ได้พอดี ตอนแรกว่าจะขนไปบริจาค แต่ก็ยังไม่ได้ทำสักที

ข้างนอกฝนยังตกอยู่ ผมเดินไปยืนมองสายฝนผ่านหน้าต่างกระจกใส ฝนตกแรงมากจนภายนอกเห็นเป็นเพียงม่านน้ำสีขาวพลิ้วเป็นสาย สักพักมันก็ออกมาในชุดผ้าเช็ดตัวพันเอว ผมมองมันอึ้ง ๆ

“ชุดนายอยู่นั่น”
ผมพยักหน้าไปที่เตียง คว้าผ้าเช็ดตัวอีกผืนเดินสวนมันเข้าห้องน้ำไป


 

ผมยืนอยู่ใต้สายน้ำ แอบนึกถึงเรือนร่างของมันนิดหน่อย ก่อนรีบสลัดภาพเหล่านั้นทิ้งไป พออาบน้ำเสร็จก็เดินออกมาแต่งตัว ผมกวาดมองไปรอบ ๆ ไม่เห็นไอ้ตัวเล็กแฮะ ขมวดคิ้วแปลกใจนิดหน่อย คล้องผ้าเช็ดตัวไว้ที่คอมองหาอีกที           

ไปไหนของมัน หรือว่าจะกลับไปก่อนแล้ว

แสงสว่างภายในห้องเจือจางลงจนจะกลายเป็นความมืด ผมตัดสินใจเดินไปเปิดไฟให้สว่าง ถึงได้เห็นใครบางคนยืนเกาะกระจกอยู่ข้าง ๆ ผ้าม่านสีเดียวกับชุด

มิน่า เมื่อกี้ผมถึงมองไม่เห็น

“คิดว่าที่ห้องมีตุ๊กแกพันธุ์ใหม่มาเกาะซะอีก”

มันหันมามอง

“ตุ๊กแกบ้านพี่ หล่อขนาดนี้เลยเหรอฮะ”
มันเล่นมุขครับ ผมเดินไปยืนอยู่ข้าง ๆ มัน แต่ไม่ได้เกาะกระจกแบบมัน

ที่คอนโดมีระเบียงยื่นยาวออกไปด้านนอก ผมจัดสวนเล็ก ๆ เอาไว้ ผมชอบต้นไม้ขนาดใหญ่ ด้านนอกเลยแน่นไปด้วยต้นไม้ทรงสูงอย่างพวกต้นปาล์ม หมากเหลือง วาสนาพุ่ม ต่ำลงมาหน่อยก็พวกสาวน้อยประแป้ง นางคุ้ม เฟิร์นข้าหลวง และต้นเดหลี มีโต๊ะแบบสี่เหลี่ยมสี่โอ๊คและเก้าอี้สีเดียวกันวางไว้สองตัว ฉากหลังเป็นวิวตึกรามบ้านช่องต่างไซส์หลากหลายสไตล์ ช่วงเย็น ๆ หรือวันหยุด ผมชอบมานั่งอ่านหนังสือเป็นประจำ

ตอนนี้ฝนตกแรงมากจนต้นไม้ด้านนอกโบกสะบัดไปตามแรงลม คิดว่าวันนี้ ผมคงไม่ต้องรดน้ำให้มันแล้วละ

“พายุคงเข้า”
ผมเปรยข้างตัวมัน
“รอให้ฝนซาก่อนละกัน ขืนกลับตอนนี้รถคงติดน่าดู อันตรายด้วย”

มันพยักหน้าเห็นด้วย

 

ผมยืนมองน้ำฝนอยู่ข้าง ๆ มัน สักพักมันก็เงยหน้าขึ้นมอง

“ไม่รีบเช็ดผมให้แห้ง เดี๋ยวก็เป็นหวัดหรอก”

ผมก้มมองมัน ยกผ้าเช็ดตัวที่คอมาขยี้แบบไม่ใส่ใจเบา ๆ ที มันหัวเราะขำ ๆ

“เช็ดแบบนั้นมันจะแห้งไหมล่ะ มานี่ ผมเช็ดให้”
มันหันมาจับผ้าเช็ดตัวผมไว้ แล้วสั่งให้ผมก้มลงไปหามัน ผมทำตามอย่างเคยชิน

 

“นั่งเช็ดดีกว่าไหม เราตัวเตี้ย พี่เมื่อย”
อันนี้ผมพูดจริง

“ปากนะนั่น ผมไม่ได้เตี้ยซะหน่อย สูงมาตรฐาน พี่นั่นแหละ สูงเกินมนุษย์”

มันจะว่าผมเป็นยักษ์ใช่ไหมเนี่ย

“เตี้ยก็ยอมรับมาเถอะน่า”
ผมแซวมันต่อ มันขยี้หัวผมแรงจนหัวผมโยกไปตามมือมัน

“โอ๊ย เบา ๆ หัวคนนะ”

“อ้าว คิดว่าไม่ใช่ซะอีก”

ฟังครับ

น่าจับตีก้นสักที

“ไปนั่งโซฟาดีกว่า พี่เมื่อยแล้ว”

“อืม”
มันรับปาก ปล่อยผ้าที่จับไว้ลง ผมเดินไปนั่งบนพื้นพรมตรงกึ่งกลางโซฟา แล้วปล่อยให้มันนั่งบนโซฟาเพื่อเช็ดหัวให้อีกที

ผมเอื้อมหยิบรีโมตมากดเปิดเพลงคลอเบา ๆ ด้วย

“พี่อยู่คนเดียวเหรอ”

“อืม”

“ทำไม”

“งานพี่เยอะ อยู่คนเดียวหัวมันแล่นกว่า ครอบครัวพี่ใหญ่ พี่น้องเยอะ รำคาญพวกน้อง ๆ มันน่ะ วุ่นวาย”

มันหัวเราะร่วน

“มีพี่น้องกี่คน”

“หก พี่เป็นคนโต”

“โห ยุ่งน่าดู”

“อืม แล้วนายล่ะ”

“คนเดียว อยู่กับแม่สองคน แม่เป็นนักเขียน พ่อแยกทางแต่งงานใหม่”

อืม มิน่ามันถึงได้รักสันโดษ

“นวดหัวให้หน่อยสิ งานยุ่งทั้งวัน เหนื่อย”
ผมอ้อน มันชะงักมือที่เช็ดหัว แต่ก็ยอมทิ้งผ้าเช็ดตัวออกแล้วลงมือนวดให้เบา ๆ มันรู้สึกสบายจริง ๆ เวลาที่มีคนมานวดให้เนี่ย

สบายมากจนผมเริ่มนั่งโงนเงน

“นี่พี่เอก อย่าเพิ่งหลับนะ”

ผมปรือตาขึ้น

“อืม ง่วงจัง พี่ของีบสักหน่อยได้ไหม กว่าฝนจะซา คงอีกนาน”
ว่าแล้วผมก็ลุกเดินลากมันไปที่เตียง มันโวยวายใหญ่

“พี่นอนไปเถอะ ผมกลับแท็กซี่ก็ได้”

“อืม.. อันตรายพอกัน รอให้ฝนหยุดก่อน”
ผมให้เหตุผล แล้วดึงตัวมันมานอนกอด 

“นี่ พี่เอก ปล่อย!”
มันดิ้นขลุกขลัก แต่ผมรัดตัวมันแน่น

“ถ้าดิ้น พี่จูบนายนะ”

มันหยุดดิ้นแทบจะทันที ยอมนอนเฉย ๆ ให้ผมกอด

ผมอมยิ้ม

“เป็นหมอนข้างซะดี ๆ”

ผมกระชับวงแขนแน่นขึ้นไปอีก ปิดเปลือกตาลงและหลับใหลไป


TBC..

คิดอยู่ว่าตัวเองลืมอะไรหรือเปล่า คิดไปคิดมา
อ้าว ตูลืมเอานิยายลงเล้า T^T ไอแอมซออู้จริง ๆ ค่ะ T^T ติดภารกิจหลายอย่างมาก ตอนนี้อยู่เชียงใหม่ ลั่นล้ามากมาย ^^

หุหุ ประกาศตัวโตโต ตอนหน้าเอ็นซีนะคะ กับเล้าไม่กล้าขอมาก ขอแค่สิบเม้นท์ก็พอ (พิจารณาตัวเองให้จงหนัก) เด็กดีเรื่องนี้ติดชาร์จอันดับหนึ่ง มาที่นี่เงียบฉี่ไปไหน (สงสัยจะหนีไปอ่านที่นู่นกันหมด = =) มีน้องหลายคนถามมาว่า "พี่คะ ทำไมไม่เอามาลงที่เล้าบ้าง" อยากบอกว่า ลง 14 ตอนแล้ว แต่น้องไม่เห็นเอง T^T แต่เราก็ยังยืนหยัดมุ่งมั่นที่จะลงต่อไป เพื่อสุขภาพจิตที่ดีของใครอีกหลาย ๆ คน ที่หลงเข้ามาอ่าน ฮ่า ๆ ๆ (ค้ำสะเอวหัวเราะด้วยความสะใจ)  :laugh:

ปล. ยังคงลงภาพไม่ได้ดังเคย เลยลงเมจพระเอกนายเอก และตัวละครเสริมไม่ได้เลย T^T

  :กอด1: รักคนอ่านทุกคนนะคะ จุ๊บ ๆ 



                         
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 09-06-2012 10:08:51 โดย memew »

ออฟไลน์ patchylove

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1585
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +134/-4

ออฟไลน์ londoneye

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 366
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-1
ก็ว่าอยู่ว่าทำไมมิวไม่เอามาลงที่เล้าต่อ...ลืมอย่างนั้นเรอะ :laugh:

เค้าว่าที่ยอดเม้นท์ที่นี่ไม่เยอะ...นี่อาจเป็นว่าไปอ่านแต่ที่เด็กดีรึเปล่า(เพราะที่นั่นมันนำไปหลายตอนแล้ว)

แต่ก็มาลงเรื่อยๆละกันนะ...เราเองก็ตามอ่านทั้งสองที่นั่นแหล่ะ...แล้วก็เม้นท์ให้ทั้งสองที่ด้วย

 :-[อิอิ...น่ารักใช่ไหมล่ะ...เป็นนักอ่านที่ดี

รูปนี่ยังลงไม่ได้เหรอ...ถ้าจะให้ลงให้ก็บอกนะเดี๋ยวช่วยเอามาลง...คนที่เล้าจะได้เห็นอิมเมจที่น่ารักของน้องกาย:impress2:


[newZy]CASS

  • บุคคลทั่วไป

ออฟไลน์ ormn

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3925
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +324/-8
    • http:///uc.exteenblog.com/riko-tomo/images/23213506_1208714389_3598161_Okane_ga_Nai_v01_ch01_pg002__Cover.jpg
 :mc4:ดีใจจจังาลงต่อแล้วอะ :mc4: :mc4:

รอมาตั้งนานนึกว่าลืมกันแล้ว :กอด1: :กอด1:

DexTunG

  • บุคคลทั่วไป

ออฟไลน์ hello_lovestory

  • >>I'm C-Z@<<
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 881
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-0
มาลงต่อไวๆนะคับ รออ่านๆ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8896
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80
รอจ้ารอ รออยู่นะ :z2:

ออฟไลน์ nongrak

  • ยังไงก็รักคาเมะจังที่สุด
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +912/-14
อ่านแล้วสนุกดี ชอบน่ารักดี อดใจรอวันจันทร์ไม่ไหวต้องมาอ่านต่อให้ทัน

+1+เป็ดให้ค่ะ

cheerfulgirl

  • บุคคลทั่วไป
เพิ่งเห็นว่าเอามาลงเล้าด้วย
><
เค้าเคยเห็นแต่เด็กดี
อยากอ่าน คิสเลิฟซีรีย์2 มอโอม <3

Tiamo_jamsai

  • บุคคลทั่วไป

ออฟไลน์ TONG

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2535
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-4
ตามอ่านต่อจ๊ะ หวาวแบบนิ่งๆดีนะเรื่องนี้ พี่เอกเอะอะจูบๆอย่างเดียวเลยนะเนี่ย

ヒナーサクラ

  • บุคคลทั่วไป
ตามอ่านจากเด็กดีมาถึงที่ไทยบอยค่า

รักเรื่องนี้มากมาย :impress2:

ออฟไลน์ mellowshroom

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 980
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-1


เป็นหมอนข้างเฉยๆใช่ป่าววววว พี่เอก .. :z1: :z1:

 :กอด1:

ออฟไลน์ BBSS

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 204
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +42/-0
มารอตอนต่อไป :z1:

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8896
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80
รอตอนต่อไปจ้า :call: :call:

ออฟไลน์ tuek

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3556
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +214/-3
กลับมาแล้ว
ตอนหน้ารอ nc นะจ๊ะเลือดคงหมดตัวแน่ๆเลย

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด