Kiss Love ► รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 100 เพิ่งเริ่มเท่านั้น |10/3/18|(ตอนจบ)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Kiss Love ► รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 100 เพิ่งเริ่มเท่านั้น |10/3/18|(ตอนจบ)  (อ่าน 680441 ครั้ง)

ออฟไลน์ seaz

  • รักอยู่ไหน...ใจเรียกหา
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +381/-9
Re: Kiss Love : รักวุ่นวายนายสุดหล่อ #25
«ตอบ #450 เมื่อ30-06-2013 08:09:08 »

เมื่อไรจะตกลงเป็นแฟนกันเสียทีนะ อาการออกขนาดนี้แล้ว

ออฟไลน์ Naenprin

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1172
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +203/-1
Re: Kiss Love : รักวุ่นวายนายสุดหล่อ #25
«ตอบ #451 เมื่อ01-07-2013 03:39:36 »

เนื้อหอมจริ๊ง ทั้งพระเอกนายเอกเลย

ออฟไลน์ agava1313

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-5
Re: Kiss Love : รักวุ่นวายนายสุดหล่อ #25
«ตอบ #452 เมื่อ01-07-2013 23:04:53 »

กว่าจะจ่ายค่าตัวครบ คงพรุนไปทั้งตัว อู้วว..ว...! :z1:

ออฟไลน์ Nienee

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 26
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-1
Re: Kiss Love : รักวุ่นวายนายสุดหล่อ #25
«ตอบ #453 เมื่อ14-07-2013 20:52:57 »

เฮ้ยยยย.....ทวงค่าตัวตลอดดด กายช้ำหมดแล้ว :pighaun:

กายก็ไปยอมเค้าอยู่ได้ ไม่ได้ทันพี่มันเล้ยยยยย :katai5:

ออฟไลน์ memew

  • ขอบคุณที่เข้ามาอ่านจ้าาา
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 456
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +382/-10
    • :: Memew แฟนเพจ :
 Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ #26
ตอน : วันครอบครัว

[เอก...☼]
 





 
วันนี้เป็นวันแรกที่ไอ้ตัวเล็กกับไอ้เต้ยไปทำงานพิเศษกัน ทำที่เดียวกับไอ้เป้มันนั่นแหละ สงสัยไอ้ตัวเล็กจะโดนเพื่อนลากไปอีกที
 
เพราะงั้นวันนี้พวกผมเลย…
 
ใช่ครับ คุณฟังไม่ผิดหรอก 'พวกผมทั้งหมด' เลยพากันยกโขยงไปดูที่ทำงานใหม่ของไอ้เป้มัน ในกลุ่มเพื่อน ๆ นอกจากผมแล้ว คนอื่นไม่รู้ว่ามันย้ายออกมาอยู่หอคนเดียวแถมยังทำงานพิเศษอีกต่างหาก
 
มันบอกเพื่อน ๆ ว่ายังรู้สึกแย่กับการอกหักอยู่ ขอเวลาทำใจสักพัก ซึ่งเพื่อน ๆ ก็ปล่อย ๆ มันไป แต่พอทุกคนรู้ว่ามันมาทำงานที่นี่เท่านั้นแหละ พวกมันดี้ด้าอยากมาหากันใหญ่
 
หรือให้พูดตามจริง
 
พวกมันอยากมาเห็นคุณชายเป้ใส่ชุดพนักงานเสิร์ฟ เดินถือถาดไปมาต้อนรับลูกค้ามากกว่า
 
และที่สำคัญ
 
พวกมันอยากมากินฟรีครับ       
 
ผมกลับบ้านตั้งแต่คืนวันศุกร์แล้ว พวกทโมนดีใจกันใหญ่ ปลุกผมให้ตื่นไปนั่งเล่นกับพวกมันตั้งแต่ตะวันยังไม่โผล่จากดิน พอตกบ่าย ก็พากันไปเรียนพิเศษ โดยมีผมขับรถไปส่ง หลังจากนั้น ผมก็ขับรถเลยมาเจอพวกเพื่อน ๆ ที่นี่แหละ
 
ผมวนรถไปจอดยังลานจอดของทางร้าน เห็นไอ้โอ๊คมันยืนคอยอยู่ข้างตัวรถพร้อมไอ้ปิงที่ยืนอ่านหนังสืออยู่ข้าง ๆ ปกติไอ้โอ๊คจะเป็นสารถีประจำตัวไอ้ปิงมัน เพราะบ้านมันใกล้กัน รถผมมาถึงพร้อมกับรถของไอ้โอมพอดี โดยมีเหลือบไรเป็นไอ้มอเกาะติดมาด้วย ไอ้นี่มันชอบโทรเรียกให้ไอ้โอมไปรับอยู่เรื่อย (รวยแต่ขี้เกียจ) 
 
พวกเราลงมาคุยกันยังไม่ถึง 5 นาที พวกไอ้อ้อยก็มา มันขับรถมาเอง แถมยังอาสาไปรับสาวกับอิงที่บ้านอยู่โซนเดียวกันมาอีกด้วย
 
พวกเรารวมตัวกันอยู่ที่ลานจอดรถ รอสมาชิกคนสุดท้ายครับ มันติดธุระเลยมาช้านิดหน่อย
 


พวกเรายืนเม้าท์แตกกันได้ไม่นาน ก็เห็นมอเตอร์ไซด์คันหนึ่งวิ่งปราดเข้ามาตีโค้งจนฝุ่นตลบ ก่อนจอดสนิทอยู่ข้าง ๆ พวกผมหันไปมองด้วยความสนใจ
 
รถมอเตอร์ไซด์ตัวผู้สีดำสนิทใส่ลูกเล่นด้วยลายกราฟฟิกเคลือบเงิน คันใหญ่ใช้ได้ คนขับหยั่งเท้าไว้ที่พื้น ดับตัวเครื่อง แล้วหันมองมาทางพวกเรา
 
มันแต่งตัวดูดีครับ ตัวสูงโปร่ง ติดจะเพรียว ๆ ใส่เสื้อยืดข้างในชายยาวจนเกือบจะถึงสะโพกสวมทับด้วยแจ็คเก็ตหนังสีดำ รูดซิปจนถึงคอ กางเกงยีนสีซีดรองเท้าหนังมันปลาบสีดำสนิท
 
จะเท่ไปไหน
 
มันใส่หมวกกันน็อคแบบเต็มหัวอยู่ หน้ากากมืดมากทำให้มองไม่ออกว่าเป็นใคร สักพักมันก็ค่อย ๆ ถอดหมวกกันน็อคออก
 
…ไอ้กิ๊ฟครับ
 
แม่ม จะเท่ไปไหนวะ
 
มัน ยังนั่งยิ้มพราวอยู่บนรถของมัน ปกติไอ้กิ๊ฟมันชอบไว้ผมยาว แต่จะรวบไว้เป็นหางม้าด้านหลัง ปล่อยไรผมให้ร่วงลงมาระแก้ม ดู ๆ ไปก็คล้าย ๆ กับคนผมสั้นนั่นแหละ หน้าตาไม่เคยแต่ง
 
แต่บอกได้คำเดียว ดูดีตั้งแต่หัวจรดตีน
 
“มึงจะแมนไปไหน”
ไอ้อ้อยมันทัก
 
ไอ้กิ๊ฟเพียงยักคิ้วกวน ๆ มาเป็นคำตอบ   
 
สมาชิกมากันครบแล้วครับ พวกเราไม่ได้บอกไอ้เป้ว่าจะมาหามัน กะจะมาเซอร์ไพรส์มันนั่นแหละ
 

ผมกวาดตามองทุกคนอีกที บอกตามตรง เหมือนขนพวกนางแบบนายแบบมาเดินแคทวอล์คกันมากกว่า
 
แต่ละคน หล่อ ๆ สวย ๆ กันทั้งนั้น
 
ผมเคยบอกกันรึเปล่า ว่าผู้ชายกลุ่มผม เป็นพวกสูงเวอร์ ผมนี่ 191 ครับ เหอ ๆ ที่เหลือก็ไล่ ๆ กัน มีเตี้ยสุดก็ไอ้ปิง 179 หรือ 180 ผมไม่แน่ใจ แต่ถ้าเทียบกับคนทั่วไป มันก็ยังสูงอยู่ดีน่ะนะ
 
เหมือนพวกเราจะนัดกันแต่งตัวแนวดาร์คกันมา คือเน้นโทนดำมาซะส่วนใหญ่ ผมก็เสื้อยืดสีดำพร้อมแจ็คเก็ตสีดำครับ ไม่ได้ตั้งใจ พอดีพวกน้อง ๆ มันซื้อมาให้แล้วบังคับให้ใส่ กางเกงยีนกึ่งผ้าสีน้ำเงินเกือบดำ ร้องเท้าหนังสีเดียวกัน
 
ดู ๆ ไปแล้ว เหมือนผมจะเป็นผู้นำแก๊งซิ่งมาก่อกวนเมืองมากกว่า
 
พอคนครบ ผมก็เดินนำโดยมีไอ้กิ๊ฟเดินตามมาติด ๆ ต่อด้วยสาว ๆ ทั้งสามแล้วก็ตามด้วยพวกไอ้โอ๊คไอ้มอมัน
 
พูดได้คำเดียว เด่นครับ
 
พอเปิดประตูเข้าไปภายใน คนหันมามองกันทั้งร้าน พวกผมก็ตีหน้านิ่ง ทำหน้าให้โคตรหล่อโคตรสวยกันเข้าไว้ ไอ้โอมกับไอ้มอออโต้กันอยู่แล้ว เพราะในร้านมีสาว ๆ เยอะ ยิ่งวันนี้วันหยุดด้วย น้อง ๆ มอปลายยิ่งเยอะเป็นพิเศษ พวกเรามองซ้ายมองขวามองหาโต๊ะว่าง
 
ไม่เจอ…
 
เต็มหมดเลย
 
แป๋ว…
 
แล้วพวกกูจะเดินหล่อกันเข้ามาทำไมวะเนี่ย
 
ผมมองไปรอบ ๆ ไม่เห็นกายกับเต้ย แต่คนที่กำลังรับออเดอร์อยู่โต๊ะในสุดเห็นพวกผมแล้ว มันรับออเดอร์เสร็จก็เดินไปยื่นให้เคาน์เตอร์แล้วเดินมาหยุดยืนอยู่ต่อหน้า พวกเรา
 
ถึงไม่ต้องบอก ทุกคนก็พอจะเดาออก ว่าไอ้หน้าหล่อนี่ต้องเป็นหนึ่งในคนกลุ่มผมแน่ ๆ 
 
มันยืนเท่ผมสั้นเชตตั้งแนวมัน
 
“มาทำไม”
 
มึงพูดกับลูกค้าได้เพราะมาก
 
“มาให้มึงเลี้ยงไง”
ไอ้กิ๊ฟมันเดินออกมาจากด้านหลังผม มันยิ้มพราว ยิ้มแบบนี้ ไอ้เป้มันแพ้ทาง ไอ้นี่มันแสบ ถ้าไอ้เป้ไม่ยอม ร้านคงไม่เหลือลูกค้าสักคน
 
แล้วไม่ต้องให้ผมสาธยายนะว่าทำไม
 
คุณจำเรื่องที่ไอ้กิ๊ฟเคยจับแมลงสาบด้วยมือเปล่าแล้วเอาไปใส่เสื้อไอ้อ้อยได้ไหม
 
แล้วคุณลองเดาดูสิ ว่าถ้าไอ้กิ๊ฟมันไปตกลงเซ็นสัญญากับแมลงสาบแล้วเอามาป่วนที่ร้านมีระดับแบบนี้ จะเกิดอะไรขึ้น
 
ดับครับ… ผมรับรองได้
 
ไอ้เป้มันถอนหายใจแรง มองไปรอบ ๆ ร้าน หันหลังเดินกลับไปที่เคาน์เตอร์ เห็นมันพูดอะไรสักอย่าง แล้วเดินมาทางพวกผมอีกที
 
“ข้างในไม่มีที่ พวกมึงไปนั่งตรงนู้นละกัน”
มันชี้ไปที่โต๊ะที่เขียนไว้ว่า ‘จอง’
 
“อ้าว แล้วลูกค้าล่ะ”
 
“ไม่เป็นไร กูเคลียร์ได้ พวกมึงอยากสั่งอะไรก็สั่งไป กูต้องทำงานต่อ ไม่มีลูกค้าแล้วจะเดินไปหา”
 
พวกผมพยักหน้าขนหน้าหล่อ ๆ ไปนั่ง
 
เป็นเป้าสายตามากมาย
 
 
 
 
 
และแล้วคนที่ผมอยากเจอก็มาปรากฏตัว มันอยู่ในชุดคล้ายชุดของไอ้เป้ แต่ผิดตรงที่มันไม่มีกั๊กสีดำด้านนอกใส่ นอกนั้นเหมือนกันหมด ผมชอบผ้ากันเปื้อนแบบครึ่งเอวแบบนี้นะ แล้วผมก็เพิ่งสังเกตว่าตรงขอบเอวมีชื่อร้านปักเป็นสีทองติดอยู่ด้วย มันเดินตรงมาที่โต๊ะผมพร้อมกับไอ้เต้ย
 
“ดูดีจัง พวกนาย” ไอ้กิ๊ฟมันชม
 
“ที่นี่มีแต่พนักงานผู้ชายรึไง ไม่เห็นมีพนักงานสาว ๆ สักคน”
ไอ้มอแทรกถามขึ้นมา ตาก็กวาดมองไปรอบ ๆ ไอ้ตัวเล็กกับไอ้เต้ยหัวเราะร่วน
 
“ถ้าพนักงานเสิร์ฟไม่มีครับ มีแต่แคชเชียร์ คนทำเครื่องดื่ม แล้วก็แม่บ้าน”
 
ไอ้มอทำหน้าเซ็ง ไอ้อ้อยเลยประทานฝ่ามือให้ทีข้อหาทำตัวม่อไม่เลือกที่ แล้วไอ้ตัวเล็กกับไอ้เต้ยก็หยิบปากกาขึ้นมาเตรียมจดออเดอร์จากพวกเรา
 
วุ่นครับ มันเล่นสั่งกันแบบแกล้งน้อง ๆ แต่ไอ้สองตัวก็ยังใจเย็นจดสิ่งที่ควรจด
 
“เอาคาปูสาวน้อยน่ารัก ถ้าไม่มีเอาหนุ่มน้อยน่ารักก็ได้”
ไอ้มอมันสั่งกับน้อง แต่ยักคิ้วมาทางผม
 
“หนุ่มน้อยน่ารักไม่มีครับ มีแต่หนุ่มหล่อและน่า..รัก” ไอ้เต้ยมันยวนกลับ พาเอาคนในกลุ่มหัวเราะร่วน
 
พอพวกเราสั่งกันจนครบ พวกมันก็เดินกลับไปส่งใบออเดอร์ แล้วทำหน้าที่ของตัวเองไป

           
 
พวกเรามาในจังหวะที่ลูกค้าเยอะกันพอดี สาว ๆ น่ารัก ๆ เพียบ
 
ถ้าเป็นแต่ก่อนผมคงนั่งตาวาว
 
แต่ตอนนี้ ดวงตาผม เฝ้ามองอยู่เพียงจุดเดียว มองตามไอ้ตัวเล็กที่ยังวิ่งวุ่นรับออเดอร์โต๊ะนู้นโต๊ะนี้ไม่มีหยุด
 
ส่วนพวกผม ถึงไม่มีเหล้าก็เฮฮากันได้ เม้าท์แตกเรื่องของตัวเองไป ไอ้มอมันบ่นใหญ่ที่พ่อมันอยากให้บวช ไอ้นี่มันทิ้งนารีได้เกินสองวันที่ไหน ถึงจะให้บวชสามวันมันก็ไม่ปลื้มครับ เพราะกว่าขนคิ้วกับผมมันจะยาว คงอดแอ้มสาวไปเป็นอาทิตย์
 
“มึง ห่วงไรวะ กูอภินันทนาการเป็นวิกให้เลยเอ้า แต่คิ้วนี่มึงต้องไปขอจากตลกมกจ๊กเองว่ะ”
ไอ้โอมมันแซว
 
“มึงไม่มาเป็นกูบ้าง”
มันตัดพ้อ
 
“ถึงเวลากูก็ต้องบวชเหมือนกัน” ไอ้โอมมันพูดต่อ “เอาอย่างไอ้ปิงมันบ้างสิ บวชตั้งเป็นเดือนไม่เห็นมันจะบ่น” มันโยนไปที่ไอ้ปิงครับ
 
“โธ่ มันดันบวชตอนอกหักนี่หว่า สม ชอบใครไม่ชอบดันไปชอบดาวยั่วเรี่ยราด”
 
“มึงอย่าพูดมากดิ กูยังช้ำอยู่เลย”
ไอ้ปิงมันค้าน
 
เป็นอดีตอันข่มขื่นของมันน่าดู มันตามจีบน้องดาวอยู่นาน น้องดาวเป็นดาวโรงเรียนสตรีล้วนไม่ไกลจากมหาลัยเราเท่าไหร่ สวยเอามาก ๆ ด้วย ดาวก็คบกันมันนั่นแหละ แต่มันเพิ่งมาจับได้ทีหลังว่าน้องดาวไม่จริงใจ คบกับมันแต่ฟันหนุ่มไม่เลือกอีกสิบกว่านาย มันช้ำในรักขนาดหนีไปบวชเพื่อทำใจนานเป็นเดือน พอมันสึกออกมาก็กลายเป็นพวกหมกมุ่นกับพวกหนังสือปรัชญาไปเลย เข้ากับไอ้โอ๊คดีครับ รายนั้นก็หนอนหนังสือเหมือนกัน
 
ส่วนไอ้อ้อยพ่อมันอยากให้คบกับพวกลูกท่านรัฐมนตรีกระทรวงการคลัง
 
แต่มันไม่ปลื้มครับ มันบอกไม่หล่อ
 
มาตรฐานมันสูงชะลูด
 
“ไม่ให้มาตรฐานกูสูงได้ไง วัน ๆ กูอยู่กับพวกมนุษย์หน้าหล่ออย่างมึง ๆ จนต่อมมองผู้ชายกูบกพร่อง มองใครก็เห็นเป็นขี้เหร่ไปหมด”
 
“ทำใจวะอ้อย”
ไอ้มอมันเชิดหน้าโชว์ความหล่อมันเต็มที่
 
“มึงอ่ะ หล่อแต่หน้า แต่ปัญญาหาดีไม่เจอ”
 
ไอ้มอมันทำหน้าขัดใจกับคำด่าแสบ ๆ ของไอ้อ้อย
 
ไม่นานผมก็เห็นไอ้ตัวเล็กกับไอ้เต้ย เดินถือเครื่องดื่มกับขนมที่เราสั่งไปกันมา ไอ้ตัวเล็กมันเสิร์ฟกาแฟให้ผมด้วยตัวเองเลย ผมแอบดีใจหน่อย ๆ มันยิ้มให้นิด ๆ ก่อนเดินไปเสิร์ฟคนอื่น ๆ ต่อ
 
 
 
 
พวกเรานั่งคุยกันไปให้ชาวบ้านเขาได้โลมเลียกันทางสายตา ผ่านไปร่วมสามชั่วโมง เครื่องดื่มคนละแก้ว กะนั่งเอาคุ้ม 
 
ผมนั่งหัวเราะไอ้มอที่กำลังเผาเรื่องของไอ้ปิงมันอยู่ พลันสายตาก็เหลือบไปเห็นรถสีดำสนิทคันหนึ่งวิ่งช้า ๆ เข้ามาจอดสนิทยังลานจอด รูปร่างของรถคันนั้นคุ้นตาเอามาก ๆ และผมก็ภาวนาขอให้ไอ้คนที่กำลังโผล่หัวออกมาไม่ใช่มัน
 
แต่พระเจ้ากลับไม่ฟังคำขอของผม
 
ไอ้คุณชรินทร์
 
ผมมองภาพตรงหน้าตาเขม็ง มันเดินไปหาไอ้ตัวเล็กที่เดินออกไปรับมันที่หน้าร้าน ไอ้ตัวเล็กก็ยิ้มจนปากจะฉีกถึงหลังหู หน้าผมบึ้งขึ้นมาทันที
 
“อ้าว นั่นคุณชรินทร์นี่” ไอ้อ้อยมันจำได้ ผมนั่งเงียบ มองภาพบาดตาไปเรื่อย ๆ

สิ่งที่ผมหวาดหวั่นไม่ใช่แค่ความรู้สึกหึงหวงลม ๆ แล้ง ๆ อีกต่อไปแล้ว
 
ไอ้คุณชรินทร์มันยื่นขวัญให้กายชิ้นหนึ่ง ใบหน้าแต่งแต้มไปด้วยรอยยิ้มอบอุ่น แถมแววตาที่มันใช้มองไอ้ตัวเล็กก็ดูจะพิเศษกว่าคนรู้จักกันธรรมดาอีกด้วย
 
“กายนี่เสน่ห์แรงใช้ได้เลยเนอะ”
ไอ้กิ๊ฟมันเหน็บเบา ๆ ปรายตามองมาทางผม
 
“แต่ก็นะ คนมันยังไม่มีเจ้าของ ใครเร็วใครได้ มันยิ่งน่ารัก ๆ อยู่ด้วย” มันพูดเนิบ ๆ ให้ผมได้ยินเพียงคนเดียว เพราะคนอื่น ๆ หันไปสนใจอย่างอื่นกันหมด
 
ไอ้โอมกับไอ้มอหันไปมองสาวน้อยวัยใสกลุ่มใหม่ที่กำลังเดินเข้ามา ตัวเล็ก ๆ ขาว ๆ สเป็คพวกมันกันละ โดยมีไอ้ปิงร่วมหัวด้วยอีกคน
 
พวกผู้หญิงนั่งเม้าท์กันเรื่องความหล่อของคุณชรินทร์ มีเพียงไอ้โอ๊คเท่านั้นที่มองตามกายไม่ต่างกับผม ผมไม่ได้ใส่ใจเพื่อนในกลุ่มเท่าไหร่ กำลังจ้องมองคนที่ยังยืนยิ้มให้กับแขกคนใหม่อยู่
 
ทีพวกผม มันแค่มาทำตามหน้าที่ แต่กับไอ้ผู้ชายคนนั้น มันกลับยืนคุยกันได้เป็นนานสองนาน
 
“คู่แข่งนายนี่น่ากลัวนะ รุกซะด้วย”
ไอ้กิ๊ฟมันพูดต่อไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกสบายใจขึ้นแม้แต่น้อย
 
สักพักมันก็หาที่ว่างให้ เป็นโซนด้านในสำหรับสองคนนั่ง ผมมองตามแทบทุกฝีก้าว ไอ้ตัวเล็กรับออเดอร์ด้วยตัวเอง มันยิ้มแทบจะตลอดระยะเวลา กับผมไม่เห็นมันจะยิ้มมากมายขนาดนี้เลย
 
ยกเว้นเวลามีกล้องน่ะนะ
 
“กูกลับก่อนละ”
ผมเลื่อนเก้าอี้ออกดังครืด ดันตัวลุกขึ้นยืน
 
“อ้าว ไมวะมึง นาน ๆ ทีเพื่อนได้สังสรรค์กันนะ”
ไอ้มอมันทัก
 
“กูต้องไปรับพวกทโมนจากที่เรียนพิเศษกลับบ้านว่ะ”
 
พวกมันพยักหน้าเข้าใจ แล้วก็รู้ครับว่าพวกทโมนที่ว่าคือใคร
 
“ฝากทักทายป๋ากับหม้าแทนกูด้วยนะ”
ไอ้อ้อยมันบอก ผมพยักหน้าวางเงินทิ้งไว้ เดินหน้าบูด ๆ ออกจากร้านไป
 
หงุดหงิดครับ ไม่อยากเห็นภาพบาดตาบาดใจ
 


“พี่เอก!!”
ผมที่กำลังจะเดินไปถึงตัวรถหันกลับไปตามเสียงเรียก ไอ้ตัวเล็กครับ มันวิ่งหอบมาแต่ไกล

พอดีผมจอดรถห่างจากร้านนิดหน่อยน่ะ
 
“อะไร” ผมถามเสียงเรียบ
 
“ทำไมรีบกลับล่ะ”
ผมปรายตามองมัน
 
“รีบกลับไปรับพวกทโมน”
ผมเดินอ้อมไปยังฝั่งคนขับ ก้าวขึ้นรถ ปิดประตูใส่มันดังโครม
 
พาลครับ
 
ได้ยินเสียงเคาะกระจกจากอีกฝั่ง ผมหันไปมอง มันก้มหน้าลงมามอง ตอนแรกว่าจะเมินแล้วกระชากรถหนีไป แต่ดูไม่มีเหตุผล เลยกดเลื่อนกระจกลงแทน
 
“วันพรุ่งนี้พี่ว่างไหม”
 
“ทำไม”
ผมถามกลับห้วน ๆ มันทำหน้าลำบากใจ
 
“คือผมจะชวนไปดูภาพถ่ายที่ผมชนะการประกวด วันพรุ่งนี้เป็นวันแรกที่เขาเอามาโชว์ ผมก็เลยจะชวนพี่ไปดูด้วยกัน”
 
ผมแอบยิ้มอยู่ในใจ
 
มันชวนผมเดทด้วยเว้ยเฮ้ย
 
“ก็ได้”
ผมตอบกลับนิ่ง ๆ กลัวจะหลุดดีใจครับ รีบชิ่งหนีก่อนดีกว่า
 
กำลังจะสตาร์ทรถ แต่นึกอะไรขึ้นได้ รีบหันไปถามมัน
 
“พรุ่งนี้คุณชรินทร์อยู่ด้วยไหม”
 
“ฮะ ก็เขาเป็นเจ้าของงานนี่”
 
แม่.ง ไม่อยากไปขึ้นมาดื้อ ๆ
 
แต่คิด ๆ ดูแล้ว ผมต้องแย่งมันมาเป็นของตัวเองสิ ปล่อยให้คนอื่นมางาบไปได้ยังไงกัน
 
“โอเค ให้พี่มารับกี่โมง”
 
มันยิ้มน่ารัก เห็นแล้วอยากกระชากมาจูบซะจริง
 
“เย็น ๆ ก็ได้ พี่จะได้อยู่กับครอบครัวนาน ๆ”
 
มันยังไม่ลืมว่าผมกลับบ้านเสาร์อาทิตย์ ผมพยักหน้า มันเขยิบออกให้ผมเลื่อนกระจกขึ้น ผมขับเคลื่อนตัวรถไปโดยมีมันยืนยิ้มให้ด้านหลัง
 
ขับไปได้ไม่เกินร้อยเมตร แทบจะเบรกแด้นส์ตัวรถกลับไปหามัน

ไอ้คุณชรินทร์ครับ มันเดินออกมาหาไอ้ตัวเล็กพอดี
 
“มึง คิดจะแย่งคนของกู เร็วไปสิบชาติโว้ยไอ้คุณชรินทร์!!” 
ผมกัดฟันพูดใส่กระจกมองหลัง



         



         
“ว้ายยยยย ไหนว่าให้พวกเรากลับเองไง ไหงมารับได้ละคะ”
แอมวิ่งเข้ามาเกาะแขนผมแน่น พอ ๆ กับอีกด้านที่มีไอและอ้อนแย่งกันเกาะ
 
“คิดถึงพวกเราใช่ม้า”
มันชี้นิ้วหมุนเป็นวงกลมตรงหน้าล้อเลียน
 
“ทำหน้าแบบนี้ ไปทะเลาะกับใครมาเหรอคะ”
 
ไอ้ลิงพวกนี้ฉลาดเป็นกรด
 
“แน่ะ ให้เดาม้า ต้องเป็นเรื่องของพี่กายแน่ ๆ เลย”
แล้วพวกทโมนก็หันไปกรี๊ดใส่กันเสียงดัง พาเอาคนรอบข้างมองกันเป็นตาเดียว
 
ชินครับ อยู่กับพวกนี้ทีไร เด่นทุกที
 
 
 
 
ผมพาพวกน้อง ๆ กลับบ้าน วันนี้อยู่กันพร้อมหน้าสุด ๆ อาร์ตกับอิฐก็อยู่ พ่อกับแม่นั่งกระหนุงกระหนิงไม่สนวัยกันบนโซฟา
 
“คิดว่าจะไม่สนครอบครัว มีเพื่อนแล้วลืมกันเสียอีก”
แม่ครับ เหน็บมาให้รู้สึกผิดเล็ก ๆ ผมส่งยิ้มไปให้
 
“เอาน่า ไหน ๆ ลูกก็มาแล้ว”
คุณพ่อครับ ใจเย็นสุดแล้วในบ้าน หน้าขรึม ๆ กับท่าทางภูมิฐาน เป็นบล็อกต้นแบบของผู้ชายในบ้านเราเลย ส่วนสาว ๆ ก็เหมือนแม่ครับ
 
คำโบราณที่ว่า ผู้ชายหน้าเหมือนพ่อ ผู้หญิงหน้าเหมือนแม่จะอาภัพ คงใช้ไม่ได้กับครอบครัวเรา เพราะจนถึงทุกวันนี้ พ่อกับแม่ก็ยังรักกันดี
 
 
 
พวกเรานั่งสังสรรค์กันหน้าทีวีครับ โดยมีสามตัวป่วนเกาะพี่ชายอย่างผมแน่นเป็นตัวพาเฮฮา เครียด ๆ อยู่ ก็แทบจะหายเป็นปลิดทิ้ง
 
สำหรับผม ครอบครัวต้องมาอันดับหนึ่ง ยกเว้นเวลางานน่ะนะ เพราะพวกทโมนมันซนจนงานผมเสียบ่อย ๆ เสียสมาธิด้วย ผมเลยขอย้ายไปอยู่คนเดียวดีกว่า ซึ่งพ่อแม่ก็เข้าใจ
 
“แม่คะพ่อคะ พวกหนูชอบแฟนใหม่พี่เอกจังเลย อยากให้พี่เอกคบคนนี้นาน ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ”
ไอ้อ้อนมันตั้งประเด็นขึ้นมา ทุกคนหันพรึบมามองผมเป็นตาเดียว
 
ถ้าเป็นในการ์ตูน ผมคงมีเหงื่อเม็ดเท่าฝาหม้อร่วงลงมาจับที่ริมขมับแล้ว
 
“พี่บอกไปแล้วนี่ ว่ายังไม่ได้เป็นแฟนกัน”
“โธ่อีกหน่อยก็เป็น นะ ๆ ๆ ๆ คบคนนี้เถอะ พวกหนูสนับสนุน” พวกมันรีบเข้ามาออดอ้อนเหมือนตัวเองเป็นคนคบเอง
 
“ลูกเต้าเหล่าใครเหรอลูก”
แม่หันมาถาม ผมนั่งไม่ติดพื้นขึ้นมาทันที
 
อย่างแรกคือ ผมยังไม่ได้ตกลงปลงใจกับมัน อย่างที่สองมันเป็นผู้ชาย เกิดพ่อแม่รู้แล้วท่านจะรับกันได้ไหม ไหนจะไอ้อาร์ตไอ้อิฐอีก
 
สามทโมนมองมาทางผมกรุ้มกริ่ม
 
“ผมยังไม่พร้อมที่จะบอกครับ ยังไม่ได้คิดจริงจัง แค่เริ่ม ๆ อาจผ่านมาแล้วผ่านไปเหมือนคนอื่น ๆ”
 
“โธ่ คนนี้เขาแตกต่างตั้งแต่พี่พาเขาเข้าห้องนอนแล้ว”
พวกมันพากันบู้หน้า แม่เลยมะเหงกความแก่นกะโหลกให้พวกมันคนละที
 
แต่สำนึกกันซะที่ไหน ยังพากันทำหน้าทะเล้นน่ารักใส่ไม่หยุด
 
“หายากนะเนี่ย ที่จะทำให้สามทโมนชอบได้”
ไอ้อิฐครับ มันลูบหัวน้องมันเบา ๆ
 
“พี่อิฐ คนนี้ดูดีจริง ๆ นะคะ น่ารักมากกกกก และที่สำคัญ…”
 
“กรี๊ดดดดด/กรี๊ดดดดด/กรี๊ดดดดด”
 
แล้วพวกมันก็หันไปร่วมหัวกันกรี๊ดอีกที ผมนั่งกุมขมับ พ่อกับแม่นั่งขำกันใหญ่
 
“เอาเถอะ พร้อมเมื่อไหร่ก็พามาแนะนำละกัน คนไหนก็ได้ พ่อไม่อยากบังคับนักหรอก ถ้าบังคับได้ พ่อก็อยากให้ตกลงปลงใจกับอ้อยมากกว่า”
 
ครับไม่บังคับ แต่แง๊บทุกครั้งที่มีโอกาส
 
“ยากครับรายนั้น ถ้าจะสปาคคงสปาคกันไปนานแล้ว อยู่ด้วยกันมาตั้งหลายปี พ่อก็น่าจะเห็น”
คำแก้ตัวเดิม ๆ ครับ ไม่แน่ใจว่าพ่อจะฟังบ้างไหม
 


แล้วคืนนั้นผมก็นอนเป็นตุ๊กตาหมีให้ไอ้สามทโมนมันกอด เหมือนมีลูกสาวตัวเล็ก ๆ มากกว่าสาวน้อยวัยใสมานอนกอดนะเนี่ย
 
จริง ๆ เด็กสาวม.ต้นทั่วไป ถ้าเป็นคนอื่น คงมีแฟนกันแล้วอย่างน้อยก็คนสองคน หรือไม่ก็เสียตัวให้กับผู้ชายกันไปหลายรอบ แต่พวกน้อง ๆ ของผมกลับพากันรักนวลสงวนตัวมากกว่าที่คิด
 
“มีพี่แสนเจ้าชู้นี่น่า พวกหนูเลยไม่อยากมีแฟน กลัวโดนหลอกให้รักแล้วซิ่งจากเหมือนใครบางคน”
 
พวกมันให้เหตุผล
 
พี่ผิดใช่ไหมเนี่ย
 
แต่ก็ดีแล้วละครับ เพราะผมก็ไม่ใช่คนดีเดอะไร
 
“แต่จริง ๆ แล้ว พวกเราไม่เจอผู้ชายที่สามารถปกป้องและดูแลพวกเราได้อย่างที่พี่เอกทำต่างหาก เจอเมื่อไหร่ พวกเราถึงจะรับไว้พิจารณา”
 
มันบอกต่อทำเอาผมอมยิ้ม ลูบหัวพวกมันคนละที
 
“พี่เอกน้า ๆ รับพี่กายไว้ในอ้อมกอดสักคน”
ไอ้อ้อนครับ มันเอานิ้วจิ้ม ๆ หน้าอกผมเบา ๆ ออดอ้อนสมชื่อมันนั่นแหละ
 
“เอาไว้ให้พี่แน่ใจก่อนนะ ตอนนี้ต้องดู ๆ กันไปก่อน”
ผมพูดให้เป็นกลางมากที่สุด
 
“ก็ได้ แต่อย่าให้ช้านะคะ ไม่งั้น หนูจะจับพี่กายล้างน้ำแล้วยกให้พี่อาร์ตหรือพี่อิฐแทน”
 
ผมสะดุ้งเลยครับ
 
คืออาร์ตกับอิฐ หน้าตามันก็เหมือนฝาแฝดของผมน่ะนะ ไอ้ตัวเล็ก มันยิ่งหลงหน้าผมอยู่ด้วย เกิดเจออาร์ตหรืออิฐที่เอาใจและอบอุ่นกว่าผม มันคงเปลี่ยนใจเอาง่าย ๆ
 
“ไม่ได้นะ คนนี้พี่จอง”
 
“หึหึ ทีอย่างนี้ละห่วง ช้ามาก เดี๋ยวคนอื่นซิวไม่รู้ด้วยน้า บอกไว้ก่อน”
มันพูด ก่อนพากันคุยงุ้งงิ้งแล้วหลับใหลไป
 
ผมนอนคิดอยู่คนเดียว
 
เรื่องบางเรื่อง ผมก็ต้องการเวลาและความแน่ใจเหมือนกัน
 
เพื่อตัวผมเอง และเพื่อตัวมันเองด้วย
 
 
 
 
To Be con...

ขอบคุณทุกการติดตามครับ ^^ o13

ออฟไลน์ poo-ultraman

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 11
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
สนุกมากๆๆๆ รีบมาต่อะคะ

ออฟไลน์ qq_oo

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1749
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +143/-4
สนุกมากๆๆๆ

ออฟไลน์ Naenprin

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1172
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +203/-1
 :mew3:

ยอมรับตัวเองเถอะเอก

ออฟไลน์ memew

  • ขอบคุณที่เข้ามาอ่านจ้าาา
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 456
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +382/-10
    • :: Memew แฟนเพจ :

Kiss Love ♥ [27]
วันอันแสนวุ่นวาย
[กาย...♥]


ดีใจครับ ที่พวกพี่ ๆ มาแสดงความยินดีกัน พี่เอกก็มาด้วย มากับมาดนิ่ง ๆ ตามแบบของพี่มันนั่นแหละ

บอกตามตรง ตื่นเต้นดีครับ

สักพักพี่เชนก็มา ผมงี้ยิ้มแก้มบานเลย ดีใจครับ มีทั้งพี่เอกพี่เชน นี่ถ้าพ่อมาด้วย วันนี้คงเป็นวันที่ผมโชคดีเหมือนถูกหวยแน่ ๆ

พอพวกพี่เอกกับพี่เชนกลับไป ผมก็ถูกหวยจริง ๆ

พ่อมาครับ
มายืนหน้าหล่ออยู่ในร้าน ชวนตอนแรกบอกไม่ว่าง ติดงาน แต่ที่ไหนได้ แอบมาเซอร์ไพรส์นี่เอง

“แต่พ่อคงไม่ได้พาไปงานภาพถ่ายนะลูก พรุ่งนี้พ่อต้องบินแล้ว”

ผมหน้าสลดลงทันที พ่อยิ้ม ลูบหัวผมเบา ๆ 

“แต่เดี๋ยวเดือนหน้าพ่อก็กลับแล้วล่ะ”

ผมหน้าบานขึ้นมาอีกรอบ พ่อหัวเราะหึ ๆ

“พ่อทำเรื่องขอย้ายมาเปิดสาขาที่เมืองไทย จริง ๆ ทางบริษัทอยากทำมานานแล้ว แต่ยังหาคนที่ไว้ใจไม่ได้ พ่อเลยอาสาโดยให้เหตุผลเขาไปว่า…”
พ่อหยุดคำพูดไว้นิดหนึ่ง ผมโน้มหน้าไปฟังอย่างตั้งใจ

“My heart are there”

ผมฉีกยิ้มทันทีที่พ่อพูดจบ

“ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้ว วันนี้อยากทำตัวเป็นพ่อที่ดีสักวัน มีอะไรให้พ่อช่วยไหมลูก”

ส่ายหน้า

“ผมทำงานอยู่น่ะฮะ คงต้องรอให้เลิกงานก่อน”

จะลาก็คงไม่เหมาะ เพราะเพิ่งเริ่มงานวันแรก เอาไงดีวะ อยากอยู่กับพ่อก็อยาก แต่งานก็คืองาน แม้จะงานชั่วคราวก็เถอะ พ่อมองสีหน้าลำบากใจผมอยู่พักก่อนอมยิ้ม

“ไม่เป็นไร งั้นรอพ่อแป๊บ”
พ่อเดินไปพูดอะไรกับพนักงานที่เคาน์เตอร์นิดหน่อย ก่อนเดินหายเข้าไปในห้องผู้จัดการ แล้วเดินออกมาอีกทีพร้อมเครื่องแบบใหม่ที่เหมือนผมเป๊ะ แต่ต่างกันตรงที่ของพ่อใส่เสื้อกั๊กแบบพี่เป้

ผมยืนอ้าปากค้าง

“ขอทำตัวเป็นพนักงานเสิร์ฟกับลูกชายสักวันละกัน”
พ่อพูดยิ้ม ๆ รุนหลังผมให้เดินไปรับลูกค้าที่เปิดประตูเข้ามาพอดี

ขอบอกว่าพ่อผมเป็นพวกไนซ์ขั้นเทพ เผลอแผล็บเดียว พ่อก็กลายเป็นพนักงานสุดป๊อบไปแล้วครับ ทั้งรอยยิ้มที่สดใส ทั้งการบริการที่ดีเลิศ ไม่แปลกใจเลยที่ใคร ๆ ก็อยากได้พ่อไปทำงานด้วย

“พ่อมึงนี่สุดยอดไม่เปลี่ยนเลยว่ะ”
ไอ้เต้ยโน้มมากระซิบข้างหูผม

มึงจะมากระซิบทำไม ไม่มีใครเขาสนใจฟังหรอก

“มึงอย่าให้แม่กูมาด้วยละกัน รับรองยอดขายของร้านพุ่งกระฉูด”
ผมเอียงหน้าไปกระซิบกลับมันบ้าง

“ทำงานกันได้แล้ว”
พี่เป้เดินเอาถาดมาเคาะหัวผมเบา ๆ แล้วเดินจากไป

ผมลูบหัวตัวเอง หันไปมองไอ้เต้ย มันยืนเม้มปากแน่นมองตามแผ่นหลังกว้างของพี่เป้ไปตลอดทั้งเส้นทาง

สำหรับคนอื่น อาจดูเฉย ๆ และเห็นใจที่ผมถูกตีหัว แต่สำหรับไอ้เต้ยแล้ว มันคือการเมินกันแบบเห็น ๆ ทั้ง ๆ ที่ถ้าเป็นเมื่อก่อน พี่เป้คงจะตีหัวมันก่อนแท้ ๆ       

คนที่เคยถูกแกล้งทุกวัน อยู่ ๆ ก็ถูกเลิกแกล้งกะทันหัน มันก็ไม่ต่างกับการหักหน้าไม่มีเยื่อใยนั่นแหละ 

ผมรู้ว่ามันเจ็บครับ แต่ก็ฝืนทนนิ่ง ๆ ไปก่อน ผมรีบเดินไปทำงานต่อ สักพักมันก็เดินไปทำงานในส่วนของตัวเองเช่นกัน

..
..
..
..
..
..
..
..
..
..
..
“มึง…”
มันเรียกสั้น ๆ ผมที่กำลังก้มเก็บแก้วเปล่าบนโต๊ะเงยขึ้นมอง มันมองหน้าผมแล้วก็เงียบไป

ผมเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม

“กายมาช่วยพี่ทางนี้หน่อยสิ”
ยังไม่ทันที่มันจะพูดอะไรต่อ พี่เป้ก็ตะโกนเรียกมาแต่ไกล ผมหันไปทางต้นเสียง ก่อนหันกลับมาทางไอ้เต้ยอีกที

“กูขอตัวก่อนนะ”
ผมรวบแก้วและจานขนมเปล่า ๆ ไว้ในถาด เดินเอาไปเก็บหลังร้านแล้วเดินไปหาพี่เป้อีกที หันกลับไปมองไอ้เต้ย เห็นมันยืนเม้มปากก้มหน้าเช็ดโต๊ะอยู่เงียบ ๆ

สงสารมันครับ

แต่ต้องทำใจแข็งไว้ มันขอเวลาเดือนหนึ่งในการค้นหาคำตอบ แต่นี่ผ่านไปแค่วันเดียว มันยังทรมานขนาดนี้ แล้วนี่เหลืออีกตั้งยี่สิบเก้าวันแล้วมันจะไปรอดไหม

ผมพ่นลมหายใจออกแรง

และที่สำคัญ
ดูเหมือนเกมนี้ ผมจะกลายเป็นหมากให้สองพี่น้องนี่โยนข้ามหัวกันซะแล้ว

พี่เป้เรียกผมไปใช้ตลอด แทบจะทุกอย่างที่แกทำเลยก็ว่าได้ ทั้งยกของ ทั้งเสิร์ฟ ไหนจะรับออเดอร์ ไหนจะต้อนรับลูกค้าหรือส่งลูกค้า

พี่มันเล่นผมหนักตั้งแต่วันแรกเลย

มันเหนื่อยนะเว้ยเฮ้ย
 

“เหนื่อยไหม”
พี่เป้เดินเข้ามาช่วยผมยกถาดไปไว้หลังร้าน ล้วงหยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋ากางเกงมาซับเหงื่อให้เบา ๆ ผมยิ้มให้พี่แกไปที

“ไปนั่งพักก่อนก็ได้ ขอโทษนะ ใช้เยอะไปหน่อย”
พี่เป้เกลี่ยปอยผมที่มันตกลงมาระแก้มออกให้เบา ๆ ถ้าพี่แกไม่ปากหมาก็อ่อนโยนอย่างนี้ละครับ

“กาย!! มาช่วยกูตรงนี้ที!”
เสียงเรียกกระชาก ๆ ของไอ้เต้ยดึงสายตาเราทั้งคู่ให้หันไปมอง มันกำลังเก็บโต๊ะอยู่ครับ ส่วนพ่อผม

นู้น…
เม้าท์กับสาว ๆ ลืมลูกชายอยู่นู่น

ผมขอตัวจากพี่เป้เดินไปหามัน มันคงอิจฉาที่พี่เป้ให้ความสำคัญกับผมมากกว่า มันเลยพยายามเรียกผมให้พ้นจากพี่เป้ ในขณะที่พี่เป้ก็เรียกผมให้พ้นจากมัน

ก็อย่างที่เห็น เกมชักกะเย่อ โดยมีผมเป็นเชือก

“ไอ้เต้ย พอเหอะ กูเหนื่อย พวกมึงจะเล่นอะไรกัน เห็นหัวกูบ้าง”

“มึงก็ไปบอกพี่กูก่อนดิ”

“มึงก็รู้อยู่ว่าเขาเมินมึง มึงก็ยังจะไปตามเขาอีกนะ”

“งั้นมึงก็ต้องหาคำตอบแทนกู ว่ามันเมินกูเพราะอะไร”

ผมมองหน้ามัน

บางทีผมก็แอบคิดนะ ว่าน่าจะบอกความจริงมันไปซะให้จบ ๆ เรื่อง

“นี่มึงรู้รึเปล่าว่าพี่เป้เขาเพิ่งอกหักมา”
ผมแกล้งสร้างเรื่อง

จริง ๆ คือผมทนไม่ไหวแล้วครับ เหนื่อย นี่แค่วันแรกนะ วันต่อ ๆ ไปมันจะก่อสงครามโดยใช้ผมเป็นกำแพงเมืองจีนขนาดไหน เพื่อความสงบสุขของตัวเอง ผมต้องหาเรื่องปกป้องตัวเองบ้าง

“กะ กูไม่รู้”
ไอ้เต้ยมันทำหน้าเสีย 

มึงไม่รู้ก็ถูกแล้ว เพราะพี่มันไม่ได้อกหัก แต่รักใครคนนั้นไม่ได้ต่างหาก มันคงรู้สึกแย่ เพราะปกติมีอะไรมันจะรู้เรื่องเป็นคนแรกเสมอ

“ที่พี่มันมีอาการแบบนี้ เพราะเรื่องนี้แหละ คราวนี้มึงก็เลิกค้นหาคำตอบแล้วกลับบ้านไปได้แล้ว ปล่อยให้พี่มันทำใจสักพัก พอดีขึ้น เขาก็กลับไปเป็นเหมือนเดิมเองแหละ”

“ใครวะ…”
มันถามเสียงแผ่ว

“หะ?”
คือเมื่อกี้ได้ยินไม่ถนัดฮะ 

“ใคร…ที่เป็นคนหักอกพี่เป้”
มันถามเสียงเครียด

มึงอย่าทำเป็นน้องผู้พิทักษ์พี่ชายที่แสนดีนะเว้ย

“มึงจะไปรู้ไหมเล่า ได้ยินพวกพี่ ๆ เขาพูดต่อ ๆ กันมาอีกที พี่มันไม่บอกใครหรอก รู้อีกทีก็อกหักไปแล้ว”
แหลครับ แหลไปก่อน

“กูยิ่งต้องรู้ให้ได้ ว่าคนคนนั้นเป็นใคร เผื่อกูจะได้ช่วยพี่มัน พี่กูเป็นคนดี ไม่มีผู้หญิงคนไหนไม่อยากรักหรอก กูว่าต้องมีเรื่องอะไรเข้าใจผิดกันแน่ ๆ”

เออเว้ย มึงนี่ก็ความพยายามเป็นเลิศนะเต้ย

แต่กูว่าอย่าเลย เรื่องบางเรื่องมันก็ยากที่จะทำให้มันเป็นจริงขึ้นมาได้เหมือนกัน

“กูว่าอย่าเลย พี่เขากำลังพยายามตัดใจอยู่ พอพี่เขาตัดใจได้ มึงค่อยหาคนใหม่ให้พี่เขาก็ได้”

“ไม่ได้!!”
มันตอบจริงจัง

“ทำไม”

“มึงรู้ไหม พี่เป้ไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน ถ้าเป็นมากขนาดนี้ แปลว่าพี่เป้ต้องจริงจังกับคนนี้สุด ๆ เพราะงั้น กูจะช่วยให้พี่เป้สมหวัง ไม่ว่าจะต้องใช้วิธีไหนก็ตาม”

มึงมุ่งมั่นผิดประเด็นไปไหม

เหมือน ๆ ผม จะได้กลิ่นไอควันแห่งความยุ่งยากลอยคละคลุ้งไปทั่วเลยครับ

ใครก็ได้ ช่วยเกิดเป็นไอ้กายที

ไอ้กายเหนื่อย T^T       

..
..
..
..
..
..
..
..
“เหนื่อยไหม”
พ่อเดินเข้ามาเช็ดเหงื่อให้เบา ๆ ที่ข้างขมับ

“ไม่ฮะ แล้วเอ่อ.. เฮียละครับ”
ไม่ได้กระแดะครับ แต่เป็นกฎของผู้จัดการ ว่าถ้าจะให้พ่อมาช่วยงาน ต้องไม่เรียกพ่อหรือป๋า เดี๋ยวคนเขาจะรู้อายุจริง โกงอายุกันเห็น ๆ ครับ ผมเลยต้องเปลี่ยนจากเรียกป๋ามาเป็นเฮียแทน (ผมไทยแท้ครับ แต่พ่อชอบให้เรียกป๋า แกบอกดูคูลดี - - แต่แม่ไม่ให้เรียกหม้า ฟังดูแก่เกิน)

พ่อไม่ตอบครับ ฉีกยิ้มจนเห็นแสงสว่างเจิดจ้าจากความขาวของฟันกระแทกตา

“แหม สนิทกันดีจังเลยนะคะ”
ลูกค้าสาวสวยที่จด ๆ จ้อง ๆ จะงาบพ่อผมทักขึ้นเบา ๆ ผมหันไปยิ้มรับ พ่อถือวิสาสะคล้องคอผมเข้าไปกอด

“น่ารักใช่ไหมล่ะ”
พ่อจิ้มแก้มผมเบา ๆ

“แต่คนนี้น่ะ ผมจองแล้วครับ”
พ่อพูดอะไรคิดถึงคนฟังบ้างนะฮะ สมัยพ่อพูด อาจไม่คิด แต่สมัยนี้เขาคิดกันครับพ่อ

“ว้ายยยย!! จริงเหรอคะ เหมาะสมกันดีเนอะ”

ครับ ก็อย่างที่เห็น - -

เอ่อ.. คุณ ๆ ครับ
ผมเป็นป้อจาย ส่วนเฮียหน้าหล่อคนนี้เขาก็เป็นป้อจายเหมือนกัน

และที่สำคัญคือ เขาโกงอายุมา

และที่สำคัญมากไปกว่านั้น เขาเป็นพ่อผมเองครับ ปั้นผมมากับมือ (หรืออย่างอื่น?)

แต่ไอ้ที่กรี๊ดเมื่อกี้ ไม่ใช่ผู้หญิงคนที่ถามนะครับ มาจากน้อง ๆ โต๊ะข้าง ๆ ที่เพิ่งกลับมาจากเรียนพิเศษกัน เห็นนั่งทุบโต๊ะปั๊ก ๆ กรี๊ดใส่กันใหญ่

“ครับ ผมจองแล้ว”
พ่อผมหันไปบอก แล้วก็เดินหัวเราะร่วนจากไป ทิ้งผมเอาไว้ที่เดิม

เฮีย อย่ามาทิ้งระเบิดแล้วเดินจากไปง่าย ๆ อย่างนี้ซิครับ

ทำอย่างนี้ ผมจะหาเมียได้ไหม
..
..
..
..
..
..
..
..
การทำงานวันแรกผ่านพ้นไปด้วยดี ผมกับไอ้เต้ยถือว่าทำงานดีพอควร ผู้จัดการร้านชอบเอามาก ๆ (ก็นะ พี่เป้เล่นใช้ผมเอา ๆ ส่วนไอ้เต้ยก็ไม่ยอมแพ้ กลายเป็นแข่งกันทำงานซะงั้น) พรุ่งนี้ผมขอแลกเวรกับรุ่นพี่เพื่อไปดูงานภาพถ่าย ยังดีที่ผู้จัดการคุยกันง่ายหน่อย

แล้วอีกอย่าง แบ็คดีครับ พี่เป้รับปากว่าจะดูแลพวกผมตลอดการทำงาน

รายนี้เขาเป็นพนักงานดีเด่นประจำร้าน ตัวเรียกลูกค้าหลัก พูดอะไร ผู้จัดการเซย์เยสหมด

พอเลิกงาน ผมกับพ่อตกลงจะไปฉลองกันตามประสาพ่อลูก จริง ๆ ผมคะยั้นคะยอจนพ่อตกลงกลับบ้านกับผมได้ แต่ที่ผมไม่ได้บอกพ่อก็คือ ผมโทรไปขอให้แม่กลับมาอยู่ด้วย เพื่อฉลองที่ผมได้งานใหม่

สรุป ต่างคนต่างไม่รู้ว่ามีอีกฝ่ายอยู่ด้วย เสี่ยงพายุลงครับ แต่ไม่เป็นไร

แค่นี้…ผมยอม

ส่วนไอ้เต้ย มันถือคติด้านได้อายอด มันตื้อจะไปนอนกับพี่มันให้ได้ พี่เป้ไม่ยอม แต่มันก็ตื้อแหลกตามพี่มันต้อย ๆ ตอนนี้บอกตามตรง ผมไม่รู้ชะตากรรมครับ พี่เป้อาจพามันเข้าห้อง หรือไม่ มันก็ต้องระหกถีบก้นตัวเองกลับบ้านไป


พอกลับมาถึงบ้าน ผมกับพ่อก็ลงมือทำอาหาร ผมเหลือบมองนาฬิกา แม่บอกจะมาถึงในอีกหนึ่งชั่วโมง ถึงตอนนั้น ผมกับพ่อคงตั้งโต๊ะเสร็จกันพอดี

ผมยืนทำอาหารไปด้วยหัวใจที่เต้นระทึก

เอาวะ พายุก็พายุเถอะ

“กาย…รถใครอยู่หน้าบ้านน่ะลูก”
เสียงสดใสนำมาก่อนเลยครับ ผมกับพ่อกำลังช่วยกันร่อนแป้งทำขนมอยู่

“นาย!!”
แม่ชี้นิ้วใส่พ่อที่หน้าเปื้อนแป้งข้าวเจ้าไปแถบ

“เธอ!!”
พ่อใช้ถาดร่อนแป้งชี้กลับบ้าง

เอ่อ…พ่อครับ แป้งมันเปื้อนพื้นแน่ะ

“เข้ามาในบ้านฉันทำไม!!”
แม่เปิดบทฉะขึ้นมาก่อน

“จำได้ว่าผมเป็นคนซื้อบ้านหลังนี้เองนะ”

“แต่นายยกให้ฉันแล้วนะ”
ใช่ภาษาวัยรุ่นมากครับพ่อแม่ผม รับกับหน้าตาดีมาก ๆ

“ทำไมกลับเร็วจัง”
ผมแทรกสงครามขึ้นมากลางคัน แม่หันขวับมามอง ไม่ต่างกับพ่อ

คงรู้ครับ ว่าเป็นแผนของผม ผมหัวเราะแฮะ ๆ

“เพราะอยากมาฉลองกับลูก’สองต่อสอง’เร็ว ๆ ไง”
แม่เน้นคำว่าสองต่อสองหนัก ๆ

“ผมก็อยู่กับลูกมาสองต่อสองทั้งวันเหมือนกัน เนอะกายเนอะ”
พ่อผมเอาบ้างครับ

เอ่อ…อยู่ที่ร้าน เป็นเชือกให้พี่เป้กับไอ้เต้ยชักคะเย่อกัน อยู่ที่บ้าน เป็นเชือกให้พ่อกับแม่

โอ๊ย แล้วนี่ชีวิตกูจะรอดไปหาพี่เอกพรุ่งนี้ได้ไหม

สวรรค์เห็นใจครับ มือถือผมดังขัดสงครามสายตาของคนสองคนที่หันมาเตรียมจะขย้ำผมแล้ว ผมรีบรุดไปดูก็เห็นว่าเป็นเบอร์ของพี่เอกนั่นเอง ผมรีบกดรับทันที

“พี่กายยย!!!!!!!”
ไม่ใช่เสียงพี่เอกครับ เป็นเสียงของสามสาวทโมน (เรียกตามพี่เอกมัน)

“คิดถึงพี่กายจัง พี่เอกอาบน้ำอยู่เราเลยแอบเอามือถือมากดโทรหา”
สามสาวรีบแย่งกันพูดเสียงดังจนผมต้องเอามือถือออกห่างจากหู

“อุ้ย!! พี่เอกออกมาแล้ว แค่นี้ก่อนนะคะ”
เสียงมือถือก็เงียบกลายเป็นเสียงตู้ด ๆ แทน 

อะไรกันวะ?

ผมหันกลับไปมองพ่อแม่อีกที แต่ต่างคนต่างสะบัดบ็อบใส่กันไปแล้วครับ ผมเดินไปคั่นระหว่างคนทั้งคู่

“พ่อครับ แม่ครับ”
ผมเรียกรวบยอด
“ผมขอสักวันนะฮะ ผมอยากกินข้าวกับพ่อกับแม่ พ่อกับแม่ไม่ต้องทำตัวเป็นคนรู้จักกันก็ได้ คิดซะว่าเป็นคนแปลกหน้า”
ผมเสนอ

“เอางี้ป๋าเป็นเฮียเหมือนอยู่ที่ร้าน ส่วนแม่เป็นเจ้ นักเขียนสุดติสที่ไม่ใช่แม่ผม ทำใจลำบากเหมือนกันมีพ่อกับแม่หน้าอ่อนเนี่ย เพราะงั้น พ่อกับแม่ไม่ต้องเป็นพ่อแม่ผมชั่วคราว เป็นเฮียกับเจ้ได้ไหม”

เงียบครับ ไม่มีสัญญาณตอบกลับ ผมรีบรุกฆาตทันที

“วันนี้ผมไม่อยากกินข้าวคนเดียว เพราะงั้น เฮียกับเจ้มาทานข้าวเป็นเพื่อนผมที”
ผมรีบเสริมด้วยการสั่งให้ท้องร้องจ็อก ๆ

หึ ๆ พูดไปงั้นแหละ ที่ร้องเนี่ย คือผมหิวจริง ๆ ครับ

พ่อหลุดขำหน่อย ๆ พอ ๆ กับแม่ ก่อนจะสะบัดหน้าไปคนละทางสองทาง

ทิฐิสูงกันจริง ๆ

“ก็ได้ เพื่อกายนะเนี่ย”
พ่อพูดก่อน

แม่จิ๊ปากทำหน้าหมั่นไส้

“ก็ได้ ถ้าไม่ใช่เพื่อกาย แม่ไม่รีบตีเครื่องบินมาหรอก กำลังได้ฟิวเลย”
แม่บ่นหงุมหงิม

ผมอมยิ้ม ถึงจะยังไง ผมก็มั่นใจว่าเป็นลูกรักของพ่อกับแม่อยู่วันยังค่ำ

“งั้นเรามาทำขนมกันดีกว่าฮะ”
ผมบอกอารมณ์ดี หันไปบอกให้พ่อร่อนแป้งต่อ แต่ก็นะ คนไม่เคยเข้าครัว แทนที่จะร่อน กลับกลายเป็นราดแป้งเต็มพื้นซะมากกว่า

“ทำอะไรของนาย!! แป้งเลอะบ้านหมดแล้ว!!”

“ก็ร่อนแป้งน่ะสิ เห็นเป็นยืนทาแป้งให้ศพรึไง”
ปากพ่อผมครับ ผมได้เชื้อมาจากเฮียแกนี่แหละ

“อืม คงจะจริง ทำได้ดีมาก ครั้งหน้าร่อนใส่หน้าตัวเองนะ น่าจะเหมาะกว่า”
แสบครับ แสบทั้งคู่

“เธอเองก็เหมือนกัน ตีนกาเริ่มถามหาแล้วนี่”
ตีนกาแม่กระตุกทันที พูดอะไรพูดได้ครับ แต่อย่าไปยืมตีนคุณกามาข้องแวะ ไม่งั้นจะหาว่าไม่เตือน

“นายก็เหมือนกัน ร่อนแป้งใส่ถาดสิ ไม่ใช่ใส่หัว ให้มันขาวโพลนขนาดนั้น”

ผู้ชาย อย่าหยามเรื่องผมขาว พ่อกัดกลับไปอีกหลายดอก
ส่วนผมก็ปล่อยให้พวกเขาช่วยกันทำขนมผสมน้ำลายกันไป

น่าจะอร่อยนะครับ ยังไงก็น้ำลายพ่อแม่ ผมไม่ถือ หึ ๆ ๆ
..
..
..
..
..
..
..
..
“กาย”
ผมที่กำลังยืนทอดอารมณ์มองวิวยามค่ำคืนอยู่ในสวนหันไปตามเสียงเรียก

พ่อครับ เดินออกมาในชุดนอนสีน้ำเงินเข้ม กระดุมสีดำเรียงกันเป็นแถว แหวกหน้าอกออกนิด ๆ ดูเท่ดี ผมรีบเดินเข้าซุกอกกว้างทันที

“เรานี่น้า โตจนเป็นหนุ่มแล้วนะ ยังอ้อนพ่อเป็นเด็ก ๆ ไปได้”

“โธ่พ่อครับ พ่อไม่ได้อยู่ให้ผมอ้อนนาน ๆ สักหน่อย ขออ้อนทดแทนช่วงเวลาที่หายไปหน่อยสิ”

“หึ พ่อจะย้ายมาทำงานใกล้ ๆ แล้วนี่”

“อันนั้นเรื่องของอนาคตครับ ตอนนี้ ผมขออ้อนก่อน”
ผมยืนซุกอกพ่อ พ่อยิ้มอบอุ่น โอบผมไว้ทั้งตัว ก่อนจะได้ยินเสียงใครอีกคนเดินตามมา

“อกแม่ไม่น่าซุกรึไงถึงได้ไปซุกแต่อกคนอื่น”
แม่จิกอีกดอก แต่พ่อไม่สน กดหัวผมแนบกับหน้าอกแกมากขึ้นจนผมหายใจแทบไม่ออก

โธ่.. ขอผมซึ้งสักห้านาทีก่อนได้ไหม

“อกผมมันกว้างอะนะ ลูกเลยซบได้สบาย ๆ”

“อกฉันก็อบอุ่นเหมือนกันละย่ะ”
แม่เถียงบ้าง

“มันจะอุ่นเหรอ ผ่านมาตั้งหลายปี ถึงภายนอกจะยังสาว แต่ผมว่า ข้างในอาจจะต่องแต่งแล้วก็ได้”

แดงครับ แม่หน้าแดงแป๊ดเลย

“อีตาบ้า ฉันสาวทั้งข้างนอกข้างในย่ะ ไม่ได้มาเปิดดูจะรู้ได้ไง”
พูดเองหน้าแดงเอง

หลุดครับ แม่ผมหลุด

ผมหัวเราะหึ ๆ กับอกพ่อ

“บังเอิญไม่อยากดู กลัวเสียสายตา ไปหาอกสาว ๆ ดูดีกว่า”

“งั้นก็รีบ ๆ ไปซะสิ มายืนทำอะไรอยู่ตรงนี้ เดี๋ยวแม่แตงอะไรนั่นก็นั่งลิ้นห้อยรอหรอก”

เอ่อ…
แม่ครับ คุณแตงเขาเป็นคนไม่ใช่หมา และที่สำคัญ พ่อเลิกกับคุณแตงแล้ว

ผมกำลังจะอ้าปากบอก แต่พ่อกดหน้าผมไว้กับอก ผมเลยได้แต่อู้อี้ พูดไม่เป็นภาษา

“แน่นอนสิ ก็เขาทั้งสาวทั้งสดกว่าคุณ”
พ่อยื่นหน้าไปพูดกับแม่ ผมแอบเห็นเขี้ยวแม่งอกออกมาด้วย

“กาย เจ้ง่วงแล้ว ไปนอนเป็นเพื่อนเจ้ที”
รับบทเดิมไปแสดงครับ เธอกำลังระงับอารมณ์ไม่งาบหัวพ่ออยู่

“กายนอนกับเฮียดีกว่า อย่านอนกับผู้หญิงแก่ ๆ เลยนะ”

“นอนกับเจ้ดีกว่า”

“นอนกับเฮียดีกว่า”

“นอนกับเจ้!!”
แม่กระชากผมออกไปหาแก

“นอนกับเฮีย!!”
พ่อดึงผมกลับ

ผมย่อตัวลงหลบคนทั้งคู่ เดินไปยืนอยู่ห่าง ๆ

“เอางี้”
ผมรีบเบรก
“ผมว่า พวกเราสามคนไปนอนด้วยกันเลยดีกว่า เหมือนตอนเด็ก ๆ ไง ผมนอนตรงกลางเอง”
ผมเสนอชิว ๆ

“ไม่!!/ไม่!!”
โห ประสานเสียงกันดีสุด ๆ

เฮ้อ!!
ความหวังที่จะมีน้องของผมคงหมดสิทธิ์แล้วใช่ไหมเนี่ย

โจโฉกำลังปะทะเล่าปี่ เสียงแตรห้ามทัพจากมือถือรุ่นเก่าของผมก็ดังแทรกเข้ามาอีก ผมล้วงหยิบขึ้นมาดู พอรู้ว่าเป็นใครผมทิ้งสองพ่อแม่เดินเลี่ยงลึกเข้าไปในสวนทันที

“พี่เอก”
อัตโนมัติอีกแล้วครับ

“ทำอะไรอยู่”
เหมือนได้ยินเสียงจากเทวดาบนสวรรค์จริง ๆ วันนี้เป็นวันที่แสนวุ่นวายที่สุดเท่าที่ผมเคยเจอมา พอได้ยินเสียงแบบนี้แล้วมันดีใจครับ ผมทิ้งตัวลงนั่งบนม้านั่งภายในซุ้มไทรไม้ยามค่ำคืน ที่นี่แม่ทิ้งตระไคร้หอมไว้ทั่วบริเวณ ดึกขนาดไหนก็ไม่มียุงหาม

“กำลังห้ามทัพสงครามระหว่างเล่าปี่กับโจโฉอยู่”

ได้ยินเสียง ’หะ’ ด้วยความแปลกใจจากปลายสาย ผมหัวเราะหึ ๆ

งงละสิ

“พี่ยังไม่นอนอีกเหรอ”

“กำลังจะหลับ แต่อยากได้ยินเสียงนายก่อนนอน”

ไหม้ครับ

ได้กลิ่นไหม้จากหน้าตัวเองลอยคลุ้งขึ้นมากลาย ๆ

“ได้ยินแล้วนี่”
ผมพูดแล้วเงียบ

ได้ยินเสียงพี่มันหัวเราะหึ ๆ

“แล้วพี่จะไปรับ”

“ไปรับผมห้าโมงเย็นก็ได้ ผมแลกเวรได้ตอนนั้น”

“อือ”
พี่แกตอบรับ

“ราตรีสวัสดิ์”
พูดแค่นั้นแล้วแกก็กดวางสายไป

“อะไรวะ โทรมาแค่เนี่ย”
ผมมองมือถือยิ้ม ๆ ก่อนได้ยินเสียงโครมจากอะไรสักอย่าง ผมหันไปมอง

พ่อกับแม่ครับ แม่นั่งจับกบอยู่ที่พื้นโดยมีพ่อคร่อมอยู่ด้านบนอีกที สองคนเงยหน้าขึ้นมายิ้มเจื่อน ๆ มองผม

มาแอบฟังผมคุยโทรศัพท์ล่ะสิเนี่ย

“แฟนใช่ไหม”
พ่อถามด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น

“ใครอ่ะ”
แม่รีบเสริม

สงสัยอยากเห็นว่าที่ลูกสะใภ้ เพราะตั้งแต่จำความได้ ผมยังไม่เคยพาใครมาแนะนำสักคน ยกเว้นปรึกษาว่าชอบคนนู้นคนนี้น่ะนะ

“อยากเห็น/อยากเห็น”
ประสาน เป็นเสียงเดียวกัน พูดจบสองคนก็หันไปมองหน้ากันเอง และดูเหมือนพวกเขาจะเพิ่งรู้ครับ ว่าล้มทับกันอยู่ และท่ามันก็เหมือน ๆ กับพ่อกำลังกอดแม่ไว้ด้วย

พ่อรีบดีดตัวออกจากแม่ทันที

โหย ทำเหมือนไม่รู้จักร่างกายกันมาก่อนเลยเนอะ แล้วไอ้ที่ปั๊มผมมาเป็นตัวเป็นตนนี่ทำกันอีท่าไหนครับ

“ว่าแต่ ใครเหรอลูก”
พ่อถามอีกที เฮียหายไปแล้วครับ กลายเป็นพ่อแทนแล้ว

“สวยไหม”
แม่ถามต่อ

“แฮะ ๆ”
ผมตอบไม่ได้ครับ ได้แต่ยิ้มเก้อ

“อายล่ะสิ อายมาก ๆ เดี๋ยวก็ชวดเหมือนคนที่แล้ว ๆ มาหรอก ชอบใครก็รีบบอก ๆ เขาไปเถอะ อมพะนำมาก ๆ เดี๋ยวก็หลุดมือไปอีกหรอก”
แม่ผมพูดเป็นจริงเป็นจัง

“เหมือนที่แม่กับพ่อเป็นกันอยู่ตอนนี้ใช่ไหมฮะ”
ผมพูดขึ้นมาดื้อ ๆ พวกเขาสองคนสะอึกครับ มองหน้ากันแวบหนึ่ง แล้วต่างคนก็ต่างสะบัดหน้าเขยิบออกไปยืนอยู่ห่าง ๆ กันคนละก้าว 

ผมถอนหายใจแรง

ดูท่า กว่าจะลงตัว คงอีกนาน

เฮ่อ!


TBC...

หลังจากถูกเด็กดีแปะแผ่นกระดาษด้วยกากะบากสีแดงอันใหญ่ ๆ ไว้บนหน้าผาก "ออกไป!" คนเขียนกับพวกพ้องอีกจำนวนหนึ่งก็ต้องพากันหอบผ้าหอบผ่อนมองหาบ้านใหม่กันจ้าละหวั่น มีคนแนะนำให้มาที่นี่กันเยอะ จริง ๆ แอบอยู่ที่นี่นานล่ะ แต่คิดว่าวันนี้ น่าจะก้าวออกไปแนะนำตัวกับเจ้าบ้านพร้อมเพื่อนร่วมบ้านบ้าง

ทักท่ายทุกคนค่ะ คนเขียนชื่อพี่มิวเน้อ ส่วนนิยายเรื่องนี้ชื่อน้องคิส ฝากเนื้อฝากตัวกันด้วยค่ะ ^^

NJnobu

  • บุคคลทั่วไป
ทำไม"ที่นู่น" เค้าใจร้ายจัง :a5: งันก็มาอยู่บ้านหลังนี้แหละคราบ

+ ให้พี่มิวเน้อ  :3123: :pig2:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ 42311266

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 32
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-1
รอตอนต่อไปค่าาา   ย้ายมาอยู่นี่ดีแล้วค่ะ เราเข้าไปเวปนั้นเจอยันแปะไว้ใจแป้วเลย ไม่รู้จะไปตามอ่านที่ไหน

มาต่อเร็วๆนะคะ เรื่องน่ารักดีค่ะ

ออฟไลน์ Naenprin

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1172
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +203/-1
 :mew1:

เปิดตัวเถอะทั้งสองคน

ออฟไลน์ makampom_yun

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 66
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-1
 o18 o18 o18 หนุกมากมายยยยยย ชอบพี่เอกกกกก ร๊ากน้องกายยยยยยย

ขอบคุณนักเขียนมากๆๆๆนะคะ ที่แต่งนิยายสนุกๆๆแบบนี้

อยากอ่านตอนต่อไปปปปป  :z2: :z2:


ออฟไลน์ agava1313

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-5
เหมือนกันเลย แบนตัวเบอร์เร่อ ยอมรับก็ได้ว่าเขียนเรทหนักไปหน่อย แต่ ชิ!  :m31: ไม่สบอารมณ์โ้ว้ยย.ย.ย.ยย.ย.!!!!!  สุดท้ายขี้เกียจไปนั่งแก้แบน แล้วกะว่าจะรีไรท์ใหม่ เลยยังไม่ได้เริมซักที  :hao3:

ความรักเหมือนดอกมะนาว

  • บุคคลทั่วไป
มาต้อนรับเข้าเล้าเป็ดค่า

ปล. คนเขียนชื่อมิว แต่เราเรียกเหมียวอยู่นาน หน้าแตกเพล้งๆ  :-[

ออฟไลน์ memew

  • ขอบคุณที่เข้ามาอ่านจ้าาา
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 456
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +382/-10
    • :: Memew แฟนเพจ :
Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ #28
ตอน : คู่แข่ง

[เอก...☼]
 





 
วันนี้ผมต้องไปรับไอ้ตัวเล็กไปดูภาพถ่ายครับ กว่าจะออกจากบ้านได้ ต้องเสียเวลานั่งแงะพวกลิงทโมนกันอยู่นาน เพราะพวกมันอยากตามมาด้วย
 
แต่เรื่องอะไรผมจะยอม มีโอกาสได้อยู่กับไอ้ตัวเล็กมันทั้งที 
 
ผมไปหามันที่ร้านตอนห้าโมงเย็น ลูกค้าเยอะพอดี มันเลยบอกให้ผมรอก่อน ผมก็ไม่ว่าอะไร มันรีบวิ่งวุ่นไปช่วยไอ้เต้ยรับออเดอร์ วันนี้วันอาทิตย์ด้วย คนเยอะครับ ไอ้เป้เดินเข้ามาทักสองสามคำแล้วก็เดินไปทำงานต่อ


 
ผมนั่งอ่านหนังสือเกี่ยวกับการแต่งบ้านที่วางอยู่บนโต๊ะไปเรื่อย ๆ จนได้ยินเสียงแชะอันคุ้นเคยถึงได้เงยหน้ามอง
 
ไอ้ตัวเล็กครับ มันอยู่ในชุดไปรเวทเสื้อยืดสีขาวกางเกงยีนสีซีด คล้องกล้องตัวเดิมไว้ที่คอ ผมทำหน้าแปลกใจนิดหน่อย ไม่คิดว่ามันจะเลิกงานแล้ว สงสัยมัวอ่านหนังสือเพลินเลยไม่ได้สังเกต
 
“เลิกงานแล้วเหรอ” ผมถาม มันพยักหน้ารับ

“พี่เอกหล่อดี” 
มันพูดขึ้นมาดื้อ ๆ ผมนี่แทบไปไม่เป็นเลย เวลามันถือกล้อง นอกจากจะยิ้มเก่งแล้วยังปากหวานอีกต่างหาก
 
“งั้นเราไปกันดีกว่า”
ผมวางเงินไว้บนโต๊ะ แต่มันหยิบคืนให้ผมเหมือนเดิม
 
“ผมจ่ายแล้วฮะ มื้อนี้ผมเลี้ยงเอง”
 
ผมเลิกคิ้วมอง
 
“แต่พี่ต้องจ่ายมื้อเย็นแทน”
มันยิ้มเจ้าเล่ห์จับทางผมไว้ ผมหัวเราะหึ พามันเดินออกจากร้าน ระหว่างทาง หันไปทักไอ้เป้กับไอ้เต้ยมันนิดหน่อย
 
สงสารไอ้เป้ครับ น้องมันติดมันแน่นหนึบยิ่งกว่ากาวตราช้างซะอีก
 
ทำใจให้ได้เร็ว ๆ นะเป้
 
 
 

 
 
ไม่เกินครึ่งชั่วโมงเราก็พากันมายืนอยู่หน้าตึกตึกหนึ่ง ลักษณะคล้ายห้างนั่นแหละ มีห้าชั้น ตรงกลางเปิดโล่งจนเห็นเพดาน ชั้นล่างสุดมีพวกของที่ระลึกและงานศิลปะบางอย่างขาย ส่วนชั้นอื่น ๆ ก็แยกโซนกันไปจัดงานศิลปะ
 
ภาพถ่ายของกายน่าจะอยู่ชั้นสาม วันอาทิตย์แบบนี้ คนเยอะน่าดู   
 
พอไปถึง ไอ้ตัวเล็กก็ตาวาวรีบฉุดผมให้ไปดูภาพถ่ายกับมันตั้งแต่ปากทางเข้ากินลึกเข้า ไปภายใน ที่นี่ห้ามถ่ายรูป การ์ดทางเข้าเลยยึดกล้องมันไปเก็บ
 
พวกเราเดินดูภาพกันไปเรื่อย ๆ จนมีใครบางคนเดินเข้ามาทัก 

 



“You…”
 
พวกผมสองคนหันไปมอง
 
เป็นฝรั่งครับ ผมสีทองตาสีฟ้า ตัวสูงพอ ๆ กับผมนี่แหละ

 



“You are the man in that Picture?”
เขาชี้มือไปที่ภาพถ่ายโซนหนึ่ง ซึ่งมีภาพของไอ้ตัวเล็กเรียงกันอยู่สามภาพ

 



“Right?”
เขาถามย้ำอีกที ผมทำท่าอึดอัดอยากปฏิเสธ
 
“I know that is you because you look like the sun” เขาบอกว่าเป็นผมแน่ ๆ เพราะผมเหมือนพระอาทิตย์
 
ตรงไหนของกูเหมือนพระอาทิตย์กันวะ
 
เหม่งกูก็ยังไม่มี =*=

 



“Yes, he is”
เสียงของใครอีกคนตอบขึ้นมาแทน ผมกับไอ้กายหันไปมอง
 
ไอ้คุณชรินทร์ครับ
 
มันเดินยิ้มมาแต่ไกล พอมาถึงก็จับไม้จับมือกับฝรั่งคนนั้นเพื่อทักทาย ตอนแรกคิดว่าเป็นลูกค้าของมัน แต่ที่ไหนได้ เป็นช่างภาพเหมือนกัน 
 
ฝรั่งคนนั้นเขาสนใจผม อยากให้ผมไปเป็นนายแบบให้
 
“ไม่ละครับ ผมไม่ชอบถ่ายรูป”
ผมปฏิเสธไปตรง ๆ ไอ้ตัวเล็กหันมามอง ผมก้มกระซิบข้างหูมันเบา ๆ
 
“ยกเว้นถ้านายเป็นช่างภาพน่ะนะ”
มันหน้าแดงใหญ่เลย ผมอมยิ้ม เหลือบมองไอ้คุณชรินทร์ จริง ๆ ผมจงใจแสดงความใกล้ชิดแบบเปิดเผยต่อหน้ามันน่ะ และมันคงจะฉลาดพอที่จะเดาออก

 



“And you…?”
พอหมดเรื่องผม ฝรั่งคนนั้นก็หันไปสนใจกายต่อ
 
“คนนี้เขาเป็นเจ้าของภาพพวกนี้แหละ” ไอ้คุณชรินทร์มันแนะนำต่อ
ฝรั่งคนนั้นแสดงสีหน้าตื่นเต้นแบบโอเว่อร์แอ็คติ้ง (แต่ธรรมดาสำหรับคนบ้านเขาน่ะนะ) จับมือกายเขย่าขึ้นลงแรง ปากก็พร่ำชื่นชมไม่มีหยุด
 
เห็นบอกว่าภาพของกายเป็นที่รู้จักกันอย่างมากที่ประเทศมัน แถมยังชวนเจ้าตัวเล็กไปทำงานด้วยอีก แต่มันก็ยังยืนยันเจตนารมณ์เดิมของตัวเอง มันไม่อยากทำเป็นอาชีพ นิด ๆ หน่อย ๆ พอได้
 
พอฝรั่งคนนั้นไป ไอ้คุณชรินทร์ก็เข้าประชิดตัวกายทันที
 
“พี่ถ่ายภาพเซตใหม่ด้วย กายจะดูไหม”
 
ไอ้ตัวเล็กตาวาว แล้วมันก็เดินไปกับไอ้คุณชรินทร์ลืมผมไปเลย
 
มันพาผมมา แล้วมันก็ลืมผม แต่ผมก็พยายามทำหน้านิ่ง ๆ ปล่อยให้พวกมันเดินคู่กันไป
 
ผมเห็นกับตาครับ ว่าไอ้คุณชรินทร์มันแอบแต๊ะอั๋งกายด้วย ไอ้นี่มือไวฉิบ (แต่ก็ลืมไป ว่าตัวเองก็มือไวเหมือนกัน)
 

“พี่อยากให้กายมาทำงานด้วย”
มันชวนอีกที
 
“ไม่เอาดีกว่าฮะ แต่เอาไว้เมื่อไหร่ผมอยากทำขึ้นมาจริง ๆ ผมจะบอกละกัน”
 
ไอ้คุณชรินทร์มันยิ้มหล่อหว่านเสน่ห์ให้ไอ้ตัวเล็ก ยังไม่ทันได้ม่อต่อ ก็มีผู้หญิงคนหนึ่งเดินเข้ามาหามาพร้อมผู้ชายที่ดูภูมิฐานคนหนึ่ง คงเป็นลูกค้ามาติดต่องาน
 
“พี่ขอตัวก่อนนะ”
พอมันเดินจากไป ไอ้ตัวเล็กถึงได้หันมาหาผม 
 
“เบื่อไหม”
มันถามผมด้วยน้ำเสียงห่วงใย 
 
“ไม่เป็นไร พี่จะคิดค่าเสียเวลาทีหลัง”
ผมตอบมันไปเรียบ ๆ
 
มันมองหน้าผมงง ๆ คงไม่เข้าใจ ผมเลยทำสายตากรุ้มกริ่มแทน มันเข้าใจทันที รีบเสมองไปทางอื่นหน้าแดง ๆ
 
ผมอมยิ้ม
 
แล้วมันก็พาผมเดินดูภาพถ่ายต่อจนทั่วทั้งชั้น แถมยังเลาะเลยไปยังชั้นอื่น ๆ ของตึกแกลอีกต่างหาก
 




กว่าจะดูกันหมด ปาเข้าไปเกือบสองทุ่ม จริง ๆ ถ้าผมดูคนเดียว ผมคงใช้เวลาแค่สิบหรือไม่ก็ยี่สิบนาที แต่เวลามันดู มันจะตั้งหน้าตั้งตาดูจริง ๆ จัง ๆ บางภาพเห็นมันยืนมองเป็นนานสองนาน มันอยากเดินต่ออีก แต่ผมเมื่อย ไม่ถนัดดูของพวกนี้ด้วย เลยปล่อยให้มันเดินคนเดียวแล้วตัวเองก็มานั่งจิบกาแฟในร้านขายเครื่องดื่ม ภายในแกลลอรี่นั่นแหละ 
 
นั่งอ่านหนังสืออยู่เพลิน ๆ ก็มีใครบางคนเดินมาทิ้งตัวลงนั่งข้าง ๆ ตอนแรกก็คิดว่าเป็นกาย แต่ที่ไหนได้...
 
“น่ารักดีนะ”
มันพูดขึ้นมาสั้น ๆ ผมพยายามมองหาความหมายของคำพูดนั้น มันไม่ตอบ แต่ดวงตามันมองตรงไปยังคนคนเดียว
 
ผมเข้าใจทันที และไม่ตอบอะไรเช่นกัน

 
ผมกับมันต่างคนต่างนั่งเงียบ จนผ่านไปถึงสองทุ่มครึ่ง ไอ้ตัวเล็กถึงได้เดินกลับมา
 
“ขอโทษนะฮะพี่เอก รอนานเลย”
ผมพยักหน้าทีเดียว บอกตามตรง ไม่เคยรอใครนานขนาดนี้มาก่อนเลยจริง ๆ ขนาดกับพวกทโมน ถ้าช้ามาก ๆ ผมก็เคยทิ้งให้พวกมันกลับกันเองมาแล้ว

             
"คิดว่าพี่กลับไปแล้วซะอีก"
ประโยคนี้มันไม่ได้พูดกับผมครับ มันหันไปพูดยิ้ม ๆ กับไอ้คุณชรินทร์ ไอ้หมอนั่นก็ยิ้มรับตาเชื่อม
 
“พี่หิวรึยัง” มันละสายตาจากไอ้คุณชรินทร์มาถามผม
 
“ข้างบนมีร้านอาหารน่ากินอยู่ พี่จะพาไปกิน”
ยังไม่ทันที่ผมจะตอบ ไอ้คุณชรินทร์ก็พูดแทรกขึ้นมาก่อน

ผมแอบด่ามันอยู่ในใจ ไอ้ตัวเล็กมันชวนกูโว้ยไม่ได้ชวนมึง กายรีบหันไปยิ้มหวานตอบรับทันที

ไอ้นี่ก็ช่าง..=*=

ผมแอบกำหมัดหน่อย ๆ พยายามสงบใจ ท่องไว้

อดทน..อดทนโว้ย!!


 
มันพาพวกเรามานั่งกินอาหารกันชั้นบนสุดของตึกแกลนั่นแหละ เพิ่งรู้ว่ามีร้านอาหารบรรยากาศดี ๆ แบบนี้อยู่ แต่ราคาสำหรับไอ้ตัวเล็กคงหูตั้ง
 
ปกติมื้อเย็นผมจะกินไม่เยอะ เลยสั่งมากินแค่จานเดียว ไอ้ตัวเล็กหันมามอง
 
“พอเหรอพี่เอก”
 
“อืม กินแค่นี้แหละ มีอาหารอย่างอื่นต้องกลับไปกินต่ออีก”
ผมพูดเรียบ ๆ แต่มันคงเข้าใจ มันกลับไปนั่งกินต่อโดยไม่สนใจถามอะไรผมอีกเลย ผมอมยิ้ม 
 
กูรู้ว่ามึงอาย
 
“ลองนี่สิกาย อร่อยนะ”
ไอ้คุณชรินทร์มันตักเนื้อปูแน่น ๆ มาใส่จานไอ้ตัวเล็กครับ ผมแทบจะลุกไปตั๊นหน้ามัน แต่ก็พยายามเก็บมือเก็บไม้ (รวมถึงอุ้งทีนที่กำลังกระตุกยิก ๆ ข้างล่างด้วย =*=)
 
“ขอบคุณฮะ”
 
“วันหน้าพี่จะชวนกายไปดูแกลของเพื่อนพี่นะ”
 
ไอ้ตัวเล็กตาวาว
 
“จริงเหรอฮะ ไป ๆ”
ทำตัวเป็นเด็กขึ้นมาทันทีเชียว

ผมนั่งระงับอารมณ์ ภายนอกอาจจะดูนิ่ง ๆ ทั้งที่ภายในกำลังเดือดปุด ๆ

 
ผ่านไปเกือบสี่ทุ่ม ผมก็ชวนมันกลับ
 
“ไว้เจอกันนะ" ไอ้คุณชรินทร์มันบอกลา
 
“ฮะ”
ไอ้ตัวเล็กรับปาก โบกมือล่ำลาเหมือนจะจากกันไปไหนไกล ๆ
..
..
..
..
..
..
..
..
..
..
..
..
สี่ทุ่มตรง รถผมกำลังทะยานออกจากชั้นใต้ดินของตัวตึกสู่ท้องถนน รถราบางตากว่าช่วงกลางวันเยอะ
 
“พี่เอก ไปบ้านผมไหม”
เท้าผมแตะเบรกทันทีที่มันพูดจบ ผมหันไปมอง มันไม่ได้สนใจความผิดปกติของผมเพราะมัวแต่มองทางอยู่ ผมตีนิ่ง เคลื่อนตัวรถไปด้านหน้าอีกที รอฟังว่ามันจะพูดอะไรต่อ
 
“ผมมีบางอย่างอยากให้พี่ดู”
มันหันมาบอก

 



อ้าว.. กูก็คิดว่ามึงจะเป็นฝ่ายชวนกูขึ้นเตียงก่อน
 
เสียเส้นฉิบ
 
“อะไร” ผมถามสั้น ๆ
 
“อยากให้พี่ไปดูเอง”
มันบอกแค่นั้น ผมเลยจำใจต้องเลี้ยวขวาไปบ้านมันแทนที่จะเลี้ยวซ้ายพามันเข้าคอนโด
 




แม่มันไม่อยู่บ้านครับ คงบินไปเชียงใหม่แล้ว มันเดินนำผมขึ้นห้อง ผมชอบบ้านมันนะ บรรยากาศไทย ๆ ดี ลมเย็นแทบจะตลอดคงเพราะต้นไม้เยอะ
 
มันวางกล้องที่คอไว้บนโต๊ะ เดินไปหยิบโน้ตบุคมาเปิด ผมนั่งรอมันข้างเตียง สักพักมันก็เดินมานั่งข้าง ๆ
 
“เห็นแล้วอย่าตกใจนะ”
มันพูดยิ้ม ๆ ผมพยักหน้าส่ง ๆ
 
มันนั่งหันหน้ามาทางผม แล้วพลิกโน้ตบุคหันมาทางผมตาม สิ่งที่เห็นก็คือ.. ภาพถ่ายที่กำลังเลื่อนสไลด์แบบอัตโนมัติ และคนในภาพนั้นทั้งหมด…
 
เป็นผมเอง
 

ผมนั่งตาค้าง
 
ไม่ได้ค้างที่เห็นตัวเอง แต่กำลังค้างไปกับภาพความสวยงามที่เห็น ตัวผมในหลากหลายชุดและหลากหลายอิริยาบถ
 

ผมจ้องมองตัวเองในชุดสูทสำหรับออกงานยืนเท่มีแก้วไวน์อยู่ในมือภายใต้แสงไฟสี ส้มสลัวที่คิดว่ามันน่าจะมาปรับแสงอีกที หรือไม่ตอนที่มันถ่ายมันก็น่าจะเล็งแสงที่มืดกว่าเดิม เสี้ยวหน้าด้านข้างดูดีจนผมเผลอสะกดดวงตามองตาม
 

มีเซตภาพตอนที่ผมใส่เสื้อเชิ้ตสีเขียวริมหาดด้วย ภาพผมที่ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม บางภาพก็ทำหน้านิ่ง ๆ บางภาพก็ทำหน้าบูดสนิทแต่ก็ดูดีในสวนของรีสอร์ทไอ้มอ

 
ต่อมาเป็นภาพผมในชุดคลุมอาบน้ำสีเลือดหมูบนโซฟาสีน้ำตาลอ่อนของบ้านมัน มีฉากหลังเป็นงานศิลปะแบบไทย ๆ ถ้าคุณมายืนอยู่ในบ้านมันตอนนี้ ก็ดูสวยอยู่แล้ว แต่มันสามารถดึงความเด่นของพื้นที่มาใช้เป็นฉากหลัง เสริมให้ตัวบ้านดูสวยงามน่ามองขึ้นกว่าเดิมอีก
 
ทำให้ผมนึกถึงพวกช่างภาพที่ถ่ายแบบบ้าน หรือช่างภาพมืออาชีพ ที่สามารถรังสรรค์ห้องที่ดูธรรมดา ให้กลายเป็นห้องที่น่ามองขึ้นมาทันที
 
แต่สิ่งที่สะกดสายตาผมไว้ ไม่ใช่บรรยากาศโดยรอบ แต่เป็นดวงตาเอาเรื่องคล้ายมาเฟียของนายแบบมากกว่า

 



และภาพก็วิ่งมาถึงเซตสุดท้าย ตัวผมเองในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวไร้กระดุม นั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียงขาว ดวงตาสีดำเจ้าเสน่ห์ที่ใคร ๆ ก็ชอบ มองตรงมาด้านหน้าอย่างยั่วยวน และอีกหลากหลายอิริยาบถที่ผมมองแล้วบอกได้คำเดียว…

 



นั่นไม่ใช่กู
 

แต่มันก็ผมน่ะนะ
 
ผมมองภาพสไลด์มากมายเหล่านั้นจนมันเลื่อนมาจบที่ภาพแรก ผมเงยหน้ามองคนถ่ายอีกที
 
“พี่ชอบไหม”
 
ผมส่ายหัว มันทำหน้าเสีย ค่อย ๆ หันโน้ตบุคกลับไปทางมัน ผมปิดฝาโน้ตบุคมันลง หยิบมันไปวางไว้ข้าง ๆ จับไอ้ตัวเล็กกดลงกับเตียงแล้วคร่อมมันไว้ มันทำหน้าตื่นทันที
 
“พี่ไม่ชอบ”
ผมปล่อยรังสีคุกคามเต็มที่ ตัวมันหงอราบไปกับผืนที่นอน หน้ามันซีดใหญ่
 
“ขอโทษที่ผมฝีมือไม่ดี”
มันหลุบเปลือกตาอ้อมแอ้มขอโทษ ผมอมยิ้ม

 



“พี่ไม่ชอบ.. เพราะไอ้หมอนั่น.. ที่อยู่ในภาพนั้น…”
ผมก้มหน้าลงต่ำ ทำหน้าให้ดูขึงขังเฉยชายิ่งกว่าเดิม มันช้อนสายตาหวาด ๆ ขึ้นมอง ผมกระตุกยิ้ม
 
“มันหล่อกว่าพี่”
 
มันกระพริบตาปริบ ๆ ประมวลคำพูดผมใหญ่
ผมไม่เปิดโอกาสให้มันคิดได้ครับ ประกบปากมันทันที มันครางอู้อี้ท้วง ผมรีบรุกหนักจนมันหอบ

 



“ดะเดี๋ยว!”
มันผลักผมออกเบา ๆ ผมละจากปากมันไปยังซอกคอ
 
อยากพูดพูดไป กูฟังอยู่
 
“ขอคุยด้วยก่อน”
มันพยายามดันหน้าผมออก ผมเงยหน้ามอง คิ้วขมวดที่มันขัดใจ
 
กูไม่อยากเอาแต่ใจนะ แต่กูกำลังนี้ด มึงเข้าใจไหม
 
“พูดมา”
ผมอนุญาต มือไม้ก็ไม่อยู่เฉย จับตรงนู้นนิดลูบไล้ตรงนี้หน่อย ทำเอามันสะดุ้งโหยงไปหลายรอบ บางจุดก็ครางซะเพราะพริ้งเลย
 
กูเพิ่งรู้ว่าผู้ชายเวลาโดนเล้าโลมก็ครางได้เหมือนผู้หญิงเหมือนกัน
 
“ผะ ผมเปิดเว็บบอร์ดขึ้นเพื่อเอาผลงานของตัวเองมาลง ผมเลยอยากขออนุญาตพี่เอาภาพของพี่มาลงด้วย” 
มัน กลั้นใจรัวลิ้นบอก หน้ามันแหงนขึ้นสูงเพราะมีผมก้มงับลำคอมันอยู่ สองมือมันก็จับต้นแขนผมแน่น แต่คงไม่มีแรงจะผลักแล้ว ผมละปากจากคอมองหน้ามัน 
 
“แล้วค่าตัวพี่ล่ะ”
 
“ผมแค่โชว์ภาพนะ ไม่ได้ขายภาพซะหน่อย”
 
อื้อ เหตุผลมันดี
 
“แต่พี่ต้องถูกคนอื่นโลมเลียทางสายตาเชียวน้า มันเสียหาย เราต้องรับผิดชอบ”
 
“งั้นผมไม่เอาลงก็ได้”
 
“ขอแล้วห้ามกลับคำ”
ผมดักทาง มันอ้าปากจะท้วง ผมรีบจูบมันทันที
 
ไม่ต้องพูดแล้วมึง
 
ครางให้กูฟังอย่างเดียวก็พอ
 
..
..
..
..
..
..
..
..
..
..
..
..               
“ไอ้เอก”
 
ผมเงยหน้ามองคนเรียกนิดหนึ่งให้รู้ว่าผมสนใจฟังมันอยู่ ก่อนก้มลงไปทำงานต่อ คนเรียกเป็นเลขาผมเองครับ ตอนนี้เรากำลังทำงานกันอยู่ที่ห้องสภา
 
“มึงจริงจังกับกายเขารึเปล่า”
 
ผมชะงักปากกาที่กำลังเซ็นงานลงกึก เงยหน้ามองมัน
 
“ทำไม”
 
“ก็กูเห็นว่ามึงเทียวไปรับไปส่ง แถมยังอารมณ์ดีผิดปกติเวลาอยู่กับกาย”
 
เอ่อหนอกู
 
“กูก็เป็นของกูอย่างนี้”
 
มันหรี่ตามองผม ก่อนจะเงียบ ไม่เอ่ยปากถามอะไรต่อ
 
“ไม่เป็นไรอ้อย ถ้ามันไม่เอา กูเอาเอง”
 
ผมหันขวับไปมองคนพูดทันที ไอ้เชี่ยมอครับ กูก็ลืมไปว่าพวกมึงยังอยู่ เห็นเงียบ ๆ กูก็คิดว่าอยู่กับอ้อยสองคน
 
พวกเรากำลังระดมความคิด เพื่อประชุมวางแผนงานกันอยู่ ต่างคนเลยต่างพากันเงียบ
 

“มึงเป็นเกย์?” ไอ้อ้อยมันถาม
 
“เปล่า”
 
“แล้วมึงจะมายุ่งกับกายทำไม”

 

“อ้าว กูถือคติ กำแล้วไม่มีหาง กูเอาหมด”
 
“แต่ไอ้กายมันมีหางว่ะ” ไอ้อิงมันบอกยิ้ม ๆ
 
ไอ้มอยักคิ้วสองที “พอดีหางมันคงสั้น ไม่งั้นไอ้เอกมันคงเอาไม่ลง ฮ่า ๆ ๆ ๆ”
 
ผมเขวี้ยงปากกาใส่ไอ้ปากหมาทันที มันก้มหลบ ปากกาเลยวิ่งลิ่วไปโดนไอ้โอ๊คเต็ม ๆ
 
“โทษทีว่ะโอ๊ค”
 
“ไม่เป็นไร กูช่วยสนองให้”
แล้วไอ้โอ๊คก็หยิบปากกาแท่งนั้นเขวี้ยงใส่ไอ้มอเต็มแรง ระยะใกล้แค่นั้นมันหลบไม่ทัน ผมหัวเราะร่วน ส่วนไอ้มอมันทำสายตาประหลับประเหลือกใส่ไอ้โอ๊คใหญ่
 
“พูดอะไร ให้เกียรติมันบ้าง” เป็นไอ้เป้ครับ ที่ออกตัวปกป้อง
 
“มึงไม่ต้องมาพูดเลยมึง กูเห็นมึงกับไอ้กายนัดเจอกันบ่อย ๆ”
 
ผมหูกระดิกทันที
 
“มึงอ่ะสนิทกับมันเป็นพิเศษเหมือนกัน มึงคิดอะไรกับน้องเขาใช่ไหม”
 
คือผมรู้ครับ ว่าเป้มันรักไอ้เต้ย แต่ก็ยังแอบหูกระดิกตอนไอ้มอมันเป่าลมทางปาก
 
“ใช่ แล้วจะทำไม”
 
ทุกคนพากันเงียบกริบ
 
“นี่มึง มึงชอบไอ้กายมันเหรอวะ” ไอ้มอทำหน้าตื่น ไอ้เป้ถอนหายใจแรง
 
“กูชอบ”
 
ผมหน้าตึงขึ้นมาทันที
 
“เหมือนมันเป็นน้องคนหนึ่ง”
มันต่อประโยคจนจบ เดินเอาแผนงานมายื่นให้
 
“อ่ะ สมองเน่า ๆ ของกู ตอนนี้คิดได้แค่นี้แหละว่ะ”
มันเดินไปคว้ากระเป๋าเป้มาพาดไหล่
 
“กูไปทำงานก่อนล่ะ” แล้วมันก็เดินเท่จากไป
 
“ไอ้นี่ ทำเอากูเข้าใจผิดไปห้าวิ”
 
“ไอ้เชี่ย มึงก็คิดลึกไปได้ ยังไงไอ้กายก็สงวนไว้ให้ไอ้เอกมันเถอะ รอมันเบื่อก่อนมึงค่อยงาบต่อก็ได้”
ไอ้โอมมันพูดกับเพื่อนมัน
 
พวกมึงพากันเจริญในทางที่เสื่อมจริง ๆ
 
“แต่กูว่ากายน่ารักนะ เมื่อวันก่อนเห็นคอมันแดง ๆ ไม่รู้โดนปลิงตัวไหนดูดมาว่ะ”
 
ผมเขวี้ยงปากกาแท่งที่สองใส่มันอีกรอบ คราวนี้มันรู้ตัวครับ หลบได้ก่อนที่ผมจะเขวี้ยงถึง
 
“เขาว่า พวกที่ชอบทิ้งรอยคือพวกขี้หึง”
มันพูดต่อ
 
“มึงเล่นทิ้งรอยซะเยอะ เห็นแล้วกูนึกภาพตอนมึงกำลังอะจึ๋ง ๆ น้องเขาไม่ออกเลยว่ะ มันทำท่าเชิญชวนมึงอีท่าไหนวะ มึงถึงได้ติดใจน้องเขาขนาดนั้น เล่นซะน้องหมดแรงมาเรียนเลย”
 
ผมนั่งกุมขมับกับความด้านของเพื่อนตัวเอง
 
จริง ๆ เรื่องพวกนี้ พวกผมพูดคุยกันได้เปิดเผยเป็นเรื่องปกติอยู่แล้วครับ แม้จะมีเพื่อนผู้หญิงอยู่ พวกเราก็ไม่แคร์ ให้พูดตามจริงแล้ว พวกผู้หญิงเวลาคุยกันเรื่องบนเตียง น่ากลัวกว่าพวกผู้ชายอย่างเรา ๆ เยอะ
 
แต่เรื่องของกายนี่ผมไม่อยากให้มันเอามาพูดเล่นจริง ๆ ผมใช้ปากกาแท่งที่สาม (แย่งมาจากไอ้อ้อยอีกที) ชี้หน้ามัน

 

“มึงหยุดเห่าสักนิดจะได้ไหม แล้วงานอ่ะ เสร็จยัง”
 
“มึงอย่าแถ เล่ามาให้หมด พวกกูอยากรู้”
 
กูว่ามีแค่มึงคนเดียวแหละที่อยากรู้
 

แต่พอกวาดมองไปรอบ ๆ   

 
สรุป…
 
พวกมึงอยากรู้ทุกคนกันเลยใช่ไหม
 
ผมไม่ตอบครับ ก้มหน้ากำลังจะทำงานต่อ แต่เสียงเคาะประตูดึงผมให้เงยหน้ามองอีกที ไอ้คนที่เรากำลังนินทาเดินมาหยุดยืนอยู่หน้าห้องพอดี (บังเอิญวันนี้ไม่ได้ปิดประตู)
 

ผมทำหน้าเหมือนคนมีชนักติดหลัง พวกเพื่อน ๆ พากันยิ้มกริ่ม

หวังว่าเมื่อกี้ ไอ้ตัวเล็กจะไม่ได้ยินนะ 

 
“มีอะไร”
ผมถาม มันเดินตรงเข้ามาหา แล้วยื่นกระดาษอะไรสักอย่างมาให้
 
“กำลังจะกลับ แต่อาจารย์ชาติแกฝากเอานี่มาให้พี่เซ็นก่อน”
 
ผมรับกระดาษมาถือไว้
 
“แกบอกว่าอ่านให้ละเอียด เพราะถ้าพลาดแกไม่รับผิดชอบ”
 

ครับ..
แล้วผมก็ต้องก้มหน้าก้มตาอ่านสิ่งที่อยู่ในมือไป
 
ระหว่างรอ ไอ้ตัวเล็กก็หันไปคุยกับเพื่อน ๆ ผม
 
“คิดถึงกายจังเลย ไม่ได้เจอกันตั้งหลายวัน”
ไอ้ มอมันแกล้งพูดออดอ้อนเหมือนตอนที่มันใช้พูดกับสาว ๆ ผมเหล่ตามอง ไอ้ตัวเล็กทำหน้าเหวอ พอเห็นสีหน้าเล่น ๆ ของไอ้มอมันก็หัวเราะร่วน
 
“อ้าว พี่เป้ละฮะ กลับไปแล้วเหรอ วันนี้วันหยุดนี่น่า”
มันมองหาไอ้เป้ ผมนี่แทบอ่านสิ่งที่อยู่ในกระดาษไม่เข้าหัว
 
จะถามหามันทำไมวะ =*=
 
“กลับไปแล้ว” ไอ้มอมันตอบ
 
ผมรีบตวัดเซ็นสิ่งที่อยู่ในมือโดยสนใจอ่านเนื้อหาที่เหลืออีกสามแถวล่างสุด รีบ ๆ เซ็นจะได้รีบไล่ไอ้ตัวเล็กไปให้พ้นไอ้มอมัน
 
 

“เอ้อ..จริงสิ”
ไอ้ตัวเล็กทำหน้าเหมือนเพิ่งนึกอะไรออก มันเดินไปหยุดอยู่หน้าไอ้โอ๊ค ล้วงหยิบอะไรบางอย่างจากกระเป๋าเป้ยื่นให้
 
“พอดีผมไปเดินเล่นย่านของเก่าแล้วเจอ คิดว่าพี่น่าจะชอบ”
 
เป็นหนังสือครับ
 
หนังสือเล่มนี้ไอ้โอ๊คมันอยากได้มานานแล้ว หาซื้อที่ไหนก็หาซื้อไม่ได้สักที มันมองไอ้ตัวเล็กอึ้ง ๆ
 
“เท่าไหร่เหรอ”
 
ไอ้ตัวเล็กส่ายหน้า
 
“ผมให้ฮะ อย่าคิดถึงเรื่องราคาดีกว่า”
 
“ไม่ได้หรอก ของหายาก ราคาคงไม่ถูก”
มันพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง ไอ้ตัวเล็กส่ายหัวร่อน ฉีกยิ้มน่ารักใส่
 
“ผมไม่เอาจริง ๆ”
 
ไอ้โอ๊คทำหน้าอึดอัด
 
“งั้นถ้าพี่จะตอบแทนผมจริง ๆ ก็มาเป็นนายแบบให้ผม หรือไม่ก็เลี้ยงข้าวผมก็ได้”
 
ป๊อก!!
 
เอ่อ…
 
ผมเผลอหักปากกาในมือครับ
 

“ไอ้เชี่ยเอก!!! ไอ้แรงควาย!! กูรู้ว่ามึงแรงเยอะ แต่นั่นมันปากการุ่นอิดิชั่นของกูนะ!!”
ไอ้อ้อยมันรีบหยิบอดีตปากกางาม ๆ ไปดู แต่ผมไม่สน มองไอ้ตัวเล็กมันอยู่ มันหันมามองว่าเกิดอะไรขึ้น ผมจ้องหน้ามันเขม็ง
 
“ก็ได้ งั้นพี่จะเลี้ยงข้าวเราละกัน”
ไอ้โอ๊คมันบอก ดึงสายตาไอ้ตัวเล็กกลับไปหามัน
 
“ฮะ”
ไอ้ตัวเล็กยิ้มรับ ก่อนหันมามองผมอีกที
 
“เรียบร้อยแล้วใช่ไหม งั้นผมเอาไปให้อาจารย์ก่อนนะ”
มันเดินมาหยิบกระดาษบนโต๊ะ ยิ้มให้ผมนิดหนึ่ง หันไปกล่าวลาเพื่อน ๆ ผม แล้วเดินออกจากห้องไป
 
“กูกลับก่อนล่ะ ที่เหลือกูจะมาทำต่อพรุ่งนี้”
ผมปิดสมุดรายงาน หยิบกุญแจรถยัดใส่กระเป๋ากางเกง เดินลิ่ว ๆ ออกจากห้องไป ไม่สนใจเสียงแซวที่ได้ยินแว่ว ๆ มาตามหลัง

 

“หมาเอกวิ่งตามเมียไปแล้วว่ะ ฮ่า ๆ ๆ”
 
มึงแซวได้แซวไป แต่คนของกู
 
กูหวง
 
 




             To be con..

             เดี๋ยวจะมาทำสารบัญให้นะครับ ^^

ออฟไลน์ Naenprin

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1172
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +203/-1
แหมๆพี่เอกไม่รับ แต่หึงน่าดูเลยนะ

แบบนี้คิดเป็นอย่างอื่นไม่ได้แล้วละ

ออฟไลน์ seaz

  • รักอยู่ไหน...ใจเรียกหา
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +381/-9
รีบๆ ขอน้องเป็นแฟนได้แล้ว

ออฟไลน์ zylph_z

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 213
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0
ถ้าพี่เอกจะหวงขนาดนี้นะ ก็ขอน้องกายเป็นแฟนแล้วเปิดตัวไปเลย จะได้ไม่มีใครกล้ายุ่ง

ออฟไลน์ raluf

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 499
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-1
หึึึงขนาดนี้พี่เอกไม่รีบรวบรัดท่าจะมีคู่แข่งเพิ่มอีกมาก

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ oiieoiie

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 5
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
เคยอ่านนิยายเรื่องนี้ในเด็กดี แต่เหมือนจะโดนลบไปแล้ว ดีใจที่มาเจอในเล้านี้
อ่านใหม่อีกรอบคิดถึงพี่เอกกับน้องกายยยย :sad4: :sad4: :sad4:

ออฟไลน์ little_munoi

  • ++ singular ++
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-3
ชอบจัง ชอบพี่เอก ชอบน้องกาย ชอบเดอะแก๊งค์ของพี่เอกทุกคนเลย
แต่ชอบเป้ ชอบเต้ย อยากให้สองคนนี้แฮปปี้อ่ะ #ความหวังเลือนลาง

cascada

  • บุคคลทั่วไป
เงียบเลยเรื่องนี้ อยากอ่านต่อนะคร้าบบบบ

ออฟไลน์ gimini

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
 :monkeysad: :monkeysad: มาต่อเร็วน้า รออ่านอยู่จ่้า อ่านวัน้เดียวจนทันลัะน้า สนุกมากๆ เป็นกำลังใจให้ค่า :impress2:

ออฟไลน์ เราเอง

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 22
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
 :serius2:คนแต่ง หายไปไหนเนี่ยยยยยยยย

ออฟไลน์ Pnomsod

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-1
:serius2:คนแต่ง หายไปไหนเนี่ยยยยยยยย

เข้าไปดูในเด็กดีเลยค่ะ มีอยู่ในนั้น จบแล้ว มีลิ้งค์แต่ไม่กล้าเอาลง กลัวนักเขียนจะว่าเอา แหะๆ

ออฟไลน์ Tsubamae

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 258
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-0
 :mew2: คืออไม่มาลงในเล้าแล้วหรอคะ กำลังสนุกเลย ยังไงก็จะรอนะคะ (แต่ตอนนี้ขอแว่บไปอ่านในเด็กดีก่อนล่ะ แหะๆๆ แบบว่าอยากรู้ตอนต่ออ่ะ มันค้าง  ทนไม่ด้ายยย ถ้ามาลงในเล้าต่อ จะกลับมาอ่านอีกหลายรอบๆแน่นอนคะที่สำคัญ ในเล้าจัดเอ็นซีได้ไม่อั้น :haun4: แหะๆ)

เหนือฟ้ายังมีจักรวาล

  • บุคคลทั่วไป
ง่ะ ไม่มาต่อแล้วเหรอคะ ชอบนิยายเรื่องนี้สนุกมากเลย ชื่นชมคนแต่งจากใจยังไงก็อย่าลืมเล้าเป็ดน้าาา

ออฟไลน์ Silvercrowkk

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 61
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ใครที่ค้างก็ตรมไปเด็กดีเลยยย ฟินๆเยอะะ
ติดใจก็อย่าลืมอุดหนุนน้องคิสด้วยยย

ออฟไลน์ memew

  • ขอบคุณที่เข้ามาอ่านจ้าาา
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 456
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +382/-10
    • :: Memew แฟนเพจ :
หายไปนาน T^T เดี๋ยวเกล้ากระผมจะกลับมาต่อนะคร้าบ >//< ช่วงนี้ :katai4:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด