Kiss Love ► รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 100 เพิ่งเริ่มเท่านั้น |10/3/18|(ตอนจบ)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Kiss Love ► รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 100 เพิ่งเริ่มเท่านั้น |10/3/18|(ตอนจบ)  (อ่าน 680306 ครั้ง)

ออฟไลน์ Silvercrowkk

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 61
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
เห็นอัพในเฟสก็รู้สึกได้แค่ ฮ้ะะะ ยังลงไม่จบหรอ

เลยชะแว้บบบบ เข้ามาอ่าน

กายยังน่ารักเหมือนเดิม

ออฟไลน์ memew

  • ขอบคุณที่เข้ามาอ่านจ้าาา
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 456
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +382/-10
    • :: Memew แฟนเพจ :
50
ห้ามใจ
[เอก...☼]




 

 

ผมว่ามันได้ตัดสินใจ และเลือกหนทางที่มันต้องการได้แล้ว

และสิ่งที่มันเลือก คือสิ่งที่ผมไม่อยากให้มันเลือกเป็นที่สุด
 
มันเลือกที่จะเดินหน้าต่อ เพื่อชนกับผม
 
ถ้าดูจากแต้ม คนที่จะชนะน่าจะเป็นผม แต่สำหรับผม แม้แต่ความคิด ก็ไม่อยากให้ใครคิดจะมาแย่งไอ้ตัวเล็กไปจากผมทั้งนั้น
 
โดยเฉพาะคนที่เป็นเพื่อนสนิทของผม อย่างมัน
 
...ไอ้โอ๊ค
 
และตอนนี้ มันกำลังโอบร่างของคนที่ควรจะอยู่ในอ้อมแขนผม โอบเอาไว้ทั้งตัว แล้วมองมาที่ผมไม่วางตา ไม่ใช่สายตาท้าทายอย่างไอ้คุณชรินทร์ แต่เป็นสายตาที่บ่งบอกว่า...
 
ตัวมันเองก็ถอยหลังกลับไปไม่ได้แล้วเหมือนกัน

มันถูกผลักให้ลงไปในหลุมเสน่ห์ของกาย แบบที่ผมเป็นอยู่
 
สิ่งที่ผมหวาดกลัวที่สุด เกิดขึ้นแล้ว








ตอนนี้ผมเดินอยู่บนทางเท้าริมถนนของมหาลัย ผมเดินตรงไปด้านหน้าเงียบ ๆ โดยมีใครบางคนเดินหงอ ๆ ตามหลังผมมา
 
ผมไม่พูดอะไรกับมันสักคำ
 
ไม่ต่อว่า
 
ไม่เอ็ดตะโร ไม่กระชากลากถูมันขึ้นเตียงอย่างที่ควรจะทำ
 
เพราะผมรู้ว่าไม่ใช่ความผิดของมัน มันแค่มีเสน่ห์ในแบบที่มันเองก็ไม่รู้ว่าตัวเองมี ผมไม่รู้ว่ามันเพิ่งมีหรือมีมานานแล้วแต่ไม่มีใครค้นพบ
 
ผมอาจเป็นคนแรกที่เจอสมบัติ แต่ไม่ได้หมายความว่าคนรอบข้าง จะไม่อยากแย่งชิงสมบัติที่ผมได้มาโดยบังเอิญ
 
ผมหยุดเท้าตัวเองลงกึก หันหลังไปมอง ไอ้ตัวเล็กที่เดินตามมาติด ๆ หยุดเท้าตัวเองลงตาม มันเงยหน้ามองตอบ ทำท่าเหมือนลูกแมวทำผิด ยืนหางตกหูลู่จนน่าเอ็นดู
 
“เอ่อ พี่เอก…”
มันพยายามจะพูดอะไรสักอย่าง ก่อนกัดริมฝีปากตัวเองไว้ แล้วเงียบไป มันคงอยากอธิบาย คงอยากจะบอกว่ามันไม่ได้มีอะไรเกินเลยกับไอ้โอ๊คมัน
 
ผมรู้ ผมเข้าใจ และผมก็ให้อภัยมันแล้ว 

แต่อารมณ์นี้ อยากแกล้งมันครับ
 
“คุณชรินทร์จะมารับตอนกี่โมง”
ผมถามกลับด้วยน้ำเสียงราบเรียบ เรียบเอามาก ๆ ชนิดที่ว่าดูไร้ความรู้สึกไปเลย
 
“สี่โมงครึ่ง”

ผมมองนาฬิกา ตอนนี้สี่โมงแล้ว ผมเลยเดินนำมันไปที่ร้านขายนมปั่น ทิ้งตัวลงนั่งยังเก้าอี้นอกสุด โต๊ะเก้าอี้ที่นี้มีขนาดค่อนข้างเล็ก โต๊ะหนึ่งนั่งกันได้แค่สองคนเท่านั้น มันทิ้งตัวลงนั่งฝั่งตรงข้าม

ผมยังคงนั่งนิ่ง ๆ ไม่พูดไม่จาอะไรเหมือนเดิม นั่งคอยเวลาให้ไอ้คุณชรินทร์มารับมัน
 
“พี่เอก…”
มันคงร้อนใจในท่าทีเย็นชามากผิดปกติของผม
 
“พี่อยากกินอะไรไหม ผมสั่งให้”
มันถาม ผมไม่ตอบ แสร้งมองผ่านอากาศคล้ายคนเหม่อ แต่แอบมองมันผ่านหางตานิดหนึ่ง มันเริ่มนั่งไม่ติดพื้นแล้ว
 
ผมไขว่ห้าง วางมือไว้บนตัก ทอดมองวิวตรงหน้าไป อากาศยามเย็นแบบนี้ สบายดีครับ แสงแดดอ่อน ๆ ลมพัดเย็น ๆ จริง ๆ นั่งอยู่แบบนี้ แล้วมีมันมานั่งอยู่ข้าง ๆ ถึงไม่ต้องทำอะไร ก็ทำให้ผมมีความสุขแล้ว
 
ผมนั่งคิดอะไรเพลิน ๆ จนหลงลืมเวลา พอหันไปมองไอ้ตัวเล็กอีกที...


ตอนนี้มันไม่อยู่แล้วครับ
 
หัวใจผมหล่นวูบ
               
รีบดีดตัวลุกขึ้นยืน กวาดมองไปรอบ ๆ

แต่ไม่เห็น
 
เพราะมัวแต่นั่งเหม่อ เลยไม่รู้ว่าอีกคนหายไป

ผมเริ่มออกวิ่ง หวังกลับไปหามันที่คณะ หรือว่าตอนที่ผมนั่งเหม่อ ไอ้คุณชรินทร์จะมารับตัวมันไปแล้ว ผมล้วงหยิบมือถือ กำลังจะกดโทรหา แต่เบรกเอาไว้ เพราะสายตาเหลือบไปเห็นใครบางคน กำลังเดินก้มหน้าเตาะแตะฝ่าเท้าไปกับพื้นซีเมนต์
 
ผมหยุดขาตัวเองลง ยืนมองภาพนั้น
 
เหมือน ๆ มันจะเดินเล่นไปเรื่อย ๆ โดยไร้จุดหมายปลายทาง มันก้าวช้า ๆ จนคนที่ก้าวมาทีหลังเดินผ่านเลยไป

ผมก้าวช้า ๆ เข้าไปใกล้ แล้วเดินตามหลังมัน

วิชาตัวเบาผมใช้ได้ผลเสมอ เดินมาตั้งนาน มันก็ยังไม่รู้ตัว
 
เสียงมือถือมันดังเบา ๆ มันหยุดเท้าตัวเองลงแล้วล้วงหยิบขึ้นมากดรับแบบเอื่อย ๆ
 
“ครับ"

“เปล่า ไม่มีอะไร ผมอยู่แถว ๆ หน้ามอนี่แหละ…”
น้ำเสียงมันไม่ได้สดใสอย่างที่ควรจะเป็น มันกดวางสายแล้วเริ่มต้นก้าวเท้าเตาะแตะอีกรอบ
 
มันหงอแบบนี้เพราะผมใช่ไหม
 
ผมได้ในสิ่งที่ผมต้องการแล้วนี่ ผมทำให้มันหงอได้แล้ว
               .
แล้วทำไม ผมถึงยังไม่มีความสุข
 
ผมหยุดเท้าตัวเองลง ให้มันก้าวเดินห่างออกไปข้างหน้า เพราะถ้าขืนผมยังตามมันอยู่ ผมคงจะยึดมันเอาไว้ ไม่ปล่อยให้มันได้ทำในสิ่งที่มันต้องการแน่ ๆ

รอเวลาให้มันเป็นอิสระก่อน แล้วผมจะรีบตามไปยึดมันมาไว้กับตัวเองแน่นอน









ผมนั่งควงปากกาในมือ กระดาษงานอยู่ตรงหน้า แต่สมาธิกลับไม่มีเหลือหลอ
 
“พี่เอกกก!!!!”
 
ผมสะดุ้งโหยง ปากกาหลุดออกจากมือร่วงแหมะลงบนพื้นโต๊ะ
 
“นั่งเหม่ออยู่นั่นแหละ เร็ว ๆ ซิคะ พวกหนูหิวกันแล้วนะ”
 
“ใช่ ๆ นี่เรานั่งรอกันมาหลายชั่วโมงแล้วนะ ถ้าพี่เอกตั้งใจทำงาน ป่านนี้เสร็จไปตั้งนานแล้ว มัวแต่นั่งเหม่ออยู่นั่นแหละ”
พวกทโมนครับ

ตอนนี้ผมอยู่ที่บริษัทป๋า มาช่วยงานช่วงกลางเดือน ระหว่างทางเจอพวกทโมนเข้า พวกมันเลยขอติดรถมานั่งเล่นที่บริษัทด้วย
 
ดีที่พนักงานส่วนใหญ่เลิกงานกันไปหมดแล้ว เสียงของพวกมันเลยไม่รบกวนชาวบ้านเขาเท่าไหร่
 
“เป็นไร เหม่อจัง” ไอ้ตัวยุ่งมันถาม
 
“เปล่า”
 
“โกหก!!!”
สามสาวแพ็คเสียงพูดพร้อมกัน ผมปรายตามองแล้วก้มหน้าทำงานต่อ
 
“นี่ ๆ พวกหนูทำกันเองดีกว่า พี่ไปพักเถอะ ขืนให้ทำเอง มีหวังงานการเสียหมด”
พวกมันรีบรุนหลังผมออกจากเก้าอี้ ให้ไปนั่งอยู่บนโซฟาแทน แล้วพวกมันก็พากันปีนขึ้นไปบนโต๊ะทำงาน แล้วทำงานแทนผม
 
ปีนกันจริง ๆ ครับ

เจ้าแอมนั่งเก้าอี้ เจ้าไอยืนข้างโต๊ะ ส่วนเจ้าอ้อนปีนขึ้นไปนั่งคุกเข่าก้มดูงานบนโต๊ะเลย

เอากับพวกมันสิ
 
ขืนปล่อยให้พวกน้อง ๆ ทำกันเอง งานคงเสีย แต่ถ้าให้ผมทำเองตอนนี้ งานอาจเสียมากกว่าอีก พวกน้อง ๆ ผมถึงจะทโมน แต่ถ้าตั้งใจแล้วล่ะก็ ทำงานออกมาได้ดีไม่แพ้ผมเลยทีเดียว ผมเลยทำได้แค่นั่งนิ่ง ๆ ปล่อยให้พวกน้อง ๆ ทำไป

ตอนนี้เป็นห่วงไอ้ตัวเล็กมันครับ ห่วงว่าไอ้คุณชรินทร์จะทำอะไรมันหรือเปล่า ผมก็ไม่น่าปล่อยให้ปลาย่าง หลุดไปอยู่ในมือไอ้แมวดำตัวนั้นเลย

ให้ตายสิ!
 
“ดูท่าอาการพี่ชายเราจะหนักนะอ้อน”
 
“อืม นั่นน่ะสิ”
 
“หน้าย่นหน้าเหี่ยวหมดแล้ว”
 
“ทำไงดีล่ะ ถ้าอาการหนักมาก แล้วเอฟเฟกต์เอกน้อยขึ้นมา งี้พี่กายก็แย่น่ะสิ”
 
ผมเอามือกุมหน้า
 
จะนินทาอะไร ก็นินทาให้มันเบา ๆ หน่อยได้ไหม และที่สำคัญ หน้าพี่ไม่เกี่ยวกับน้องพี่ด้วย

ผมลุกออกจากโซฟาไปไล่พวกน้อง ๆ ออกจากโต๊ะทำงาน ส่วนตัวเองก็รีบเรียกสติตัวเองกลับมาทำงานต่อให้มันเสร็จ ๆ ไป



   
หลังจากส่งพวกน้อง ๆ กลับบ้าน ผมก็ขับรถกลับคอนโดเหมือนเดิม ผมเนือย ๆ ไปอาบน้ำ คว้าหยิบเสื้อยืดสีฟ้าอ่อนกับกางเองเอวรูดน้ำเงินเข้มมาสวม ลากรองเท้าแตะเดินไปทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟา
 
เหลือบมองนาฬิกา สี่ทุ่มกว่าแล้ว กายคงกลับบ้านนอนไปแล้ว
 
ผมหยิบรีโมตขึ้นมากดเปิดทีวีดู กดเลื่อนเปลี่ยนช่องไปเรื่อย ๆ อย่างไร้จุดหมาย สิ่งที่ฉายออกมาหรือเสียงที่พูดคุยกันในนั้นไม่ได้วิ่งเข้ามาในสมองผมแม้แต่น้อย ผมกดเปลี่ยนช่องไปเรื่อย ๆ เผื่อจะเจอรายการที่ถูกใจ
 
ได้ยินเสียงกดกริ่งหน้าห้อง ผมหันไปมอง ถอนหายใจออกมาเบา ๆ อย่างเบื่อหน่าย
 
ดึกขนาดนี้ ใครมาวะ
 
ผมกดปิดทีวี ทิ้งรีโมตลงบนโซฟาตัวนุ่ม เดินทำหน้าเบื่อหน่ายไปเปิดประตู
 
 
“กาย”
ผมครางเรียกด้วยความแปลกใจ ไม่คิดว่าอีกคนจะมายืนอยู่ตรงหน้าได้

มันยืนหันซ้ายหันขวา
 
“พี่เอก ผมไม่ได้มีอะไรกับพี่โอ๊คจริง ๆ นะ”
มันโพล่งออกมาแค่นั้น แล้วก็เงียบไป

ผมกำลังอึ้งครับ เพราะเป็นครั้งแรกที่มันโผล่มาหาผมที่คอนโดโดยไม่บอกกล่าวแบบนี้

แล้วมันก็…
หันหลังเตรียมจะเดินกลับ

ผมรีบฉุดข้อมือมันไว้ทันที มันเงยหน้ามอง ตามันแดง ๆ คล้ายคนจะร้องไห้
 
“ขอโทษนะฮะ”
มันบิดข้อมือออก หันหลังเตรียมจะก้าวอีกรอบ คราวนี้ ผมเอื้อมจับต้นแขนมันไว้แล้วดึงมันมาไว้ในอ้อมกอด มันเงยหน้ามอง

ผมยังตีสีหน้านิ่งเรียบ จ้องมองดวงตาแดง ๆ ของมัน
 
นี่มึงจะทำตัวน่ารักไปไหน มาทำให้กูสับสนแล้วจากไปง่าย ๆ แบบนี้ คิดรึไงว่ากูจะยอม
 
“ร้องไห้ทำไม” ผมถาม
 
“ผมเปล่า”
พอมันปฏิเสธปุ๊บ น้ำตาก็ไหลพรากเลย โหย สงสัยการประปาจะต่อท่อผิดรู
 
“โอเค ไม่ได้ร้องก็ไม่ได้ร้อง ถ้าไง ปิดก๊อกที่ตานายก่อนก็แล้วกัน น้ำมันล้นแน่ะ”
 
มันกะพริบตาปริบ ๆ ไล่หยาดน้ำทิ้งไป
 
เวลามันร้องไห้ก็แปลกดี ไม่สะอื้น ไม่มีเสียง ร้องไห้เงียบ ๆ คนร้องไห้แบบนี้ ผมก็เพิ่งเคยเจอ เพราะงี้มั้ง ผมเลยดูไม่ออกว่ามันร้องไห้ตอนอยู่กับไอ้โอ๊ค
 
ผมดึงตัวมันเข้ามาในห้อง ปิดประตูลง แล้วเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวมายื่นให้ พยักหน้าทีเดียวไปยังห้องน้ำให้รู้ว่ามันควรจะปิดวาล์วน้ำได้แล้ว มันรับผ้าไปถือไว้ เดินพาประปาน้ำตาเข้าห้องน้ำไป ผมเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้า หยิบชุดมาวางไว้ให้มันหน้าห้องน้ำ เป็นชุดที่ผมเคยซื้อเอาไว้ให้มันนั่นแหละ กางเกงขาสั้นกับเสื้อยืดสีขาว

แล้วผมก็หยิบหนังสือเรียนมานั่งอ่านรอมันบนเตียง
 
สักพักก็ได้ยินเสียงเปิดประตู ผมไม่ได้เงยหน้ามอง มันคงอาบน้ำเสร็จแล้ว และคงเห็นว่ามีเสื้อผ้าวางอยู่หน้าห้องน้ำ แล้วก็ได้ยินเสียงปิดประตูลงอีกรอบ เงียบไปไม่ถึงสามนาที ก็ได้ยินเสียงเปิดประตูออกมาอีกครั้ง
 
ผมเงยหน้าจากหนังสือหันไปมอง
 
มันอยู่ในชุดที่ผมซื้อให้เรียบร้อยแล้ว เดินผมเปียก ๆ มายืนอยู่ข้างเตียง หน้ามันยังซึมไม่หาย ผมละสายตาจากมันมาที่หนังสือตรงหน้าต่อ
 
“พี่เอก”
มันครางเรียกเสียงเบา
 
“ดึกแล้ว นอนกันเถอะ”
ผมปิดหนังสือลง วางไว้บนโต๊ะข้างโคมไฟ มันยืนนิ่ง คงแปลกใจกับท่าทีที่เปลี่ยนไปของผม
 
ผมแค่ไม่อยากทำอะไรมัน อยากทำตัวเป็นสุภาพบุรุษสักวัน ขืนผมยังตื่นอยู่ คงต้องจับมันปล้ำแน่ ๆ ผมรีบทิ้งตัวลงนอน ท่องนะโมในใจบังคับให้น้องที่ทำท่าจะตื่นให้มันนอนสงบ
 
มันก้าวขึ้นเตียงคลานไปนอนด้านในเหมือนเดิม ผมปิดไฟแล้วหลับตาลง
 
หายใจยังไม่ทันจะถึงยี่สิบเฮือกก็ต้องลืมตาขึ้น เพราะรู้สึกเหมือนมีอะไรสักอย่างมาทับหน้าขา ผมเอื้อมไปกดเปิดไฟ
 
ตอนแรกก็คิดว่าผีอำ แต่ที่ไหนได้ เป็นไอ้ตัวเล็กครับ มันขึ้นมานั่งทำหน้าเบะ ๆ บนหน้าขาผม
 
“ทำอะไร”
ผมขมวดคิ้วถาม
 
มึง กูยิ่งพยายามบังคับให้น้องกูนอนอยู่ มึงจะขึ้นมาทำไม
 
“พี่เอก อย่าทำแบบนี้เลยนะ ผมทำตัวไม่ถูกแล้ว ต่อว่าหรือทำร้ายผม ผมยังรู้ว่าพี่คิดอะไร ดีกว่าเงียบ ๆ แบบนี้”
มันบอกออกมาตรง ๆ
 
ผมหลับตาลงแน่น พอ ๆ กับกัดฟันกรามไว้
 
“กาย ลงไป”
ถ้ามึงไม่ลง มึงจะไม่ได้ลงอีกเลยตลอดทั้งคืน
 
“พี่เอก...”
มันครางเรียกคล้ายกับจะขอความเห็นใจให้ผมพูดอะไรสักอย่าง
 
“ลง”
ผมบอกมันด้วยน้ำเสียงอดทนอีกที
 
“พี่ก็พูดอะไรสักอย่างสิ ถามอะไรสักอย่างก็ได้ อย่าเงียบแบบนี้ได้ไหม ผมไม่ได้เป็นอะไรกับพี่โอ๊คจริง ๆ นะ”
 
“อันนั้นพี่รู้”
 
มันนิ่งครับ จ้องหน้าผมเหมือนไม่เชื่อในสิ่งที่ผมพูด
 
“แล้ว…”
มันคงจะถามว่า แล้วไอ้พฤติกรรมที่ผมเป็นอยู่นี่คืออะไร
 
“พี่ไม่ได้โกรธ”
 
มันขมวดคิ้ว
 
“แต่ที่พี่ไม่พูด เพราะพี่กำลังอดทนอยู่”
 
“อดทน? อดทนจากอะไร”
มันถามด้วยความสงสัย

ผมถอนหายใจแรง เลื่อนมือไปจับสะโพกมันไว้ทั้งสองข้าง
 
“อดทนไม่ให้ทำอะไรกายไง แต่กายก็ยังมายั่วพี่อีก เพราะงั้น ถ้าคืนนี้กายไม่ได้นอน อย่ามาโทษพี่ละกันนะ”
 
มันทำตาโต
 
ช้าไปแล้วล่ะมึง
             
ผมรั้งท้ายทอยมันลงมากดจูบ บุกทะลวงส่งลิ้นเข้าไปภายใน ไม่เปิดโอกาสให้มันได้ทักท้วงอะไรอีกเลย
 
มันพยายามขืนตัวออก แต่ผมยังกดหัวมันแน่น มืออีกข้างก็บีบขยำสะโพกมันเลื่อนมาที่หน้าท้อง ไต่สูงขึ้นมาที่หัวนม บีบเบา ๆ สลับกันไปมาทั้งสองข้าง จนมือมันที่ผลัก ๆ ผมอยู่เปลี่ยนมาเป็นกำอกเสื้อผมแน่น
 
เสียวครับ
 
คิดถึงมันโคตร ๆ มันชอบยั่วคนแบบไม่รู้ตัวจริง ๆ

ผมละริมฝีปากมาเลิกถอดเสื้อกับกางเกงมันออก

“ดะ เดี๋ยว พี่เอก”
มันรีบท้วงห้าม พยายามหยุดมือผมไว้

จะห้ามทำไม ห้ามไปผมก็ไม่เคยหยุด ตอนนี้มันอยู่บนตัวผม พยายามคุกเข่าทรงตัวเพื่อลุกหนี

พอมันคุกเข่าได้ปุ๊บ ผมก็อาศัยจังหวะนั้นแทรกปลายนิ้วเข้าไปในร่องของมันทันที มันหยุดทุกการดิ้นรนลง ผมสะกิดเบา ๆ ตรงจุดกระสัน
มันบีบต้นแขนผมแน่น เชิดหน้าครางออกมาซะหวานหยด
 
มึง..
ท่าทางแบบนี้ มึงอย่าไปทำให้ใครเห็นนะเว้ยเฮ้ย เดี๋ยวมันหลงมึงตาย

ผมกดย้ำ ๆ อยู่อย่างนั้นจนมันอ่อนระทวยแนบหน้ากับหน้าอกผม
 
"พอ...พี่เอก"
ปากมันยังครางห้าม ทั้งที่ร่างกายมันโอนอ่อนตามผมไปหมดแล้ว

น้องผมมันพร้อมตั้งแต่ผมจูบมันแล้วครับ พอสบโอกาส ผมก็ปล่อยน้องผมออกมา แล้วทำการเชื่อมร่างของผมกับมันทันที พอทุกอย่างลงล็อก ผมก็ดันตัวมันลุกขึ้นนั่งแล้วจับสะโพกมันโยกไหวทันที

ผมซี้ดปาก เงยหน้ามอง

ดวงตามันคลอไปด้วยหยาดน้ำใส ๆ คล้ายคนจะร้องไห้ ริมฝีปากได้รูปอ้าออกนิด ๆ ปลดปล่อยน้ำเสียงครางหวานเป็นจังหวะ สองมือมันยึดจับสองมือผมแน่น เอียงหน้าเชิดขึ้นนิด ๆ ทอดมองอากาศ ก่อนก้มหน้าลงมามองผมต่อ

ท่าทางที่เห็น บอกได้คำเดียวครับ...

เซ็กซี่เป็นบ้า

ผมเลิกถอดเสื้อผ้าตัวเองออกในขณะที่อีกมือยังจับสะโพกมันโยกไหวอยู่ ต้องทำงานประสานกันให้ดี เพื่อความต่อเนื่อง พอถอดเสื้อผ้าออกจนหมด ผมก็ดันตัวลุกขึ้นนั่งทั้งที่ยังสอดประสาน มันรีบคว้าลำคอผมไว้ทันทีกันหงายหลัง
 
เป้าหมายที่ผมลุกนั่งก็เนี่ยแหละ
 
ผมอ้าปากงับหัวนมมันเบา ๆ ก่อนตวัดปลายลิ้นหยอกเหย้า มันครางเสียงหลง มือหนึ่งผลักหัวผมออกอีกมือกลับกดเข้าหา มันคงจะรู้สึกเจ็บและซู่ซ่าในเวลาเดียวกัน

แล้วผมก็เคลื่อนหน้าขึ้นไปกดจูบมันอีกรอบ ปากมันหวานดีครับ กินเท่าไหร่ก็ไม่เคยอิ่ม
 
งั้นวันนี้ผมจะให้มันอยู่ด้านบนตลอดทั้งคืนเลย

หึหึ
นี่แหละ คือผลของการยั่วสิงโตที่กำลังหิว กวางน้อยคงถูกขย้ำจนไม่เหลือซากแน่ ๆ คืนนี้


To be Con..
บางทีก็คิด ฉันแต่งไปได้ยังไง นั่งยอง ๆ เอานิ้วเขี่ยดิน เอาสติช่วงนั้นของข้าคืนมาาาาา  :katai1:


ออฟไลน์ Naenprin

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1172
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +203/-1
 :z13:

จิ้มๆๆๆ พี่เอกน่ารักจัง

ออฟไลน์ MoMoRin

  • I am Fujoshi! (・∀≦)ゞ
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1749
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +229/-2
เรื่องหื่นขอให้ไว้ใจเอกภพ ฮ่าๆๆๆๆ

ออฟไลน์ Rafael

  • เพราะคนเราเกิดมาเพื่อแตกต่าง
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +685/-7

ออฟไลน์ memew

  • ขอบคุณที่เข้ามาอ่านจ้าาา
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 456
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +382/-10
    • :: Memew แฟนเพจ :
 :pighaun:51
ซาตานในคราบเทพบุตร
[กาย...♥]





 
สมาธิสติกระเจิดกระเจิง เมื่อวานไปดูภาพถ่ายกับพี่เชน แทบไม่มีสมาธิ จำไม่ได้ด้วยซ้ำ ว่ามีภาพอะไรใครถ่ายบ้าง แล้วพี่เชนพาไปต่อที่ไหนอีกบ้าง
 
รู้แค่น้ำเสียงที่แสดงถึงความห่วงใยจากพี่เชน นิ้วมือที่สัมผัสแก้มอะไรทำนองนั้น
 
ไม่ได้สนใจครับ ในหัวมีแต่สีหน้านิ่งเรียบของพี่เอก
 
เป็นห่วงพี่มัน
 
ถ้าพี่มันโมโห จับผมขึง แล้วอารมณ์ดีขึ้น ผมจะไม่ว่าเลย แต่นี่พี่มันเล่นเงียบ ไม่พูดไม่จาไม่ตอบไม่ตะคอกหรือไม่อะไรสักอย่าง มีผมอยู่เหมือนไม่มี

หรือพี่แกจะไม่สนใจผมอีกต่อไปแล้ว
 
พี่เอกพาผมไปนั่งที่ร้านนมปั่น แล้วพี่มันก็เอาแต่นั่งเงียบ จนเวลาผ่านไปเป็นเกือบยี่สิบนาที พี่มันคงจะลืมไปแล้ว ว่ามีผมมานั่งอยู่ด้วย ผมเลยเลือกที่จะเดินออกมาเงียบ ๆ เพื่อให้พี่เอกได้อยู่คนเดียวอย่างที่ใจแกต้องการ
 
หัวใจผมรู้สึกวูบโหวง หวาดกลัว
 
ผมไม่อยากรู้สึกแบบนี้ ผมไม่อยากยึดติด ไม่อยากให้หัวใจผมเจ็บ แต่สติและจิตใจผม กลับคิดถึงแต่เขา จนไม่เป็นอันทำอะไรเลย
 
พอพี่เชนไปส่งผมที่บ้าน ผมก็รีบเรียกแท็กซี่มาหาพี่เอกที่คอนโดทันที ผมยืนชั่งใจอยู่นานมาก ว่าจะกดกริ่งหน้าประตูดีไหม แต่สุดท้าย ผมก็กด
 
ผมพูด ผมอธิบาย แต่พี่มันยังนิ่ง บ่งบอกว่าพี่มันคงไม่อยากรับฟัง และไม่ให้โอกาสผมอีกต่อไป
 
ผมหันหลังเตรียมจะเดินกลับ

กลับไปสู่เส้นทางเดิม ๆ ของตัวเอง เคยทำใจไว้แล้ว แต่มันก็เร็วเกินไป
 
แต่ยังไม่ทันที่ผมจะได้ก้าวเดิน พี่มันก็ฉุดแขนผมไว้ ผมเงยหน้ามอง ใบหน้าคมคายยังคงราบเรียบอยู่เหมือนเดิม
 
ผมไม่รู้ ว่าผมรู้สึกเสียใจแค่ไหน รู้แค่ว่า ผมกำลังอดทน และเมื่อความอดทนมันหมด น้ำตาผมก็ไหล
 
แต่พี่มันยังเฉยชา
 
ผมมาหาถึงที่ ถ้าเป็นเมื่อก่อน พี่มันคงกอดผมไปแล้ว แต่นี่ แค่ไล่ให้ไปอาบน้ำ แล้วหยิบชุดเรียบร้อยมาให้ใส่ หลังจากนั้นก็พาเข้านอน
 
ผมกลัว ผมนอนไม่หลับ อย่างน้อยผมก็อยากให้พี่มันพูดอะไรออกมาบ้าง ผมเลยตัดสินใจดันตัวขึ้นไปนั่งคร่อมพี่มันไว้ เพื่อขอคำตอบ ไม่งั้นผมคงนอนไม่หลับแน่ ๆ
 
แล้วพี่มัน…
 
ก็งาบผมซะเต็มสตรีม - -
 
แม่.ง!!
 
กำลังซึ้ง ๆ อยู่ น้ำตากูวิ่งกลับลงเขื่อนแทบไม่ทัน =*=
 
สรุป ที่มันนิ่ง ๆ คือมันพยายามอดทนไม่หื่นใส่ผมอยู่
 
เฮ้อ!
ต่อไปผมจะไม่ร้อนตัว เอาตัวเองมาเสนอให้พี่มันกินถึงที่อีกแล้ว
 
แล้วเชื่อกันหรือเปล่า ว่าเมื่อคืน ผมต้องอยู่ข้างบนจนเกือบเช้า
 
เหนื่อยครับ
 
นอนอยู่ข้างล่างว่าเหนื่อยแล้ว เป็นคนควบเอง เหนื่อยกว่าหลายเท่า
 
ต่อไปนี้ ผมจะไม่นั่งคร่อมตักพี่มันอีกเป็นอันขาด ผมสัญญา
 
พี่เอกฮัมเพลงอารมณ์ดีแต่เช้า ในขณะที่ผม ยังนอนเดี้ยงอยู่บนเตียง ดีนะที่วันนี้เป็นวันเสาร์ เลยนอนยาวได้ ผมนอนเปลือยเปล่าคว่ำหน้ากอดหมอนข้างไว้ มีผ้าห่มปิดสะโพกลงไปถึงข้อเท้า ปล่อยแผ่นหลังพร้อมบั้นเอวรับแอร์เย็น ๆ ไป
 
จริง ๆ ผมตื่นแล้ว แต่ขี้เกียจลุก เพลียครับ ขอขี้เกียจต่ออีกหน่อย
 
ได้ยินเสียงฝ่าเท้าเดินมาหยุดอยู่ข้างเตียง ก่อนจะรู้สึกว่ามีริมฝีปากเย็น ๆ มาจูบซับที่ต้นคอเลื่อนลงไปยังแผ่นหลัง
 
สยิวครับ
 
ผมปรือตา กระชับหมอนข้างแน่น ครางฮือห้ามแก แต่ปากเย็น ๆ นั้นยังคงไล่ต่ำไม่หยุดลงไปที่เอวและกำลังจะต่ำลงไปกว่านั้น และถ้าขืนผมยังปล่อยไปเรื่อย ๆ แบบนี้ มีหวังเช้านี้ ผมคงไม่ได้พักแน่ ๆ
 
ผมละมือจากหมอนข้าง ควานมือสะเปะสะปะคว้าผ้าห่มมาปิดหลังไว้ ได้ยินเสียงพี่มันหัวเราะหึ ๆ เดินไปเปิดตู้เสื้อผ้า
 
อือ…
ปลอดภัยแล้วใช่ไหม ผมจะได้หลับต่อ
 
วันนี้ผมจะไปทำงานที่ร้านเป็นวันสุดท้ายฮะ ยังไม่ได้บอกผู้จัดการเลย เพราะวันนี้เป็นวันที่ไอ้เต้ย ต้องหยุดตามพี่มันแล้ว
 
ใจจริงเสียดายครับ ทำงานแล้วสนุกดี ได้เจอลูกค้า ได้เจอเพื่อน ได้เจอพี่ ๆ แถมยังได้เงินอีกต่างหาก อยากทำต่อ แต่ถ้าผมทำ ไอ้เต้ยต้องไม่ยอมแน่ ๆ ตอนนี้สิ่งสำคัญที่สุด ต้องแยกตัวไอ้เต้ยออกมาจากพี่เป้ก่อน
 
นอนคิดไม่นาน สติผมก็ค่อย ๆ จางหายไป ก่อนสะลึมสะลือตื่นอีกที ยังง่วงอยู่ครับ แต่ท้องร้องแล้ว พี่เอกหายไปไหนนะ ทำไมไม่มาปลุกผมให้ไปกินข้าวหว่า
 
ผมลุกขึ้นนั่ง กวาดตามองหาชุดตัวเอง
 
อ้อ กองอยู่ข้างเตียงนี่เอง
 
ผมก้มหยิบ เดินสะโหลสะเหลเข้าห้องน้ำ อาบน้ำอาบท่า แล้วเดินหน้าหล่อออกมา
 
ทำไมมันเพลียอย่างงี้วะ ถ้าการอยู่ข้างบนทำให้รู้สึกเพลียได้ขนาดนี้ ต่อไปนี้ผมขออยู่ข้างล่างดีกว่า
 
ดีนะ มีงานตอนบ่าย ไม่งั้นแย่แน่ ๆ
 
หิวครับ หิวมาก ๆ หันไปมองนาฬิกา โหย ตอนแรกก็คิดว่าเก้าโมง ที่ไหนได้ นี่มันจะเที่ยงแล้ว สงสัยที่ผมเพลีย เพราะไม่ได้ทานข้าวเช้าแน่ ๆ
 
ไอ้พี่เอกบ้า ทำไมไม่ปลุกกันบ้างนะ ปล่อยให้นอนกินบ้านกินเมืองอยู่ได้
 
หิวครับ หิวมาก หิวโคตร ๆ หิวข้าว!
 
แง่ง!! ข้าวกูอยู่ไหน
 
ผมเดินออกไปข้างนอก ตอนนี้มันทั้งง่วงทั้งหิว ง่วงจนอยากจะกลับไปนอนต่ออีกรอบ แต่ก็หิวจนรู้สึกแสบท้องขึ้นมาหน่อย ๆ
 
เห็นไอ้พี่เอกนั่งดูรายการเพลงอยู่บนโซฟาสบายใจเฉิบ
 
“พี่เอก”
ผมเรียกเหมือนคนละเมอ หิวครับ ไม่มีแรงแล้ว ปกติผมเป็นพวกกินข้าวเช้าเป็นประจำ(ถ้าแม่อยู่แม่จะตื่นขึ้นมาทำให้กิน แต่ถ้าวันไหนต้องอยู่คนเดียวก็จะหาซื้อข้าวของมาอุ่นกินเองตอนเช้า ไม่ก็ทำอะไรง่าย ๆ กินเองก่อนไปเรียน) ถ้าไม่จำเป็นจริง ๆ จะไม่อดมื้อเช้าเด็ดขาด หรือว่าผมจะเป็นไข้หว่า

ตัวก็ไม่ร้อนนี่

พี่มันหันมามองด้วยความแปลกใจ

นี่มึงยังไม่หายโกรธกูอีกรึไง
 
สงสัยจะยังรักษามาด
 
ตอนนี้หิวครับ ความหิวสั่งให้ผมทำได้ทุกอย่าง ขี้เกียจหาข้าวกินเอง ผมเลยตัดสินใจอ้อนพี่มันซะเลย(เคยอ่านเจอในหนังสือ ผู้ชายมากกว่า 90% แพ้คนขี้อ้อน ผมเองก็ชอบให้ผู้หญิงอ้อนเหมือนกัน)
 
ผมเลยเดินไปนั่งคร่อมตักพี่มันไว้(ไหนสัญญาว่าจะไม่คร่อมอีกไง = =) โอบสองแขนรอบลำคอ ซุกหน้าไว้กับอกล่ำ ๆ พี่มัน
 
“หิวจัง โทรสั่งอะไรมากินกันเถอะ”
 
หือ?
 
นี่พี่เอกเปลี่ยนน้ำหอมกลิ่นใหม่เหรอ ผมทำจมูกฟุดฟิด แต่เพราะกำลังหิวจัด สมองด้านการประมวลผมจึงต่ำเตี้ยเรี่ยดิน เลยเลิกสนใจเรื่องกลิ่นไป
 
“กาย เอ่อ...”
พี่มันทำเสียงอ้ำ ๆ อึ้ง ๆ
 
“หิวแล้ว” ผมยังกอดพี่มันแน่น “อยากกินพิซซ่า โทรสั่งมากินได้ไหม”
 
“แต่.. กาย”
 
“หิว โทรสั่งก่อน น่านะ” ผมอ้อนอีกที
 
“อะ อืม” พี่มันรับปาก หยิบมือถือมาโทรสั่งพิซซ่าให้
 
พอเห็นว่าทุกอย่างเรียบร้อย (เกือบหลับคาอกพี่มันแน่ะ เพลียจัด) ผมก็ถอนหน้าออกมากล่าวขอบคุณ ผมจ้องหน้าพี่แกอยู่พัก ชั่งใจอยู่ว่าจะทำบางสิ่งที่กำลังคิดไว้ดีหรือเปล่า แต่พี่มันอุตส่าห์สั่งพิซซ่ามาให้กิน ต้องตอบแทนบุญคุณกันหน่อยใช่ไหมครับ
 
ผมเลยตัดสินใจ กดจูบพี่มันไปทีแล้วถอนออก
 
แม่ง กูทำเพื่อตอบแทนมึงเชียวนะเนี่ย

พี่มันนั่งนิ่ง ๆ ทำหน้าอึ้ง ๆ แบบเมื่อคืนนั่นแหละ
 
“ยังโกรธผมอยู่เหรอ”
ผมเริ่มรู้ทางพี่มันละ เพื่อให้พี่มันหายโกรธ ผมเลยกดจูบไปอีกที พี่มันทำหน้าตื่น
 
อืม นี่เป็นครั้งแรกที่ผมจูบพี่มันก่อนเลยนะเนี่ย (ยกเว้นตอนถ่ายภาพ เพราะตอนนั้นจูบเพื่อแนะ อันนั้นจำเป็นจริง ๆ ครับ) กลัวจะน้อยหน้ากัน ผมเลยเพิ่มออฟชั่นเสริม เป็นแทรกลิ้นที่ยังเก้ ๆ กัง ๆ เข้าไปภายใน
 
พี่มันขัดขืนใหญ่
 
กูรู้ว่ากูจูบไม่เก่ง แต่มึงก็ช่วย ๆ รับความปรารถนาดีจากกูหน่อยเถอะ
 
หน้าผมร้อนผ่าว พยายามเสิร์ฟลิ้นให้พี่มันกิน พี่มันตอบปฏิเสธอยู่พัก ก่อนหยุดนิ่ง แล้วตวัดปลายลิ้นรับลิ้นจากผม

ผมว่าวันนี้ จูบของพี่เอกดูแปลก ๆ ยังไงพิกล ไม่คุ้นเลยแฮะ แม้จะรู้สึกดี แต่เหมือนมันไม่ใช่ยังไงบอกไม่ถูก
 
พอพี่มันตอบสนอง ผมก็เดาเอาว่าพี่มันน่าจะหายโกรธแล้ว ผมเลยถอนปากออก พี่มันก็ยอมง่าย ๆ ผมก้มหน้าลงงุด
 
“หายโกรธแล้วใช่ไหม”
ผมอ้อมแอ้มถามโดยไม่หวังคำตอบ รีบลุกลงมาจากตักไปนั่งข้าง ๆ (ขืนนั่งยาว ตัวเองอาจซวยครับ เซฟไว้ก่อนดีกว่า)
 
พี่มันเสยผมไปด้านหลัง นั่งทำหน้าแปลก ๆ ผมเลยหันไปจ้องหน้าพี่แกดี ๆ
             
“พี่เอก”
 
“กาย…”
พี่มันเรียก น้ำเสียงเหมือนพยายามอดทนจากอะไรบางอย่าง
 
“พี่ไม่ใช่…”
 
เสียงกริ่งดังขึ้นเบา ๆ หน้าห้อง ผมหันขวับไปมอง
 
“พิซซ่ามาแล้ว!!”
ผมรีบลุกออกจากโซฟาไปที่หน้าประตู คว้าจับลูกบิดหมุนเปิดออกแรง ตอนแรกก็คิดว่าเป็นคนส่งพิซซ่า

แต่ไม่ใช่ฮะ
 
เป็นพี่เอก
 
อ้าว เอ๊ะ?
 
ในห้องก็พี่เอก คนที่ยืนอยู่หน้าห้องนี้ก็พี่เอก
 
แล้ว แล้ว…
 
ผมยืนมองตาค้าง
 
“พี่เอก” ครางเรียกไว้ก่อนครับ
 
“พี่อิฐเองครับ”
คนตรงหน้ารายงาน ผมพยักหน้าสองที เปิดประตูออกกว้างให้พี่แกเข้ามาภายใน
 
“พี่ขอยืมห้องครัวหน่อยนะ”
พี่มันหันมาพูดยิ้ม ๆ ชูข้าวของที่ถือมาในมือให้ดู ผมพยักหน้ารับอีกที พี่มันหันหลังเดินตรงไปยังห้องครัว ระหว่างทางก็หันไปพูดกับคนที่นั่งอยู่บนโซฟาหน้าทีวี
 
“เออ อาร์ต ของที่สั่งไปไม่มีนะ” ประโยคนั้น ทำเอาผมชาวูบตั้งแต่หัวจรดเท้า
 
อะ อะไรนะ อาร์ต…อาร์ต…อาร์ต…
 
อาร์ตงั้นเหรอ
 
ผมค่อย ๆ หันไปมอง
 
งั้นไอ้คนที่ผมทั้งกอดทั้งจูบไปเมื่อตะกี้ ก็เป็นพี่อาร์ตน่ะสิ!!
 
แล้วพี่เอกกูล่ะ หายไปไหน!
 
ไม่ใช่สิ!!
ผมเผลอไปจูบไอ้พี่อาร์ตเข้าให้แล้ว
 
ตาย ๆ ๆ ๆ แล้วพี่มันจะคิดว่ากูเป็นคนยังไง
 
ไม่ใช่สิ!!
แล้วถ้าพี่เอกเกิดรู้เรื่องขึ้นมาล่ะ
 
โอ๊ย!!
แล้วจะอะไรอีกตั้งหลายแหล่
 
ไม่รู้ว่าผมยืนน็อกกลางอากาศอยู่ตรงนั้นนานแค่ไหน จนได้ยินเสียงทักเบา ๆ จากทางหน้าประตู ผมสะดุ้ง รีบหันไปมอง
 
พี่เอก!!
 
ไม่ใช่ฮะ - -
 
เป็นคนส่งพิซซ่า มาเร็วน่าดู สงสัยร้านจะอยู่ใกล้
 
ผมยืนนิ่งจ้องหน้าคนส่งพิซซ่าอยู่อย่างนั้น จนมีใครบางคน เดินมาหยุดยืนอยู่ด้านหลัง จ่ายเงิน แล้วรับพิซซ่าไป ผมยังยืนนิ่งอยู่ตรงจุดเดิม
 
ไม่กล้าหันไปมองว่าเป็นใคร
 
ตอนนี้ผมตายแล้วครับ ตายเพราะความอับอาย
 
โคตรของโคตรอายเลย
 
สุดท้าย ผมเลยทิ้งตัวลงนั่งยอง ๆ ตรงหน้าประตูนั่นแหละ อยากแทรกแผ่นดินหนี แต่ไม่มีแรง(หิวด้วย)
 
“กาย เป็นไรไหม” พี่อิฐเดินเข้ามาหา
 
“มะ ไม่มีอะไร”
ผมเงยหน้ามอง ก่อนสายตาจะวิ่งไปสบกับสายตาของพี่อาร์ตที่มองมาทางผมพอดี
 
พี่มันจะว่าอะไรผมไหม
 
“เอ่อ…”
อยากพูดอะไรสักอย่าง แต่พูดไม่ออก
 
“พี่เอกเข้าออฟฟิศน่ะ พ่อเรียกตัวกะทันหัน ไม่กล้าปลุกกาย พวกพี่จะไปรับพวกทโมนพอดี แต่พวกนั้นบอกว่าจะไปอยู่กับกายที่ร้านเลยว่าจะรอให้กายตื่น แล้วรับไปพร้อมกันเลย”
พี่อิฐอธิบาย
 
ไม่ต้องไปกับกูก็ได้ กูทำหน้าไม่ถูก
 
ผมพยายามกดข่มความอาย เดินกลับไปที่โซฟาพร้อมพี่อิฐ ตรงหน้ามีพิซซ่าหน้าฮาวายเอี้ยนถาดใหญ่กับของกินอีกสองสามอย่างที่พี่อิฐหิ้วมา ผมทิ้งตัวลงนั่งข้าง ๆ พี่อาร์ต แล้วพี่อิฐก็ทิ้งตัวลงนั่งข้างผมอีกที ผมเอาแต่นั่งก้มหน้าอย่างเดียว ไม่มองไม่ทักไม่พูดไม่คุยอะไรกับใครทั้งนั้น ถ้าแหวกอากาศหลบหนีไปได้ ผมทำไปแล้ว
 
พี่อิฐหยิบพิซซ่าขึ้นมากิน แต่ผมยังนั่งก้มหน้าอยู่ท่าเดิม ตอนนี้ไม่หิวแล้วครับ อิ่มความอายขึ้นมากะทันหัน
 
พี่อาร์ตหยิบพิซซ่าออกมาชิ้นหนึ่งใส่จานใบเล็ก แล้วเลื่อนมาไว้ตรงหน้าผม
 
“หิวไม่ใช่รึไง เมื่อกี้ท้องร้องจ๊อก ๆ เลยนี่”
 
ใครก็ได้ เอาจอบมาสับกูที T^T
 
“ทำไมหน้าแดงจัง ไม่สบายหรือเปล่า”
พี่อิฐถาม จิ้มแก้มผมเบา ๆ เพื่อเช็คความร้อน
 
บ้านมึงสอนให้เช็คไข้กันแบบนี้รึไง =*=
 
“ปะ เปล่า”
 
“กินได้แล้ว”
ไอ้พี่อาร์ตยกจานพิซซ่ามาไว้เสมอหน้าผมเลย ผมรีบรับมาถือไว้ ก้มหน้าก้มตากินอย่างเดียว ซอสเซิสพริกเพริกไม่ต้อง!! รีบ ๆ ยัด จะได้ออกไปให้พ้น ๆ สถานการณ์นี้ซะที
 
พิซซ่าวันนี้ มันเป็นพิซซ่าที่มีรสชาติน่าอายเป็นที่สุด
 
กูอุตส่าห์ลงทุนอ้อนไอ้พี่เอกมันเป็นครั้งแรก แต่คนที่ได้กลับกลายเป็นพี่อาร์ตไปซะนี่ แล้วเขาจะมองพี่เอกว่าเป็นคนยังไง จะรังเกียจไหม จะกลับไปบอกพ่อกับแม่หรือเปล่า แล้วเขาจะมองว่ากูเป็นคนยังไง
 
พอพิซซ่าหมด พี่อิฐก็เดินเข้าห้องน้ำไป ส่วนผมก็นั่งหน้าร้อนอยู่ข้าง ๆ พี่อาร์ตอย่างเดิม
 
“ไม่ต้องคิดมากหรอก พี่เข้าใจว่าเข้าใจผิด”
พี่มันลูบหัวผมเบา ๆ
 
ผมเงยหน้ามอง
 
“เอ่อ..แล้วพี่…”
คืออยากถามว่าไม่รู้สึกแย่ใช่ไหม ที่รู้ว่าผมกับพี่เอก มีอะไรเกินเลยกัน
 
“พี่ไม่ก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของพี่เอกมันหรอก”
แล้วพี่มันก็ให้คำตอบโดยที่ผมไม่ต้องถาม 
 
แม่ม ฉลาดทั้งพี่ทั้งน้อง
 
“ฮะ เอ่อ.. พี่อาร์ต” ผมอ้ำอึ้งบอก “อย่าบอกเรื่องนี้กับพี่เอกนะฮะ”
 
“บอกสิ พี่ได้โดนพี่มันฆ่าเอา”
 
“ขะ ขอโทษฮะ ผมไม่ได้ตั้งใจ เมื่อคืนเรามีปัญหากันนิดหน่อย ผมเลยอยากทำให้พี่เอกหายโกรธ เลยลองอ้อนแล้วก็จูบก่อนเป็นครั้งแรก”
ผมบอกแบบไม่มองหน้า
 
“อ้อนเป็นครั้งแรก” พี่มันทวน “มิน่าถึงได้เงอะ ๆ งะ ๆ จูบก็ยังไม่เก่ง”
 
ผมเงยหน้าร้อน ๆ ขึ้นมอง
 
กูคิดว่าจะมีแค่พี่มึงที่ด้านซะอีก มึงนี่ก็ด้านเหมือนกันนะ
 
“ขอโทษที่ทำให้รู้สึกไม่ดีครับ”
 
“ไม่หรอก”
พี่มันบอก ได้ยินเสียงกริ๊กเบา ๆ จากห้องน้ำในห้องนอน พี่อิฐคงออกมาแล้ว ผมหันไปมอง ก่อนที่ภาพตรงหน้าจะเบลอไปเพราะใครบางคนก้มลงมากดจูบเบา ๆ
 
“แต่รู้สึกดีมาก ๆ เลยต่างหากล่ะ”
แล้วพี่มันก็ถอนปากออกมาพูด ผมมองตาค้าง พี่แกดันตัวลุกขึ้นยืนจนสุดความสูง
 
“เอาล่ะ ไปเตรียมตัวแล้วไปกันเถอะ เดี๋ยวพวกทโมนโวยวายที่พาพี่ชายคนใหม่ไปส่งสายอีก”
พี่อาร์ตพูดเสียงเรียบ หันมายิ้มพราวให้ผม
 
ขนที่กลางหลังผมลุกซู่ รู้สึกว่าภาพความอบอุ่นที่ผมเห็นจะไม่ใช่ภาพที่แท้จริงซะแล้ว
 
“ไปกันเถอะ”
พี่อิฐชวน แถมยังใจดีหยิบกระเป๋าเงินกับมือถือที่วางอยู่ในห้องนอนออกมาให้อีกต่างหาก
 
ผมรีบเดินไปรับมายัดใส่กระเป๋ากางเกงก้าวเท้าเดินตามพี่มันไปติด ๆ แต่ยังไม่ทันจะถึงหน้าประตูดี พี่อาร์ตก็ก้าวมาเดินอยู่ข้าง ๆ แล้วก้มลงมางับหูผมเบา ๆ ผมรีบกุมหูหันไปมอง
 
“หึ”
พี่มันหัวเราะแค่นั้น แล้วดันให้ผมเดินหน้า
 
แง๊!!
พี่เอกช่วยด้วย
 
สวัสดิภาพทางร่างกายของผม ชักไม่ค่อยเจริญซะแล้ว นี่ถ้าพี่เอกมันรู้ ว่าผมมากอดมาจูบน้องชายมันเข้า พี่มันจะฆ่าผมหมกเตียงอีกไหม!!















               
“พี่กายยยยยยย”
พวกทโมนวิ่งเข้ามากอดผมไว้หมับ ผมอ้าแขนรับทันทีอย่างรู้งาน
 
“ไอคิดถึงพี่กายจังเลยค่ะ”
 
“อ้อนคิดถึงมากกว่าอีก”
 
“แอมสิ”
แล้วสาว ๆ ก็พากันคิดถึงผมกันใหญ่ ผมยิ้ม ลูบหัวเบา ๆ กันคนละทีสองที
 
“นี่ ได้พี่ชายคนใหม่แล้วลืมพี่ชายคนเก่าเลยรึไง”
พี่อาร์ตแซว น้องเล็กสุดเบ้หน้า
 
“ไม่ล่ะ เบื่อหน้าพี่อาร์ตแล้ว” แล้วน้องก็หันมาทางผมต่อ “คิดถึงพี่กายมากกว่า”
 
ผมกึ่งยิ้มกึ่งทำหน้าลำบากใจ ตวัดสายตามองหน้าพี่อาร์ต พี่มันเลียริมฝีปากตัวเองเบา ๆ ล้อเลียน ผมรีบหลบสายตาทันที
 
พี่เอก พี่อยู่ไหน ช่วยผมด้วย!
 
แล้วผมก็ต้องสะดุ้งโหยงเพราะเสียงเครื่องมือสื่อสารในกระเป๋ากางเกง เสียงเพลงเรียกเข้าเพลงนี้ของพี่เอกชัวร์ ๆ ผมรีบหยิบขึ้นมากดรับ ขอตัวเดินเลี่ยงเข้าไปในห้องแต่งตัวเพื่อคุย ถือโอกาสเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดทำงานด้วย
 
วันนี้ผมมาเร็ว พี่เป้กับไอ้เต้ยยังไม่มา ส่วนพวกน้อง ๆ พอกลับจากเรียนพิเศษก็ตรงดิ่งมาที่นี่กันเองเลย(เพราะพี่อิฐกับพี่อาร์ตไปรับผมแทน) แต่งตัวกันเรียบร้อยแล้วด้วย
 
“พี่เอก”
ผมเรียกพี่มันอีกที รู้สึกเหมือนพี่มันเป็นเทวดายังไงก็ไม่รู้
 
‘โทษทีนะที่พี่ไม่ได้ปลุก พอดีรีบ แล้วกินอะไรรึยัง’
                อบอุ่นครับ ฟังแล้วรู้สึกอบอุ่นในหัวใจเป็นที่สุด
 
“กินแล้ว สั่งพิซซ่ามากิน”
 
‘มากับใคร’ พี่มันถามต่อ
 
“กับพี่อิฐแล้วก็พี่อาร์ต”
 
‘อืม เลิกงานแล้วพี่จะรีบไปหา’
 
“ฮะ มาเร็ว ๆ นะ”
ผมอ้อน ปลายสายเงียบไปครู่ใหญ่
 
‘กาย’
 
“ครับ”
 
‘อย่าอ้อนพี่อีก’
 
ผมนิ่งไป
 
“ขะ ขอโทษ”
เพราะอ้อนนี่แหละ ถึงได้โดนพี่อาร์ตมันแกล้งเอา
 
“ผมจะไม่ทำอีกแล้ว”
 
‘เพราะถ้านายทำอีก พี่จะรีบทิ้งงาน แล้วไปจับนายปล้ำเดี๋ยวนี้เลย’
 
ผมยืนอึ้ง
 
“หื่น”
แล้วก็ด่าไปได้แค่นั้น พี่มันหัวเราะหึ ๆ

ผมคุยกับพี่เอกต่ออีกนิดหน่อยก่อนกดวางสาย ผมยิ้มนิด ๆ ใส่มือถือ เปิดล็อกเกอร์วางมันไว้ เลือกหยิบชุดทำงานออกมาชุดหนึ่ง(วันนี้ต้องใส่กางเกงของที่ร้าน เพราะผมใส่กางเกงขาสั้นมา) ผมพาดชุดไว้ที่ประตูล็อกเกอร์ ถอดกางเกงขาสั้นที่ใส่อยู่ออก หยิบกางเกงทำงานมาใส่ ถอดเสื้อยืดออก คว้าหยิบเสื้อทำงานมาถือไว้ แต่ยังไม่ได้ทันได้ใส่ ก็ถูกสองแขนของใครบางคนคร่อมไว้จากทางด้านหลัง

ผมหันไปมอง
 
“อ้าว พี่เอก” ผมครางเรียก หันไปหาพี่แกทั้งตัว

“พี่มาตั้งแต่เมื่อไหร่”
พี่เอกอยู่ในชุดพนักงานเสิร์ฟเรียบร้อยแล้วครับ นี่พี่มันเอาชุดไปใส่ตั้งแต่เมื่อไหร่
 
“ก็ไหนว่าติดงาน”
หรือว่าพี่มันมาถึงก่อนนานแล้ว แต่แกล้งบอกว่าติดงาน
 
พี่เอกไม่ตอบอะไรผมสักคำ คร่อมร่างผมไว้กับล็อกเกอร์ ใช้ดวงตานิ่ง ๆ แบบที่พี่แกชอบใช้ประจำมองผม จนเป็นผมเองที่ต้องหลุบเปลือกตาลงต่ำหลบหนี

พี่มันละมือข้างหนึ่งมาเสยคางผมขึ้น ยิ้มเจ้าเล่ห์นิด ๆ ก่อนเคลื่อนหน้าลงมากดจูบเบา ๆ คราวนี้ผมให้พี่แกเป็นคนนำครับ ผมปิดเปลือกตาลงช้า ๆ ตวัดปลายลิ้นโอนอ่อนตอบรับ

แต่รู้สึกรสจูบของพี่เอกแปลก ๆ ยังไงพิกล ผมเริ่มหายใจติดขัด ปรือตาจ้องมองคนตรงหน้าอีกที
 
พี่มันกำลังยิ้มพราวในดวงตา ลักษณะแบบนั้น ถึงจะเหมือน แต่ไม่น่าจะใช่ ไหนจะรสจูบแบบนี้อีก

ไม่ใช่พี่เอกแน่ ๆ!
 
“อื้อ!!!”
พอรู้ตัว ผมรีบครางห้ามทันที พยายามผลักพี่มันออก แต่เพราะตัวผมยืนชิดล็อกเกอร์ไปแล้วเลยผลักลำบาก เสื้อที่ถืออยู่ร่วงตกลงพื้น ผมทั้งผลักทั้งพยายามเบือนหน้าหนี พอ ๆ กับพยายามขยับร่างกายหนีไปด้านข้าง แต่พี่มันใช้แขนหนึ่งรั้งตัวผมไว้ ส่วนอีกข้างก็จับคางผมล็อกไว้ไม่ให้เบือนหน้าหนี

ผมพยายามขัดขืน ท้วงห้ามผ่านลำคอ ก่อนพี่มันจะละมือจากคางลงไปลูบแผ่นหลังผมเบา ๆ ผมสะดุ้งเฮือก เผลอตัวแอ่นอกตอบรับ มือที่ผลัก ๆ อยู่ก็หยุดนิ่งกำเสื้อพี่มันแน่น

พี่มันยิ้มในดวงตา ตวัดปลายลิ้นจาบจ้วงหนักหน่วงขึ้น ก่อนค่อย ๆ ถอนริมฝีปากออก

“หวานดีแฮะ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมพี่เอกถึงได้ชอบ”
 
“พี่อาร์ต…”
ผมเรียกแกเสียงพร่า ไม่มีแรงครับ สงสัยคนพวกนี้จะเป็นพวกชำนาญด้านการจูบโดยเฉพาะ
 
“มาเรียกกันด้วยน้ำเสียงแบบนี้ รับรองพี่ไม่ได้หยุดอยู่แค่จูบแน่ ๆ”
 
“หยุด!”
ผมห้ามเสียงแข็ง ผลักพี่แกออกห่าง เช็ดปากตัวเองลวก ๆ ก้มหยิบเสื้อมาใส่ให้เร็วที่สุด ยิ่งอยู่ยิ่งอันตราย กำลังจะเดินออกจากห้อง แต่พี่มันดึงแขนผมกลับไปอีกรอบ
 
“จูบกับพี่อีกหน่อยสิ”
 
“ไม่ ผมขอโทษที่เข้าใจผิด แต่ผมจะไม่ทำอีกแล้วนอกจากกับพี่เอก”
ผมรีบค้าน บิดข้อมือออก
 
“งั้น ถ้าพี่เอกรู้ว่ากายมาจูบมาอ้อนพี่ก่อน พี่เอกจะว่าไงน้า”
พี่มันพูดเนิบ ๆ
 
ผมตัวชาวูบ
 
จะว่ายังไงล่ะ กูก็โดนฆ่าหมกเตียงไปสามวันสามคืนน่ะสิ
 
ผมมองพี่อาร์ตอึ้ง ๆ เห็นเป็นน้องพี่เอก ไม่น่ามีนิสัยแบบนี้เลย
 
“จูบ” พี่มันบังคับคำเดียว
 
“ไม่”
 
พี่มันยิ้มพราว ล้วงหยิบมือถือขึ้นมากดโทรออก สักพักก็กรอกเสียงลงไป
 
“พี่เอก มีเรื่องจะบอกนิดหน่อย”
 
ผมรีบเอื้อมไปแย่งมือถือ แต่พี่มันยกหนี ได้ยินเสียงพี่เอกด้วย
 
นี่มันโทรจริงนี่หว่า
 
พี่มันลดมือถือลงมาที่หูอีกครั้ง ผมจ้องมองดวงตาแวววาวของคนตรงหน้า ดวงตาแบบนั้น ไม่ได้ล้อเล่นแน่ ๆ
 
“วันนี้ ตอนผมอยู่ในห้องพี่…”
 
ผมรีบเอื้อมคว้ามือถืออีกครั้ง พยายามเกาะเนื้อเกาะตัวปีนป่ายแย่งมือถือให้มากที่สุด แต่พี่มันยังยื้อหนี แล้วใช้มืออีกข้าง รวบจับสองข้อมือผมไว้ ผมมองพี่มันหน้าตื่น พี่อาร์ตลดมือถือลงมาไว้ที่หูอีกรอบ อยากร้องห้าม แต่ถ้าทำแบบนั้น พี่เอกต้องได้ยินแน่ ๆ ผมส่ายหน้าเร็วเพื่อห้ามปราม สายตาก็ช่วยกันอ้อนวอนไม่หยุด
 
“ในห้องพี่ทำไม”
ได้ยินเสียงพี่เอกแว่ว ๆ ออกมา ผมพยายามดึงมือออก หัวส่ายเร็วขึ้น ใช้สายตาอ้อนวอนมากขึ้น
 
“ผมถูกก…”
 
เมื่อหมดทุกหนทาง ผมตัดสินใจ ยืดตัวขึ้นสุดเท้า ใช้ปากตัวเอง ปิดเสียงที่จะเล็ดลอดออกมาทันที พี่มันยิ้มในดวงตา กดปิดมือถือลงเก็บ แล้วใช้มือข้างนั้น มารั้งท้ายทอยผม ดันเบา ๆ ให้แหงนหน้าตอบรับรสจูบที่พี่มันกดลงมาดี ๆ   
 
ต่าง…
 
ต่างกันมาก…
 
รสจูบต่างกันเกินไป…             

To Be Con...
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-12-2015 20:07:25 โดย memew »

ออฟไลน์ Nus@nT@R@

  • Life is Investment
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5591
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +456/-11
อาร์ตนิสัยไม่ดีแกล้งน้อง

ออฟไลน์ memew

  • ขอบคุณที่เข้ามาอ่านจ้าาา
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 456
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +382/-10
    • :: Memew แฟนเพจ :
52
หวาดกลัว
[เอก...]



 
             
ผมนั่งยิ้ม จ้องมองโทรศัพท์ที่ตัวเองเพิ่งกดตัดสายไป ตั้งแต่เหตุการณ์เมื่อวาน กายดูจะออดอ้อนผมมากขึ้น ผมไม่ได้พูดเล่น ถ้าขืนมันอ้อนผมมากไปกว่านี้ ผมจะรีบทิ้งงาน แล้ววิ่งไปหามันทันที
 
“พูดอะไรไม่คิดบ้างเลย” ผมพูดกับมือถือเบา ๆ
 
“ดูท่าคนนี้จะเป็นตัวจริงซะแล้ว”
 
ผมสะดุ้งเงยหน้ามองคนที่กำลังเปิดประตูหน้าห้องออกกว้างและก้าวเข้ามาภายใน
 
“พ่อ” ผมทำท่าอึดอัด

คือ..
ไม่อยากจะยอมรับแต่ก็อยากจะยอมรับ
 
“กาย”
พ่อพูดสั้น ๆ วางแฟ้มงานที่ถือติดมือมาด้วยไว้บนโต๊ะ ผมจ้องมองคนสูงวัยตรงหน้าด้วยความตระหนก

พ่อหัวเราะหึ ๆ
 
“พ่อไม่พูด ไม่ได้หมายความว่าไม่รู้”
 
ผมกรอกตาไปมาราวกับจะหาทางออกให้กับความอึดอัดที่เกิดขึ้น
 
“ผม…”
 
พ่อเดินเข้ามาตบหลังผมเบา ๆ
 
“ทำงานได้แล้ว รีบไม่ใช่รึไง เออเนอะ ว่าที่ประธานบริษัทมีอาชีพเสริมเป็นพนักงานเสิร์ฟในร้านกาแฟ”
พ่อพูดติดตลก หันหลังกำลังจะเดินจากไป
 
“พ่อ!” ผมเรียก
 
พ่อเบรกเท้าตัวเองลงกึก หันมามอง
 
“แล้ว...เอ่อ...เรื่องผมกับกาย…”
ผมไม่รู้จะพูดกับพ่อยังไงดีเหมือนกัน
 
“พ่อไม่เคยบังคับให้แกทำอะไรนะเอก ถ้าพ่อบังคับแกได้ แกคงได้หมั้นกับอ้อยไปนานแล้วล่ะ”
พ่อทิ้งท้ายไว้แค่นั้น หันหลังก้าวเดินจากไป
 
พ่อไม่ได้พูดยอมรับ แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธ

ผมถอนหายใจออกมาเบา ๆ ทิ้งแผ่นหลังไว้กับพนักเก้าอี้ คิดถึงดวงหน้าเคลือบอารมณ์ของไอ้ตัวเล็กมัน
 
“เอ้าไอ้เอก คิดถึงมากก็รีบปั่นงานสิวะ จะได้ไปหาเร็ว ๆ”
ผมบอกตัวเอง คว้าหยิบแฟ้มงานมานั่งอ่านต่อ ต้องทำงานให้เร็วและมีคุณภาพมากที่สุด เพราะผมทำงานได้ดีมาตลอดแบบนี้แหละ พ่อถึงได้ไม่ค่อยจะมาบังคับอะไรเท่าไหร่
 
มีกรอบให้ แต่ไม่เคยจำกัดอิสระให้เดิน
 
ผมรีบปั่นงานให้เร็วที่สุด โดยมีใบหน้าของใครบางคนเป็นตัวช่วย
 
 






 
 
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นเบา ๆ ผมเอื้อมหยิบมากดรับ

“พี่เอก!”
เป็นเสียงของคนที่ผมคิดถึงอยู่ตลอดเวลานั่นเอง
 
“ว่าไง”
ฟังจากน้ำเสียงแล้ว รู้สึกแปลก ๆ แฮะ เหมือนมีเรื่องร้อนใจยังไงบอกไม่ถูก
 
“รีบมาเร็ว ๆ นะฮะ” ผมนั่งนิ่ง “รีบมาเร็ว ๆ นะ”
มันย้ำแค่นั้น แล้วกดตัดสายไป ผมเคยบอกมันแล้วว่าอย่ามาอ้อนผมอีก แต่มันก็ยังทำ ผมรีบวางกระดาษและปากกาทิ้งไว้บนโต๊ะ วิ่งออกนอกห้องตรงไปยังห้องทำงานของพ่อทันที
 
“พ่อ!!”
ผมเรียกอย่างร้อนรน พ่อเงยหน้ามอง
 
“ผมขอทำตัวเกเรสักวันจะได้ไหม หัวใจกำลังเรียกหาผมอยู่”
ผมบอกแค่นั้น

พ่อเลิกคิ้วด้วยความแปลกใจกับภาษาลิเกที่ผมใช้
 
“แล้วผมสัญญาจะกลับมาเคลียร์งานให้เสร็จภายในวันนี้แน่นอน”
ผมให้คำมั่น พ่อพยักหน้า ผมรีบหันกลับไปยังหน้าประตู ยังไม่ทันจะก้าวพ้นขอบประตู เสียงพ่อก็เบรกเอาไว้ก่อน
 
"ถ้าไงก็อย่าลืมพาหัวใจแกไปค้างที่บ้านบ้างนะ แม่แกคิดถึง”
 
ผมมองหน้าพ่ออึ้ง ๆ ก่อนยิ้ม แล้วรีบก้าวเท้าเดินจากมา

ผมขับรถราวกับเหาะ วันนี้วันเสาร์ไม่กลัวตำรวจโบก เพราะสิ่งสำคัญคือใครบางคนที่กำลังรอผมอยู่ 
 
ไม่เคยสักครั้งที่กายจะอ้อนผมแบบนี้ ผมไม่รู้ว่ามันอ้อนผมด้วยความรู้สึกแบบไหน แต่เหมือนมีบางอย่าง ที่ทำให้ไอ้ตัวเล็กของผมรู้สึกไม่สบายใจ และผมก็ต้องไปหา ไปปลอบใจ ไปอยู่เคียงข้างมัน
 
ผมไปถึงร้านในเวลาอันรวดเร็ว ผมก้าวลงจากรถ กวาดตามองหา วันนี้ร้านดูคึกคักไม่ต่างกับวันที่ผมเคยมา ผมเลิกคิ้วด้วยความแปลกใจ ก่อนถึงบางอ้อ เมื่อเห็นไอ้อาร์ตกับไอ้อิฐ เดินเสิร์ฟกาแฟกันอยู่
 
นี่ตกลงร้านนี้มันยังไงกัน เอาคนอื่นมาเป็นพนักงานเสิร์ฟกันเป็นว่าเล่น
 
ผมไม่อยากให้ใครรู้ว่าผมมา ผมแค่ต้องการเจอกายเท่านั้น ผมกดเมสเสจ เพื่อบอกให้มันรู้ว่าผมมาถึงแล้ว และรอมันอยู่ที่ไหน พอกดส่งเสร็จ ผมก็ยืนรอมันอยู่ที่ลานจอดรถนั่นแหละ อยากเห็นมันก่อน เพื่อถามว่าเกิดอะไรขึ้น แล้วค่อยกลับไปทำงานต่อ
 
รอไม่นาน ผมก็เห็นมันเดินออกมา ในสภาพร้อนรน ผิดวิสัยที่ควรจะเป็นสุด ๆ
 
“กาย!!”

ผมตาโต จ้องคนที่เดินเข้ามาคล้องคอผมไว้ แล้วโน้มหน้าผมลงไปกดจูบ
 
“อื้อ!!”
ผมท้วง พยายามขืนหน้าออก แต่มันยังกดหัวผมแน่น(ชักเข้าใจความรู้สึกตอนผมบังคับจูบมันซะแล้ว)อยากถามว่ามันเกิดอะไรขึ้น นี่มันรู้หรือเปล่าว่ากำลังทำอะไรอยู่ มันรีบเปิดประตูรถด้านหลังออก แล้วดันผมให้ลงไปนั่งที่เบาะท้าย ปากก็ยังประกบจูบอยู่ มันจูบไม่เก่ง แต่ก็ยังเพียรจูบผมอยู่อย่างนั้น มันพยายามนั่งคร่อมบนตักผม โอบสองมือไว้ที่ใบหน้า บดเบียดร่างกายเข้าหาผม
 
นี่มันเกิดอะไรขึ้น?
 
ยังดีที่รถผมติดฟิล์มดำ เลยไม่ห่วงว่าใครจะมาเห็น

แต่แอบแปลกใจกับท่าทีของมันครับ
 
ถึงจะแปลกใจ แต่เครื่องผมมันก็ร้อนเร็วกว่าที่คิด จากแรกที่ผมขัดขืน ก็หยุดลง ผมเลื่อนมือขึ้นไปจับใบหน้าด้านข้างของมัน แล้วโหมจูบมันกลับ ซ้ำยังเพิ่มความรุนแรงเข้าไปอีก มืออีกข้างก็อยู่ไม่สุข จับแก้มก้นมันไว้แล้วบีบเบา ๆ

ผมอยากทำอะไรมากไปกว่านี้ แต่ที่นี่คงไม่เหมาะ สักพัก มันก็ถอนริมฝีปากออก
 
“พี่เอก”
มันกอดคอผมแน่น
 
“เกิดอะไรขึ้น”
ผมถาม มันส่ายหน้า
 
“ไม่มีอะไรฮะ แค่คิดถึงพี่เท่านั้นเอง”
แค่คิดถึงผมเนี่ยนะ ถึงได้ทำตัวน่ารักขนาดนี้
 
“อยากทำงานต่อ หรืออยากไปต่อ”
ผมถามเพราะน้องผมมันบวมเป่งไปหมดแล้ว
 
“อยากไปต่อ แต่ต้องทำงานก่อน”
เป็นทางเลือกที่ขัดใจมาก
 
“แต่ของพี่ไม่ไหวแล้วนะ กายทำให้พี่เป็นแบบนี้”
ผมชี้ไปที่น้องชายดูม ๆ ด้านล่าง มันหน้าแดงก่ำ ช้อนตามองผมหน่อย ๆ ก่อนจะก้มลงไปทำอะไรบางอย่างกับน้องผม
 
ตอนนี้มันกำลังใช้ปากกับน้องผมอยู่ครับ ยังไม่ชำนาญ แต่รสชาติสุดยอด ผมนั่งมองภาพตรงหน้าไปเรื่อย ๆ
 
ผมชักอยากให้มันอ้อนผมทุกวันซะแล้วสิ รู้สึกดีพิลึก
 
ใช้เวลาไม่นานผมก็ปลดปล่อย อยากทำให้มันด้วย แต่มันไม่ยอม บอกออกมานานแล้ว เลยหยุดเอาไว้แค่ของผมเพียงคนเดียว





และตอนนี้ผมก็มาอยู่ในชุดทำงานเหมือนพวกน้อง ๆ แล้ว พวกมันแซวกันใหญ่ว่าผมหนีงานมา ผมไม่ได้หนีครับ แค่เลื่อนเวลาทำงานออกไปอีกเท่านั้น
 
ตอนนี้พวกเราเลยกลายเป็นเป้าสายตาสุด ๆ คงเพราะมีสามหนุ่มหน้าพิมพ์เดียวกันไม่ต่างกับสามทโมนที่มีใบหน้าไม่ต่างกันมายืนเสิร์ฟ 
 
พวกไอ้อาร์ตกับไอ้อิฐทดลองมาทำกันเล่น ๆ น่ะ เห็นผมมาทำบ่อย ๆ แล้วไอ้สามทโมนก็ชอบไปโม้ไว้ด้วย
 
ส่วนไอ้ตัวเล็ก มันก็เกาะหนึบอยู่กับไอ้เต้ยครับ มันเลี่ยงที่จะเข้าใกล้พวกผมยังไงพิกล ผมพยายามถามว่าเกิดอะไรขึ้น มันก็ไม่ยอมตอบ
 
แต่ดูท่า มันคงมีเรื่องไม่สบายใจอะไรสักอย่างแน่ ๆ ไม่งั้นมันคงไม่เป็นแบบนี้หรอก
 
ผมเห็นไอ้ตัวเล็กมันมองมาทางพวกผม พอผมยิ้มให้ มันก็หันหน้าหนี ผมขมวดคิ้ว ทำไมมันต้องทำเมินแบบนั้นด้วย
 
ผมเริ่มอารมณ์เสีย แต่ก็ยังตั้งหน้าตั้งตาทำงานต่อไปเรื่อย ๆ
 
พวกสาว ๆ เริ่มชำนาญงานกันแล้ว แต่งตัวได้น่ารักสุด ๆ ผู้จัดการนี่ก็เข้าใจคิดนะ ทำให้ผมอยากเปิดร้านกาแฟสักร้าน เอาไว้ให้เจ้าพวกนี้ได้วิ่งเล่นกันซะแล้ว
 
บอกตามตรง นอกจากคนในครอบครัวและเพื่อนสนิทของผมแล้ว ไม่มีใครแยกพวกผมออกหรอกครับ โดยเฉพาะผมกับอาร์ต เพราะมีบุคลิกที่ค่อนข้างใกล้เคียงกันมาก ทั้งรูปร่างหน้าตา น้ำเสียง ส่วนสูงและทรงผม (พอดีพวกเราตัดผมทรงเดียวกันหมดน่ะ ตัวการบังคับก็พวกทโมนนั่นแหละ ไม่รู้จะทำให้มันเหมือนกันไปทำไม = =) แต่อิฐดูจะเด็กกว่านิดหนึ่ง คงเพราะอายุน้อยสุด แต่ถ้าเจอกันใหม่ ๆ ร้อยทั้งร้อย ก็ไม่มีใครรู้

ขนาดไอ้กิ๊ฟที่ว่าเก่ง ๆ ในเรื่องของการมองคน มันยังใช้เวลาตั้งเดือนกว่า ๆ กว่าจะแยกพวกเราออก
 
“อาร์ต อิฐหรือเอกสักคน ช่วยเอานี่ไปเสิร์ฟโต๊ะสามให้ที”
 
ผมพยักหน้า แต่ไม่ได้เฉลยว่าเป็นใคร ผมเดินเอาไปเสิร์ฟ กำลังจะเดินสวนกับไอ้ตัวเล็ก ผมยิ้ม เอื้อมมือจะลูบหัวให้กำลังใจมัน
 
แต่มันปัดมือผมทิ้ง
 
ผมขมวดคิ้วด้วยความแปลกใจ
 
เมื่อกี้ยังอ้อนกูอยู่ดี ๆ อยู่เลย ไหงมาปัดมือกูทิ้งได้วะ
 
“ขอโทษฮะ ผมตกใจ ขอตัวก่อน”
มันรีบพูดแล้วรีบเดินจากไป
 
อะไรของมันวะ
 
ผมก็ได้แต่งงกับชีวิต แล้วมันก็ไม่ใช่แค่รอบเดียวด้วยนะ เพราะตลอดระยะเวลาที่ผมพยายามเข้าใกล้มัน มันจะรีบเดินหนี หรือพอผมพยายามจะสัมผัสมัน มันก็จะปัดมือผมออกทันที แล้วจ้องหน้าราวกับจะค้นหาอะไรบางอย่าง
 
ยิ่งทำงานมาก ๆ ผมยิ่งหงุดหงิด
 
แม่ม!!
 
เป็นอะไรวะ!!
 
ผมจึงได้แต่เก็บความขุ่นเคืองเอาไว้ในอก แล้วทำงานคล้ายอิฐคล้ายปูนต่อไป
 
เหลือเวลาอีกชั่วโมงเดียว ผมกำลังจะเดินไปหามัน เพื่อบอกมันว่าผมจะพามันกลับไปด้วย พอผมเดินไปใกล้ มันทำหน้าตื่น ถอยหนีราวกับเห็นผมเป็นตัวประหลาด ผมขมวดคิ้วด้วยความขัดใจ
 
“เป็นอะไร!!”
ผมกระชากเสียงถาม โมโหแล้วครับ
 
“พี่เอก”
มันครางเรียก
 
“เป็นบ้าอะไร! พี่พยายามเดินเข้ามาใกล้ แล้วเดินหนีทำไม ปัดมือพี่ทำไม มีอะไรไม่พอใจ!”
โมโหครับ ว่าจะไม่ต่อว่าแล้วนะ
 
มันจ้องหน้าผมใหญ่ ก่อนที่มันจะคว้าแขนผมลากผมไปทางหลังร้าน แล้วกอดผมไว้ ผมได้แต่อึ้งกับอึ้ง
 
นี่มันเกิดอะไรขึ้นวะ
 
อยู่ ๆ ก็กอด อยู่ ๆ ก็ผลัก จะเล่นอะไรกัน
 
“กาย” ผมดึงตัวมันออก “บอกพี่มา เกิดอะไรขึ้น เป็นอะไรของนาย”
 
มันส่ายหัวไปมา แล้วกอดผมไว้อีกรอบ
 
ผมไม่รู้ครับว่าเกิดอะไรขึ้น รู้แต่ว่ามันกำลังกลัวอะไรสักอย่างอยู่ และสิ่งที่มันกลัว ต้องเกี่ยวข้องกับผมแน่ ๆ
 
ผมก็ได้แต่กอดมันไว้
 
“พี่อยู่ตรงนี้นะกาย พี่ยอมทิ้งงานเพื่อมาหากาย ทำไมกายไม่บอกพี่ว่าเกิดอะไรขึ้น”
 
มันเงยหน้าขึ้นมาเบะ
 
โอ้เว้ย ยิ่งคบกันยิ่งทำตัวน่ารักขึ้นทุกวันเลยวุ้ย
 
“อยากเลิกงานเร็ว ๆ อยากกลับบ้าน”
มันบอกแค่นั้น
 
“เลิกก่อนก็ได้นี่”
 
มันทำท่าจะเห็นด้วย แต่ชะงัก
 
“ไม่ได้หรอก วันนี้ทำงานวันสุดท้ายแล้ว ผมอยากทำให้ดีที่สุด แล้วอีกอย่าง ต้องอยู่เป็นเพื่อนไอ้เต้ยมันด้วย”
 
ผมพยักหน้าเข้าใจ แล้วเราก็พากันเดินออกไปหน้าร้านเหมือนเดิม
 
ผมเริ่มทำงานใหม่อีกครั้ง แต่ไม่เข้าใกล้มันอีก เพื่อให้มันได้ทำงานได้อย่างสบายใจมากขึ้น แล้วค่อยไปหาคำตอบเอาทีหลัง ว่าเกิดอะไรขึ้น
 
ไอ้เต้ยทำงานในสภาพเหงาหงอยเป็นที่สุด ส่วนไอ้เป้ไม่ต้องพูดถึง เหมือนพาร่างไร้วิญญาณมาทำงานด้วย ผมจึงได้แต่ปลอบใจมันเป็นบางครั้งเท่านั้น
 



 
             
และแล้ว ช่วงเวลาสุดท้ายของการทำงานก็มาถึง ไอ้ตัวเล็กตัดสินใจบอกผู้จัดการว่ามันกับไอ้เต้ยจะไม่มาทำงานอีกแล้ว ผู้จัดการบอกเสียดายพวกมันกันใหญ่ แล้วบอกว่า ถ้าอยากมาทำอีกเมื่อไหร่ก็มาได้เสมอ
 
พวกสาว ๆ ทำงานกันด้วยความสนุกสนาน ไม่ต่างกับพวกไอ้อาร์ตและไอ้อิฐ ส่วนผมก็โอเค ถ้าไม่ติดเรื่องของไอ้ตัวเล็กมันน่ะนะ
 
พวกเราปิดร้านกันตอนสามทุ่ม ผู้จัดการร้านโทรสั่งหมูกระทะเจ้าเดิมมาเลี้ยงอำลา 
 
เปรมครับงานนี้

พวกเราก็กินกันไปเฮฮากันไป ผมสังเกตว่าไอ้ตัวเล็กจะเงียบมากผิดปกติ แต่ผมคาดเดาเอาว่าน่าจะเป็นเพราะทำงานวันสุดท้ายแล้ว กายทำงานเกือบทุกวัน ความผูกพันย่อมมีมากกว่าพวกผมที่นาน ๆ มาทำทีอยู่แล้ว ขนาดผมยังชอบเลย แล้วมันล่ะ จะขนาดไหน
 
กว่าจะกินกันอิ่มก็ปาเข้าไปเกือบห้าทุ่ม ไอ้เต้ยขอไปนอนกับพี่มันเป็นครั้งสุดท้าย ในขณะที่ไอ้อาร์ตกับไอ้อิฐก็พากันแบกพวกทโมนที่ตาปรือจะปิดไม่ปิดแหล่ไปขึ้นรถ แล้วขับกลับบ้าน ส่วนผม ก็พาเจ้าตัวเล็กกลับด้วยเหมือนกัน
 
“พี่ต้องกลับไปทำงานก่อนนะ สัญญากับป๋าว่าจะเคลียร์งานให้เสร็จภายในวันนี้” ผมบอก

มันพยักหน้า เดินตามหงอย ๆ 




“บอกพี่ได้รึยังว่าเกิดอะไรขึ้น”
ผมถามขณะขับรถวนเข้าไปจอดภายในตัวตึก พนักงานส่วนใหญ่กลับกันหมดแล้ว ยกเว้นพวกทำโอทีและยาม
 
มันไม่ยอมตอบคำถามผมแม้แต่คำเดียว นั่งเงียบจนผมเป็นห่วง ผมพามันก้าวลงจากรถ เดินไปหยุดอยู่หน้าลิฟท์ มันเดินตามมาเงียบ ๆ ก้มหน้ามองเพียงพื้นกระเบื้องที่ปลายเท้า ผมหันไปหามัน เสยจับคางมันเงยหน้ามอง
 
“ทำไมต้องทำท่ากลัวพี่ด้วย”
ผมถามมันอีกที
 
“เปล่า ผมไม่ได้กลัวพี่”
 
“กาย”
ผมเรียกมันเสียงเหนื่อย ก่อนยืนตะลึง เมื่อมันกอดหมับที่ลำตัวผมเหมือนครั้งที่มันทำในร้านกาแฟ
 
ประตูลิฟต์เปิดออกพอดี
 
“กาย”
ผมเรียกให้มันรู้ตัว แต่มันยังกอดผมอยู่ กอดเฉย ๆ กอดนิ่ง ๆ อยู่อย่างนั้น ประตูลิฟต์ทำท่าจะปิดตัวลง ผมรีบกดปุ่มเปิดค้างเอาไว้
 
“กาย”
ผมเรียกสติมันอีกที แต่มันยังไม่ยอมตอบรับอะไรกลับมา ผมเลยตัดสินใจ โอบลำตัวมันไว้และลากมันเข้าไปด้วย
 
ประตูลิฟต์ปิดตัวลง ผมจิ้มกดปุ่มไปยังชั้นบนสุด มันยังกอดผมอยู่ ผมมองตัวเลขที่กำลังเคลื่อนที่สูงขึ้นเรื่อย ๆ กระทั่งมันหยุดนิ่งและเปิดออก ผมก้มมองคนในอ้อมแขนอีกที
 
ดูท่ามันจะไม่ยอมพูดอะไรจริง ๆ แฮะ
 
ผมต้องนั่งทำงาน โดยมีมันนั่งอยู่บนตัก ถ้าเป็นคนอื่น ผมคงรำคาญและสลัดทิ้งไปแล้ว แต่อ้อมกอดที่มันกอดผมไว้ เหมือนมันกลัวว่าผมจะหายไป
 
กอดแน่น กอดเฉย ๆ กอดไม่ปล่อย

ผมตั้งหน้าตั้งตาทำงานไป มืออีกข้าง ก็ลูบแผ่นหลังมันไป งานเยอะครับ ส่วนนี้เป็นส่วนที่ผมต้องรับผิดชอบโดยตรงด้วย
 
ผมรู้ว่าพ่อทำงานหนัก แต่พ่อก็ทำได้ดี ผมอยากเป็นแบบพ่อ ถึงได้ขยันและทำให้ดีที่สุด โชคดีที่ผมมีน้อง ๆ คอยช่วยเหลือด้วย
 
ผมเหลือบมองนาฬิกา ตีสองแล้ว ผมนั่งหาว ทั้งง่วงทั้งปวดตา คนอื่นเขาหลับกันไปหมดแล้ว แต่ผมยังต้องมานั่งหาวหวอดเพื่อทำงานในออฟฟิศที่สว่างโร่เพียงห้องผมคนเดียว
 
ผมปักปากกาเข้าฐาน หักคอไปทางด้านซ้ายเบา ๆ เพราะด้านขวามีกายซบอยู่ เจ้าตัวหลับคาไหล่ผมไปแล้ว ผมก็ทำงานเพลิน เลยไม่ได้อุ้มมันไปวางไว้บนโซฟา
 
ผมลุกออกจากเก้าอี้ อุ้มไอ้ตัวเล็กไปวางไว้บนโซฟา แล้วตัวเองก็เดินไปล้างหน้าล้างตาแก้ง่วง
 
ผมเดินกลับมาหามันอีกครั้ง ลูบหัวมันเบา ๆ แอบแปลกใจนิดหน่อย ที่มันใส่เสื้อของทางร้านกลับมา แถมยังติดกระดุมซะติดลำคอขนาดนั้น กลัวมันอึดอัดครับ เลยช่วยปลดออกให้
 
ผมขมวดคิ้วจ้องมองรอยคิสมาร์คไม่คุ้นเคยตรงคอมัน พยายามนึกให้ออกว่าตัวเองไปทำทิ้งไว้ตอนไหน
 
แต่จำไม่ได้ครับ
 
“โทษทีนะ ครั้งหน้าพี่จะพยายามไม่ทิ้งไว้ละกัน”
ผมลูบหัวมันเบา ๆ ก่อนก้มลงไปกดจูบ
 
วันนี้มันทำให้ผมสับสนหลายอย่างมาก ผมแค่อยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับมันกันแน่

แม้แต่กับคนหลับ ผมก็ยังมีอารมณ์ แรงโหมของปลายลิ้นเริ่มเพิ่มทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ จนร่างกายพากันร้อนระอุ เจ้าตัวเล็กที่นอนอยู่เริ่มเครือครางประท้วง เปลือกตาที่ปิดสนิท ค่อย ๆ ปรือเปิดขึ้นมามองช้า ๆ ก่อนจะเบิกกว้าง เขยิบตัวผลักอกผมออกแรงด้วยท่าทีตระหนก
 
“กาย นี่พี่เอง” ผมรีบบอก
 
คนที่ทำหน้าตื่นเมื่อกี้กลับมาสงบอีกครั้ง
 
“พี่เอก”
มันครางเรียกเสียงแผ่ว ค่อย ๆ โน้มตัวมากอดคอผมไว้ ผมกอดตอบ ลูบหลังมันเบา ๆ
 
ตอนนี้ผมแน่ใจแล้ว ว่าปัญหาที่กายเจอ ต้องเกี่ยวกับผมหรือมีผมเป็นต้นเหตุแน่ ๆ
 
ผมพาเจ้าตัวเล็กกลับไปที่รถ พอขึ้นรถได้ปุ๊บมันก็หลับทันที ท่าทางเหมือนคนเหน็ดเหนื่อยมายาวนาน ผมขับรถพามันกลับคอนโด ก่อนโฉบอุ้มมันไว้ในอ้อมแขน พามันเดินขึ้นห้อง
 
ผมไม่รู้ว่าจะทำยังไง ถึงจะทำให้มันพูดสิ่งที่ทำให้มันหวาดกลัวออกมาได้ แต่ผมต้องทำอะไรสักอย่าง ไม่งั้นคนที่จะแย่คงเป็นผมเอง 





To Be Con....
กระซิบ เรื่องนี้มี 100 ตอนจบค่ะ ^^ :hao3:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-12-2015 20:11:38 โดย memew »

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8896
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ veeveevivien

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-0
ตามมาอ่าน อีกรอบบบบบ

คราวนี้อ่านไม่สะดุดเลย NC พร้อม

เค้าชอบบบบบ

 :กอด1: :กอด1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ขนมสัมปันนี

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 594
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
สนุกๆ รอต่อไปครับ

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8217
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ Seilong2

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 370
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-2
เพิ่งเข้ามาอ่านค่ะ
ชอบอ่ะ เรื่องน่ารัก อบอุ่นกับบรรยากาศ

แต่อยากให้พี่เอกยืนยันสถานะกับคนรอบข้างหน่อย การกระทำอาจจะแสดงว่ารัก แต่บอกรักน้องบ้างก็ได้น๊าา ยืนยันไปเลยว่าคบกัน ให้ความมั่นใจกับน้องหน่อย สู้ๆ  :z13:
#. เหมือนกายมีฮาเร็มเป็นของตัวเอง

พี่เอกปกป้องน้องกายด้วย แล้วก็เชื่อใจน้องมากๆด้วย

บอกเลยกลัวดราม่ามากค่ะ งื้อออ

คนแต่งสุดยอด

ออฟไลน์ panitanun

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 482
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
อาร์ตอย่าทำเเบบนี้สิ :ling1: :ling1:

ออฟไลน์ DE SaiKuNee

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3557
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +180/-9

ออฟไลน์ Ginny Jinny

  • ความเป็นจริงมันวุ่นวาย ก็ขอให้ใจมันสบายๆในความฝัน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2115
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4
กายสู้ๆนะ  :กอด1: :กอด1:

ออฟไลน์ SOMCHAREE

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 969
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +32/-2
อ่านรวดเดียวจบเลย สนุกมากค่ะ^^//แต่ภาวนาขอให้อาตร์ไม่ได้ทำอะไรน้องกายนะค่ะ สงสารน้อง

ออฟไลน์ shoi_toei

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4365
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +222/-26
จำได้คับคล้ายคับคลาเหมือนเคยอ่านบนเด็กดี

แต่เพราะความเยอะของกฎที่ขยันแบน เลยเลิกอ่านเด็กดีไปพักใหญ่

เพิ่งเห็นว่าเอาลงที่นี่ด้วย งั้นตามอ่านที่นี่ล่ะกันเนอะ ^^


ออฟไลน์ yo_what_sab

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 1
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
 :serius2: มาต่อเร็วๆนะ

ออฟไลน์ memew

  • ขอบคุณที่เข้ามาอ่านจ้าาา
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 456
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +382/-10
    • :: Memew แฟนเพจ :
53 บอกรัก  [กาย..♥]



ราวกับล่องลอยอยู่กลางอากาศ นี่ผมมีปีกบินได้เหมือนนกหรือผมกำลังเหาะอยู่กันแน่
 
ไม่สิ..
 
หรือผมตายไปแล้ว แล้วกลายร่างเป็นวิญญาณ
 
ผมไม่รู้…
 
แต่ผมกำลังล่องลอย และแผ่นหลังผมก็แตะลงบนผืนที่นอนนุ่ม ๆ ได้กลิ่นน้ำยาปรับผ้านุ่มอันคุ้นเคยด้วย ผมพลิกตัวคว้ากอดผ้าห่มผืนโต แสงสว่างจากอะไรบางอย่างปลุกผมให้ค่อย ๆ ลืมตามอง
 
ภาพแรกไม่ชัดเจนเท่าไหร่ แต่สิ่งที่ผมเห็น คือแสงสว่างระดับกลางจากโคมไฟตรงหัวเตียง หลังฉากเป็นใครบางคน ยืนหันหลังอยู่หน้าตู้เสื้อผ้าใบใหญ่
 
พี่แกยืนด้วยสองขามั่นคง ก้มหน้าปลดกระดุมเสื้อ ก่อนถอดออก โยนมันใส่ตะกร้าข้างตู้อย่างแม่นยำ
 
ผมจ้องมองแผ่นหลังที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามแน่น ๆ นั้น ไล่ไปที่สองหัวไหล่กว้าง ต้นแขนใหญ่ ลงมาที่เอวสอบกลืนหายไปกับขอบกางเกงสีเข้ม พี่แกปลดเข็มขัด ถอดกางเกงรวมถึงชั้นในออกในคราวเดียวกัน
 
ผมนอนหน้าร้อนผ่าว จ้องมองคนยืนโป๊ตรงหน้า
 
พี่แกคงคิดว่าผมหลับอยู่ ถึงได้มายืนโป๊ต่อหน้าแบบนี้ได้(ซึ่งปกติก็ทำเป็นประจำอยู่แล้ว) ผมได้แต่นอนมองสัดส่วนของหุ่นพี่แก เพิ่งเคยเห็นด้านหลังชัด ๆ ก็วันนี้แหละ
 
ผมจ้องมองแผ่นหลังกว้างนั้น ก่อนคิดเปรียบเทียบกับร่างกายของใครบางคน คนที่หันมายิ้มให้ผมด้วยแววตาหยาดเยิ้ม บางทีก็นิ่งเรียบแต่แพรวพราว ราวกับต้องการปั่นประสาทผมเล่น
 
ความหวาดกลัวครอบงำจิตใจผมอีกครั้ง
 
เขายิ้มให้ผม จนผมสับสนไม่รู้ว่าใครกันแน่คือพี่เอกตัวจริง พี่อาร์ตจับแขนผมไว้ ผมยิ้มเพราะคิดว่าเป็นพี่เอก ก่อนพี่แกจะแสยะยิ้ม เลียริมฝีปากตัวเองเบา ๆ เพื่อทำให้ผมรู้ว่านั่นไม่ใช่พี่เอก
 
ผมยังแยกพวกเขาไม่ได้ ไม่ว่าจะเสียง หน้าตา หรือกิริยาท่าทาง ทั้ง ๆ ที่ผมคิดว่าผมน่าจะรู้จักพี่เอกดีที่สุด แต่ผมกลับแยกพวกพี่มันไม่ได้
 
สิ่งเดียวที่ทำให้ผมแยกพวกเขาออก คืออ้อมกอดและรสจูบเท่านั้น
 
จูบที่แตกต่าง อ้อมกอดที่แตกต่าง
 
พี่อาร์ตลากผมไปจูบหลายครั้ง จนผมหวาดผวาที่จะเข้าใกล้พี่มัน
 
ผมหวาดกลัว หวาดหวั่นไม่มั่นใจว่าคนที่อยู่ตรงหน้าคือพี่เอกหรือพี่อาร์ตกันแน่ ผมกลัวจนเหมือนตัวเองจะเป็นโรคประสาท
 
ผมแค่อยากรู้ว่าอะไรคือสิ่งที่ทำให้ผม สามารถแยกคนสามคนออกจากกันได้ ผมพอแยกพี่อิฐออกได้บ้าง เพราะพี่แกมีสายตาที่นุ่มนวล แต่กับพี่อาร์ตและพี่เอก ผมยังทำไม่ได้
 
ปกติพี่เอกจะเย็นชาและดุกร้าวไม่ต่างกับพี่อาร์ตตอนนี้ ผมไม่แน่ใจว่านิสัยมันเหมือนกัน หรือพี่อาร์ตจงใจทำให้เหมือนพี่เอกกันแน่
 
 ผมเลื่อนมือไปกุมรอยคิสมาร์คที่คอ ร่องรอยที่พี่อาร์ตทำไว้ ผมไม่รู้ว่าพี่เอกจะเห็นไหม แล้วถ้าเห็นพี่มันจะคิดยังไง
 
ตอนนี้ผมกลัว กลัวไปหมด
 
“ถ้านายบอกความจริงพี่เอก พี่จะเอาไอ้นี่ไปปล่อยให้ทั่วเน็ตเลย”
พี่มันโชว์ภาพใบหน้าของผมตอนจูบกับพี่มัน มันไม่ใช่ผลดีทั้งกับตัวผมและพี่เอก โดยเฉพาะพี่เอก ถ้าพี่มันรู้ว่าผมไม่ได้จูบกับพี่มัน พี่แกจะรู้สึกยังไง แล้วถ้าภาพพี่เอกหลุดไปจะเสียหายแค่ไหน ภาพนายแบบน่ะไม่เท่าไหร่ แต่ภาพพวกนี้คงไม่ดีแน่ ๆ
 
ตอนนี้ผมกำลังหวาดกลัว กลัวสุด ๆ จนร่างกายพากันสั่นไหว
 
พี่เอกพันผ้าเช็ดตัวไว้ที่เอวหลวม ๆ หันมามอง
 
“ตื่นแล้วเหรอ”
พี่มันถาม
 
ผมไม่ตอบ เพียงแค่จ้องหน้าพี่แกนิ่ง ๆ กำลังมองหาข้อแตกต่างระหว่างพี่เอกกับพี่อาร์ตอยู่
 
“มาจ้องกันแบบนี้ อยากให้พี่กอดรึไง”
 
ผมหน้าร้อนขึ้นมาอีกรอบ หลุบเปลือกตาหลบหนี แต่ถ้ามัวแต่อาย ผมก็จะแยกพี่อาร์ตกับพี่เอกไม่ออก ผมไม่อยากปฏิเสธพี่มันอีกแล้ว
 
ผมรู้ว่าวันนี้พี่เอกเข้ามาหาผมหลายรอบ แต่ก็ถูกผมปฏิเสธ ผมเองก็รู้สึกไม่ดี พี่เอกเองอาจจะรู้สึกไม่ดียิ่งยิ่งกว่า ผมเขยิบตัวลุกออกจากเตียง เดินไปหาพี่แก
 
“ผมอาบด้วยคนได้ไหม”
 
ดวงตาคมฉายแววแปลกใจ ก่อนกลับมานิ่งเรียบแบบผู้ใหญ่มองเด็ก
 
“บอกพี่ได้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้น”
 
ผมส่ายหน้าปฏิเสธ “แค่อยากอาบด้วย”
 
“กาย” พี่มันเรียกนิ่ง ๆ “พี่ไม่ได้โง่นะ”
 
ผมเม้มปากแน่นหลุบเปลือกตาลงต่ำ พี่มันเดินเข้ามาชิด เสยคางผมขึ้นสบตา
 
“บอกพี่มาว่าเกิดอะไรขึ้น”
 
“พี่เอก”
ผมหลุบเปลือกตาหลบหนี อยากพูด อยากบอก แต่ถ้าพี่เอกรู้ พี่เอกก็จะแย่ ผมก็จะแย่ แล้วเราทั้งคู่ก็จะพากันแย่ไปตาม ๆ กัน
 
“ผมอยากอาบน้ำกับพี่”
ผมเสไปเรื่องอื่น
 
พี่มันถอนหายใจเบา ๆ
 
“ไม่บอกพี่ก็ไม่เป็นไร แต่อย่าให้พี่รู้คำตอบเอง เพราะบทลงโทษของคนโกหกมันหนักหนาพอควร”
พี่แกขู่
 
ผมปวดแปลบในหัวใจ ทั้งหวั่นไหวและหวาดกลัวยิ่งกว่าเดิม
 
ทำยังไงดี
 
แล้วผมจะทำยังไงดี
 
พี่เอกลากผมเข้าห้องน้ำ ผมเลิกคิ้วแปลกใจนิดหน่อยที่เห็นอ่างอาบน้ำใหม่เอี่ยมตั้งอยู่ภายใน นี่พี่มันเอามาลงตั้งแต่เมื่อไหร่ ตอนเที่ยงก่อนออกไปยังไม่เห็นเลย 
 
“พี่สั่งให้เขาเอามาส่งตอนเย็นน่ะ ป้าแม่บ้านเป็นคนดูแล พี่จะได้อาบน้ำกับกายได้บ่อย ๆ”
พูดซะผมอายเลย พี่มันหน้าด้านได้ใจ ผมจึงได้แต่ก้มหน้าถอดเสื้อผ้าออกจากตัว พอพี่มันเตรียมน้ำเสร็จ ก็ก้าวลงไปในอ่างก่อน ผมก้าวตามทีหลัง ผมเลือกที่จะนั่งหันหน้าเข้าหาพี่เอก จ้องหน้าพี่แกไปแทบจะทุกรูขุมขน
 
ทั้ง ๆ ที่ภาพถ่ายผมยังแยกออก แล้วทำไมใบหน้าของคนสองคนที่ไม่ใช่ฝาแฝดกัน ผมถึงยังแยกไม่ได้
 
ผมจ้องมองโครงหน้าคมคายตั้งแต่หน้าผากโค้งได้รูป เรียวคิ้วเข้ม จมูกโด่ง ผ่านร่องจมูกลงมาที่ริมฝีปาก ฟันเรียงกันสวยงาม ทุกอย่างรังสรรค์ให้ผู้ชายคนนี้เพอร์เฟกต์สุด ๆ แล้วแกก็เป็นหนุ่มสมัยใหม่ที่ดูแลตัวเองเป็นด้วย
 
เชื่อไหม เครื่องประทินผิวของพี่เอกมีเยอะกว่าแม่ผมอีก
 
แต่พี่เอกไม่ได้เป็นแต๋วนะฮะ
 
พวกทโมนเขาขนมาให้น่ะ แล้วบังคับให้ใช้ด้วย เห็นบอกว่าผู้ชายสมัยนี้ต้องดูแลตัวเองเข้าไว้ ผมยังโดนแม่บังคับให้ใช้เลย ที่ห้องผมจึงมีพวกครีมบำรุงผิวสำหรับผู้ชายเยอะแยะเต็มไปหมด แต่ผมกับพี่เอกจะมีนิสัยเหมือน ๆ กันคือ หยิบมาทาแบบโป๊ะ ๆ จบ ไม่ได้นั่งพิถีพิถันเหมือนที่ผู้หญิงทั่วไปเขาทำกันหรอก(เสียเวลานอนครับ)
 
“มองมาก พี่สึกนะ”
พี่มันแซว
 
ผมก้มหน้าลงต่ำไปมองแผงอกพี่แกแทน ขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อมีบางอย่างหายไป
 
“พี่เอก” ผมเรียก
 
พี่แกครางรับเบา ๆ
 
“สร้อยคอหายไปไหน”
 
พี่มันเลิกคิ้วสูง ก่อนคลี่ยิ้ม ผมเพิ่งสังเกต ว่าพี่แกไม่ได้ใส่มาหลายวันแล้ว มิน่าล่ะ วันที่เจอพวกพี่อาร์ตครั้งแรกผมถึงแยกไม่ได้
 
“หึ เพิ่งสังเกตรึไง”
 
ผมหน้าชา “ขอโทษฮะ”
 
สงสัยพี่มันไม่อยากใส่แล้ว ผมไม่ได้ถามอะไรต่อ แอบเสียใจครับ ผมอุตส่าห์ตั้งใจให้ แต่จะบังคับก็ไม่ได้
 
“ไม่ถามต่อรึไงว่ามันไปไหน”
 
ผมส่ายหน้า เพราะไม่อยากได้ยินคำตอบ
 
แอบกลัวครับ
 
พี่มันดึงตัวผมไปนอนบนตัว ริมฝีปากของเราเกือบชิดติดกัน ความร้อนวิ่งผ่านใบหน้าอีกรอบ พยายามทำเป็นไม่ใส่ใจอะไรบางอย่างที่กระดิกดิ๊ก ๆ ด้านล่าง
 
พี่มันยิ้มเจ้าเล่ห์
 
“พี่ส่งมันกลับเชียงใหม่”
 
ผมขมวดคิ้วด้วยความสงสัย มันไม่ดีขนาดนั้นเลยเหรอ ผมหน้าเสีย พี่มันยิ้ม
 
“เพื่อให้เขาใส่ตัวอักษรบางอย่างลงบนจี้นั้น พี่รู้ว่าจี้นั้นเป็นสัญลักษณ์แทนตัวพี่ แต่พี่ก็อยากให้เขาจารึกอะไรสักอย่างจากคนที่ให้พี่ด้วย”
 
ผมกะพริบตาปริบ ๆ มองพี่แก ก่อนเลื่อนจับจี้ที่คอตัวเอง
 
เพิ่งรู้ ว่าพี่มันก็ทำอะไรแบบนี้เป็นด้วย
 
“19 &15 เป็นสิ่งที่บ่งบอกว่าพี่ให้กาย แล้วพี่ก็เอาพระอาทิตย์ไปให้เขาสลักตัวอักษรเพิ่ม 15 For 19”
 
ผมหลุบเปลือกตาลงต่ำ
 
ไม่น่าเชื่อว่าพี่มันจะเน่าได้ขนาดนี้
 
“ใช้เวลาประมาณสองอาทิตย์ถึงจะทำเสร็จ” พี่มันบอกต่อ
 
“พี่เอก…” ผมเรียก พี่มันมองตาผมแทนคำตอบรับ
 
“ถ้าได้แล้ว ให้ใส่ตลอดนะ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น อย่าถอดออกเด็ดขาด”
 
พี่มันจ้องตาผมเพื่อหาความนัยแฝง
 
“ได้ พี่สัญญา”
 
“ขอบคุณครับ”

 
ผมโอบรอบลำคอพี่แก โน้มตัวไปกดจูบเบา ๆ
 
ผมอาย แต่วันนี้ ผมอยากครอบครองพี่เอกไว้ อยากให้ร่างกายนี้เป็นของพี่เอกเพียงคนเดียว ผมถูกคนอื่นสัมผัสมา และทุกครั้งที่เขาสัมผัส ผมจะไปหาพี่เอก เพื่อให้พี่เอก ช่วยล้างสัมผัสนั้นออก
 
พี่อาร์ตลากผมไปจูบที่ห้องแต่งตัว ผมรีบโทรหาพี่เอก ผมรู้ว่าพี่เอกคงมาไม่ได้ แต่พี่เอกก็มา ในเวลาไม่นาน ผมไม่กลัวที่จะเป็นฝ่ายเริ่มก่อน เพราะในเวลาที่ผมต้องการ พี่เอกจะมาอยู่เคียงข้างเสมอ ทั้งที่งานแกยุ่ง แต่แกก็ยังวิ่งหน้าตั้งมาหาผม
 
พี่อาร์ตลากผมไปจูบอีกครั้งที่ห้องเก็บของ จนผมต้องลากพี่เอกมาจูบเพื่อลบคราบของคนคนนั้นออกไป
 
ผมรู้ว่ามันไม่ยุติธรรมกับพี่เอก แต่ผมบอกแกไม่ได้ ผมไม่อยากได้สัมผัสจากใครทั้งนั้น เพราะร่างกายของผม เป็นของพี่เอก

พี่เอกเพียงคนเดียวเท่านั้น
 
ผมบดจูบพี่เอกรุนแรงมากขึ้น จูบที่พี่อาร์ตได้ไป มันสมควรเป็นของพี่เอก ไม่ใช่พี่อาร์ต
 
ผมถอนริมฝีปากมามองใบหน้าที่กำลังเคลิบเคลิ้ม แล้วผมก็ก้มลงไปจูบอีกที ก่อนกระซิบคำบางคำกับพี่แก
 
ผมไม่สนแล้ว ว่าคำคำนี้แกอยากได้ยินไหม แล้วพี่เอกจะพูดกับผมไหม ผมแค่อยากบอกพี่มันเท่านั้น
 
“ผมรักพี่นะฮะ พี่เอก”
 
ผม กดจูบอีกครั้ง ไม่สนว่าแกจะดีใจ เสียใจ อยากได้หรือไม่อยากได้ ผมแค่อยากบอก พี่เอกทำท่าจะถอนจูบออกมาพูดอะไรสักอย่าง แต่ผมกดปากพี่มันแน่น
 
อย่าเพิ่งมาพูดอะไรตอนนี้เลย ผมแค่อยากครอบครองพี่ไว้เท่านั้น ขอเวลาให้ผมก่อน

สักพักพี่แกก็เลิกขัดขืน รวบจับเอวผมไว้ เป็นฝ่ายนำบ้าง ไม่ได้จาบจ้วงเร่าร้อนอย่างที่เคยเป็นมา แต่มันดูนุ่มนวลดุจปุยนุ่น และอบอุ่นราวกับพระอาทิตย์ยามเช้า 
 
พี่เอกยังคงเป็นพระอาทิตย์สำหรับผมเสมอ ไม่ว่าจะตอนนี้หรือตอนไหน
 
หัวใจผมอุ่นขึ้นเรื่อย ๆ พอ ๆ กับร่างกายที่เริ่มร้อนระอุขึ้นเรื่อย ๆ ผมหอบหายใจแรง ดวงตาเริ่มพร่ามัว ลำคอเริ่มแห้งผาก ราวกับมีลูกไฟมากมายวิ่งผ่านอยู่ภายใน และมันกำลังแผดเผาร่างกายผมให้หลอมละลาย
 
พี่เอกพาผมออกจากอ่าง ไปยืนภายใต้สายน้ำทั้งที่ปากของเรายังเชื่อมติดกันอยู่
 
ความเย็นของสายน้ำไม่อาจดับความร้อนที่พวกเรามีให้แก่กันได้ เราปล่อยให้น้ำได้ทำหน้าที่ของตัวเองไป ในขณะที่ปากของเราสองคน ยังนัวเนียกันอยู่
 
พี่เอกปิดน้ำ ดันตัวผมออกไปเรื่อย ๆ จนร่างผมถูกโถมทิ้งไว้บนที่นอน หยดน้ำมากมายจากเนื้อตัวของเราสองคนพาเอาที่นอนเปียกไปหมด แต่ตอนนี้ไม่มีอะไรมาหยุดยั้งพวกเราได้แล้ว
 
พี่เอกถอนริมฝีปากออก ภาพตรงหน้าพร่ามัวไปหมด ผมจำอะไรไม่ได้อีกแล้ว นอกจากสัมผัสนุ่มนวลผสมเร่าร้อนจากพี่เอก และเสียงครางของตัวเองที่เอ่ยเรียกเป็นชื่อพี่มันไม่หยุด









ผมสะลึมสะลือตื่นอีกทีตอนตะวันสายโด่ง หันไปมองนาฬิกา
 
อ้าว…เจ็ดโมงเอง ไหงตะวันขึ้นสว่างโร่ขนาดนั้นวะ

ผมหันกลับมามองคนที่นอนกอดผมอยู่ ความอายวิ่งวนไปทั่ว ยิ่งนึกถึงสิ่งที่ตัวเองพูดไปเมื่อคืนยิ่งอับอาย แต่นั่นก็เป็นความรู้สึกของผมจริง ๆ
 
ผมกวาดมองไปทั่วใบหน้าที่กำลังนิ่งสงบนั้น ตอนนี้ไม่มีสร้อยคอ ผมไม่รู้ว่าทำยังไง ถึงจะแยกพี่อาร์ตกับพี่เอกออกจากกันได้

ดวงตาผมหยุดนิ่งไว้ยังริมฝีปากได้รูป จ้องมองมันนิด ๆ ก่อนคลี่ยิ้มเมื่อนึกอะไรบางอย่างออก
 
เสี่ยงหลายอย่างครับที่ทำแบบนี้
 
แต่ผมจำเป็น
 
ผมค่อย ๆ กระดืบร่างให้เบาที่สุด เขยิบออกมาจากอ้อมแขนแกร่ง จับพี่มันพลิกหงาย แล้วขึ้นคร่อมคนหลับไว้ ก้มงับต้นคอพี่มันเบา ๆ พี่เอกคงเหนื่อยจัด ๆ ถึงได้ไม่รู้สึกตัวแบบนี้
 
แต่ดีแล้วล่ะ
 
ขืนพี่มันรู้คงไม่หยุดอยู่แค่นี้แน่ ๆ
 
ผมแค่อยากทำเครื่องหมายอะไรบ้าง เพื่อให้ตัวเองแยกพี่เอกออก แค่นั้นเอง
 





             
 
 
เป็นครั้งแรกที่ผมลุกก่อนพี่เอก ผมรีบเดินเข้าห้องน้ำไปอาบน้ำอาบท่า แล้วเดินเข้าห้องครัวไปทำอะไรไว้ให้พี่แกทาน วันนี้วันอาทิตย์วันพักผ่อน เพราะอย่างนี้ด้วยแหละมั้ง พี่แกถึงได้หลับลึกขนาดนั้น
 
เพราะถ้าเป็นวันปกติ แค่ผมขยับนิดเดียว พี่แกก็ตื่นแล้ว
 
ผมปิดประตูเบา ๆ  เพื่อไม่ให้เสียงอะไรจากภายนอกรบกวนคนหลับ แล้วผมก็ออกมาหุงข้าวทำอาหาร
 
ง่าย ๆ ครับ ผมไม่ได้ทำเก่งอะไรมากมาย พี่เอกดูจะเก่งกว่าผมอีก(แต่ดูท่า พี่แกจะถนัดทำอาหารฝรั่งมากกว่า) แต่ผมอยู่กับแม่ แม่กับพ่อชอบอาหารไทย ผมเลยพอทำอาหารไทยได้บ้าง
 
วันนี้ผมเลยลงมือทำสุดฝีมือ แอบโทรถามสูตรกับแม่นิดหน่อยด้วย
 
ผมตักน้ำแกงใส่ช้อนขึ้นมาชิม ต้องทำเยอะหน่อยครับ พี่เอกเป็นพวกกินดุเดือด แต่ก็ทำอาหารฝรั่งไว้ให้แกด้วย อาหารฝรั่งจะหนักท้องแล้วก็ให้พลังงานมากกว่าอาหารไทย โปรตีนสำหรับเสริมสร้างกล้ามเนื้อก็เยอะกว่าด้วย
 
ขืนทานอาหารไทยมาก ตัวคงเล็กเหมือนคนไทย
 
ผมอยากมีแฟน
 
เอิ่ม…
 
มึงขี้ตู่ไปไหมกาย
 
เทคสอง!!
 
ผมอยากให้พี่เอก มีหุ่นใหญ่ ๆ เท่ ๆ แบบที่พี่มันเป็นอยู่นี่แหละ เพราะงั้น ผมต้องทำเยอะ ๆ เน้นอาหารให้พลังงาน บวกโด๊ปอีกนิดหน่อย
 
อันนี้อย่าบอกพี่แกนะฮะ
 
ผมจ้องมองอาหารมากมายบนโต๊ะ หันไปจัดการเช็ดพื้นเพื่อทำความสะอาด ก่อนสะดุ้งโหยงเมื่อมีมือใหญ่มาจับเอวผมไว้ ผมหันไปมอง ก่อนรีบก้มหน้าร้อน ๆ มองพื้น พี่มันแต่งหล่อออกมาแล้วครับ เสื้อยืดกางเกงยีนสบาย ๆ แต่หล่อลากไส้สุด ๆ
 
“เอ่อ ผมทำกับข้าวไว้ให้แล้ว” ผมบอก
 
พี่มันพยักหน้า จับตัวผมหันไปเผชิญหน้าอีกที
 
ผมหันซ้ายหันขวา หาทางรอด ไม่ไหวครับ อายกับสิ่งที่ตัวเองพูดไปเมื่อคืน
 
“มอร์นิ่งคิสพี่ล่ะ” พี่มันทวง
 
ผมเงยหน้ามองงง ๆ
 
อะไรคิส ๆ นะ
 
คำตอบมาแล้วครับ พี่เอกก้มจูบผมเบา ๆ แบบปากแนบปาก บดเบียดโดยไม่แลกลิ้นอยู่พักแล้วปล่อยออก
 
“มอร์นิ่งคิส จากคุณสามีสุดน่ารัก”
 
ผมอ้าปากค้าง เหมือน ๆ ว่าควันกำลังลอยคลุ้งออกมาจากหูตัวเอง พี่เอกหัวเราะหึ ปล่อยมือจากผม เดินไปทิ้งตัวลงนั่ง
 
“ข้าว”
พี่มันยื่นจานเปล่ามาทางผม ผมหันซ้ายหันขวา ก่อนหยิบจานมาตักข้าวให้พูน ๆ แล้วก็ตักให้ตัวเองบ้าง
 
พี่แกยิ้ม กวาดมองไปทั่วโต๊ะอาหารแล้วลงมือกิน
 
ผมไม่กล้าถามว่าอร่อยไหม เพราะผมทำไว้สองแบบ อาหารฝรั่งกับอาหารไทย อย่างน้อย ถ้าอาหารไทยที่ผมทำไว้ไม่อร่อย ผมจะได้เอาอาหารฝรั่งให้พี่แกทาน
 
ไม่รู้ว่ากับข้าวอร่อยไม่อร่อย แต่สิ่งที่ผมทำไปวันนี้ แทบไม่เหลือเศษซาก
 
ผมจ้องหน้าคนที่นั่งตีพุงตัวเองปุ ๆ
 
“มื้อแรกที่เมียทำให้ ต้องกินอย่าให้เหลือ”
แล้วพี่แกก็เผาหน้าผมไปอีกระลอก



 
 
To be con...
อ่าน ๆ เม้นท์ ๆ หนุกหนานกันให้เต็มที่น้า ^^   
   

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Marchyn

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 37
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ใจนึงก็อยากให้พี่อาร์ตเลิกยุ่ง อีกใจก็แบบ 3p ไปเลย (อุ๊บส์)  :o8: :-[

ออฟไลน์ cass-meyz

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
ขอบคุณพี่มิวที่เอาพี่เอกกับน้องกายมาลงที่นี่ด้วย อ่านกี่รอบก็สนุกเหมือนเดิม  :mew3:

ออฟไลน์ SOMCHAREE

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 969
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +32/-2
จะมาม่าป่าวเนี่ยยยยยย

ออฟไลน์ Acacha

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-2
กายเลือกวิธีนางเอ๊กกกนางเอก  :ped151:

ออฟไลน์ ้Sin.7

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 85
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
คิดถึงงงงงงงงง มาต่อไวๆนะคนดี  :hao5:

ออฟไลน์ แอลฟาฮาลา~

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 43
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
คิดถึงเอกกาย(อาร์ต) มาต่อเถอะนะพลีส :sad4:

ออฟไลน์ ้Sin.7

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 85
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
พี่่เอกต้องจัดการให้กายนะ พี่เอกต้องลบรอยทั้งหมด เฮ่อ แต่กายยยยยยยชีวิตนายโคตรวุ่นเลย เอาความหวานหื่นของพี่คืนมาาาาาาาาาาาาาา  :katai1: :katai1: :z3:

ออฟไลน์ memew

  • ขอบคุณที่เข้ามาอ่านจ้าาา
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 456
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +382/-10
    • :: Memew แฟนเพจ :
54
จากรักเป็นชิงชัง
[เอก...☼]




 
 
 
อิ่มครับ…
 
อิ่มมาก ๆ อิ่มทั้งท้องอิ่มทั้งใจ อิ่มไปหมด ผมไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับกาย แต่เสาร์อาทิตย์ที่ผ่านมากายมีท่าทางแปลก ๆ ทำตัวแปลก ๆ
 
อ้อนผม ทำตัวน่ารักใส่ผม
 
ผมรู้ว่ากายคงมีเรื่องไม่สบายใจ และผมจะรอจนกว่าเขาพร้อมที่จะบอกผมเอง แต่สิ่งที่ทำให้ผมตกตะลึงมากที่สุด คงเป็นน้ำคำที่เขากระซิบบอกผม
 
‘ผมรักพี่นะฮะ พี่เอก’
 
ได้ยินคำรักมาก็เยอะ แต่ไม่เคยมีครั้งไหน ตราตรึงได้เท่าครั้งนี้มาก่อน ไม่แน่ใจว่าเพราะมันบอกรักผมในอ่างอาบน้ำ หรือเพราะคนพูดเป็นมันกันแน่ วันนั้นผมเลยตอบรับความรักของมันอย่างนุ่มนวลไปจนเกือบเช้าเลย
 
พอตื่นมา ก็ไม่เห็นมันอยู่ในห้องนอนแล้ว ผมเลยรีบอาบน้ำแต่งตัวแล้วออกไปข้างนอก เห็นมันกำลังยืนทำกับข้าวอยู่ ผมยิ้ม ยืนมองมันอยู่อย่างนั้น
 
มันเล่นทำซะเยอะ เยอะจนผมคิดว่า ช่วยกินกันยังไงก็คงจะกินไม่หมด แต่เมื่อมันอุตส่าห์ทำให้ ผมก็ต้องกินให้หมด

จริงไหม

ตอนนี้ผมยังอิ่มอยู่เลย ดีไม่ดี ผมอาจจะอิ่มไปได้ทั้งอาทิตย์


มันอิ่มที่ใจน่ะ 
 
มันคงอายกับสิ่งที่มันพูด เมื่อวานมันเลยไม่กล้าสบตา หนำซ้ำยังขอตัวกลับบ้านอีกต่างหาก ผมก็ปล่อยมันไป ให้เวลามันหน่อย   
 
“ไอ้เอก มึงไปโดนใครดูดคอมาวะ”

ผมเงยหน้ามองคนทัก ไอ้อ้อยนี่เอง ผมตีคิ้วย่น มองมันด้วยความสงสัย
 
“อะไร”
 
“อ้าว แล้วมึงไปนอนกับใครมาล่ะ ถึงได้โดนดูดคอมาซะแดงขนาดนั้น”
 
ผมมองมันงง ๆ จับต้นคอตัวเองไว้ มันยื่นกระจกแต่งหน้ามาให้ดู
 
เอ่อ..
 
นี่มันรอยคิสมาร์คนี่หว่า ชัดแจ๋วเลย
 
ผมมองหน้ามันงง ๆ
 
“ไม่ต้องมาถามกู แล้วมึงไปเอากับใครมา”
 
ผมขมวดคิ้ว
 
ก็กับกาย แต่รายนั้นไม่น่าจะมาทำอะไรแบบนี้นี่นา
 
ผมชะงัก เพราะสองวันที่ผ่านมา กายทำเรื่องน่าตกใจหลายอย่าง ทั้งอ้อน ทั้งลากผมไปจูบ ทั้งบอกรัก แล้วไหนจะลุกขึ้นมาทำอาหารเช้าให้กินอีก กะอีแค่ทำรอยคิสมาร์ค ทำไมจะทำไม่ได้

แล้วจะทำไปทำไม?

ปกติกายไม่ใช่พวกขี้หึง ที่จะมาประกาศตัวเป็นเจ้าข้าวเจ้าของใครแบบนี้นี่นา
 
คิ้วผมเริ่มขมวด
 
สิ่งที่ผมไม่ชอบมากที่สุดก็คือผู้หญิงช่างตื๊อและพวกที่ชอบตีตราว่าเป็นเจ้าข้าวเจ้าของนี่แหละ ถ้ากายทำจริง ก็คงไม่ต่างกับพวกผู้หญิงที่ผ่านเข้ามาในชีวิตผมเท่าไหร่หรอก
 
ผมไม่ได้ให้คำตอบพวกมัน ก้มหน้าทำงานต่อ ในขณะที่ความดีใจถูกแทนที่ด้วยความหวาดหวั่น
 
แต่คิดไปคิดมา ผมนี่ก็ใจแคบนะ เพราะผมทำรอยไว้กับมันตั้งเยอะตั้งแยะ แต่พอมันจะทำบ้างดันไม่พอใจซะงั้น

ผมรีบสลัดความคิดแย่ ๆ ทิ้งไป ก้มหน้าตั้งใจทำงานต่อ

นึกถึงอาหารที่มันทำให้เมื่อวานนี้แล้วก็อยากกินอีก มันทำตัวน่ารัก ลุกขึ้นมาทำอาหารให้ แถมยังออดอ้อนอีกต่างหาก ไม่เป็นธรรมชาติครับ เพราะเต็มไปด้วยความเขินอาย แต่น่ารักได้ใจสุด ๆ
 
ไม่ชำนาญ แต่ฝืนทำเพราะเหตุจำเป็นอะไรบางอย่าง
 
แล้วเพราะอะไรล่ะ...
 
เพราะต้องการยึดผมไว้... หรือเพราะอย่างอื่น...
 
ผมถอนหายใจเบา ๆ กับสิ่งที่ยังวนเวียนอยู่ในความคิด ผมละสายตาจากงานมองออกไปนอกหน้าต่างหวังผ่อนคลาย วันนี้สายลมนิ่งสงบมาก ใบไม้ไม่ไหวเลยสักแอะ ผมกวาดมองไปรอบ ๆ ก่อนสะดุดเข้ากับภาพอะไรบางอย่าง ผมพยายามจ้องมองสิ่งนั้นจนมั่นใจว่าตัวเองไม่ได้ตาฝาดแล้วแน่ ๆ ถึงได้รีบวางปากกาลงบนโต๊ะ ลุกออกจากเก้าอี้วิ่งออกจากห้องไป
 
เมื่อกี้ผมเห็นไอ้ตัวเล็กลากแขนไอ้เป้เดินผ่านไป มันจะลากไปไหน ไปทำไม เพื่ออะไร แล้วทำไมต้องทำท่าร้อนรนเหมือนกลัวว่าใครจะมาเห็นขนาดนั้น
 
หรือว่ามันจะหักหลังผม
 
ที่มันมาทำออดอ้อน หรือทำนู่นทำนี่ให้ เพื่อต้องการกลบเกลื่อนแล้วมีใครเผื่อเลือกเอาไว้อีกหลาย ๆ คนหรือเปล่า
 
ผมกำลังคิดถึงรอยคิสมาร์คปริศนาบนต้นคอมัน ผมไม่มีทางทำรอยคิสมาร์คในที่โจ่งแจ้งแบบนั้นแน่ ๆ

แล้วถ้าไม่ใช่ของผม มันเป็นของใคร?
 
ผมวิ่งลงจากตึกตรงไปตามเส้นทางที่พวกมันหายไป ก่อนหยุดนิ่งกวาดตามองหาไปรอบ ๆ
 
แต่ไม่เห็น…

พวกมันหายไปไหน
 
ใจผมเริ่มร้อน วิ่งตรงไปยังอีกตึก ก่อนหยุดนิ่ง มองไปยังประตูหนีไฟที่มีไอ้ตัวเล็กกับไอ้เป้อยู่ภายใน
 
พวกมันเข้าไปทำอะไรกันในนั้น

ผมเห็นพวกมันได้อย่างชัดเจนผ่านช่องกระจกใสแบบสี่เหลี่ยม แต่พวกมันมองไม่เห็นผม
 
ผมยืนอยู่ตรงจุดเดิม มองไอ้ตัวเล็กที่กำลังขยับปากพูดอะไรสักอย่าง ใจอยากเดินไปกระชากเปิดประตูออก แล้วดึงไอ้ตัวเล็กออกมา แต่ผมก็อยากรอดูอะไรบางอย่าง เพื่อหักล้างความกังวลใจที่มีอยู่
 
แต่สิ่งที่เห็นต่อจากนั้นกลับทำให้ผมแทบลืมหายใจ

ผมค่อย ๆ กำนิ้วเข้าหากันแน่น ไม่ต่างกับกรามที่บดกันจนละเอียด ผมหรี่ตามองภาพไอ้ตัวเล็กที่กำลังโอบกอดแผ่นหลังของไอ้เป้ไว้ กอดแน่น กอดไม่ปล่อยไม่ต่างกับอ้อมกอดที่มันเคยกอดผม
 
ภาพเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่มันทำเพื่อผม แตกสลายด้อยค่าลงไปทันที

แล้วไอ้เป้ก็ก้มหน้าซุกซอกคอมัน

แค่นั้นก็เพียงพอแล้ว
 
สิ่งที่มันพูดมาทั้งหมด เป็นแค่น้ำคำฉาบหน้า
 
ไม่ได้จริงใจ
 
ไม่ได้ออกมาจากความรู้สึก
 
หรือบางที อาจเป็นแค่เกมเกมหนึ่ง ที่มันกำลังปั่นหัวผมอยู่
 
ผมหันหลัง เดินออกไปจากจุดนั้น ไม่สนใจว่าพวกมันจะทำอะไรกันต่อ

เดินจากไปด้วยความรู้สึกที่ว่างเปล่ายิ่งกว่าเดิม
 
 
             
 




“สรุปแล้ว ไอ้กิ๊ฟมันยอมพาแฟนมันไปหรือเปล่า”
ไอ้อ้อยมันถาม ผมส่ายหน้า
 
“ไม่รู้ กูยังไม่ได้คุยกับมัน”
 
“ไป”
แล้วเจ้าของชื่อที่เรากำลังพูดถึงก็เปิดประตูเข้ามา พร้อมใครบางคนที่ผมไม่อยากเห็นหน้าเป็นที่สุด ผมมองไอ้กิ๊ฟก่อนมองคนที่เดินตามหลังมันมาด้วยสายตาว่างเปล่า
 
“ผมเอางานมาให้เซ็น”
 
ผมไม่ตอบรับ แต่พยักหน้าให้รู้ว่าควรจะวางงานไว้ตรงไหน มันเอางานมาวางไว้บนโต๊ะแล้วยืนรอ ผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมง ผมก็ยังไม่เซ็นให้ ส่วนมันก็ยืนคุยอยู่กับเพื่อน ๆ ผมเพื่อรอ โดยที่ผมไม่พูดกับมันอีกแม้แต่คำเดียว
 
“แหมกาย เดี๋ยวนี้ร้อนแรงนะ แอบทำสัญลักษณ์ความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ”
ไอ้มอมันเริ่มแซวด้วยความปากหมาของมัน
 
ไอ้ตัวเล็กหน้าแดงก่ำ ซึ่งถ้าเป็นแต่ก่อน ผมจะเห็นว่ามันน่ารักดี แต่ตอนนี้ ผมกลับรู้สึกชิงชังอย่างบอกไม่ถูก ความรู้สึกไม่ต่างกับแม่ผู้หญิงที่ร่านพลีกายให้คนนู้นคนนี้ทีแล้วมานั่งยั่วผมไปวัน ๆ
 
“คือผม…”
 
“โทษทีว่ะ เสาร์อาทิตย์ที่ผ่านมา กูไปฟัดกับแม่อกอึ๋มไซส์ 36 มา ร้อนแรงเป็นบ้า เขาเลยทิ้งรอยไว้”
ผมรีบตัดเสียงมัน เห็นมันทำหน้าอึ้ง ๆ เงียบปากไป
 
“โหย มึง ไปได้สาวที่ไหนมาวะ”
ไอ้โอมรีบแทรกทันที พูดถึงเรื่องนี้ไม่ได้ ตามันวาว และอีกอย่าง พวกมันชอบไซส์นี้ด้วย
 
พวกผู้หญิงทำเสียงจิ๊จ๊ะ แต่ไอ้กายทำหน้าเสีย ก่อนปรับให้ราบเรียบ
 
ผมกระตุกยิ้ม
 
“คว้าได้แถว ๆ ที่ทำงานน่ะ น่ารักดี สวยเฉี่ยว คมบาดจิต สเป็คกูมึงก็รู้”
ครับ นั่นคือสเป็คจริง ๆ ของผม ซึ่งไอ้กายหลุดออกจากวงโคจรไปไกล ผมเห็นมันยืนกำหมัดแน่น
 
“โหย มึง แล้วได้กี่ยกวะ ลีลาล่ะ”
ไอ้โอมมันถามแบบเจาะลึก
 
“สาม ลีลาสุดยอด”
แล้วผมก็โม้ต่อ อันนี้พูดจริงครับ แต่นานมาแล้ว
 
ไอ้ตัวเล็กหน้าเสียยิ่งกว่าเดิม
 
“แล้วไงต่อ มึงได้ขอเบอร์น้องเขาไว้ไหม”
 
“เปล่า ถึงกูจะชอบขนาดไหน แต่คงมีคนอื่นไม่ได้”
 
“อ้าวทำไม” ไอ้โอมมันถามต่อ
 
“ก็กูต้องแต่งงานกับคนที่พ่อกูหาไว้ให้”
 
“ไอ้เชี่ย ไอ้เน่า มึงไม่ต้องมาแหล”
 
“ใช่ไม่ใช่ มึงก็ถามไอ้อ้อยกันเอาเอง เพราะพ่อกูกับพ่อมัน อยากให้เราแต่งงานกัน แต่กูกับมันไม่ยอม พ่อเลยหันหัวเรือไปที่น้องเอิร์ทลูกอาวิทย์ ลูกค้ารายใหญ่ของบริษัทกูแทน ดูท่าพ่อกูจะถูกใจด้วย น้องเขาก็น่ารักดี เทคแคร์กูดี เลยกะว่าจะเลือกคนนี้แหละ”
 
“จริงเหรอวะอ้อย” ไอ้โอมมันหันไปถาม
 
ไอ้อ้อยพยักหน้าเห็นด้วยกับสิ่งที่ผมบอก แต่อย่างหลังมันยังทำสายตาเคลือบแคลง ผมไม่คิดจะพูดอะไรต่อ  เหล่มองไอ้ตัวเล็กที่ยืนหน้าซีดยิ่งกว่าเดิม
 
“เอ่อ พี่เอกครับ อาจารย์ชาติบอกจะเอางานวันนี้”
มันแทรกขึ้นมาเสียงอ่อน ผมมองมันด้วยสายตาว่างเปล่า
 
“บอกอาจารย์ว่ารอก่อน พี่มีงานอื่นทำอยู่”
 
มันหน้าเสียยิ่งกว่าเดิม เพื่อน ๆ เริ่มมองแปลก ๆ แล้ว
 
“กูแค่อยากดัดหลังอาจารย์ว่ะ”
ผมพูดให้พวกมันคลายใจ แต่สำหรับกาย ที่ผมเคยบอกมันว่า เพื่อมันผมทำได้ คงจะรู้สึกเสียหน้าอยู่ไม่น้อย
 
“แต่อาจารย์…”
 
“ไปได้แล้ว”
ผมออกปากไล่
 
ไอ้กิ๊ฟมองหน้าผม ก่อนมองไปยังไอ้ตัวเล็ก มันทำหน้าสงสัย แต่ไม่พูดอะไร ส่วนคนอื่น ๆ ไม่ได้สนใจ ไอ้มอมันก็มองงง ๆ
 
“ครับ”
มันรับปากแค่นั้น หันหลังเดินออกไป ผมเห็นตามันเริ่มแดงแล้ว แต่ผมไม่สนใจ
 
“พี่ไปส่ง”

ไอ้โอ๊ครีบวางงาน เดินตามมันไป
 
แม่ม!!
 
มีผู้ชายหลายคนนี่หว่า ไม่ได้มีกูแค่คนเดียว
 
แล้วใครอีกล่ะ
 
ไอ้คุณชรินทร์ ไอ้โอ๊ค ไอ้เป้ ผม หึ มันกะจะคั่วให้หมดเลยซินะ
 
แม่.ง ชีวิตนี้ กูจะเจอคนจริงใจสักคนไหม
 
พอไอ้โอ๊คออกไป เพื่อน ๆ คนอื่น ๆ ก็พากันทยอยออกไปด้วยเหมือนกัน ผมนั่งทำงานต่อด้วยความหงุดหงิด
 
“กูว่ามึงอาการหนักนะเอก”
 
ผมเงยหน้ามองผู้ช่วยคนสุดท้ายที่เหลืออยู่
 
ไอ้กิ๊ฟครับ
 
“มีอะไร”
 
“ทะเลาะกับกายมารึไง”
มันจี้ได้ตรงจุดมาก ผมนั่งนิ่ง ไม่สนใจตอบมัน
 
“นี่ มีอะไรพูดกันตรง ๆ ไม่ดีกว่ารึไง ไม่เห็นรึไงว่าน้องมันหน้าเสียขนาดไหน”
 
“กูไม่ชอบคนร่าน”
 
ไอ้กิ๊ฟขมวดคิ้วจ้องหน้าผมราวกับเจอหนอนในลูกตา
 
“มึงดีนักนี่”
มันพูดซะผมสะอึก
 
“เอก ถ้ามึงเป็นผู้หญิงน่ะ กูว่ามึงอ่ะ ยิ่งกว่าร่านของร่านซะอีก”
 
เจ็บครับ มันพูดไม่ผิด เพราะผมเป็นพวกฟันไม่เลือก ไม่รับผิดชอบ อ่อยไปทั่ว แล้วอะไรอีกล่ะ
 
แต่นี่แหละสังคม ถ้าผู้หญิงทำดูร่าน ผู้ชายทำดูเพลย์บอย ค่าของคนวัดกันด้วยความแตกต่างทางเพศนี่แหละ
 
แล้วผมก็เพิ่งนึกได้ ว่าผมกำลังยัดเยียดเพศแม่ให้ผู้ชายอย่างไอ้กายมัน
 
แต่มาคิด ๆ ดูอีกที มันเป็นผู้ชาย ยอมให้ผมเอา ยอมให้ผู้ชายด้วยกันเอา มันก็ไม่ต่างกับผู้หญิงคนหนึ่งเหมือนกัน
 
ผมจะดูถูกมันก็ไม่แปลกใช่ไหม
 
“กูไม่รู้ว่าพวกมึงมีปัญหาอะไรกันนะเอก แต่ไอ้กายเป็นคนดี และที่สำคัญกูว่าน้องเขาไม่ได้ร่าน แล้วก็มีแค่มึงคนเดียว”
 
ผมเบ้บาก
 
“มีกูคนเดียว แต่อ้าขาให้ใครอีกหลาย ๆ คนน่ะสิ”
แรงครับคำนี้ แรงจนไอ้กิ๊ฟมันอึ้ง มันถอนใจแรง เดินมาค้ำสองมือไว้ที่โต๊ะ
 
“ก่อนจะตัดสินอะไรใคร มึงค้นหาความจริงให้ดีก่อน ไม่งั้น มันจะกลายเป็นแพะรับบาปที่มันไม่ได้ก่อติดตัวไปตลอดชีวิต”
มันปล่อยมือจากโต๊ะ
 
“และที่สำคัญ คนที่จะเสียใจที่สุด ก็คือมึงนั่นแหละ จำเอาไว้”
มันขู่แค่นั้นเดินไปที่หน้าประตู ก่อนหยุดเท้าตัวเองลง
 
“อ้อ แล้วกูจะบอกอะไรให้นะ”
 
ผมเงยหน้ามองมัน
 
“มึงไม่เชื่อใจน้องมันไม่เป็นไร แต่กูจะเป็นคนหนึ่ง ที่เชื่อมั่นในตัวน้องมัน และเวลาที่กูมองใคร กูมองไม่เคยผิด ส่วนมึง กูไม่สน”
มันพูดไว้แค่นั้นแล้วเดินจากไป
 
ผมทิ้งแผ่นหลังไว้ที่พนักพิง
 
นึกถึงวันและเวลาเก่า ๆ ตั้งแต่วันที่ผมเจอมันครั้งแรก ย้อนมาถึงวันล่าสุด
 
มันไม่ใช่เกย์ มันจูบกับผมเพราะถูกบังคับจากเกมที่พวกผมตั้งขึ้น มันมีอะไรกับผู้ชายครั้งแรก เพราะถูกผมข่มขืน ทั้งเลือด ทั้งรอยถลอก ทั้งใบหน้าเจ็บปวดและน้ำตาที่กำลังไหลพราก สิ่งที่เกิดขึ้นใช่ว่าจะเสแสร้งสร้างกันขึ้นมาได้ง่าย ๆ
 
ตลอดเวลา มันไม่เคยเป็นฝ่ายเริ่มเลย มีแต่ผมนี่แหละที่บังคับมัน ก็มีแค่เมื่อวันก่อน ที่มันแปลก ๆ

แปลกไปมาก
 
ผมขมวดคิ้วจนเป็นปม
 
หรือผมจะคิดอะไรผิดพลาดไป
 
“ไม่มีทาง”
ผมบอกตัวเอง ก้มหน้าทำงานต่อ โดยที่ในหัวยังมีเรื่องของมันวนเวียนอยู่ไม่หยุด
 
To..Be Con... 

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8896
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ ้Sin.7

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 85
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
 :z6: ไม่เคยอยากกระทืบพระเอกขนาดนี้มาก่อนเลย เรื่องอื่นฉลาดนัก เรื่องงี่เง่าๆ ขอให้บอกซินะพี่เอก  :z6:
เฮ่อกายจ๋ากายกอดๆ อย่าไปสนใจเลย แช่งให้กายคบคนอื่นแม่ง  :fire:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด