Kiss Love ► รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 100 เพิ่งเริ่มเท่านั้น |10/3/18|(ตอนจบ)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Kiss Love ► รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 100 เพิ่งเริ่มเท่านั้น |10/3/18|(ตอนจบ)  (อ่าน 680914 ครั้ง)

ออฟไลน์ SOMCHAREE

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 969
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +32/-2
สงสารพระจันทร์

ออฟไลน์ peeranatyaikaew

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 146
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
หงุดหงิดพี่เอกจังงง.  :ling1: คนเขียนหายไปไหนนนนน :katai4: :katai5: :katai1:

ออฟไลน์ memew

  • ขอบคุณที่เข้ามาอ่านจ้าาา
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 456
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +382/-10
    • :: Memew แฟนเพจ :
57
เผชิญหน้า
[กาย..♥]




ผมนอนหงายอยู่บนเตียงหลังจากจิ้มส่งข้อความผ่านบอร์ดไป ไม่รู้ทำไม ผมถึงได้กดส่งข้อความนั้นไป จะมีใครสนใจ จะมีใครเข้ามาอ่าน หรือทำไปเพื่ออะไร
 
ผมถอนหายใจดังฟู่
 
ได้ยินเสียงติ๊งเบา ๆ เหมือนมีใครกดแอดเข้ามาในบอร์ด ผมหันไปมอง จริง ๆ มันดึกมากแล้ว ผมควรจะนอน แต่มันยังนอนไม่หลับ
 
พอมองชื่อของคนที่แอดเข้ามา ผมอมยิ้มทันที
 
'Sun'
             
ใครหนอ เข้าใจเอาชื่อนี้มาใช้ ผมชอบ เลยลุกขึ้นไปกดรับแอด ทันทีที่ผมตอบรับ ข้อความทักทายก็เด้งขึ้นมา
 
‘ยังไม่นอนอีกรึไง’
 
หึ ดันมาใช้คำพูดเหมือนไอ้พี่บ้านั่นอีกต่างหาก
 
‘ยัง กำลังคิดอะไรเพลิน ๆ อยู่’
 
ผมตอบกลับไป
 
‘คิดถึงใครบางคนอยู่หรือเปล่า’
 
ผมอมยิ้ม
 
‘มั้ง’
 
‘ดูจากภาพที่อัพช่วงนี้ ดูเหมือนคนคนนั้นจะทำให้คุณเสียใจนะ’
 
ผมอมยิ้มอีกครั้ง
 
‘ไม่มีใครมาทำให้ผมเสียใจได้หรอก นอกจากตัวผมเอง ผมเลือกเอง และผมก็ยอมรับทุกผลที่จะตามมาของมัน’
 
และทุกอย่างก็หยุดนิ่งไว้แค่นั้น ผมคอย แต่เขาก็เงียบไป
 
คงไม่อยากคุยกับผมแล้วมั้ง
 
ผมทิ้งแผ่นหลังลงบนเตียง ก่อนข้อความสุดท้ายจะเด้งขึ้นมาและไม่เปิดโอกาสให้ผมได้ตอบกลับ เขาก็ล็อกเอ้าท์ออกไปเลย
 
‘นอนเถอะ ดึกแล้ว เจอกันพรุ่งนี้’
 
ผมหัวเราะหึ ๆ  มองข้อความนั้น แม้จะเป็นข้อความสั้น ๆ แต่ก็ทำให้ผมรู้สึกอบอุ่นในหัวใจยังไงบอกไม่ถูก
 
เขาจะมาทักผมอีกครั้งงั้นเหรอ
 
เขาที่ให้ความรู้สึกเหมือนเป็นพระอาทิตย์…
 
เหมือนพี่เอก
 
ผมหลับตาลงทั้ง ๆ ที่คอมพิวเตอร์ยังเปิดอยู่ ผมไม่คิดจะใส่ใจ แล้วสติของผม ก็ดับหายไปแค่นั้น
 



 
นอนดึกขนาดไหน ผมก็ยังตื่นเช้าได้ ไม่เข้าใจเลยจริง ๆ ผมตื่นขึ้นมา หน้าจอคอมพิวเตอร์ดำมืดไปแล้ว ผมเลื่อนเม้าส์ หน้าจอที่เปิดทิ้งไว้เมื่อคืนก็ปรากฏขึ้นมาใหม่
 
คำพูดสุดท้ายของเขายังคงอยู่ ผมอมยิ้มกับข้อความนั้น แล้วเดินไปอาบน้ำแต่งตัว
 
บ้านย่าผมเป็นบ้านนอกของแท้ครับ แต่มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ซึ่งคนหามาประเคนก็พ่อผมนี่แหละ
 
ผมยืนอาบน้ำด้วยจิตใจชื่นบาน พออาบเสร็จก็แต่งตัวด้วยเสื้อยืดกางเกงขาสั้นสีพื้นแบบสบาย ๆ เดินออกจากห้องตรงไปยังห้องรับแขกเพื่อกินข้าวที่อาพิมทำ
           
คนบ้านผมตื่นเช้ากันทุกคนครับ พอออกไป ก็เห็นปู่กับย่านั่งคุยกันอยู่บนโต๊ะคล้ายแคร่แต่ทำจากไม้กระดานขนาดใหญ่ต่อกันแบบเตียง อาพิมกำลังจัดสำรับไว้บนโต๊ะ อาจักรแฟนของอาพิมพ่อของไอ้ตัวเล็กกำลังจัดข้าวของสำหรับออกไปทำงาน คาดว่าเช้านี้ คงไม่กินข้าวด้วยกันแน่ ๆ อาแกเป็นคนขยันครับ แทบจะไม่เห็นหัวเห็นหาง วัน ๆ ก็อยู่นู่นแหละ ไม่ไร่ก็นา ไม่นาก็สวน ไม่ได้ไปทำเองหรอกครับ แต่ไปดูแลลูกน้องน่ะ ที่ทางแกมีเยอะ ส่วนอาพิมเลี้ยงลูกอยู่บ้านกับดูแลปู่ย่าเฉย ๆ

จริง ๆ อาพิมแต่งงานกับอาจักรมานานแล้ว แต่ไม่มีลูกด้วยกันสักที พอลุงพงษ์เลิกกับป้ากุล อาแกก็ไป ๆ มา ๆ สองบ้านเพื่อดูแลปู่กับย่า จนในที่สุดอาพิมก็ตัดสินใจชวนอาจักรมาอยู่บ้านเพื่อดูแลปู่กับย่าเต็ม ๆ เลย ไม่กี่เดือนหลังจากนั้น อาแกก็ท้อง

ส่วนลุงพงษ์แกทำไปเรื่อยครับ ไม่มีอาชีพแน่นอนตายตัว ถ้าเอาหลัก ๆ คือสร้างทุกอย่างที่ขวางหน้า อย่างสร้างบ้าน ทำเฟอร์นิเจอร์ ประกอบรถ ที่เหลือก็ทำไร่ทำนาหาปูหาปลาของแกไป หน้าตาคล้ายพ่อมาก แต่แกจะคล้ำกว่า หน้าเข้มกว่า ไว้หนวดไว้เครานิด ๆ ดูดุดันกว่า

ความหล่อกินกันไม่ลงครับ ใครชอบหล่อเท่ แบบสำอางนิด ๆ ให้ไปหาพ่อผม แต่ถ้าใครชอบหล่อแบบดิบเถื่อน ผมยกให้ลุงผมเลย ลุงเลิกกับป้ากุลมาสิบกว่าปีแล้ว ตอนนี้โสดสนิท มีลูกติดสองคน แต่ไปอยู่กับแม่หมด
 
พอไปถึงอาพิมก็จัดโต๊ะเสร็จพอดี ผมกวาดมองไปรอบ ๆ วันนี้มีน้ำพริกอ่องของโปรด ผักเพียบ ไม่เกินห้านาทีทุกคนก็เข้าประจำตำแหน่งโดยรอบ
 
“นี่ได้ข่าวว่าพี่พีคกำลังจะกลับมาคืนดีกับพี่แก้วเหรอ”
อาพิมถามตอนผมกำลังนั่งพุ้ยข้าวเข้าปาก
 
“ไม่ได้คืนดีกัน แต่กำลังจีบกันอยู่ อย่าไปพูดเรื่องคืนดีกันให้ได้ยินเชียว เดี๋ยวบ้านแตก แต่ถ้าจีบกันใหม่น่ะ ได้อยู่”
 
ทุกคนพากันงุนงง
 
ผมหยิบแก้วน้ำมากรอกปาก ตั้งท่าอธิบายต่อ
 
“คืองี้…สองคนนั้นเขาทิฐิสูงด้วยกันทั้งคู่ ถ้าให้กลับมาอยู่ด้วยกันเหมือนเดิม ไม่แคล้วต้องเลิกกันอีก ผมเลยเสนอให้จีบกันใหม่ซะเลย เรียนรู้กันใหม่ อะไรที่ผ่านไปแล้วก็ให้มันแล้ว ๆ ไป อย่าเก็บมาคิด อย่าเก็บมาใส่ใจ เพราะช่วงเวลาที่เลิกกัน พ่อกับแม่เองก็พากันเปลี่ยนไปด้วยกันทั้งคู่ ผมอยากให้พวกเขาลบภาพความทรงจำเดิม ๆ ทิ้งไป แล้วเรียนรู้กันใหม่อีกที”
 
พูดเสร็จ ก็หยิบผักบุ้งมาสามต้นม้วนเข้าหากัน จิ้มกับน้ำพริกยัดเข้าปาก
 
อร่อยเหาะ
 
“หึ ๆ ไอ้พีคมันเลี้ยงลูกดีวุ้ย”
 
“แม่แก้วด้วยลุงพงษ์”
ผมรีบแย้งเมื่อลุงให้เครดิตพ่อคนเดียว ลุงแกทำท่าขัดใจ

 
ก็นะ
 
ใครจะคิดเข้าข้างคนที่เคยทิ้งน้องชายตัวเองไป ว่าไหม?
 
ผมยิ้ม
 
“ผมโชคดีที่ได้เกิดเป็นลูกของพ่อกับแม่ ได้เกิดเป็นหลานของลุงพงษ์กับอาพิม เป็นหลานของปู่กับย่า เป็นพี่ชายของเจ้าตัวยุ่ง เพราะทุกคนหล่อหลอมให้ผมเป็นตัวผมเองแบบทุกวันนี้ ผมถึงได้เป็นคนดียังไงล่ะ”
 
ลุงเกาแก้มเบา ๆ อาพิมยกน้ำขึ้นจิบหน้าแดง ๆ ปู่กับย่านั่งยิ้มแป้น ส่วนไอ้ตัวเล็กไม่รู้เรื่องครับ
 
 
 
 
 




ผมนั่ง ๆ นอน ๆ เกาพุงเกาหลังให้ปู่สลับกับนวดขาให้ย่าอยู่บนเรือน ก่อนจะได้ยินเสียงรถแล่นเข้ามาจอดตรงลานหน้าบ้าน เสียงรถเก่า ๆ แบบนี้ คงเป็นรถของชาวบ้าน
 
ผมไม่ได้สนใจหันไปมอง ละมือจากหลังปู่ มานวดขาย่าต่อ ตาก็ดูรายการตลกบนทีวีเก่า ๆ ไป ตอนพ่อมาเห็นสภาพมัน พ่ออยากซื้อให้ใหม่ แต่ย่าไม่ยอม บอกว่าเครื่องนี้ยังใช้ได้ดีอยู่ จะเปลี่ยนไปทำไมให้เปลืองเงินเปลืองทอง
 
ลุงพงษ์กับอาพิมอยากได้เครื่องใหม่เหมือนกัน เคยวางแผนกันยกเค้าทีวีย่าไปขาย แต่กลัวย่ารู้แล้วเอาไม้ตะพดไล่บี้ เลยล้มเลิกความตั้งใจไป
 
สุดท้าย พวกเราก็ดูทีวีเก่า ๆ แต่ภาพและเสียงยังชัดแจ๋ว ผมนั่งหัวเราะเอิ๊กอ๊าก ย่าก็ขำไม่แพ้กันจนน้ำหมากแทบจะกระเด็นรดหัวผม
 
“แหม หัวเราะอารมณ์ดีกันเชียว”
 
ผมหันขวับไปมองต้นเสียงทันที
 
“ป๋า!!!!”
 
ผมรีบสละขาย่า วิ่งตุบตับไปกอดเอวพ่อหมับทันที
 
“ฟื้นแล้วเหรอลูก”
พ่อถามด้วยน้ำเสียงห่วงใย
 
ผมเงยหน้ามอง
 
“ผมไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย”
 
พ่อมองตาผม  ผมยิ้มให้ ทำตาแป๋วแหว๋วใส่ สักพักพ่อถึงได้ยิ้มตอบ ลูบหัวผมเบา ๆ
 
“ลูกพ่อเข้มแข็งมาก”
 
ผมยิ้ม หันไปยักคิ้วใส่คนสวยที่กำลังยกมือหวัดดีปู่ย่าและลุงพงษ์แล้วก็ทักทายอาพิมอยู่ สองคนนี้อายุเท่ากันฮะ แต่หน้าแม่อ่อนกว่าหลายช่วงตัวมาก
 
“มาพร้อมกันได้นี่รถไม่พังรึไง”
 
“พังสิ ถึงต้องไปยืมรถของชาวบ้านมาไง แม่แกมือหนัก”
 
“ปากนะ ไม่ต้องมาโทษกันเลย พ่อแกนั่นแหละ ขับรถไปเหยียบเอาตะปูเข้า ยางแบนทำเอาล้อเบี้ยวไปข้าง ซ่อมก็เสียเวลา เลยเช่ารถชาวบ้านมาขับแทน โดยเอารถตัวเองเป็นตัวประกันให้เขาซ่อมให้”
 
“เพราะใครล่ะ ชวนทะเลาะอยู่ได้”
พ่อโบ้ยแม่กลับ
 
“เพราะปากใครล่ะ หมาดีนัก สม”
แล้วแม่ก็เถียงต่อ
 
ผมละจากพ่อไปหาแม่ทันทีเพื่อห้ามทัพ
 
“ไม่บอกกันบ้างว่าจะมา”
 
“เซอร์ไพรส์ไงจ้ะเซอร์ไพรส์”
แม่บอกยิ้ม ๆ
 
“ครับ เซอร์ไพรส์ตั้งแต่เห็นพ่อกับแม่มาด้วยกันแล้ว”
 
แม่ทำท่าจะมอบมะเหงกให้ที ผมยิ้มล้อทำหัวหด ก่อนที่แม่จะมองหน้าผมนิ่ง ๆ ลูบหัวผมเบา ๆ ราวกับจะให้กำลังใจ
 
สภาพผมตอนแม่เห็นล่าสุดมันแย่เอามาก ๆ ผมไม่ได้ร้องไห้มานานแล้ว หลังจากพ่อจากไป และนี่ก็เป็นอีกครั้ง ที่ผมร้องไห้ให้แม่เห็น แม่ก็พยายามถามอ่ะนะ ตามประสาผู้หญิง แต่ผมไม่ได้บอกเหตุผลที่แท้จริงกับแม่ บอกแค่ว่าขอเวลาหน่อย แล้ววันรุ่งขึ้น ผมก็ทำเรื่องขอลาหยุด และขอแม่มาอยู่กับปู่กับย่าที่นี่สักพัก เพื่อทำใจ
 
แม่ก็ปล่อยให้มาโดยดี แม้จะยังเป็นห่วงอยู่ก็ตาม
 
“ลูกแม่ดูเข้มแข็งดีนะ”
แม่พูดยิ้ม ๆ
 
ผมยิ้มรับ
 
“ลูกแม่แก้วนี่เนอะ อ่อนแอมากไม่ดี”
ผมให้เครดิตแกไปหนึ่งดอก
 
แม่ยิ้มรับ
 
“นี่ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้ว ไปเอาของที่รถทีซิลูก พ่อกับแม่ซื้อมาเพียบเลย”
 
ผมพยักหน้าเดินออกจากบ้านไป
 
รถที่เห็น เป็นกระบะสี่ประตูเก่า ๆ ไม่มีของที่หลังรถ แม่คงเอาไปไว้ด้านในหมด
 
ก็นะ
 
แดดอย่างเปรี้ยง ขืนเอาไว้ข้างนอก ข้าวของคงเสียหมด ผมเปิดประตูหลังออกกว้าง เอื้อมหยิบพวกถุงข้าวของมากมายมาถือไว้จนเต็มมือไปหมด โลภครับ อยากเอาไปให้หมดในรอบเดียว เลยหยิบเอาอีกสองสามถุงมาคาบไว้ในปากอีก
 
อึบ ๆ
 
เหลืออีกถุงเดียว
 
ผมค่อย ๆ ใช้นิ้วเกี่ยวถุงอะไรสักอย่างอีกถุง แล้วค่อย ๆ ดึงตัวเองออกมาจากรถแบบทุลักทุเล พอออกมาได้ ก็ใช้ทีนถีบประตูเบา ๆ ให้มันปิด
 
ก่อนหันหลัง…
 
มาเจอกับใครบางคนที่ยืนกอดอกมองผมอยู่
 
[50%]



เรือนร่างสูงใหญ่ภายใต้เสื้อยืดสีดำ กางเกงยีนสีซีด รองเท้าผ้าใบเซอร์ ๆ ดวงตาเจ้าเสน่ห์ดูนิ่งเรียบ ใบหน้าคมคายยังดูหล่อเหลาไม่เปลี่ยน แต่ที่มุมปากทั้งสองข้าง มีรอยเขียวช้ำคล้ายคนถูกต่อย
 
ถุงที่อยู่ในปากผมหล่นตุบไปอยู่ที่พื้น พอ ๆ กับถุงในมือทั้งสองข้าง
 
ผมคงตาฝาดไปแล้วแน่ ๆ ที่เห็นพี่เอกมายืนอยู่ตรงนี้
 
“พี่…”
ผมกลืนคำพูดที่ผมชอบเรียกพี่แกประจำลงคอ กลืนก้อนแห่งความเจ็บปวดลงไป แล้วพยายามดึงน้ำเสียงที่มันแหบแห้งกลับคืน
 
“คุณเอกภพ”
         
             
ผมไม่ได้แกล้งเย็นชา แต่แค่ต้องการทิ้งระยะห่าง ให้หัวใจตัวเองไม่ต้องเจ็บปวด ผมไม่รู้ว่าพี่แกมายืนอยู่ตรงนี้ได้ไง แต่แค่การมีเขาอยู่ แขนขาผมก็แทบจะไม่มีแรงแล้ว
 
พี่เอกเปลี่ยนสีหน้าตอนผมเรียกแกด้วยชื่อจริง
 
“มีธุระอะไรแถวนี้รึเปล่าครับ ขอโทษที่เสียมารยาท คอยสักครู่นะครับ”
ผมรีบก้มลงเก็บถุงมากมายที่ตกเกลื่อนพื้น ของบางอย่างโผล่ออกมานอกถุงจนต้องจับยัดเข้าไปลวก ๆ
       
ของกินครับ เพียบ ของโปรดผมทั้งนั้น
 
ผมไม่สนใจว่าคนที่ซื้อมาจะเป็นใคร เป็นพ่อเป็นแม่ หรืออาจจะเป็นคนที่ผมอยากลืมมากที่สุดตอนนี้

ผมชะงัก ตอนที่พี่มันก้มลงมาช่วยเก็บด้วย ผมทำเป็นไม่ใส่ใจมือที่เกือบจะสัมผัสกัน คราวนี้ไม่โลภแล้วครับ เอาเท่าที่พอหิ้วได้
 
ผมหอบข้าวของพะรุงพะรังเตรียมเดิน แต่พี่มันรวบเอาของทุกอย่างไปไว้ในมือแทน ผมเงยหน้ามอง
 
“ขอบคุณครับ”
ผมพูดตามมารยาท ทั้งที่หัวใจกำลังปวดร้าว
 
พอก้าวเข้าบ้าน ทุกคนก็พากันหันมามอง ผมยิ้มให้พ่อกับแม่นิด ๆ กล่าวแนะนำพี่เอกให้ทุกคนในบ้านรู้จัก
 
“แหม พ่อเอกนี่หล่อนะ อยากสาวกว่านี้อีกสักสิบห้าปี จะได้จีบเอง”
อาพิมพูดโท่ง ๆ พาเอาลุงพงษ์ต้องสะกิด
 
“แล้วไอ้จักรล่ะ เอามันไปไว้ที่ไหน”
 
อาพิมหันไปมอง

“เอาไว้ในไร่ไง รายนั้นเข้าบ้านได้ตอนพระอาทิตย์ตกดินเท่านั้นแหละ”
ทุกคนพากันหัวเราะ แล้วอาพิมก็หันไปคุยกับพี่เอกต่อ ส่วนผมคุยกับพ่อแม่ฮะ ไม่ถามสักคำว่าพี่แกมาได้ไง
 
และมาเพื่ออะไร
 
ผมไม่อยากรู้ เพราะกลัวว่าจะโดนซ้ำเติมอะไรอีก ตอนนี้แค่ภาวนาขอไม่ให้พี่เอกพูดอะไรแบบนั้นต่อหน้าผู้หลักผู้ใหญ่ก็พอ
 
ผมรู้ว่าพ่อกับแม่พยายามดูท่าทีของผมกับพี่เอกอยู่ แต่ผมนิ่งครับ นิ่งให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ แม้ว่าภายในกำลังร้าวรานก็เถอะ
 
“นี่ เราแอบไปเอาเหล้าขาวมากินกันดีกว่าไหม”
พ่อแสร้งทำเป็นกระซิบให้ทุกคนได้ยิน
 
จุ๊ ๆ อย่าไปบอกคุณตำรวจเชียวนะ คุณปู่ชอบทานเหล้าขาวเป็นยา แต่หมักเอง เรามีแหล่งซ่อนครับ ในสวนหลังบ้านนั่นแหละ พ่อกับผมมาทีไร จะไปเอามาก๊งด้วยกันทุกที
 
เบา ๆ ครับ ไม่หนัก เน้นเพื่อสุขภาพและสังสรรค์กันในครอบครัว
 
ผมพยักหน้าเดินไปกับพ่อ
 
 
“ทำไมไม่คุยกับเขาล่ะ”
พ่อเปิดบท
 
ผมเดินตามพ่อช้า ๆ ลัดเลาะผ่านสวนผลไม้และดงน้อยหน่าไปตามทาง ปลูกไว้เยอะครับ ของโปรดของย่า
 
“ผมยังไม่พร้อมน่ะ คงจะกลัวอะไรหลาย ๆ อย่างด้วย และผมไม่รู้สาเหตุที่พี่เขามาที่นี่ด้วย”
ผมบอกไปตามตรง
 
พ่อไม่พูดอะไร พาผมเดินผ่านดงหญ้าขนาดใหญ่เข้าไปตรงกลางของดงหญ้ากว้าง พ่อแหวกต้นหญ้าที่สูงเกือบท่วมหัวออก นั่งยอง ๆ ลงไปปัดเศษหญ้าออกจากพื้นดิน ไม่นานผมก็เห็นฝาไม้ พ่องัดเบา ๆ เปิดออก และภายในก็มีโถใส่เหล้าขาวหลายใบ พ่อยกมายื่นให้ผมใบหนึ่ง
 
“คืนนี้เราจะก๊งกันให้เต็มที่เลย”
 
“หึ ๆ”
ผมหัวเราะเบา ๆ เดินอุ้มโถเหล้าขาวกลับไปยังเส้นทางเดิม
 
พ่อลูบหัวผมอีกที
 
“ไม่ว่าลูกจะตัดสินใจยังไง พ่อเชื่อใจลูกนะ แล้วพ่อก็เชื่อใจตรงนี้ของลูกด้วย”
พ่อเลื่อนมือมาลูบอกซ้ายผมเบา ๆ
 
ผมหยุดฝ่าเท้าเอาไว้กับที่ หันไปมองหน้าพ่อ พ่อหยุดฝ่าเท้าตาม
 
“ถึงแม้ผมจะทำให้พ่อเสียใจ หรือผิดหวังนะเหรอฮะ”
 
พ่อยิ้ม
 
“พ่อไม่เคยผิดหวังหรือเสียใจในตัวลูกนะ เพราะพ่อเชื่อว่าลูกได้เลือกและทำในสิ่งที่ดีที่สุดแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้น มันก็เป็นแค่ประสบการณ์ชีวิต เป็นบททดสอบ เป็นเรื่องราวที่เราจะได้เอามาไว้เล่าขานในเวลาที่ผ่านไป”


ผมยิ้มกับน้ำคำพ่อ
 
แล้วสี่ฝ่าเท้าก็เริ่มให้จังหวะไปกับการก้าวเดินอีกครั้ง แต่มันช้าลงกว่าเดิมมาก ราวกับต้องการรักษาช่วงเวลาเหล่านี้เอาไว้นาน ๆ
 
“ผมมั่นใจว่าแม่เลือกคนไม่ผิด”
ผมพูดขึ้นมาลอย ๆ พ่อทำเสียงแปลกใจ ผมหันไปมองหน้าพ่ออีกที
 
“ผมดีใจที่แม่เลือกพ่อมาเป็นพ่อของผม เพราะถ้าไม่ใช่พ่อ ผมคงไม่มีความสุขมากมายขนาดนี้”
 
พ่อหยุดเดิน ทำหน้านิ่ง ๆ แล้วหันมากอดผมเอาไว้ทั้งตัว
 
“เฮ้อ~ ถ้ากายเป็นผู้หญิง แล้วก็ไม่ใช่ลูกพ่อ พ่อคงจีบไปนานแล้วนะเนี่ย อยากให้แม่แกมีความคิดแบบนี้บ้างจัง”
 
ผมยิ้ม
“ผมเรียนรู้เรื่องราวพวกนี้มาจากแม่เหมือนกัน”
 
พ่อเบ้หน้า เราพากันก้าวเดินอีกครั้ง
 
“ไม่เห็นจะมีเลย วัน ๆ เห็นแต่ด่าแว๊ด ๆ คิดดี ๆ เป็นรึไง”
 
“เชื่อผมเถอะ ผมอยู่กับแม่มานานกว่าพ่ออีก”
 
พ่อโขกหัวผมโป๊ก
 
“อยู่ด้วยกันนาน แต่เซลล์สมองไม่พัฒนาเท่าพ่อหรอกน่า”
 
“บางทีความรักก็ไม่จำเป็นต้องใช้สมองนี่ฮะ ใช้แค่หัวใจก็พอ”
 
พ่อหยุดเท้าเอาไว้อีกที หันมามองหน้าผม
 
“แล้วหัวใจของกายล่ะ”
พ่อถามต่อ ผมยิ้ม
 
“ผมรักพี่เอกนะ”
ผมพูดตรง ๆ
 
พ่อมองหน้าผมไม่วางตา ผมมองตอบ

               พ่อเคยบอกไว้ว่าพ่อจะเชื่อใจผม งั้นผมก็ควรจะพูดตรง ๆ ใช่ไหม
 
“ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้รักผมเลยก็ตาม”
ผมปิดท้ายประโยคคำพูดตัวเองด้วยน้ำเสียงชวนเศร้า ที่แม้แต่ตัวผมเองยังคิดไม่ถึงเลยว่าทำไมมันถึงได้เศร้าสร้อยเหงาหงอยขนาดนี้
 
ผมหันกลับไปมองเส้นทางอีกครั้ง ก้าวเท้าไปข้างหน้าเคียงข้างพ่อ
 
“กาย…”
เหมือนพ่อจะพูดอะไรสักอย่าง
 
ผมหันไปมอง
 
“พ่อว่า…เอกเขาเป็นเหมือนพ่อนะ”
 
ผมขมวดคิ้วด้วยความงุนงง
 
“ยังไงฮะ”
 
พ่อแหงนหน้าขึ้นมองท้องฟ้า เหมือนลำบากใจที่จะพูด
 
“ก็.. ปากไม่ตรงกับใจ รู้สึกแต่ถ่ายทอดเป็นคำพูดไม่ได้.. ปากแข็ง.. อะไรทำนองนั้นล่ะมั้ง”
มันคงแย่มาก กับการต้องมานั่งวิพากษ์วิจารณ์ด้านแย่ของตัวเองแบบนี้
 
ผมหัวเราะเบา ๆ ให้แกไปที
 
“ไม่รู้สิ ผมกับแม่ไม่ใช่พระเจ้า อ่านใจคนก็ไม่ได้ ไม่บอกก็ไม่รู้ ไม่แสดงออกก็ไม่มีทางเห็น”
 
พ่อหันมามอง
 
“แล้วแม่แกมาเกี่ยวอะไรด้วย”
 
ผมแกล้งเลิกคิ้วสูง
 
“ก็พูดไปงั้น”
แล้วผมก็เดินลิ่ว ๆ นำไปก่อน






 
ไปถึง แม่กำลังนั่งเล่นกับเจ้าตัวเล็กและอาพิมอยู่ ส่วนพี่เอกคุยถูกคออยู่กับลุงพงษ์ครับ
 
“ว้าววว มาแล้ว ดีเลย มา ๆ ๆ ๆ”
 
“อย่าเพิ่งสิพี่พงษ์ เอาไว้ให้เย็นก่อน กินตอนนี้ เดี๋ยวเมาทำอะไรไม่ได้ ให้พวกนี้ได้พักได้เที่ยวกันก่อน”
 
อาพิมรีบปราม ลุงพงษ์ทำเสียงจิ๊จ๊ะ แกคงเปรี้ยวปากอยากกิน
 
“นั่นน่ะสิ เออกาย.. ลุงโม้กับพ่อเอกไปเยอะ หลานก็พาเขาเที่ยวหมู่บ้านเราบ้างนะลูก”
ลุงหันมาบอก
 
ผมมองหน้าพี่เอก ทำท่าอึดอัด ก่อนปรับสีหน้าให้นิ่งที่สุด
 
ใจเย็นกาย
 
นี่คือแขก เราต้องทำหน้าที่ต้อนรับแขกให้ดี ผมสั่งตัวเองใหม่
 
“ได้ครับลุง ว่าแต่วันนี้ลุงนัดกับป้าจันทร์เรื่องทำบ้านไว้ไม่ใช่เหรอ นี่สายแล้วนะ”
 
“เอ้อ!! จริงสิ สายแล้วด้วย งั้นลุงไปก่อนล่ะ เดี๋ยวกลับมาคุยกันใหม่”
ลุงแกตบไหล่พี่เอกปุ ๆ รีบเดินกึ่งวิ่งจากไป
 
“อาบน้ำกันก่อนไหม”
ผมถามแบบไม่เจาะจงคนตอบ พ่อทำท่าบิดขี้เกียจ ส่วนแม่ยังเม้าท์เพลิน
 
“ขับรถมาจากบ้าน ตัวยังไม่เน่าหรอก เย็น ๆ ค่อยอาบ หนาวทีเดียวไปเลย”
พ่อบอก
 
แม่หันขวับมามอง
 
“ขี้เกียจ”
 
พ่อทำสายตากรุ้มกริ่ม
 
“แล้วทำไมคุณไม่อาบล่ะ”
พ่อย้อนกลับบ้าง
 
“ฉันอยากนั่งเล่นกับหลานก่อนย่ะ”
 
“ผมก็อยากนั่งเล่นกับลูกเหมือนกัน”
แล้วพ่อก็คว้าตัวผมเข้าไปกอด
 
ผมหัวเราะหึ ได้เป็นเป้านิ่งให้พ่อกับแม่ยำเล่นอีกแล้ว
 
“แล้วพ่อหนุ่มล่ะ อยากอาบไหม”
ปู่หันมาถามพี่เอก พี่แกส่ายหน้าเบา ๆ
 
“บ๊ะ มันหล่อได้ใจจริง ๆ ทำไมตอนหนุ่ม ๆ ปู่ไม่หล่อแบบนี้บ้างวะ”
ปู่แซว
 
“โหย ปู่ผมหล่ออยู่แล้วล่ะครับ ถ้าปู่ไม่หล่อ ผมจะออกมาหล่อได้ขนาดนี้เหรอ”
ผมชมตัวเอง ทุกคนพากันหัวเราะ รวมถึงพี่เอกด้วย แต่ผมไม่ได้สนใจหันไปมอง
 
“พี่อยากล้างหน้า”
พี่มันหันมาบอก ผมหันไปมอง
 
“ครับ เดี๋ยวผมพาไป”
ผมลุกขึ้น โดยมีพี่เอกลุกขึ้นตาม แอบเห็นพ่อกับแม่ส่งสายตาให้กันนิด ๆ แม่คงเป็นห่วง แต่พ่อพยักหน้าทีเดียวประมาณว่า
 
‘ไว้ใจลูกเถอะ’
อะไรทำนองนั้น แม่ถึงได้หันไปเล่นกับเจ้าตัวเล็กต่อ
 




 
บ้านปู่ย่ามีห้องน้ำอยู่สองแบบ แบบหรูที่มีห้องหับมิดชิด มีอ่างขนาดใหญ่พร้อมขันใบสวยเอาไว้จ้วงอาบ มีฝักบัวพร้อมเครื่องทำน้ำอุ่น มีชักโครกสีขาวอย่างสวยพร้อมอ่างล้างหน้าอย่างหรู กำแพงและพื้นปูกระเบื้องสีอ่อน ง่ายต่อการทำความสะอาด
 
ในขณะที่อีกฟากเยื้องออกไปนอกตัวบ้านไม่เกินยี่สิบเมตร มีห้องน้ำกลางแจ้งครับ ใช้ฝาไม้กระดานอันเก่า ๆ มาตีล้อมไว้สามด้านสูงเพียงหัวไหล่ เปิดโล่งไว้ด้านหนึ่งให้เดินเข้าไป ตีพื้นด้วยไม้ยกสูงจากพื้นดินเพียงห้านิ้ว มีตุ่มอยู่มุมหนึ่งพร้อมขันสแตนเลสสีเงินเก่า ๆ ที่ถูกขัดแล้วขัดอีกจนเรี่ยมเร้เรไร
 
วิวสวยดีครับ
 
ตอนกลางวันก็อาบน้ำท่ามกลางเปลวแดด มองวิวทุ่งหญ้าทุ่งนาไป ส่วนตอนกลางคืนก็อาบน้ำท่ามกลางแสงจันทร์…
 
และสายลมโกรก
 
บรื๋อ!!
 
หนาวอย่าให้เซ้ด
 
ผมพาพี่เอกไปยืนอยู่หน้าห้องน้ำอย่างหรู แล้วผมก็เดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวมายื่นให้ พี่แกรับไปถือไว้ แล้วเดินไปที่ตุ่มน้ำด้านนอกแทน ผมแอบแปลกใจ แต่ไม่คิดจะห้าม
 
พี่มันจ้วงน้ำจากตุ่มวักใส่หน้าใส่หัวจนเปียกชุ่มไปถึงคอร่วงลงมาถึงเสื้อ แล้วพี่แกก็เสยผมไปด้านหลัง จนเห็นใบหน้าหล่อเหลาหมดจดที่มักจะทำให้ผมหลงใหล
 
ผมรีบเสมองไปด้านอื่น
 
ยิ่งมองยิ่งหลงเสน่ห์ ผมมองท้องทุ่งนาไร้ต้นข้าว แต่เต็มไปด้วยต้นหญ้าเขียวขจี มีควายสองสามตัวกำลังยืนเล็มหญ้ากันอยู่
 
พอหันกลับมา ภาพตรงหน้าก็ถูกบดบังด้วยแผงอกกว้างที่คุ้นเคย ผมค่อย ๆ เงยหน้ามอง
 
ใบหน้าหล่อเหลาอยู่สูงขึ้นไป หยดน้ำบางส่วนร่วงเปาะแปะลงมาบนแก้มผม แสงสุริยะอยู่เบื้องหลังพี่เอก เป็นแบ็กกราวน์ให้แกแลดูร้อนแรงและอบอุ่นในเวลาเดียวกัน
 
ร่างของพี่เอกบดบังแสงร้อนให้ผมจนมิด สายลมโหมแรงขึ้นจนเย็นฉ่ำ และเย็นสุดก็ตรงที่มีเม็ดน้ำจากเส้นผมพี่เอกตกลงมากระทบ
 
ผมควรจะทำยังไงดี
 
หลีกหนีจากพระอาทิตย์ดวงนี้
 
หรือยืนอยู่ตรงนี้ ให้พระอาทิตย์แผดเผาต่อไป
 

To Be Con...
แนะนำนะกาย อารมณ์นี้ กระโดดงับคอพี่เอกไปเลย ข้อหาน่ากิน เอ้ย ข้อหาทำเราเจ็บ กายอย่าเพิ่งยอมแพ้นะอย่ายอมยกโทษให้คุณเอกภพง่าย ๆ
อย่ากาย..
อย่า...
อย่า...
อย่าโกรธนานนักล่ะ = = อยากเห็นฉากกุกกู๋ เอ้ยกุกกิ๊กของนายกับพี่เอกง่า
ฮ่า ๆ
ใครคิดว่าน้องกายเราจะยอมพี่เอกง่าย ๆ หะ??
ดูถูกกันเกินไปแล้ว!!!
คุณ...
คุณ...
คุณคิดไม่ผิดหรอก (อ้าว) ฮ่า ๆ ไม่ง่ายแต่ก็ไม่ยากค้าาาา เอาแค่พอกรุบกริบเนอะ
ว่าแต่สองตอนที่แล้วมันดราม่าขนาดนั้นเลยเหรอ เห็นร้องไห้กันระนาว - - เทียบกับน้องซินแล้ว ตอนนี้จิ๊บ ๆ = =
อ่าน เม้นท์โหวต ขอบคุณมากเจ้าค่ะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05-07-2016 19:26:35 โดย memew »

ออฟไลน์ minkey

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 233
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
 :ling1: :ling1: :ling1:
อ๊ากก ค้างงงงง
พี่เอกมาหาน้องหรือเปล่าาาาาา

ออฟไลน์ Ginny Jinny

  • ความเป็นจริงมันวุ่นวาย ก็ขอให้ใจมันสบายๆในความฝัน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2099
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4
ค้างงงงงงงงงงง อย่างแรง  :z3: :z3: :z3:

ออฟไลน์ mam.nalok

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 247
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
กรี๊ดดดดดดดขอกรี๊ดที่เถอะ ขอให้เป็นคนที่เราคิดไว้เถ้ออออออออ

ออฟไลน์ SOMCHAREE

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 969
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +32/-2
จัดเยอะๆเลยยย อย่าให้อภัยพี่เอกง่ายๆนะะะ

ออฟไลน์ Pam_ban

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1086
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +109/-2
อยากเจอบทง้องอนหน่วงจิตแบบจัดๆ อ่ะค่ะ ชอบแบบเจ็บปวดๆ  :laugh:


รอตอนต่อไปนะคะ


 :katai3:

ออฟไลน์ Ginny Jinny

  • ความเป็นจริงมันวุ่นวาย ก็ขอให้ใจมันสบายๆในความฝัน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2099
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4
อย่าพึ่งใจอ่อนนะกาย เอาคือพี่มันก่อน  :angry2: :angry2:

ออฟไลน์ minkey

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 233
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
ง้อน้องหน่อยนะพี่เอก
ดราม่าเอาพอกรุบกริบก็พอเนอะ
 :katai2-1:

อยากอ่านตอนต่อไปแล้ววววว :z2:


CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ BABYBB

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1123
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-1
อิพี่เอกกกกกก มาง้อเค้าแล้วพูดกะเค้ายังเนี้ยยยย
โอยยย น้องจอมงอนนานๆไปโลยยยย อย่าพึ่งหวั่นไหวกะผช.เปียกน้ำ 5555555 :hao7:

ออฟไลน์ lovemongjang

  • ตลอด
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 223
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
รออยู่นะจ๊ะ

ออฟไลน์ memew

  • ขอบคุณที่เข้ามาอ่านจ้าาา
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 456
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +382/-10
    • :: Memew แฟนเพจ :
ตอนที่ 58 เมื่อพระอาทิตย์บอกรักพระจันทร์ (พี่เอก)



ผมจ้องมองดวงตาของคนที่ยังมองผมอยู่นิ่งค้าง ริมฝีปากเรื่อแดงเผยอออกนิด ๆ ราวกับจะยั่วยวน ดวงตามันเต็มไปด้วยความสับสน หวาดหวั่นและเจ็บปวด
 
ทุกความรู้สึกที่ผมเป็นผู้ก่อ
 
ร่างของผมบดบังมันไว้จากแสงร้อนของพระอาทิตย์ บังมันไว้จนมิด แต่ผมคงลืมไป ว่าผมเป็นพระอาทิตย์ และชอบที่จะสาดแสงใส่ทุกอย่างที่อยู่รอบตัว
 
โดยเฉพาะบางอย่างที่ไร้การบดบังเช่นมัน
 
ผมจ้องตามันอยู่สักพัก ก่อนเคลื่อนใบหน้าลงไปหามันช้า ๆ แล้วหยุดปากเอาไว้นิ่งค้างเหนือริมฝีปากมัน
 
ผมไม่มั่นใจ ว่าผมนิ่งเพราะอะไร ผมไม่อยากทำร้ายมันอีก อยากทะนุถนอมมัน แต่ดูเหมือน ทุกการกระทำของผม จะเป็นตัวทำร้ายมันตลอด
 
“เรียบร้อยแล้วใช่ไหมฮะ”
มันถอยหลังออกไปก้าวหนึ่ง มองเห็นความเจ็บปวดยิ่งกว่าเดิมผ่านดวงตาคู่นั้นด้วย
 
ผมดึงหน้าตัวเองขึ้นมาตั้งตรง อยากจูบ แต่ก็ไม่อยากทำร้ายมันอีก อยากสัมผัส แต่ก็ไม่อยากทำให้มันหวาดผวา
 
แล้วมันก็หันหลังเดินนำผมเข้าบ้าน



 
 
“นี่ ๆ กาย พาแม่ไปเดินเล่นกลางนาทีสิ แม่อยากได้ฟิวกับบรรยากาศดี ๆ แล้วก็เก็บภาพเอาไว้ให้แม่เยอะ ๆ ด้วยนะ อยากเอาไปใช้เป็นแบบเขียนนิยาย”
แม่ไอ้ตัวเล็กรีบเดินเข้ามาอ้อนทันที
 
“อืมได้สิฮะ”
มันรับปาก เดินหายเข้าไปภายในตัวบ้าน ก่อนกลับออกมาอีกทีพร้อมกล้องคล้องไว้ที่คอและมีหนุ่มใหญ่เดินยิ้มแป้นตามหลังมา
 
“จะตามมาทำไมยะ”
แม่เริ่มวีน แต่พ่อไม่สนใจ หันมาชวนผมให้ไปด้วยกัน แกบอกจะได้เรียนรู้วิถีชีวิตของคนบ้านนอกไปในตัว
 
“ไม่ต้องไปเลย” แม่ยังไม่ยอมแพ้ห้ามปราม

 
“ผมจะไปเที่ยวกับลูก ไม่เกี่ยวกับคุณนี่”
พ่อตอกกลับ แม่ทำหน้าขัดใจ สุดท้ายก็ได้แต่ทำเสียงจิ๊จ๊ะ เดินนำไปก่อนโดยมีพ่อเดินตาม

ผมมองพวกท่านสองคนยิ้ม ๆ ผมว่า พ่อมีวิธีจีบแม่ที่แปลกดีแฮะ มองเลยไปยังไอ้ตัวเล็ก

จะว่าไปแล้ว ผมยังไม่เคยทำอะไรที่เป็นความหวังให้มันเลย นอกจากจับมันขึ้นเตียงอะนะ
 
บ้านปู่ย่ามันเป็นบ้านแบบต่างจังหวัดของแท้ครับ มีชั้นเดียว ทำจากไม้ทั้งหลัง เน้นความกว้างมากกว่าความสูง หลังคากระเบื้อง มีลานโล่งหน้าบ้าน โอบล้อมตัวบ้านด้วยต้นไม้ขนาดใหญ่ดูร่มรื่น ห่างออกไปเป็นทุ่งนาแสนกว้าง เขาเกี่ยวข้าวไปแล้ว ตอนนี้มีเพียงต้นหญ้าขึ้นเขียวขจี ให้พวกวัวและควายได้เดินเล่นเลาะเล็มเก็บกิน สายลมพากันโกรกหน่อย ๆ ให้ยอดหญ้าปลิวไสว

วิวสวยไปอีกแบบครับ

พอออกมาไอ้ตัวเล็กก็เดินว่อนถ่ายรูปลืมผมกับพ่อแม่ไปเลย พ่อกับแม่เดินทะเลาะกันมาตลอดทั้งเส้นทาง ในขณะที่ผมก้าวเท้าชมวิวไปข้างหน้าช้า ๆ สลับกับมองตามไอ้ตัวเล็กที่เดินหามุมสวย ๆ ถ่ายรูปอยู่

พ่อที่เดินทะเลาะกับแม่อยู่ไม่ไกลเดินเข้ามาใกล้ แล้วตบไหล่ผมเบา ๆ ผมหันไปมอง
 
“เห็นพ่อกับแม่ตอนนี้ไหม”
พ่อถาม
 
ผมกับแม่มองเฮียแกงง ๆ
 
“ครับ”
 
“แล้วอยากเป็นแบบนี้ หรืออยากทำให้ดีกว่านี้”
พ่อถามต่อ

ผมกำลังงุนงงกับสิ่งที่แกต้องการจะสื่อ
 
“ถ้าอยากให้ดีกว่านี้ ก็ต้องลงมือทำให้ดี แบบนี้ยังไงล่ะ”
แล้วพ่อก็หันไปช้อนอุ้มแม่ไว้ในอ้อมแขน วิ่งลิ่ว ๆ ไปกลางทุ่งนา แม่ก็หวีดร้องลั่นเกาะคอพ่อแน่น ไอ้ตัวเล็กหันมามอง มันยิ้มจนเต็มหน้า รีบยกกล้องขึ้นมากดถ่าย ได้ยินเสียงแม่โวยวายไปตลอดทาง
 
ผมอมยิ้ม เข้าใจในสิ่งที่พ่อต้องการจะสื่อทันที
 
พ่อพาแม่วิ่งลิ่ว ๆ ห่างไปไกล นี่แกจงใจพาแม่วิ่งไปสวีทกันสองคน หรือจะมอบโอกาสให้ผมได้สานต่อในสิ่งที่ผมควรจะทำกันแน่นะ
 
ไอ้ตัวเล็กทำท่าจะเดินตามไป แต่ผมก้าวไปคว้าข้อมือมันไว้ก่อน
 
ผมรู้ว่านิยายเรื่องนี้ เป็นเรื่องราวในรั้วมหา’ลัย แต่ไหงคนเขียนมันพามาจบที่กลางทุ่งนาได้หว่า
 
ถ้าอยากรู้ต้องถามคนเขียนกันเอาเองครับ
 
ผมจ้องมองดวงตาแปลกใจของมัน
 
มันเคยบอกเอาไว้ ว่าไม่ว่าจะยังไง มันก็จะรักผม งั้นผมก็ควรจะเป็นตัวของตัวเองสินะ
 
ผมไม่ใช่คนดี
 
ผมไม่ใช่คนอ่อนโยน
 
แต่มันก็ยังยืนยันที่จะรัก
 
แล้วสิ่งที่ผมจะตอบแทนมันได้ล่ะ คืออะไร

ผมดึงมันมาจูบเบา ๆ

กลางทุ่งนา...

ท่ามกลางต้นหญ้าบนนาข้าว...


ภายใต้แสงอาทิตย์ที่เริ่มคล้อยไปทางด้านทิศตะวันตก

มันทำหน้าตกใจรีบผลักตัวเองออก แต่ผมยึดจับเอวมันไว้ทั้งสองข้าง เพิ่มแรงบดเบียดของปากเข้าไปอีก มันครางห้าม พยายามยื้อตัวออก แต่ผมยังฝืนจูบมันอยู่

ไม่นานมือที่ผลักไสก็เริ่มโรยแรงกลายเป็นบีบต้นแขนผมไว้เบา ๆ จังหวะการดิ้นก็น้อยลงเรื่อย ๆ จนกลายเป็นหยุดนิ่ง แหงนหน้าตอบรับรสจูบจากผม
               
พอมันหยุดขัดขืน ผมก็ผ่อนแรงจูบรุกรานลงจนกลายเป็นจูบนุ่นนวลแผ่วเบา คลายมือจากจับเอวมันแน่นมาเป็นโอบเอวมันไว้หลวม ๆ 

ไม่นานผมก็ถอนริมฝีปากออก

ตามันปรอยหน่อย ๆ มองผมกลับ
 
“ไม่ว่าจะยังไง นายก็ยังจะรักพระอาทิตย์ดวงนี้ใช่ไหม”
 
มันทำสีหน้างุนงง คงกำลังเมาจูบอยู่
 
“พี่ยอมเป็นพระอาทิตย์ให้กายแล้ว แล้วกายจะยอมเป็นพระจันทร์ให้พี่รึเปล่า”
 
มันกะพริบตาปริบ ๆ ทำสีหน้างุนงงยิ่งกว่าเดิม
 
ผมก้มลงไปกระซิบข้างหูมัน
 
“กายชอบพระอาทิตย์ที่สุด แล้วรู้รึเปล่าว่าพี่ชอบอะไร”
 
มันยังไม่พูดอะไร สายตาเต็มไปด้วยความแปลกใจและสับสน
 
“พี่ชอบพระจันทร์ที่สุด”
ผมเฉลย มันเบิกตากว้าง ผมไม่ปล่อยให้มันได้พูดอะไร ก้มจูบมันไปอีกทีแล้วถอนริมฝีปากออก
 
“พี่เป็นพระอาทิตย์ นายเป็นพระจันทร์ อาทิตย์กับพระจันทร์มักจะอยู่คู่กัน ภายใต้ผืนฟ้าเดียวกัน จับมือกัน เพียงแต่ทำหน้าที่กันคนละอย่าง ในเวลาที่พี่ร้อน นายจะทำให้พี่เย็น และในเวลาที่นายหนาวเหน็บพี่จะให้ความอบอุ่นกับนายเอง แต่บางทีอาจจะอุ่นไปบ้างจนร้อนระอุ นายก็ทน ๆ เอาหน่อยละกัน”
 
มันยังมองหน้าผมด้วยสีหน้างุนงงอยู่
 
ผมคลี่ยิ้ม
 
“กาย…”
ผมก้มกระซิบข้างหูมันอีกรอบ
 
“พี่รักนายนะ”
ผมไม่รู้ว่ามันยืนนิ่งอยู่ท่าเดิมนานแค่ไหน มันยืนนิ่งโดยมีผมยืนยิ้มมองมันอยู่ในอ้อมแขน
 
มันก้มหน้าลงต่ำ ก่อนเงยหน้าขึ้นมามอง แล้วดันตัวเองออกเบา ๆ แต่ผมยังไม่คลายปล่อย
 
“คุณเอกภพนี่เป็นคนอารมณ์ขันดีนะ”
 
ผมขมวดคิ้วคลายอ้อมแขนออกหน่อย ๆ
 
“พูดเล่นจนผมเผลอคิดว่าเป็นเรื่องจริงเลย”
 
ผมมองมันงง ๆ
 
นี่กูอุตส่าห์บอกรักมึงเชียวนะเว้ยเฮ้ย
 
“ผมขอตัวก่อนนะครับ”
มันหันหลังเดินออกจากอ้อมแขนผมไป ผมรีบก้าวไปคว้าข้อมือมันดึงกลับมาไว้ในอ้อมแขนเหมือนเดิม ผมขมวดคิ้ว จ้องหน้ามันอย่างหาคำตอบ มันพยายามขืนตัวออก แต่ผมไม่ยอมปล่อย
 
“กาย นี่พี่บอกรักนายอยู่นะ”

[50%]
มันหยุดขืนตัว เงยหน้ามองตาผม 
 
“พี่เอก”
แล้วมันก็ยอมเรียกผมอย่างที่มันเรียกทุกครั้ง
 
“ถามใจตัวเองให้ดีนะฮะ แล้วอย่าเอาหัวใจคนอื่นไปล้อเล่นอีก ผมไม่รู้ว่าพี่มาที่นี่เพราะอะไร เพื่อมาเยาะเย้ย หรือมาตอกย้ำให้ผมต้องเจ็บช้ำอีก แล้วผมก็ไม่รู้ว่าพี่พูดคำเมื่อกี้เพราะอะไร เพื่อหาที่ระบาย เพื่อหาเหยื่อ หรือมันเป็นเกมที่พี่จะได้เอาไปคุยกันสนุกปากทีหลังว่าผมเสร็จพี่ไปกี่รอบแล้ว”
 
ผมค่อย ๆ คลายอ้อมแขนออก
 
ไม่ผิดที่มันจะไม่เชื่อใจผม เพราะผมเป็นคนทำลายสิ่งนั้นด้วยตัวผมเอง

มันหันหลังอีกรอบ เดินตรงไปทางพ่อแม่ ก้าวห่างผมออกไปเรื่อย ๆ ในขณะที่ผมยังยืนนิ่งอยู่ตรงจุดเดิม
 
ก่อนที่ผมจะบอกรักมัน ผมทำให้มันเชื่อใจผมแล้วรึยัง แล้วทำให้มันเชื่อใจผมได้มากแค่ไหน ผมพูดดีวันนี้ แต่วันพรุ่งนี้ ผมอาจกลืนคำพูดตัวเองลงไป แล้วทำร้ายจิตใจมันอีก
 
คำรักจากผม ที่นอกจากแฟนคนแรกแล้ว ผมก็ไม่เคยพูดกับใครอีกเลย มันดูมีค่าสำหรับผมมาก แต่สำหรับกาย อาจเป็นเพียงน้ำคำหลอก ๆ ที่เอาไว้เชิญชวนให้มามีอะไรกันในยามค่ำคืน แล้วเฉดหัวทิ้งในวันรุ่งขึ้น
 
มันไม่เชื่อใจผมอีกต่อไปแล้ว
 
แม้จะรัก แต่มันก็เลือกที่จะรักเท่านั้น ไม่คิดที่จะโอบอุ้มเอาความเจ็บปวดไว้ในมือตัวเองอีกต่อไป
 
ผมมองตามแผ่นหลังมันไปเรื่อย ๆ ก่อนตัดสินใจก้าวเร็วไปคว้าข้อมือมันไว้ จับมันหันมาเผชิญหน้าอีกรอบ
 
“พี่ขอโทษสำหรับทุกสิ่งทุกอย่าง…”
 
ไอ้ตัวเล็กยืนนิ่งไปอีกรอบ
 
“พี่มันพวกขี้หึงหน้ามืดตามัว ที่พี่พูดไปวันนั้น เพราะพี่เข้าใจผิด เพราะพี่คิดไปเอง เพราะพี่ไม่เชื่อใจกาย”
ผมหยุดคำพูดตัวเองไปนาน
 
“พี่พาล เพราะเห็นกายไปกอดกับไอ้เป้ พี่พาลเพราะเห็นไอ้โอ๊คมันสัมผัสกาย พี่พาลเพราะหึงทุกคนที่เข้าใกล้กาย พี่รู้ว่าพี่ไม่มีสิทธิ์เพราะพี่ไม่เคยทำอะไรให้ชัดเจน”
 
มันยืนอึ้งรับฟัง ผมสูดลมหายใจเข้าปอดลึก
 
“พี่จะไม่ขอให้กายยกโทษให้พี่หรอกนะ เพราะพี่ทำกายเจ็บมาเยอะ ทั้งร่างกายแล้วก็จิตใจ แต่พี่ก็เจ็บที่ทำให้กายต้องเจ็บเหมือนกัน”
 
ผมบีบข้อมือมันเบา ๆ
 
“พี่คงไม่ขอให้กายให้โอกาสพี่ เพราะโอกาสพี่มันคงหมดไปแล้ว แต่พี่จะขอเริ่มต้นใหม่ เหมือนที่พ่อตัดสินใจเริ่มต้นใหม่กับแม่อีกครั้ง”
ผมพูดแล้วยิ้ม
 
“พี่มันพวกหน้าด้านนะกาย”
ผมเขยิบตัวเข้าไปชิด ยกตัวมันขึ้น รั้งสองขามันคาดเอวผมไว้ มันร้องเหวอรีบโอบรอบลำคอผมไว้ทันที
 
“พี่ไม่ขอให้เรากลับไปเป็นเหมือนเดิมนะ เพราะกายคงจะเจ็บปวดเหมือนเดิม แต่พี่จะขอเริ่มต้นจีบกายใหม่”
 
มันมองหน้าผมอึ้ง ๆ ผมยิ้มผ่านดวงตาให้มัน
 
“นิสัยพี่ก็เหมือนหมาอะนะ มันจะหวงกระดูกสุด ๆ ไอ้อีคนไหนที่คิดจะมาแย่งคนของพี่ มันคงต้องข้ามศพพี่ไปก่อน แม้แต่ไอ้อาร์ตที่เคยฝากรอยไว้ที่นี่ด้วย”
ผมลูบลำคอมันเบา ๆ ตรงจุดที่ไอ้อาร์ตเคยทิ้งรอยเอาไว้นั่นแหละ ตอนนี้รอยจูบหายไปแล้ว แต่ผมยังจำมันได้ติดตา

ร่องรอยที่ไม่ใช่ของผม 
 
“พะ พี่รู้”
หน้ามันซีดเผือด
 
นี่สินะ ที่ทำให้มันหวาดกลัวในวันนั้น
 
“กาย พี่อยากให้กายไว้ใจพี่ พูดสิ่งที่ควรจะพูดกับพี่”
 
“แล้ว…”
มันคงอยากถามว่า ผมรู้ได้ยังไง แล้วเกิดอะไรขึ้น
 
“ไอ้กิ๊ฟมันเอาภาพที่กายถูกไอ้อาร์ตจูบมาให้พี่ดู แล้วพี่ก็ไปซัดกับมันมา”
 
มันเบิกตากว้าง จ้องมาที่มุมปากข้างหนึ่งของผม
 
“ข้างนั้นน่ะ ของพ่อกับของไอ้เป้มัน ของไอ้อาร์ตข้างนี้ต่างหาก”
 
มันเบิกตากว้างด้วยความตกใจอีกรอบ
 
ตกใจง่ายจริงวุ้ย เมียกู
 
“พ่อ..พี่เป้..ทำไม”
 
“ของไอ้เป้น่ะ มันปกป้องกายตอนพี่ปากหมาไปว่าเรื่องกายเข้า ส่วนของพ่อก็เป็นธรรมดา ใครมาทำลูกตัวเองเจ็บ ก็ต้องมีการเอาคืนกันบ้างนิด ๆ หน่อย ๆ ตามแบบฉบับลูกผู้ชาย แต่หมัดแกหนักยิ่งกว่าของไอ้อาร์ตกับไอ้เป้ซะอีก”
หนักไม่หนักก็ทำเอาผมที่ตัวใหญ่ ๆ ร่วงลงไปนั่งกองอยู่ที่พื้นได้ละกัน เขียวปี๋เลย
 
ลุงพงษ์ก็ถามเหมือนกันว่าไปทำอะไรมา ผมก็บอกไปว่า ไปทำเรื่องที่ลูกผู้ชายสมควรทำมา ลุงตบไหล่ใหญ่ แล้วบอกว่า ‘เรื่องชกต่อยเป็นเรื่องธรรมชาติ’’
 
“พี่เอก”
แล้วมันก็ยอมเรียกชื่อผมอีกครั้ง ผมยิ้ม ซบหน้ากับไหล่มัน
 
“มันยากที่จะทำให้พี่พูดคำนี้นะ พอพี่พูด กายก็เตะคำพูดพี่ซะกระเด็นไปไกลเลย”
 
“ผมก็รู้สึกแบบเดียวกัน ในวันที่ผมบอกรักพี่ แล้ววันรุ่งขึ้น พี่ก็เอาคำรักของผมไปโยนทิ้ง”
 
ผมเงยหน้ามอง มันหลุบตาลงต่ำ
 
ใช่ มันบอกรักผม แล้วหลังจากนั้น ผมก็พูดจาเชือดเฉือนราวกับไม่รู้สึกอะไรกับมัน แถมยังกระทืบซ้ำให้มันเจ็บช้ำยิ่งกว่าเดิมอีก
 
“พี่ขอโทษ”
 
มันนิ่ง ก่อนพยักหน้าเบา ๆ
 
“ก็พี่หึง”
 
มันยังนิ่งอยู่ แล้วพยักหน้าอีกที ผมเริ่มยิ้มออก
 
“ยกโทษให้พี่แล้วใช่ไหม”
 
มันส่ายหน้าไปมา ผมขมวดคิ้ว มันเงยหน้ามอง
 
“ผมไม่ได้โกรธพี่ เลยไม่มีอะไรจะยกโทษให้ แต่ผมคงรับคำรักจากพี่ไม่ได้ เพราะผมไม่แน่ใจในตัวพี่ วันนี้พี่อาจพูดดี แต่วันพรุ่งนี้ มันอาจเป็นเพียงเสียงนกเสียงกาก็ได้”
โห ดูมันเปรียบซะ
 
“ผมอยากเชื่อ อยากฟัง แต่ก็กลัวเกินที่จะรับมัน ผมกลัวว่าถ้าวันนี้ผมดีใจ วันพรุ่งนี้ผมอาจจะเสียใจที่มันเป็นเพียงแค่คำพูดเท่า…”
 
ผมรีบหยุดคำพูดมันด้วยริมฝีปากตัวเองทันที
 
ผมเข้าใจแล้ว
 
เข้าใจถ่องแท้เลย
 
“พี่รักกายนะ” ผมถอนปากออกมาบอก “แล้วพี่จะพูดให้กายฟังเท่าที่จะทำได้ละกัน”
 
ดวงตามันสั่นไหว ผมจูบแก้มมันเบา ๆ
 
“ไม่ต้องเชื่อพี่ก็ได้ เพราะมันก็แค่คำพูด แต่กายคือคนที่พี่อยากเจออยากอยู่ใกล้มากที่สุด คือคนที่ทำให้พี่นอนไม่หลับ คือคนที่วิ่งวนอยู่ในหัวพี่ ทำงานก็คิดถึง กินก็คิดถึง เรียนก็คิดถึง เป็นคนที่ทำให้พี่กระสับกระส่าย หงุดหงิดจนโดนพวกเพื่อน ๆ รำคาญ คือคนที่ทำให้พี่ต้องดั้นด้นจากกรุงเทพ มาหาถึงจังหวัดอันไกลโพ้นนี้”
 
มันกะพริบตามองหน้าผม
 
“เพื่อมาบอกว่า พี่รักกาย”
แล้วผมก็ย้ำคำนั้นลงไปอีกที

แล้วก้มจูบมันเบา ๆ ไอ้ตัวเล็กกระชับอ้อมแขนโอบรอบลำคอผมแน่นขึ้น

น้องผมด้านล่างมันขยับดิ้นดุ๊กดิ๊ก ไอ้ตัวเล็กค่อย ๆ ถอนริมฝีปากออกมามอง หน้ามันแดงหน่อย ๆ 
 
“แล้วพี่ก็หื่น”
 
ผมหัวเราะหึ ๆ
 
“ยอมรับ”
แล้วผมก็จูบมันไปอีกที
 
“นี่!! ให้คุยกันโว๊ย!! ไม่ได้ให้มาฟัดกันกลางทุ่งนา!!!”
พ่อตะโกนวิ่งหน้าตั้งมาทางพวกเรา โดยมีแม่ถือท่อนไม้ขนาดใหญ่วิ่งไล่ฟาดหัวพ่ออีกที พ่อวิ่งหนีไปรอบ ๆ กระโดดผ่านหัวคันนาลูกแล้วลูกเล่าหลบหนีไม้จากมือแม่
 
ผมกับกายหัวเราะกันใหญ่ ผมปล่อยมันลง มันรีบยกกล้องขึ้นมาถ่ายสองสามีภรรยาที่กำลังฟัดกันแหลกลาญกลางท้องนา
 
ผมยืนมองภาพตรงหน้าด้วยรอยยิ้ม
 
พ่อวิ่งอ้อมไปข้างหลังแม่ กอดแม่ไว้ ก้มหอมแก้มแม่หนัก ๆ ไปที แม่พยายามดิ้นรนใหญ่

แม่คงไม่ยอมอภัยให้พ่อง่าย ๆ แน่ แต่พวกเราก็มองออกว่าแม่เขินขนาดไหน 
 

ผมเขยิบไปยืนอยู่ข้าง ๆ ไอ้ตัวเล็ก โอบเอวมันไว้ แล้วปล่อยให้มันถ่ายภาพพ่อกับแม่ไปด้วยความสุขใจ
 
ในวันนี้และวันพรุ่งนี้ ผมจะยืนอยู่เคียงข้างมัน ผมไม่สัญญา ว่าผมจะรักมันไปได้ตลอดไหม แต่ผมสัญญา ว่าจะรักมันทุกวัน ตราบเท่าที่ผมยังมีทุก ๆ วันที่เรียกว่าวันนี้อยู่


To be con..
 
รักคิสเลิฟสุดหัวจิตหัวใจ รักพี่เอกน้องกาย คิสหัวคิ้วพี่เอก(ทำไมต้องหัวคิ้ว = =)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14-07-2016 18:36:06 โดย memew »

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
กาย ยังสับสน น้อยใจพี่เอก
พี่เอก ต้องขอโทษ เรื่องที่เข้าใจผิดกาย หึงกาย
เรื่องแฝดตัวเองทำไม่ดีกับกาย
เรื่องที่พูดประชดให้กายเสียใจ ฯลฯ
รอ พี่เอกขอโทษ และอ้อนจนกายใจอ่อน จะได้มาหวานๆ ใส่กัน
 :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ BABYBB

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1123
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-1

ออฟไลน์ Caramel Syrup

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 465
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-2
ก่อนบอกรัก ขอโทษในสิ่งที่ทำกับน้องก่อนดีกว่ามั้ย  เซ็งตานี่จริง จริง

ออฟไลน์ Pam_ban

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1086
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +109/-2
กำลังหน่วงได้ที่เลย น้องไม่เชื่อพระอาทิตย์อีกต่อไป  :sad4: สะใจจริง เอาให้พี่เอกเงิบไปเลวนะน้องกาย  :laugh:


รอตอนต่อไปค่ะ



ออฟไลน์ ammchun

  • Don't Worry,Be Happy
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1389
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-4
อ่านถึงฉากน้องกวางโดนเค้กปาหน้าทีไร น้ำตาจะไหลทุกที :mew4: :mew4:

ออฟไลน์ SOMCHAREE

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 969
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +32/-2
เรงามมากข่ะน้องกาย อย่ายอมง่ายๆนะค่ะ

ออฟไลน์ memew

  • ขอบคุณที่เข้ามาอ่านจ้าาา
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 456
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +382/-10
    • :: Memew แฟนเพจ :
Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 59 ค่ำคืนแสนหวาน พาร์ท 1 50% [กาย]



 
ผมนั่งอยู่บนพื้นหญ้าแห้ง แหงนหน้าขึ้นมองท้องฟ้าไร้แสงอาทิตย์ด้านบน เอนตัวไปด้านหลังหน่อย ๆ โดยมีแผงอกกว้างของพี่เอกรองรับเอาไว้อีกที
 
วันนี้พี่เอกบอกรักผมด้วย บอกรักกลางทุ่งนาเลย
 
น่าอายชะมัด
 
ส่วนพ่อผมน่ะเหรอ นู่น…
 
“อูย~~ ผู้หญิงอะไร มือหนักชะมัด”
พ่อนั่งโอดครวญ เจ็บหนึ่งเว่อร์ไปสิบอยู่อีกด้าน
 
พวกเราออกมานั่งดูดาวกันอยู่ตรงลานกว้างหน้าบ้าน โอบล้อมพื้นที่ด้วยต้นไม้ใหญ่ ปล่อยให้พวกลุง ๆ เขาสังสรรค์กันไป(มีเพื่อนบ้านมาสมทบครับ) พี่เอกกับพ่อดื่มกันคนละสองแก้ว ส่วนผมกับแม่คนละแก้วก็พอ
 
ไม่อยากเมาครับ
 
“เวอร์ ฉันตีไปเบา ๆ”
แม่ท้วง
 
“ก็คุณมือหนัก ไม่เชื่อดูสิ”
แล้วพ่อก็พลิกหัวด้านหลังให้แม่ดู แม่รีบส่องใหญ่ แล้วคุณพ่อแสนเจ้าเล่ห์ก็หันกลับมาจุ๊บแก้มแม่เบา ๆ ที
 
แม่อ้าปากค้าง พอได้สติก็รัวขนมตุ๊บตั๊บใส่พ่อใหญ่ พ่อร้องโอดโอยปัดป้องตัวเองไปหัวเราะไป ผมกับพี่เอกพลอยได้หัวเราะตามไปด้วย ก่อนพวกเราจะละสายตาหันกลับมาดูดาวกันต่อ
 
“พี่เอก อย่า…”    
ผมปรามเสียงเบาเมื่อมือไม้พี่แกเริ่มอยู่ไม่สุข ลูบ ๆ ไล้ ๆ อยู่แถว ๆ สะโพกผม
 
“อย่าอะไร”
พี่มันแกล้งถามหน้าซื่อเหมือนไม่รู้ว่ามือตัวเองกำลังทำรุ่มร่ามกับร่างกายของคนอื่นอยู่ ผมไม่ตอบ พยายามดึงมือพี่มันออก แต่พี่มันเป็นญาติกับตุ๊กแกครับ แงะยังไงก็แงะไม่ออก ผมเลยดันตัวลุกขึ้นหวังเดินหนี แต่พี่มันดึงผมกลับไปนั่งอยู่ท่าเดิม โอบแขนข้างหนึ่งไว้ที่ท้อง ล็อคผมไว้กันหนี
 
“ปล่อยนะพี่เอก”
ผมห้ามเสียงเบา มือหนึ่งพยายามงัดมือใหญ่ที่ท้องตัวเองออก พอ ๆ กับอีกมือที่พยายามงัดมือที่สะโพกตัวเองออกเหมือนกัน
 
“อย่าห้ามพี่เลยนะ ก็พี่คิดถึงกายนี่นา”
พี่มันตอบกลับเสียงพร่า
 
เสียงมึงนี่หื่นมากเลยเหอะ
 
“อยากจับกายขึงพรืดกับเตียงแล้วฟัดให้หนำใจ”
 
มึงจะจริงใจไปไหม
 
แล้วพี่มันก็ซุกซอกคอผมเบา ๆ ผมขนลุกซู่ไปทั่วทั้งตัว
 
มันหวิวครับ
 
“พี่เอก…” ผมครางออกมาเบา ๆ “หยุดนะ”
 
“กายก็อย่าครางสิ ยิ่งครางพี่ยิ่งตื่นนะ”
 
งั้นมึงก็เลิกเล้าโลมกูสักทีสิ ก็รู้ ๆ กันอยู่ว่ากูตื่นง่าย ผมจับมือพี่แกไว้ แกเลยจับมือผมไปจับน้องแกอีกที ผมรีบชักมือกลับ ได้ยินเสียงพี่มันหัวเราะหึ ๆ ด้วย
 
“พ่อกับแม่อยู่ใกล้ ๆ นะพี่เอก”
 
“พวกท่านไม่เห็นหรอกน่า”
พี่มันกระชับอ้อมแขนแน่นขึ้นไปอีก
 
“คิดถึง”
แล้วพี่มันก็หยอดคำหวานใส่ผม ผมงี้นั่งหน้าร้อนผ่าว ก่อนพี่แกจะรีบปล่อยมือออกเพราะได้ยินเสียงแม่ตะโกนเรียก
 
“แม่ไปนอนก่อนนะกาย ง่วงแล้ว พรุ่งนี้ต้องไปเดินตลาดกันแต่เช้า”
 
“ครับ”
ผมตอบรับ รีบลุกขึ้นยืน ก้มดึงพี่เอกให้ลุกขึ้นตามมาด้วย แต่พี่มันอิดออด ทิ้งน้ำหนักถ่วงตัวเองไว้ที่พื้น
 
รากงอกรึไงมึง
 
ผมหันไปมองพ่อกับแม่ พวกท่านเดินหายไปแล้ว หันกลับมาพยายามดึงแขนพี่มันลุกขึ้นอีกที แต่ไม่สำเร็จครับ หนำซ้ำยังถูกดึงให้ลงไปนั่งบนตักพี่แกอีกต่างหาก ผมดิ้นขลุกขลักพยายามจะลุกหนี
 
“กาย”
น้ำเสียงจริงจังหยุดทุกการดิ้นรนของผมลง ผมเงยหน้ามอง พี่เอกมองหน้าผมนิ่ง ๆ
 
“พี่มีเรื่องอยากถาม”
 
ผมพยักหน้าตอบรับ
 
“ทำไมถึงไปจูบกับไอ้อาร์ต”
ผมนั่งนิ่ง รู้สึกร่างกายสั่นไหวขึ้นมาดื้อ ๆ

“ตอบพี่มา พี่ไม่โกรธหรอก”
พี่เอกจูบหน้าผากผมเบา ๆ เพื่อย้ำถ้อยคำ
 
ผมก้มหน้าลงต่ำ
 
“ก็วันนั้นผมง่วง ผมเบลอ หิวข้าว แล้วก็อยากอ้อนด้วย ผมคิดว่าพี่อาร์ตเป็นพี่เอก เลยเดินเข้าไปกอดแล้วก็...จูบ”
คำพูดสุดท้ายแผ่วหายไปในลำคอ
 
พี่เอกนั่งนิ่ง
 
“แล้วมันขัดขืนรึเปล่า”
 
ผมพยักหน้า
 
“ตอนแรกก็ขัดขืนนะ แต่ผมคิดว่าพี่เอกกำลังโกรธอยู่ เลยฝืนจูบไป จนพี่แกยอมอยู่นิ่ง ๆ แล้วก็จูบตอบ”
ผมบอกออกไปตรง ๆ พี่เอกถอนหายใจแรง แอบเห็นพี่แกกำต้นหญ้าที่พื้นด้วย ผมนั่งหัวหดเตรียมให้ด่า
 
“แล้ววันนั้นไปอ้อนมันยังไง”
 
ผมเงยหน้ามอง
 
“ทำเหมือนที่ทำกับไอ้อาร์ตวันนั้นซิ”
พี่มันสั่ง
 
แม้จะอาย แต่ผมเลือกที่จะพยักหน้ารับ เลื่อนมือขึ้นไปจับใบหน้าสองข้างของพี่แกไว้ จูบเบา ๆ 

พี่เอกยังคงนั่งนิ่ง ผมสอดปลายลิ้นเข้าไปภายใน เกี่ยวลิ้นพี่แกไว้ ไม่นานพี่มันก็ตอบรับรสจูบจากผม
 
รสจูบอันคุ้นเคย
 
ผมเผลอตัวครางออกมาเบา ๆ ร่างกายพากันร้อนมากขึ้นเรื่อย ๆ ผมรีบถอนจูบออก ก้มหน้าไม่กล้าสบตาเหมือนเดิม
 
“จูบกับมันแล้วรู้สึกยังไง”
พี่มันถามต่อเรียบ ๆ
 
ผมส่ายหัวไปมา เงยหน้าขึ้นมองคนถาม คิ้วเข้มขมวดด้วยความแปลกใจ
 
“ผมชอบจูบกับพี่มากกว่า” พูดแล้วก็ก้มหน้าต่อ “จูบของพี่ทำให้รู้สึกดี ถึงหน้าตาจะเหมือนกัน แต่รสจูบต่างกัน”
นี่กูกำลังพูดอะไรของกูอยู่วะเนี่ย
 
พี่มันนิ่งไปนาน
 
“ต่างกันยังไง”
ก่อนถามขึ้นมาอีก ผมเงยหน้ามอง
 
“ก็มัน…”
 
“ก็มัน…?” พี่มันต้อนเสียงนุ่ม
 
“ผมไม่รู้ รู้แค่ว่า จูบกับพี่แล้วรู้สึกดีกว่า”
ผมซุกหน้ากับอกพี่แกเบา ๆ
 
อายครับ ให้กูมาพูดเรื่องอะไรพรรค์นี้วะ
 
แล้วอยู่ ๆ เจ้าสิ่งที่ผมนั่งทับอยู่ ก็แข็งโป๊กขึ้นมา ผมเงยหน้ามองพี่แก ได้ยินเสียงเฮลั่นด้านหลังแล้วก็มีเสียงเชียร์ให้พ่อดื่มอีกแก้ว สงสัยพ่อจะไม่ได้เข้านอนแล้วล่ะ พี่มันอมยิ้ม ลุกขึ้นลากผมเดินไปยืนพิงต้นไม้ใหญ่ แล้วกดจูบลงมาเบา ๆ ก่อนรสจูบนั้นจะเพิ่มทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ จนผมหอบ พี่มันละริมฝีปากลงไปที่ซอกคอ ผมรีบเอียงหน้าหลบหนี
 
“พี่เอก อย่านะ นี่มันข้างนอก”

[ ต่อ 50%]


พี่มันไม่ฟัง รุกไล้ซอกคอผมไม่หยุด มือไม้ก็อยู่ไม่สุข ล้วงเข้ามาลูบวนอยู่แถว ๆ หน้าอกก่อนบีบเบา ๆ บนยอดอกผม ผมครางฮือ อยากครางห้ามครับ แต่มันก็หวิวได้ใจ แล้วพี่มันก็จับผมหันหน้าเข้าหาต้นไม้ ปลดกางเกงผมลงไปค้างไว้ที่หัวเข่า
 
“พี่ทนไม่ไหวแล้วนะกาย พี่ปวด”
พี่มันบอก ก่อนแปะความอุ่นแข็งไว้ที่ปากทางเข้า ทิ่ม ๆ อยู่สักพัก น้องพี่มันก็เข้ามาได้ทั้งตัว ผมครางออกมาเบา ๆ
 
แม้จะรู้สึกดี แต่ก็กลัวครับ
 
ญาติพี่น้องก็อยู่กันครบ ไม่รู้ใครจะเดินมาเจอบ้าง แต่พี่มันไม่สน ดึงช่วงล่างออกเบา ๆ แล้วใส่กลับเข้ามาใหม่ ผมงี้ซี้ดปากครางพร่าเลย

พี่มันทำช้า ๆ อยู่อย่างนั้น ก่อนเพิ่มจังหวะเป็นเร็วขึ้นเรื่อย ๆ ผมก็ได้แต่ยืนค้ำต้นไม้ไว้ กางสองขาออกกว้างตอบรับจังหวะจากพี่แก
 
ทั้งกลัวทั้งสุข และเสียวซ่านในเวลาเดียวกัน
 
พี่มันจับสองแขนผมดึงไปด้านหลัง ในขณะที่สะโพกยังขยับเข้าออกเป็นจังหวะ
 
โหย…มึง จะลีลาเยอะไปไหน แค่ท่าธรรมดากูก็จะทนไม่ไหวอยู่แล้ว
 
พี่มันเร่งจังหวะช้าเร็วสลับกันไปจนผมแทบจะทนไม่ไหว อยากครางดัง ๆ ให้มันหนำใจ แต่ก็ต้องกักเก็บเอาไว้อย่างทรมาน
 
“ไปพร้อมกันนะ”
พี่มันบอกแล้วเร่งจังหวะเร็วขึ้น แต่ผมทำไม่ได้ครับ เพราะรู้สึกดีจัดจนไปก่อนพี่มัน พี่เอกขยับสะโพกอีกสองสามทีรีดน้ำอุ่น ๆ เข้ามาในตัวผม
 
“จริง ๆ พี่ไม่อยากปล่อยข้างใน แต่ว่า...พี่อยากเสร็จในตัวกายนี่นา”
พี่มันกระซิบบอกข้างหู ค่อย ๆ ถอนร่างตัวเองออก ลูก ๆ ของพี่มันไหลเยิ้มไปทั่วเรียวขาผมเลย พี่เอกก้มมอง
 
“สวยดี”
สวยกับแป๊ะมึงน่ะสิ ขากูเลอะหมดแล้ว ดีว่าใส่กางเกงขายาว เนื้อผ้ามันเลยซับเอาไว้บ้าง พี่เอกรีบต้อนน้องตัวเองเข้ากางเกง แล้วจัดการแต่งตัวให้ผม
 
“อยากต่ออีกสักรอบสองรอบ แต่อดใจเอาไว้ก่อนดีกว่า”
ยังมีกะจิตกะใจอดใจเอาไว้ได้อีกนะ ผมด่าพี่มันทางสายตา พี่มันเพียงยิ้ม ก้มหอมแก้มผมเบา ๆ ที
 
แล้วพี่มันก็พาผมเดินไปหยุดอยู่กลางลานกว้าง แหงนหน้าขึ้นมองท้องฟ้าด้วยกัน
 
“คิดว่าหายไปไหน ที่แท้ก็มายืนมองดาวกันอยู่ตรงนี้นี่เอง”
แม่ผมเองครับ ดีนะที่พี่แกเสร็จเร็ว ไม่งั้นแย่แน่ ๆ ผมพยายามตีสีหน้านิ่ง ๆ
 
“ไหนว่าจะนอน”
 
“คงนอนได้หรอกนะ”
พอแม่พูดจบก็ได้ยินเสียงเฮลั่น ผมหัวเราะหึ ๆ เข้าใจทันที
 
“ปล่อยไว้สักชั่วโมงก็คงเลิกกันเอง”
ผมบอก
 
แม่พยักหน้าเข้าใจ
 
“ดึกแล้ว พาเอกไปอาบน้ำเถอะ”
               
ผมมองหน้าพี่เอก พี่มันหัวเราะ พยักหน้าเบา ๆ ให้ผมที พี่แกคงอยากพาผมไปล้างตัวด้วยเหมือนกัน ผมพยักหน้ารับ พาพี่เอกเดินเข้าบ้าน

ผมอาบน้ำในห้องน้ำด้านในครับ ส่วนพี่เอกออกไปอาบด้านนอก เห็นบอกว่าอยากอาบน้ำท่ามกลางแสงจันทร์บ้านนา
 
ผมก็ปล่อยแกไป อากาศเย็นจะตาย แค่ลมโกรกมาหน่อยตัวก็สั่นแล้ว ปล่อยให้หมียักษ์อย่างพี่มันอาบไปคนเดียวเถอะ
 
วงเหล้าตั้งกันอยู่แค่ห้าทุ่มก็แยกย้ายกันกลับ บางส่วนก็นอนสลบกันอยู่แถว ๆ นั้นแหละ
 
แม่ไปนอนกับอาพิม ส่วนพ่อไปนอนกับลุงพงษ์ ตอนแรกผมว่าจะไปนอนกับปู่กับย่า แต่พวกท่านบอกให้ผมไปนอนเป็นเพื่อนพี่เอกในห้องรับแขก
 
กูไม่อยากนอนเว้ย!!
 
อยู่กับปู่กับย่า ผมยังได้นอนหลับตลอดทั้งคืน แต่ถ้าอยู่กับพี่เอก สงสัยผมจะไม่ได้นอนแน่ ๆ
 
พอเข้าห้องได้ ผมรีบเดินไปทิ้งตัวลงนอนบนฟูก ดึงผ้าห่มมาห่มจนถึงต้นคอแกล้งหลับนำไปก่อน พี่เอกเดินตามเข้ามาติด ๆ ปิดไฟหน้าประตูห้อง สักพักก็รู้สึกเหมือนฟูกข้างตัวยุบยวบลงไป ผมหลับตาแน่น ก่อนสะดุ้งเฮือกเมื่อพี่มันคว้าร่างผมไปกอดทั้งผ้าห่มนั่นแหละ แต่ผมก็ยังแกล้งหลับต่อไป แอบคิดอยู่ในใจ พี่มันคงไม่คิดจะทำอะไรคนหลับหรอก
 
แต่ที่ไหนได้…
 
“พี่จะลักหลับคนแกล้งหลับล่ะนะ”
พี่มันกระชากผ้าห่มออกจากตัวผมไปไว้ข้าง ๆ แล้วเหวี่ยงตัวเองขึ้นมาคร่อมผมไว้ ผมเผลอลืมตามอง
 
“พี่เอก ผนังห้องมันไม่ได้เก็บเสียงนะ”
 
“งั้นกายก็ครางเบา ๆ สิ”
พี่มันบอก สองมือก็ช่วยกันถอดกางเกงผมออก อยากขัดขืนครับ แต่พี่มันคงดื้อแพ่งทำต่อให้ได้แน่ ๆ กางเกงผมหลุดออกจากตัวไปวางอยู่ข้าง ๆ ผ้าห่ม เหลือไว้เพียงเสื้อยืดตัวเดียวเท่านั้น และตอนนี้มันก็ถูกเลิกขึ้นจนสูงถึงต้นคอ ปล่อยให้หัวนมออกมารับอากาศเย็น ๆ ไป
 
ถ้ามึงจะเลิกสูงขนาดนี้ ถอดไปเลยก็ได้นะ
 
พี่มันแหวกสองขาผมออกกว้าง แล้วแทรกร่างของตัวเองลงมา ผมมองสิ่งที่อยู่ตรงหน้าด้วยหัวใจที่เต้นระทึก

กลัวก็กลัว ตื่นเต้นก็ตื่นเต้น
 
“พี่ไม่ไหวแล้วนะกาย”
พี่มันใช้มือเดียวเกี่ยวขอบกางเกงใส่นอนของตัวเองลง แล้วน้องชายที่พร้อมใช้งานเต็มที่ของพี่มันก็ออกมาเริงร่าภายนอก ผมจ้องมองสิ่งนั้นผ่านความสว่างเลือนราง
 
เชื่อแล้วครับว่าพี่มันคงอัดอั้นจริง ๆ
 
ผมเอียงหน้าหลบหนีไปด้านข้าง ก่อนครางฮือเมื่อพี่มันค่อย ๆ เชื่อมร่างของเราสองคนเข้าไว้ด้วยกัน ผมกัดฟันแน่น แหงนหน้าระบายความหวิวที่ท้องน้อย ขยำสองมือกับที่นอนแน่น พอพี่มันเข้ามาจนสุด ก็ถอนร่างออกจนเกือบหลุดแล้วใส่กลับเข้ามาใหม่ ผมผวาตามทุกจังหวะ
 
พี่มันเคลื่อนไหวร่างกายด้วยจังหวะเชื่องช้า แต่ขอบอก เสียวสิ้นดี

หัวใจผมพากันเต้นแรงจนแทบจะกระเด็นออกมาอยู่นอกอก กำที่นอนแน่นจนเจ็บมือไปหมด ได้ยินเสียงพี่มันครางทุ้มเบา ๆ ผมหันไปมอง เห็นพี่มันกำลังคลี่ยิ้มนิด ๆ ส่งมาให้
 
“แบบนี้ก็เร้าใจไปอีกแบบเนอะ”
แล้วพี่มันจับสองขาผมพาดบ่า เคลื่อนที่เข้าออกลึกขึ้น
 
ผมกวาดมองไปทั่วใบหน้าของพี่เอก เห็นได้เลือนรางผ่านแสงจันทร์จากกระจกเหนือหน้าต่าง แม้ไม่ชัดมาก แต่ผมก็รู้ว่าพี่เอกกำลังมีความสุข
 
“ของกายรัดพี่ใหญ่เลย”
แล้วพี่มันก็พูดคำพูดน่าอายออกมาได้น่าตาเฉย ผมเอียงหน้าหลบหนีอีกรอบ หอบหายใจถี่ ๆ ปวดหน่วงไปทั่วทั้งท้องน้อย
 
“ดีกาย รัดพี่แรง ๆ พี่ชอบ”
พี่มันบอก ผมไม่ได้ทำตามนะ แต่ว่า..เผลอรัดจนพี่มันครางออกมาอีกรอบเลย
 
“อืม..ดีมาก กาย”
แล้วพี่มันก็ชมผมไปเคลื่อนที่เข้าออกไป
 
สุดยอดจริง ๆ ครับ
 
แล้วผมก็นอนครางเบา ๆ อยู่แบบนั้น ให้พี่แกเล่นไปอีกสามดอก
 
หึ ๆ เปรม..

to be con..
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-07-2016 19:55:01 โดย memew »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ risanana

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 850
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-4
หลังฟูมฟายพี่เอกน้องกายจากอีกเว็บเราก็ตามมาคอมเม้นและยังฟูมฟายต่อที่นี่  หมั่นใส้อิพี่เอกมากทั้งเรื่องเลยค๊าาหาความดีงามไม่ค่อยเจอ :katai1: รักพี่เทวดาโอ๊คจริงไรจริงน๊า :กอด1:

ออฟไลน์ SOMCHAREE

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 969
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +32/-2
เชื่อว่ากายไม่น่ารอด

ออฟไลน์ live_evil

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 34
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ค้างงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง
มาต่อเลยยยย  :o12: :o12: :o12:

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ Ginny Jinny

  • ความเป็นจริงมันวุ่นวาย ก็ขอให้ใจมันสบายๆในความฝัน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2099
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4

ออฟไลน์ Pam_ban

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1086
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +109/-2
อย่าปล่อยให้ค้างแบบนี้เซ่ !!!!!!!!  :ling1:  พี่เอกต้องเข้าใจน้องนะคะ เพราะกายแยกพี่เอกกับพี่อาตไม่ออกเลยนอกจากรสจูบ  :angry2:


รอลุ้นนอนต่อไปค่ะ


 :katai3:

ออฟไลน์ pplotti

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 29
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0

ออฟไลน์ jjisgone

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 5
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
หงุดหงิดพระเอกจัง ไม่เคยจะฟังจะเชื่อกายเลย
กายนี่ก็ไม่เคยจะหนักแน่น เขาพูดอะไร แปปๆก็โอนอ่อนไปตามเขาหมด :katai4: :katai4:

ออฟไลน์ memew

  • ขอบคุณที่เข้ามาอ่านจ้าาา
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 456
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +382/-10
    • :: Memew แฟนเพจ :
Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ
59 : ค่ำคืนแสนหวาน พาร์ท 2 [กาย]  50%


พี่เอกตื่นมาตอนเช้าด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ส่วนผมสะโหลสะเหลนิดหน่อย เห็นพ่อมองมาด้วยสายตากรุ้มกริ่ม แต่ผมทำเป็นไม่ใส่ใจเดินไปคว้ากุญแจรถมอเตอร์ไซด์เพื่อเตรียมไปซื้อของกับแม่ พอผมขึ้นควบได้ พี่เอกก็ก้าวขาขึ้นมานั่งซ้อนทันที ผมหันไปมอง
 
“พี่เอก ผมจะไปซื้อกับข้าวกับแม่”
 
“พี่ไปด้วย”
 
“แล้วแม่ล่ะ”

พี่มันพยักหน้าไปทางแม่ที่โดนพ่อบังคับให้นั่งซ้อนท้ายแกอยู่ แต่แม่ไม่ยอมครับ จะขับไปคนเดียว เถียงกันอยู่สักพัก พ่อก็ยอมยื่นกุญแจคืนให้แม่ พอแม่ขึ้นควบสตาร์ทตัวเครื่อง พ่อก็ขึ้นไปนั่งซ้อนเหมือนพี่เอกทันที แถมยังเจ้าเล่ห์จับเอวแม่ไว้แน่นหนึบอีกต่างหาก
 
แม่พยายามไล่พ่อลงจากรถ พอ ๆ กับแกะมือที่เอวตัวเองออก แต่พ่อผมลงกาวใส่มือไปแล้วเรียบร้อย แงะยังไงก็แงะไม่ออก
 
“ไปกันได้แล้ว”
คนที่นั่งซ้อนอยู่ด้านหลังผมเร่ง ผมเลยจำใจต้องหันกลับมาสตาร์ทเครื่อง ขับเคลื่อนตัวรถออกจากบ้านลัดเลาะไปตามเส้นทางขรุขระของท้องทุ่งนา มันเป็นทางลัดครับ ถ้าไปทางหลักเดินทางร่วมสิบกิโล แต่ทางลัดแค่ 3 กิโลเอง
 
วิวสวยด้วย ได้บรรยากาศไปอีกแบบ ตลาดที่เราจะไป เป็นตลาดขนาดใหญ่ของตำบล จะมีแค่วันเสาร์และอาทิตย์เท่านั้น

รถแม่ส่ายโคลงเคลงจนพ่อต้องจับแฮนด์เอง รถผมเองก็ไม่ต่าง จนพี่เอกต้องจับแฮนด์เองเหมือนกัน ไม่รู้พี่มันกลัวผมพาล้ม หรืออยากแต๊ะอั๋งผมกันแน่ เพราะตอนนี้พี่มันคร่อมผมเอาไว้ทั้งตัว ขับ ๆ ไปก็ซุกปากกับซอกคอผมไป ผมงี้เสียววูบ และที่สำคัญ ไอ้คุณน้องของมันอ่ะ ดันผมอยู่ด้านหลังไม่หยุด
 
แม่ง ขับรถมึงก็ยังมาทำหื่นได้อีกนะ
 
เส้นทางนี้ผมขับบ่อยครับ ชินแล้ว พี่มันก็เก่งนะที่ขับได้ ข้อแข็งน่าดู ตกร่องไปก็ตั้งหลายรอบ นี่ถ้าข้อไม่แข็งจริง ทั้งคนทั้งรถ คงได้ลงไปนอนกองกันอยู่ที่พื้นแล้ว
 
“เขยิบไปด้านหลังหน่อยก็ได้”
ผมรีบปรามเมื่อพี่แกเบียดตัวเองเข้ามามากขึ้น
 
“ไม่ล่ะ เดี๋ยวรถล้ม”
มันเกี่ยวกันไหมเนี่ย =*=
 
“แต่...”
คืออยากบอกว่าน้องมึงอ่ะ ทิ่มตูดกูอยู่ กูเสียวว้อย!!
 
พี่มันคงรู้ว่าผมจะพูดอะไร ได้ยินพี่มันหัวเราะหึ ๆ
 
“ก็ตัวกายหอม”
ไม่เกี่ยวกันเลยนะน่ะ =*=
 
“ทั้งหอม ทั้งน่าฟัด”
คำพูดสยิวกิ้วมาพร้อมกับริมฝีปากที่คลอเคลียอยู่แถว ๆ ผิวแก้มไล่ไปที่ใบหู
 
ผมก็เคลิ้มอ่ะดิ
 
วิวข้างทางก็สวย ปากพี่มันก็ซุกไซ้ไล่งับผมไป น้องมันก็ทิ่มผมไป
 
โอ๊ย มึงจะมากไปไหม เพลา ๆ ลงหน่อยเถอะ ความหื่นน่ะ
 
“ใกล้ถึงแล้ว”
ผมรีบบอกเมื่อรถกำลังจะหลุดออกจากท้องทุ่งนาไปสู่เส้นทางหลัก พี่เอกรีบละจากอาการหิวหูผม เขยิบออกไปนั่งอยู่ห่าง ๆ แล้วปล่อยให้ผมเป็นคนขับเอง 
 
รู้งี้ กูน่าจะใช้มุขนี้ตั้งนานแล้วนะเนี่ย
 
พ่อพาพวกเราไปจอดรถไว้ใต้ต้นไม้ใหญ่ ที่มีรถของพวกชาวบ้านคนอื่น ๆ มาจอดกันไว้ก่อนหน้านั้นนับสิบ เรียงรายกันไม่เป็นระเบียบเรียบร้อย ใครอยากจอดตรงไหนก็จอด ผู้คนส่วนใหญ่ที่นี่ใช้รถมอเตอร์ไซด์กับรถจักรยานกันเป็นหลัก รถใหญ่ก็มีให้เห็นกันบ้างประปราย แต่เป็นกระบะซะเยอะ ดูจากสภาพแล้ว น่าจะผ่านการใช้งานมาแล้วอย่างโชกโชน หรือไม่ก็เป็นรถที่มีอายุไม่ต่ำกว่าสิบยี่สิบปี

ผมกวาดมองไปรอบ ๆ วันนี้ของเยอะครับ ดูท่าจะเยอะกว่าทุกครั้งที่ผมเคยมาด้วย ข้าวของส่วนใหญ่ก็เป็นพวกผักและผลไม้พื้นเมือง แม่ค้าพ่อค้าก็มีทั้งชาวบ้านและชาวเขา ของราคาแค่ห้าบาทสิบบาทแต่ขนาดนี่แทบต้องหาบกันกลับบ้าน
 
ผมแอบไปกระซิบบอกแม่ว่ามื้อเช้าพี่เอกจะกินจุมาก ต้องทำไว้เผื่อสักสองสามคน แม่ก็โอเค ของบางอย่าง พ่อกับแม่หาซื้อมากันแล้ว แต่มาดูพวกผักพื้นบ้านกับขนมและผลไม้บางอย่างเพิ่มเติม โดยเฉพาะขนมโบราณ เพราะปู่กับย่าชอบกิน 
 
เจอคนรู้จักเยอะเลยครับ พ่อกับแม่ทักบ้าง ผมก็ทักบ้างเหมือนกัน ไอ้คนข้างตัวผมมันก็เด่นน่าดู เดินไปไหน ก็มีแต่คนมอง แต่พี่มันไม่สนสายตาใครหรอก เดินนิ่ง ๆ ของแกไป
 
“กาย”
มีผู้หญิงคนหนึ่งวิ่งเข้ามาทัก

ผมเอียงคอมอง จ้องหน้านึกอยู่นาน ก่อนเบิกตากว้างเมื่อรู้ว่าเป็นใคร
 
“ฝ้าย!!”
 
“คิดว่าจะจำกันไม่ได้ซะแล้ว”
ฝ้ายพูดยิ้ม ๆ กับผม ก่อนมองเลยไปยังพี่เอกที่ยืนอยู่ด้านหลังผมอีกที ฝ้ายเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม
 
แต่ก่อนบ้านฝ้ายอยู่ติดกับบ้านปู่ย่าผมครับ ปิดเทอมไหนที่ผมกลับมา ก็มีฝ้ายนี่แหละ เล่นอยู่เป็นเพื่อน แต่ฝ้ายย้ายบ้านไปอยู่อีกหมู่บ้านหนึ่งนานแล้ว พวกเราเลยไม่ได้ติดต่อกันอีก
 
“นี่พี่เอก รุ่นพี่ที่มหา’ลัยเราเอง”
ผมเป็นลูกหลานคนเหนือครับ แต่เชื่อกันไหม ผมพูดภาษาเหนือได้แค่ไม่กี่คำเอง คงเพราะผมเกิดและเติบโตอยู่ที่กรุงเทพเป็นหลัก กลับบ้านมาหาปู่ย่าบ้างก็ชั่วเวลาไม่นาน แถมลูกเขยลูกสะใภ้บ้านนี้ยังเป็นคนต่างถิ่นกันหมดอีก ที่บ้านเลยใช้ภาษากลางกันเป็นหลัก
 
“พี่เอก นี่ฝ้ายนะ แต่ก่อนบ้านฝ้ายเขาอยู่ข้าง ๆ บ้านปู่กับย่าน่ะ แต่ย้ายไปนานแล้ว”
ผมแนะนำ

พี่มันพยักหน้านิดหนึ่ง ทำหน้านิ่ง ๆ ตามสไตล์
 
ฝ้ายยิ้มให้เล็กน้อย หันมองมาทางผมต่อ
 
“คิดถึงจัง หล่อขึ้นเป็นกองเลย”
ฝ้ายชม
 
“ฝ้ายก็เหมือนกัน สวยขึ้นเยอะเลย”
ภาพจำของผมคือฝ้ายเป็นเด็กแนวแม้วตัวน้อย ตัวเล็กกว่าผมมาก น้ำมูกไหลยืดแทบจะตลอดเวลา เพราะอาศัยอยู่กับยายเลยมีผมทรงกะลาครอบเป็นทรงประจำ หน้าเปื้อนไปด้วยดินกับโคลน และมีสัตว์เลี้ยงประจำตัวเป็น…
 
เอิ่ม…
 
หนูน่ะครับ

หนูตัวเป็น ๆ ทุกไซส์ทุกขนาด เลี้ยงไว้หลายตัวเลย ปลื้มมากหน่อยก็ตัวใหญ่ ๆ ที่หน้าเปื้อนดินตลอด เพราะชอบไปมุดจับหนูนี่แหละ เพราะงั้นไม่ต้องแปลกใจว่าทำไมตอนฝ้ายเข้ามาทัก ผมถึงจำฝ้ายไม่ได้
 
ตอนนี้ฝ้ายน่ารักเอามาก ๆ ผมยาวระกลางหลัง หน้าม้าซอยสไลด์ ใส่เสื้อยืดกางเกงขาสั้นแนววัยรุ่นทั่วไป ปากแดง ๆ ตาโต ๆ ผิวขาวอมชมพูดูน่ารักดี
 
ฝ้ายส่งยิ้มหวานมาให้

พี่เอกเลื่อนมือขึ้นมาจับเอวด้านหลังผมไว้เบา ๆ รังสีความหึงหวงแผ่กระจายไปทั่วจนผมขนลุกซู่
 
“พอดีเรามาซื้อของไปทำกับข้าวน่ะ ไปทานด้วยกันสิ พ่อกับแม่เราก็มา”
ผมบุ้ยหน้าไปยังสองชีวิตที่เดินกันอยู่ลิบ ๆ แต่ฝ้ายปฏิเสธ เพราะเธอมีนัดแล้ว
 
เราพูดจาทักทายแลกเปลี่ยนเบอร์โทรกันนิดหน่อย ก่อนฝ้ายจะโบกมือลาวิ่งจากไป ผมรีบหันไปหาคนที่ยืนหน้าหงิกอยู่ด้านหลังทันที
 
“พี่เอก”

พี่มันถอนหายใจแรง
 
“ไปกันเถอะ”
ก่อนดันหลังผมให้เดินหน้าเบา ๆ
 
“โกรธอยู่หรือเปล่า”

พี่แกหันมามองแล้วส่ายหัว
 
“พี่คงห้ามตัวเองไม่ให้หึงกายไม่ได้หรอกนะ"
พี่มันมองตาผม

"แต่พี่จะพยายามเชื่อใจกาย และเชื่อว่ากายจะรักพี่เพียงคนเดียวละกัน”
พี่มันพูดด้วยน้ำเสียงและใบหน้านิ่ง ๆ แต่ทำเอาคนฟังอย่างผมหน้าร้อนผ่าว ผมรีบจ้ำอ้าวก้าวหนี ได้ยินเสียงพี่มันหัวเราะหึ ๆ มาตามหลัง 

[50%]


พวกเราเดินซื้อของกันอยู่นานเป็นชั่วโมง(ส่วนใหญ่เป็นเพราะพ่อติดคุยกับคนรู้จักมากกว่า) ผมกับพี่เอกได้ของกันคนละนิดคนละหน่อย แต่พ่อกับแม่ได้ของมากันเพียบ หลัก ๆ ก็เป็นพวกผักกับผลไม้นั่นแหละ ได้ขนมไปให้ปู่กับย่าและของเล่นบางอย่างไปให้เจ้าตัวเล็กที่บ้านด้วย

ผมกับพี่เอกแบ่งข้าวของจากพ่อแม่มาถือไว้ครึ่งหนึ่ง แล้วพวกเราก็พากันเดินกลับไปที่รถ ผมวางของไว้ตรงที่ว่างใกล้ที่พักเท้า ขากลับเราก็ใช้เส้นทางเดิม พ่อเป็นคนขับไม่ต่างกับพี่เอกที่รับอาสาขับเอง คงเพราะเห็นว่าข้าวของเยอะด้วยละมั้ง
         
ดีแล้วล่ะ พี่มันจะได้ไม่มาทำหื่นใส่ผมอีก

ผมก็ปล่อยให้พี่เอกขับไป ส่วนตัวเองก็มานั่งชิว ๆ ซ้อนอยู่ด้านหลัง สองมือเกาะเอวพี่มันไว้หลวม ๆ มองวิวสองข้างทางไป หันไปมองแม่ก็มีสภาพไม่ต่าง พ่อขับรถห่างจากรถผมเยื้องไปด้านหน้าไม่เกินสองวา ใบหน้าด้านข้างเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น ในขณะที่แม่นั่งไพล่ซ้อนอยู่ด้านหลัง มือหนึ่งเกี่ยวเอวพ่อไว้หลวม ๆ อีกมือเกี่ยวเส้นผมที่มันปลิวมาระแก้มไปทัดหู

บางจังหวะ ผมก็แอบเห็นแม่เอียงหัวไปซบหลังพ่อเบา ๆ ด้วย ผมมองภาพตรงหน้าด้วยรอยยิ้ม ก่อนหันกลับมามองแผ่นหลังกว้างของคนที่กำลังทำหน้าที่สารถีอยู่

แค่แผ่นหลัง ผมก็ยังรู้สึกได้ถึงความเป็นผู้นำ เต็มไปด้วยความมุ่งมั่น และการเป็นนักปกป้องที่ดี

ผมกระชับอ้อมแขนกับเอวพี่มันแน่นขึ้น แนบหน้ากับแผ่นหลังกว้างนั้นเบา ๆ ปล่อยตัวและหัวใจให้ล่องลอยไปกับธรรมชาติจากสองข้างทาง สนุกไปกับจังหวะโคลงเคลงของตัวรถที่กำลังเคลื่อนที่ไปด้านหน้า ไม่ช้าและไม่เร็ว ปล่อยให้สายลมพากันโกรกกระทบผิวเนื้อไป

ผมหลับตาลงเบา ๆ ใช้สมาธิหวังฟังเสียงหัวใจของพี่เอกที่กำลังเต้นอยู่ มันคงไม่ได้ยินด้วยหู แต่ผมสามารถสัมผัสมันได้ด้วยหัวใจตัวเอง ผมยิ้มนิด ๆ ค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมามองอีกครั้ง กระชับอ้อมแขนแน่นขึ้นไปอีก

หวังว่าพี่เอกจะได้ยินเสียงหัวใจผมด้วยเหมือนกันนะ...           






 
พอกลับมาถึงบ้าน แม่กับอาพิมลงครัวกันไปสองคน ส่วนพวกเราเหล่าผู้ชายก็ออกมานั่งคุยกันเฮฮาด้านนอก โดยมีเจ้าตัวเล็กวิ่งเล่นอยู่รอบ ๆ เล่นของเล่นที่พวกเราพากันซื้อมาให้ ชอบมากหน่อยก็ของที่พี่เอกเป็นคนเลือกนั่นแหละ

ผมเหลือบตามองคนที่กำลังหัวเราะร่วนรับมุขที่ลุงพงษ์กำลังเล่าอยู่ ดูท่า พี่เอกจะเก่งในเรื่องของการเลือกของให้เด็กผู้หญิงแฮะ สงสัยจะเลือกของให้พวกทโมนบ่อย ๆ

พอกับข้าวเสร็จทุกคนก็มานั่งล้อมวงกินกัน คนบ้านผมชอบนั่งกินข้าวกับพื้นครับ มันไม่จำกัดจำนวนคนดี คนยิ่งเยอะ อาหารยิ่งอร่อย

หลังจากมื้อเช้า ลุงพงษ์ก็ให้ผมพาพี่เอกไปเที่ยวตามที่ได้สัญญากันไว้ ผมพยักหน้ารับ พาพี่เอกพ่วงท้ายด้วยพ่อกับแม่ขับรถมอเตอร์ไซด์ทัวร์รอบหมู่บ้าน แนะนำสถานที่ต่าง ๆ รวมถึงวิถีชีวิตแบบบ้าน ๆ ของต้นตระกูลผมเองให้พี่เอกได้รู้จัก ก่อนพาเลยไปดูฝายน้ำล้นถัดไปอีกสี่ห้าหมู่บ้าน
 
พ่อกับแม่ขับรถไปทะเลาะกันไป พ่อให้แม่ขับ ส่วนตัวเองนั่งซ้อนท้ายคอยแทะโลมแม่ไปตลอดทั้งเส้นทาง และไม่ต้องถามถึงคนที่นั่งซ้อนอยู่ด้านหลังผมเลย
 
ปลาหมึกไม่ต่าง
 
แต่พี่มันไม่ได้จาบจ้วงน่าเกลียดมาก เพราะคนริมถนนเยอะ แต่พอพ้นสายตาผู้คนเมื่อไหร่ ตัวผมก็พรุนเหมือนเดิม
 
แม่ม
 
หื่นได้ถ้วยจริง ๆ


พอเที่ยงตรงพวกเราก็แวะหาอะไรกินกันที่ร้านก๋วยเตี๋ยวข้างทางแบบเพิงหมาแหงน เห็นคนเยอะดี หน้าตาดูธรรมดา แต่รสชาตินี่ เล่นเอาพ่อกับพี่เอก ซัดกันไปคนละสองสามชามเลย

หลังจากคนอิ่ม เราก็เติมอาหารให้รถกันบ้าง แล้วหลังจากนั้นเราออกตะลอนกันต่อ จวบจนพระอาทิตย์คล้อยไปทางด้านหลัง พ่อถึงได้ชวนพวกเรากลับบ้านเพื่อไปกินข้าวเย็นพร้อมหน้าพร้อมตากัน
 
หลังจากมื้อเย็น แม่ก็โดนอาพิมลากไปคุยกันตามประสาสาว ๆ ในห้องนอน ไม่ต่างกับพ่อที่โดนลุงพงษ์และก๊วนเพื่อนสมัยเด็ก ๆ ลากไปดวลเหล้าส่งท้ายอีกรอบบนแคร่หน้าบ้าน ส่วนพี่เอกถูกคุณปู่ชวนคุยอยู่ในห้องรับแขก

ผมขอตัวไปอาบน้ำ(หลังจากเล่นกับเจ้าตัวเล็กแล้วน้องทำขนมหกใส่) พออาบน้ำเสร็จก็กะว่าจะเดินออกไปนั่งคุยกับปู่กับย่าต่อ แต่เห็นพระจันทร์สวยดี เลยตัดสินใจหันหัวเรือเดินออกไปนอกตัวบ้านแทน
 
ผมเลือกมุมที่มืดที่สุดเพราะจะได้เห็นพระจันทร์และดวงดาวได้ชัดที่สุด ก่อนแหงนหน้าขึ้นมองท้องฟ้าด้านบน แม้จันทร์จะไม่เต็มดวง แต่มันก็ยังทอแสงสีเหลืองอร่ามงดงามอยู่เสมอ
 
สวยดีครับ น่าจะหยิบกล้องออกมาด้วยนะเนี่ย
 
กำลังยืนมองพระจันทร์อยู่ดี ๆ ก็ต้องสะดุ้งโหยงเพราะมีมือของใครบางคนมาสวมกอดไว้จากทางด้านหลัง

ผมหันไปมอง
 
“พี่เอก”
พระอาทิตย์ของผมนี่เอง
 
“ดูจนจะกลายเป็นพระจันทร์อยู่แล้ว”
 
ผมยิ้ม
 
“ก็ผมเป็นพระจันทร์อยู่แล้วไม่ใช่รึไง”
 
พี่มันก้มมอง
 
“ก็จริง” แล้วกระชับอ้อมแขนแน่นขึ้นอีก “แต่พระจันทร์ดวงนี้มีเจ้าของแล้วนะ ใครจะมองพี่ไม่ว่า แต่คนที่สัมผัสได้มีเพียงพี่คนเดียวเท่านั้น”
ดูพี่มันพูดเข้า แล้วพี่มันก็ตีตราพระจันทร์อย่างผม ด้วยริมฝีปากตัวเองเบา ๆ           


To Be Con...
โรแมนติกได้อีก เดี๋ยวจะเร่งจบเรื่องนี้ที่เล้า ขอให้สนุกกับการอ่านในทุกๆ ตอนนะคะ ^^
จองหนังสือ จิ้ม ๆ^^

                         
รีไรท์เพิ่งซะยาวเฟื้อยเลย
               นั่งรีไรท์ตอนนี้มาสามวันเต็ม เซฟข้อมูลไว้เรื่อย ๆ ล่าสุด ได้ฟิวล่ะ กำลังจะเอาลงเด็กดี สำรองข้อมูลไปลงเวิร์ด ในระหว่างรอให้มันหมุนติ๋ว ๆ (ใช้เวลาเป็นนาทีสำหรับขั้นตอนนี้ เพราะมีภาพอยู่) ก็หันไปกดเอ็นเทอร์ในเด็กดี พอกลับมาที่เวิร์ด กำลังจะกดเซฟ คอมดันงอแง ทำอะไรไม่ได้ กดเซฟก็ไม่ได้ รอนานมาก เห็นว่าไม่ได้การแน่ เลยตัดสินใจรีสตาร์ทเครื่อง
               ซึ่งปกติ เวิร์ดจะทำการออโต้เซฟข้อมูลให้ แต่พอเปิดมา มันดันไม่ออโต้ให้ แทบร้องได้ ยังดีที่เอาลงเด็กดีแล้ว แต่พอเข้าไปเช็คในเด็กดี เด็กดีดันไม่เซฟงานล่าสุดให้ มันเซฟเนื้อหาก่อนหน้ารีไรท์ แทบจะโยนระเบิด
               นอยด์มาก พยายามถามคนว่ามีใครเซฟเก็บไว้บ้างไหม ส่วนมากจะเป็นอันเก่ากันซะหมด เพราะไรเตอร์เซฟตอนตีสองกว่า ๆ เกือบตีสาม เจ็ดโมงลุกขึ้นมาทำอีกรอบ เพราะคนคนที่เซฟได้คือคนที่อ่านระหว่าง ตีสามถึงเจ็ดโมงเช้าเท่านั้น  T^T
               ขอบคุณน้อง ๆ ที่ส่งกันเข้ามานะคะ สุดท้าย วันนี้ก็ต้องมานั่งรีไรท์ใหม่ทั้งวันเลย T^T
               
                น้องฝ้ายตอนเด็ก ^^
                             

               ไรเตอร์ทอค (ว่าด้วยเรื่องลายเซ็น)           
มีน้อง ๆ มาขอลายเซ็นน้องกาย (กับลายแมวข่วนของไรเตอร์) ตอนแรกคิดว่าน้องพูดเล่น ดูท่าจะเอาจริงแฮะ
               เอิ่ม...
               ถ้าไง ไรเตอร์จะลองถามน้องกายดูให้นะคะ 


"กายมีคนมาขอลายเซ็นนายแน่ะ"
"หือ" น้องกายหันมามอง
"ใครเหรอครับ"
"แฟนคลับนายนั่นแหละ"
น้องกายชี้นิ้วใส่หน้าตัวเอง "แฟนคลับผม"
ไรเตอร์พยักหน้ารับ
"มีด้วยเหรอ มาจากไหน"
"เอ้า ก็นายเป็นนายเอกนิยายเรื่อง Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อนี่ มีแต่คนชอบและอยากเอาเป็นแบบอย่างทั้งนั้น ไม่รู้เหรอ"
"อ้าวเหรอ ก็ธรรมดานี่"
"ธรรมดาของนายแต่มันไม่ธรรมดาสำหรับคนอื่นน่ะสิ ว่าแต่จะให้หรือเปล่า"
"ฮ่า ๆ เขาบอกว่าคนหล่อมักใจดี ผมให้อยู่แล้วครับ"
แล้วอยู่ ๆ พี่เอกก็เดินมาสวมกอดเอวน้องกายไว้หมับ รังสีหึงหวงฟุ้งกระจายไปทั่ว จนไรเตอร์ต้องเขยิบออกไปยืนอยู่ห่าง ๆ
"เอาของพี่ด้วยไหม"
เฮียแกถือปากกาเมจิกไซส์อย่างใหญ่ไว้ แล้วเดินมาเขียนหน้าผากไรเตอร์ตัวโต ๆ ว่า...
"กายเมียกู"
"สุภาพหน่อยสิพี่เอก" น้องกายรีบปรามพี่เอก เฮียแกพยักหน้า ลบคำว่า "กายเมียกู" ออก แล้วเซ็นใหม่เป็น
               "กายเมียเอก"
น้องกายหน้าแดงก่ำ
"นั่นก็ไม่ดี" (ว่าแต่พวกเมิงเห็นหน้าผากกูเป็นอะไร - -)
"งั้นเอาแบบนี้ละกัน" พี่แกลบคำเดิมออกแล้วเซ็นใหม่เป็น
               "เอกสามีกาย"
น้องกายหน้าง้ำ รีบเดินงอน ๆ หนีพี่เอกไปทันที พี่เอกรีบทิ้งปากกาเดินกึ่งวิ่งตามไป
"ถ้าไม่ชอบ งั้นเอาคำแทนเราก็ได้ พระจันทร์เมียพระอาทิตย์ หรือพระอาทิตย์สามีพระจันทร์ แต่พี่ว่ากายเมียเอกนั่นแหละดีแล้ว กันพวกเหลือบไรมาตอม นี่ ๆ กาย รอพี่ก่อนสิ"
 
ปล่อยพวกเขาสองคนไปเถอะค่ะ = =
ว่าแต่...
หยิบกระจกมาส่องหน้าผากตัวเอง
เต็มๆ = [ ] =
"กายเมียเอก"
งื้อ T^T
 
สรุป คงไม่มีใครอยากได้ลายเซ็นพี่เอกหรอกใช่ไหม - -   
             



จองหนังสือทางนี้คร้าบบบ
Add Fav. แฟนคลับน้องคีส

 กดไลค์ Facebook แฟนเพจ

ทวิตเตอร์ฮับ


 :z13:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 31-07-2016 09:52:26 โดย memew »

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด