Kiss Love ► รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 100 เพิ่งเริ่มเท่านั้น |10/3/18|(ตอนจบ)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Kiss Love ► รักวุ่นวายนายสุดหล่อ 100 เพิ่งเริ่มเท่านั้น |10/3/18|(ตอนจบ)  (อ่าน 680500 ครั้ง)

ออฟไลน์ ป้ากิ่งkingkarn

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 308
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
อ่านรอบที่3แล้วค่ะ^^
อ่านที่นี่ความรู้สึกต่อเนื่องอ่านเพลินไปยาวๆดีค่ะ  :katai2-1:
รออ่านต่ออยู่นะคะขอบคุณมากๆค่ะ :กอด1:

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
กาย เป็นที่รักของทุกคน  :mew1: :mew1: :mew1:
เลยพากันมาหาให้เห็นกับตา ว่ากายปลอดภัย
พี่เป้ เต้ย จะจบกันอย่างไรนะ
อือ....เป้รักเต้ย เกินห้ามใจ
เพราะเต้ยชอบนัวเนีย สกินชิพ นี่เอง
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ MoMoRin

  • I am Fujoshi! (・∀≦)ゞ
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1749
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +229/-2
 :mc3: :mc3: เย่ๆมาต่อแล้ววววว คิกถึงกายมากๆ ขวัญเอ๊ย ขวัญมานะลูกนะ

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
กาย พูดกับพี่เอก ได้ยอดเยี่ยมมาก
"ผมรู้ว่าพี่เป็นพวกมีความต้องการสูง แต่ให้เวลาและเห็นใจผมบ้าง เราอยู่ด้วยกันเพื่อมีความสุข ถ้าพี่มีความสุขอยู่คนเดียว แล้วผมทุกข์ เราก็จะอยู่ด้วยกันได้ไม่นาน แต่ถ้าผมมีความสุขแล้วพี่ทุกข์ ผมก็คงจะอยู่อย่างเป็นสุขไม่ได้ ตอนที่ผมอ่านหนังสือ ผมอยากให้พี่ลองหากิจกรรมอย่างอื่นทำ อย่างอ่านหนังสือ เล่นเกม ดูหนังหรือฟังเพลงก็ได้ จะได้ไม่ต้องมานั่งรอแบบนี้”

พี่เอก สอนน้องดีจริงๆ
"นายเก่งอยู่แล้วนะอาร์ต เก่งในรูปแบบของนาย ไม่ต้องพยายามมากมายให้เหน็ดเหนื่อยหรอก ทำเท่าที่ทำได้ เป็นนายเองนั่นแหละดีแล้ว” “ไม่งั้นนายจะไม่มีทางมีความสุขเด็ดขาด”
ไร้ท เก่งมากกกก   :mew1: :mew1: :mew1:
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-10-2016 17:29:25 โดย ทฟเืนสรฟ »

ออฟไลน์ Midorima

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 56
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
หาแบบกายได้ที่ไหนบ้างเนี่ยยยยยย น่ารักเกินไปแล้ว !! :ling1:

ออฟไลน์ purpleguy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 97
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
 :L1: อ่านบอร์ดนี้ ผมว่าได้อารมณ์ดีนะ แต่ยังไม่เห็นมาอัพ เลยตามไปอ่านอีกบอร์ดหนึ่ง  ทำไมเนื้อหาบางส่วนถูกตัดอะครับ

รอให้มาต่อแบบไม่ต้องตัดครับ  :L1:

ออฟไลน์ meteexp

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 709
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0

ออฟไลน์ memew

  • ขอบคุณที่เข้ามาอ่านจ้าาา
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 456
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +382/-10
    • :: Memew แฟนเพจ :
65
เข้าใจกันคนละทาง...สังเวียน [กาย..♥]




และแล้วผมก็ได้กลับมาทำงานอีกครั้ง ผู้จัดการดีใจใหญ่ เพราะถ้ามีผมอยู่ นั่นหมายถึง จะมีเหล่าสมุนมากมายตามมาเป็นพรวน
 
โดยเฉพาะตัวดึงลูกค้าหลัก ๆ อย่างพี่เอก
 
“กาย มึงจำสูตรที่อาจารย์สอนให้ล่าสุดได้ไหม กูลืม”
ไอ้เต้ยเดินเข้ามาถาม ผมก็ท่องให้มันฟัง มันคงกลัวลืมอีก เลยหาปากกามาจดใส่ข้อพับ แล้วเดินทบทวนไปด้วยทำงานไปด้วย
 
จริง ๆ พรุ่งนี้พวกเรามีสอบ แต่ไม่ใช่วิชายากเย็นอะไร สอบช่วงเย็น ช่วงเช้าหรือบ่ายก็อ่านทัน ผมอ่านมาแล้วเลยไม่เดือดร้อน แต่ไอ้เต้ยมันยังไม่ได้อ่าน วันนี้มันเลยเร่งทบทวนนิดหนึ่ง
 
ลูกค้าโต๊ะเจ็ดลุกออกจากเก้าอี้ ไอ้เต้ยที่กำลังยืนท่องสูตรอยู่รีบเดินไปทางนั้นเพื่อเก็บโต๊ะ แต่มันเดินไปก้มหน้าทวนสูตรไป ในขณะที่อีกฝั่ง มีใครอีกคนกำลังเดินก้มหน้าทบทวนออเดอร์มาตามทางเช่นกัน ผมกำลังจะอ้าปากร้องเตือน
 
แต่ไม่ทันซะแล้ว
 
ไอ้เต้ยชนกับคนคนนั้นเข้าเต็ม ๆ จนเกือบจะล้ม ดีที่คนคนนั้นมือไว คว้าเอวมันไว้แล้วดึงเข้าไปไว้ในอ้อมแขน ผมถอนหายใจโล่งอก พอ ๆ กับคนที่กอดไอ้เต้ยไว้
 
“พี่เป้”
ไอ้เต้ยมันเรียกคนช่วย
 
“เดินระวัง ๆ หน่อย”
พี่แกบอกเรียบ ๆ คลายอ้อมแขนออกเดินจากไป
 
 ไอ้เต้ยมองตามแผ่นหลังกว้างจนลับสายตา ก่อนเลื่อนมือไปทาบอกซ้ายตัวเองไว้เบา ๆ เห็นมันทำหน้าแปลก ๆ ด้วย
 
คงจะโล่งอกที่พี่มันช่วยมันไว้ได้ทัน
 
ผมรีบเดินไปช่วยมันเก็บโต๊ะอีกแรง
 
 
 
 
 
 
 
 
ตอนนี้ผมกับไอ้เต้ยอยู่ในช่วงพักเบรกครับ เราสองคนมีขนมกับโกโก้ร้อนคนละแก้ว นั่งกินกันอยู่ในห้องเก็บของ
 
“นี่กาย มึงเคยรู้สึกหัวใจเต้นแรงแบบแปลก ๆ เวลาที่ได้อยู่ในอ้อมแขนของใครบางคนบ้างไหม”
มันถาม
 
“เคย”
ผมตอบขณะใช้ช้อนตักเค้กเข้าปาก
 
“ใคร”
 
“พี่เอก”
 
มันนิ่งไป นิ่งไปนานเอามาก ๆ ก่อนจิ้มเค้กกินต่อ
 
“กับคนอื่นล่ะ”
 
“ไม่มี”
ผมบอกมันไปตรง ๆ มันหันมามอง
 
“เหรอ…งั้นกูคงแปลกสินะ”
มันเปรยเสียงเบา ผมทำสายตากรุ้มกริ่ม
 
“อ๊ะ ๆ ๆ มีใครมาทำให้หนุ่มเต้ยของเราใจเต้นแรงได้หว่า บอกมาซะดี ๆ บอกมา บอกมา บอกมา”
ผมจี้ แต่มันไม่ยอมตอบอะไร
 
“กาย มึงรักพี่เอกมากไหม”
แล้วมันก็ถามผมต่อ
 
อะไรวะ ไอ้นี่ กลบเกลื่อนนี่หว่า
 
“อืม”
ผมก้มหน้าตอบมันสั้น ๆ
 
มึงมาถามแบบนี้ กูก็อายนะเว้ยเฮ้ย
 
“แล้วมึงรักพี่เอกคนเดียวหรือเปล่า”
มันถามต่ออีก ผมขมวดคิ้วงุนงงไปกับคำถามมัน
 
“ก็คนเดียวน่ะสิ”
 
“เหรอ”
วันนี้มันเป็นอะไรของมัน ถามด้วยคำถามแปลก ๆ
 
ยังไม่ทันได้ซักอะไรมันต่อ พี่เป้ก็ตะโกนเรียกให้ผมไปช่วย ผมรีบวางช้อนลุกขึ้นปัดกางเกงทันที
 
“อีกชั่วโมงกว่า ๆ ก็เลิกงานแล้ว มึงอ่านหนังสือไปเถอะ ที่เหลือพวกกูจัดการเอง”

ผมบอกขณะจัดชุดให้เรียบร้อย มันพยักหน้าตอบรับ ทำหน้าเศร้า ๆ ใช้ช้อนเขี่ย ๆ ตักเค้กเข้าปาก  ผมก้าวออกจากห้องมา
 
ผมไม่รู้อารมณ์มันตอนนี้ แต่ภาวนาอย่างเดียว ขอให้มันอย่าทำให้พี่เป้รักมันมากไปกว่านี้ก็พอ
 
ผมช่วยพี่เป้เก็บโต๊ะ เมื่อกี้คงมีลูกค้ากลุ่มใหญ่เข้ามา เพราะแทบจะทุกโต๊ะมีแต่แก้วกับจานเปล่าเต็มไปหมด พี่เป้ถือถาดเปล่าไว้ ส่วนผมทำหน้าที่เก็บรวบแก้วเปล่าใส่ถาด ใช้สเปรย์ฆ่าเชื้อโรคฉีดพ่นไปทั่ว แล้วใช้ผ้าสะอาดเช็ดอีกที ตรงกลางของทุกโต๊ะจะมีต้นไม้ต้นเล็ก ๆ ใส่กระถางเอาไว้ น่ารักกระจุ๋มกระจิ๋มไปอีกแบบ
 
ผมยกจานที่เหลือ เดินไปหลังร้านพร้อมพี่เป้ ระหว่างทางก็คิดถึงเรื่องไอ้เต้ยไปพลาง ๆ
 
หรือที่มันมีอาการแปลก ๆ เพราะมันกำลังหลงรักใครบางคนอยู่

ผมหันไปหาคนที่ฉาบหน้าเป็นปูนซีเมนต์ด้านข้าง
 
“พี่เป้ ผมว่าไอ้เต้ยกำลังหลงรักใครสักคนอยู่นะ”
 
ขายาวที่กำลังก้าวเดินชะงักค้าง ผมหยุดเดินตาม หันไปมอง หน้าพี่เป้ดูซีดไปถนัดตา
 
“ขะ ขอโทษฮะ ผมไม่ได้ตั้งใจพูดให้พี่รู้สึกไม่ดี ผมแค่แอบคิดว่า ถ้าไอ้เต้ยมันมีแฟน พี่อาจจะตัดใจจากมันง่ายขึ้นก็ได้”
 
พี่เป้หันมายิ้มเศร้า ก้าวช้า ๆ เดินเอาของไปวางไว้โดยไม่พูดอะไรสักคำ
 
 เรากลับไปทำงานกันต่อ แต่พี่เป้ทำงานเหมือนคนถูกดูดวิญญาณออกจากร่าง เห็นพี่แกทำแก้วตกแตกไปทีด้วย ผมเห็นท่าไม่ดี เลยฝากเรื่องไว้ที่พี่เก่ง รีบดึงพี่เป้ออกไปหลังร้านที่ไม่มีใครเดินผ่านทันที
 
“พี่เป้ไหวไหม ผมว่าพี่กลับไปพักก่อนดีกว่านะ”
ผมถามด้วยความเป็นห่วง ตัวเองก็ผิดที่เอาเรื่องของไอ้เต้ยมาเล่าให้ฟังแบบนี้
 
“พี่ไม่เป็นไร” พี่มันยืนหันหลังให้กับกำแพงหลังร้านโดยมีผมยืนอยู่ตรงหน้า
 
“แต่พี่…”
ผมค้านเพราะพี่แกดูแย่เอามาก ๆ
 
“พี่ไม่เป็นไร”
พี่เป้ยืนยันอีกครั้งเสียงแผ่ว
“พี่แค่หมดแรง.. กาย ทั้ง ๆ ที่พี่พยายามตัดใจจากมัน แต่ทำไม ยิ่งทำ.. พี่ถึงได้รู้สึกรักมันมากขึ้นทุกที”
พี่เป้รวบเอวผมไปกอด ทิ้งหัวลงบนหัวไหล่ผมเบา ๆ
 
ผมรู้ว่าตอนนี้พี่เป้กำลังอ่อนแอ ผมโอบแผ่นหลังพี่แก ลูบปลอบขึ้นลงเบา ๆ
 
“พี่รักมันกาย พี่รักไอ้เต้ย รักมากจนไม่รู้ว่าจะใช้วิธีไหนในการตัดใจแล้ว พี่อยากเป็นคนเลวกว่านี้ ฉุดมันออกไปจากที่นี่ ฉุดไปให้ไกล ไปอยู่ในที่ที่มีแต่เราสองคน ไม่ต้องมีพ่อไม่ต้องมีแม่ ไม่ต้องมีสังคม ไม่ต้องมีใครทั้งนั้น นอกจากพี่กับมัน”
พี่เป้พูดเสียงสั่น แกคงพยายามระงับความอ่อนแออยู่
 
“พี่รักมัน… พี่รักเต้ย”
พี่เป้สารภาพด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ เพียงไม่กี่วินาทีหลังจากนั้น หัวไหล่ผมก็รู้สึกอุ่น ๆ ผมได้แต่ยืนนิ่งเม้มปากแน่น พอ ๆ กับดวงตาที่กำลังปิดสนิท มือก็ลูบหลังปลอบประโลมไปไม่หยุด
 
“ผมขอโทษ”
ขอโทษที่ช่วยพี่ได้เพียงเท่านี้ ขอโทษที่ไม่สามารถทำให้ไอ้เต้ยมันตัดใจจากพี่ได้
 
ผมปล่อยให้พี่เป้ยืนอ่อนแออยู่ตรงนั้นสักพัก ก่อนดันพี่แกออกเบา ๆ มาสบตา ใบหน้าหล่อเหลาเคลือบไปด้วยหยาดน้ำ
 
ผมว่าผมคงเป็นโรคจิตชนิดหนึ่ง ที่ชอบมองน้ำตาของคน

ผมจ้องมองเม็ดน้ำกลมใสที่เกาะค้างอยู่กลางดวงตา ก่อนที่มันจะร่วงหล่นลงไปที่ผิวแก้ม
 
สวย…
สวยเอามาก ๆ จนผมเผลอตัวมองมันอยู่นาน
 
ผมทาบมือไว้กับแก้มพี่มัน ไล้นิ้วโป้งเกลี่ยเช็ดหยาดน้ำออกให้เบา ๆ
 
“ร้องไห้ให้เต็มที่เถอะนะ หลังจากนั้นพี่จะได้เข้มแข็งขึ้น แล้วมาพยายามด้วยกันใหม่”
 
พี่มันพยักหน้าทีเดียวรับรู้
 
ผมยิ้ม จ้องมองใบหน้าของคนที่กำลังร้องไห้ราวกับเด็กสองขวบ ผ่านไปสักพัก ผมก็หยิบผ้าเช็ดหน้ามาเช็ดน้ำตาให้ จัดแต่งทรงผมให้อีกนิดหน่อย
 
“หล่อแล้ว..” ผมยิ้ม “ลุยกันอีกครั้งนะ”
 
พี่แกพยักหน้า ผมตบแผงอกกว้างเบา ๆ ตรงตำแหน่งหัวใจให้แกเข้มแข็งขึ้น พี่เป้ยิ้มให้นิดหนึ่ง หันหลังก้าวเดินจากไป ผมมองตามจนลับสายตาก่อนหันกลับมาที่เดิม

ผมจ้องมองกำแพงว่างเปล่าตรงหน้า ตรงจุดที่พี่เป้เคยยืนอยู่ ก่อนเดินไปยืนพิงมันไว้
 
สัมผัสได้ถึงความรู้สึกบางอย่างที่พี่เป้ได้ทิ้งเอาไว้ ขนาดผมเป็นคนนอกยังรู้สึกเจ็บปวดไปด้วยขนาดนี้
             
แล้วพี่เป้ล่ะ...

จะเจ็บปวดมากมายขนาดไหน

ผมเอี้ยวหน้าไปมองคราบน้ำตาของพี่เป้ตรงหัวไหล่ ถอนหายใจออกมาเบา ๆ หันกลับมาอีกที ก็สบเข้ากับดวงตาของใครบางคน ที่ยืนจ้องหน้าผมอยู่
 
ผมตัวชาวูบ
 
“นี่คือสาเหตุที่พี่เป้เป็นแบบนี้จริง ๆ สินะ”
 
“เต้ย…”
ผมครางเรียกเสียงแผ่ว เมื่อกี้มันคงได้ยินหมดแล้ว
 
“เป็นอย่างที่กูคิดไว้จริง ๆ”
มันพูดเหมือนเพ้อ
 
“ตะ เต้ย… กูขอโทษ”
 
“กูภาวนามาตลอด ว่าขอให้มันไม่ใช่…”
 
“เต้ย…”
 
“ที่พี่เป้เป็นแบบนี้ เพราะเขา…”
มันหยุดคำพูดไว้ กลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ ในขณะที่ผมก้มหน้าลงต่ำ หลับตาลงแน่น
 
“…รักมึง”
             
ผมลืมตาเงยหน้ามองอีกที
 
“ไม่ใช่นะเต้ย!!”
 
“มึงไม่ต้องมาปฏิเสธ!! กูเสียใจที่มึงกับพี่เป้พากันโกหกกู แต่กูก็เข้าใจว่าเพราะอะไร”
 
“ไม่ใช่!!”
 
“ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว!! กูได้ยินมากับหู เห็นมากับตา”
มึงได้ยินได้เห็นอะไรมาวะ ถึงได้พาลเข้าใจผิดกันขนาดนี้
 
“กาย ตั้งแต่เกิดมา กูยังไม่เคยเห็นพี่กูอ่อนแอแบบนี้มาก่อนเลยนะ พี่มันคงจะรักมึงมาก”
 
“ไม่ใช่!!”
ผมค้าน
 
“มึงหุบปากไปเลย!!”
แล้วมันก็ตอกกลับผมเสียงดังยิ่งกว่าเดิม
 
“ไอ้เต้ย มันไม่ใช่อย่างที่มึง…”
 
“กาย!!”
มันเบรกเสียงผมไว้ จ้องหน้าผมเขม็ง
 
“กูขออะไรมึงอย่างได้ไหม”
 
ผมขมวดคิ้วจนเป็นปม
 
“มึงมาคบกับพี่กูที”
 
ผมยืนอ้าปากค้าง
 
“มึงจะบ้ารึไง มันไม่ใช่อย่างที่มึงคิด แล้วอีกอย่าง กูมีพี่เอกอยู่แล้วด้วย”
 
“อันนั้นกูรู้ แต่มึงลองเปิดใจรับพี่กูไว้พิจารณาอีกคนได้ไหม ครอบครัวกูก็รวย เลี้ยงดูมึงได้สบาย ๆ นิสัยพี่กูก็ดี แถมยังดีกว่าพี่เอกด้วยซ้ำ หล่อก็หล่อกว่า”
 
ไอ้เชี่ย ไอ้เวรตะไล ไอ้สารเลว ไอ้ตะกวด ไอ้เตี้ย มาว่าคนของกูไม่หล่อ
 
“ถ้าเทียบกันแล้ว พี่กูดีกว่าเห็น ๆ”
มึงจะยกหางพี่มึงมากไปไหม
 
“เพราะงั้นมารักกับพี่กูดีกว่า นะ ๆ กูขอร้อง”
มันทำท่าอ้อนวอน
 
“กูคงทำไม่ได้ กูมีพี่เอกอยู่แล้ว”
 
“กูรู้ กูขอแค่มึงเปิดใจรับพี่กูไว้พิจารณาอีกคนก็พอ กาย กูขอร้องมึงล่ะ กูไม่เคยเห็นพี่กูเป็นแบบนี้มาก่อนเลยนะ นับวันมันยิ่งอ่อนแอลงอ่อนแอลง กูเป็นน้องนะกาย เห็นพี่ตัวเองทุกข์ กูก็พลอยเป็นทุกข์ไปด้วย ขอร้องล่ะ คบกับพี่กูที”
 
“ไอ้เต้ย…”
ผมพยายามเรียกมันด้วยน้ำเสียงอดทนที่สุดเท่าที่จะทำได้
 
“กูสงสารพี่เป้ก็จริง แต่กูมีพี่เอกอยู่แล้ว”
 
มันจ้องหน้าผมเขม็ง
 
“งั้นกูจะทำให้มึงเลิกกับพี่เอก แล้วมาคบกับพี่กูแทน”
 
“อะ..อะ..ไอ้เต้ย ไอ้เพื่อนบ้า! มึงมีเหตุผลหน่อยสิ!!”
 
“ไม่!! กูจำเป็นต้องทำว่ะ กูไม่อยากเห็นพี่กูตายทั้งเป็นแบบนี้ ทุกวันนี้ มันก็เหมือนซอมบี้เดินได้อยู่แล้ว มีชีวิตเหมือนไม่มี กาย.. กูขอโทษนะ แต่กูต้องทำ”
มันพูดแค่นั้น แล้วหันหลังเดินจากไป ผมยืนนิ่งช็อกค้างอยู่กับที่
 
นี่มันอะไรกันวะเนี่ย!!
 
เรื่องของพวกมึง เอากูกับพี่เอกไปยุ่งด้วยทำม้ายยยย
 



 
to be con.. 60%

 :ling1:


หนังสือ&ebook >> https://goo.gl/FSOuuM


ออฟไลน์ Ginny Jinny

  • ความเป็นจริงมันวุ่นวาย ก็ขอให้ใจมันสบายๆในความฝัน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2115
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
โธ่ เต้ย.....เข้าใจผิดไปอีก
กาย ทำไมไม่พูดออกไปซะเลย
ว่า พี่เป้ กำลังมีความรักน่ะใช่
แต่รักมึง ไม่ใช่รักกู.....
แล้วเต้ย คงเสียใจไปแล้วว่าพี่เป้ รักกาย
เต้ย คงรู้แล้วว่าตัวเองใจเต้นแปลกๆ น่ะเพราะรักพี่เป้
ความรักของพี่เป้ เต้ย คงงวดและ (แหะๆ มโน อีกและ)
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-10-2016 17:56:40 โดย ทฟเืนสรฟ »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ psyfer

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 19
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0

ออฟไลน์ memew

  • ขอบคุณที่เข้ามาอ่านจ้าาา
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 456
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +382/-10
    • :: Memew แฟนเพจ :
ตอนที่ 66 น้องของมา...พี่จัดให้ (เอก)

 
ผมยกนาฬิกาขึ้นมองเป็นครั้งที่ร้อยได้แล้วมั้ง วันนี้เป็นวันแรกที่ไอ้ตัวเล็กมันกลับไปทำงานอีกครั้งตามแรงยุรอบด้าน ส่วนผมเฉย ๆ อยากทำก็ทำ ดีซะอีก จะได้มีแรงกระตุ้นให้พวกน้อง ๆ ได้มีอะไรทำกัน พวกทโมนดีใจกันใหญ่ที่สามารถหาเงินก้อนแรกได้ด้วยตัวเอง
 
แต่คนที่ดีใจที่สุด คงไม่พ้นพ่อกับแม่นั่นแหละ เพราะพวกน้อง ๆ รวมเงินที่ทำงานกันได้ ไปซื้อของขวัญให้พวกท่าน แม่นี่นั่งน้ำตาซึมกับของขวัญชิ้นนั้นไปหลายวันเลย
 
ผมยิ้มอย่างภาคภูมิ ถึงพวกทโมนจะซนกันขนาดไหน แต่ก็น่ารักและเป็นเด็กดี ไม่เสียทีที่ผมดูแลสั่งสอนมากับมือ (ยกความดีความชอบให้ตัวเองหมดครับ)
 
ผมนั่งเซ็นงานที่ผู้ช่วยยื่นมาให้ ก่อนยกนาฬิกาข้อมือมองอีกที
 
“ที่เหลือเอาไว้พรุ่งนี้ผมจะมาทำต่อ วันนี้ผมมีธุระ”
 
ชายสูงวัยกว่ารับคำ เก็บรวบเอกสารที่กองอยู่บนโต๊ะให้ ผมรีบคว้ามือถือและกุญแจรถวิ่งลิ่วออกจากบริษัทไป
 
ยอมรับว่าผมไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน จะว่าเป็นรักแรกไหม ก็ไม่ใช่ ผมแค่เป็นห่วงมัน คิดถึงมัน อยากอยู่ใกล้ อยากได้ยินเสียง อยากเห็นหน้า อยากสัมผัส และอีกหลาย ๆ อยาก ที่ผมไม่เคยเป็นมาก่อน
 
สามทุ่มตรง ผมก็มานั่งเคาะนิ้วเร่งเวลาหลังพวงมาลัย รถราบนท้องถนนยามนี้ไม่ได้แน่นขนัดเหมือนช่วงเย็น แต่ผมกำลังติดแหงกอยู่หลังสัญญาณไฟสีแดงที่ตัวเลขบนกรอบสี่เหลี่ยมมันลดจากเลข 59 ลงไปเรื่อย ๆ แต่มันก็ช้าเอามาก ๆ สำหรับคนที่กำลังเร่งรีบแบบผม
 
และทันทีที่ไฟเปลี่ยนสี ผมใส่น้ำหนักให้ฝ่าเท้า ถีบตัวรถพุ่งทะยานไปด้านหน้าทันที
 
เพียงไม่นาน ผมก็ขับรถมาถึงที่ร้าน ช่วงเลิกงาน มีเพียงรถของไอ้เป้กับพี่เก่งพนักงานอีกคนจอดอยู่ ผมควงพวงกุญแจรอบหนึ่ง จับยัดใส่กระเป๋ากางเกง เดินกึ่งวิ่งเพื่อไปหาคนที่ผมคิดถึงมาทั้งวัน
 
ไฟรอบ ๆ ร้านดับตัวลงหมดแล้ว แสงที่เหลือจึงเป็นแสงที่มาจากด้านในของตัวร้าน รั้วที่สูงเพียงสะโพกถูกแง้มไว้นิด ๆ พร้อมป้าย ‘Close’
 
ผมยิ้ม เปิดประตูรั้วออก เดินตรงเข้าไปภายใน ผมไม่ใช่ลูกค้า จึงไม่จำเป็นต้องเชื่อฟังคำเตือนของป้ายนั้น
 
ผมกวาดตามองหาไอ้ตัวเล็ก ตอนมาไม่ได้โทรบอกมันล่วงหน้าว่าผมมาถึงแล้ว ผมมองหาอีกทีจนสายตาไปปะทะกับภาพภาพหนึ่งเข้า
 
ภาพที่ทำให้ขาผมขยับแทบไม่ออก และความร้อนทั้งหมดไหลไปรวมกันที่ฝ่ามือ
 
ไอ้ตัวเล็กของผมกำลังถูกบังคับจูบอยู่
 
ไม่รอให้สมองสั่งการ ผมวิ่งเร็วไปกระชากไอ้ตัวเล็กออก เหวี่ยงหมัดซัดใส่ใบหน้าช้ำ ๆ ของไอ้อาร์ตเต็มแรง คนถูกต่อยหน้าหันไปตามแรงมือ ก่อนค่อย ๆ หันกลับมาอีกครั้ง

เลือดมันไหลลงมาเป็นทางข้างมุมปาก
 
“ทำอะไรของนาย!!”
ผมตะคอกถามเสียงดัง
 
“หมัดหนักชะมัด”
มันไม่ตอบ ใช้นิ้วโป้งแต้มเลือดเข้าปากกวาดเช็ดด้วยปลายลิ้นแล้วกลืนกิน แววตามันนิ่งเรียบเคลือบความถูกใจเอาไว้บาง ๆ
 
“ผมตัดสินใจแล้ว” มันพูดด้วยสายตาแน่วแน่ “ผมจะเป็นตัวของตัวเอง แต่ตัวตนของผม อาจไม่ใช่คนดีอย่างที่พี่คิด”
 
ผมจ้องตาคนพูดเขม็ง
 
“ผมชอบกาย”
 
ทุกสิ่งทุกอย่างหยุดชะงักไปชั่วขณะ ไม่เว้นแม้แต่ไอ้ตัวเล็กข้างผม
 
“ผมคิดดีแล้ว ไม่ใช่ความชอบเพื่อเอาชนะพี่อย่างที่ผ่าน ๆ มา แต่เป็นเพราะผมอยากครอบครองตัวกายเขาจริง ๆ”
 
ไอ้ตัวเล็กเขยิบตัวมาจับอกเสื้อผมไว้ ผมเกี่ยวแขนเข้าที่เอวมัน
 
“ผมจะแย่งกายมาจากพี่ให้ได้ คราวนี้เพื่อตัวเอง ไม่ใช่เพื่อเอาชนะพี่อย่างที่ผ่าน ๆ มา”
 
ผมจ้องมองดวงตาแน่วแน่นั้น ไอ้ตัวเล็กเบียดตัวเข้ามามากขึ้น จนผมต้องกระชับอ้อมแขนแน่นขึ้นกว่าเดิม
 
“พี่ไม่มีทางยกกายให้นายแน่”
ผมตอบกลับเสียงเย็น
 
พวกเรายืนเงียบ จ้องตากันและกัน ในขณะที่ไอ้ตัวเล็กยังอยู่ในอ้อมแขนผม กระทั่งเสียงหนึ่งดังขัดความเงียบขึ้นมา
 
“จะผิดไหม ถ้าผมจะขึ้นสังเวียนครั้งนี้ด้วยอีกคน”
 
พวกเราทั้งหมดหันไปมอง
 
“พี่อิฐ”
ไอ้ตัวเล็กครางเรียก
 
“อิฐ…”
อันนี้เป็นผม
 
“อิฐ…นาย…”
อันนี้เป็นไอ้อาร์ต

มันคงช็อกไม่แพ้กัน เพราะอิฐคงเป็นคนเดียวที่ไม่มีท่าทีว่าจะสนใจกายมากที่สุด
 
มันเดินยิ้มอบอุ่นเข้ามาใกล้ ในขณะที่ดวงตาไม่ได้ละไปจากคนในอ้อมแขนผมแม้แต่น้อย
 
“เป็นบ้าอะไรของพวกนาย!!”
ผมตะคอกด่า แต่คำตอบที่ได้ มีเพียงรอยยิ้มใสซื่อเท่านั้น
 
“ไม่ต้องห่วง ผมไม่ใช้วิธีรุนแรงแบบอาร์ตหรอก”
มันพูดเนิบ ๆ
 
แต่ไม่ว่าจะวิธีไหน กูก็ไม่ชอบทั้งนั้นโว้ย ไอ้ตัวเล็กมันเด็กของกู
 
แง่ง!!
 
ไอ้ตัวเล็กบดเบียดร่างกายเข้าหาผมมากขึ้น ก่อนเงยหน้ามองตาผม
 
“พี่เอก…”
เสียงมันเครือหน่อย ๆ พาเอาผมแอบหวั่นไหว
 
น่ารักดีครับ
 
ขนาดอยู่ในสถานการณ์ที่เขาจะฆ่ากันตาย มันก็ยังมิวายทำตัวน่ารักน่าฟัดได้อีก
 
แม่ม..
 
จะทำให้กูหวั่นไหวไปถึงไหนวะ กูจะฆ่าน้องกูตายก็เพราะความน่ารักของมึงนี่แหละ
 
ผมกดหัวมันซุกอก หันไปปรายตามองสองชีวิตที่มีหน้าตาละม้ายคล้ายกับผม
 
“ไม่ว่าพวกนายจะพยายามกันยังไง กายก็เป็นคนของพี่ จำเอาไว้”
ผมบอกแค่นั้น โอบเอวไอ้ตัวเล็ก พามันกลับบ้าน
 
 
 





 
หลังจากอาบน้ำอาบท่าเรียบร้อย ผมในชุดคลุมสีเลือดหมูก็เดินมาทิ้งแผ่นหลังไว้กับพนักพิงโซฟาในห้องรับแขก ไอ้ตัวเล็กยังอาบน้ำอยู่ ผมกำลังคิดหาวิธีดี ๆ ในการรับมือและกำจัดพวกน้อง ๆ ออกไปให้พ้นทาง
 
ทำไมคู่แข่งเยอะนักวะ
 
ไอ้คุณชรินทร์กับไอ้โอ๊คก็ยังเคลียร์ไม่จบ นี่ยังมีไอ้อาร์ตกับไอ้อิฐพ่วงเข้ามาอีก
 
ผมแหงนหน้าขึ้นมองเพดาน จนได้ยินเสียงกริ๊กเบา ๆ ผมหันไปมอง เห็นไอ้ตัวเล็กเดินก้มหน้าออกมาจากห้องน้ำ แต่สภาพของมันพาเอาผมเลิกคิ้วมองด้วยความแปลกใจ
 
มันเดินออกมาในชุดเสื้อยืดกางเกงขาสั้นที่ผมยื่นให้มันก่อนหน้านี้ แต่ว่ามันเปียกโชกไปทั้งตัวตั้งแต่หัวจรดเท้า เสื้อยืดสีขาวแนบเนื้อจนเห็นหัวนม ขากางเกงก็ลีบติดเนื้อติดหนังไปหมด น้ำจากเส้นผมหยดแหมะร่วงลงพื้น มันเดินเหม่อ ๆ ออกมายืนหน้าห้องน้ำ
 
“ทำไมถึงได้เปียกขนาดนี้!!”
ผมรีบเดินเข้าไปหา

มันเงยหน้ามอง แล้วก้มมองตัวเองต่อ
 
“ผมเผลอเปิดน้ำจากฝักบัวราดตัวเองตอนแต่งตัวเสร็จแล้วน่ะ”
มันบอกเรียบ ๆ สีหน้ายังเต็มไปด้วยความวิตกกังวล
 
“แล้วทำไมไม่ถอดเสื้อผ้าก่อนออกมา ตัวเปียกหมดแล้ว”

 
มันชี้เข้าไปในห้องน้ำ เห็นผ้าเช็ดตัวเปียกโชกกองอยู่ในตะกร้าเสื้อผ้า
 
ผมรีบเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวผืนใหม่มายื่นให้ แล้วเดินไปหยิบชุดใหม่มาให้มันด้วย ชุดประจำตำแหน่งมันนั่นแหละ มันก็รับไปถือไว้โดยไม่อิดออด เดินเข้าห้องน้ำไป แล้วก็กลับมาใหม่ในสภาพเหม่อลอยเหมือนเดิม
 
“กายเป็นไรมากรึเปล่า”
ผมถามด้วยความเป็นห่วง

มันมองหน้าผมอยู่สักพัก ก่อนเดินเข้ามาใกล้ แล้วโอบรอบลำคอผมไว้
 
ผมรู้ว่าตอนนี้มันคงกำลังคิดมากเรื่องของไอ้อาร์ตกับไอ้อิฐอยู่
 
แต่แม่ม…
ผมไม่ได้อยากจะลามกนะ แต่เวลาที่มันยืดตัวขึ้นมาคล้องคอผมจนสุดปลายเท้าแบบนี้ เสื้อมันร่นขึ้นจนแทบจะเห็นแก้มก้นอยู่แล้ว ผมรีบละสายตาไปที่อื่น พยายามจะไม่มองและพยายามไม่คิดอะไรต่อ
 
“ผมไม่ได้ตั้งใจทำให้เรื่องมันวุ่นวายแบบนี้นะ”
 
“พี่รู้”
ผมคล้องแขนรอบเอวมันข้างหนึ่ง ส่วนอีกข้างจับคางมันเงยหน้าขึ้นสบตา ดวงตาเรียวฉายแววสับสน หวาดหวั่น และหวาดกลัวออกมาเล็ก ๆ
 
“ทำไมมันต้องเป็นแบบนี้ด้วยก็ไม่รู้ ไหนจะเรื่องของไอ้เต้ยอีก”
 
ผมขมวดคิ้ว
 
“ไอ้เต้ย?”
 
มันจ้องตาผมกลับ ถอนหายใจออกมาเบา ๆ ซบหน้ากับอกผมคล้ายคนหมดแรง
 
น่ารักดีครับ
ท่าทางแบบนี้ไม่เคยเห็นมาก่อน
 
“ไอ้เต้ยมันเข้าใจผิดว่าพี่เป้ชอบผม มันเลยขอร้องให้ผมคบกับพี่มัน แต่ผมไม่ยอม เพราะผมมีพี่เอกอยู่แล้ว มันเลยบอกว่าจะทำทุกวิถีทาง เพื่อให้ผมเลิกกับพี่แล้วไปคบกับพี่เป้แทน”
 
ผมยืนอึ้งนิ่งฟังเรื่องราวทั้งหมด ก่อนระเบิดหัวเราะออกมาเสียงดัง

มันดันตัวออกไปมองด้วยสีหน้างุนงงผสมแปลกใจและเป็นห่วง
 
ผมรีบตีสีหน้านิ่งขรึมทันที แต่มันยังมองผมแบบแปลก ๆ อยู่ ผมเลยพามันไปที่โซฟา จับมันนั่งคร่อมไว้บนตัก มันไม่ได้ขัดขืนเหมือนทุกที สงสัยจะยังงงกับท่าทีเปลี่ยนแปลงกะทันหันของผม

มันจ้องหน้าผมด้วยสีหน้าเป็นห่วง สงสัยกำลังรอดูอาการ ถ้าหนักมาก จะได้โทรเรียกศรีธัญญามารับตัวไป
 
ผมคลี่ยิ้มเพียงนิดส่งให้มัน
 
“เขาว่ากันว่า ของที่ได้มายาก ๆ มักจะทำให้เราเห็นคุณค่าของสิ่งนั้นมากขึ้น”
 
มันยังทำสีหน้างุนงงอยู่ ผมยิ้มใส่มัน
 
“ไม่ต้องคิดมากหรอกนะ”

คำพูดผมไม่ได้คลายสีหน้างุนงงผสมกังวลของมันแม้แต่น้อย ผมอมยิ้ม ลูบมือกับต้นขามันเบา ๆ มันไม่ได้สนใจครับ สงสัยจะยังไม่เคลียร์ ผมเลื่อนมือสูงขึ้นเรื่อย ๆ ไปยังแก้มก้นมัน
 
โอ้โห!
โนแพนตี้
 
นี่มันลืมใส่หรือจงใจไม่ใส่กันแน่นะ
 
มันจ้องหน้าผมเพื่อค้นหาคำตอบ
 
“กาย พี่เคยเจอปัญหาหนัก ๆ มาเยอะนะ เรื่องแค่นี้ขี้ปะติ๋ว”
ผมพูดไป มือก็ลูบไล้แก้มก้นมันไป มันไม่ได้สนใจแม้แต่น้อย ขนาดผมเพิ่มแรงบีบ มันก็ยังไม่หือไม่อือ
 
“แต่…”
 
“ถ้าเป็นเรื่องของไอ้เต้ย มันทำอะไรเราไม่ได้อยู่แล้ว ถ้าเราเข้มแข็งซะอย่าง หรือถ้ามันรุกหนักเข้าจริง ๆ ก็แค่บอกความจริงมันไปก็จบ ที่เหลือก็ให้พวกมันไปจัดการกันเอาเอง มันเป็นทางเลือกสุดท้ายที่ไอ้เป้จะทำ”
 
มันนิ่งฟังในขณะที่มือผมก็รื่นเริงอยู่กับก้นนิ่ม ๆ ของมัน เลื่อนสูงไปที่ร่องเอว
 
แม่ม!!
อยากจับฟัดให้ตายคามือจริง ๆ พับผ่า
 
“ส่วนเรื่องน้อง ๆ ก็อย่างที่พี่เคยเตือนเอาไว้…พวกน้อง ๆ มักชอบอะไรเหมือน ๆ กับพี่ ถ้าของมีหลายอย่าง พวกเราก็จะซื้อเหมือน ๆ กัน แต่ถ้าบังเอิญของบางอย่างมีเพียงชิ้นเดียว ก็มีบ่อย ๆ ที่พวกเราจะทะเลาะเพื่อแย่งของกัน”
 
มันยังนิ่งฟังด้วยความตั้งใจ ผมเลื่อนมือไปปลดกระดุมเสื้อมันออกทีละเม็ดอย่างเบามือ
 
“และผลที่ได้ส่วนมาก…”
ผมหยุดเสียงตัวเองไว้ ก้มกระซิบข้างหูมันเบา ๆ
 
“พี่ก็ชนะเสมอ”
 
มันมองหน้าผมอึ้ง ๆ

ผมยิ้มให้มันที
 
“แล้วมีสักครั้งไหม ที่น้อง ๆ พี่ชนะ”
 
ผมทำท่าคิด มือไม้ก็ลูบ ๆ ไล้ ๆ อยู่แถว ๆ บั้นเอวและแก้มก้นมัน
 
“ไม่มี” ผมตอบ “นอกจากพี่จะแกล้งแพ้เพื่อให้น้อง ๆ ได้ของเล่นชิ้นนั้นไป”
 
มันค่อย ๆ คลี่ยิ้มออกกว้าง
 
“พี่เอกเก่งจัง”
แล้วก็ชมผมเสียงใส คราวนี้เป็นผมเองที่นั่งอึ้งมองรอยยิ้มนั้นไม่วางตา
 
“นี่กาย…”
ผมเรียกมันด้วยน้ำเสียงจริงจัง
 
“ฮะ”
มันหุบยิ้มลงทันที นั่งนิ่งตั้งใจฟัง
 
“อย่าไปยิ้มแบบนี้ให้ใครเห็นเด็ดขาดนะ”
 
มันมองผมงง ๆ
 
“เพราะมันจะทำให้พี่มีคู่แข่งเพิ่มขึ้นอีกน่ะสิ”

แก้มขาวแดงขึ้นเรื่อย ๆ ผมยิ้มพราว กดจูบมันไปที
 
“พี่ขออย่างเดียวเท่านั้นแหละ”
ผมถอนจูบมาพูด

“ขอให้ตรงนี้ของกาย”
ผมจิ้มนิ้วลงบนอกซ้ายมันเบา ๆ มันก้มหน้ามองตาม ก่อนเงยหน้าขึ้นมามองผม ผมยิ้มอบอุ่น

“ขอให้มันอยู่ตรงนี้”
แล้วผมก็จิ้มมาที่อกซ้ายตัวเอง

“ให้มันเป็นของพี่ก็พอ”
 
นัยน์ตามันวูบไหวบางเบา
 
“เพราะถ้าตรงนี้”
ผมจิ้มกลับไปที่ตำแหน่งอกซ้ายของมันอีกรอบ

“มันไม่ไปไหน มันอยู่ตรงนี้ตลอด”
ผมจิ้มกลับมาที่หน้าอกตัวเองต่อ

“พี่ก็ไม่กลัวอะไรทั้งนั้น”
ผมพูดยิ้ม ๆ เลื่อนมือลงไปที่แก้มก้นมันต่อ
 
มันจ้องตาผมสั่นไหว มันคงซึ้งและเข้าใจในความหมายที่ผมต้องการจะสื่อ ก่อนเลื่อนสายตาลงไปที่อกเสื้อตัวเอง เงยหน้าขึ้นมามองผม แล้วก้มต่ำลงไปมองอกเสื้อตัวเองต่อ คิ้วได้รูปขมวดบาง ๆ จ้องมองกระดุมเสื้อที่หลุดหายไปทุกเม็ด ชายเสื้อปิดส่วนสงวนเอาไว้นิดเดียว ก่อนจะเลื่อนสายตามองไปยังมือทั้งสองข้างของผมที่บีบแก้มก้นมันอยู่
 
ตอนนี้มันคงจะรู้สึกตัวแล้ว มันอ้าปากค้าง หน้าแดงขึ้นมาทันที มันเงยหน้าขึ้นมาสบตาผม
 
“ผมว่า เรารีบเข้านอนกันก่อนดีกว่า ผมง่วงแล้ว”
มันทำท่าจะลุก แต่ผมรวบจับเอวมันไว้ก่อนสองข้าง


 :katai5:

“พี่ยังไม่ง่วงเลย”
 
“ตะ แต่ผมง่วงแล้ว”
 
ผมแสร้งเหลือบมองเวลาจากนาฬิกาข้างฝา
 
“เพิ่งจะสี่ทุ่มเอง น่านะ อยู่ต่ออีกนิด”
ผมอ้อน
 
“อะ เอ่อ พี่อยู่คนเดียวไปก่อนก็ได้ ผมจะเข้านอนเร็ว พรุ่งนี้มีสอบ”
มันพยายามหาข้ออ้าง

ผมยิ้มพราวใส่มัน
 
“ก็ไหนกายบอกพี่ว่าอ่านหนังสือมาแล้ว แถมยังสอบช่วงเย็นไม่ใช่เหรอ”
 
มันอ้าปากค้าง พยายามคิดหาข้ออ้างใหม่ ๆ
 
ผมยิ้มเจ้าเล่ห์

“ช่วงนี้มีคนมาเกาะแกะกายเยอะเป็นพิเศษ พี่ขอตีตราเยอะ ๆ หน่อยได้ไหม อยากให้คนอื่นเขารู้น่ะ ว่ากายเป็นของใคร”
ไม่ปล่อยให้มันได้ปฏิเสธครับ ผมจับมันนอนราบไปกับโซฟาแล้วตีตราหนัก ๆ ไปหลายที
 
 
 
 




สองชั่วโมงผ่านไป
ผมหอบแฮกคร่อมอยู่บนเรือนร่างของคนที่ตัวเล็กกว่า ร่างผมยังผสานแนบสนิทอยู่กับมัน เหงื่อไคลไหลย้อยหยดแหมะลงบนแผ่นหลังของมันหยดแล้วหยดเล่า ภายในยังคงรีดรัดเอาความอุ่นซ่านจากร่างกายผมเข้าไปภายในตัวมัน

 ผมจำไม่ได้ว่าผมกับมัน ไปถึงจุดหมายปลายทางกันกี่รอบแล้ว แต่ผมก็ยังไม่อยากหยุด
 
ผมเป็นพวกมีความต้องการสูง
อันนั้นผมก็รู้
 
ผมไม่เคยเพียงพอในรอบเดียว
อันนั้นผมก็รู้
 
และผมรู้ว่ามันเองก็เหนื่อยที่ต้องมารองรับอารมณ์ผมแบบนี้
 
ผมจูบต้นคอมันเบา ๆ เคลื่อนต่ำลงมาที่แผ่นหลัง ไอ้ตัวเล็กครางฮือ มันคงสยิว มันมีจุดอ่อนอยู่ที่หัวนม หลังคอและร่องเอว ถ้าสัมผัสสามจุดนี้เมื่อไหร่ จะกระตุ้นอารมณ์ได้เร็วมาก
 
“พอ…”
มันครางห้าม

ไม่รู้มันต้องการห้ามจริง ๆ หรือเป็นแค่คำติดปากของมันกันแน่ แต่สำหรับผม มันคือคำอนุญาตทั้งนั้น ผมถอนเนื้อร้อนที่อ่อนแรงหน่อย ๆ ออกจนเกือบหลุดแล้วใส่กลับเข้าไปใหม่
 
“อ๊า..พี่เอกพอ...”
มันยังครางห้ามอยู่ ผมเคลื่อนเนื้อร้อนออก และใส่กลับเข้าไปใหม่ ช้า ๆ เนิบ ๆ ไม่เร่งรีบ คนด้านล่างครางออกมาเบา ๆ จนบางส่วนของผมเริ่มกลับมามีชีวิตเต็มที่ ผมถึงได้ถอนตัวเองออกแล้วจับมันลุกขึ้นมานั่งคุกเข่าคร่อมตักผมไว้ ผมจับสองมือมันคล้องไว้ที่ลำคอผม มันโรยแรงจนผมต้องพยุงตัวมันไว้อีกที หยาดน้ำขาวขุ่น ไหลรินผ่านเรียวขามันแต้มลงสู่พื้น
 
ถ้าเป็นผู้หญิง คงท้องไปแล้ว แต่มันเป็นผู้ชาย เลยไม่ห่วง
 
“พอเถอะพี่เอก…”
มันโรยแรงห้าม แต่ผมไม่คิดจะฟัง ยิ่งห้าม ผมยิ่งอยากทำ
 
“พี่รักกายนะ”
ผมกระซิบแผ่วข้างใบหู มันหลับตาลง ปากแดง ๆ นั้นเห็นกี่ทีกี่ทีก็ทำให้ผมอยากจูบเสมอ ผมกดจูบ นำพาบางส่วนใส่กลับเข้าไปใหม่
 
“รอบสุดท้ายแล้ว”
ผมกระซิบบอก มันพยักหน้า กอดคอผมแน่น ผมจับมันนอนลงบนเตียงอีกครั้ง ยกขามันพาดบ่าข้างหนึ่ง แล้วขยับร่างกายเข้าออกเบา ๆ
 
ผมทำช้า ๆ เนิบ ๆ มันปรอยตามอง อยากทำเร็ว ๆ ให้เสร็จ ๆ ไปเหมือนกัน แต่ผมก็ชอบมองหน้าเครืออารมณ์ของมัน มันยังไม่ได้คราง แต่เผยอปากปล่อยเสียงลมหายใจออกมาเบา ๆ
 
 ผมจ้องหน้ามันไม่เบือนไปไหน มันก็จ้องหน้าผมไม่เบือนหนีไปไหนเหมือนกัน ผมสามารถพูดได้เลยว่าผมกำลังทำรักกับมันอยู่ ไม่ใช่เพียงแค่เซ็กส์ แต่ผมกำลังส่งผ่านความรู้สึกดี ๆ ผ่านร่างกาย ผ่านฝ่ามือและน้องชายสุดที่รัก
 
ด้วยจังหวะรักช้า ๆ เนิบ ๆ
 
“พี่เอก…”
ปากแดง ๆ นั้นขยับเบา ๆ 
“แรง ๆ”
 
ผมชะงักทุกท่วงท่าค้างไว้กับที่ อึ้งกิมกี่ไปหลายวิ
 
นี่เป็นครั้งแรกที่มันอ้อนขอแรง ๆ ปกติมีแต่ร้องขอให้ผมเบาแรงลงหน่อย
 
ผมยิ้ม ใส่จังหวะให้มันช้า ๆ เหมือนเดิม

มันแหงนหน้าขยับท่อนล่างเข้าหาผมเอง มันคงทนไม่ไหวที่ผมใส่จังหวะช้าเกินไป มันหน้าแดงก่ำ เอียงหน้ามองตาผม
 
“แรงกว่านี้ พี่เอก”
มันร้องขอเสียงเครือ ผมยิ้มพราว
 
“แรงขนาดไหน”
ผมถามยั่ว

หน้ามันแดงยิ่งกว่าเดิม
 
“แรงกว่านี้”
มันบอก

ผมเพิ่มจังหวะหนักขึ้น แต่ก็ยังเบาอยู่ดี
 
“พอไหม”
ผมถาม มันส่ายหน้าเบา ๆ
 
“แรงกว่านี้อีก”
มันขอเสียงพร่า

ผมนี่แทบจะบ้า พยายามสั่งใจให้เย็นไว้ กระชับขามันแน่น แล้วใส่จังหวะหนักเข้าไปอีก
 
“อ๊า ดี แรง ๆ”
มันเชิดหน้า ครางออกมาให้ได้ยิน ผมผ่อนจังหวะช้าลงไปอีก แล้วก้มถามมัน
 
“อยากได้แรงกว่านี้อีกไหม”
 
มันพยักหน้า
 
“ได้ เดี๋ยวพี่จัดให้”
สิ้นเสียง ผมเร่งจังหวะเร็วขึ้นจนหัวมันสั่นคลอนไปตามแรงส่งหนักหน่วง เสียงเนื้อกระทบเนื้อดังก้องไปทั่วผสานเสียงครางหวานผสมทรมานของมัน ผมเร่งจังหวะไม่บันยะบันยังไม่กลัวเครื่องมันพังเลยแม้แต่นิดเดียว
 
“อ๊า.. ดี”
มันครางสุขสะท้าน ยิ่งผมโหมแรงมากเท่าไหร่ มันยิ่งครางหนักมากขึ้นเท่านั้น

ผมกลายเป็นบ้าไปแล้วครับตอนนี้
 
แต่เมื่อน้องขอมา พี่ก็จัดให้
 
มันกรีดร้องเสียงหนักเมื่อผมเร่งใส่จังหวะสุดท้ายพามันไปสู่ปลายทาง คราวนี้มันคงเต็มที่แล้วจริง ๆ เพราะหลังจากนั้น มันก็ผล็อยหลับไปเลย

ผมอมยิ้มกดจูบมันที ผมลุกออกไปหาผ้ามาเช็ดทำความสะอาดให้มัน ส่วนตัวเองก็เดินไปอาบน้ำอีกรอบ 
 
 
 
ผมเดินกลับมาอีกครั้งในชุดเดิม ทิ้งตัวลงไปนั่งข้าง ๆ มัน ผมยิ้มเล็กน้อย เกลี่ยเส้นผมออกจากหน้าผากมันเบา ๆ
 
“พี่รักนายนะ”
ผมกระซิบบอกคนหลับ ล้มตัวลงไปนอนข้าง ๆ เกี่ยวร่างมันมาไว้แนบอก ปิดเปลือกตาลงแล้วปล่อยสติให้กลืนหายไปกับรัตติกาล   
 
 
 
 
 
แสงตะวันยามเช้าทะลุผ่านกระจกเข้ามาปลุกผมแต่วัน ผมเสหน้าหนี ยืดตัวบิดขี้เกียจ
 
สายขนาดนี้แล้วเหรอเนี่ย
 
ผมแปะป่ายมือควานหาคนที่ผมนอนกอดไว้เมื่อคืน
 
ปัดซ้าย…
ไม่มี
 
ปัดขวา…
ก็ไม่มีอีก
 
หายไปไหน...
 
ผมเงยหน้ากวาดมองไปรอบ ๆ
 
ไม่มีครับ
 
ผมขมวดคิ้ว ลุกออกจากเตียง เดินพาน้องชายที่ตื่นขึ้นมาเคารพธงชาติไปตามหาไอ้ตัวเล็กมัน 
 
ได้ยินเสียงแว่ว ๆ ดังมาจากห้องครัว ผมเดินหัวฟูไปหามัน เห็นมันยืนทำกับข้าวอยู่
 
เออวุ้ย เมียกูทำข้าวเช้าให้กินด้วย
 
“ทำอะไรกิน”
ผมเดินเข้าไปใกล้ มันสะดุ้งสุดตัวหันมามอง
 
“อะ อรุณสวัสดิ์ฮะ”
มันพูดกุกกัก รีบหันไปสนใจเตาตรงหน้าต่อ ผมคิ้วขมวด
 
ทำไมต้องทำท่าตื่นขนาดนั้นด้วย
 
“เป็นอะไรหรือเปล่า”
ผมเดินเข้าไปใกล้ มันเขยิบตัวออกห่าง หน้ายังคงก้มงุด
 
“กายเป็นอะไร”
ผมถามด้วยความเป็นห่วงยิ่งกว่าเดิม
 
“มะ ไม่มีอะไร ผมจะรีบทำข้าวต้มให้ทาน”
 
“กาย…”
ผมเรียกมันเสียงเย็น
“เงยหน้ามองพี่ แล้วบอกมาว่าเป็นอะไร”
 
“มะ ไม่มีอะไรจริง ๆ”
ปากบอกไม่มีอะไร แต่เสือกเขยิบตัวออกห่าง ผมเดินเข้าไปใกล้ ใช้สองแขนกั้นมันไว้กับซิ้งค์ มันรีบก้มหน้าลงต่ำยิ่งกว่าเดิม
 
“กาย”
ผมขมวดคิ้วหนัก

 
“เงยหน้า!”
สั่งมันเสียงเข้ม
 
แต่มันไม่ยอมทำตามครับ
 
“เงย!!”
ผมทำเสียงดุ

มันสะดุ้ง ค่อย ๆ เงยหน้าแดง ๆ ขึ้นมอง
 
“เป็นอะไร หน้าแดง ๆ”
ผมลูบแก้มมันเบา ๆ ด้วยความเป็นห่วง แดงเป็นลูกตำลึงเลย จะว่าเป็นไข้ ตัวก็ไม่ร้อน
 
“ปะ เปล่า”
มันปฏิเสธหน้าตื่นรีบเบือนหน้าหนี ไม่สบตา เม้มปากแน่น

ผมจับคางมันไว้ ให้มันมองผมตรง ๆ พอมันสบตาผมได้ ก็รีบหลุบเปลือกตาลงต่ำทันที แก้มงี้แดงจนแทบจะกลายเป็นหม้อไฟ
 
ผมจ้องมองใบหน้านั้นอยู่พัก สำรวจหาสิ่งผิดปกติ ก่อนคลี่ยิ้มออกมา ผมจับเอวมัน ดึงเบา ๆ เข้ามาชิดจนน้องชายผมทิ่มหน้าท้องมัน มันทำหน้าตื่น
 
“หรือว่า…จะอายเรื่องเมื่อคืน”
 
โป๊ะเชะ!
 
มันรีบก้มหน้าลงต่ำยิ่งกว่าเดิม
 
ผมหัวเราะหึ ๆ
 
“ไม่เห็นเป็นไรเลย แค่บอกความต้องการของตัวเอง”
ผมเสยคางมันเงยหน้าขึ้นสบตา
 
“ขะ ข้าวต้มสุกแล้ว พี่รีบไปอาบน้ำแล้วมากินกันดีกว่า”
มันรีบหาทางเลี่ยง

ผมหันไปมองหม้อข้าวต้ม แล้วหันกลับมามองหน้ามัน
 
“อืม พี่เองก็หิวแล้วเหมือนกัน”
 
มันทำท่าจะเดินออกจากวงแขนผม แต่ผมยึดจับมันไว้ เอื้อมปิดเตาแก๊ส หันมามองมันตาพราว
 
“งั้นพี่ขอกินมื้อเช้าก่อนนะ”
แล้วหลังจากนั้น ผมก็หม่ำมื้อเช้า กลางห้องครัวนั่นแหละครับ
 
เปรมจริงอะไรจริง ฮ่า ๆ ๆ


To Be Con...

หายหัวไปซะหลายเดือน หัวยุ่งหัวหมุนอยู่กับการเดินทางและปิดโปรเจค จะมาอัพต่อให้หลายรอบ จะจะจะ จนจะกลายร่างเป็นแรปเปอร์ก็ยังไม่มาสักที จนได้ฤกษ์ดีวันนี้ รีบแงะตัวเองจากกองงานมาอัพให้อ่าน กลัวพี่เอกกับน้องกายที่เล้าบูด  :man1:

สวัสดีปีใหม่ชาวไทยบอยทุกคนจ้าา  :L2:


>
หนังสือ & e-book >>https://goo.gl/PMPdyA

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14-01-2017 12:28:04 โดย memew »

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8217
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ Ginny Jinny

  • ความเป็นจริงมันวุ่นวาย ก็ขอให้ใจมันสบายๆในความฝัน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2115
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4
กายกว่าจะรู้ตัวก็โดนกินแหละ  :a3: :a3:

ออฟไลน์ mam.nalok

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 247
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
โอ้ยยยยกานเสน่ห์แรงเว่อร์ สามพี่น้องแข่งกันจีบกาย พี่เอกจะทำไง สู้ๆพี่เอก :hao7: :hao7:

ออฟไลน์ memew

  • ขอบคุณที่เข้ามาอ่านจ้าาา
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 456
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +382/-10
    • :: Memew แฟนเพจ :
67 ดูหนัง [กาย..♥]
 







 
หน้าด้าน…
 
หน้าหนา…
 
หน้าทน…
 
หน้ามึน…
 
ตาหื่นตื่นไม่เลือกที่ ผมไม่รู้ว่าจะสรรหาคำไหนมาเปรียบความด้านกับความหื่นของพี่เอกมันดี กินผมได้ทุกที่ทุกเวลาจริง ๆ
 
แต่พอนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนทีไร
 
“โอ๊ย!! กูพูดไปได้ไงวะ”
ผมโขกหน้าผากกับโต๊ะเรียนปั๊ก ๆ ขยี้หัวตัวเองจนผมยุ่ง
 
อับอายขายขี้หน้าสุด ๆ
 
‘แรง ๆ พี่เอก’
 
โฮกกกกกกกกกกก
 
กูขอตายอีกรอบ
 
ขอเหอะ
ลืมเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดซะเถอะนะครับ เมื่อคืนผมไม่มีสติ ผมกำลังช็อกเรื่องพี่อาร์ตกับพี่อิฐ เลยพาลให้ทำเรื่องแบบนั้นไปโดยไม่รู้ตัว
 
‘อ๊า..แรง ๆ’
 
อ้าคคค!!
แล้วจะคิดขึ้นมาทำม้ายยย
 
ผมรีบปัดอากาศลบภาพที่ฟุ้งขึ้นมาให้มันหายไป
 
“เป็นอะไรของมึง ประสาทกลับรึไง”
ไอ้เต้ยมันถาม ผมเงยหน้าเบี้ยว ๆ มองมัน มันคงสมเพชในความขี้เหร่ของผม ถึงได้ทำหน้าเบี้ยวตาม
 
“พี่กูมันใช้อะไรมองวะ ถึงได้มาหลงรักคนแบบมึงได้ ขี้เหร่ฉิบหาย”
 
“ไอ้เชี่ย!!”
ผมด่ามันไปที พี่มันไม่ได้รักกู แต่รักมึงต่างหาก
 
“นี่สรุป มึงก็ยังไม่ล้มเลิกความตั้งใจที่จะให้กูคบกับพี่มึง”
 
“อืม”
 
“นี่เต้ย…”
 
“มึงหุบปากไปเลย”
มันเบรกผมลงกึก

“ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น กูไม่รู้วิธีกำจัดพี่เอก กูรู้แต่วิธีทำให้มึงหลงรักพี่กู”
พอฟังมันพูดจบ ผมก็ได้แต่ทำหน้าเบื่อหน่ายใส่
 
เอาเถอะ อยากทำอะไรก็ทำไป

ผมโทรไปเล่าเรื่องที่ไอ้เต้ยมันรู้ความจริงแบบผิด ๆ ให้พี่เป้ฟังแล้ว รายนั้นดูจะอึ้ง ๆ แต่ก็บอกให้ตามน้ำไปก่อน ผมก็ได้แต่รับปากแล้วไหลตามมันไป
 
 
“นี่กายไปดูหนังกัน”
นั่งไปสักพัก มันก็หันมาชวน
 
ผมหันไปมอง คว้าปากกาบนโต๊ะมาคาบ กระดกขึ้นลงเล่นแก้เซ็ง อาจารย์แกก็สอนไป แต่ไม่เห็นมีใครตั้งใจฟังกันสักคน ไม่นั่งเล่นเกมในมือถือก็นั่งคุยกัน
 
“เอาดิ อยากดูอยู่เหมือนกัน”
มีหนังเรื่องใหม่ของเฮียเฉินหลงเข้าโรงด้วย อยากดูครับ
 
“กูจะชวนพี่กูไปด้วย”
 
ผมเบ้หน้าหันไปมอง
 
กูรู้ว่ามึงคิดอะไรอยู่เต้ย
 
แต่เอาเถอะ อยากทำอะไรก็ทำ
 
 
 
 
 
 
 
หกโมงตรงเป๊ะ พวกเราก็มายืนกันอยู่หน้าโรงหนัง ไอ้เต้ยทำหน้าบูดเป็นตูดลิง คงไม่คิดว่าผมจะลากพี่เอกมาด้วย
 
“ไอ้กาย”
มันเตรียมจะด่า ผมรีบจับแขนพี่เอกลากไปซื้อตั๋วหนังทันที ไอ้พี่เอกมันก็ไม่ว่าอะไร ยิ้มแก้มบานเดินตาม
 
มึงจะดีใจอะไรนักหนา กะอีแค่ได้มาดูหนัง
 
“ยิ้มอะไร”
อดถามไม่ได้ครับ
 
 “ดีใจ”
 
ผมคิ้วขมวด
 
“ดีใจอะไร”
 
“ดีใจที่กายชวนพี่มาดูหนังก่อน ปกติมีแต่พี่ชวน”
 
ร้อนครับ ความร้อนถูกโกยจากปลายเท้าขึ้นมากองกันไว้ที่หน้าหมด ผมเสมองไปด้านอื่น ให้อยู่กับพี่มันแค่สองคน มันก็อายนี่หว่า ที่กล้าชวนมาวันนี้เพราะมีพี่เป้กับไอ้เต้ยอยู่ด้วยหรอก
 
พี่พนักงานยื่นตั๋วมาให้ 4 ใบผมรีบรับมาถือไว้แล้วเดินออกไปจากตรงนั้นทันที
 
อยู่ใกล้พี่มันมาก กลัวละลายครับ 



 
 
หนังสนุกมาก เฮียเฉินหลงไม่เคยทำให้ผิดหวังแม้แต่น้อย กระโดดเตะกระโดดต่อยทำเรื่องน่าหวาดเสียวได้ตลอดทั้งเรื่อง เฮียแกเจ๋งจริง ๆ ตอนเด็ก ๆ ผมเคยอยากเป็นเหมือนแก
 
แต่สรุป...
แขนหักไปท่อน แล้วตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ผมก็ไม่ริเป็นเฉินหลงอีกเลย แต่ได้ข่าวมาว่าของแกน่ะ หักมาไม่รู้กี่ท่อนต่อกี่ท่อนแล้ว
 
อึดเกินคน
 
หนังก็สนุกดีอยู่หรอก แต่ก็อยากให้มันจบเร็ว ๆ จะได้รีบออกไปจากสถานการณ์นี้ซะที
 
ผมคิดผิดถนัดที่ชวนพี่เอกมันมาด้วย แค่ไอ้เต้ยกับพี่เป้ ยังรับมือง่ายหน่อย แต่กับคนคนนี้ รับมือไม่ไหวจริง ๆ ผมต้องนั่งดูหนังไป หน้าร้อนไป เพราะบางสิ่งที่ผมนั่งทับอยู่กำลังขยับเบา ๆ มือไม้พี่มันก็จับตรงนู่นนิดแตะตรงนี้หน่อย หนัก ๆ เข้าก็ลูบไล้ เผลอ ๆ มีล้วงเลย
 
โรงหนังที่เราเลือกดูเป็นโรงหนังชั้นวีไอพี เก้าอี้แดงทั้งหมด ใหญ่ครับ นั่งได้สบาย ตอนที่เข้ามาถึง ไอ้เต้ยมันจัดให้ผมนั่งเป็นคนแรก ต่อด้วยพี่เป้ตามด้วยมันตบท้ายด้วยพี่เอก
 
ตอนแรกพี่เอกก็ไม่ว่าอะไร นั่งดูไปเหมือนไม่เดือดร้อน แต่พอหนังเล่นไปได้สักพัก พี่มันก็ลุกมาลากผมไปนั่งบนตัก ไอ้เต้ยมองพี่เอกอึ้ง ๆ ไม่คิดว่าพี่เอกจะด้านได้ใจขนาดนี้
 
มึงรู้จักพี่มันน้อยไปไอ้เต้ย กูเจอมาเกือบทุกรูปแบบแล้ว

พอไอ้เต้ยมันทำหน้าสงสัยมาก ๆ พี่มันก็หันไปให้เหตุผล
 
“ไม่ได้นั่งกับเมียดูหนังไม่รู้เรื่อง”
 
อยากแทรกแผ่นดินหนี อายก็อาย ยิ่งดิ้นรนยิ่งโวยวายคนยิ่งมอง ผมเลยต้องนั่งนิ่ง ๆ แนบตัวเองให้เนียนไปกับร่างของพี่มัน
 
ไอ้เต้ยมันคงอยากโวยวาย แต่ทำไม่ได้เหมือนกัน 

 
ผมไม่รู้ว่าพี่มันดึงผมมานั่งด้วยเพื่อกันผมออกจากพี่เป้ หรือเพื่อตัวพี่มันเองกันแน่ เพราะหลังจากนั้น ผมก็ถูกแทะเล็มตลอด ทั้งมือที่กำลังยุบยับกับร่างกายผม ทั้งปากที่กำลังรุกไล้ไปทั่ว ซุกซอกคอบ้าง หอมแก้มบ้าง บางทีก็งับหูผมเล่นเบา ๆ
 
สยิวครับ
 
ดูหนังแทบไม่รู้เรื่อง
 
ตอนนี้เฮียเฉินหลง กำลังลอดใต้ท้องรถ และมือซ้ายของพี่เอกกำลังลูบไล้อยู่แถว ๆ ต้นขาผม ผมรีบจับและเบรกมันไว้ มือขวาเอาบ้าง เลื่อนเข้ามาในสาบเสื้อแล้วลูบหน้าท้องผมเบา ๆ เกือบครางออกมาแน่ะ ผมรีบยึดจับมือพี่แกไว้อีกที
 
เอาสิ…
 
มือมึงถูกกูจับกุมไว้หมดแล้ว หนังจบเมื่อไหร่ กูจะพามึงเข้าคุกทันที
 
แม้มือสองข้างของพี่มันจะถูกจับ แต่ปากยังเป็นอิสระ พี่มันซุกซอกคอผมก่อนงับเบา ๆ พาเอาผมสะดุ้งโหยง เผลอปล่อยมือไปคล้องคอพี่มันไว้อัตโนมัติ
 
ชินครับชิน
 
ผมหน้าร้อนผ่าว ได้ยินเสียงพี่มันหัวเราะหึ ๆ
 
ไอ้เลว ไอ้หื่น กูจะไม่มาดูหนังกับมึงอีกแล้ว
 
หลังจากนั้น พี่มันก็โอบสองแขนไว้รอบเอวผม นั่งนิ่ง ๆ ดูหนังไป ไม่ได้แทะหรือเล็มตัวผมอีกเลย ผมนั่งหวั่น ๆ อยู่สักพัก พอเห็นว่าพี่มันคงละความสนใจแล้วจริง ๆ ถึงได้ผ่อนคลายร่างกายแล้วกลับไปดูหนังอย่างสงบสุขอีกครั้ง
 
ถ้าพี่มันไม่หื่น ผมว่าผมได้ที่นั่งที่อบอุ่นที่สุดในโรงหนังเลยนะเนี่ย
 
ไอ้เต้ยมันหันมามอง ก่อนหันไปคล้องแขนพี่เป้ ซบหัวพิงต้นแขนใหญ่ สงสัยมันจะอิจฉาที่ผมมีเก้าอี้ส่วนตัว
 
สบายแฮครับงานนี้ ฮ่า ๆ ๆ
 
ช่วงแรก ๆ ก็เห็นไอ้เต้ยมันกันผมออกจากพี่เอกอยู่หรอก สักพัก สงสัยมันจะลืม เห็นมันชวนพี่เป้เดินดูของ สองแขนก็คล้องแขนพี่เป้ไม่ยอมปล่อย ผมว่ามันกับพี่เป้ ดูเหมือนคู่รักกันมากกว่าผมกับพี่เอกซะอีก
 
ว่าแต่…
 
กูกับพี่เอกเป็นแฟนกันแล้วเหรอวะ...
 
ผมบอกรักพี่มันไปแล้ว และพี่มันก็บอกรักผมแล้ว ถ้าใจตรงกัน แปลว่าเป็นแฟนกันแล้ว อันนี้ผมเข้าใจถูกต้องใช่ไหม?
 
ตอนนี้พี่เอกกำลังเลือกซื้อเสื้อผ้าให้ผมเพิ่มอยู่
 
“ไม่ต้องซื้อใหม่ก็ได้พี่เอก กลับไปเอาที่บ้านก็ได้”
ผมรีบค้าน เมื่อเห็นราคาที่แปะป้ายเอาไว้หลายหลัก
 
“ซื้อ ๆ ไปเถอะ ที่บ้านก็เก็บเอาไว้ใช้ที่บ้าน”
 
แม่ม..
 
กูอยากจะถามว่าอาทิตย์หนึ่ง มึงปล่อยให้กูกลับไปนอนค้างที่บ้านได้สักกี่คืน
 
ถ้าไม่ใช่เพราะแม่มา หรือผมต้องการทำภาพเยอะ ๆ พี่มันก็ไม่ยอมปล่อยผมให้กลับบ้านหรอก ลากขึ้นห้อง ฟัดแหลกอย่างเดียว
 
“เสียดาย มันแพง ถ้าจะซื้อไปซื้อร้านนั้นกันดีกว่า”
ผมชี้ไปยังเสื้อผ้าที่เขากอง ๆ ขายกันอยู่ พี่มันมองตามมือผม แล้วก็หยิบชุดที่กำลังดูอยู่เมื่อกี้ไปให้พนักงานทันที
 
มึง จะไม่ถามกูสักคำ ว่ากูอยากได้ไหม ราคาเสื้อตัวหนึ่ง ซื้ออุปกรณ์กล้องเล็ก ๆ ได้ตั้งหลายตัว แล้วพี่มันก็พาผมไปเดินซื้อของเพิ่มเติมอีกเยอะแยะเต็มไปหมด
 
“พี่เอกพอเถอะ”
ผมรีบเบรกตอนพี่แกกำลังจะพาเข้าร้านเสื้อผ้าสำหรับผู้ชายอีกร้าน
 
“ก็พี่อยากซื้อให้”
 
“พี่เอก”
ผมจ้องหน้าพี่มันเขม็ง พี่เอกหยุดฟังอย่างตั้งใจ
 
“เรากำลังคบกันอยู่ใช่ไหม”
 
พี่มันอึ้ง ๆ กับคำถามผม แล้วก็พยักหน้าขึ้นลง
 
ผมเม้มปากแน่น
 
“ผมรู้ว่าพี่อยากทำอะไรเพื่อผม แต่ผมก็รู้สึกลำบากใจ ผมไม่อยากได้ขึ้นชื่อว่ามาเกาะพี่กิน ผมเป็นผู้ชาย ไม่ได้รู้สึกดีสักนิดที่มีคนมาเปให้แบบนี้”
ผมบอกตรง ๆ
 
พี่มันมองผมอึ้ง ๆ ถอนหายใจเบา ๆ แล้วเดินเข้ามายืนจนชิด
 
มึง ใกล้ไปแล้ว ออกไปยืนห่าง ๆ กูหน่อยก็ได้
 
อยากเขยิบหนีครับ แต่หลังผมติดกำแพงกระจกร้านเสื้อขนาดใหญ่ด้านหลังไปแล้ว
 
“รู้ไหม ว่าทำไมผู้ชายถึงได้อยากซื้อของให้คนที่ตัวเองคบอยู่”
 
ผมนิ่งคิดสักพักก่อนตอบไป
 
“ก็เพราะอยากให้”
ลองคิดกลับกันดู ถ้าผมมีแฟนสักคน ก็อยากซื้อของให้เหมือนกัน และเท่าที่รู้มา ผู้หญิงก็ชอบให้ผู้ชายซื้อของให้ด้วย แต่ผมเป็นผู้ชาย ศักดิ์ศรีมันต่างกัน ถึงผมจะขึ้นชื่อว่าเป็นเมียพี่เอก แต่ยังไงก็เป็นผู้ชายอยู่ดี
 
“นั่นก็เป็นเหตุผลหนึ่ง แต่มีอีกเหตุผลก็คือ…”
พี่มันโน้มหน้าลงมาใกล้ จนผมต้องเสหน้าหลบไปด้านข้าง พี่มันกระตุกยิ้มเบา ๆ
 
“เพราะพี่อยากเป็นคนถอดชุดนั้นเองกับมือ”
 
ผมอ้าปากพะงาบ ๆ พี่มันหัวเราะหึ ๆ หันหลังเดินจากไป
 
สุดท้าย พี่มันก็วกกลับมาที่เรื่องใต้สะดือทุกที


 :กอด1:



“ไม่ไหวแล้วพี่เป้ เหนื่อย”
ไอ้เต้ยมันบ่น นั่งปุลงบนเก้าอี้ในร้านเคเอฟซีหลังจากเดินวนซื้อของจนรอบห้าง
 
“คนที่ลากพี่เดินดูของก็นายเองนะ”
พี่เป้ตอกกลับ
 
 
“โอ๊ย ก็มีแต่ของน่าซื้อทั้งนั้นนี่”
ไอ้เต้ยมันนักช็อปครับ แต่ส่วนใหญ่จะซื้อของให้พี่มันมากกว่า ผมลอบมองพี่เป้บ่อย ๆ เพื่อเช็คว่าพี่มันเป็นยังไง แต่เห็นพี่มันยังนิ่ง ๆ อยู่ ไม่รู้ว่าฝืนอยู่หรือเปล่า
 
วันพรุ่งนี้ผมต้องไปดูออฟฟิศใหม่ของพ่อ เห็นบอกว่าให้ช่างมาต่อเติมจนเรียบร้อยไปเยอะแล้ว ที่เหลือก็ให้ผมไปช่วยดู ว่าจะจัดแต่งตรงจุดไหนเพิ่มเติมอีกบ้าง งานนี้พ่อเป็นผู้จัดการสาขาพร้อมผู้ออกแบบไปในตัว ผมเลยชวนพี่เอกไปที่ร้านหนังสือ กว้านซื้อพวกหนังสือสำหรับตกแต่งออฟฟิศมาดู
 
หลังจากกินไก่จนอิ่ม ผมก็หยิบพวกหนังสือที่ซื้อมาเมื่อกี้ขึ้นมาพลิก ๆ เปิดดู ได้มาหลายเล่มเลย
 
“มึงจะซื้อไปทำไมเยอะแยะวะ”
ไอ้เต้ยมันถามขณะถือน่องไก่ด้วยสองมือ แล้วก้มลงกัด
 
มันทำซอสเลอะ ผมกำลังจะเอื้อมไปเช็ดให้ แต่ก็ช้ากว่าพี่เป้ที่ใช้นิ้วโป้งแตะเช็ดให้มันแล้วนำเข้าปากตัวเอง ผมเห็นไอ้เต้ยทำหน้าอึ้ง ๆ มองพี่มัน แก้มมันแดงหน่อย ๆ ด้วย
 
สงสัยจะดีใจที่พี่เป้ดูแลมันดี ผมยิ้มไปกับภาพที่เห็น
 
พี่เอกถามรายละเอียดออฟฟิศพ่อกับผมนิดหน่อย ผมก็เล่าเท่าที่รู้ให้ฟัง พี่แกก็ให้คำแนะนำเพิ่มเติม พี่เป้ก็ร่วมด้วย พอสองอนาคตผู้บริหารสุมหัวเข้าหากัน ใบหน้าก็พากันเคร่งเครียดทันที
 
แม่ม!!
 
เวลาเข้าโหมดงาน พวกมึงนี่น่ากลัวฉิบ
 
พี่เอกถามรายละเอียดในส่วนที่ผมไม่รู้ ผมเลยโทรถามพ่อ คุยกันไปคุยกันมา พวกเราเลยตกลงจะเข้าไปดูออฟฟิศใหม่พ่อพร้อมกันหมดเลย
 
ผมยิ้มแก้มบานครับ ดีใจที่พี่แกเข้ามาช่วย
 
ผมสังเกตเห็นไอ้เต้ยแอบมองพี่เป้บ่อย ๆ ด้วย มึงจะอะไรนักหนาวะเต้ย ปล่อยพี่มันไปบ้างเถอะ





 
เกินคาดครับ
 
เกินคาดไปหลายเรื่องมาก
 
อย่างแรกแม่ติดสอยห้อยตามพ่อมาด้วย ผมมองแม่ด้วยสายตากรุ้มกริ่ม ตอนแรกก็คิดว่าพวกแกคืนดีกันแล้ว แต่ที่ไหนได้…
 
“มาดูว่าน้ำหน้าอย่างพ่อแกจะทำได้ดีแค่ไหน”
ปากพูดไปงั้น แต่ตางี้วาวตอนเห็นตึกที่พ่อเรียกว่าออฟฟิศ
 
ครับเกินคาดอย่างที่สองก็ไอ้ออฟฟิศพ่อนี่แหละ บอกว่าออฟฟิศไอ้เรารึก็คิดว่าเป็นแค่ห้องเช่าเล็ก ๆ ห้องเดียว หรืออย่างหรูก็แค่อาคารพาณิชย์สักคูหา
 
แต่นี่เป็นตึกสูงห้าชั้นขนาดใหญ่ พร้อมลานจอดรถส่วนตัวอีกสิบกว่าคัน ไม่ได้อลังการงานสร้างเท่าตึกของพี่เอก แต่ก็มากโขสำหรับคนฐานะปานกลางแบบพ่อผม
 
ผมกับแม่ยืนอึ้งไม่แพ้กัน ที่สำคัญตึกสวยมาก ตั้งอยู่ในย่านธุรกิจด้วย
 
“สวยไม่เบาแฮะ”
อันนี้เป็นเสียงพี่กิ๊ฟครับ
 
“ใช่ ๆ”
และนี่ก็เหล่าเพื่อน ๆ ของพี่กิ๊ฟอีกที
 
และนี่ก็คือสิ่งที่เกินคาดอย่างที่สาม ตอนแรกก็คิดว่าจะมากันแค่พี่เป้กับพี่เอก แต่ที่ไหนได้ มากันยกยวง เก่งกันคนละแบบครับ พอมาถึง ก็แทบจะกอดคอพ่อสำรวจพื้นที่ ให้คำแนะนำกันไป
 
อย่าลืมครับว่าพวกพี่ ๆ เขาเก่งกันขนาดไหน ผมกับไอ้เต้ยเลยกลายเป็นหมาหัวเน่า หาประโยชน์ใดได้ไม่  สุดท้ายเลยพากันถีบตัวเองมายืนมองวิวท้องฟ้ากันที่ชั้นสี่ผ่านกระจกใสแทน
 
“กาย”
มันหันมาเรียก

“หือ?” ผมหันไปครางรับในลำคอ

“ถ้าวันหนึ่ง มึงเกิดไปหลงรักใครบางคนที่ไม่ควรรักขึ้นมา มึงจะทำยังไง”

ผมมองหน้ามันงง ๆ
 
“ทำใจ แล้วก็พยายามตัดใจไง”
 
“เหมือนพี่กูใช่ไหม”
มันให้คำตอบตัวมันเองเสียงเบา เม้มปากแน่น หันมองออกไปนอกกระจก

ตอนนี้เห็นพวกพี่ ๆ พ่อแล้วก็แม่ผม พากันเดินไปหยุดอยู่หน้าออฟฟิศ แล้วแหงนหน้ามองมาทางพวกเรา คงกำลังดูตำแหน่งพวกป้ายหรืออะไรกันสักอย่างนั่นแหละ
 
ผมกับไอ้เต้ยมองเห็นด้านนอกกันได้ชัดเจน แต่คนด้านนอกคงเห็นเราไม่ชัดเท่าไหร่ เพราะเป็นกระจกตัดแสง  ไอ้เต้ยเขยิบไปยืนเกาะกระจก จ้องมองไปทางพี่เป้

ผมตบไหล่มันเบา ๆ ที
 
สงสัยมันจะไปหลงรักใครบางคนที่มีเจ้าของเข้าแล้วแน่ ๆ ถึงได้กลุ้มขนาดนี้
 
เฮ้อ! ทั้งพี่ทั้งน้อง
 
ผมละความสนใจจากมันหันไปมองผู้คนที่อยู่ด้านล่างอีกที ผมอมยิ้ม ตอนพ่อหันไปถามความเห็นอะไรสักอย่างกับแม่ แต่แม่สะบัดหน้าหนีทำเป็นไม่ใสใจแล้วขยับปากพูดอะไรสักอย่าง พ่ออมยิ้ม รีบจดสิ่งที่แม่พูดลงในสมุดยิก ๆ
 
ความฝันของผม ใกล้เข้ามาทุกทีแล้ว
 
ผมหันไปมองไอ้เต้ยอีกที แต่มันไม่อยู่แล้ว ผมมองไปรอบ ๆ ห้อง แต่ไม่เห็น ไม่รู้มันหายไปไหน ผมถอนหายใจเบา ๆ
       
ให้เวลามันหน่อยละกัน มันคงกำลังนอยด์เรื่องรักต้องห้ามอยู่
         
ผมหันกลับมาที่เดิม หน้าตึกว่างเปล่า ทุกคนหายไปกันหมดแล้ว ผมเลยละสายตาจากพื้นว่างเปล่าขึ้นมองท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยปุยเมฆขาวด้านบน วันนี้แดดแรงครับ อย่างเปรี้ยง ท้องฟ้าเป็นสีฟ้าสมชื่อ เมฆขาวจำนวนมากมาย ลอยละล่องเคลื่อนตัวปรับรูปเปลี่ยนร่างไปเรื่อย
 
ผมยิ้มให้กับก้อน เมฆที่เปลี่ยนรูปเป็นหน้าคน ใบหน้าแบบนั้น ทำให้นึกถึงพี่เอกขึ้นมาทันที มอง ๆ อยู่ ก็ต้องสะดุ้งโหยงเพราะมีมือของใครบางคนมาจับเอวไว้ ผมหันไปมอง ก่อนภาพตรงหน้าจะเบลอไปและริมฝีปากผมก็ไร้อิสระ
 
อยากผลักออกเหมือนกัน แต่อารมณ์นี้ ความรู้สึกนี้ ทำให้ผมเปลี่ยนใจเป็นเผยอริมฝีปากเปิดให้ลิ้นร้อนสอดเข้ามาภายในได้แทน
 
รสจูบอันคุ้นเคย
 
รสจูบที่นุ่มนวลและร้อนแรงในเวลาเดียวกัน
 
รสจูบของพี่เอก
 
พี่มันค่อย ๆ ถอนริมฝีปากออก
 
“ดูอะไรอยู่”
 
“ดูเมฆ สวยดี”
 
พี่แกเงยหน้ามองท้องฟ้าแบบเดียวกับผม ก่อนสอดมือผ่านเอวเขยิบเข้ามาจนชิด โอบผมเอาไว้ทั้งตัว 
 
“สวยจริง ๆ”
 
“อะแฮ่ม พวกมึงนี่ สวีทกันได้ทุกที่เลยจริง ๆ”
ไม่ได้ยินมานานแล้วครับ ไอ้เสียงขัดบาทาแบบนี้
 
“อิจฉา?”
แต่แทนที่พี่เอกจะปล่อยมือออก กลับเบี่ยงตัวหันไปเผชิญหน้ากับเพื่อนทั้งที่ผมยังอยู่ในอ้อมแขน 
 
“ไม่อิจฉาธรรมดา กูโคตรของโคตรจะอิจฉาเลย ตากูร้อนด้วย”
พี่มันชี้ไปที่ตาตัวเอง 
 
“แม่ง เดี๋ยวแย่งมาเป็นของกูซะนี่”
คำพี่แกทำเอาผมสะดุ้งโหยง
 
“พอเลยมึง แค่ไอ้อาร์ตกับไอ้อิฐ กูก็ปวดหัวจะแย่อยู่แล้ว”
 
“หมายความว่ายังไง”
พี่กิ๊ฟแทรกตัวมายืนอยู่หน้าสุดแล้วถาม
 
พี่เอกคลายมือออกจากเอวผม เริ่มต้นเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้เพื่อน ๆ ฟัง พ่อกับแม่ผมก็อยู่ด้วย แม่ได้ฟังเรื่องราวทั้งหมดจากผมตอนเรากลับบ้านกันแล้ว เลยไม่แปลกใจเท่าไหร่
 
“แหม ลูกพ่อนี่เสน่ห์แรงจริง ๆ”
พ่อผมแซว
 
“ไม่เห็นดีเลย”
ผมบ่นหงุบ พ่อเดินมาลูบหัว
 
“ขนาดพ่อยังอยากจีบลูกชายตัวเองเลย แล้วนับประสาอะไรกับคนอื่น”
 
พี่เอกที่ยืนอยู่ข้าง ๆ กันรีบรั้งเอวผมเข้าไปกอดทันที
 
“นี่ของผม”
 
ผมอ้าปากค้าง พี่เอก! นั่นพ่อผมนะ
 
พ่อหัวเราะร่วน ตบบ่าพี่เอกปุ ๆ
 
“ไม่ต้องห่วงหรอก พ่อไม่สนอาร์ตตัวลูกหรอก พ่อต้องการอาร์ตตัวแม่มากกว่า”
 
ผมขมวดคิ้วงุนงง ก่อนถึงบางอ้อหลังจากนั้นไม่กี่วินาที ส่วนอาร์ตตัวแม่ ทำเป็นไม่รู้เรื่อง ยืนหน้าแดงก่ำมองกำแพงมองเพดานอยู่ด้านหลังครับ
 
พวกเราพากันอมยิ้ม ขำไปกับท่าทางน่ารักแบบนั้น
 
สักพักพวกเราก็ยกโขยงกันกลับ เพราะพ่อต้องไปทำธุระต่ออีกหลายอย่าง ส่วนผม โดนพี่เอกลากกลับคอนโดเหมือนเดิม ไปใส่ชุดที่พี่แกซื้อให้นั่นแหละ

แล้วไม่ต้องถามนะ ว่าหลังจากนั้นเกิดอะไรขึ้น

รู้แค่ว่า ผมเป็นคนใส่ แต่คนถอดน่ะ เป็นคนซื้อ
 
แม่ง พี่มันหื่นได้ใจจริง ๆ




To Be Con..
หนุกหนานกันตามเบย คลานกลับขึ้นเตียง สลบเหมือด คร็อก!




หนังสือ & e-book >>https://goo.gl/PMPdyA
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 20-01-2017 19:33:42 โดย memew »

ออฟไลน์ queenrose

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 8
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
อื้ออออ เขิน!!!!! >/< :-[

ออฟไลน์ mam.nalok

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 247
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
เชิ๊บๆ พี่แกอยากถอดเอง :hao7: :hao7: :hao7:

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
“เพราะพี่อยากเป็นคนถอดชุดนั้นเองกับมือ”
พี่เอก กระชากใจอีกและ  :ling1: :ling1: :ling1:
เหตุผลใต้สะดือมาอีก
ลุ้นคู่พี่เป้ เต้ย  :mew1: :mew1: :mew1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ memew

  • ขอบคุณที่เข้ามาอ่านจ้าาา
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 456
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +382/-10
    • :: Memew แฟนเพจ :
68
เที่ยวนครสวรรค์ & ดูดาว
[เอก...☼]




 

 
ตอนนี้พวกเรามารวมตัวกันอยู่ที่ผืนแผ่นดินของจังหวัดนครสวรรค์แล้วครับ
 
นครสวรรค์ ถือเป็นอีกหนึ่งจังหวัดที่มีพืชผักและผลไม้ส่งออกจำนวนมาก และหนึ่งในสวนผลไม้ขนาดใหญ่ของที่นี่ก็มีครอบครัวของไอ้กิ๊ฟเป็นเจ้าของ
 
ที่นี่อากาศดีอย่าบอกใคร ไม่ร้อนและไม่หนาวจนเกินไป

ผมกวาดมองไปรอบ ๆ เพื่อชื่นชมความงามของสวนผลไม้รอบด้าน ก่อนสูดลมหายใจเข้าปอดลึกกวาดเก็บเอาความสดชื่นเข้าไป
 
แต่มันคงจะดีกว่านี้ ถ้าทริปครั้งนี้ จะมีแค่ผมกับเพื่อน ๆ และไอ้ตัวเล็ก ไม่ใช่ใครคนนอกมาร่วมด้วยแบบนี้

ผมกวาดมองไปรอบ ๆ อีกที
 
ด้านซ้ายเป็นไอ้คุณชรินทร์ ด้านขวาเป็นไอ้อาร์ตกับไอ้อิฐ พวกทโมน รวมถึงพ่อแม่ผมเกาะกลุ่มกันอยู่
 
มากันยกครัวครับ
 
ทั้งพ่อแม่ผมและพ่อแม่ไอ้ตัวเล็ก สองครอบครัวเจอกันและทักทายกันแล้วตอนก่อนเดินทาง โดยมีสามทโมนเป็นตัวกลาง
 
จริง ๆ ผมไม่ได้กะจะพามายกครัวแบบนี้หรอก พอพวกทโมนมันรู้ว่าพวกผมจะมา เลยอ้อนขอตามมาด้วย ไอ้กิ๊ฟก็ไม่ว่าอะไร เพราะเคยไปเที่ยวเชียงใหม่ด้วยกันมาแล้ว
 
พ่อกับแม่ผมอยากมาระลึกความหลังครับ พวกท่านเคยมาสวีทกันที่นี่ตอนสมัยจีบกันใหม่ ๆ

แต่ไอ้อาร์ตกับไอ้อิฐนี่ ไม่รู้ว่ามาเที่ยวด้วยเพราะมีเจตนาอะไร

ส่วนไอ้คุณชรินทร์ พอมันรู้ว่าไอ้ตัวเล็กจะมา เลยขอมาหาวิวใหม่ ๆ เพื่อถ่ายภาพด้วย โดยเฉพาะฟาร์มม้ากับสวนองุ่น
 
งานนี้คู่แข่งมากันครบ
           
ไม่รู้จะกันตัวไหนออกก่อนดี ซ้ายก็ไอ้คุณชรินทร์ ขวาก็ไอ้โอ๊ค หน้าก็ไอ้อาร์ต หลังก็ไอ้อิฐ ผมแทบจะเกาะไอ้ตัวเล็กไว้แน่นหนึบ
 
พอมาถึง พ่อกับแม่ไอ้กิ๊ฟก็พากันโกยลูกน้องนับสิบมาต้อนรับ แม่มันร้องไห้ใหญ่ เพราะมันไม่ได้กลับบ้านมานานแล้ว

 
“ดีไอ้น้อง”
พี่กิจ พี่ชายคนโตไอ้กิ๊ฟเดินมาตบหลังน้องมันดังป้าบ คนอื่นพากันย่นหน้าทำท่าเจ็บแทน แต่ดูไอ้กิ๊ฟจะไม่สะทกสะท้านเลยแม้แต่น้อย (ครอบครัวนี้เล่นแรงเป็นเรื่องปกติอยู่แล้วครับ)
 
“คนไหน แฟน”
พี่ก้อง พี่ชายคนรองชะโงกหน้ามองหาคนที่น่าจะเป็นแฟนมัน พี่ก้องมองหน้าพวกผมทุกคน แต่คุ้นหน้ากันดีครับ ก่อนมองไปยังกลุ่มคนหน้าใหม่อย่างไอ้เต้ย ไอ้ตัวเล็กแล้วก็ไอ้คุณชรินทร์
 
ไอ้เต้ยกับไอ้ตัวเล็กตัดทิ้งไปได้เลย เพราะไม่ใช่สเป็คของไอ้กิ๊ฟมัน ไอ้คุณชรินทร์เข้าข่ายหน่อย เพราะมันหล่อ เท่ ตัวสูง ผิวขาว หน้าลูกครึ่ง
 
“ไม่ใช่สามคนนั้นหรอกพี่ นู่นคนโน่น”
ไอ้มอมันบุ้ยหน้าไปยังรถตู้ที่มีใครบางคนกำลังมุดตัวออกมา พี่ก้องกับพี่กิจอ้าปากค้าง

ไม่แน่ใจว่าที่ค้าง เพราะเห็นว่าเป็นฝรั่งหรือเพราะความหล่อของมันกันแน่
 
“Hi, Nice to meet you I...”
แล้วแฟนไอ้กิ๊ฟก็สปีคไฟแลบแนะนำตัวกับพวกพี่ ๆ มัน มือไม้ก็จับคนนู้นทีคนนี้ทีเขย่าขึ้นลงยกใหญ่ มันคงตื่นเต้นไม่แพ้กัน
 
“นี่เนี่ยนะ”
พี่ก้องชี้นิ้วใส่หน้าฝรั่ง (มึงมีมารยาทมากเลยเหอะ)

ไอ้กิ๊ฟพยักหน้า

พ่อกับแม่ที่ยืนทักทายผู้ใหญ่สองบ้านอยู่รีบเดินเข้ามาดูทันที
 
“โอ้ คนนี้นี่เอง”
พ่อแม่พากันน้ำตาเล็ดจับมือฝรั่งเขย่าขึ้นลงใหญ่
 
งานนี้ฝรั่งงงครับ

ไอ้กิ๊ฟมันเลยบอกว่าสองคนนี้เป็นพ่อกับแม่มันเอง ฝรั่งเลยรีบยกมือไหว้ปลก ๆ เหมือนพระวัดเส้าหลินไหว้คู่ต่อสู้
 
ไอ้กิ๊ฟมันเล่าให้ฟังว่า ตอนแรกเดวิดไม่ได้อยากมาเที่ยวเมืองไทยหรอก พอดีเพื่อนมันตีตั๋วลงให้ผิดประเทศ ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้ว เลยเที่ยว ๆ ไม่ให้เสียเวลา
 
มาอาทิตย์หนึ่ง วันนั้นมันจะกลับอยู่แล้ว ดันมาเจอไอ้กิ๊ฟในเวอร์ชั่นหญิงจ๋าเข้าให้ พ่อท่านเลยเดินดุ่ม ๆ เข้ามาทักแบบไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน หลังจากนั้น มันก็ตีตั๋วกลับมาเมืองไทยใหม่ เพื่อมาจีบไอ้กิ๊ฟมันโดยเฉพาะ
 
ปัจจุบันก็อย่างที่เห็น
 
มันพยายามเรียนรู้ความเป็นไทยทุกอย่าง ก็อย่างว่าแหละนะ มารักกับคนไทยก็ต้องทำอย่างนี้แหละ
 
พอพวกเราแนะนำตัวกันคร่าว ๆ ให้รู้ว่าใครเป็นใคร มีฐานะอะไร โดยตรงกับโดยอ้อมกับไอ้กิ๊ฟมันยังไง พ่อกับแม่ก็พาพวกเราไปที่พัก

บ้านมันเป็นบ้านเรือนไทยครับ เรือนไทยแท้แบบดั่งเดิมเลย ไม้สักทั้งหลัง ไม่รู้หลังนี้กี่สิบล้าน มีหนังมาถ่ายทำกันหลายเรื่องแล้ว
 
เราเคยไปเที่ยวสวนของไอ้กิ๊ฟกันมาก่อน แต่เป็นที่ใต้ซะส่วนใหญ่ ที่นี่เป็นที่ล่าสุดที่พ่อมาบุกเบิก และคงจะปักหลักปักฐานอยู่ที่นี่แหละ ที่เหลือก็ให้ญาติ ๆ ดูแลไป
 
เดวิดตาโตยืนมองตัวบ้านด้วยความชื่นชม และไม่ต้องพูดถึงไอ้ตัวเล็กเลย มาถึงมันก็เดินลิ่วยกกล้องถ่ายรูปไม่หยุด ทิ้งพ่อกับแม่ไว้ให้พวกทโมนดูแล
 
ผมพูดคุยกับผู้ใหญ่อยู่สักพัก ก็ลาท่านไปเดินตามไอ้ตัวเล็ก ต้องรีบหน่อย เดี๋ยวมีใครมาซิวมันไปอีก

เดินยังไม่ทันถึงตัว ไอ้คุณชรินทร์ก็เข้าประชิดตัวตัดหน้าผมไปก่อน

ไอ้ตัวเล็กยิ้มรับแก้มบาน แล้วพวกมันสองคนก็พากันเดินถ่ายรูปคู่กันไป
 
ผมเลือกที่จะก้าวช้า ๆ เดินตามอยู่ห่าง ๆ ไม่ให้พวกมันรู้ตัว

ที่ผมไม่เข้าไปแทรก เพราะผมรู้ว่าช่วงเวลาแบบนี้ มันคงต้องการความเป็นส่วนตัวและอยู่กับคนที่มันนับถือมากกว่า
 
ถึงผมจะหึง แต่ผมก็เรียนรู้ที่จะเข้าใจและไม่เข้าไปก้าวก่ายมันเกินความจำเป็น โดยเฉพาะเรื่องการถ่ายรูปที่มันรักหรือเรื่องพ่อกับแม่มัน
 
ผมเดินตามเงียบ ๆ ปล่อยให้พวกมันถ่ายรูปกันไป บางครั้งพวกมันก็ถ่ายด้วยกัน บางครั้งก็ต่างคนต่างถ่าย บางครั้งไอ้คุณชรินทร์ก็เข้ามาแนะนำบ้าง บางครั้งไอ้ตัวเล็กก็เดินไปขอคำแนะนำบ้าง

เห็นมันยิ้มแล้วผมก็พลอยมีความสุขตามไปด้วย
 
“สนุกรึไง เดินตามเป็นเงาแบบนี้”
 
ผมหันไปมองคนถาม ก่อนหันกลับมามองจุดเดิมเมื่อรู้ว่าเป็นใคร
 
“ก็สนุกดี”
ผมตอบไม่ใส่ใจ
 
“ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าคนคนนั้นกำลังจีบกายอยู่เนี่ยนะ”

 
ผมปรายตามองคนถาม
 
“ใช่ แต่รู้ว่าเขาจะไม่ทำอะไรกาย…เหมือนที่นายเคยทำ”
 
มันหันมามองหน้า ไม่พูดหรือถามอะไรต่ออีก แล้วเราสองคนก็พากันเดินตามช่างภาพสองคนไปเงียบ ๆ แบบไม่มีเหตุผล วิชาตัวเบาของไอ้อาร์ตก็เก่งไม่แพ้ผมหรอก

สักพัก พวกมันทั้งคู่ก็หันมาเห็นพวกเรา 
 
“อ้าว มากันตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย”
ไอ้ตัวเล็กเดินยิ้มเข้ามาหา มันจำผมได้ เพราะชุดและสร้อยที่ใส่อยู่ ก่อนหันไปทางไอ้อาร์ต มันเอียงคอมองนิดหนึ่ง

คงกำลังคาดเดาอยู่ว่าเป็นใคร ระหว่างไอ้อาร์ตกับไอ้อิฐ
 
ตอนนี้ดูยากครับ เพราะหน้ามันหายช้ำแล้ว ที่สำคัญ พวกมันดันใส่ชุดมาเหมือนกันอีก

ไอ้ตัวเล็กหน้าเสียไปนิดตอนไอ้คนข้าง ๆ ผมส่งยิ้มพราวไปให้
 
“เอ่อ… ผมว่าพวกเราไปหาคนอื่น ๆ กันดีกว่า”
มันรีบชวน

ผมพยักหน้าก้าวเท้าเดินตาม ส่วนตัวมันเอง เดินเคียงไปกับไอ้คุณชรินทร์ที่ก้มหมุนภาพให้มันดูไปตลอดทาง
 
พวกเราเดินทางออกจากกรุงเทพกันบ่ายวันศุกร์ถึงนี่ราว ๆ สี่โมงเย็น มีเวลาให้เดินชมวิวกันอีกนิดหน่อย ก่อนพากันไปอาบน้ำอาบท่าพักผ่อนตามอัธยาศัย
 
บ้านไอ้กิ๊ฟกว้างมาก แต่เอาไว้รับแขกซะส่วนใหญ่ ส่วนที่นอนกันจริง ๆ ก็นู้นครับ บ้านเล็กในสวน เหมือน ๆ บ้านใหญ่เอาไว้รับแขกหรือเอาไว้ให้เขามาถ่ายหนังกันมากกว่า
 















 
หกโมงตรงพวกเราทุกคนก็มารวมตัวกันอยู่กลางชานบ้านที่เปิดโล่งยื่นยาวออกไปด้าน นอกภายใต้ร่มเงาของต้นไม้ใหญ่สูงลิบกันแสงแดด ถ้ามีสายฝนโปรยปรายลงมาสักนิด ที่นี่คงจะสวยน่าดู กลางชาน มีโต๊ะอาหารคล้ายโต๊ะญี่ปุ่นเรียงกันอยู่สี่โต๊ะ ทุกโต๊ะมีอาหารจัดเรียงไว้จนเต็ม
 
รอบโต๊ะมีเบาะรองนั่งลายพื้น ๆ วางเรียงกันไว้ มีหมอนอิงแบบสามเหลี่ยมสูง ๆ รองหลังครบทุกที่นั่ง ให้ความรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นท่านเจ้าคุณยังไงบอกไม่ถูก แถมยังมีคนงานหญิงสูงวัยใส่ผ้าถุงลายโบราณ ๆ มาคอยดูแลยกข้าวยกน้ำเสิร์ฟอีกต่างหาก
 
ครอบครัวไอ้กิ๊ฟนั่งอยู่โต๊ะแรกสุด มีมัน แฟนมัน พ่อแม่ พี่ชายทั้งสอง ส่วนพี่ไหมเมียพี่กิจดูแลลูกอ่อนอยู่ที่บ้านเลยไม่ได้มาด้วย 
 
ฝรั่งจ้อใหญ่ พูดได้น้ำไหลไฟดับ ดีที่คนในครอบครัวมันพูดภาษาอังกฤษกันได้ทุกคน เลยไม่มีปัญหา ครอบครัวนี้เป็นชาวสวนที่จบสูงกันทุกคนครับ พี่กิจกับพี่ก้องนี่ดีกรีเด็กนอกทั้งคู่ แล้วอีกอย่างครอบครัวมันทำสวนพ่วงด้วยธุรกิจโฮมสเตย์ด้วย ลูกค้าหลัก ๆ จึงเป็นชาวต่างชาติ
 
 โต๊ะถัดมาเป็นพ่อแม่ผมกับพ่อแม่ไอ้ตัวเล็ก โดยมีพวกทโมนนั่งแทรกอยู่อีกที ส่วนโต๊ะที่สาม พวกเพื่อน ๆ ผมยึด มีไอ้มอ ไอ้โอม ไอ้ปิง ไอ้อิง ไอ้สาว ไอ้อ้อย
 
สามโต๊ะแรกเป็นโต๊ะเล็ก นั่งกันได้หกคนต่อโต๊ะ (ยกเว้นโต๊ะพ่อกับแม่ที่มีพวกทโมนมันแปลงร่างเป็นหนึ่งกลมกลืนนับไม่เคยถึงสาม) มีโต๊ะสุดท้ายที่ผมนั่งอยู่นี่แหละ ใหญ่สุดแล้ว
 
แล้วคุณเดาเอาสิครับ ว่าพวกที่เหลือ มีใครกันบ้าง
 
ผมนั่งคู่กับไอ้ตัวเล็ก ขนาบข้างมันด้วยไอ้คุณชรินทร์ ต่อด้วยไอ้เต้ย ไอ้เป้ ไอ้โอ๊คที่ปกติจะนั่งติดกับไอ้ปิง วันนี้มันก็มาร่วมโต๊ะด้วย ถัดจากมันก็ไอ้อิฐ และไอ้อาร์ตที่นั่งคู่กับผมอีกที
 
คู่แข่งครบครัน
 
“พวกคุณนี่หน้าตาเหมือนกันเด๊ะเลย”
ไอ้คุณชรินทร์มันมองพวกผมสามคนทึ่ง ๆ
 
“แล้วกายแยกออกไหมว่าใครเป็นใคร”
 
ไอ้ตัวเล็กส่ายหัวไปมา ทำหน้าเจื่อน ๆ ตักข้าวเข้าปาก
 
“ผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไม แค่หน้าตานะฮะ แต่ความรู้สึกเวลาอยู่ใกล้ คนละอารมณ์เลย”

 
ไอ้คุณชรินทร์ทำหน้าสงสัย
 
ผมก็สงสัย
 
และดูเหมือนทุกคนจะสงสัยเหมือนกันหมดเลย
 
“ยังไง”
มันถาม
 
“ก็…”
ไอ้ตัวเล็กมันนิ่งไปนาน ก่อนหน้าแดง แล้วพยายามปรับสีหน้าให้เป็นปกติ ขยับตัวขยุกขยิก นั่งตัวตรง ๆ
 
“พี่เอกให้ความรู้สึกเหมือนเป็นพระอาทิตย์ตอนกลางวัน ร้อนแรง เป็นแดดเปรี้ยง ๆ”
มันพูดซะผมเสีย
 
“ส่วนพี่อาร์ตคล้ายกับพระอาทิตย์ตอนกลางคืน ไม่เห็นแต่รู้ว่ามีอยู่ โผล่มาทีก็แสบผิวที”
อื้อหือ ดูมันพูดเข้า
 
“ส่วนพี่อิฐ เหมือนพระอาทิตย์ขึ้นกับพระอาทิตย์ตกหารครึ่งระหว่างพี่เอกกับพี่อาร์ตอีกที”

 
ทุกคนงงกับคำเปรียบมันครับ ยกเว้นไอ้คุณชรินทร์ที่พยักหน้าเข้าใจ มันมองพวกผมสามคนสลับกันไปมา
 
“ก็จริง”
ตรงไหนวะ
 
ไอ้ตอนแรกผมก็คิดว่าตัวเองเป็นพระอาทิตย์ยามเช้าหรือยามเย็นซะอีก ไหงกูกลายเป็นแดดเปรี้ยง ๆ ไปได้วะเนี่ย คนที่น่าจะเป็นแดดเปรี้ยง ๆ น่าจะเป็นไอ้อาร์ตมากกว่า
 
“แล้วพระอาทิตย์ตอนไหนน่ากลัวที่สุด”
มันถามต่อ
 
ไอ้ตัวเล็กทำท่าคิด
 
“พระอาทิตย์ยังไงก็คือพระอาทิตย์ มีทั้งคุณและโทษ น่ากลัวเท่ากัน แต่ก็ทำให้รู้สึกดีพอกัน”

 
ผมหวิวไปกับคำตอบมัน ถ้าอย่างนั้น มันก็สามารถชอบใครก็ได้งั้นสิ
 
“แต่ผมเกิดตอนพระอาทิตย์ตรงหัวพอดี ผมเลยชอบพระอาทิตย์ตอนกลางวันมากกว่า”
มันพูดเสียงเบา ก้มหน้าตักข้าวกิน

มันคงไม่ได้มองว่าทุกสายตา ยกเว้นไอ้เต้ยกับไอ้เป้มองมันกันหมด
 
ผมแทบหลุดยิ้ม แต่ก็เก็กหล่อเอาไว้ก่อน

 :L2:




หลังจากมื้อค่ำพวกเราก็แยกย้ายกันไปพักผ่อน เพราะจะเริ่มเที่ยวกันจริง ๆ จัง ๆ ก็วันพรุ่งนี้
 
ผมเลือกที่จะออกมาเดินเล่นที่กลางชานบ้าน คนต่างจังหวัด สองสามทุ่มก็พากันปิดไฟเข้านอนแล้ว

ตอนนี้ก็เหมือนกัน
 
ดวงไฟทุกดวงปิดสนิท แต่มันไม่เป็นอุปสรรคในการเดินเล่นของผมแม้แต่น้อย เพราะคืนนี้เป็นคืนเดือนหงาย ดวงจันทร์ที่เหมือนจะเต็มดวงส่องสว่างไปทั่วทุกพื้นที่ ทำให้มองเห็นทุกอย่างได้ไม่ต่างกับตอนกลางวัน
 
ผมเแหงนหน้าขึ้นมองท้องฟ้า บนนั้นเต็มไปด้วยดวงดาวดวงเล็ก ๆ โอบล้อมดวงเดือนดวงใหญ่เอาไว้ พรุ่งนี้วันพระ พวกเราตกลงจะตื่นไปวัดกันก่อน แล้วค่อยไปเที่ยวกันอีกที
 
รอบบ้านเงียบสนิท มีเพียงเสียงหวีดร้องเรไรของเหล่าสรรพสัตว์ยามค่ำคืน และเสียงเสียดสีของกิ่งไม้ที่กำลังไหวเอนยามต้องลม
 
ผมหลับตาลงเบา ๆ ปล่อยให้สายลมเย็น ๆ พัดผ่านผิวหน้าไป

ตอนนี้ทุกคนคงหลับกันไปหมดแล้ว รวมถึงไอ้ตัวเล็กด้วย มันแยกตัวไปหาพ่อกับแม่ตั้งแต่กินข้าวอิ่มแล้ว คงนอนกับพวกท่านเลย 
 
ผมไม่รู้ว่าผมยืนมองพระจันทร์อยู่นานแค่ไหน กระทั่งอยู่ ๆ ก็มีมือขาว ๆ มาสวมกอดที่เอวจากทางด้านหลัง ผมก้มมองมือนั้น ก่อนหันไปมองเจ้าของมืออีกที
 
“กาย”
 
มันยิ้มน่ารักให้ผมที
 
“พี่คิดว่านายนอนไปแล้วซะอีก”
 
“ยังไม่ง่วง”
มันตอบ

ผมยิ้ม ดึงมันมาไว้ด้านหน้า แนบแผ่นหลังมันไว้ที่หน้าอกผม
 
“พี่ก็เหมือนกัน”
 
“พี่เอก”
มันเอี้ยวหน้ามามองผม ผมมองตอบ
 
“พี่ไม่โกรธใช่ไหม ที่ผมอยู่กับพี่เชนมากไป”
 
ผมยิ้ม ก้มจูบขมับมันเบา ๆ ที
 
“ไม่หรอก พี่เข้าใจ พี่รู้ว่าช่วงเวลานั้นเป็นช่วงเวลาแห่งความสุขของกาย แล้วอีกอย่าง…”
ผมหยุดคำพูดตัวเองไว้ ทาบมือไว้ยังตำแหน่งหัวใจมันเบา ๆ

“ถ้าสิ่งนี้ของกายยังอยู่กับพี่ ไม่ว่าตัวกายจะอยู่ที่ไหน พี่ก็มั่นใจว่ากายจะอยู่กับพี่ตลอด”
 
มันมองผมอึ้ง ๆ ก่อนส่งยิ้มหวานหยดมาให้

หวานมาก ๆ จนผมต้องก้มลงไปจูบมันเบา ๆ ที

ผมถอนริมฝีปากออก ยิ้มให้มันนิดหนึ่ง แหงนหน้าขึ้นมองท้องฟ้าอีกที มันมองตามบ้าง
 
เมื่อกี้ผมชมจันทร์คนเดียว มันก็สวยดี แต่พอมีไอ้ตัวเล็กมาดูด้วย พระจันทร์ดูจะสวยขึ้นกว่าเดิมอีก
 
ยืนมองมานาน ผมเริ่มเมื่อย เลยเดินจูงมันไปนั่งบนเบาะข้างโต๊ะ จุดเดียวกับที่เรากินข้าวกันนั่นแหละ เพียงแต่ตอนนี้มันถูกเปลี่ยนมาเป็นโต๊ะขนาดสองคนนั่งแทน มีอยู่สามโต๊ะ โต๊ะหนึ่งห่างกันประมาณสองวา วางเบาะไว้โต๊ะละสองจุด พร้อมหมอนอิงท่านเจ้าคุณ(ผมเรียกงี้)
 
ผมเลือกนั่งโต๊ะกลางสุด ผมนั่งลงก่อน แล้วดึงไอ้ตัวเล็กมานั่งตรงหน้า แนบแผ่นหลังมันเข้ากับหน้าอกผม พิงหัวมันไว้ใกล้ซอกคอ แล้วเราสองคน ก็แหงนหน้าขึ้นมองดวงดาวด้านบนอีกที
 
สวยครับ สวยเอามาก ๆ
 
“โอ๊ะ!! ดาวตก”
ไอ้ตัวเล็กทำท่าตื่นเต้นตอนมีดวงดาวสีสวยพุ่งตกลงมา มันรีบหลับตาแล้วขออะไรบางอย่าง

ผมทำตามบ้าง
 
“พี่เอกขออะไร”
มันถามหลังจากขอพรเสร็จ
 
“ขอให้ได้อยู่กับกายตลอดไป”
 
มันอึ้งแล้วเงียบไปนาน
 
“แล้วกายล่ะ”
ผมถามกลับ ก้มจูบขมับมันไปที
 
“ขอให้ได้อยู่กับพี่เอกไปนาน ๆ”
 
ผมยิ้ม
 
“งานนี้ ดวงดาวคงต้องทำงานหนักแน่ ๆ”
 
มันหัวเราะ แล้วเราสองคนก็พากันแหงนหน้าขึ้นมองท้องฟ้าอีกที


 
 
“นี่ฉันง่วงแล้วนะ”
ได้ยินเสียงใครบางคนเดินบ่นหงุ๋งหงิ๋งออกมา

ผมหันไปมอง 
 
อ๋อ เป็นแม่ของไอ้ตัวเล็กมันครับ ถูกพ่อลากออกมาอีกที
 
“โอ้ แอบมาสวีทกันอยู่นี้นี่เอง”
พ่อทัก เดินมาทิ้งตัวลงนั่งยังโต๊ะถัดไปด้านขวา พ่อดึงแม่ลงมานั่งด้วย จัดให้นั่งท่าเดียวกับไอ้ตัวเล็กนั่นแหละ แต่แม่ขืนใหญ่ สุดท้ายพ่อเลยจับหัวแม่กดไปซุกหน้าอกตัวเอง
 
ซาดิสม์วุ้ย
 
แม่ดิ้นใหญ่ พ่อรีบชี้ชวนให้แม่ดูดาว จนแม่ที่ดิ้น ๆ อยู่สงบลง
 
“เคราพ่อยาวเกินไปรึเปล่า”
ไอ้ตัวเล็กหันไปทักพ่อมัน
 
“อ้าว ยาวไปเหรอ ไว้เพลินไปหน่อย”
 
“ใช่ ยาวไป เป็นไร ๆ กำลังดี”
แม่ครับ เผลอพูด ก่อนเม้มปากแน่น แกคงเขิน

พวกเราพากันอมยิ้มขำ
 
“งั้นคุณก็ทำให้ผมหน่อยสิ ผมไม่รู้ระดับนี่นา”
รายนี้ได้ทีก็อ้อนใหญ่
 
“เรื่องไร เคราคุณ คุณก็ทำเองสิ”
 
“เอาน่าคุณ ช่วยผมหน่อย คุณอยากให้ลูกอายที่มีพ่อไม่หล่อรึไง”
 
น่าน เอาไอ้ตัวเล็กของผมไปอ้างอีก

แม่ทำสายตาประหลับประเหลือกใส่
 
“ได้ ๆ เพื่อลูกหรอกนะ แล้วพรุ่งนี้จะทำให้”
 
พ่อยิ้มแก้มบาน

ผมกับไอ้ตัวเล็ก พากันขำคิก แล้วผมก็จับมือไอ้ตัวเล็กมาลูบรอบ ๆ ปากตัวเองบ้าง
 
“อยากได้บ้างไหม”
ผมถาม มันรีบชักมือกลับ แต่ผมยังยึดจับมันไว้อยู่
 
“มะ ไม่ต้องก็ได้”
มันพูดเขิน ๆ

ท่าทางแบบนี้ สงสัยอยากลอง

ผมอมยิ้ม โอบเอวมันแน่น แหงนหน้าขึ้นมองท้องฟ้าอีกที


 
 
“ก็ผมอยากดูดาว น่านะ มาเป็นเพื่อนหน่อย”
 
พวกเราทั้งหมดหันไปมองคู่ใหม่ที่เพิ่งเดินออกมา เป็นไอ้เต้ยครับ เดินลากพี่มันในสภาพหัวฟูออกมา สงสัยไอ้เป้จะหลับไปแล้วรอบหนึ่ง
 
“อ้าว พ่อแม่ พี่เอก มึง”
มันเรียกยกยวง เดินมาทิ้งตัวลงนั่งยังโต๊ะถัดไปด้านซ้ายมือผม มันดันให้พี่มันลงไปนั่ง แล้วตัวมันเองก็ลงไปนอนพิงอกพี่มันไว้อีกที

ไอ้เป้ทำหน้าระอา แต่ก็ยอมนอนนิ่ง ๆ ให้น้องมันพิง

ผมมองตามันนิดหนึ่ง มันพยักหน้าทีเดียวให้คลายใจว่ามันไม่เป็นไร
 
แล้วพวกเราก็พากันนั่งเงียบ แหงนหน้ามองดาวอีกที
 
“อยากเห็นดาวตกจัง”
ไอ้เต้ยมันพูดขึ้นมาลอย ๆ
 
“เมื่อกี้กูเห็นไปแล้ว”
ไอ้ตัวเล็กมันบอกคุย ๆ
 
“แล้วมึงได้ขอพรรึเปล่า”
 
“ขอ”
 
“ขออะไร”
 
“ไม่บอก”
 
“ชิ!”
แล้วมันก็ยกแขนพี่มันมากอด
 
ผมมองตาไอ้เป้อีกที มันยังนิ่งอยู่ครับ
 
“อยากนับดาวได้จัง”
แม่เปรยขึ้นมาอีกคน
 
“ก็นับเอาสิ นับสักวันละแถบ คิดว่าชั่วชีวิตนี้คงนับได้ครบ”
พ่อกวนกลับ แม่เลยตีเพี้ยะใส่แขนพ่อแรง 
 
“แต่ก่อนไม่เห็นกวนแบบนี้เลย”
 
“โอ๊ยคุณ อันนั้นมันไอ้พัฒน์คนเก่า ไอ้พัฒน์คนใหม่ มันหล่อกว่า เท่กว่า รสนิยมดีกว่า นิสัยดีกว่า อะไร ๆ ก็ดีกว่าไปหมดแหละ หึ ๆ”
 
“แหวะ”
แม่เบ้หน้าทำท่าแหวะลงพื้น พ่อยังยิ้มแก้มบานเหมือนเดิม
 
อยู่ ๆ ก็มีดาวตกลงมาอีกดวง ผมไม่ได้ขอ เพราะเมื่อกี้ผมขอไปแล้ว แต่ไอ้ตัวเล็กมันขอ พ่อกับแม่ก็รีบขอกันใหญ่ พอ ๆ กับสองพี่น้องด้านข้าง
 
“ขออะไรไป”
ผมถามคนในอ้อมแขนอีกที

มันยืดตัวขึ้นมาเอามือป้องปากกระซิบข้างหู
 
“ขอให้พ่อกับแม่รักกันยิ่งกว่าเดิม”
 
ผมยิ้ม มองแม่ที่ยังกุมมือทำท่าขอพรอยู่ พ่ออมยิ้มมองแม่ใหญ่

ไอ้เต้ยก็ยังขออยู่
 
“ขออะไรไปคุณ”
พ่อถามหลังจากแม่ขอพรเสร็จ
 
“ขอให้ฉันสวยขึ้น”
 
พ่อหัวเราะหึ ๆ
 
“ผมก็ขอให้ผมหล่อขึ้น จนทำให้สาวรักสาวหลง โดยเฉพาะพวกสาว ๆ ที่ใจแข็ง ปากไม่ตรงกับใจอะไรทำนองนั้น”
พ่อขอยาวมากขอบอก แม่ค้อนใส่
 
“พี่เป้ขออะไร”
ไอ้เต้ยเงยหน้าถามพี่มัน
 
ไอ้เป้ก้มมองคนถาม ก่อนเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าแล้วตอบ
 
“ขอเรื่องที่เป็นไปไม่ได้น่ะ”
 
“ผมก็เหมือนกัน”
ไอ้เต้ยบอกพี่มันเสียงเบา กระชับกอดแขนพี่มันแน่นขึ้น
 
ผมพอจะเดาออกว่าไอ้เป้มันขออะไร และผมก็ได้แต่หวัง ว่าคำขอนั้นจะเป็นจริงขึ้นมาสักวัน
 
แล้วพวกเราก็กลับมานั่งดูดาวกันเงียบ ๆ อีกที
 
“เสียงหัวใจพี่เต้นแรงจัง”
ไอ้ตัวเล็กบนตัวผมมันพูด

ผมก้มมอง
 
“ถ้าไม่เต้นก็แย่น่ะสิ”
ผมแซวกลับ

มันมองผมยิ้ม ๆ
 
 “หัวใจคุณเต้นช้าแปลก ๆ นะ”
แม่พูดกับพ่อบ้าง   
 
“อ้าว หัวใจเต้นช้าดีกว่าหัวใจเต้นเร็วนะคุณ”
พ่อท้วง ก่อนทำสายตากรุ้มกริ่มใส่
 
“แต่เสียงหัวใจคุณน่ะ เต้นเร็วผิดปกติ”
พ่อล้อ แม่รีบดีดตัวออก ทำท่าจะลุกหนี พ่อรีบรั้งกลับมาที่เดิมทันที
 
“ผมล้อเล่นน่าคุณ หึ ๆ”
 
“ของพี่เป้ก็เต้นแรง”
ไอ้เต้ยเอาบ้าง มันขยับพลิกตัวนั่งตะแคงข้าง แนบหูฟังเสียงหัวใจพี่มันดี ๆ
 
“เหมือนผมตอนนี้เลย”
แล้วมันก็เลื่อนมือไปจับหน้าอกมันเอง

ไอ้เป้ไม่ได้พูดโต้ตอบอะไร นอนนิ่ง ๆ ให้น้องมันฟังเสียงอยู่อย่างนั้น วงแขนที่เล็กกว่าวาดออกกว้างโอบรอบเอวใหญ่ไว้ ทอดดวงตามองดวงดาว ส่วนไอ้เป้ก็โอบเอวน้องมันไว้หลวม ๆ เหมือนกัน
 
ผมละสายตาจากภาพที่เห็นมองไปยังท้องฟ้าเบื้องบน

เมื่อกี้ ผมก็น่าจะขอพรให้ไอ้เต้ยกับไอ้เป้มันบ้างนะ
 
พวกเรานั่งดูดาวกันไปเรื่อย ๆ จนรู้สึกว่าคนในอ้อมแขนผมนิ่งเงียบผิดปกติ ผมถึงได้ก้มมอง ไอ้ตัวเล็กเอียงหน้าแนบแก้มกับอกผม หลับตาพริ้ม ผ่อนลมหายใจเข้าออกเป็นจังหวะสม่ำเสมอ
 
“หลับไปแล้ว”
พ่อพยักหน้ามาทางไอ้ตัวเล็กกลับไปยังคนในอ้อมแขนของตัวเอง

ผมยิ้ม หันไปมองอีกด้าน ไอ้เต้ยหลับไปแล้วเหมือนกัน
 
ผมหัวเราะหึ ๆ สงสัยจะสบายจัด เพราะนั่งพิงอกพวกเราอยู่ ในขณะคนเป็นเบาะรอง ต้องนั่งยันแขนอยู่ในท่าที่เกือบจะสบาย
 
พ่อตัดสินใจอุ้มแม่เข้านอน (นอนรวมกันกับคุณพ่อคุณแม่ผมครับ พวกทโมนก็อยู่ด้วย) ไอ้เป้ช้อนอุ้มน้องมันเดินเข้าห้องไปเหมือนกัน

ผมก้มมองไอ้ตัวเล็ก ก้มจูบขมับมันไปเบา ๆ ที ช้อนอุ้มมันไว้ในอ้อมแขน พามันเดินเข้าห้องตามสองพี่น้องไป
 
ไอ้เป้วางน้องมันเบามือบนฟูก แล้วมันก็ล้มตัวลงนอนเช่นกัน สองมือไอ้เต้ยยึดจับเสื้อพี่มันแน่นไม่ยอมปล่อย
 
 แม้แต่ตอนหลับ มันก็ไม่คิดจะห่างพี่มันเลยสักนิด
 
ผมวางคนในอ้อมแขนตัวเองไว้บนฟูกข้างกัน เดินไปปิดไฟมาทิ้งตัวลงนอนกอดมัน

อุ่นดีครับ...
ตัวมันเล็ก แต่อบอุ่นยิ่งกว่าอะไร

ผมกระชับอ้อมแขนแน่นขึ้น และหวังว่าตื่นมา มันจะยังอยู่ในอ้อมแขนของผมเหมือนเดิม         
             


_______________
to be con..
หายหัวไปนานเลย มาต่างจังหวัด คอมเสีย ส่งซ่อม เพิ่งได้มาสดๆร้อนๆ เมื่อกี้ รับขวัญด้วยการอัพนิยายซะเลย >////<

ละมุนมากกก สำหรับตอนนี้  :กอด1:


_________________________________
หนังสือ&ebook >>https://goo.gl/FSOuuM
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-02-2017 19:10:15 โดย memew »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11

ออฟไลน์ mam.nalok

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 247
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
คู่แข็งเยอะมากมายนะพี่เอก มีแต่คนคุ้นหน้าทั้งนั้น5555

ออฟไลน์ memew

  • ขอบคุณที่เข้ามาอ่านจ้าาา
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 456
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +382/-10
    • :: Memew แฟนเพจ :

69 ไปวัด [กาย..♥]





ได้ยินเสียงนกกระจิบร้องจิ๊บ ๆ ดังแว่วอยู่ใกล้ ๆ ผมค่อย ๆ ลืมตามอง ภาพแรกที่เห็นคือแสงสว่างยามเช้าที่ลอดผ่านหน้าต่างเข้ามา และมีเจ้านกสีน้ำตาลเข้มสองตัวเกาะอยู่บนกิ่งไม้พากันร้องจิ๊บ ๆ ปลุกผมแต่เช้า
 
ผมมองไปรอบ ๆ อีกที
 
เมื่อคืนจำได้ว่าดูดาวอยู่ข้างนอกนี่นา ไหงมาอยู่ในห้องนอนได้ล่ะ ผมนอนตะแคงข้างหันหน้าเข้าหาหน้าต่าง และมีใครบางคนนอนกอดเอวผมไว้หลวม ๆ ทางด้านหลัง
 
ไม่ต้องเดาให้ยากครับว่าเป็นใคร ผมยิ้มเล็กน้อย มองออกไปยังนอกหน้าต่างอีกที สายลมพัดไหวเบา ๆ พาเอาใบไม้ปลิวไสว พอมองดี ๆ ถึงได้รู้ว่าเป็นต้นชมพู่นั่นเอง มีผลออกแล้วด้วย แต่ยังไม่สุก
 
เจ้านกสองตัวเมื่อกี้โผบินหนีไปแล้ว
 
อากาศดี ๆ แบบนี้ อยากนอนต่อเหมือนกัน แต่ก็อยากตื่นไปสูดอากาศยามเช้าด้วย ผมขยับตัวสูดลมหายใจเข้าปอดลึกเฮือกหนึ่ง
 
อากาศยังดูสลัว ๆ อยู่เลย น่าจะชักตีห้ากว่า ๆ หรือไม่ก็หกโมงหน่อย ๆ
 
นี่ผมตื่นก่อนเวลาปกติอีกเหรอเนี่ย สงสัยจะเพราะอากาศดีจัด
 
ผมขยับตัวเบา ๆ อีกที คนที่นอนอยู่ข้าง ๆ ก็ขยับตัวตาม ผมหันไปมอง พี่แกทำหน้างัวเงีย ตาปรือเปิดครึ่งไม่เปิดครึ่งมอง
 
เออเว้ย ตื่นนอนก็ยังหล่อ
 
พอเห็นว่าคนที่ตัวเองกอดอยู่เป็นผม ใบหน้าคมก็โน้มต่ำลงมากดจูบทันที ผมก็จูบตอบเหมือนกัน
 
เริ่มชินฮะ
เหมือนมอร์นิ่งคิสทั่วไปนั่นแหละ 
 
ตอนแรกก็คิดว่าพี่มันจะจูบแป๊บเดียวแล้วถอนออก แต่รู้สึกมันจะนานไปหน่อยแฮะ
 
ผมเริ่มดิ้น
 
นี่มันไม่ใช่ที่บ้านนะเว้ยเฮ้ย!!
 
จูบนานไม่ว่า ยังเพิ่มแรงบดเบียดรุกหนักเข้าไปอีก ผมรีบผลักพี่แกออก
 
หลุดครับ
 
แต่หลุดแล้วเด้งกลับมาใหม่ คราวนี้พี่แกเคลื่อนตัวขึ้นมาคร่อมผมไว้เลย
 
“พี่เอก!!”
ผมรีบท้วง เพราะเดาได้ลาง ๆ ว่าห้องหนึ่งไม่น่าจะได้นอนกันแค่สองคน แต่ใครจะมานอนด้วยแค่นั้นแหละ
 
“อื้ม!”
พี่มันครางขัดใจที่ผมขัดขืน ซุกหน้ากับซอกคอผมแรง ๆ ผมก็พยายามขัดขืน มือหนึ่งดันปากพี่แกออก ส่วนอีกมือก็ดันหน้าอกออก
 
“พี่เอก!!”
 
แล้วพี่มันก็เลื่อนมาปิดปากผมอีกที
 
“อื้อ!!” ผมครางห้ามในลำคอ
 
ปั๊ก ๆ!!
 
ได้ยินเสียงอะไรบางอย่างบนตัวพี่เอก
 
“ตื่นได้แล้ว ไอ้เอก!!”
ส่วนนี่ ก็น่าจะเป็นเสียงของคนที่ทำให้เกิดเสียงนั้น
 
พี่เอกถอนปากออกช้า ๆ มามองผมที่นอนหอบแฮ่ก จูบแรงแบบนี้ รับรองได้ว่าปากผม คงทั้งแดงทั้งช้ำแน่ ๆ
 
แม่ม!!
เล่นบทโหดกันแต่เช้าเลย
 
พี่เอกมองตาผมอยู่สักพัก ก่อนค่อย ๆ หันไปมองคนที่วางทีนไว้บนหลังตัวเอง   
 
“อ้าว ไอ้เป้ มึงมาขวางทางกูทำไม กูกำลังจะมอร์นิ่งคิสเมียกู”
 
“มึงจะมอนิ่งฟัดมากกว่าน่ะสิ กูน่ะไม่เท่าไหร่ แต่สงสารน้องกูว่ะ ไม่อยากให้มันเป็นตากุ้งยิง”
 
ผมหันไปมองไอ้เต้ย รายนั้นนั่งมองพวกผมตาแป๋วหน้าแดง ๆ อยู่บนฟูกด้านข้างห่างออกไปประมาณสองวา
 
แล้วมันจะมานั่งมองทำไม
 
ผมเองก็อายไม่แพ้กัน รีบดันตัวพี่เอกออก
 
“ไปอาบน้ำกันมึง”
ผมรีบชวนไอ้เต้ยทันที มันพยักหน้า รีบลุกพรวดเดินตามผมเข้าห้องน้ำอย่างไว
 
อายครับ มาจูบกับพี่มันให้เพื่อนดู ไม่รู้มันจะเก็บไปล้ออีกนานแค่ไหน
 
“มึงโดนแบบนี้ทุกวันเลยเหรอ”
มันเริ่มต้นถาม
 
ผมชี้หน้า
 
“มึงห้ามถามอะไรทั้งนั้น”
หน้าผมมันร้อนเอามาก ๆ
 
มันยิ้มปนขำ
 
พวกเราพากันสลัดเสื้อผ้า สายตาก็กวาดมองไปรอบ ๆ ห้องน้ำ
 
“ห้องน้ำโคตรสวยเลยว่ะ”
ผมชมขณะหยิบสบู่มาฟอก
 
“นั่นดิ”
มันเองก็ตื่นเต้นไม่แพ้กัน
 
บ้านหลังนี้เป็นไม้สักทั้งหลัง แม้แต่ห้องน้ำก็ทำจากไม้สักด้วย พื้นห้องโรยด้วยกรวดและหินกันลื่น ได้ยินเสียงน้ำร่วงลงตามร่องที่ปรุเอาไว้บนพื้นที่เราเหยียบด้วย ให้ความรู้สึกเหมือนอาบน้ำภายใต้น้ำตกยังไงบอกไม่ถูก
 
มุมห้องทั้งสองด้านมีต้นไม้คล้ายต้นกล้วยสูงเท่าตัวผมอยู่ในแจกันยักษ์น้ำตาลเข้ม รอบ ๆ ห้องประดับไปด้วยกล้วยไม้สีสันสวยงาม ชักโครกสีขาวนวล มีอ่างอาบน้ำที่ทำจากไม้อีกที มีฟักบัวซ่อนไว้บนเพดาน มีปุ่มให้กดข้าง ๆ พอกดปุ๊บ ก็จะมีน้ำไหลลงมาจากด้านบน อ่างล้างหน้าเรียบเท่มีสไตล์ มีกระถางดอกไม้ขนาดเล็กประดับไว้
 
สวยดีครับ ประยุคธรรมชาติเข้ากับความโมเดิร์นได้ลงตัวดี
 
ผมกับไอ้เต้ย อาบน้ำไปเล่นนู้นเล่นนี้ในห้องน้ำไป เมื่อคืน ผมกับมันไม่ได้อาบบนเรือนใหญ่ครับ คนเยอะ พวกเราเลยไปอาบน้ำกันที่เรือนเล็กแทน ที่นั่นห้องน้ำธรรมดา ไม่หวือหวาขนาดนี้
 
“อันนี้พี่เอกเป็นคนทำใช่มะ”
มันจิ้มหน้าอกผมเบา ๆ
 
ผมหน้าร้อนผ่าว แต่ไม่ได้ตอบอะไรมัน
 
“หึ ๆ”
 
มึง…
ไม่ต้องหัวเราะกูจริงจังแบบนั้นก็ได้
 
พอเราอาบกันเสร็จ ก็ปล่อยให้พวกพี่ ๆ เขาอาบกันต่อ พี่เอกอาบก่อน ต่อด้วยพี่เป้ ไอ้เต้ยมันเดินออกนอกห้องไปแล้ว
 
“กาย นายอาบน้ำกับเต้ยบ่อยเหรอ”
พี่เอกถาม ผมพยักหน้า พี่มันขมวดคิ้ว เหมือนจะพูดอะไรสักอย่าง แต่เงียบไป         
 
 
 
 
 
 
ประมาณเจ็ดโมงพวกเราก็มารวมตัวกันหน้าบ้านแล้วครับ คนงานเดินถือขันข้าวมาให้ มันเป็นขันสีเงินลายกระหนก มีข้าวสวยร้อน ๆ กลิ่นหอมจรุงฟุ้งเป็นไอควันสีขาวลอยขึ้นมา มีข้าวสุกเต็มอัตราอยู่ภายใน
 
เยอะจริง ๆ
 
ด้านบนเป็นทับพีโง้งสวยสีเดียวกับขัน คนงานยื่นให้คู่ละขัน ตอนแรกผมว่าจะอุ้มเอง แต่พี่เอกรับไปอุ้มแทน เห็นบอกว่ามันร้อน กลัวมือผมพอง
 
แอบเขินครับ
 
กูไม่ได้มือบางขนาดนั้นสักหน่อย
 
ส่วนผมรับปิ่นโตกับดอกไม้ธูปเทียนมาถือไว้ ดอกไม้เป็นดอกกล้วยไม้ของทางสวนนี่แหละ สวยดี กับข้าวแทบไม่ซ้ำปิ่นโตกันเลยทีเดียว
 
ผมอมยิ้ม มองพ่อกับแม่ที่ช่วยกันถือชุดปิ่นโตกับขันข้าว เป็นภาพที่ดูดีจริง ๆ ทำบุญด้วยกันชาตินี้ ชาติหน้าจะได้เกิดมาคู่กันอีก ^^
 
พวกเราพร้อมใจกันใส่ชุดสีขาว วัดไม่ได้ไกลจากบ้านเท่าไหร่ แค่กิโลกว่า ๆ พวกเราเลยตัดสินใจ เดินไปวัดกัน
 
พ่อแม่ของพี่เอก ช่วยกันประคองขันและปิ่นโตเดินไปด้วยกัน โดยมีสมุนน้อยสามคน เดินเคียงอ้อมหน้าอ้อมหลัง
 
พ่อกับแม่ผมเดินคู่กันไปเงียบ ๆ พ่อถูกจับเล็มเคราแล้ว หล่อเฟี้ยวเชียว แม่เดินแก้มแดง สงสัยจะเล็มได้ถูกใจตัวเอง
 
ไอ้เต้ยกับพี่เป้ เดินเคียงกันไปเงียบ ๆ โดยพี่เป้อุ้มขัน ไอ้เต้ยหิ้วปิ่นโตกับถือดอกไม้ หันไปมองด้านหลัง เห็นไอ้พี่มอมันอุ้มขันกับถือดอกไม้ธูปเทียนไว้ พี่โอมถือปิ่นโต แต่เดินแกว่ง ๆ
 
“ถือดี ๆ ไอ้โอม พระจะไม่ได้ฉันท์ก็เพราะความชุ่ยของมึงนี่แหละ”
 
“งั้นมึงเอาขันข้าวมา กูจะอุ้มเอง”
 
“มึงหิ้วปิ่นโตน่ะดีแล้ว กูอยากอุ้มขัน เผื่อเจอสาว ๆ จะได้ชวนมาตักบาตรร่วมกัน”
 
ผมก็ว่าแล้ว ไม่มีทางที่พี่แกจะทำอะไรโดยไม่หวังผลเรื่องสาว ๆ
 
“งั้นกูยิ่งต้องถือเอง”
แล้วก็เกิดสงครามแย่งชิงขันข้าวกัน
 
พอหมดยก พี่มอครองแชมป์ รักษาขันข้าวไว้ได้สำเร็จ พี่โอมทำท่าฟึดฟัดขัดใจ ก่อนทำหน้าเจ้าเล่ห์อีกที
 
“แทนที่กูจะชวนเขามาตักบาตรด้วยกันแบบมึง งั้นกูขอไปตักบาตรเป็นเพื่อนเขาไม่ง่ายกว่าเหรอวะ”
เป็นทางออกที่ม่อได้ใจ
 
“เป็นความคิดที่ดี” พี่มอร่วมด้วย “แล้วจะมีสาว ๆ ให้พวกเรามองกันเยอะไหมฮึ”
พี่มันถามอีกที
 
“น่าจะมีเยอะอยู่น้า”
 
อกุศลครับ ในวัดในวาก็ไม่เว้น
 
ผมล่ะหน่าย…
 
ไล่หลังลงไปอีก เป็นพี่โอ๊คครับ พี่แกส่งยิ้มให้ผมที ผมยิ้มกลับบ้าง พี่แกอุ้มขันไว้เหมือนกัน โดยมีพี่ปิงถือปิ่นโตกับดอกไม้ธูปเทียนอยู่ข้าง ๆ ผมรู้ว่าพี่โอ๊คแอบมองผมอยู่ตลอด ไม่ได้เข้ามาประชิดเหมือนพี่เชน แต่ไม่ว่าผมจะอยู่ที่ไหน ก็จะมีสายตาของพี่โอ๊ค คอยดูแลให้เบาใจอยู่เสมอ
 
ถ้าผมไม่ได้เลือกพี่เอกซะก่อน ผมว่าพี่โอ๊คดูจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด
 
ก็นะ เฮียเป็นเทวดาประจำตัวผมนี่
 
ผมยิ้มหวานให้เทวดาไปที ก่อนได้ยินเสียงกระแอมไอเบา ๆ ผมหุบยิ้มลงฉับ มองหาเจ้าของเสียง ตอนแรกก็คิดว่าเป็นพี่เอกซะอีก
 
แต่ที่ไหนได้…
 
เป็นใครอีกคน ที่ผมไม่อยากคุยด้วยมากที่สุด
 
มั้ง?
 
ผมมองนิดหนึ่ง พยายามคาดเดาว่าคนที่เดินตามมากับกระแอมไอเมื่อกี้เป็นใคร พอพี่มันยิ้มพราวเท่านั้นแหละ ผมรีบหันไปมองทางเดินดี ๆ ตามเดิม
 
แอบเสียวสันหลังครับ มีพี่อาร์ตเดินตามต้อย ๆ เนี่ย
 
พี่เอกลูบหัวผมเบา ๆ ให้คลายใจ สายตาแกบอกว่าไม่ต้องกลัวไปนะ พี่อยู่ตรงนี้ทั้งคน
 
ผมยิ้มรับ



 :L1: :L1: :L1: :L1: :L1: :L1: :L1: :L1: :L1: :L1:



อากาศดี วิวสวย แถมชาวบ้านก็เริ่มทยอยกันออกมาจากบ้านแล้วด้วย พวกเราเดินกันมาเป็นกลุ่มใหญ่ฮะ ถนนเส้นนี้ไม่ค่อยมีรถ พวกเราเลยเดินกันแทบจะทั้งถนน
 
ผมยิ้มเมื่อเห็นเด็กวัยรุ่น พากันจูงแขนคุณตาคุณยายออกมาจากบ้าน
 
ตลอดทางเดิน ผู้คนก็พากันออกมาทักพ่อกับแม่พี่กิ๊ฟ สองผัวเมียก็รีบแนะนำว่าที่ลูกเขยกันยกใหญ่
 
วันนี้พี่กิ๊ฟแต่งหญิงด้วย สวยเช้งอย่าบอกใคร
 
พี่แกใส่เสื้อยืดสีขาว นุ่งผ้าถุงสีชมพูเข้มลายดอกซากุระสีแดง รองเท้าแตะสีชมพู มัดผมไขว้ไว้ด้านขวามือ ติดดอกกล้วยไม้สีขาว ดูแล้วน่าจะเป็นของจริง แต่ขนาดใหญ่เท่าฝ่ามือ
 
โอ้แม่เจ้า จะงดงามไปไหน
 
พี่ฝรั่งเดินยิ้มหน้าบานอยู่ข้าง ๆ
 
พวกสาว ๆ ต่างพากันแต่งสวยหยดย้อยทุกคน เน้น ขาว ชมพู ฟ้า ส่วนผมกับพี่เอก สีขาวเหมือนกัน ผมยิ้มไปกับบรรยากาศที่เห็น
 
“พอไม่ได้พกกล้องติดตัว รู้สึกมันหวิว ๆ แฮะ”
พี่เชนฮะ แกเดินขนาบอยู่ข้างผม
 
“เหมือนกัน แต่ถ้าพกมา พวกเราคงลืมทำบุญกันแน่ ๆ”
 
พี่แกพยักหน้าเห็นด้วย
 
เดินกันไม่นานก็ถึงวัดแล้ว วัดใหญ่เอามาก ๆ ผมกวาดมองไปรอบ ๆ คืนนี้อาจมีงานวัดนะเนี่ย เพราะเห็นคนเอาของมากอง ๆ กันไว้ข้างรั้วแล้ว
 
คนเยอะครับ ชาวบ้านพากันหลั่งไหลมาไม่หยุด เน้นใส่ชุดสีขาว เด็ก ๆ ก็ใส่สีสันสดใสกันไป บ้างหลานก็จูงมือคุณยาย บ้างคุณยายก็จูงมือหลาน
 
บางส่วนยืนคุยกันด้านล่าง บางส่วนก็พากันขึ้นไปนั่งคุยกันบนศาลา
 
พวกผมยังอยู่แถว ๆ ประตูหน้าวัด เพราะผู้ใหญ่ต้องเบรกทักทายเพื่อนบ้านมาตามทาง พ่อแม่พี่กิ๊ฟเป็นที่รู้จักของคนที่นี่ฮะ จะเรียกว่าเป็นผู้มีอิทธิพลก็ได้ ใครเห็นก็ทัก ใครเห็นก็พากันยกมือไหว้เป็นทิวแถว ไม่เว้นแม้แต่คุณตาคุณยาย
 
โห สุดยอด
 
ส่วนสองผัวเมียก็พากันเห่อว่าที่ลูกเขยครับ แกไม่ได้เห่อที่ได้ลูกเขยฝรั่ง แต่แกเห่อ เพราะพี่ฝรั่งยอมเป็นแฟนกับพี่กิ๊ฟต่างหาก (อย่างที่คุณก็รู้ว่าทำไม)
 
กว่าจะผ่านด่านเพื่อนบ้านมาได้ พระท่านก็ขึ้นศาลากันแล้ว
 
พวกเรารีบขนขบวนกันขึ้นไปบนศาลาเหมือนกัน พี่มอกับพี่โอมพากันยิ้มแก้มบาน เมื่อเจอสาวถูกใจ แต่น้อง ๆ มากับพ่อแม่ พี่แกเลยไม่กล้าเข้าไปม่อ
 
หนวดกุ้งกระตุกแล้วนะน่ะ
 
พวกเราได้ที่นั่งกันตรงกลางของศาลาพอดี อันเนื่องมาจากผู้คนพากันแหวกทางให้
 
ขาใหญ่ครับ ต้องเข้าใจ แล้วพวกเราก็ถูกชาวบ้าน พากันโลมเลียทางสายตา
 
ก็นะ พานายแบบนางแบบจากกรุงเทพมาเดินแคทวอล์กกันบนศาลานี่หว่า สาว ๆ ก็มองหนุ่ม ๆ หนุ่ม ๆ ก็มองสาว ๆ กันใหญ่ ยิ่งพี่ฝรั่ง ยิ่งเด่น
 
พวกเราที่หิ้วปิ่นโตกันมา ก็เอากับข้าวในปิ่นโตไปใส่จานที่เขาเตรียมไว้ให้ แล้วจะมีคนจัดถวายพระท่านอีกที แล้วหลังจากนั้น พวกเราก็ทยอยกันนำดอกไม้ธูปเทียนไปไหว้พระประธานต่อ
 
ผมกับพี่เอกแทบจะจุดธูปจุดเทียน ปักธูปปักเทียนพร้อมกันตลอด
 
อายพระอายเจ้าบ้างอะไรบ้างก็ได้พี่เอก
 
ผมพยายามไม่คิดอะไร กลับมานั่งที่เดิมเงียบ ๆ แต่ก็แทบจะหายใจไม่ออก เพราะตอนนี้ ผมโดนขนาบจากเหล่าคฑาชายนายแบบสุดหล่อทั้งหลาย
 
ด้านขวาเป็นพี่เอก ด้านซ้ายเป็นพี่เชน ด้านหลังมีพี่อิฐกับพี่อาร์ตประกบ ซึ่งตอนนี้ผมก็ยังแยกไม่ออก ว่าใครคือพี่อิฐหรือพี่อาร์ต (ดันใส่ชุดเหมือนกันมาอีก) ด้านหน้าเป็นไอ้เต้ยกับพี่เป้ เยื้อง ๆ ไปทางขวาเป็นพี่โอ๊คกับพี่ปิง พี่มอและพี่โอม ส่วนพวกพ่อกับแม่อยู่แถบด้านซ้ายกันทั้งหมด โดยมีพวกทโมนเกาะก่ายเป็นลูกลิงอยู่รอบ ๆ
 
ไม่นาน พระท่านก็ขึ้นนั่งจนครบ แล้วพิธีก็เริ่ม
 
ผมประนมมือ ฟังเสียงพระสวด เห็นแบบนี้ ผมเคยผ่านการบวชมาแล้วนะครับ พ่อกับแม่ดีใจใหญ่
 
พอถึงเวลา พวกเราก็เดินอุ้มขันข้าว ไปตักข้าวใส่บาตรกลางกัน พี่เอกเดินนำ โดยมีผมเดินตาม ผมจับทับพี กำลังจะตักข้าว แต่พี่เอกจับหลังมือผมไว้ แล้วบังคับให้ผมตักข้าวร่วมกับพี่แกอีกที ผมหน้าร้อน ก้มหน้าก้มตาตักข้าวใส่บาตรไปเงียบ ๆ
 
มึง ถ้าคนอื่นเห็น เขาจะพากันคิดยังไงเนี่ย

ยังดีที่คนอื่นห่วงแต่ตักบาตรกันอยู่ ผมก็ทำตัวลีบ ๆ ตักพร้อมพี่แกไป
 
ที่นี่ เขาจัดบาตรเรียงกันไว้บนโต๊ะสูงเพียงเอว มีทั้งหมดเก้าบาตร มีบาตรข้าวเหนียวแยกออกมาอีกสามบาตร พี่เอกแกก็จับหลังมือผมตักไปด้วยกันตลอดทั้งเก้าบาตร หน้าผมแทบไหม้ เห็นพ่อมองสบตาผม อมยิ้ม พยักหน้าให้ดูไปที่มือแก
 
แม่ตกอยู่ในสภาพเดียวกับผมครับ หน้าแดงใหญ่เลย
 
พี่กิ๊ฟสอนพี่ฝรั่งถึงวิธีการตักบาตร ได้ยินพี่แกบอกให้พี่ฝรั่งจับทับพีไว้ แล้วแกก็กุมมือพี่ฝรั่งอีกที ผมมองยิ้ม ๆ พอเดินวนจนครบก็กลับไปนั่งที่เดิม ฟังพระสวดต่อ
 
จบกระบวนการที่เหลือคือรอพระให้พร และทานอาหารกัน อาหารที่พระท่านส่งคืน ใครได้กินจะดีมาก ๆ (อันนี้ตามความเชื่อโบราณนะ) พวกเรานั่งพูดคุยกัน ผู้คนก็แวะเวียนเข้ามาทักทาย พวกเราก็ตอบ ๆ กันไป
 
สักพักพวกเราก็นั่งล้อมวงกัน ที่นี่ไม่มีเสื่อหรืออะไรรองนั่ง แต่พื้นสะอาดดีครับ กลุ่มที่ผมนั่งเป็นกลุ่มใหญ่เหมือนเดิม พวกป้า ๆ โรงครัว พากันเอาอาหารมาจัดเรียงให้เป็นชุด ๆ ตรงกลาง
 
จริง ๆ ผมนั่งท้องร้องมานานแล้วล่ะ เลยเวลาอาหารเช้ามาเยอะแล้วด้วย พออาหารมาถึง ผมก็ซัดแหลก
 
เยอะครับ เยอะมาก ๆ แค่จากบ้านเราก็แทบจะกินหนึ่งในสี่ของคนทั้งวัดแล้ว (ยังไม่รวมคนงานนะ)
 
ผมตักน้ำพริกมาใส่จานตัวเอง แล้วหยิบมะเขือสดมากัดกรวบ
 
“ชอบกินผักรึไง”
พี่เชนถาม
 
ผมพยักหน้า
 
“ชอบเหมือนแม่ บ้านเรากินผักเป็นหลัก”
 
“อืม มิน่า ผิวสวย”
 
ผมแทบทำมะเขือร่วงจากปาก
 
“ผิวสวย?”
ผมมองหน้าพี่เชน
 
“อ้าว ไม่รู้รึไง เราน่ะ ผิวสวยจะตาย ขาวก็ขาว แถมยังนิ่มอีกต่างหาก”
แล้วพี่มันก็จิ้ม ๆ มาที่ต้นแขน เลยมาที่แก้มเบา ๆ
 
ความอายวิ่งวูบผ่านใบหน้า
 
“แก้มก็แดงง่ายอีกต่างหาก”
 
ผมรีบจับแก้มตัวเอง เหลือบตามองพี่เอกนิดหนึ่ง พี่แกนิ่งครับ แต่คนที่ไม่นิ่งคือพี่อิฐหรือพี่อาร์ตนี่แหละ เห็นมองผมตาเขม็งเลย ผมรีบก้มหน้ากินต่อ
 
แล้วอยู่ ๆ ก็มีคนเอื้อมมือมาเช็ดปากให้ผมเบา ๆ ผมหันไปมอง
 
พี่โอ๊คครับ
 
พี่แกยิ้มอ่อนโยนมาให้ แล้วก้มกินข้าวต่อเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
 
แม่ม
 
แต่ละคนมากันแบบเชือดนิ่ม ๆ จริง ๆ
 
ผมกินข้าวต่อ แล้วอยู่ ๆ ก็มีมะเขือมาวางไว้บนจาน เท่าที่ดู มันเป็นลูกสุดท้ายแล้วครับ ผมก็หันไปมองว่าใครเป็นคนให้
 
อืม…
 
ใครว่า…
 
ระหว่างพี่อาร์ตกับพี่อิฐ
 
พอพี่มันส่งยิ้มอบอุ่นมาให้ ผมรีบผงกหัวขอบคุณพี่แกไปทีอย่างว่องไว
 
ยิ้มแบบนี้ พี่อิฐชัวร์
 
พี่เอกนั่งกินข้าวไปเงียบ ๆ แล้วพี่แกก็เอื้อมไปหยิบขนมของโปรดมาให้ผม
 
“อย่ากินมากนักล่ะ เดี๋ยวอ้วน”
 
ผมอ้าปากพะงาบ ๆ
 
มึง ไอ้บ้า แล้วยกมาให้กูทำไม
 
พี่มันหัวเราะหึ ๆ
 
“รีบกินดีกว่า”
พี่มันทำสายตาประมาณว่า ถ้าช้าโดนแย่ง ผมรีบจ้วงตักเข้าปากทันที
 
เรื่องไร ของโปรดของกู
 
ผมเห็นไอ้เต้ยมองมาด้วยสายตาหยาดเยิ้ม รู้ได้เลยครับว่ามันอยากกินเหมือนกัน (เราสองคนชอบของคล้ายกัน) ผมเลยตักแบ่งใส่ชามตัวเองนิดหนึ่ง แล้วยื่นที่เหลือให้มันทั้งหมด
 
“น้ำลายหกแน่ะเต้ย”
 
มันรีบเช็ดมุมปากใหญ่ ผมขำก๊าก มันชี้หน้าด่าแบบไม่มีเสียง
 
วัดครับ ต้องเก็บสิงสาราสัตว์ให้มิด
 
“จำไว้เลย”
 
ผมยักคิ้วใส่มันที
 
หมดมื้อเช้า พวกพี่ ๆ ผู้หญิงก็ทำบุญกันต่อ ด้วยการไปนั่งล้างจานหลังวัด แต่คนเยอะแล้ว พวกผมเลยไม่ได้ไปช่วย ในระหว่างรอ พวกผู้ชายอย่างเรา ๆ เลยไปหยิบไม้กวาดมากวาดวัดซะเลย ส่วนคนที่ไม่มีไม้กวาด ก็เก็บเศษขยะรอบวัดไป
 
บุญล้นแน่ ๆ ครับงานนี้
 
พระท่านได้ที เห็นหนุ่ม ๆ มา เลยวานให้ช่วยตอกอะไรก็ไม่รู้กับเรือนไม้โทรม ๆ พวกพี่ ๆ ผู้ชายเลยได้กลายเป็นฮีโร่ ช่วยกันทำใหญ่ งานนี้พ่อแม่พี่กิ๊ฟหน้าบานยิ่งกว่าเดิม เพราะคาราวานของแกทำประโยชน์ให้วัด
 
คือเรือนพักพระสงฆ์(หรือกุฏินั่นแหละ) หลังนี้เก่ามากแล้วล่ะ ซ่อมให้ดียังไง อีกไม่นานมันก็คงจะพังอีกแน่ ๆ พวกเราเลยลงความเห็นกันว่า น่าจะรื้อออก แล้วสร้างใหม่กันเลยดีกว่า
 
พวกชาวบ้านก็ให้ความร่วมมือกันดี คนนั้นช่วยออกไม้ คนนี้ช่วยออกตะปู บ้างก็ลงขันเป็นเงินซื้ออิฐหินดินทราย อะไรที่พอหยิบฉวยจากที่บ้านได้ก็วิ่งไปเอา ไม่เกินเที่ยง กุฏิก็เป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาแล้ว (จากการออกแบบอันไฉไลของพี่โอ๊คกับพี่ปิง)
 
พวกพี่ ๆ ปาดเหงื่อกันยกใหญ่
 
ตอนนี้พระท่านกำลังฉันเพลกันอยู่ ในขณะที่พวกเราก็กำลังลงแลคเกอร์กับน้ำยากันปลวก พี่เอกนี่หน้ามอมไปข้าง ผมหยิบผ้าเช็ดหน้ามาเช็ดให้ แต่ดูท่าจะไม่ใช่พี่เอกแค่คนเดียว ผมเลยเดินไปเช็ดให้คนอื่น ๆ ด้วย เช็ดให้พี่อาร์ตกับพี่อิฐด้วย ไม่รู้ใครเป็นใครล่ะ ตอนนี้เช็ด ๆ ไปก่อน
 
เหงื่อเยอะ สงสาร
 
สรุป ผ้าเช็ดหน้าผืนเดียว สะอาดครบทุกคน ถ้าใครเป็นโรคอะไร ก็ติด ๆ กันไปละกัน
 
ผมไม่เกี่ยว
 
 
 
 
 
ผมกำลังก้มเก็บเศษไม้ มีน้องผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนหนึ่ง วิ่งเอาน้ำแดงมาให้ น้องแค่ห้าขวบเองมั้ง วิ่งมาน้ำก็หกหายไปซะครึ่ง
 
ผมยิ้มขำ รับมาถือไว้ ก่อนได้ยินเสียงแชะ พอเงยหน้ามองก็เห็นพี่เชนกำลังเล็งกล้องมาทางผมอยู่
 
“สุดท้ายพี่ก็อดใจไม่ไหว”
พี่มันบอก ผมยิ้ม
 
“เอาเลยครับ ตามสบาย”
 
พี่แกคงวิ่งกลับไปเอากล้องที่บ้านมา
 
พวกเราเก็บรายละเอียดกันนิดหน่อย พอเสร็จ พระก็เดินมาให้พร
 
นอกจากจะได้ทำบุญตักบาตรกันแล้ว พวกเรายังได้สร้างกุฏิถวายวัดอีกต่างหาก งานนี้ ได้บุญล้นมือกลับบ้านจริง ๆ
 
“ไหน ๆ ก็มอมกันแล้ว พ่อจะพาไปเล่นน้ำตกละกัน”
พ่อพี่กิ๊ฟเสนอ ผมตาโต
 
“จริงเหรอฮะ”
พ่อพยักหน้ารับปาก พวกเราวี้ดว้ายดีใจกันยกใหญ่ คนงานที่บ้านเก็บขันข้าวกับปิ่นโตเปล่า ๆ กลับไปแล้ว พวกเรายืนรอกันไม่นานก็มีรถตู้มาจอดสองคัน ไม่เกินสิบนาทีพวกเราก็ขึ้นรถกันหมด ผมขอให้รถวนกลับบ้านไปเอากล้องก่อน เพราะงานนี้คงได้ภาพสวย ๆ กลับบ้านเยอะแน่

To Be Con...

ชอบบรรยากาศแบบนี้ที่สุด คิดถึงบ้านเลย T^T




หนังสือ&ebook >>https://goo.gl/FSOuuM
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10-03-2017 19:51:54 โดย memew »

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
แฝดสาม หลงรักกายกันหมด
คุณช่างภาพ พี่โอ๊ค อีกสองคน
เจ๊ยยยย......ห้าคนเชียวนะที่มาชอบกาย
โอ้ กาย น่ารัก เสน่ห์แรงโคตรๆ
พี่เอง หื่นตลอด นี่ถ้าพี่เป้ไมห้ามไว
เต้ย คงเห็นหนังสดเยอะกว่านี้
พี่เอก ท่าจะหวงที่กาย อาบน้ำกับเต้ย
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Ginny Jinny

  • ความเป็นจริงมันวุ่นวาย ก็ขอให้ใจมันสบายๆในความฝัน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2115
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4

ออฟไลน์ SONATACHAN

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 4
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ในที่สุดก็ตามอ่านทัน เป็นเรื่องที่อ่านได้เรื่อยๆชิวๆเลย รอติดตามอยู่นะคะ :mew1:

ออฟไลน์ memew

  • ขอบคุณที่เข้ามาอ่านจ้าาา
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 456
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +382/-10
    • :: Memew แฟนเพจ :

70 แยกให้ออก [เอก...☼]





พวกเราตัวมอมกันสุด ๆ แล้วแต่ละคนก็ดันใส่ชุดสีขาวกันมา ชุดที่ผมกับพวกน้อง ๆ ใส่ เป็นชุดที่พวกทโมนเป็นคนจัดให้ เป็นเสื้อยืดสีขาวกางเกงมัดเอว รองเท้าสวมสีครีม รูปแบบ สีสันและลายเดียวกันหมดเลย
 
รถตู้วิ่งไม่เกินครึ่งชั่วโมง ข้ามสวนละมุดกินลึกผ่านสวนกล้วยไม้ร่วมร้อยไร่ กล้วยไม้กำลังออกดอกชูช่อสวยงาม หนทางเริ่มลำบากมากขึ้นเรื่อย ๆ เพียงไม่นานรถก็จอดสนิท ไม่มีเส้นทางให้รถวิ่งแล้ว พวกเราถูกต้อนให้ก้าวลงจากรถทีละคน ก่อนเดินตามทางเท้าเข้าไปในป่า

เดินกันไม่นานก็ถึงน้ำตก
 
ต้องบอกว่าน้ำตกที่นี่สวยเอามาก ๆ เป็นน้ำตกส่วนตัวของพ่อไอ้กิ๊ฟมัน ไม่ได้เปิดให้คนนอกเข้ามาเล่น นอกจากนักท่องเที่ยวที่เป็นลูกค้า เพราะงั้นธรรมชาติรอบ ๆ จึงยังคงสมบูรณ์ตามเดิม
 
อากาศโดยรอบดิบชื้น เต็มไปด้วยตะไคร่น้ำ และต้นไม้ขนาดใหญ่ หินเป็นสีดำ กุ้งหอยปูปลาเยอะแยะเต็มไปหมด เรียกได้ว่าธรรมชาติจริง ๆ อากาศเย็นมาก น้ำก็ใสและเย็นเอามาก ๆ ด้วย ต้นน้ำคงอยู่แถว ๆ นี้
 
“ระวังหน่อยนะ ที่นี่มันลื่น”
พ่อไอ้กิ๊ฟเตือน
 
หลังจากนั้น พวกเราก็ลงเล่นน้ำกันตู้มต้าม เย็นครับ เย็นจนสั่น ไอ้มอนี่ร้องจ๊ากเลยตอนลงน้ำครั้งแรก มันรีบกระโดดขึ้นฝั่งแทบจะทันที ก่อนกล้า ๆ กลัว ๆ ลงน้ำอีกรอบ
 
เล่นกันไปสักพักก็เริ่มชิน ดีนะ ที่เล่นกันตอนบ่าย แดดเปรี้ยง ๆ ทำให้อุ่นขึ้นมาหน่อย ถ้าเล่นกันช่วงเย็น มีหวัง หนาวตายกันยกยวง
 
ผมกับพวกน้อง ๆ พากันถอดเสื้อออกมาซัก เมื่อกี้ช่วยกันทำกุฏิพระ เสื้อผ้าเลอะไปด้วยคราบฝุ่น แลคเกอร์ ทินเนอร์ แล้วก็จารบีอีกนิดหน่อย ไอ้ตัวเล็กกับไอ้เต้ยไม่ได้เปื้อนอะไรมากมาย เพราะเป็นแค่หน่วยสนับสนุน (พอ ๆ กับไอ้คุณชรินทร์มันนั่นแหละ รายนั้นเห็นเอาแต่ถ่ายรูป ช่วยงานนิดเดียว)
 
ผมพยายามเช็ดคราบน้ำมันที่มันเปื้อนต้นคอออก แต่สร้อยคอมันเกะกะ เลยถอดออกเอาไปฝากไว้กับแม่ที่นั่งเล่นอยู่บนโขดหินไม่ไกล แล้วตัวเองก็ลงมาล้างคอต่อ ไอ้ตัวเล็กหายไปไหนแล้วก็ไม่รู้ คาดว่าน่าจะถ่ายรูปเพลิน
 
ผมเล่นน้ำผสมล้างตัวไปเรื่อย ๆ จนไอ้ตัวเล็กเดินกระหยองกระแหยงข้ามหินกลับมาพร้อมกับไอ้คุณชรินทร์ มันวิ่งตรงมาทางพวกผม ก่อนชะงัก พยายามมองหาใหญ่ว่าผมคนไหน
 
ผมกำลังจะอ้าปากบอก
 
“โห คนไหนเป็นพี่เอกเนี่ย”
ไอ้เต้ยครับ ตอนแรกมันเล่นอยู่ห่าง ๆ กับพี่มันสองคน พอเห็นเพื่อนมันมา มันถึงได้ลากพี่มันเดินตามมาด้วย มันแยกผมกับน้อง ๆ ไม่ออกเหมือนกัน ที่มันรู้เพราะผมใส่สร้อยนี่แหละ
 
ทุกคนหันมามอง

พ่อกับแม่ผมเดินลิ่ว ๆ ไปนู่นแล้ว ได้ยินเสียงคุยกันแว่ว ๆ ว่าจะไปหาของกินมาให้ (บ่ายโมงกว่าแล้วครับ) ตอนนี้พวกเราเลยเหลือกันอยู่แค่กลุ่มของเด็ก ๆ เท่านั้น
 
อ้อ มีเด็กโข่งร่วมอยู่ด้วยสองคน
 
พ่อกับแม่ไอ้ตัวเล็กมันน่ะ พ่อมัวงมหอยอยู่
 
ผมไม่ได้พูดเล่น งมหอยอยู่จริง ๆ ครับ
 
น้ำที่นี่มันใสมาก เห็นปลาวิ่งวนไปมา ไล่จับได้สบาย ๆ ตามโขดหินก็มีหอยตัวเล็ก ๆ สีดำ ๆ เกาะเต็มไปหมด บางจุดก็เห็นกุ้ง บางจุดเห็นปู พ่อไอ้ตัวเล็กกำลังงมเอาเฉพาะหอยตัวใหญ่ ๆ จากซอกหินใต้น้ำมาวางไว้บนมือแม่
 
“น่ากินเนอะคุณ”
 
“วันพระนะ” แม่ปราม
 
“เอ้อ ลืมไป แฮะ ๆ”
แล้วพ่อก็กวาดหอยทั้งหมดในมือแม่ลงน้ำตามเดิม
 
เพราะแต่มัวมองพ่อกับแม่เพลิน ผมเลยไม่ได้บอกว่าตัวเองคือเอกตัวจริง

ไอ้มอกระโดดลงน้ำแหวกว่ายมาทางพวกผม
 
“พวกนายสองคนแยกสามคนนี้ไม่ออกกันใช่ไหม”
มันถามไอ้ตัวเล็กกับไอ้เต้ย
 
พวกมันสองคนพากันพยักหน้ารับ ไอ้ตัวเล็กพยายามมองใหญ่ว่าคนไหนคือผม ไม่ต่างกับไอ้เต้ยที่จ้องจนพวกผมแทบพรุน
 
ไอ้มอทำหน้าเจ้าเล่ห์
 
“งั้นเอางี้…”
 
ผมหรี่ตามอง ไม่ค่อยไว้ใจมันเท่าไหร่เลยแฮะ
 
“มาเล่นเกมกัน”
ทุกคนหันไปมองมัน พวกผู้หญิงก็ด้วย พ่อกับแม่ก็พากันหันมาสนใจเหมือนกัน
 
“ให้สามตัวนี้ไปยืนอยู่ในน้ำ แล้วให้กายเลือกว่าคนไหนคือไอ้เอกตัวจริง ห้ามส่งซิก ห้ามส่งสายตา หรือทำอะไรที่บ่งบอกว่าเป็นตัวเอง ให้ยืนนิ่ง ๆ เท่านั้น เพื่อพิสูจน์รักแท้เป็นไง”
 
ทุกคนพากันฮือฮา
 
“เอา ๆ ๆ”
คนเห็นด้วยคนแรกเป็นพ่อไอ้ตัวเล็กมันครับ
 
โห ท่าน ไม่ค่อยจะเท่าไหร่เลยนะ
 
แม่สะกิดต้นแขนเบา ๆ
 
“แล้วถ้าลูกเลือกผิดล่ะ”
 
“อ้าว ก็ไม่เห็นเป็นไรเลย ก็แค่ผิด”
พ่อพูดชิว ๆ
 
ไอ้ตัวเล็กทำหน้าลำบากใจ
 
“น่าสนุก เอาเลย ๆ”
ไอ้เต้ยมันเสริม
 
“เห็นด้วย ๆ ๆ”
พวกทโมนที่ตอนแรกผมคิดว่าไปกับพ่อกับแม่ก็พากันมายืนเชียร์อยู่บนโขดหินสูง ๆ ผมมองด้วยความเป็นห่วง กลัวพวกน้อง ๆ ลื่นครับ
 
“นี่พวกมึง”
ผมท้วง
 
“มึงหยุดไปเลยไอ้อาร์ต”
 
ผมอ้าปากจะท้วง มันแกล้งเรียกผมผิดแน่ ๆ เพราะมันก็รู้ ๆ กันอยู่ว่าผมเป็นใคร ไอ้ตัวเล็กทำหน้าหวาดกลัวใส่ผมทันที
 
ไอ้เพื่อนเวร แล้วมันจะเลือกกูไหมล่ะทีนี้
 
“อ้าว มึงอิฐไม่ใช่รึไง”
ไอ้โอมมันเล่นด้วย ผมหันไปมองหน้ามันตาเขม็ง
 
“เปล่า นั่นเอกต่างหาก”
คราวนี้เป็นพวกสาว ๆ ครับ แล้วหลังจากนั้น พวกมันก็สนุกแกล้งเรียกผมผิด ๆ กันใหญ่
 
“น่าสนุกดี”
ไอ้อาร์ตมันพูด
 
ไอ้ตัวเล็กทำท่าหวาดระแวงว่าจะเชื่อใครดี
 
“นั่นน่ะสิ”
ก่อนที่ไอ้อิฐจะเสริมขึ้นมาบ้าง
 
ผมถอนหายใจออกมาเบา ๆ
 
“ก็ได้”
จำใจต้องตอบรับอย่างช่วยไม่ได้
 
“กายหันหลังไปก่อน ขอพี่จัดระเบียบไอ้พวกนี้นิด”
แล้วไอ้มอมันก็สั่งให้ไอ้ตัวเล็กหันหลัง แล้วสั่งให้พวกผมเดินลงไปยืนเรียงกันอยู่ในน้ำที่สูงเกือบถึงเอว
 
มันให้พวกเรายืนนิ่ง ๆ ห้ามขยับเขยื้อนส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกายแม้แต่นิดเดียว ปล่อยให้ท่อนล่างตั้งแต่สะโพกลงไปจมหาย เหลือแค่ท่อนบนเปลือยเปล่า ยิ่งทำแบบนี้ยิ่งเหมือนกันเข้าไปใหญ่
 
สักพักมันก็ให้ไอ้ตัวเล็กหันมามอง

ทุกคนยืนลุ้น

ผมก็ลุ้น

ไอ้สองตัวข้างผมมันก็ลุ้น

ไอ้ตัวเล็กทำหน้าลำบากใจ มันยืนอยู่ห่างจากพวกผมราว ๆ สามวา
 
“ให้เวลามองหนึ่งนาที”
แล้วไอ้ตัวเล็กก็ใช้เวลานั้นในการมอง
 
“หมดเวลา”
เร็วฉิบ..
 
แล้วนี่ไอ้ตัวเล็กมันจะมองออกไหม
 
มันก้าวเข้ามาช้า ๆ สีหน้าฉายแววกังวล ดวงตาไม่ได้หยุดอยู่ที่ใครคนใดคนหนึ่ง แต่กวาดมองมาที่พวกเราทั้งหมด มันเดินแบบไม่มองทาง หินเยอะครับ มันสะดุดนิดหนึ่งจนผมเป็นห่วง ดีไม่ล้ม
 
สักพักมันก็เดินตรงมาเรื่อย ๆ มาหยุดอยู่ตรงหน้าพวกเรา ผมยืนอยู่ตรงกลาง ถ้าตามหลัก คนแรกน่าจะถูกเลือกมากที่สุด ซึ่งนั่นก็คือไอ้อาร์ต ผมพยายามมองตามัน แต่มันไม่ได้มองตอบ
 
มันขยับไปหยุดยืนอยู่ตรงหน้าไอ้อิฐ มองตามันนิดหนึ่ง ก่อนขยับไปหาไอ้อาร์ต แล้วขยับกลับมาอยู่ตรงหน้าผมใหม่ มันไม่ได้มองตาผมเหมือนที่มองสองคนนั้น
 
แต่มันเดินเข้ามาจนชิดตัวผม แล้วคล้องมือไว้ที่ลำคอผม

ยืดตัวขึ้นมากดจูบ
 
ผมยืนอึ้งอยู่กับที่ ไม่แพ้ทุกคนในที่นี้ มันกดจูบผมแน่นขึ้น ก่อนแทรกปลายลิ้นเข้ามาภายใน สัมผัสคุ้นเคย พาเอาผมต้องรั้งลิ้นมันมาเกี่ยว แขนที่วางไว้เฉย ๆ ก็เริ่มโอบเอวมันไว้อัตโนมัติ
 
ดีใจที่มันเลือกผม ดีใจที่มันจำได้ ดีใจที่มันแยกผมกับพวกน้อง ๆ ออก
 
มันจูบผมอยู่ไม่นานก็ค่อย ๆ ถอนริมฝีปากออก
 
“พี่เอก…”
มันครางเรียกเสียงแผ่ว ผมพยักหน้ายอมรับ มันทำหน้าโล่งอก ฉีกยิ้ม แล้วซบหน้าเข้ากับอกผม
 
“นี่นายแยกพวกเราออกแล้วเหรอ”
ไอ้อาร์ตมันถาม

ไอ้ตัวเล็กปล่อยมือจากคอผมหันไปมอง มันส่ายหน้าไปมา
 
ทุกคนพากันแปลกใจ
 
“แล้ว...”
ไอ้อิฐมันถามบ้าง
 
ผมก็งงครับ แล้วมันแยกพวกเราออกได้ยังไงกัน หน้ามันแดงหน่อย ๆ
 
คนอื่น ๆ ก็คงอยากรู้ด้วยเหมือนกัน
 
“ผมแยกไม่ออกหรอก รูปร่างหน้าตาเหมือนกันไปหมด ความรู้สึกก็คล้าย ๆ กันด้วย”
 
ผมเริ่มอารมณ์เสีย

อะไรวะ นอนกันเกือบทุกคืน ยังแยกไม่ออกอีก อย่างนี้ต้องจับกดเยอะ ๆ (มึงคิดได้แค่นี้? = =)
 
“อ้าว แล้วเมื่อกี้รู้ได้ยังไงว่าคนตรงกลางเป็นเอก”
พ่อถามต่อ

สองคนผัวเมียนี้ก็แยกพวกผมไม่ออกเหมือนกัน
 
“ตอนผมเดินมา ผมแกล้งล้ม”
 
ทุกคนพากันทำหน้างุนงง แค่แกล้งล้ม แล้วมันยังไง
 
“พวกพี่สามคน ดูเป็นห่วงผมหมด”
อืม แล้วไงต่อ เมื่อกี้มันทำท่าจะล้มจริง ๆ
 
“แม้จะแวบเดียว แต่คนที่ทำท่าจะเข้ามารับผมไว้ คือคนกลาง”
 
เงียบครับ…
 
ทุกคนพากันเงียบ
 
มันเป็นปฏิกิริยาอัตโนมัติเมื่อคนที่เรารักจะเจ็บ มันจะล้มเยอะหรือล้มนิดเดียว ผมก็ไม่อยากให้มันเจ็บตัว ผมจำไม่ได้ว่าผมทำอะไรลงไปบ้าง รู้แค่ว่าเป็นห่วงมัน ร่างกายอาจเร็วกว่าความคิดก็ได้
 
“แค่นั้น นายก็ดูออกแล้วเหรอ”
ไอ้โอมมันถาม
 
ไอ้ตัวเล็กพยักหน้ารับ
 
“แล้วทำไมต้องจูบ”
อันนี้เป็นไอ้เต้ยครับ มันทำหน้าสงสัยเหมือนเด็ก ๆ
 
ไอ้ตัวเล็กหน้าแดง
 
“ถ้าผมเลือกใครคนใดคนหนึ่งไป แล้วเกิดพวกพี่แกล้งโกหกว่าใช่หรือไม่ใช่ขึ้นมา ผมก็ไม่มีทางรู้ แต่วิธีเดียวที่ผมจะแน่ใจว่าคนที่ผมเลือกคือพี่เอกจริง ๆ ก็ด้วยจูบนี่แหละ”
 
ผมอึ้ง ทุกคนก็อึ้ง
 
“รู้ได้ไง”
ไอ้มอมันถามด้วยความสงสัย
 
ไอ้ตัวเล็กหน้าแดงแป๊ด มันคงไม่อยากพูด แต่ทุกคนอยากรู้ครับ ผมเองก็อยากรู้ด้วยเหมือนกัน
 
“ผมเคยจูบกับพี่อาร์ตมาก่อน”
ยิ่งพูดหน้ามันยิ่งแดง

“ถึงรูปร่างหน้าตา บุคลิกและน้ำเสียงจะเหมือนกัน แต่เวลาจูบ จะให้ความรู้สึกที่ต่างกันมาก เพื่อพิสูจน์ว่าผมเลือกไม่ผิด ผมเลยเสี่ยงจูบเพื่อเช็คด้วยตัวเอง”
พูดแล้วมันก็ก้มหน้า
 
“แล้วถ้านายเลือกผิดล่ะ”
ไอ้โอมมันถามต่อ
 
“ผมมั่นใจว่าไม่น่าจะเลือกผิด”
 
พวกเพื่อน ๆ พากันโห่ฮิ้ว ส่วนผมยืนอึ้ง
 
“พี่กายสุดยอดไปเลย สมแล้วที่เป็นพี่สะใภ้ของเรา เย้ ๆ ๆ”
แล้วพวกทโมนก็พากันดี๊ด๊ากระโดดโลดเต้นยกใหญ่

ไอ้อาร์ตลูบหัวไอ้ตัวเล็กในอ้อมแขนผมเบา ๆ มันสะดุ้งนิดหน่อย แต่ก็ยอมให้ลูบดี ๆ
 
“พี่ยังไม่ยอมแพ้หรอกนะ”
มันพูดแล้วหันหลังเดินจากไป
 
“เก่งจัง ยิ่งเก่งยิ่งอยากได้มาครอบครอง”
ไอ้อิฐมันพูดแล้วหันหลังเดินจากไปเหมือนกัน


 :L2: :L2: :L2:

 
“เป็นบทพิสูจน์รักที่ดีเนอะ”
แม่ทำท่าเพ้อ พ่อรีบเดินลุยน้ำไปหยิบอะไรบนฝั่งมายื่นให้ แม่ทำหน้างง ๆ
 
“ไอเดียมาไม่ใช่รึไงคุณ ไม่มีใครว่าหรอกถ้าคุณจะเขียนอะไรตอนนี้”
 
แม่มองตาพ่อนิดหนึ่ง รับกระดาษกับปากกาที่แม่มักจะพกติดตัวเสมอมาเขียน

ผมไม่รู้ว่าทำไมสมัยก่อน พวกเขาถึงได้เลิกกัน ทั้ง ๆ ที่รักและรู้ใจกันขนาดนี้
 
“พ่อเริ่มเรียนรู้แม่ขึ้นอีกแล้ว พอ ๆ กับที่แม่เริ่มเรียนรู้พ่อนั่นแหละ”
ไอ้ตัวเล็กมันพูดขึ้นมาลอย ๆ พวกเราทุกคนหันไปมองแม่ที่นั่งอยู่บนโขดหินจดนิยายลืมโลกไปแล้ว พอ ๆ กับพ่อที่นั่งอยู่ในน้ำ แหงนหน้ามองแม่ลืมโลกไปแล้วเหมือนกัน
 
“เขาไม่ได้รู้ใจกันมาก่อนหน้านี้หรอกเหรอ”
ไอ้อ้อยมันถาม

ไอ้ตัวเล็กส่ายหัว
 
“ไม่หรอก รัก แต่ไม่คิดที่จะเรียนรู้ตัวตนของกันและกันน่ะ”

พวกผมนิ่งฟัง
 
“อาจจะเพราะยังเด็กด้วยกันทั้งคู่ ต่างฝ่ายจึงเรียกร้องในสิ่งที่อีกคนให้ไม่ได้ พ่อบอกว่าแม่น่ะอาร์ตตัวแม่ แต่พ่อคงไม่รู้ว่าตัวเองก็อาร์ตตัวพ่อเหมือนกัน”
 
“พอพวกเขาเรียนรู้อีกฝ่ายจริง ๆ จัง ๆ ถึงได้รู้ว่า สิ่งที่พวกเขาได้รู้ได้เห็นกันมาตลอด ยังไม่ถึงครึ่งที่อีกฝ่ายเป็น ข้อดีของการเลิกกัน คือคนทั้งคู่ได้กลับมาเป็นตัวของตัวเองอีกครั้ง ชอบก็บอกว่าชอบ ไม่ชอบก็บอกไม่ชอบ เหมือนจะง้องแง้ง แต่ก็เป็นตัวของตัวเองมากกว่าเดิม”
 
พวกเราพากันมองไปยังสองชีวิตที่นั่งลืมโลกกันอยู่สองคน
 
“งั้นพี่กาย…”
 
“ก็เป็นอาร์ตตัวลูกน่ะสิ”
 
“ว้ายยย!!”
แล้วพวกทโมนก็พากันกรี๊ดกร๊าดลั่นน้ำตกอีกที

พวกเพื่อน ๆ ผมพากันอมยิ้มขำ ๆ ก่อนพากันแยกย้ายไปเล่นน้ำกันต่อ
 
ผมยิ้มให้คนในอ้อมแขน         
 
“อิจฉาคุณเอกจัง”
ไอ้คุณชรินทร์ที่ยังไม่ได้เดินไปไหนพูดขึ้นมาเรียบ ๆ ไอ้ตัวเล็กหันไปมอง มันทำท่าอายสุดฤทธิ์
 
ก็เมื่อกี้ มันเล่นมาจูบผมต่อหน้าคนที่มันนับถือนี่
 
“ทะ ทำไมเหรอครับ”
มันอ้ำ ๆ อึ้ง ๆ ถาม
 
“ก็ได้จูบกายด้วย”

ไอ้ตัวเล็กยืนอึ้ง

“บาดตาบาดใจ แต่ก็เผลอเก็บภาพไว้ได้หลายแชะเหมือนกัน”
มันยกกล้องขึ้นมาขยิบตาให้นิดหนึ่ง

ไอ้ตัวเล็กตาโต
 
“หะ!! ภาพตอนไหน”
 
“ตอนจูบ”
 
“ลบ ๆ ๆ พี่เชนลบ ๆ”
มันทำท่าจะเดินเข้าไปหา ผมรั้งเอวมันไว้
 
“คุณชรินทร์เก็บไว้นะ ราคาเท่าไหร่ ผมจ่ายไม่อั้น”
 
มันยิ้ม
“ได้เลย”
 
“ไม่เอาพี่เชน ลบเลย ลบ ๆ”
ไอ้ตัวเล็กหน้าแดงก่ำ พยายามปลดตัวเองออกจากอ้อมแขนผม
 
“พี่เอกปล่อย พี่เชนลบไปเลย”
มันยังโวยวายไม่หยุด จนผมต้องลากมันออกไปจากตรงนั้น ได้ยินเสียงไอ้คุณชรินทร์หัวเราะร่วนดังมาตามหลัง
 
ไม่รู้เป็นแค่สัญชาตญาณของช่างภาพ หรือมันคิดอะไร ถึงได้มาถ่ายผมตอนจูบกับกายแบบนี้ แต่ผมกำลังดีใจที่ไอ้ตัวเล็กเลือกผมถูก และดีใจที่มันใจกล้าท้าพิสูจน์ด้วยการจูบผมต่อหน้าผู้คนแบบนี้
 
“ยิ้มอะไร”
มันถามผมหน้าหงิก
 
ผมลากมันมานั่งเล่นอยู่ในน้ำ โดยผมนั่งกึ่งนอนพิงโขดหินไว้ แล้วดึงไอ้ตัวเล็กมานั่งหน้า แนบหลังมันไว้กับหน้าอกผม
 
“ดีใจที่กายเลือกพี่”
 
“แต่ผมขอโทษ ที่ยังแยกไม่ออก”
 
“แต่กายก็ฉลาดที่รู้วิธีแยกให้ออก”

มันพยักหน้า ทำท่าอาย ๆ
 
“นี่ จูบพี่อีกรอบได้ไหม”
ผมร้องขอ มันเอี้ยวหน้ามามอง
 
“ไม่มีใครอยู่แล้วนะ”

ผมกระซิบ มันทำท่าชั่งใจ ก่อนยื่นหน้ามาจูบผมเบา ๆ ที ผมยิ้ม จับมันพลิกหันมาเผชิญหน้า รั้งท้ายทอยมันไว้ แล้วจูบมันดี ๆ อีกที               

จูบที่เต็มไปด้วยความนุ่มนวลและอ่อนโยน     

ทั้งที่น้ำมันเย็น แต่ผมกลับรู้สึกร้อนรุ่ม จนต้องจับมันพลิกลงไปข้างใต้ แล้วโหมจูบรุนแรงอีกที
 
“พี่เอก”
มันรีบเบรก
 
ผมไม่คิดจะทำอะไรมันอยู่แล้ว แต่ขอจูบให้สะใจหน่อยเถอะ ผมบดปากมันไปหนัก ๆ เสื้อมันขาว พอถูกน้ำจนแนบเนื้อยิ่งเห็นไปถึงไหนต่อไป ผมละจากริมฝีปากลงมาซุกซอกคอมัน เลื่อนต่ำลงไปที่หน้าอก แล้วงับหัวนมมันเบา ๆ ผ่านเสื้อ

ไอ้ตัวเล็กครางแผ่วผ่านลำคอ ผมย่ามใจละปากไปงับหัวนมมันอีกข้าง ไอ้ตัวเล็กครางหนักยิ่งกว่าเดิม



“พี่เอก ขืนพี่ทำมากไปกว่านี้ พวกเราคงแย่แน่ ๆ”
เสียงใครสักคนดังขึ้นมาขัดจังหวะ

ผมละปากจากหัวนมไอ้ตัวเล็กหันไปมอง ตอนแรกคิดว่ามีคนเดียว
 
แต่มากันเป็นแผงครับ
 
ไอ้อาร์ตยืนกอดอกจ้องผมเขม็ง ไอ้อิฐหน้าแดงหน่อย ๆ ส่วนไอ้คุณชรินทร์มันกำลัง เอ่อ..
 
ถ่ายรูปอยู่
 
แม่ง วิญญาณช่างภาพมึงนี่
 
ตบท้ายด้วยไอ้โอ๊คที่ยืนเสหน้าแดง ๆ ไปด้านข้าง
 
พวกมึงมายืนดูกันทำไมวะ
 
“ขัดทำไม กำลังได้ภาพสวย ๆ”
ไอ้คุณชรินทร์ทำท่าเสียดาย
 
“ถ้าคนแสดงไม่ใช่พี่เอก ก็ไม่อยากขัดหรอก”
ไอ้อาร์ตมันว่า
 
“แต่กายเซ็กซี่สุด ๆ”
ไอ้อิฐมันพูดหน้าแดง พวกนั้นเบนสายตากลับมายังไอ้ตัวเล็กที่ยังตาปรอยภายใต้ร่างของผม

คือ..
ผมละปากออกก็จริง แต่มือไม้ยังยุบยับอยู่แถว ๆ ร่องเอวมัน แล้วจุดนี้เป็นจุดไว้สัมผัสมัน โดนทีไรฟื้นตัวยากครับ
 
ไอ้ตัวเล็กมันกลืนน้ำลาย ตัวมันลอยอยู่เหนือน้ำโดยมีแขนผมรองรับมันไว้ สองมือมันก็กำอกเสื้อผมแน่น คงไม่กล้าปล่อยเพราะเดี๋ยวจมน้ำ ผมมองภาพตรงหน้าด้วยความเสียดาย ก่อนรั้งมันขึ้นมานั่งดี ๆ
 
“ผะ ผมขอตัวไปเล่นน้ำกับพวกน้อง ๆ ดีกว่า”
มันรีบลุกขึ้นยืน เดินลิ่ว ๆ หนีไป

ผมมองตามจนลับสายตาก่อนหันกลับมาทำตาขวางใส่พวกมารผจญ
 
“ค้างเลย” ผมลุกขึ้นยืน บ่นกับตัวเองเบา ๆ
 
“มึงคิดจะกินน้องเขาที่นี่เลยรึไง!!”
ไอ้โอ๊คก้มเก็บเศษกิ่งไม้มาเขวี้ยงใส่ผม
 
ผมหัวเราะหึๆ
 
“มึงคบกับกูมาตั้งนาน ยังไม่รู้รึไงว่ากูอะด้าน กินได้ทุกที่ถ้ากูอยากกิน”
 
“น่ากินแฮะ”
ไอ้อิฐมันพูดขึ้นมาเรียบ ๆ

ผมชี้นิ้วใส่หน้ามัน
“อย่าแม้แต่จะคิด”
 
“อร่อยอย่าบอกใครเชียวล่ะอิฐ”
ไอ้อาร์ตมันยกนิ้วโป้งขึ้นมาตวัดเลียเบา ๆ
 
ไอ้คุณชรินทร์มันจิ๊ปากส่ายหัวไปมา
 
“สงสารกายจัง…”
 
ทุกคนหันไปมองมันกันหมด
 
“มีแฝดจิตไม่ปกติมาชอบกันตั้งสามคน”
มันเชือดแบบนิ่ม ๆ แล้วหันหลังเดินจากไป

ไอ้โอ๊คหัวเราะหึ ๆ เดินจากไปเหมือนกัน ปล่อยให้ผมยืนห้ำหั่นกับน้อง ๆ ทางสายตาไป

พวกมึงแต่ละคน ไว้ใจกันไม่ได้ทั้งนั้น


To Be Con... (ฮ่า ๆ ๆ ๆ)
โทษทีขำผิดบรรทัด = =
เขยิบลงมาขำบรรทัดใหม่ อุ๊วะฮ่า ๆ ๆ ๆ ฯลฯ เอิ๊กอ๊าก โอ๊ยกูขำ เมื่อกี้ยังสยิวกิ้วอยู่เลย มาฮาฉากสุดท้ายนี่แหละ เลิฟยูว์นะคนอ่าน
         
             :katai4: :katai4: :katai4:

หนังสือ&ebook >>https://goo.gl/FSOuuM
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-03-2017 19:59:57 โดย memew »

ออฟไลน์ Ginny Jinny

  • ความเป็นจริงมันวุ่นวาย ก็ขอให้ใจมันสบายๆในความฝัน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2115
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4

ออฟไลน์ OoniceoO

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 975
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-2
อยากโดนครอบครอง 555

ออฟไลน์ memew

  • ขอบคุณที่เข้ามาอ่านจ้าาา
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 456
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +382/-10
    • :: Memew แฟนเพจ :

71 น้อยใจ [กาย..♥]





 

ผมเดินเลี่ยงหลบมาจากพวกพี่ ๆ มัน
 
กูก็นะ เผลอไปทำเรื่องแบบนั้นได้ยังไงวะ
 
“พี่กายหน้าแดงใหญ่แล้ว”
พวกทโมนพากันชี้หน้า
 
“อ๊ะ ๆ ๆ“
 
“เมื่อกี้แอบไปทำเรื่องกุ๊กกิ๊กกับพี่เอกมาหรือเปล่า”
 
“แน่นอนเลย”
 
“ดูสิ ๆ หน้าแดงใหญ่เลย”
 
“เงียบไปเลย!”
ผมรีบจ้วงน้ำเย็น ๆ สาดใส่พวกน้อง ๆ ทันที

มีหรือที่พวกทโมนจะปล่อยให้ผมสาดใส่อยู่ฝ่ายเดียว หกแรงมือช่วยกันก้มลงไปจ้วงน้ำที่สูงเพียงเอวสาดใส่ผมเต็มแรง ผมเลยวักน้ำซัดกลับบ้างแบบไม่ลืมหูลืมตา
 
แต่แรงเดียวหรือจะสู้สามแรงทโมน ศึกครั้งนี้ใหญ่หลวงนัก ผมรีบถอยทัพร่นไปด้านหลัง แต่สามทหารแมวก็ยังเดินหน้าบุกยึดพื้นที่ปลอดภัยเข้ามาไม่หยุด ผมถอยหลังไปเรื่อย ๆ จนเสียหลักจมลงไปกับน้ำที่เจอช่วงน้ำลึกพอดี

ผมรีบโผล่พรวดขึ้นมาไอค่อกแค่กสำลักน้ำ พวกน้อง ๆ พากันหัวเราะใหญ่

ได้ยินเสียงพ่อกับแม่ตะโกนเรียกพวกทโมนดังแว่วมาแต่ไกล พวกน้อง ๆ หันขวับไปมองพร้อมกัน
 
“เย้!!!! เสบียงมาแล้ว”
แล้วพวกน้อง ๆ ก็รีบพากันวิ่งขึ้นฝั่งทันที ทิ้งผมให้ยืนยิ้มอยู่คนเดียวในน้ำ
 
หิวแล้วเหมือนกัน บ่ายสองแล้วมั้งเนี่ย

ผมเดินแหวกน้ำไปเรื่อย ๆ หวังก้าวขึ้นฝั่ง แต่หินมันลื่นครับ เดินไปได้ไม่ไกล ผมก็เสียหลักไถลหงายหลังลงไปอีกรอบ

แต่ดีที่คราวนี้มีคนมาช่วยรับเอาไว้ได้ก่อนที่ผมจะจมลงไปในน้ำ ผมถอนหายใจโล่งอก บอกตามตรง ยังไม่อยากสำลักน้ำอีกรอบ ครั้งที่แล้วยังแสบจมูกไม่หายเลย

ผมหันไปมองคนช่วย
 
“พี่โอ๊ค”
เทวดาผมนี่เอง
 
“ระวังหน่อยนะ หินมันลื่น”
 
ผมยิ้ม “แถวนี้น้ำลึกน่าดู”
 
“ตรงนั้นลึกกว่าอีก”
ไม่ว่าเปล่า พี่มันยังดึงแขนผมพาไปยังจุดนั้นอีก
 
ลึกจริง ๆ ด้วย
ผมรีบลอยตัวในน้ำ ไม่ต้องห่วง ผมว่ายน้ำแข็ง ถูกพ่อถีบลงน้ำตั้งแต่เด็ก ๆ
 
ถีบจริง ๆ ไม่ได้พูดเล่น
พ่อบอกใช้วิธีนี้แหละ ว่ายเป็นเร็วดี แม่โวยวายใหญ่ พ่อผมนี่โหดได้ใจ
 
“เย็น”
ผมตัวสั่นนิด ๆ จนพี่มันขำ ก่อนสะดุ้งเฮือก เพราะมีใครบางคนมาจับเอวไว้จากทางด้านหลัง ผมเอี้ยวหน้าไปมอง
 
“พี่เอ..”
หน้าเหมือนครับ แต่ไม่น่าใช่ ผมจ้องหน้าพี่แกอยู่พัก ก่อนหันมองไปรอบ ๆ

เห็นคนหน้าตาเหมือนพี่เอกเดินไปทางพ่อกับแม่อีกสองคน

แล้วคนที่อยู่กับผมเป็นใคร

ผมมองหน้าพี่มันเพื่อพิจารณาอีกที
 
“จะลองจูบเพื่อพิสูจน์ไหม”
พี่มันพูดเนิบ ๆ ไอ้ลักษณะการพูดแบบนี้…
 
“พี่อาร์ต” 
 
พี่มันยิ้ม

โป๊ะเชะเลย
 
ผมรีบเขยิบตัวหนี แต่พี่มันจับเอวผมไว้แน่น
 
มึง กูมีพี่โอ๊คอยู่ทั้งคนนะมึง ถ้ามึงทำอะไรกู 
 
กู…กูจะกรี๊ดจริง ๆ ด้วย (ทางออกของมึงนี่นะกาย = = )
 
“ปล่อย”
ผมบอกแบบไม่ให้เสียมารยาท
 
“นายก็ชอบกายเหมือนกันล่ะสิ”
แต่พี่มันไม่สนใจฟังผมพูดครับ มองหน้าพี่โอ๊คแล้วพูดกับพี่โอ๊คแทน
 
“แต่ฉันไม่เคยทำรุ่มร่ามกับกายเขาแบบนาย”
แล้วพี่โอ๊คก็ขยับมาจับสะโพกผมไว้ทั้งสองข้างดึงกลับไปหาพี่แก (เพราะมือพี่อาร์ตกินพื้นที่เอวด้านบนผมหมดแล้ว)
 
“เอ่อ…”
พวกมึงปล่อยกูทั้งคู่นั่นแหละ
 
แล้วนี่…
ผัวกูอยู่ไหน
 
พี่มันสองคนจ้องตากันเขม็ง เหมือนผมจะเห็นประกายไฟแลบแปลบ ๆ ออกมานะ ผมพยายามจะว่ายน้ำหนี แต่ทำไม่ได้ครับ โดนยึดทั้งเอวทั้งสะโพกอยู่

พวกพี่ ๆ มันไม่ได้สนใจการดิ้นรนของผมแม้แต่น้อย จ้องตากันอยู่นั่นแหละ แล้วจุดที่พวกเรายืนอยู่เป็นน้ำลึก พวกพี่ ๆ มันยืนกันได้เพราะตัวสูง แต่ผมหยั่งเท้าไม่ถึง ทำให้ตัวเองหลุดก็ไม่ได้ ยืนก็ไม่ได้ ผมเลยทำได้แค่จับแขนพี่โอ๊คไว้เป็นหลักยึดเท่านั้น
 
“พวกพี่ ๆ ปล่อยผมก่อนเถอะ ข้าวมาแล้ว เรารีบไปกินข้าวกันก่อนดีกว่า”
ผมรีบหาทางออกอื่น ๆ ให้ตัวเอง
 
“นั่นน่ะสิ ไปกิน…กันดีกว่า”
พี่อาร์ตทิ้งจังหวะการพูด ใช้แขนเดียวเกี่ยวตัวผมเข้าหาแก พี่โอ๊คก็ไม่ยอม ใช้แขนเดียวเกี่ยวผมกลับไปบ้าง
 
เอ่อ…ถ้ากูเป็นผู้หญิง มึงจะตบตีแย่งชิงกันก็ไม่ว่า แต่กูเป็นผู้ชาย มีหางหน้าเหมือน ๆ พวกมึง แล้วจะมาแย่งชิงกันทำไม!
 
ไม่เพียงจะรั้งผมเอาไว้เท่านั้น พวกพี่มันยังเขยิบชิดเข้ามาเรื่อย ๆ จนผมถูกเบียดเป็นแซนวิชท่ามกลางผู้ชายตัวโต ๆ สองคน ตาพวกพี่มันก็จ้องกันไม่วาง
 
นี่ถ้าพวกมึงเป็นปลากัด กูว่าคงท้องกันไปแล้วล่ะ
 
ผมมองพวกพี่มันสลับกันไปมา
 
นี่พวกมึงกำลังต่อสู้กันด้วยกระแสจิตใช่ไหม แต่เห็นใจคนกลางอย่างกูหน่อยเหอะ ถูกกระแสจิตพวกมึงยิงกันจนจะพรุนอยู่แล้ว
 
“หยุดทำรุ่มร่ามกับกายเขาได้แล้ว”
พี่โอ๊คบอกเสียงเย็น กระชับสะโพกผมไว้แน่น
 
“หึ ทำเป็นพูดดีไป ทั้งที่ก่อนหน้านี้ ของนายเองก็ตื่นเหมือนกันไม่ใช่รึไง”
 
ผมฟังแล้วก็อึ้ง
 
หะ!? พี่โอ๊คเนี่ยนะ!
 
ดะ เดี๋ยว!
 
ไม่มั้ง…
 
ก็พี่เขาก็ออกจะใจดี เป็นพ่อพระ เป็นเทวดาของผมจะตาย
 
ผมเงยหน้ามอง พี่โอ๊คเปลี่ยนสีหน้าเป็นไม่พอใจนิดหนึ่ง
 
“นายมองผิดแล้วล่ะ”
 
ผมถอนหายใจโล่งอก
เห็นไหมล่ะ พ่อพระผมไม่ทำเรื่องแบบนั้นหรอก ถึงพี่มันจะอยู่ในก๊วนหื่น แต่ก็ใช่จะหื่นเหมือนพี่เอก
 
“พิสูจน์ไหม”
 
คิ้วผมขยับนิดหนึ่ง
 
พิสูจน์?
พวกมึงจะพิสูจน์อะไรกะ…
       
“อ๊ะ!!…”
คำตอบมาแทบจะทันที ผมสะดุ้งเฮือกเมื่อพี่อาร์ตเลื่อนมือมาจับที่บั้นเอว ตามด้วยลูบไล้เบา ๆ
 
ความลับครับ จุดไวสัมผัสของผมอยู่ที่บั้นเอว ใครมาลูบ มาแตะ หรือมากดเบา ๆ เป็นหวิวทุกที และอีกที่หนึ่งก็คือ…
 
“อื้ออ…”
 
แม่ง..
กูทำไมครางเป็นผู้หญิงแบบนี้วะ แถมยังเผลอหลับตาลงด้วย พี่โอ๊คเปลี่ยนสีหน้าหน่อย ๆ ตอนเห็นท่าทีผม ผมไม่รู้ว่าพี่อาร์ตทำสีหน้าแบบไหนอยู่ เพราะพี่มันอยู่ด้านหลัง ได้ยินแต่เสียงหัวเราะดังหึ ๆ
 
คราวนี้พี่มันเล่นหนักกว่าเดิม เพราะพี่มัน…
 
“อ๊า…”
กูไปแล้ว
 
พี่อาร์ตจับหัวนมผมบีบไม่เบานัก
 
แล้วเข้าใจกันไหมครับ ว่าคนด้านหลังมันจับ แต่คนมองน่ะคือคนหน้า ที่สำคัญ ปฏิกิริยาอัตโนมัติเวลาถูกจับ ผมก็จะหาหนทางระบาย ปากก็ครางไป มือก็บีบต้นแขนพี่โอ๊คไป ตาผมไม่รู้ว่ามันทำแบบไหนอยู่ รู้แค่ว่าหน้าพี่โอ๊คดูพร่าเลือนไปชั่วขณะ

พี่โอ๊คจ้องหน้าผมเขม็ง
 
พวกมึงปล่อยกู
 
ตอนนี้ผมถูกยึดบั้นเอวอยู่ จุดยุทธศาสตร์ครับ ดิ้นรนไม่ได้ พี่เอกมันรู้ดี แต่ก็ไม่คิดว่าไอ้พี่อาร์ตมันจะรู้ด้วย ผมอยากขืน อยากหนี แต่ทำไม่ได้

ผมครางฮือ เมื่อพี่แกรุกหนักขึ้น ปลายเท้าผมเริ่มหาที่ระบายเป็นขาพี่โอ๊คแล้ว
 
คือมันเสียวอะนะ ผมก็เลยจิก ๆ ถู ๆ ไถ ๆ ขาพี่มันใหญ่
 
“อือ.. กายครางเพราะมาก”
พี่อาร์ตกระซิบด้วยน้ำเสียงพี่เอกข้างหู ก็รู้ว่าไม่ใช่คนเดียวกันแต่มันก็สยิวเหมือนกัน
 
“พะ พอ…”
คำพูดติดปากครับ แต่พี่เอกบอกยิ่งพูดยิ่งกระตุ้นต่อมหื่นให้ทำงาน แต่ผมคิดว่าเป็นเพราะพี่เอกมันหื่นอยู่แล้วมากกว่า
 
แต่ตอนนี้ผมชักจะเชื่อขึ้นมาแล้วล่ะ เพราะแทนที่ไอ้คนด้านหลังมันจะหยุด กลับรุกผมหนักขึ้นกว่าเดิมอีก
 
มึง ต้องให้กูพูด ‘เอาอีก’ รึไง ถึงจะหยุดกัน

ให้กูพูดคำนั้น กัดลิ้นตัวเองตายดีกว่า
 
ไอ้พี่อาร์ตมันยังไม่หยุดแกล้งยั่วพี่โอ๊ค โดยการดันร่างผมแนบกับพี่โอ๊คมากขึ้น
 
คุณครับ พระก็พระเถอะวะ ตื่นได้เหมือนกัน
 
ไอความร้อนวิ่งผ่านใบหน้าเมื่อส่วนนั้นของพี่โอ๊คตุงตุ่งตุ้งตุ๊งขึ้นมาชนกับหน้าท้องผม ใบหน้าแข็งกร้าวเคลือบความไม่พอใจของพี่โอ๊คเมื่อกี้ ราบเรียบลงเรื่อย ๆ

ได้ยินเสียงหัวเราะหึ ๆ จากคนด้านหลัง
 
พี่โอ๊คไม่ได้ละสายตาไปจากหน้าผมแล้ว มีคนหล่อมาจ้องมันก็หวิวได้นะครับ ผมยิ่งเป็นพวกแพ้คนหน้าตาดีอยู่ด้วย (ยอมรับก็ได้วะ) ถึงไม่มีกล้องก็ยังชอบมอง
 
“พี่โอ๊ค…”
คือ กะจะเรียกสติแก แต่เสียงมันทั้งหวิวทั้งพร่าได้ใจ
 
“นี่ อยากให้กายไปนอนครางใต้ร่างนายไหม”
ไอ้คนด้านหลังมันยุ

พี่โอ๊คที่ถูกจอมมารอาร์ตไซโคร พยักหน้าราวกับคนโดนมนต์สะกด
 
โธ่ พี่โอ๊คกูไปซะแล้ว
 
“งั้นนายก็ต้องช่วยฉันแย่งกายมาจากพี่เอก แล้วฉันจะแบ่งให้นายกิน”
 
ไอ้เลว ไอ้วายร้าย ไอ้คนเจ้าเล่ห์ ไอ้ ไอ้ กูจะหาคำไหนมาด่ามึงดี
 
พี่โอ๊คมองผมไม่วางตา
 
พี่โอ๊ค อย่าไปหลงคารมมัน! ใจอยากพูดครับ แต่ร่างกายมันไร้แรง

พี่อาร์ตกระตุ้นผมมากขึ้นโดยการลูบหน้าท้องสูงขึ้นไปที่หน้าอกแล้วบีบหัวนมเบา ๆ
 
ไม่ไหวแล้วครับ ผมเผลอตัวแอ่นอกอัตโนมัติ บีบสองต้นแขนของพี่โอ๊คแน่น ปากก็ครางออกมาเบา ๆ บดเบียดร่างกายเข้าหาคนตรงหน้ามากขึ้นเรื่อย ๆ รู้ว่าต้องขัดขืน แต่โดนยึดบั้นเอวอยู่
 
“อื้อ พอ..”
แล้วกูก็ครางห้ามซะเสียงสะท้าน

ก็คนมันเคยผ่านมือชายมาก่อน ปฏิกิริยาย่อมไวต่อสัมผัส ที่สำคัญไอ้บางส่วนของพี่อาร์ตใต้น้ำมันตื่นแล้วครับ ตื่นเต็มที่แล้วด้วย ชน ๆ อยู่แถว ๆ ด้านหลังของผม
 
กูจะเสียเอกราชในน้ำหรือนี่ 
 
ก็ตอนที่มันขืนใจผม มันยังไม่รู้จุดยุทธศาสตร์ของผม ผมเลยสู้ได้เต็มที่ แต่ตอนนี้โดนยึดไว้ แค่ขยับก็พากันสยิวแล้ว
 
กรรมของกู
 
“ผมว่าถ้าพวกคุณไม่อยากโดนคุณเอกต่อยจนหน้าซ้ำ ก็ปล่อยกายเขาไปก่อนดีกว่า”
สวรรค์ยังมีตาครับ ส่งอัศวินม้าขาวพร้อมอาวุธเป็นกล้องห้อยไว้ที่คอมาช่วย
 
ผมหันหน้าที่ถูกกระตุ้นเต็มที่ไปมอง
 
พี่เชนชะงัก
 
มึงอย่าเพิ่งชะงัก มาช่วยกูก่อน
 
“อย่ายุ่งน่าคุณช่างภาพ เขากำลังรื่นเริงกันอยู่”
ไอ้พี่อาร์ตมันว่า
 
“แต่คนที่คุณรื่นเริงเป็นแฟนพี่ชายคุณนะ”
 
“อ้าว พวกนั้นน่ะ รีบมากินข้าวกันเร็ว!!”
ได้ยินเสียงพ่อตะโกนเรียกมาแต่ไกล

ยังดีที่พี่เชนบังไว้ คนอื่น ๆ เลยไม่เห็นว่าผมอยู่ในท่าล่อแหลมขนาดไหน
 
พี่อาร์ตถอนหายใจ ก้มหอมแก้มผมที ปล่อยแขนออกแล้วเดินจากไป

ตอนนี้เลยมีแค่พี่โอ๊คที่รั้งร่างผมเอาไว้อยู่
 
“พี่ขอโทษนะ”
พี่มันพูดสั้น ๆ แววตากลับมาเป็นเหมือนเดิมแล้ว
 
เย้!! เทวดาผมกลับมาแล้ว
 
แล้วพี่มันก็ปล่อยมือออก หันหลังเดินแหวกน้ำจากไป ส่วนผม...
 
ก็จมน้ำบุ๋ง ๆ
 
คือ..ต้องเข้าใจว่าเมื่อกี้พวกพี่มันพยุงเอาไว้อยู่ ไม่มีแรง ไม่มีคนรองรับ จมลูกเดียว ยังดีที่พี่เชนเข้ามาช่วยเอาไว้ก่อน
 
อเนจอนาถตัวเองเป็นแท้
 
“ไม่เป็นไรนะ”
พี่มันถามด้วยความเป็นห่วง ผมเกาะตัวพี่มันแน่น ขอเวลาเรียกพลังแป๊บ ยังไม่ทันจะดีขึ้น ผมถูกกระชากออกแรงด้วยมือของใครบางคน
 
ผมเงยหน้ามอง
 
เป็นพี่เอกครับ
ของแท้แน่นอน พร้อมสร้อยพระอาทิตย์และใบหน้าหงิกงอ

 :L2: :L2: :L2:
             
             
“จะทำอะไรกัน!”
พี่มันถามเสียงเข้ม พี่เชนยักไหล่ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้เดินจากไป พี่เอกมองตามจนลับสายตา ก่อนหันหน้าโหด ๆ มามอง
 
ผมเสียวสันหลังวูบ มันจะฆ่ากูหมกน้ำตกไหมนี่ 
 
“ทำไมต้องไปยืนกอดมัน”
พี่มันจับต้นแขนผมสองข้างบีบแรงจนผมเบ้หน้าเจ็บปวด
 
“พี่เอก ผมเจ็บ”
ผมรีบบอก แต่แทนที่พี่แกจะปล่อยกลับบีบแรงขึ้นไปอีก สงสัยพี่มันจะฟังภาษาไทยไม่รู้เรื่อง มึงจะให้กูขะเมียนมะตรึยไหม จะได้รู้เรื่อง
 
“บอกมา!!”
พี่มันเร่ง
 
“ผมไม่ได้กอดพี่เขา”
 
“แล้วไอ้ที่พี่เห็นล่ะคืออะไร เต้นลีลาศอยู่รึไง”
ดูพี่มันเปรียบ

ผมพยายามร้องขอผ่านดวงตา แต่พี่มันโยนคำขอผมทิ้งไป บีบต้นแขนผมแรงขึ้นไปอีก
 
“พี่เชนแค่มาช่วย”
ผมกัดฟันฝืนเจ็บบอก
 
 
“ช่วยอะไร!!!!”
พี่แกตะคอกถามกลับ ผมเผลอหลับตาลงด้วยความหวาดหวั่น

ตอนนี้คนอื่น ๆ อยู่นู่นครับ ไปหาซอกหลืบกินข้าวกัน เลยไม่ได้ยิน
 
ไอ้คุณมึง จะสอบสวนอะไรกู ช่วยทำเบา ๆ หน่อยได้ไหม กูเจ็บ
 
“เมื่อกี้ผมโดนพี่อาร์ตเอ่อ…กับพี่โอ๊ค”
พี่มันเปลี่ยนแววตาเป็นวาวโรจน์ยิ่งกว่าเดิม
 
“ทำอะไร!!!”
 
“เจ็บ…พี่เอก”
ผมร้องขออีกรอบ มันเจ็บจริง ๆ ครับ เจ็บไปถึงกระดูกเลย
 
“ทำอะไร!!!”
แต่พี่มันไม่สน ตะคอกถามต่อ ผมได้แต่เม้มปากแน่น
 
“กะ ก่อนหน้านี้ ผมเล่นน้ำอยู่กับพี่โอ๊ค แล้วพี่อาร์ตก็เข้ามาแกล้งลวนลามผมเพื่อให้พี่โอ๊ค เอ่อ…ยอมรับว่าแกตื่นกับผม…แล้วพี่เชนก็เข้ามาช่วยพอดี”
ผมเห็นไฟลุกพรึ่บบนตัวพี่เอก
 
“แล้วทำไมไม่ขัดขืน!!!!”
พี่มันตะคอกกลับเสียงดังยิ่งกว่าเดิม ผมเผลอหลับตาลงหวาดหวั่นไปกับน้ำเสียงน่ากลัวนั้นอีกรอบ
 
“ผมพยายามแล้ว”
ผมบอกเสียงสั่น เบะหน้าลงหน่อย ๆ
 
ไม่ได้แกล้งครับ แต่มันเจ็บจริง ตอนนี้แขนผมมันชาจนไร้ความรู้สึกไปแล้ว
 
พี่เอกบดกรามแน่น
 
“แล้วพวกมันทำอะไรบ้าง”
พี่มันลดน้ำเสียงลงมาถามต่อ
 
น้ำตาผมไหลแล้วครับ พี่มันชะงักไปนิด แต่โทสะยังอยู่ เลยไม่ได้ปล่อยแขนผมออก
 
เอาเล้ย มึงอยากทำอะไรก็ทำไปเลย โมโหก็ทำร้ายกู ไม่พอใจก็ทำร้ายกู อยากปล้ำก็ปล้ำ อยากฟัดก็ฟัด ร่างกายกูเป็นของมึงอยู่แล้วนี่
นี่ใช่ไหม ที่มึงทำกับคนที่มึงรัก
 
แม่ง!
น้อยใจครับ น้อยใจเอามาก ๆ ผมกลืนน้ำลาย กัดฟัน จ้องตาพี่มันเขม็ง
 
“พี่มันกอดผม จับเอว จูบหลังคอ แล้วก็บีบนม”
น้ำตาผมร่วงเปาะแปะ ผสมเข้ากับความร้อนที่เกิดจากความอับอาย ผมเลยได้น้ำอุ่น ๆ ไหลผ่านมาเป็นทางที่แก้มเข้าปาก ผมใช้แรงที่มีดึงตัวเองออก ซึ่งพี่แกก็ยอมปล่อยโดยดี ผมทิ้งตัวลงไปในน้ำ ว่ายกลับขึ้นฝั่ง ปล่อยให้พี่มันยืนอยู่ที่เดิมนั้นแหละ
 
น้ำมันเย็นครับ ช่วยล้างน้ำตาอุ่น ๆ ของผมออกไปได้หมด พอก้าวขึ้นฝั่งมันก็หยุดไหลแล้ว ผมไม่ใช่พวกชอบเช็ดน้ำตาหรอกนะ ปล่อยให้มันไหล แล้วแห้งกันเอาเองนั่นแหละ
 
ผมเดินทื่อ ๆ ไปที่หาพ่อกับแม่ แม่รีบหยิบข้าวเหนียวไก่ย่างมาให้ทันที

มาน้ำตกต้องเปิบส้มตำข้าวเหนียวไก่ย่างเท่านั้นครับ ถึงจะได้รสชาติ
 
“เอ้าเอก นี่ของมึง”
ได้ยินเสียงพี่ปิงทักพี่เอก ผมไม่ได้สนใจหันไปมอง
 
ตอนนี้กำลังงอนครับ ผมหมกตัวเองอยู่กับพ่อแม่ ไม่มองไม่สนใจคนอื่นเลย โดยเฉพาะคนที่ทำให้ผมร้องไห้เมื่อกี้
 
“กาย แขนไปโดนอะไรมาลูก!”
แม่จับแขนผมดูด้วยความตกใจ พ่อก็หันมามองเหมือนกัน ผมก้มดู เป็นรอยแดงช้ำรอบแขนทั้งสองข้างเลย ผมยิ้มให้แม่นิดหนึ่ง
 
“สงสัยถูกบุ้งคันแถวนี้มั้ง”

พ่อมองดุ ๆ เพราะเห็นว่าผมโกหกแม่หน้าด้าน ๆ
 
“ว้าย มีบุ้งคันด้วยเหรอ ติดแอมไหม”
 
“ของอ้อนล่ะ”
 
“ของไอล่ะ”
พวกทโมนโวยวาย เอี้ยวตัวดูหน้าดูหลังแขนขาตัวเองใหญ่

พวกพี่ ๆ คนอื่น ๆ ไม่ได้สนใจอะไรครับ รุมเขมือบส้มตำกันอยู่ สงสัยจะหิวกันจัด ๆ มีเพียงพี่เอกเท่านั้นที่นั่งนิ่งอยู่ในกลุ่มมองตรงมาที่ผม
 
“บุ้งคันน่ะไม่มีหรอก แต่มีต้นไม้บางอย่างในป่าที่ทำให้คันได้ ตอนกายเดินถ่ายรูปอาจไปถูกเข้า ไม่เป็นไรหรอก กลับไปทายาก็หาย”
พ่อพี่กิ๊ฟครับ เขาคงคิดว่าผมพูดจริง
 
ผมพยักหน้าให้แกทีราวกับเป็นเรื่องจริง ผมไม่ได้สนใจรอยที่แขนตัวเองอีก ปล่อยให้มันแดงอยู่อย่างนั้นแหละ แอบเห็นพี่เอกบดกรามนิดหนึ่งด้วย
 
กูไม่สน มึงทำกูเจ็บ กูไม่ง้อมึงหรอก


 
 
หลังจากอิ่มหนำสำราญ พวกเราก็ลงไปเล่นน้ำกันต่อ ไม่เกินครึ่งชั่วโมงก็พากันขึ้นรถกลับบ้าน ผมเล่นน้ำจนปากซีด และตลอดเวลา ผมเกาะพ่อกับแม่แจ ทุกคนคงคิดว่าผมอยากใช้เวลาอยู่กับครอบครัว จึงไม่มีใครเอะใจเรื่องผมกับพี่เอก
 
ไม่สนครับ ปล่อยพี่มันไป



 
 
ผมมาอยู่ในชุดเรียบร้อยอีกครั้ง พวกทโมนจามฟิด ๆ สงสัยจะเป็นหวัด คุณพ่อคุณแม่รีบวิ่งหายามาให้ทานทันที ผมเองก็กินไปสองเม็ด กันไว้ ไม่อยากหมดสนุกเพราะเป็นหวัดเหมือนกัน
 
“จริง ๆ วันนี้ว่าจะชวนไปขี่ม้า แต่ว่าเล่นน้ำกันซีดแล้ว ไปเจอแดดแรง ๆ อีกกลัวจะน็อคกันซะก่อน เพราะงั้น วันนี้จะพาไปดูเขารีดนมวัวกับเดินเล่นในสวนองุ่นแทนละกัน”
พ่อพี่กิ๊ฟบอก พวกเราพากันพยักหน้ารับ
 
ผมรีบเรียกอารมณ์ตัวเองกลับคืนทันที แค่คนคนเดียว จะทำให้ชีวิตและวันเที่ยวสนุก ๆ แบบนี้เสียไปไม่ได้เด็ดขาด เมื่อพี่มันไม่เข้าใจก็ไม่ต้องไปสน

ผมคล้องกล้องไว้ที่คอ เช็คหน้ากล้องนิดหน่อย ก่อนสะดุ้งเฮือก เมื่อมีมือของใครบางคนมาลูบต้นแขนที่เป็นรอยแดงเบา ๆ ผมหันไปมองเจ้าของมือนั้น
 
ผมกลืนน้ำลายลงคอ รู้สึกเจ็บแปลบที่หน้าอก อยากพูด อยากต่อว่า อยากอธิบาย แต่ความน้อยใจมันเยอะกว่า ผมเลยเดินหนีจากพี่แกดื้อ ๆ พี่มันก็ไม่ได้ตามมาเหมือนกัน
 
กาย มึงเป็นผู้ชาย มึงหัดใช้เหตุผลมากกว่าอารมณ์หน่อย
ผมเตือนตัวเอง
 
รู้ครับ แต่มันก็เจ็บนะ
ทั้ง ๆ ที่พี่มันก็รู้นิสัยน้องมันกับเพื่อนมันดี ก็ยังจะมาโมโหให้ผมอีก
 
“ป่ะกาย ไปกินนมวัวกัน”
ไอ้เต้ยมันเดินมากอดคอผมไว้ ในขณะที่มืออีกข้างยังเกาะแขนพี่มันอยู่
 
มึงจะสองใจมากไปไหม
 
“ว่าแต่มึง ทายาแก้แพ้รึยัง แดงขนาดนี้”
มันจิ้มแรง ๆ ตรงรอยแดง ผมร้องโอ๊ยจนมันสะดุ้ง
 
“เฮ้ย!! กูขอโทษ ไม่คิดว่ามึงจะเจ็บ”
มันทำหน้าตื่น
 
พี่เป้มองหน้าผมสลับกับรอยแดง
 
“เต้ย อยู่นี่ก่อน เดี๋ยวพี่มา”
พี่เป้จับข้อมือผมลากไปกับแก ผมหันไปมอง เห็นไอ้เต้ยยืนเม้มปากมองตามหลังพวกเรา เยื้องไปไม่ไกล มีพี่เอกยืนส่งสายตาเย็นยะเยือกมาหา
 
พี่เป้พาผมขึ้นไปบนเรือน ให้ผมนั่งอยู่บนพื้นที่ถูกยกสูงไม่เกินครึ่งเข่า ส่วนตัวพี่แกเดินไปหาคนทำงานบ้าน ไม่นานก็กลับมาพร้อมกับยาทาแก้ฟกช้ำ จริง ๆ ก่อนหน้านี้แม่เอายาแก้แพ้มาทาให้แล้ว พี่เป้นั่งลงข้าง ๆ เปิดฝาขวดแต้มยามาทาให้เบามือ
 
“เจ็บไหม”
พี่มันถาม ผมจ้องหน้าพี่แก แต่ไม่ได้ตอบอะไร
 
“รอยแบบนี้ไม่ใช่รอยแพ้หรอก รอยมือคนต่างหาก”
พี่มันพูดต่อ ผมยังนิ่ง พี่เป้ป้ายยามาลูบแขนผมอีกข้างเบามือไม่ต่าง ผมก็ได้แต่นั่งเหม่อทอดมองท้องฟ้าด้านบน
 
“ทะเลาะกับไอ้เอกมันเหรอ”

ผมไม่ได้ตอบอะไรออกไป นั่งนิ่งอย่างเดียว
 
“ความรักมักทำให้คนขาดสตินะ แล้วคนหึงแรงอย่างไอ้เอก อดทนไม่โวยวายได้ขนาดนี้ก็ถือว่าเก่งแล้ว”
 
“ผมรู้”
 
“แต่ก็น้อยใจ” 
 
จึก!!
มึงจะฉลาดไปไหน
 
“หึ ๆ”
พี่มันลูบหัวผมเบา ๆ

ผมกัดปากแน่น รู้สึกเหมือนมีอะไรมาคลอ ๆ อยู่ที่ดวงตา พี่เป้จับแก้มผมไว้เบา ๆ
 
“อยากร้องไห้ไหม”

ผมมองตาคนถาม

“กายเห็นพี่ร้องไห้มาหลายรอบแล้วนะ กายบอกว่า ถ้าไม่ไหวก็ให้ร้องออกมาไม่ใช่เหรอ”
แค่นั้นแหละ น้ำตาผมก็ไหลพรากทันที
 
ผมไม่ได้อ่อนแอนะ
แต่ทำไมแค่คิดว่าคนที่เรารักไม่เข้าใจเรา มันถึงได้รู้สึกเจ็บและน้อยใจได้ขนาดนี้ก็ไม่รู้
 
พี่เป้รั้งผมเข้าไปกอดทั้งตัว ลูบหัวลูบหลังปลอบประโลม

ผมไม่รู้ว่านั่งร้องอยู่นานแค่ไหน พอหนำใจก็ค่อย ๆ ดันตัวเองออก น้ำตาผมแห้งแล้วครับ
 
“เสื้อพี่เปียกหมดแล้ว”
ผมใช้หลังมือเช็ด ๆ   
 
“พี่เข้าใจความรู้สึกตอนกายปลอบใจเวลาพี่ร้องไห้แล้วล่ะ” พี่มันพูดยิ้ม ๆ “ขอบใจนะ ถ้าไม่ได้กาย พี่อาจไม่เข้มแข็งขนาดนี้ก็ได้”
ผมมองตาพี่มัน
 
“พี่กำลังตัดสินใจจะทำอะไรอยู่หรือเปล่า”
เพราะพี่แกดูนิ่งผิดปกติ
 
พี่เป้พยักหน้า จับผมให้ลุกขึ้นยืนหันหน้าเข้าหาแก ในขณะที่พี่แกยังนั่งอยู่ที่เดิม พี่เป้จับมือผมไว้ทั้งสองข้าง
 
มึง ท่านี้เหมือนแฟนพลอดรักกันเลยนะ
 
“ถ้าการปิดบังมันแก้ไขปัญหาอะไรไม่ได้ ก็คงต้องเปิดเผยเรื่องทุกอย่าง ให้เขาเกลียดพี่ไปเลย อาจทำให้พี่ตัดใจได้ง่ายขึ้นก็ได้”
 
“พี่เป้”
ผมครางเรียก

จะว่าไปแล้ว เรื่องของตัวเองนั้นขี้ปะติ๋วมาก ๆ ถ้าเทียบกับความรักและความทรมานที่พี่เป้ต้องเจอ
 
ทั้งที่รักมาก แต่ก็แสดงออกว่ารักไม่ได้
 
“ผมมั่นใจว่าพี่ต้องเจอคนที่รักพี่และพี่รักเขาจนหมดหัวใจอีกครั้งแน่นอน”
 
“คงไม่แล้วล่ะ เพราะหัวใจพี่มอบให้คนคนนั้นไปหมดแล้ว”
 
ผมก็ได้แต่เม้มปากแน่นกระชับมือพี่แกไว้ ก่อนเสียงของใครสักคนจะดังแทรกเข้ามาขัด
 
“เขาจะขึ้นรถกันแล้ว”
 
ผมกับพี่เป้หันไปมอง พี่เป้ปล่อยมือผมลง ลุกขึ้นยืนจนสุดความสูง
 
“งั้นพี่ไปก่อนนะ เวลาของพี่มีแค่ทริปนี้เท่านั้นแหละ”
พี่มันบอกแค่นั้น หันหลังเดินจากไป

ทิ้งผมเอาไว้ให้อยู่กับใครบางคนที่ผมไม่อยากเจอมากที่สุด

To Be Con...
 
               
ฮาตอนต้น แอบแซดตอนท้าย :hao5: :hao5: :hao5:
             

:katai5: :katai5: :katai5:


ปล. แจ้งข่าวเล็กน้อยนะคะ ใครต้องการหนังสือเรื่อง Kiss Love ไปหาซื้อกันได้ที่งานสัปดาห์หนังสือวันที่ 29 มีนา- 9 เมษายนนี้ บูธ Hermit [M34 โซน C] กับบูธ Nananaris [M25 โซน C] ค่ะ


หนังสือ&ebook >>https://goo.gl/FSOuuM
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-04-2017 09:20:38 โดย memew »

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด