"รัก(เกิน)เพื่อน"
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: "รัก(เกิน)เพื่อน"  (อ่าน 49718 ครั้ง)

ออฟไลน์ M@nfaNG

  • ชีวิตคือการตรวจสอบ...
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4453
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +847/-18
เฮ้อ  มามี :sad2:ปัญหาเรื่องที่บ้านอีก

stupidchild

  • บุคคลทั่วไป

pipozac

  • บุคคลทั่วไป
ละลายพันธุ์ : วันนี้ตื่นมาซะบ่ายเลย ยังไม่ได้กินข้าวเลยนะเนี่ย อยากรีบมาอัพเรื่องก่อนไง...อยากให้ไปถึงตอนสำคัญไวๆ ยังไงก็ขอขอบคุณผู้ที่มาเยือนและเป็นกำลังใจให้กับผมทุกคนนะครับ.... :pig4:

***จุดพลิกผัน**** (ต่อ....)

สุดท้าย...พวกเราสองแม่ลูกก็มีความหวัง มีนายทหารผู้ใหญ่คนหนึ่ง แกใกล้จะปลดเกษียณอายุจากราชการแล้ว แกรักแม่ผมมาก รักอย่างว่า...แต่แม่ผมรักท่านแบบญาติผู้ใหญ่มากกว่า  แกให้เราสองแม่ลูกไปพักอาศันอยู่กับแก

ที่บ้านหลังนี้เป็นบ้านเดี่ยวสองชั้น อยู่ใกล้ทะเลเลยล่ะครับ เดินออกไปประมาณ 50 เมตรก็เจอทะเลแล้ว ลุงแกอยู่คนเดียวครับ เมียแกตายไปนานแล้ว  เมียแกก็เคยเป็นครูสอนหนังสือผมมา

ส่วนลูกๆแกก็พอเรียนจบก็ไปหางานทำที่กรุงเทพฯกันหมด ได้ดิบได้ดีกัน แต่นานๆจะโผล่มาเยี่ยมพ่อตัวเองกันสักครั้ง ลุงภุชงค์...แกเป็นพวกขี้เมา แกดื่มเหล้าแทนน้ำเปล่าเลยแหละ ร่างกายแกอ่อนแอ เดินกระเสาะกระแสะ  บางทีแกก็จะมีอาการกล้ามเนื้อเกร็งและชักกระตุก เกิดอาการทีหนึ่งบ้านลั่นแทบพังครับ  ผมกับแม่ต้องวิ่งขึ้นไปดูแกไปช่วยแกนวดคลายเส้นให้แก

เฮ้อ...พูดไปผมก็ท้อเหมือนกัน แต่ทำไงได้ผมต้องทนอยู่ต่อไปจนกว่าจะเรียนจบม.ปลาย และต้องทนกับเสียงคนติฉินนินทาที่เขากล่าวหาว่าเราสองแม่ลูกมาเกาะลุงกิน ซึ่งไม่เป็นความจริงเลย แม่ผมซะอีกที่บางทียังต้องคอยหาข้าวให้แกกิน แต่ก็อย่างว่า ปากคนน่ะ มันอยากจะพูดอะไรมันก็พูดกันไป หาอะไรไปปิดปากมันไม่ได้หรอก

บ้านหลังนี้แม้มันจะไม่ใช่ของผม แต่ผมก็รักมันมาก มันคือบททดสอบความอดทนของผมเลยแหละครับ เวลาที่ผมเหงาผมจะเดินไปนั่งเล่นที่ชายทะเล นั่งอยู่คนเดียว ฟังเพลงไปเรื่อย ผมก็มีความสุขดี แต่บางทีเสียงคลื่นทะเลมันกลับทำให้ผมร้องไห้ มันบาดใจของผมเหลือเกิน

เวลาที่ผมคิดถึงต่อหรือเรื่องราวชีวิตของผมที่มันแย่ๆแบบนี้ ยามที่ผมพยายามนึกหาวิธีหรือทางออกใดๆ ที่จะทำให้ผมคงความสัมพันธ์แบบนี้ระหว่างผมกับต่อให้ยาวนานที่สุด มันทำให้ผมเครียดและหาทางออกให้ตัวเองไม่ได้เลย สุดท้ายผมร้องไห้...ที่ชายหาดแห่งนี้ ที่ที่เป็นจินตการในโลกส่วนตัวของผม ที่นี่มีต่อกับผม  มีแม่และมีอนาคตที่สดใสของผมรวมอยู่ด้วย

บางครั้งดึกดื่นเพียงไหนผมก็ยังไปนั่งอยู่อย่างนั้นของผมคนเดียว มันเป็นสถานที่ที่ทำให้ผมสบายใจ ยามใดที่เสียใจไม่ว่าเรื่องใด ผมจะมาที่นี่ มานั่งร้องไห้ของผมคนเดียว บางทีเสียงคลื่นซัดฝั่งมันก็ยิ่งตอกย้ำให้ผมเจ็บปวด แต่สุดท้ายมันกลับทำให้ผมมีเวลาคิด...ให้ผมได้มีเวลาอยู่กับตัวเอง

วันหนึ่งผมก็ได้พบกับเพื่อนใหม่ของผมอีกคน ชื่ว่า โต๊ด เราคบกันได้เพราะเราชอบคุยเรื่องรถเหมือนกัน โต๊ดมันก็เป็นเกย์เหมือนผมล่ะ แต่อีนี่มันออกสาวน่าดู จัดว่าเป็นสาวมั่นเชียวแหละอีกอย่างนะแม่นี่น่ะยังเป็นที่รู้จักของคนเกือบทั้งโรงเรียนเลยก็ว่าได้ ประมาณว่าป็อบฯ น่ะครับ ทีแรกผมไม่แน่ใจหรอกนะว่ามันจะรู้หรือเปล่าว่าผมเป็นเกย์ แต่ไม่นานนักมันก็มากระชากวิญญาณผม ผีร้ายในตัวผมได้ปรากฎตัวขึ้นมาเพราะมัน แต่ก็ดีนะครับเพราะผมจะได้มีเพื่อนไว้คอยปรึกษา อีกอย่างนิสัยมันก็ใช้ได้

ผมมีบทบาทในความเป็นเพื่อนของมันมากมาย ซึ่งมันก็ทำให้ผมได้รู้ว่ามันคือเพื่อนแท้ ทุกวันนี้เราก็ยังเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันเสมอ โต๊ดจัดเป็นเพื่อนคนที่สองรองจากแจ๊กที่รู้ว่าผมแอบรักต่อ  รู้มั้ย? ทุกครั้งที่ผมได้คุยกับมันเรื่องต่อทีไร มันมักจะทำให้ผมหมดหวังที่จะคิดรักต่อทุกที คำแนะนำของมันแต่ละอย่างทิ่มแทงผมทั้งนั้น มันไม่ค่อยพูดจาให้ความหวังผมนักหรอก มันกลัวผมจะคิดอะไรเกินเลยมั้ง แต่ก็ดีนะ...อย่างน้อยมันก็มีอะไรมาคอยยับยั้งความรู้สึกของผมไว้ได้บ้าง


โต๊ด ช่วยแบ่งเบาภาระความเครียดของผมได้เยอะเหมือนกัน มันเป็นคนคอยสร้างเสียงหัวเราะให้กับผม ทุกครั้งที่ผมเศร้า มันจะมาหาผมที่บ้านถูกจังหวะเสมอ บางทีเราก็จะไปเดินเล่นกัน เดินมันไปเรื่อยๆ คุยกันสับเพเหระ บางครั้งมันจะพาผมไปนั่งรถเล่น โตฃ๊ดจะมีรถเก๋งคันใหญ่ๆ เป็นรถยุโรปทรงคล้ายรถอเมริกัน เสียงปิดประตูก็ดังไพเราะเสนาะหู ปิดทีดัง โครม! ถึงกระนั้นก็เถอะ แม้มันจะไม่ใช่รถของผม แต่ทุกวันนี้ผมก็ยังคิดถึงมันเสมอ มันเหมือนพาหนะที่คอยแบกความทุกข์และสุขของผมไว้ทั้งปวง เฮ้อ...ผมรักมันจัง
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02-01-2008 23:08:11 โดย b|ueBoYhUb »

fc_uk

  • บุคคลทั่วไป
เศร้า จิตตตตต   :m21:

แต่ แหลม แหลม... :m4: :m4:

ขอบคุณครับบบ ผมมารอน่ะ

piyakorn

  • บุคคลทั่วไป

pipozac

  • บุคคลทั่วไป
 :mc3:
MERRY X'MAS!!!!!  วันนี้ใครๆก็อาจจะได้ไปเดินเที่ยวดูไฟกันตามสถานที่ต่างๆ แต่ผมสิหมกอยู่ห้อง เพราะเพื่อนมันไม่ไปกัน เหอๆ แย่จัง แต่ไม่เป็นไรดีเหมือนกัน จะได้เอาเวลามานั่งอัพเรื่องของตัวเองต่อ....ตอนต่อไปเลยแล้วกันนะ.....

***ซ้อนความรู้สึก***

ช่วงเวลานี้ผมทั้งมีความสุขและทุกข์ใจยิ่งนัก มันผสมปรนเปรกันไปหมด อยู่กับเพื่อนผมก็สุข พอกลับมาบ้านผมก็มาจมปักอยู่กับความทุกข์ มันช่างสุดแสนจะเดียวดาย เหงาเหลือเกินครับ ผมรักต่อมากขึ้นทุกวัน ไม่มีแม้สักวันที่ผมจะไม่คิดถึงเขา หรือลดความรู้สึกนั้นให้น้อยลง ผมบอกตัวเองทุกค่ำคืน "เอาน่ะ...เดี๋ยวก็เช้าแล้ว"
@โรงเรียน...
วันนี้ผมมีเรียนภาษาอังกฤษคาบแรกเลย ผมชอบมากครับ  ผมชอบเรียนวิชานี้มากเป็นพิเศษ ผมมันพวกหัวนอกน่ะครับประมาณว่าเด็กอินเตอร์... ในระหว่างที่อาจารย์ยังไม่เข้าสอน ผมลองหันไปมองหลังห้องตรงจุดที่ต่อนั่งอยู่ ผมแอบมองเขาอยู่นาน เขากำลังนั่งก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสืออะไรสักอย่างอยู่

ผมมองเขา...ทันใดนั้นเอง เขากลับเงยหน้าขึ้นมา พร้อมกับมองมาทางผม ผมตกใจมาก ทำอะไรไม่ถูก แทนที่จะละสายตาผมกลับมองจ้องเขากลับไป เขามองผม ไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่เรามองตากันอยู่จนอาจารย์เดินเข้ามา เขาจึงละสายตาคู่นั้นไป


ละลายพันธุ์ : เย้ๆ เดี๋ยวต้องขอตัวก่อนนะคร้าบ พอดีแฟนเก่าที่เคยคบหากันมาเพิ่งโทรมาชวนออกไปดูหนังรอบสองทุ่มบอกไม่ถูกเหมือนกันนะว่ารู้สึกยังไง แต่อย่างน้อยก็ยิ้มได้ล่ะ เอาไว้กลับมาหรือไม่ก็พรุ่งนี้ ผมจะมาอัพเรื่องราวให้ฟังต่อนะครับ เรื่องราวกำลังน่าติดตาม (รึเปล่าน้อ?) แล้วจะรีบกลับมาคร้าบบบบบบบบบ....
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02-01-2008 23:17:12 โดย b|ueBoYhUb »

pipozac

  • บุคคลทั่วไป
 :mc1:
ละลายพันธุ์ : เมื่อคืนหลังจากกลับจากไปดูหนังกับอดีตแฟนเก่ามา ก็อุตส่าห์รีบกลับมาอัพตอนต่อ แต่โชคร้ายพิมพ์กำลังเสร็จปรากฎว่าเครื่องน็อกครับท่าน หายหมดเลย เซ็งโคตรๆเลยต้องมานั่งเริ่มใหม่ ต่อเลยแล้วกันครับ...

***ซ้อนความรู้สึก*** (ต่อ....)

"Please....Satnd Up!" ผมกล่าวบอกให้เพื่อนๆทุกคนยืนทำความเคารพด้วยเสียงที่สั่นพร่าต่างไปจากทุกวัน ทำไมผมต้องเป็นคนบอกน่ะเหรอ ก็ผมเป็นหัวหน้าชั้นเรียนนี่ครับ ไม่ได้คุยหรอกนะ...อิอิ
"Good Morning Class, Sit down!" อาจารย์กล่าวทักทายตอบ
"ไงหัวหน้า...เมื่อคืนนอนดึกเหรอ เสียงนี้พร่าเชียวนะ" อาจารย์แซวผม
"เปล่าครับ...ผมแค่..." ผมกล่าวเริ่กรั่ก
"แค่...แค่อะไร?" อาจารย์ซักกลับ
"ก็...แค่ไม่มีอะไรครับ" ผมพูดตัดบท
"โอเค...ไม่มีอะไรก็ไม่มีอะไรนะ งั้นเริ่มเรียนเลยแล้วกัน" อาจารย์เข้าเรื่องซะที
ผมไม่มีจิตใจที่จะเรียนแล้ว ภาพที่เขามองตาผมยังคงค้างอยู่ในความรู้สึกส่วนนั้นของผม มันคืออะไรกัน เพื่อให้แน่ใจผมหันกลับไปมองเขาอีกครั้ง หันไปอย่างช้าๆ ทันใดนั้นเองภาพที่ผมเห็นก็ปรากฎต่อสายตาผม ต่อกำลังนั่งมองมาที่ผมอยู่ ผมหันไปแล้วรีบหันกลับด้วยความตกใจ แต่เพื่อความชัวร์ผมจึงมองเขากลับไปอีกรอบ เขาก็ยังคงมองผมอยู่อย่างนั้นบรรยากาศเหมือนกับตอนที่อยู่ร้านหนังสือไม่ผิดเพี้ยน ตัวผมชาไปหมดทำอะไรไม่ถูกเหมือนถูกสะกดจิค เรามองตาซึ่งกันและกันอยู่อย่างนั้นเกือบหนึ่งนาที หนึ่งนาทีจริงๆครับ ผมไม่ได้กล่าวเท็จเพื่อเข้าข้างตัวเองแต่อย่างใด แล้วก็ไม่กล้าที่จะคิดเข้าข้างตัวเองอยู่แล้วด้วย ผมเดาไม่ออกจริงๆว่าเขาคิดอะไรอยู่ จนกระทั่ง...
"นี่! หัวหน้า คุณหัวหน้าห้องคะ ใจลอยไปถึงไหนแล้วคะ?" อาจารย์เรียกผม ท่านคงจะเห็นว่าผมนั่งเหม่ออยู่นาน โดยที่ไม่รู้สึกตัว
"ครับ...เปล่าครับ...ใครไปไหนครับ?...อะไรกันเหรอครับ?" ผมกล่าวอึกอักงงๆ
"ใจเราน่ะลอยไปถึงไหนแล้ว แอบคิดถึงใครอยู่ล่ะ? เอาล่ะ...ไหนอ่านบทความนี้ซิ เปิดไปที่ Lesson 14 หน้า 42 แล้วอ่านให้เพื่อนฟัง...เพื่อนๆก็ตั้งใจฟังด้วยล่ะ"
"ครับ...Lesson 14...Hometown... There is a boy in the wonderful town. His name is Peter. He is very popular of the town...." ผมอ่านเนื้อเรื่องจบ อาจารย์ปรบมือให้ผม แน่ล่ะ...ผมบอกแล้ว ภาษาอังกฤษน่ะหมูมากสำหรับผม แม้ใจผมจะหลุดลอยไปถึงไหน แต่ถ้าให้ผมได้อ่านเนื้อเรื่องหรือบทความภาษาอังกฤษแล้วล่ะก็...ผมชอบมากครับ
"ไง...สติกลับมาซะทีนะ นึกว่าจะกู่ไม่กลับซะแล้ว" อาจารย์แซวผมอีก
"ครับผมกลับมาแล้วครับ" ผมกล่าวพร้อมกับเสียงหัวเราะร่วนของเพื่อนทั้งห้อง
ผมหันกลับไปมองต่ออีกครั้ง ผมแลเห็นเขานั่งอมยิ้มหน้าแดงกร่ำ ผมแลบลิ้นให้เขาแบบแหยๆ เขาหันหน้าหนีผม "เออ...ไม่เป็นไร" ผมคิดในใจแล้วผมก็เมินหน้าหนีและดึงจิตใจที่กำลังกระเจิดกระเจิงมากไปกว่านี้ให้กลับเข้าสู่บทเรียนต่อ ผมเพิ่งรู้ว่าอาจารย์ยังคงมองผมอยู่ ผมยิ้มทำหน้าเจื่อนๆ อาจารย์ยิ้มตอบรับ แล้วท่านก็สอนต่อ



ปล. เดี๋ยวจะแวบเข้ามาต่อเรื่องเป็นระยะๆ ตอนนี้งานเข้า ขอตัวทำงานก่อนเน้อ....

pipozac

  • บุคคลทั่วไป
 o12
***ซ้อนความรู้สึก***(ต่ออีกคร้าบบ....)

เฮ้อ! พักกลางวันสักที วันนี้ผมเรียนหนักมากในช้วงเช้า คาบแรกภาษาอังกฤษอีกสองคาบต่อมาเป็นวิชาฟิสิกส์ ยากสุดๆเลยครับ ผมเรียนแทบไม่รู้เรื่องเลยตลอดทั้งสองคาบนั้น เพราะมัวแต่นั่งคิดถึงภาพเหตุการณ์เมื่อตอนคาบวิชาภาษาอังกฤษ "มันคืออะไรกันน้า?..." ผมตั้งคำถามกับตัวเองอีกครั้ง ผมเดินกลับห้องเรียนอย่างเหม่อลอยไปคนเดียวเรื่อยๆพลางคิดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทันใดนั้นเอง...
"เต้! เฮ้ย! เต้....รอเราด้วย...ได้ยินมั้ย? รอก่อน!" เสียงต่อตะโกนเยกให้ผมหยุดไล่ตามหลังผมมา
"ตายห่าละกู มาแล้ว" ผมพรึมพรำพร้อมกับเร่งฝีเท้าเดินเร็วขึ้น ผมกลัวเขาเข้ามาคุยกับผมแล้วผมจะพูดอะไรไม่ออก แต่เขาเดินเร็วกว่าผมอีก จนกระทั่งเขาเอามือมากระชากไหล่ผม แต่ผมยังก้าวต่อไป
"เดี๋ยวก่อนสิ นายจะรีบเดินไปไหน อ้าวๆ...หยุดเดินก่อนสิ" เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นขึ้น
"เปล่าๆ เรารีบ เราจะไปห้องน้ำน่ะ" ผมพูดโดยที่ไม่มองอะไรทั้งนั้น แม้กระทั่งใบหน้าของเขา ทางไปห้องน้ำอยู่ทางไหนผมเองยังไม่รู้เลย และแล้ว...
"นายนี่ท่าทางจะไปกันใหญ่แล้วนะ ห้องน้ำมันมาอยู่อะไรทางนี้กันล่ะ นี่มันทางเดินขึ้นตึกแล้วนะ นายเป็นออะไรไปรึเปล่า พอเรียนเสร็จนายก็ไม่รอพวกเราเลย นายหนีใครเหรอ หนีเราอยู่รึเปล่า?" เขาถามทิ้งท้ายสีหน้าเขาดูคร่ำเครียดจริงจังขึ้นมา พร้อมกันนั้นเขากุมมือผมไว้แน่น...แน่นมากครับ ผมรู้สึกได้ถึงความอึดอัด
"เฮ้ย! นายก็พูดไปเรื่อย เปล่าสักหน่อย เราจะไปเดินหนีนายทำไมล่ะ? เราแค่จะเอาหนังสือขึ้นไปเก็บบนห้องก่อนแล้วก็จะเดินเลยไปห้องน้ำ แล้วนายอย่าลืมสิว่านี่มนช่วงพักกลางวันแล้ว พอดีเรานัดกับแจ๊กไว้ตรงหน้าห้องน้ำไง เราถึงต้องรีบเดินออกมา นายคิดอะไรอยู่ของนายเนี่ย" ผมตั้งสติแล้วก็พูดออกไปเป็นชุดเลย
"โอเค เข้าใจนายแล้ว อย่างนั้นเราขอโทษ เราขอเดินไปด้วยคนกับนายได้มั้ย เพราะเราเดินตามโจ้กับหนุ่มไม่ทันแล้วล่ะ" เขากล่าวพร้อมกับผละมือนั้นออกจากอุ้งมือของผม สีหน้าเข้าเหมือนคนหน้าแตกยังไงยังงั้น
"ก็ได้ เดินไปด้วยกัน แต่อย่าถามอะไรเรามากนะ" ผมพูดดักคอเขา
"อืม...ไม่หรอกน่า ช่างมันเถออะเนอะ" เขาเอ่ยเสียงเนือยๆ
"อืมดีละ..." ผมรับถ้อยคำสั้นๆ
".........................................................."
"แหม..." แจ๊กออกอาการ
"แหมอะไรของมึงวะ?" ผมถามมัน
"แล้วโจ้กับหนุ่มล่ะ ทุกทีเห็นเดินมาพร้อมๆกันนี่นา" มันเปลี่ยนเรื่องถามซึ่งก็ดีแล้วล่ะ ไม่อย่างนั้นผมคงจะอึดอัดน่าดูเลย
"เดินไปแล้วมั้ง พอดีเราเต้เอาหนังสือขึ้นไปเก็บบนห้องก่อนน่ะ เลยเดินตามไม่ทันกัน" ต่อช่วยคลีคลาย เขาพูดไปพลางมองหน้าผมไป (มองทำไมวะ?) ผมหลบหน้าเขา แล้วก็เดินออกไปเฉยๆ
"โจ้! หนุ่ม! ทางนี้!" ผมตะโกนเรียกโจ้และหนุ่ม ทั้งสองกำลังเดินอยู่ในโรงอาหาร
"พวกนายเดินไปไหนกันมาเรากับหนุ่มหาไม่เจอก็เลยเดินมาก่อน" โจ้กล่าวพร้อมทำหน้าฉงนใจ
"อ๋อ....พอดีเรากับเต้เอาหนังสือขึ้นไปเก็บบนห้องกันก่อนน่ะ" ต่อตอบแทนผม
"เอ้อ...หาที่นั่งกันก่อนดีกว่า คนเริ่มเยอะแล้วเดี๋ยวไม่มีที่นั่ง" ผมพูดเปลี่ยนเรื่องก่อนที่โจ้จะซักถามอะไรมากไปกว่านี้

T-Jang

  • บุคคลทั่วไป

pipozac

  • บุคคลทั่วไป
 :m1:
***ซ้อนความรู้สึก*** (ต่ออีกนะคร้าบบบบ....)

ในขณะที่เรากำลังเดินหาโต๊ะกันนั้น ผมรู้สึกว่าต่อพยายามเดินเข้ามาใกล้ผม ผมรู้สึกอย่างนั้นจริงๆครับ พอเราหาโต๊ะได้เราก็เลือกที่นั่งกัน หนุ่มนั่งเคียงข้างโจ้ ส่วนผมก็หย่อนก้อนลงนานแล้ว ระหว่างนั้นเองผมก็เรียกแจ๊กให้เข้ามานั่งข้างๆผม แต่ต่อกลับเร็วกว่า เขาเดินปาดมานั่งด้านข้างของผม แจ๊กจึงเดินไปนั่งตรงข้ามกันกับผมเหมือนจะรู้งานยังงั้นแหละ แจ๊กมันมองหน้าผม มันก็คงจะคิดอะไรไม่ต่างกับผมนัก ผมไม่พูดอะไร ทีท่าของต่อเองก็นิ่งมาก นิ่งจนดูไม่ออกเลยว่าเขาคิดอะไรอยู่
"พวกนายไปซื้อกันก่อนก็ได้ เดี๋ยวเรากับเต้นั่งเฝ้าโต๊ะไว้ให้ก็ได้เนอะเต้เนอะ" ต่อบอกพวกนั้นพร้อมกับหันมาถามความเห็นผม ผมไม่ได้พูดอะไรเพียงแต่พยักหน้าเฉยๆ จากนั้นพวกนั้นก็ลุกไปกันหมด โดยเฉพาะนังแจ๊กมันรีบลุกออกไปเหมือนเป็นใจ ระหว่างที่ผมและต่อนั่งนั่งรอเพื่อนๆอยู่นั้น ผมรู้สึกว่าบรรยากาศทั้งโรงอาหารมันดูเงียบสงัด ทั้งๆที่มีนักเรียนนับพันคนที่มารวมตัวกันอยู่ในนั้น ผมไม่รู้ว่าจะพูดอะไรกับเขาเลยจริงๆ ผมหันไปมองหน้าเขา...เขาก็มองหน้าผม "พูดอะไรบ้างสิ" ผมเอ่ยในใจ
"เต้...นายเป็นอะไรไปหรือเปล่า เราเห็นนายเงียบๆไปน่ะ มีอะไรก็บอกเราได้นะ นายพูดกับเราได้เสมอนะ" เขาเริ่ม...
"เปล่านี่ ไม่มีอะไร แค่วันนี้เรารู้สึกว่าเราเรียนไม่ค่อยรู้เรื่องน่ะ" ผมตอบ
"อ้าว...ทำไมล่ะ ปกติเราเห็นนายตั้งใจเรียนดีออกนะ วันนี้นายเป็นอะไรไปรึเปล่า ไม่สบายเหรอ?" เขาถามเซ้าซี้
"อ้อ...อยากรู้เหรอ...ก็เปล่าหรอกนะแค่รู้สึกเหมือนโดนใครมาสะกดจิตไว้น่ะ" ผมตอบเป็นนัยๆ
"แล้วไปโดนใครเขาสะกดมาตอนไหนล่ะ" เขาพูดไปพลางยิ้มไป
"รู้สึกจะเป็นคาบวิชาภาษาอังกฤษแหละมั้ง?" ผมตอบเขาทำหน้าตากวนๆ คราวนี้ผมอารมณ์ดีขึ้นมาแล้ว กลับมาเป็นเต้คนเดิมแล้ว พอดีกับจังหวะที่โจ้และหนุ่มกำลังเดินมาถึงโต๊ะพอดี ผมจึงเปลี่ยนเรื่อง
"ไปเถอะ ตึงตาเราไปซื้อกันบ้งแล้ว โจ้กับหนุ่มเดินมาทางโน้นแล้ว"
"เต้ วันนี้หลังเลิกชุมนุมแล้วนายรอเราด้วยนะ กลับบ้านพร้อมกันนะ" เขาพูดชวนผม พูดแบบรีบๆเพราะสองคนนั้นใกล้เข้ามาทุกขณะ ปกติแล้วทุกๆวันจันทร์เราไม่ค่อยได้กลับบ้านด้วยกันหรอก เพราะคาบสุดท้ายจะเป็นวิชาชุมนุม ซึ่งเป็นวิชาเลือก ผมเเละต่อเรียนคนละตัวกัน ดังนั้นเราจึงมักจะไม่ได้กลับบ้านด้วยกันในวันนี้...
"ได้สิ นายจะรอเราตรงไหนดีล่ะ" ผมเอ่ยถาม
"เราไปรอนายที่หน้าตึกวิทย์ฯดีกว่า" เขาออกความเห็น
"อย่าเลย...เดี๋ยวหนุ่มมันจะเห็น" ผมเสริมต่อ หนุ่มกับแจ๊กเรียนอยู่ชุมนุมเดียวกับผม
"เป็นไรล่ะ เห็นก็ช่างมันสิ" ต่อว่า...
"ก็ไม่เป็นไรหรอก เรารำคาญมันน่ะ เฮ้ย...ลุกเถอะมันมานั่นแล้ว เดินไปคุยไปก็ได้" ผมชวนเขาลุกจากโต๊ะ เพราะหนุ่มเดินมาจะถึงแล้ว
"นายก็รู้ว่าหนุ่มมันชอบถามโน่นถามนี่ ถามอยู่ได้บางทีเรื่องที่มันรู้อยู่แล้วมันก็มาถาม ทำอย่างกับจะมาลองภูมิเราน่ะ" ผมเอ่ยหาเหตุผลประกอบ
"อืม...งั้นเรารอนายที่ข้างตึกม.6 ก็แล้วกันนะ" เขาเสนอแนวทาง
"โอเค...4 โมงเย็นเจอกัน" ผมตบปากรับคำนัด
คราวนี้ต่างคนต่างเงียบ ผมไม่รู้หรอกครับว่าเขาจะคิดอะไรอยู่ในใจ แต่ผมนี่สิ...ผมคิด คิดว่าเขามีอะไรจะคุยกับผมหรือเปล่า...เพราะโดยปกติแล้วทุกวันจันทร์เราไม่ได้กลับบ้านพร้อมกันอยู่แล้ว แต่วันนี้เขามาแปลก เขาชวนผมกลับบ้านด้วยกันทั้งๆที่เขาน่าจะอยู่เล่นบอล กอร์ปกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนี้มันดูเหมือนว่าเขาคิดอะไรบางอย่างอยู่ ผมแอบดีใจนะ แต่ลึกๆแล้วผมกลัว...กลัวที่ไม่รู้เลยจริงๆว่าเขาจะพูดอะไรออกมาทำร้ายจิตใจผมหรือเปล่า กลัวว่าเขาจะรู้ว่าผมแอบรักเขาแล้ว...และเขารับไม่ได้ กลัวว่าสุดท้ายแล้วมันต้องจบ....ผมกลัวว่ามันจะจบเร็วเกินไป
"I am thinkin' of you in my sleepless solitude tonight..." ผมยืนร้องเพลงรอเขาอยู่ที่ข้างตึก ม.6 ผมมายืนรอเขาก่อนเวลาตั้ง 20 นาทีแน่ะ
"มาเร็วจัง เราบอกนายแล้วไงว่า 4 โมงเราจะมารอนายเอง ทำไมรีบมารอล่ะ จะมาหาว่าเรามาช้าไม่ได้นะ เรามาตรงเวลาพอดีเป๊ะ" เขาพูดพลางยื่นนาฬิกาข้อมือให้ผมดู
"อ๋อ...พอดี...เอ่อ...คือว่า...เรา...วันนี้อาจารย์แกปล่อยให้เราทำการบ้านแทนน่ะ แกไม่รู้จะสอนอะไรแล้ว เป่าแก้วเราก็เป่าเป็นแล้ว พอทำการบ้านเสร็จเราก็ขอแกชิ่งออกมาก่อน ขี้เกียจนั่งอยู่น่ะ เดี๋ยวแกให้อยู่ช่วยเช็คสมุดงานวิชาเคมีอีก คราวนี้ล่ะนายรอเรานานแน่ อีกอย่างเรามาก่อนก็ดีแล้ว นายจะได้ไม่ต้องคอย เราเองก็มาถึงก่อนนายแค่ 5 นาทีเอง" ผมกล่าว
"อืมๆ งั้นวันนี้เราไปกินข้าวกันนะ ร้านเดิมหรือร้านไหนก็ได้ตามใจนาย" เขาชวนผม
"ที่บ้านนายไม่มีให้กินเหรอข้าวเย็นน่ะ เห็นนายชอบกินที่ตลาดจัง ติดใจอะไรที่ร้านนั้นหรือเปล่า?" ผมถามแซวเขา
"ก็มันหิวน่ะ...อีกอย่างที่บ้านเราน่ะเขากินข้าวเย็นกันตอนหัวค่ำโน่นแน่ะ เพราะทั้งพ่อและแม่เราทำงานกันทั้งคู่เลย กว่าจะพากันกลับมาถึงบ้านก็หกโมงเย็นแล้ว บางทีก็มืดกว่านั้น เราเลยต้องหาอะไรกินรองท้องไปก่อน" ต่ออธิบายให้เหตุผล ซึ่งฟังดูแล้วก็น่าเห็นใจจริงๆ ก็อย่างว่าแหละนะ พ่อต่อน่ะบางทีก็ชอบไปปรากฎตัวอยู่ที่บ้านยัยหน่อย ไปนั่งกินเหล้าฟรีประมาณนั้น สังสรรค์กันไปเรื่อย นี่แหละชีวิตข้าราชการทหารไทยชั้นสัญญาบัตร ทำงานเช้าชามเย็นชาม ไม่สิ...ต้องเช้ากลมเย็นสองกลมถึงจะถูก
"ต่อ..." ผมเรียกเขาพร้อมสบตาเขา
"มีอะไรรึเปล่า?" เขาถามกลับ
"เปล่าหรอก ไม่มีอะไรเราแค่อยากจะบอกนายว่าเราเองก็หิวเหมือนกัน" ผมตอบ
"หน้าเราเหมือนกระเพราไก่เหรอเห็นมองอยู่ได้" เขาถามหยอกกลับ
"อ่ะนะ...ก็แล้วมันอร่อยรึเปล่าล่ะ?" ผมแฝงความนัยไว้ใคคำตอบ โดยไม่ได้หวังหรอกนะว่าเขาจะเข้าถึงมันหรือเปล่า แต่แล้ว...
"ลองชิมดูสิ จะได้รู้ว่าอร่อยหรือไม่อร่อย" นั่งไงล่ะครับ...คำตอบของเขาทำเอาผมขนลุกชันด้วยความตื่นเต้น มันแฝงอะไรไว้ในประโยค
"ไปกันเถอะเดี๋ยวจะเย็นมากไป นี่ก็สี่โมงกว่าเข้าไปแล้ว" ผมเฉไฉเปลี่ยนเรื่อง
เราทั้งคู่พากันเดินไปขึ้นรถมุ่งหน้าไปยังตลาด ความรู้สึกสดใสซาบซ่านมันเป็นอย่างนี้นี่เอง ช่วงเวลาของวันนี้ ผมมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก ผมอมยิ้มตลอดเวลาเหมือนคนติงต๊อง... ทุกครั้งที่ผมสบตาเขามันมักมีสัญญาณแปลกๆจากเขาส่งกลับมายังผมเสมอ แม้มันจะยังคลุมเครือ มันไม่ชัดเจนนัก แต่ผมยังคงคิดอยู่เสมอว่าผมมีโอกาส ดูเลื่อนลอยเหรอ? ไม่รู้สิผมอาจจะคิดเข้าข้างตัวเองอยู่ก็เป็นได้ แต่หากใครมาลองเป็นผมแล้วล่ะก็ ผมรับรองใครคนนั้นต้องคิดไมม่ต่างจากผมแน่นอน
เย็นวันนั้นผมมีความสุขเหลือเกิน ใช่...มันคงไม่ต่างจากวันเก่าๆที่เราเคยมีกันหรอก แต่อย่างว่าล่ะนะมันคือความสุข สุขใจก็ทำไปเถออะ
วันแล้ววันเล่า...ผมเก็บกดความรู้สึกซ่อนเร้นไว้ภายใน ผมยังคงไม่กล้าเผยความรู้สึกที่แท้จริงของผมที่มีต่อเขาออกไป เพราะ เพื่อน คำๆนี้สำคัญที่สุด ผมทรมานใจเหลือเกินครับ ผมมักจับเจ่านั่งคำนึงคิดถึงแต่เขา อยากบอกเขาออกไปถึงความรู้สึกนั้น คิดหาทางทุกวิถีทางที่จะบอกออกไปแต่ก็ยังทำไม่ได้สักที...

".........................................." ค่ำคืนที่มันแสนจะเงียบเหงา เสียงลมทะเล ท้องฟ้ามืดสนิทประดับประดาไปด้วยดวงดาวที่ทอแสงเป็นประกายแลเห็นเต็มดวงสวยงามจับใจ ต้นตาลทะเลโบกไหวไปตามกระแสลม เสียงใบของมันเสียดสีกับอากาศและกีบใบของมันเองยิ่งฟังยิ่งตอกย้ำความรู้สึกถึงความเหงา หัวใจของผมเต้นสั่นระรัวราวกับว่ามันกำลังกรีดลึกลงไปถึงขั้วหัวใจของผม ผมอยากมีใครสักคนมาอยู่เคียงข้างผมในช่วงเวลานี้ ทุกค่ำคืนของผม ผมมีสายลมทะเลและเสียงคลื่นเป็นเพื่อน อย่างที่ผมบอกไป ผมมักจะไปนั่งเล่นที่ริมทะเลเสมอแทบทุกค่ำคืน ผมมักกลบเกลื่อนความรู้สึกนี้โดยการฟังเพลง ผมมีซาวเบาท์คู่ใจกับตลับเพลงสากลที่ผมชอบฟัง แต่กระนั้นเอง...เพลงเหล่านั้นพลันทำให้ผมแย่ลงไปในทันใด เพราะมันช่างบาดลึกถึงใจผม ผมร้องไห้...ผมเหง...ลมทะเลพัดโบกน้ำตาที่ไหลเอ่อออกมาแบบไม่มีที่สิ้นสุด นัยน์ตาที่ร้อนผ่าวแต่ลมทะเลที่ปะทะเข้าใบหน้าของผม เปลี่ยนน้ำอุ่นๆให้กลายเป็นน้ำเย็นในบัดดล ผมร้องไห้จนน้ำตาแห้งเหือด....นั่งอยู่จนพอใจพอเหนื่อยแล้วก็เดินกลับบ้าน
"1...2...3...4....  1...2...3...4 1234 1234..." เสียงตะโกนร้องนับเลขแบบนี้มีให้ได้ยินอยู่ในทุกๆวันช่วงรุ่งอรุณวันใหม่ของผม ผมสามารถตื่นนอนโดยไม่ต้องใช้นาฬิกาปลุก เพราะจะมีพลทหารฯทั้งกองร้อยมาวิ่งออกกำลังกายผ่านหน้าบ้านผมทุกเช้า มากันเป็นขบวนเลยแหละ ร้องเพลงบ้างนับเลขบ้างสลับผลัดเปลี่ยนกันไปเพื่อให้เข้ากับจังหวะของการวิ่ง เสียงที่โห่ร้องออกมาแม้จะเป็นเสียงของชาติชายนับร้อยคนที่พากันตะเบ็งเสียงออกมานั้นมันฟังดูเย็นๆนิ่งๆยังไงไม่รู้ แต่บางทีมันก็ทำให้ผมรู้สึกฮึกเหิมได้เหมือนกัน
เฮ้อ...อาบน้ำเสร็จก็รีบแต่งตัว ค่อยๆบรรจงหวีผมให้ได้ทรงเก๋ไก๋อย่างที่ผมช๊อบ...ชอบ ก้าวเท้าออกจากบ้านมายืนรอรถสองแถวที่หน้าบ้าน ผมจะยืนอยู่อย่างสง่าผ่าเผย ลมปะทะตัวผมพร้อมกับหอบเอากลิ่นน้ำหอมของแม่ที่ผมแอบบรรเลงฉีดพรมใส่ตัว ไปสัมผัสที่ปลายจมูกของแม่เข้าให้
"นี่ๆ....ฉีดซะฟุ้งเลยนะน้ำหอมแม่น่ะ ไปเรียนหนังสือหรือไปเหล่สาวกันแน่ฮะ?" แม่พูดเหน็บแนมผม ผมไม่ได้ตอบอะไรได้แต่ยืนยิ้มและแอบตอบในใจ "เหล่ผู้ชายต่างหากล่ะ..."


ละลายพันธุ์ : กลับบ้านก่อนนะคร้าบบบบ เดี๋ยวมาต่อใหม่

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10

stupidchild

  • บุคคลทั่วไป
พี่คนเขียน แลดูเป็นคนที่เงียบๆ

ค่อนข้างมีโลกส่วนตัวสูงนะคับ

เก็บความรุ้สึกจนแบบ อึดอัด สุดท้ายจะต้องระบายออกมาด้วยนะตา




ไม่รุ้ว่าเปนอย่างงั้นรึป่าวนะคับ

ถ้าเปนแบบนั้นก้คงคล้ายๆผม

แต่ผมจะบ้าๆบอๆหน่อย





ยังไงก้ยังติดตามนะคับ :pig4: แระ  :pig3:

ออฟไลน์ M@nfaNG

  • ชีวิตคือการตรวจสอบ...
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4453
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +847/-18
 o2 ย่อหน้าบ้าง เว้นวรรคหน่อยก็ดีนะ 

เต้ดูคิดมากจริงๆล่ะ :เฮ้อ:

pipozac

  • บุคคลทั่วไป
Re: ฝากนิยายที่เขū
«ตอบ #43 เมื่อ27-12-2007 09:17:36 »

 :m23:

ขอบคุณทุกกำลังใจนะคร้าบบบบ....ก่อนอื่นขอโทษกับการจัดเรียงหน้า ซึ่งอาจทำให้อ่านยากไปสักหน่อย เพราะพยายามรีบลง และไม่ค่อยรู้ว่าต้องทำยังไง ที่จริงเรื่องนี้ผมเขียนเสร็จมานานแล้ว แต่ไม่รู้ว่าจะก็อปปี้มาวางยังไงได้ เพราะพอลองทำมันขึ้นโค้ดว่าอะไรไม่รู้ กลัวมันไม่ติดเลยต้องมานั่งพิมพ์เอาใหม่.....

ส่วนเรื่องชีวิตของเต้...ต้องบอกว่า ก็คงจะต้องเรียกว่าเป็นคนที่เก็บกด เพราะเขามีโลกส่วนตัวสูงจริงๆครับ การที่ต้องเป็นในสิ่งที่คนอีกมากมายที่ยังไม่พร้อมที่จะยอมรับ ดังนั้นเขาจึงต้องอึดอัดสับสนกับตัวเอง เนื้อเรื่องอ่านไปแล้วอาจจะดูเครียดๆและตรึงๆไปสักหน่อย เพราะเรื่องราวมันเป็นไปอย่างนั้น อันที่จริงมีอีกหลายเรื่องราวที่ต้องตัดทิ้งไป เพราะมันอึดอัดจริงๆครับ ยังไงซะลองติดตามดูเรื่อยๆครับ เต้จะคิดเข้าข้างตัวเองรึเปล่า? หรือว่าต่อจะมีใจให้เต้บ้างมั้ย? มาดูกันนะครับ...

ละลายพันธุ์..............
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-12-2007 09:31:08 โดย pipozac »

pipozac

  • บุคคลทั่วไป
 :oni1:

***ซ้อนความรู้สึก*** (ต่อ......)

     แสงอรุณแจ่มจ้าเจิดจรัส.... ท้องฟ้าทอสีครามสดใส บรรยากาศที่แสนดีแบบนี้ช่วยบรรเทาจิตใจที่แสนจะปั่นป่วนของผมให้รู้สึกดีขึ้นมาได้บ้าง ผมเดินผ่านเข้าประตูโรงเรียนอย่างสบายใจ มองเข้าไปภายในช่างเงียบสงัด
"โรงเรียนหรือป่าช้ากันแน่วะเนี่ย...?" ผมคิดในใจ 

เนื่องจากมันยังเช้าอยู่เวลาเช่นนี้นักเรียนส่วนมากยังไม่มีใครมากันหรอกครับ บางคนยังนอนหลับสบายอยู่บนเตียงอยู่เลยมั้ง แต่ถ้าปล่อยให้เวลาเดินผ่านไปอีกสักหน่อยสิ....หึๆ ทั้งรถทั้งคนจอแจยิ่งกว่าในตลาดสดซะอีก โรงเรียนผมจัดว่ามีบริเวณที่กว้างมากๆเป็นร้อยๆไร่ นักเรียนมีมากกว่าสามพันคนมันจึงดูอีรุงตุงนังไปสักนิด  ผมไม่ค่อยชอบนักผมจึงเลือกที่จะมาเช้าๆก่อนใคร

"มาแต่เช้าเลยนะนายเต้! มาก่อนครูอีกเหรอเนี่ย" อาจารย์กล่าวทักทายผม
"ครับ! หวัดดีครับ...จารย์!" ผมทักทายกลับพร้อมกับเหลือบไปเห็นผู้ชายคนหนึ่งกำลังเดินเข้ามาที่อาคารเรียน มือหนึ่งถือกระเป๋า หลังคร่อมเล็กน้อย แต่ขาวโคตร...ต่อนั่นเองครับ วันนี้ต่อมาเช้าเป็นพิเศษ มันแปลก! แปลกจริงๆครับ ปกติจะมาสายไงครับ ในใจผมมันแป๊บๆแบบว่าตื่นเต้นน่ะครับ

"ทำไงดีว้า? ไงดีวะกู..." ผมพรึมพรำ
"หวัดดีเต้!" ต่อเอ่ยทักผม พร้อมกับโบกมือไปมาให้สัญญาณ
"เอ้อ...หวัดดีเพื่อน มาซะเร็วเลยนะวันนี้" ผมทักตอบแบบงงๆ
"ถ้าไม่รีบมาแล้วเราจะได้มาเจอนายแบบนี้เหรอ?" น่าน...โดนไปเต็มๆครับ
"เจอแบบไหนอ่ะ...พูดถึงอะไรเอ่ย?"  ทำไรเดียงสา ประมาณว่าเขิน...
"ปล๊าว...ไม่มีไรนี่ เจอไรแบบไหนเหรอ?...ก็หลอนๆแบบนี้ไง 555" ต่อตอบยียวนกวนประสาทผม
"เดี๋ยวถีบไปโน่นเลยว่ะ" ผมว่าพลางยกเท้าขึ้นทำท่าถีบ
"มาเด่ะมา...สู้นะเว้ย เตี้ยกว่าก็จริงแต่สู้ยิบตาแน่เอาดิ" ต่อทำท่ากำหมัดดูน่ารัก...มันดูขัดๆกับบุคลิกที่ดูสุภาพอ่อนโยนของเขาอย่างสิ้นเชิง ผมอยากโผเข้าไปกอดเขายิ่งนัก แต่...ผมทำไม่ได้หรอกครับ
"มาดิ...เข้ามา เฮ้ย! ทำไมเงียบไปล่ะ นายกลัวแพ้เราล่ะสิ เต้...เต้! นายเป็นไรเปล่าเนี่ย? เราล้อเล่นนะ" ต่อยังคงทำท่าทีหยอกผม แต่ตอนนี้ผมกลายเป็นคนจิตหลุดไปแล้ว ราวกับว่าผมหายไปอยู่อีกโลกหนึ่ง เขาเรียกผมดังลั่น ผมยังคงไม่สั่นไหวใดๆจนกระทั่ง...
"ไป...เราไม่เล่นแล้วก็ได้ ขึ้นห้องเรียนกันเถอะ" เขาพูดพลางโอบไหล่ผมเดินไปด้วยกัน แม้เขาจะตัวเตี้ยกว่าผมแต่มันก็ดูอบอุ่นดีจัง ผมยังคงคิดอะไรอยู่มากมายภายในใจของผม
"ต่อ...นายนี่กวนดีเหมือนกันนะ"
"อ๋อ...นายชอบกวนๆแบบนี้ก็ไม่บอก ต่อไปจะทำให้มากกว่านี้อีก เชอะ! นี่ขนาดแค่นี้ยังหงอยซะ" เขาทำปากดี

ภายในห้องเรียนนี้มีเพียงเราสองคนเท่านั้น มันดูเงียบสงัดไปหทด บทสนทนาหายไปอีกแล้ว เพื่อไม่ให้ตัวเองหลุดอีกผมจึงหาอะไรทำ ผมเดินไปเปิดหน้าต่างห้องเรียนทีละบาน ผมไล่เปิดจากหลังห้องไปจนถึงหน้าห้อง ผมเดินถอยหลังมาเรื่อยๆจนมาถึงหน้าต่างบานสุดท้ายนั้นเอง  ด้วยความที่ไม่ได้มองว่ามีอะไรกีดขวางอยู่ทางด้านหลัง ผมก้าวเท้าเหยียบไปบนหน้าเท้าด้านซ้ายของต่อเต็มๆ แทนที่เขาจะร้องด้วยความที่เขาอาจจะเจ็บ ตรงกันข้ามเขานิ่งมากซ้ำยังเอามือทั้งสองข้างเข้ามาโอบผมไว้อีก คราวนี้สถานการณ์ยิ่งตรึงเครียดและผมก็กระอักกระอ่วนใจเหลือเกิน ผมทำอะไรไม่ถูกแล้ว ไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่ข้างใน ผมเอามือของผมทั้งสองข้างประคองมือของเขากลับ มือเขาเย็นมาก มือผมเองนั้นก็แทบจะชุ่มเต็มไปด้วยเหงื่อ ผมรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาในทันใดนั้น

"ต่อ...นายมายืนอยู่ตั้งแต่เม่อไหร่วะเนี่ย? เราตกใจหมดเลย อย่าเล่นแบบนี้ดิ เดี๋ยวหัวใจวายกันหมดพอดี" ผมกล่าวแบบใจแปล้ว แต่ก็ตั้งสติไว้ได้
"เรามาเมื่อนายเห็นเนี่ยแหละ นายตกใจจริงเหรอ? โทษทีนะเราแค่กะว่าจะย่องมาแกล้งนายเฉยๆ ไม่คิดว่านายจะดูซีเรียสมากขนาดนี้" เขาแลเห็นท่าทีแปลกๆของผม เพราะอาการของผมมันคงแสดงบางสิ่งบางอย่างออกมาจนเกินพอดี
"เฮ้ย...นายจะมาขอโทษเราทำไมล่ะ เราสิต้องเป็นฝ่ายขอโทษนาย เราเหยียบเท้านายเข้าเต็มๆจัง  เจ็บมั้ยล่ะเนี่ย?" ผมรีบพลิกสถานการณ์ ซึ่งมันกพอช่วยกลบเกลื่อนได้บ้าง
"เจ็บสิ แต่ไม่เป็นไรหรอก แค่นี้เอง"
"แค่นี้เองเหรอ? ไหนเอามาดูหน่อยซิ" ผมถามออกไปเพราะผมหมายถึงเท้าของเขาจริงๆ ผมอยากดูว่ามันเป็นรอยฟกช้ำอะไรหรือเปล่า แต่......
"นายจะให้เราถอดให้นายดูตรงนี้เลยเหรอ? ไม่ดีมั้ง มันคงไม่ได้แค่นี้อย่างที่นายคิดหรอกนะบอกเอาไว้ก่อน" เขาตอบแบบมีความนัยแฝง ผึงกับอึ้ง ทันใดนั้นโจ้ก็โผล่พรวดพราดเข้ามาขัดจังหวะพอดี ผมผลักต่อออกไปทันที
"ไง...แหมแอบมาคุยอะไรกันอยู่สองต่อสองเนี่ย?ใมแต่เช้าเลยนะต่อ นัดกันมารึเปล่าวะ?" โจ้พูดจาแบบที่ว่าทิ่มแทงตรงจุดพอดี ผมกะว่าจะทำเนียนแล้วเชียว
"เปล่าหรอก...ไม่มีอะไรนี่ พอดีเรากับเต้มาแอบดูอะไรกันอยู่ โน่นไงดูสิ" ต่อบอกโจ้แล้วก็ชี้มือไปทางหลังตึก ภาพที่เห็นเป็นภาพหมาสองตัวกำลังทำอะไรกันอย่างว่า โจ้ถึงกับหัวเราะร่วน
"อ๋อนี่...เดี๋ยวนี้พวกนายชอบแบบนี้เหรอวะ?"
พวกเรายืนมองมันหมาสองตัวนั้นประกอบภารกิจฟิโช่กันอยู่อย่างนั้น จนทำให้ทั้งผมและต่อลืมเหตุการณ์เมื่อสักครู่ไป วันนี้เลยรอดไปอีกวัน ผมกลัวตัวเองจะหลุดจริงๆ กลัวเก็บความรู้สึกไว้ไม่ได้ แต่ก็ได้เพียงแต่คิดว่าจะเก็บมันไว้ได้อีกนานแค่ไหน?

ดวงอาทิตย์กำลังจะลับฟ้า ท้องฟ้าทอสีครามหม่นหมอง...มันก็ไม่ต่างอะไรกับความรู้สึกของผมหรอก ผมทอดสายตาไกลห่างออกไปจากประตูบ้าน ภาพที่ผมมองเห็นนั้นทำให้ผมสะเทือนใจ ผมมองเห็นเด็กผู้ชายคนหนึ่งกำลังยืนร้องไห้อย่างหมดหวัง เสียงสะอื้นมีอยู่ไม่ขาดระยะ

เด็กน้อยกำลังยืนโอบกอดตัวเองอยู่เหมือนกับว่ากำลังต้องการอะไรบางอย่าง ผมมองอยู่อย่างนั้น อยากจะลุกเดินไปหาใกล้ๆเข้าไปปลอบให้หยุดร้องไห้ แต่มันเหมือนกับว่ามีอะไรมาดึงผมไว้ ผมจึงไม่สามารถลุกขึ้นไปได้ จนกระทั่งมีเสียงคนเรียกชื่อผมดังขึ้นมาแทรก

"เต้!" แม่ผมเองครับ ผมถึงกับสะดุ้งเฮือก...ทันใดนั้นภาพเด็กน้อยก็พลันหายลับตาไป ผมไม่ได้ติดใจอะไรกับสิ่งนั้นที่เกิดขึ้น อาจเป็นเพราะว่าผมอาจจะคิดมากเกินไป ผมคงจะเอ๋อไปสักหน่อยเลยเกิดภาพหลอนขึ้นมาก็เป็นได้


"เป็นอะไรไปรึเปล่าลูก ทำไมมานั่งร้องไห้อยู่อย่างนี้ มีอะไรบอกแม่ได้นะลูก" ผมงงและตกใจกับสิ่งที่แม่เอ่ย ผมร้องไห้โดยที่ผมไม่รู้ตัว ผมเป็นอะไรไป?....
"เปล่าหรอก เต้แค่เหงาๆน่ะแม่ เดี๋ยวเปิดเพลงฟังก็หายแล้ว" ผมพูดพร้อมกับลุกไปเปิดเพลงฟังดังลั่น ผมยิ้มให้แม่เพื่อเป็นการกลบเกลื่อนความรู้สึกนั้น
"มีอะไรก็คุยกับแม่นะ อย่าเก็บไว้คนเดียว ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว เดี๋ยวเดินไปกินข้าวกับแม่ที่ร้านนะเย็นมากแล้ว" แม่แลดูเป็นห่วงผมมากมาย
"อืม...เดี๋ยวเต้เดินตามไป แม่ไปก่อนเถอะ"
ผมไม่ได้อยากทำตัวมีปัญหา ผมไม่ต้องการให้แม่ต้องมานั่งห่วงผมอยู่ และผมเองก็ไม่ได้อยากจะมานั่งจับเจ่าอยู่กับความรู้สึกแบบนี้ แต่ผมจะทำอย่างไร? ผมดึงตัวเองออกจากมันไม่ได้เลย.......
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02-01-2008 23:40:07 โดย b|ueBoYhUb »

T-Jang

  • บุคคลทั่วไป
เต้เครียดเกินไปรึเปล่าเนี่ย ยังเด็กอยู่อย่าคิดมากซิ :oni2:

pipozac

  • บุคคลทั่วไป
เต้เครียดเกินไปรึเปล่าเนี่ย ยังเด็กอยู่อย่าคิดมากซิ :oni2:

ละลายพันธุ์ ขอตอบคร้าบบบบบบ.....

ต้องขอตอบคุณ T-JANG ว่าตอนนี้เต้ไม่เด็กแล้วคร้าบ แก่แล้วล่ะ แต่ว่าไปแล้วผมจะเครียดมากไปรึเปล่าต้องขอให้อ่านถึงตอยจบก่อนนะครับ แล้วจะเข้าใจมากขึ้น ขอบคุณที่แข้มาให้กำลังใจกันครับ :pig4:

T-Jang

  • บุคคลทั่วไป
เต้เครียดเกินไปรึเปล่าเนี่ย ยังเด็กอยู่อย่าคิดมากซิ :oni2:

ละลายพันธุ์ ขอตอบคร้าบบบบบบ.....

ต้องขอตอบคุณ T-JANG ว่าตอนนี้เต้ไม่เด็กแล้วคร้าบ แก่แล้วล่ะ แต่ว่าไปแล้วผมจะเครียดมากไปรึเปล่าต้องขอให้อ่านถึงตอยจบก่อนนะครับ แล้วจะเข้าใจมากขึ้น ขอบคุณที่แข้มาให้กำลังใจกันครับ :pig4:


เป็นกำลังใจให้เต้เสมอนะ ที่บอกว่าเครียดไปรึเปล่าเพราะตอนเราเท่าๆกับน้องสมองกลวง ไม่คิดอะไรเลย 5555  คิดไปก็หนักหัวตั้งใจเรียนไปดีกว่าเนอะ

pipozac

  • บุคคลทั่วไป
เต้เครียดเกินไปรึเปล่าเนี่ย ยังเด็กอยู่อย่าคิดมากซิ :oni2:

ละลายพันธุ์ ขอตอบคร้าบบบบบบ.....

ต้องขอตอบคุณ T-JANG ว่าตอนนี้เต้ไม่เด็กแล้วคร้าบ แก่แล้วล่ะ แต่ว่าไปแล้วผมจะเครียดมากไปรึเปล่าต้องขอให้อ่านถึงตอยจบก่อนนะครับ แล้วจะเข้าใจมากขึ้น ขอบคุณที่แข้มาให้กำลังใจกันครับ :pig4:


เป็นกำลังใจให้เต้เสมอนะ ที่บอกว่าเครียดไปรึเปล่าเพราะตอนเราเท่าๆกับน้องสมองกลวง ไม่คิดอะไรเลย 5555  คิดไปก็หนักหัวตั้งใจเรียนไปดีกว่าเนอะ

ก็ต้องขอขอบคุณอีกครั้งนะครับ สำหรับกำลังใจ ตอนนี้ไม่ได้เครียดเหมือนตอนนั้นแล้วล่ะครับ จะตั้งใจทำงานแทนตั้งใจเรียนละกันคร้าบบบบบ

three

  • บุคคลทั่วไป
พี่เต้ฮะอย่าเครียดมากนะครับ เครียดมากเดี้ยวปวดท้องเอานะครับ :m23:  สู้ๆนะครับผมยังไงตะวันยังมีให้เห็นนะครับป๋มเป็นกำลงใจให้นะครับผม :oni1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






pipozac

  • บุคคลทั่วไป
 :a4: :a11: :a4: :a3: :a11: :a3: :a4:

***วันวาน...แสนสุข...มิอาจลืมเลือน...***

อย่างที่บอกไปแล้วผมเป็นคนที่มีเพื่อนสนิทกันไม่มากนัก ฉะนั้นเพื่อนที่ผมมีอยู่จึงจัดได้ว่าเป็นเพื่อนแท้ที่ผมรักมากและเราก็คบกันอย่างชนิดที่เรียกว่าใสๆเลยล่ะครับ ไม่ต้องมานั่งคอยเสแสร้งใส่กันไปมา รู้สึกอย่างไรก็ทำไปอย่างนั้น

ผมและหน่อยมักจะเจอกันในเวลาหลังเลิกเรียนเสมอ พอตกเย็นสักประมาณห้าถึงหกโมงเย็น หน่อยจะขี่จักรยานหรือไม่ก็ขับมอร์เตอร์ไซค์มาหาผมที่บ้านแทบทุกวัน กิจกรรมของเราก็คือการวิ่งออกกำลังกายนั่นเอง คุณผู้อ่านลองนึกถึงภาพบรรยายกาศตามผมดูนะครับ ลองหลับตาแล้วจิตนาการตามไปด้วย สายลมพัดไหวไปยังต้นตาลสูงตระหง่าน หอบเอากลิ่นเค็มปรนเปรไปกับเสียงคลื่นซัดฝั่งของทะเล ถนนสายยาวคู่ขนานกันไปกับต้นดอกเข็มที่ปลูกไว้ราวกับรัวริมทาง ทอดสายตาไกลออกไปก็จะเห็นภูเขาและต้นไม้ใหญ่สีเขียว หากแหงนมองขึ้นบนฟ้าไม่สูงนักก็จะแลเห็นพระอาทิตย์สีส้มสุกสกาวดวงโต มันกำลังบอกลาท้องฟ้าและค่อยๆลดตัวลงสู่ท้องทะเล ฝูงนกน้อยใหญ่พากันโกลาหลบินถลาเข้าสู่รัง

"เฮ้ย! หน่อย กูอยากกินไอติมว่ะ แวะสโมสรกันก่อนเถอะ" ผมชวนหน่อยหาอะไรกิน
"มึงจะบ้าเหรอวะ....มาออกกำลังกายแล้วกินไอติมเนี่ยนะ แล้วมันจะได้อะไรวะเนี่ย ดีไม่ดีจุกอีกนะ" หน่อยแสดงอาการเหมือนจะปฏิเสธอย่างจริงจัง แต่สุดท้าย....
"เออกูเอารสเผือก วิ่งไปกินไปก็ได้วะ" เห็นมั้ยล่ะสุดท้ายก็ปฎิเสธความอยากไม่ได้ จะมากลัวอ้วนไปทำไม จะว่าไปผมและหน่อยต่างก็ผอมเพรียวอย่างกะไสยบผีทั้งคู่ ที่มาวิ่งออกกำลังกายกันเนี่ยก็ไม่ใช่อะไรหรอกครับ วิ่งเพื่อสุขภาพคร้าบบบ....สุขภาพสายตาน่ะจ้า...อ่ะๆ ไม่ต้องงงกัน ก็อาหารหูอาหารตาไงครับ ทหารทั้งนั้นครับท่าน เส้นทางที่วิ่งก็ไม่ใช่ที่ไหนเลย แต่เป็นค่ายทหารทั้งนั้น อย่าได้บรรยายเลยครับ ตรึม! หันไปทางไหน นั่นก็ผู้ชาย นี่ก็ผู้ชาย ผมล่ะช้อบ...ชอบ นังหน่อยมันเองก็คงไม่ได้รู้สึกต่างไปจากผมหรอก ดูมันจะชอบใจด้วยซ้ำไปที่เวลามีเสียงเห่าหอนจากบรรดาชายชาติทหารเหล่านั้น ไอ้ผมเองรึ...ก็หน้าชื่นตาบานไปด้วย
ผมกับหน่อยจะพากันวิ่งบ้างเดินบ้างสลับกันไป เหนื่อยนักก็นั่งพักสักหน่อย พอหายเหนื่อยก็ไปต่อกัน ระยะทางก็ประมาณสองถึงสามกิโลเห็นจะได้ มันก็ไม่ไกลเท่าไหร่หรอกนะแต่ก็พอเรียกเหงื่อได้บ้างเหมือนกัน นี่แหละครับกิจกรรมยามเย็นหลังเลิกเรียนของผม มองย้อนกลับไปกี่ครั้ง นึกถึงภาพวันเก่าๆมันก็อดคิดถึงเหตุการณ์นั้นๆไม่ได้เลย มันมีความสุขจริงๆเลยครับ

"หน่อย..." ผมเรียกชื่อมันเสียงเนือยๆ
"อะไร?" หน่อยหยุดเดินแล้วหันมาหาผม มันคงสังเกตเห็นว่าผมดูผิดปกติไป เพราะระหว่างทางที่เราเดินกลับกันนั้น ผมแทบไม่พูดจาอะไรเลย
"มึงมีอะไรรึเปล่า?" หน่อยถามซ้ำ
"มึงเคยมีความรู้สึกดีๆกับใครบ้างมั้ยวะ? ประมาณว่าสุดๆไปเลยแต่ก็แสดงออกไปไม่ได้น่ะ" ผมเอ่ยออกไป
"อย่าบอกนะว่ามึงแอบมาชอบกู" ดูๆ...ดูมัน
"มึงจะบ้าเหรอวะ? กูจะไปชอบมึงทำไมวะ มึงนี่ก็บ้ากล้าคิดเนอะ" ผมซัดมันกลับ
"อ้าว...งั้นมึงไปชอบใครวะ...สาวที่ไหน...บอกกูมาเดี๋ยวกูติดต่อให้" มันพูดทำท่าจริงจัง
"ไม่หรอก กูแค่ถามมึงดูเฉยๆ ไม่ต้องมาสาระแน"
"เออกูก็ว่า อย่างมึงคงไม่ชอบสาวๆหรอก ถ้าผู้ชายล่ะไม่แน่" น่าน...ดูมันพูดว่าเข้าให้ โดนจุดผมพอดีเลยครับ
"อ้าว...อีมืดนี่วอนซะเเล้วมึง"
"งั้นบอกกูได้ป่ะว่าใคร? กูไม่ไปบอกใครหรอกรับรองได้" มันยื้อผมด้วยความใคร่รู้ (เสือกนั่นเอง)
"สักวัน...นะเพื่อน สักวันเพื่อนคนนี้จะต้องเล่าให้มึงฟังแน่นอนรับรองเช่นกัน เพราะเพื่อนคนนี้คงเก็บเอาไว้คนเดียวไม่ได้แน่ ถ้าวันนั้นมาถึง" ผมเอ่ยไปแบบเสียงสั่นๆ
"ถ้ามึงคิดว่ากูเป็นเพื่อนของมึงล่ะก็มีอะไรก็ขอให้บอกมา แต่เออ...กูจะรอวันที่มึงพร้อมนะ แล้วกูนี่แหละที่จะเป็นคนรับฟังสิ่งที่มึงจะระบายออกมา" หน่อยในท่าทางเคร่งขรึมของมัน พาให้ผทรู้สึกเหมือนกับว่าผมมีที่พึ่งที่ระบายแล้ว แต่กระนั้นผมก็ยังไม่พร้อมที่จะบอกให้มันรู้
"กูสัญญานะเพื่อน กูบอกมึงแน่ๆถ้าถึงวันนั้น" ผมให้คำมั่นต่อมัน
"อืม...ถ้าเก็บไว้ไม่ไหว ก็แบ่งมันมาให้คนรอบข้างบ้างก็ได้เพื่อน มันจะได้เบาลงนะ" หน่อยให้กำลังใจผม ผมรู้สึกดีกับคำพูดของมันมาก
"เอาน่ะ...ไป วิ่งแข่งกันดีกว่าว่าใครจะถึงหน้าบ้านกูก่อนกัน" พูดจบผมกับมันก็พากันวิ่งฉับๆมุ่งไปยังหน้าบ้านของผม
"เฮ้! ถึงก่อนโว้ยอีเป็ด" หน่อยแสดงท่าทีดีใจที่มันวิ่งถึงที่หมายก่อนผม ราวกับว่ามันจะได้โล่หรือเหรียญทองยังไงยังงั้นแหละ
"เออ...กูยอมแพ้ก็ได้วะ มึงรีบขี่อีตั๊กแตนของมึงกลับบ้านไปได้แล้วไป ป่านนี้แม่มึงคงนึกว่าลูกสาวแสนสวยโดนลากไปโทรมที่ไหนแล้วมั้ง" ผมไล่มันกลับบ้านไปเพราะเห็นว่ามืดแล้ว อีกอย่างผมอยากอยู่คนเดียวเงียบๆในเวลาเช่นนี้ ตั๊กแตน...คงจะงงกันล่ะสินะว่ามันคืออะไร? มันก็คือมอเตอร์ไซค์คันเก่าของนังหน่อยมันเองแหละ คันสีน้ำตาลดำ ดูเก่าๆ รูปร่างผอมเพรียวคล้ายตั๊กแตน ผมเลยเรียกมันอย่างนั้น ผมและหน่อยเคยมีเรื่องราวกับมันครั้งหนึ่ง..........................


ละลายพันธุ์  :  เดี๋ยวค่อยมาเล่าต่ออีกนะครับต้องกลับบ้านก่อน บายครับ

myLoveIsYOu

  • บุคคลทั่วไป
เริ่มเข้มข้น และ น่าติดตามทุกขณะ

รู้สึกว่า เต้ จะเป็นคนที่มีความคิดโตเกินวัยมาก

ผมเองตอน อายุ ขนาดนั้น ยังไม่ได้คิดมากขนาดนี้ เลย

ออฟไลน์ ★L'Hôpital

  • แค่เราได้พบกัน...
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1521
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-18
มาเป็นกำลังใจให้นะคร้าบบ  :m4: :m4:

พี่เต้มาต่อไวๆนะครับ  :oni3: :oni3:

ออฟไลน์ M@nfaNG

  • ชีวิตคือการตรวจสอบ...
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4453
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +847/-18
รออ่านอยู่นะน้องเต้....ที่ไม่เครียดแล้ว  :m4:

stupidchild

  • บุคคลทั่วไป
เพื่อน :m29:

เมื่อความกล้ายังมีไม่มากพอ

ก้คงไม่อาจจะทำอะไรได้มาก

เท่ากับการดูอยู่ห่างๆ




มาต่ออีกนะคับ :pig4:

pipozac

  • บุคคลทั่วไป
 :oni2:

วันวาน...แสนสุข...มิอาจลืมเลือน....(ต่ออีกครับ....)

เรื่องราวที่เกิดขึ้นกับตั๊กแตนของผมและหน่อย....ในวันนั้น...ผมไปหาหน่อยที่บ้าน พอทำธุระเสร็จหน่อยก็อาสาไปส่งผมที่บ้านโดยควบตั๊กแตนคู่ใจของมันและผมเองที่เป็นคนขับมัน ระหว่างที่ผมกำลังขับอยู่เพลินๆ กำลังแหงนหน้ารับลมทะเลที่ปะทะเข้ามาอยู่เลยเชียว อยู่ๆก็มีหมาสองตัววิ่งพุ่งเข้ามาที่ด้านซ้ายของผม ผมและหน่อยตกใจกันมากจึงพากันส่งเสียงกรีดร้อง...วี้ด...ว้าย ดังลั่นเลย

ผมเองก็ลืมตัวส่งเสียงกรี๊ดรับกับเสียงของนังหน่อยอย่างเมามัน ปรสานเสียงกันอย่างไพเราะเสนาะหู  โชคดีที่อย่างน้อยผมยังมีความแข็งแรงของความเป็นผู้ชายอยู่ ผมจึงสามารถควบคุมรถเอาไว้ได้ไม่ให้ล้ม ไม่อย่างนั้นแล้วก็คงมีการเจ็บตัวกันบ้างล่ะ พอผ่านตรงนั้นมาได้ผมและมันก็พากันขำขี้แตกขี้แตนเลย นี่เป็นเพราะเจ้าตั๊กแตนคันนั้นนะเนี่ยที่ทำให้ผมกับนังหน่อยรอดมาได้

"ไปก็ได้...อย่าแอบไปร้องไห้อยู่คนเดียวอีกล่ะ แล้วพรุ่งนี้เจอกันใหม่นะ" หน่อยบอกลาผมแล้วค่อยๆขับตั๊กแตนออกไป ในระหว่างที่ผมกำลังยืนมองตามหลังหน่อยอยู่นั้น ผมก็ได้ยินเสียงรถยนต์แว่วมาทางด้านหลังของผม เสียงมันช่างคุ้นหูผมเหลือเกิน  ผมหันกลับไปหาเสียงรถนั้น โต๊ดนั่นเองครับ

โต๊ดมาพร้อมกับยานพาหนะคู่ใจของมันและก็ของผมด้วย รภยุโรปทรงคล้ายรถอเมริกันคันใหญ่ๆ ลองนึกภาพดูนะครับ ออกจะเก่าๆสักหน่อยแต่ก็คลาสสิคดี เป็นรถที่มีความแข็งแกร่งมาก โครงสร้างผลิตด้วยเหล็กเนื้อหนา...หนามาก...หนากว่าหน้าผมนิดนึง...ลองเคาะดูก็จะได้ยินเสียงดัง ปั่ก!!ๆ ภายในก็ตกแต่งด้วยเหล็กชั้นดี ลายม้งลายไม้ไม่มีร้อก เพราะอย่างที่บอกมีแต่เหล็กครับท่าน แผงประตู...เหล็ก...หน้าปัด...ก็ยังเป็นเหล็กอ่ะครับ มีแต่เบาะแหละที่ทำจากหนัง บางจุดแอบมีสปริงโผล่มาให้เห็นด้วย

แต่ก็อย่างว่าแหละครับรถมันมีอายุนานมากแล้ว กาลเวลาผ่านไปอะไรๆมันก็เสื่อมสภาพกันได้ทั้งนั้น อย่างน้อยมันก็สามารถพาผมไปไหนต่อไหนได้อยู่ล่ะ อีกอย่างผมก็รักมันเหมือนกันแม้มันจะไม่ใช่รถผมก็ตาม ทุกวันนี้ผมก็ยังคิดถึงมันอยู่เสมอ เฮ้อ...ไม่รู้ป่านนี้พ่อนังโต๊ดจะเอาไปปลูกตำลึงแล้วรึยังน้อ???....

"ไงยะ...กินข้าวรึยัง? วันนี้ฉันเอากับข้าวมาฝากแกกับแม่ด้วย มีปลาราดพริกกับแกงไก่" โต๊ดก้าวเท้าขวาออกจากรถอย่างช้าๆสวยงาม...ราวกับว่ามันกำลังก้าวลงจากลิมูซีนคันหรูยังงั้นแหละ มือซ้ายของมันหอบหิ้วถุงกับข้าวอยู่สองถุง อย่าได้คิดเชียวว่าเป็นถุงท็อปส์ โลตัส หรือจากซูเปอร์ฯอะไรพวกนั้น มันก็ถุงหูหิ้วธรรมดานี่เอง แต่นังนี่มันทำยังกับว่ามันถือของดีไว้ในมือยังไงยังงั้น โต๊ดมักจะเอากับข้าวมาฝากผมกับแม่เสมอ เพราะแม่ของมันนั้นเขาขายกับข้าวอยู่ในตลาด ลาภปากจึงบังเกิดแก่ผมและแม่

"แหม....ไม่ต้องลำบากก็ได้ แม่กูก็ขายข้าวเหมือนกันเดี๋ยวแม่กูก็หิ้วมาให้กินแล้ว เออ...ยังไงก็ขอบคุณนะ แล้วมึงกินหรือยังล่ะมากินด้วยกันก็ได้นะ"
"ไม่หรอก...ฉันรีบ...ฉันมีธุระ" มันบอกปัดอย่างไร้เยื่อใย นี่แหละมันล่ะ ชอบวางมาดดป็นผู้ดีไฮโซ
"มึงจะรีบไปไหนวะ?" ผมถามมัน
"มันเรื่องของฉัน!" ดูมันสิ น่าหมั่นไส้มั้ยล่ะ?
"อ้ะ...อีห่านี่กูถามมึงดีๆนะ" ผมเริ่มโมโห
"โอ๋.....อย่าโกรธเลยนะเพื่อนสาว เพื่อนก็กะจะมาชวนไปด้วยกันนี่แหละ แต่ไม่รู้ว่าเพื่อนจะไปได้หรือเปล่า" มันพูดคลายความรู้สึกผม
"ก็มึงจะไปไหนล่ะ?"
"พัทยา..." มันกระซิบตอบ
"ฮะ!...ไปทำห่าอะไรวะตั้งไกล แล้วไปนานมั้ยวะ?" ผมถามมันไปอย่างนั้นเอง แต่ในใจก็อยากไปใจแทบจะขาด อยู่บ้านก็เหงาได้ไปนั่งรถเที่ยวก็คงดูสนุกกว่ากันเยอะเลย
"จะไปเดินซื้อของที่โลตัสน่ะ พอดีของใช้ที่บ้านเริ่มหมดแล้ว อีกอย่างอยากไปเดินเล่นด้วย อยู่แต่แถวๆนี้น่าเบื่อจะตายไป หาดูอะไรที่มันไกลหูไกลตาบ้างดีกว่า" มันพูดซะผมอยาก...
"เออก็ดีกูก็กำลังเซ็งๆอยู่พอดี ว่าแต่กูจะไปบอกแม่กูว่าไปไหนดีวะ? ขืนกูบอกว่าจะไปพัทยา แม่ต้องแหกอกกูแน่ๆ" นี่แหละนะผมมันเป็นลูก(สาว)คนเดียว แม่ก็ต้องเป็นห่วงเป็นธรรมดา เหมือนไข่ในหินยังงั้นแหละ
"มึงก็บอกว่ากูพาไปนั่งรถแถวนี้ก็ได้ ไปหาอีแจ๊กที่ตลาดหรืออะไรก็ว่าไป โกหกบ้างก้ได้ทำป็นมั้ย? กูพามึงไปแค่สองสามชั่วโมงเดี๋ยวก็กลับ พัทยาอยู่ใกล้แค่นี้ขับรถแค่ครึ่งชั่วโมงก็ถึงแล้ว"  โต๊ดออกอุบายอย่างแยบยล ทำให้ผมเริ่มสนใจมากขึ้น
"อืม...เดี๋ยวกูลองไปขอแม่กูก่อน รอแป๊บนะเดี๋ยวกูมา" พูดจบผมก็รีบแจ้นไปขอแม่เลย
"แม่!...เดี๋ยวเต้มานะไปข้างนอกกับโต๊ดเดี๋ยวกลับประมาณสองสามทุ่ม" ผมรวบรวมสติแล้วพูดออกไป
"ไปไหนกันอีกล่ะ...แล้วไม่กินข้าวกับแม่เหรอ?" แม่ถามกลับทำเอาผมชะงัก
"ไปนั่งเล่นที่บ้านแจ๊กน่ะ น่า...นะเดี๋ยวเต้ก็กลับมาแล้ว อยู่แค่ตลาดนี่เองไม่ไปไหนไกลหรอก"
"อืม...ไปแล้วอย่าถเลไถลกลับดึกๆดื่นๆล่ะ แม่เป็นห่วงนะลูก" แม่ผมเป็นแบบนี้เสมอแหละ
"ครับ...แล้วจะรีบกลับนะ" เพื่อไม่ให้เสียเวลา ผมทิ้งประโยคไว้แค่นั้นแล้วรีบวิ่งไปที่รถโต๊ดทันที
"ไป...เร็วเดี๋ยวจะดึกซะก่อน กูขอแม่เรียบร้อยแล้วเว้ย" ผมรีบกระโจนขึ้นรถมันอย่างรวดเร็ว มันเองก็รีบพรวดพราดตามผมมา
"เออ...แล้วมึงบอกแม่ว่าไงวะ?"
"กูก็บอกว่าไปหาแจ๊กเดี๋ยวสองสามทุ่มกลับ"
"กระเทยมันก็แหลเก่งอย่างนี้แหละว้า" มันเหน็บผม
"ก็มึงสอนกูไม่ใช่เหรอ?...อีห่านี่"
"ฮิฮิ..พร้อม! ไปค่า!!!" มันพูดแบบฮาๆตามแบบของมัน แล้วก็ถอยรถขับออกไปโดยเร็ว


ละลายพันธุ์ : เดี๋ยวจะมาเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่พัทยาต่อนะคร้าบบบบบ ขอตัวกลับบ้านก่อน บาย.....
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03-01-2008 00:04:18 โดย b|ueBoYhUb »

T-Jang

  • บุคคลทั่วไป

myLoveIsYOu

  • บุคคลทั่วไป

stupidchild

  • บุคคลทั่วไป
 :m4:  เจอคนจังหวัดเดียวกันซะงั้น หุหุ

ผมนี่เดกพัทยาเรย 5555+

พี่อาจจะอยุ่เรยผมไปอีก ผมพอเดาๆได้แระ

ว่าพี่น่าจะเปนเดกแถวไหน

แต่ผมก้อุบส์ไว้แหละ ม่ายอยากนิสัยเสีย อิอิ o13

มาต่ออีกน๊าคับบบบบ

pipozac

  • บุคคลทั่วไป
 :mc3:

HAPPY NEW YEAR!!!!.........

อีกไม่กี่นาทีก็จะก้าวเข้าสู่ปีใหม่แล้ว...ก็ขอให้ทุกคนมีความสุข....ความเจริญ...เงินทองไหลมาเทมาทุกคนเลยคร้าบบบบบ....ช่วงวันหยุดนี้ก็ขอตัวไปเที่ยวเบิกบานพักผ่อนสมองก่อน แล้วพอผ่านช่วงนี้ไปแล้ว จะรีบกลับมาอัพเรื่องต่อนนะคร้าบบบบบ........

ละลายพันธุ์...

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด