(เรื่องสั้น) Valentine Special ริว-ไผ่ "ขอบคุณโลกนี้ที่มีเธอ" By Anonymus
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: (เรื่องสั้น) Valentine Special ริว-ไผ่ "ขอบคุณโลกนี้ที่มีเธอ" By Anonymus  (อ่าน 91741 ครั้ง)

ออฟไลน์ spring

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 279
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1182/-7
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้



1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย, ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้งสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกเล้าฯ ในเรื่องการเมือง เชื้อชาติ  เผ่าพันธุ์  ศาสนา และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงการตั้งชื่อเรื่องด้วยคำหยาบ คำไม่สุภาพ  ล่อแหลม และชี้เป้าให้เล้าฯ ถูกเพ่งเล็ง จากทางราชการ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าตัวไม่ยินยอม

5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง  ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6. การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมฯทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ


เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ
การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม


กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0


 
:L1: :L1: :L1: :L1: :L1: :L1: :L1: :L1: :L1: :L1: :L1: :L1: :L1: :L1:

ป้าฝากฟิคสั้นตอนพิเศษ ของเรื่อง เพราะเธอคือ...ลมหายใจ มาให้ลงในวันวาเลนไทน์จ้า





ขอลงที่ Reply ต่อไปนะ เพราะคาดว่าตัวอักษรจะล้นปริ่ม  :impress2:
Share This Topic To FaceBook

ออฟไลน์ spring

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 279
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1182/-7
"ขอบคุณโลกนี้ที่มีเธอ"  :กอด1:



พสุรีบออกไปรับหน้าเมื่อได้ยินเสียงรถ  Toyota Alphard เลี้ยวเข้ามาจอดเทียบถึงหน้าประตู  ริวเปิดประตูลงมาด้วยสีหน้าอิดโรย แล้วก้มหน้าก้มตาเดินเข้าบ้าน ปล่อยให้บรูซเลื่อนรถเข้าไปเก็บในลานจอด


“ริว...” พสุเรียกด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน เห็นท่าทางเดินเหมือนหมดเรี่ยวแรงก็อดสงสารไม่ได้


ทันทีที่เห็นหน้าพสุ  ริวก็โถมตัวเข้าไปหา แล้วซุกหน้ากับซอกคอหอมกรุ่น


“เป็นอะไรไปครับ...อ้อนอะไรละเนี่ย?”

“ริวเหนื่อย...” ริวตอบเสียงแผ่ว วันนี้เขาต้องไปดูสถานที่จัดคอนเสิร์ตใหญ่ของบริษัทด้วยตัวเอง และต้องวิ่งวุ่นเมื่อเกิดปัญหามากมาย เนื่องจากทีมงานระดับหัวหน้าหลายคนป่วย ทำให้งานล่าช้ากว่าที่คิดไว้มาก

“ไปอาบน้ำกันนะ จะได้ทานข้าวแล้วรีบนอน” พสุบอกเสียงอ่อนโยน แล้วก้มศีรษะให้บรูชเป็นเชิงขอบคุณที่พาริวมาส่งให้ ก่อนที่จะแยกกลับไป


บ้านพักบอดี้การ์ดของริว ปลูกอยู่ในรั้วเดียวกัน แต่ค่อนข้างห่าง เพราะริวซื้อที่ดินแปลงที่อยู่ติดกันเพิ่ม แล้วทำรั้วขยายอาณาเขตออกไปจนกว้างขวาง


“ริวเดินไม่ไหวแล้ว” ริวทำเสียงอ้อนแล้วเจตนาทิ้งน้ำหนักลงในอ้อมแขนของพสุ

“หึหึ...ตัวก็ไม่ใช่เล็กๆ จะให้พี่อุ้มหรือไงครับ”


ทั้งที่พูดอย่างนั้น แต่วงแขนอุ่นกลับโอบประคองเด็กหนุ่มเข้าไปในห้องและวางลงบนเตียงแผ่วเบา พอหลังแตะที่นอนนุ่มสบาย ริวก็ขยับเอียงให้ได้มุมแล้วดึงพสุมานอนข้างๆ เด็กหนุ่มซุกตัวเข้าไปในอ้อมแขนของพสุแล้วผล็อยหลับไปอย่างรวดเร็วเพราะความอ่อนเพลีย ใบหน้าอ่อนเยาว์ซีดเซียวอย่างเห็นได้ชัด ข้างแกมและปลายคางเขียวด้วยไรหนวด ริมฝีปากบางที่เคยเป็นเงาชุ่มชื้นกลับแห้งผาก

ริวรู้สึกตัวอีกครั้งเมื่อผ้าหมาดชื้น หอมกรุ่น ถูกเช็ดทั่วใบหน้าอย่างบรรจง เด็กหนุ่มได้แต่นอนนิ่งๆ เพราะเหนื่อยและเพลียจนไม่มีแรงแม้จะขอบคุณ เสื้อผ้าเขาถูกปลดออกจากกายจนหมด ผ้าผืนใหม่ถูกเช็ดไล่ตั้งแต่ซอกคอ ทรวงอก ลงไปจนถึงปลายเท้า ทุกซอกทุกมุมถูกเช็ดอย่างบรรจงจนสะอาดสะอ้าน ไม่เว้นแม้แต่ในซอกนิ้วเท้า

พสุติดกระดุมเสื้อนอนเม็ดสุดท้ายแล้วคลี่ผ้าห่มขึ้นคลุมให้ถึงอก ก่อนจะก้มลงจูบหน้าผากและปากหยักบางแผ่วเบาด้วยความเอ็นดูแกมสงสาร...ท่าทางจะเหนื่อยมากจริงๆ...ยังดีที่กรเวชโทรมาบอกว่าบังคับให้ริวกินแซนวิชรองท้องก่อนกลับมาแล้ว...เขาถึงปล่อยให้เด็กหนุ่มหลับโดยไม่ปลุกขึ้นมาทานอาหารเย็น

เพราะเช็ดตัวให้ริวเขาถึงสังเกตเห็นรอยเขียวช้ำตามแขนขาของเด็กหนุ่ม คงจะเดินสะดุดชนโน่นชนนี่ และไม่ได้ใส่ใจจะทายาอีกตามเคย พสุอมยิ้มมองหน้าหลับใหลอย่างขำขัน ก่อนจะปิดพลาสเตอร์บนรอยบาดที่ปลายนิ้วเป็นอย่างสุดท้ายหลังจากทายาแก้ฟกช้ำจนทั่วทุกรอย แล้วตัดเล็บที่เริ่มยาวของเด็กหนุ่มให้สั้นสะอาดทั้งเล็บมือและเล็บเท้า


“...พี่...” เสียงละเมอแผ่วเบา และคิ้วเข้มที่ขมวดเข้าหากันมุ่น ขณะที่มือก็ควานไปรอบๆ ทำให้พสุต้องคว้ามือของเด็กหนุ่มมาจูบเบาๆ

“พี่อยู่นี่แล้ว หลับซะคนดี” พสุกระซิบอ่อนโยนแล้วก้มลงจูบบนแก้มนุ่มหอมเบาๆ


ริวถอนหายใจยาว คิ้วที่ขมวดมุ่นคลายออก และกลับมีรอยยิ้มน้อยๆติดที่มุมปาก เป็นภาพที่น่ารักน่าเอ็นดูจนพสุอดใจไม่ไหวต้องจูบแก้มนุ่มซ้ำๆ อีกหลายที แล้วสอดตัวเข้าไปในผ้าห่มผืนเดียวกัน ริวพลิกตัวมาหา และขยับซุกเข้ามาในอ้อมแขนโดยอัตโนมัติ ทำให้พสุอดยิ้มไม่ได้

กลิ่นหอมคุ้นจมูก และสัมผัสซ้ำๆ บนแก้มและริมฝีปากอย่างหยอกเย้า ปลุกให้เด็กหนุ่มตื่นจากห้วงนิทรา ริวควานปากตามติดก่อนจะรั้งต้นคอของคนช่างแกล้งให้ทับมาบนอก แล้วสอดปลายลิ้นเข้าไปทักทายในปากนุ่ม หอม ที่ให้รสหวานละมุนหวามลึกในอก


“อืม...พอแล้วครับ ไม่หิวหรือไง” พสุถามแล้วลูบปลายนิ้วไปบนแก้มและคางระคายด้วยไรหนวดแผ่วเบา

“หิว...หิวพี่นะ”  ริวตอบเสียงแผ่ว ดวงตาเป็นประกายฉ่ำเยิ้ม ขณะพยายามดึงตัวพสุไปกอด แต่ชายหนุ่มขืนตัวไว้แล้วเป็นฝ่ายดึงให้เด็กหนุ่มลุกขึ้นนั่งแทน

“เสียใจด้วยครับ อีกครึ่งชั่วโมงพี่ต้องไปขึ้นเครื่องแล้วล่ะ”

“ฮื้อ...แล้วทำไมเพิ่งปลุกริวละครับ” ริวโอดครวญด้วยความเสียใจเมื่อรู้ว่าพี่กำลังจะออกจากบ้าน เมื่อคืนเขาเพลียจนเผลอหลับไป ไม่ได้มีโอกาสกอดพี่สั่งลา...เพราะพสุกำลังจะพาเด็กๆและคณะครูพี่เลี้ยงที่มูลนิธิไปเที่ยวภูเก็ตและค้างหนึ่งคืน พรุ่งนี้เย็นๆ ถึงจะกลับกรุงเทพ...เขาต้องห่างกับพี่ถึงสองวัน แค่คิดก็ใจหายแล้ว

“พี่เห็นริวหลับสบาย เลยไม่อยากปลุก...ไปครับ พี่ทำอาหารเช้าไว้ให้แล้ว”พสุตอบเสียงอ่อนอย่างเอาใจ เพราะดูรู้ว่าริวกำลังไม่สบายใจที่รู้ตัวว่าต้องห่างกัน


ริวเข้าไปอาบน้ำแล้วตามไปที่โต๊ะอาหาร เด็กหนุ่มชะงักเมื่อเห็นข้าวกับต้มเลือดหมูบนโต๊ะ

“พี่ไปซื้อมาให้ริวเหรอครับ” ริวถามทั้งที่แน่ใจว่าไม่ใช่ เพราะอาหารในจานหน้าตาน่ากินกว่าร้านอย่างเห็นได้ชัด

“เปล่าหรอก พี่ลองทำดูน่ะ ลองชิมสิ พอได้มั้ย?” พสุบอกพร้อมกับตักน้ำซุปป้อนถึงปาก

“...อร่อยมากครับ...นี่พี่ตื่นตั้งแต่กี่โมง” ริวถามพลางเหลือบมองนาฬิกา เพิ่ง 6 นาฬิกา แปลว่าพสุต้องตื่นตั้งแต่ประมาณ4นาฬิกา ถึงจะทำต้มเลือดหมูให้เขาทัน

“มันไม่สำคัญหรอกว่าพี่ตื่นกี่โมง สำคัญที่ว่า ริวชอบ ก็พอแล้ว” พสุตอบเสียงอ่อนโยน แล้วรับร่างที่โถมมากอดไว้ด้วยความรักและเอ็นดู

“...ขอบคุณมากครับ” ริวกระซิบบอกเสียงแผ่ว ในอกตื้นตันด้วยความสุขแกมปลาบปลื้ม แม้เมื่อคืนเขาจะเหนื่อยจนผล็อยหลับไป แต่เด็กหนุ่มก็รู้ดีว่าพี่ทั้งเช็ดตัว เปลี่ยนเสื้อผ้า และยังดูแลเขาเป็นอย่างดี เช้านี้ยังตื่นมาทำอาหารทั้งที่พสุเองก็ต้องเดินทางแต่เช้า...พี่น่ารักและแสนดีขนาดนี้ แล้วจะไม่ให้เขารักจนหมดหัวใจได้อย่างไร

“รีบกินเถอะ” พสุเตือน แล้วดันตัวเด็กหนุ่มออก แต่ริวยังคล้องเอวเขาไว้ไม่ห่าง

“พี่กินกับริวนะ”

“ครับ”


ริวกินอาหารยังไม่ทันเสร็จ บรูซก็ขับรถมารอพสุหน้าบ้าน เด็กหนุ่มสวมกอดพสุแน่นด้วยความอาลัยอาวรณ์ แม้พสุจะไปแค่สองวัน แต่สำหรับริวแล้ว เด็กหนุ่มไม่อยากให้พสุห่างสายตาแม้วินาที ครั้นจะตามไปด้วยก็ติดว่าวันนี้เขาต้องประชุมและพรุ่งนี้ต้องเซ็นสัญญาเพิ่มทุนกับนิตยสารดังในยุโรปที่เข้าร่วมเป็นเครือพันธมิตร

 ครั้นจะไม่ให้พสุไปก็ละอายใจต่อเด็กๆที่มูลนิธิ เพราะเขาเองที่ไปสัญญากับเด็กๆว่าจะพาไปงานภูเก็ตแฟนตาซี ที่เด็กๆ เห็นโฆษณาทางโทรทัศน์ ทำให้เด็กๆตื่นเต้นดีใจกันมาก และรอคอยอย่างใจจดใจจ่อ พสุจึงเลือกสุดสัปดาห์นี้เป็นวันเดินทาง แต่ริวดันมีงานด่วนเข้ามาเสียก่อน จึงไม่สามารถไปได้


“ริวไม่อยากให้พี่ไปเลย” ริวโอดครวญแล้วเกลือกหน้ากับไหล่พสุพร้อมกับกระชับวงแขนแน่นขึ้น

“อย่างอแงสิครับ...พรุ่งนี้เย็นๆ พี่ก็กลับแล้วนะ” พสุลูบแก้มสากระคายด้วยไรหนวดแผ่วเบา แล้วอดขมวดคิ้วไม่ได้ เมื่อแน่ใจว่าผิวของริวอุ่นกว่าปกติ

“ครับ...เดินทางปลอดภัยนะครับ...พอถึงแล้วโทรหาริวด้วย”

“ครับผม...ริวก็อย่าลืมกินยานะครับ ตัวรุมๆ เผื่อจะมีไข้” พสุเตือนด้วยความเป็นห่วง และตั้งใจว่าจะโทรมากำชับกรเวชอีกรอบ เพื่อให้แน่ใจว่าริวจะไม่ลืมกินยา

“ครับ” ริวรับคำแล้วดึงพสุมาจูบด้วยความโหยหา อาวรณ์ พสุจูบตอบเบาๆ แล้วตบไหล่หนาให้กำลังใจก่อนขึ้นรถ เด็กหนุ่มยืนมองตามจนลับตาแล้วรีบกลับมาอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อไปประชุม



‘เจ็บคอ...ปวดหัว...ร้อน...หนาว ทรมานอะไรอย่างนี้’


ริวพลิกตัวไปมาอย่างทุรนทุราย พิษไข้ทำให้ไม่สามารถข่มตาหลับลงได้ ทั้งที่ร่างกายอ่อนเพลีย อยากจะพักใจแทบขาด วันนี้พอประชุมเสร็จเขาก็ขอตัวกลับก่อน เพราะรู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัว ตลอดทั้งวันเขาปวดหัวและอ่อนเพลียจนไม่อยากแตะต้องอาหาร พอกลับมาถึงบ้านก็รีบอาบน้ำเข้านอน และเป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกว่าแอร์เย็นเย็นจนหนาวถึงกระดูก


“อ๊อก” แรงดันในกระเพาะ ทำให้เด็กหนุ่มต้องพุ่งตัวออกจากเตียง แต่ร่างกายที่ไร้เรี่ยวแรงทำได้เพียงแค่ทรุดอยู่ข้างเตียงแล้วอาเจียนพรวดออกมา หูเขาอื้อ ใจสั่น ปวดหัวและปวดเนื้อตัวเหมือนร่างกายจะแตกเป็นเสี่ยงๆ ขณะที่ท้องไส้ปั่นป่วนราวกับมีพายุใหญ่ ทั้งที่เห็นว่าเขาทำให้พรมสีขาวเบื้องหน้าเปรอะเปื้อนมากแค่ไหน แต่กลับไม่มีเรี่ยวแรงพอที่จะพาตัวเองไปถึงห้องน้ำได้ นอกจากปล่อยให้ของในกระเพาะถูกดันผ่านลำคอออกมาครั้งแล้วครั้งเล่า


ทันทีที่หยุดอาเจียน เขาฝืนดันตัวเองกลับขึ้นไปบนเตียง แอร์เย็นเฉียบทำให้หนาวสะท้าน แต่ไร้เรี่ยวแรงพอที่จะลุกไปปิด ในอกและลำคอแสบร้อน อาการคลื่นไส้ยังคงอยู่ แต่ไม่ทรมานมากเท่ากับตอนแรก

เสียงเรียกเข้าเฉพาะคนพิเศษเพียงคนเดียว เรียกสติของเขากลับคืนมา เขาพยายามจะควานมือไปหา แต่โทรศัพท์ที่อยู่หัวเตียงราวกับอยู่ไกลแสนไกล กว่าจะรวบรวมเรี่ยวแรงเอื้อมมือไปถึง เสียงสัญญาณก็ดับไปแล้ว

น้ำตาซึมออกมาอย่างไม่อาจควบคุมเมื่อเห็นชื่อที่ไม่ได้รับสาย...จู่ๆ ไฟหน้าจอก็สว่างขึ้นมาอีกครั้ง และชื่อเดิมก็ปรากฏขึ้นมา


“ริวครับ...ริว...กลับถึงบ้านหรือยัง” พสุถามเสียงสดใส แต่คนฟังกลับรู้สึกเหงาจนจับหัวใจ...

“...พี่...” ทั้งที่มีอะไรมากมายอยากจะคุยกับพี่ แต่เด็กหนุ่มกลับพูดไม่ออกเพราะก้อนสะอื้นแล่นมาจุกที่คอ

“ริวครับ อยู่ที่ไหนน่ะ  ริวครับ” น้ำเสียงสดใสเปลี่ยนเป็นกังวลอย่างเห็นได้ชัด

“พี่...หนาว...ช่วยด้วย” ริวตอบด้วยน้ำเสียงแหบเบา ก่อนจะไอโขลกอย่างทรมาน

“ริว! เป็นอะไรไป ริวพูดกับพี่สิ ไม่สบายเหรอ อยู่ที่ไหน” พสุเรียกร้อนรนมาตามสาย

“บ้าน...ริวแย่...ไม่ไหว” ริวตอบเสียงขาดเป็นห้วงแล้วปล่อยโทรศัพท์ร่วงลงบนเตียงเพราะไม่มีแรงถืออีกต่อไป

“ริวครับ! ริวเป็นอะไรบอกพี่...ริว! ริว!“


ริวทิ้งตัวลงจากเตียง แล้วอาเจียนออกมาอีก เขาไม่มีแรงจะตอบ แม้จะได้ยินเสียงคนในสายตะโกนเรียกร้อนรน หลังจากอาเจียนจนหมดแรง ก็พบว่าสายตัดไปอีกครั้ง น้ำตาร้อนๆ ไหลออกมาด้วยความน้อยใจ เสียใจ และโหยหา
เด็กหนุ่มนอนฟุบหลับอยู่ตรงนั้นเพราะหมดเรี่ยวแรงจะพยุงตัวเองขึ้นไปบนเตียง

เสียงไขประตู เสียงเรียกแว่วๆ ก่อนที่จะมีมือหลายมือพยายามจับเขา ริวพยายามดิ้นรน แต่ไม่สามารถปัดป้องมือเหล่านั้นได้ เขาถูกวางลงบนที่นอน แต่อาการคลื่นไส้ที่ตีตื้นขึ้นมา ทำให้เขาพยายามพลิกตัวออกให้พ้นเตียง


“อาเจียนอีกแล้วค่ะคุณบรูซ” เสียงพี่แมวสั่นสะท้าน มือเย็นๆ พยายามจะลูบหลังให้ แต่ยิ่งทำให้เด็กหนุ่มทรมาน

“อาร์ตโทรตามหมอเร็ว” เสียงห้าวสั่งเฉียบขาด และได้ยินเสียงฝีเท้าวิ่งออกไปจากห้อง

“พาไปโรงพยาบาลเลยไม่ดีกว่าเหรอคะ” พี่แมวถามและพยายามจะลูบหลังอีกแม้จะโดนริวปัดมือเธอออก

“ไม่ได้ครับ คุณริวกลัวโรงพยาบาล ยิ่งพาไปจะยิ่งทรุดหนัก โทรหรือยัง” หางประโยคนั้นห้วนขึ้นอย่างร้อนใจจนฟังรู้สึกได้

“ครับ” เสียงตอบรับหนักแน่น และยังได้ยินเหมือนมีคนคุยกันอยู่ที่หน้าห้องอีกหลายคน

“พี่...พี่...” ริวหอบหายใจแล้วพยายามปัดมือที่แตะต้องตัวเขาออก ขนลุกซู่ทั้งตัวด้วยความขยะแขยง

“เอาโทรศัพท์มาเร็ว...บอสครับ...ใจเย็นๆ นะครับ...คุณไผ่อยู่ในสายแล้ว บอสครับ” บรูซปลอบและวางโทรศัพท์ลงมาแนบหู ริวเกือบสะบัดทิ้งถ้าไม่เพราะได้ยินเสียงทุ้มนุ่มเรียกเขามาจากปลายสาย

“ริวครับ เป็นไงบ้าง”

“พี่...พี่...ช่วยริวด้วย”เด็กหนุ่มร่ำรองด้วยความทรมาน ยิ่งร่างกายอ่อนแอมากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งโหยหาพสุมากเท่านั้น อยากให้พี่อยู่ใกล้ๆ อยากให้พี่กอดเขาไว้ เขาคงรู้สึกอุ่นใจและทรมานน้อยกว่านี้

“พี่กำลังไปแล้วนะ ใจเย็นๆ นะริว” เสียงร้อนรนจากปลายสายแสดงถึงความห่วงใย แต่ที่ทำให้เด็กหนุ่มใจชื้นคือได้ยินว่าพี่กำลังจะมา

“ใจเย็นๆ ครับบอส...หมอมาหรือยัง” เสียงรอบตัวดังอื้ออึงไปหมดในความรู้สึกของริว เขาปวดหัว ปวดราวกับจะแตก แต่ไม่มีใครหยุดพูด


กลิ่นแอลกอฮอล์ทำให้ริวดิ้นรนด้วยความทรมาน ไม่เอาแล้ว กลิ่นนี้กำลังจะพรากคนที่เขารักไป ไม่เอาอีกแล้ว


“จับไว้เร็ว! อย่าโดนตัวโดยตรงนะ เอาผ้าคลุมไว้ก่อน” เสียงบรูซสั่งร้อนรน พร้อมกับมีมือมากมายพยายามกดแขนขาเขาไว้


ริวพยายามดิ้นรนสุดแรงแต่ไม่อาจฝืนแรงกดทับรอบกายได้ เขาไม่สามารถขยับแขนขาได้ดังใจ ความรู้สึกอึดอัด กดดัน ตีย้อนกลับขึ้นมาจนรู้สึกราวกับจะหายใจไม่ออก


“เฮือก!...แค้ก!....”

“ปล่อยเร็ว! ปล่อย! เดี๋ยวช็อก” สิ้นคำสั่งของบรูซ มือที่กดแน่นบนแขนขาก็หายไป ริวสูดหายใจลึก พยายามเรียกสติของตัวเองกลับมา แต่กลับยิ่งทรมานด้วยพิษไข้ที่รุมเร้า

“ทำไงดีคะ หมอเข้าใกล้ไม่ได้เลย”

“ต้องรอแล้วล่ะ เครื่องจะลงหรือยัง”

“คงใกล้แล้วค่ะ”

“ใครเป็นคนไปรับ”

“คุณอาร์ตค่ะ รีบออกไปตั้งแต่ก่อนหมอมาแล้ว”


เสียงสั่งการอื้ออึง ขณะที่ริวขดตัวเข้ามากอดไว้แน่น หนาว ปวดหัว ปวดไปหมดทั้งตัว ทรมานจนเหมือนจะทนไม่ไหว อยากหมดสติไปเสียเลยจะได้ไม่ต้องรับรู้อะไร แต่ทุกความเจ็บปวดกลับชัดเจนและถาโถมเข้ามาหาไม่หยุด...


“ริว...ริวครับ...คนดี...พี่มาแล้ว” น้ำเสียงนุ่มนวล มือเย็นฉ่ำที่สอดเข้ามาช้อนตัวเขาขึ้น ทำให้เด็กหนุ่มพยายามฝืนตัวตาม แต่ไม่มีแรงขยับ ตัวเขาถูกช้อนขึ้นวางบนเตียง ผ้าเย็น นุ่ม ลูบผ่านผิวร้อนจัดให้หนาวสะท้าน หากไม่เพราะลืมตาขึ้นมาเห็นวงหน้าคุ้นเคยจับจ้องอยู่ในระยะใกล้ เขาคงดิ้นหนี

“เช็ดตัวหน่อยนะ ไข้จะได้ลด” พสุบอกเสียงอ่อนโยน แล้วรับผ้าจากใครสักคนมาเช็ดหน้าให้เขาแผ่วเบา

“พี่...ริวหนาว” เด็กหนุ่มครางแล้วเบียดซุกเข้าไปในอ้อมแขนของพสุมากขึ้น

“พี่รู้ครับ พี่รู้...ทนหน่อยนะ ริวอาเจียนเปื้อนตัวเอง พี่ต้องทำความสะอาดให้ก่อน จะได้นอนได้สบายตัวนะครับ”
น้ำเสียงปลอบประโลมและมือนุ่มเย็นที่ค่อยๆลูบไปบนใบหน้า เหมือนจะช่วยบรรเทาความทรมาน

“ริวปวดหัว” ริวบอกเสียงแผ่ว น้ำตาร้อนๆ ไหลซึมทั้งอุ่นใจ ตื้นตัน และปรีติ  ความรู้สึกเสียใจน้อยใจก่อนหน้านี้หายไปจนหมด เพียงแค่มีอ้อมแขนของพี่ เขาก็ไม่ต้องกลัวอะไรอีกแล้ว

“ปวดมากมั้ย...” พสุถามเสียงอ่อนแล้วอังหลังมือบนหน้าผากเพื่อวัดไข้ก่อนจะหันไปพูดกับใครสักคน...ทำให้ริวหงุดหงิด...พี่คุยกับใคร...ทำไมพี่ไม่คุยกับเขา...ทำไมไม่มองแต่เขาคนเดียว

“พี่จ๋า...กอดหน่อย” ริวร่ำร้องและกำชายเสื้อของพสุไว้แน่น พสุก้มลงมาจูบบนหน้าผากเขาแผ่วเบา ทำให้เด็กหนุ่มหายหงุดหงิดทันที

“ครับ...พี่กอดแล้ว...ไม่เป็นไรแล้ว พี่อยู่นี่” น้ำเสียงนุ่มๆ กระซิบบอก แล้วเด็กหนุ่มก็ถูกช้อนขึ้นไปกอด อ้อมแขนที่โอบรัดรอบตัวแม้จะทำให้เจ็บผิวหนังแปลบปลาบทุกครั้งที่สัมผัส แต่ความรู้สึกอบอุ่นที่ไหลผ่านหัวใจ ก็ทำให้ริวหมดความใส่ใจกับความเจ็บปวดเล็กๆ น้อยๆ เหล่านั้น


แต่พสุไม่ใช่ยา แม้จะได้ซบอยู่ในอ้อมแขนของคนที่รัก แต่พิษไข้ก็ยังทำร้ายร่างกายเขาอย่างต่อเนื่อง ริวพยายามข่มอาการปั่นป่วนในช่องท้องไว้ แต่สุดท้ายก็จำต้องยอมแพ้


“พี่ปล่อย...ปล่อยริว” ริวเตือนร้อนรน และพยายามจะดิ้นออกจากวงแขนที่โอบรัดแต่เขาไม่มีแรงแม้แต่จะกระดิกนิ้ว

“เป็นอะไรไปครับริว!” พสุถามด้วยน้ำเสียงตกใจ วงแขนคลายออกเล็กน้อย

“ริวจะ...อาเจียน...” ริวบอกกระท่อนกระแท่น

“ไม่เป็นไร อาเจียนออกมาเลย ไม่ต้องกลั้นไว้...ไม่เป็นไร” อ้อมแขนของพสุยังโอบกระชับ แม้ริวจะพยายามดันตัวออก สุดท้ายเด็กหนุ่มก็หมดความอดทน

“ชู่ว...ไม่เป็นไร...อาเจียนออกมาให้หมด จะได้สบายตัวนะ...ไม่เป็นไร...เดี๋ยวก็หายแล้ว” ฝ่ามือเย็นๆ ยังลูบหลังเขาให้อย่างตั้งใจ แม้แผ่นอกของพสุจะเปียกเปื้อนไปด้วยคราบสกปรกที่เขาอาเจียนออกมาซ้ำแล้วซ้ำเล่า...

“ขอชุดใหม่ให้ไผ่สักชุดเถอะครับ”


เสียงประตูปิดเบาๆ ก่อนที่น้ำอุ่นจะป้อนให้เขาบ้วนปากจนสะอาด ผ้าเย็นๆหอมกรุ่นถูกเช็ดทั่วใบหน้าและลำคอ ก่อนที่เสื้อผ้าชุดเก่าจะถูกถอดออก ริวขดตัวเข้าหากันเมื่อผ้าชุบน้ำอุ่นลูบปราดๆ ไปบนผิวของเขาจนสะอาดหมดจดทั้งตัว เสื้อผ้าแห้งสบายชุดใหม่ถูกสวมมาให้ ก่อนที่เด็กหนุ่มจะถูกประคองขึ้นจากเตียงมายังโซฟาตัวใหญ่ที่คงถูกยกมาจากห้องนั่งเล่น  เสียงเปิดประตูและเสียงฝีเท้าของใครบางคนก้าวเข้ามาทำให้พสุขยับตัว


“พี่...พี่...” ริวรีบไขว่คว้าไว้เมื่อรู้สึกว่าพสุกำลังจะถอยออกห่าง

“ไม่เป็นไร พี่อยู่นี่...พี่แมวขอเสื้อให้ผมก่อนครับ” ท้ายประโยคพสุหันไปพูดกับคนที่เพิ่งเข้ามา ทำให้ริวรู้ว่าผู้ช่วยของพสุคือพี่แมว

“ไม่อาบน้ำเหรอคะคุณไผ่”


“คงยังไม่ใช่ตอนนี้หรอกครับ ขอเปลี่ยนแค่เสื้อก่อน แล้วพี่ช่วยเปลี่ยนผ้าปูที่นอนให้ด้วยนะครับ จะได้เชิญหมอเข้ามา”

“ค่ะ”


ริวยอมปล่อยเพียงให้พสุเปลี่ยนเสื้อตัวใหม่ แล้วคว้ามือพี่มากุมไว้แน่น เด็กหนุ่มสะดุ้งเฮือกเมื่อได้กลิ่นแอลกอฮอล์ แต่พสุช้อนตัวเขาเข้าไปกอดไว้แน่น อ้อมแขนอบอุ่นทำให้วางใจว่าพี่ยังอยู่ข้างๆ ยังไม่หายไปไหน


“ไม่เป็นไรคนดี พี่อยู่นี่แล้ว...ชู่ววววว” เสียงปลอบกระซิบข้างหู เมื่อข้อพับแขนเขาเจ็บแปลบ...ความเจ็บปวดแค่นี้ไม่ได้ทำให้ริวสะดุ้งสะเทือน แต่ที่เขากลัวจนขนลุกซู่คือกลิ่นแอลกอฮอล์ที่หลอกหลอนจนแทบสิ้นสติ ยังดีที่มีพสุอยู่ด้วย เด็กหนุ่มถึงกัดฟันทนจนหมอฉีดยาให้เรียบร้อย

“ไข้หวัดใหญ่ครับ ลงกระเพาะด้วย เลยอาเจียนหนักหน่อย...หมอฉีดยาให้แล้ว คิดว่าอีกสักพักคงหยุดอาเจียน” เสียงเบาๆ นิ่มๆ นั้นไม่คุ้นหู ริวจึงขยับเบียดเข้าไปในอ้อมแขนของพี่มากขึ้นเพื่อหาความอุ่นใจ

“ขอบคุณครับหมอ” พสุขอบคุณ แล้วประคองริววางลงบนที่นอน แต่เด็กหนุ่มกลับเบียดซุกเข้ามาในอ้อมแขนมากขึ้น เขาจึงต้องประคองกอดน้องไว้อย่างเดิม

“เชิญคุณหมอทางนี้ครับ ผมจัดห้องไว้ให้แล้ว ต้องขอโทษด้วยนะครับที่คืนนี้ต้องรบกวนให้พักที่นี่ก่อน”

“ไม่มีปัญหาครับคุณบรูซ” เสียงสนทนานั้นห่างออกไป และเงียบหายไปทันทีที่ประตูปิดลง

“พี่...พี่จ๋า” ริวเรียกเสียงแผ่ว อยากให้พสุสนใจแต่เขา ไม่อยากให้หันมองไปทางอื่นแม้แต่วินาทีเดียว

“ครับ...ว่าไงครับ” พสุขานเสียงอ่อน แล้วขยับวงแขนกระชับขึ้น

“ริวเจ็บคอ...ปวดท้องด้วย...” เด็กหนุ่มอ้อนแล้วซุกหน้ากับอกพี่ มือเย็นๆลูบหลังไหล่เขาแผ่วเบาเพื่อปลอบประโลม

“ริวอาเจียนมากนี่ครับ กินน้ำอุ่นสักนิดนะ”

“ไม่เอา ริวอยากกินน้ำแข็ง” ริวงอแง ความร้อนรุ่มในร่างกายทำให้เด็กหนุ่มอยากกินน้ำเย็นจัดๆ

“คนดี...อย่างอแงเป็นเด็กสิครับ ริวกินน้ำแข็งไม่ได้ จะยิ่งทำให้อาการแย่ลง...อยากอาเจียนอีกหรือไง”

“ไม่เอาแล้ว”

“ไม่เอาแล้วก็ต้องทนจิบน้ำอุ่นสักนิดนะครับ”


น้ำหวานอุ่นจัด แม้จะทำให้คลื่นไส้ในตอนแรก แต่เมื่อเวลาผ่านไปสักครู่ อาการคลื่นไส้ ใจสั่น รวมถึงอาการเจ็บระบมในช่องท้องก็ค่อยๆ ดีขึ้น  ริวผ่อนลมหายใจยาว ขยับศีรษะซุกกับซอกคอของพสุ ฟังเสียงเต้นของหัวใจใต้แผ่นอกที่เขานอนพิงจนผล็อยหลับไปด้วยความอ่อนเพลีย

พสุค่อยๆ ผ่อนร่างในอ้อมแขนลงบนที่นอนอย่างระมัดวัง แล้วรีบคว้าผ้าขนหนูกระโจนเข้าห้องน้ำ อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าอย่างรวดเร็วที่สุด โดยที่ไม่กล้าล็อกประตูห้องน้ำ เพราะเกรงว่าเขาจะไม่ได้ยินเสียงถ้าริวตื่นขึ้นมา


“พี่...” ริวสะดุ้งตื่น แล้วเรียกหาพสุทันทีตามสัญชาตญาณ วงแขนอุ่นโอบตัวเขาเข้าไปกอดทำให้เด็กหนุ่มผ่อนลมหายใจยาวอย่างโล่งอกที่พี่ยังอยู่ข้างๆไม่ได้ทิ้งไปไหน

“เป็นไงบ้างครับ ยังคลื่นไส้อยู่มั้ย?” พสุถามพลางอังหลังมือลงบนหน้าผากและซอกคอของเด็กหนุ่มเพื่อวัดไข้

“ไม่แล้วครับ...แต่ปวดหัวชะมัด...เจ็บคอมากเลยด้วย” ริวอ้อน แล้วขยับเบียดเข้าไปในอ้อมแขนของพี่

“แล้วมันจะค่อยๆ ดีขึ้นครับ เดี๋ยวจิบน้ำขิงสักนิดนะครับ” พสุปลอบแล้วจ่อแก้วน้ำขิงถึงปาก แม้ริวจะเกลียดรสเผ็ดร้อนของขิง แต่เด็กหนุ่มรู้ดีว่าพี่ต้องเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้เขาเสมอ เด็กหนุ่มจึงฝืนกินไปครึ่งแก้ว เรียกรอยยิ้มยินดีแกมเอ็นดูจากพสุได้ทันที

“พี่...” ริวเรียกเสียงละห้อย มือเย็นนุ่มก็ลูบบนแก้มเขาตอบทันที เด็กหนุ่มจึงคว้ามากุมไว้แน่น

“ครับ?”

“ริวรักพี่จัง” ริวบอกแล้วจูบมือพสุเบาๆ

“พี่ก็รักริวมากเหมือนกัน” พสุบอกหลังจากจูบบนปลายจมูกโด่งตอบ

“ริวรู้...เมื่อคืน ริวอาเจียนใส่พี่ด้วย...ริวขอโทษ” ริวบอกเสียงอ่อน แล้วขยับเข้าหาพสุมากขึ้น เช่นเดียวกับวงแขนอุ่นที่โอบกระชับกว่าเดิม

“ช่างมันเถอะ เรื่องแค่นั้นเอง...ขอแค่ริวหายทรมาน พี่ก็ดีใจแล้ว...กินน้ำขิงไปแล้ว อีกสักพักค่อยกินข้าวนะครับ จะได้ไม่คลื่นไส้อีก” พสุบอกเสียงอ่อนโยน แล้วหันไปต่อโทรศัพท์ออกไปข้างนอก


ครู่เดียวก็มีเสียงเคาะประตูเบาๆ แล้วพี่แมวก็เข้ามาพร้อมถาดข้าวต้ม


“คุณริวเป็นไงบ้างคะ” สายตาของแม่บ้านที่จ้องมองเด็กหนุ่มในอ้อมแขนของพสุ เต็มไปด้วยความรักและห่วงใยจนริวตื้นตันในอก

“ดีขึ้นแล้วครับ ขอบคุณพี่แมวมาก ที่เมื่อคืนเข้ามาดูริว” ถึงจะทรมานด้วยพิษไข้ แต่ริวก็ยังมีสติรับรู้ว่าใครเข้ามาดูแลเขาบ้าง

“คุณไผ่สิคะโทรไปตาม บอกว่าคุณริวอาเจียนอยู่ในห้อง พี่ลนจนหากุญแจไม่เจอ คุณบรูซเลยพังประตูเข้ามา” พี่แมวตอบด้วยน้ำเสียงและสีหน้าแสดงความผิดหวังในตัวเองอย่างเห็นได้ชัด หากเมื่อคืนบรูซไม่อยู่ด้วย เธออาจทำให้ริวป่วยหนักกว่าเดิมก็เป็นได้

“ริวไม่รู้เรื่องเลย” เด็กหนุ่มตอบพี่แมว แล้วหันมามองหน้าพสุอย่างขอบคุณ

“ก็ตอนพี่เข้ามา คุณริวแทบไม่มีสติแล้ว ทั้งอาเจียนทั้งไข้ หน้าซีดจนเขียวเลย แถมยังไม่ยอมให้หมอแตะตัวอีก  ดีว่าคุณไผ่กลับมาเร็ว ไม่งั้นคงแย่” พี่แมวเล่าถึงเหตุการณ์เมื่อคืนด้วยความรู้สึกใจหายใจคว่ำ

“พี่ไผ่เป็นซุปเปอร์ฮีโร่ครับ ขนาดอยู่ถึงภูเก็ตยังกลับมาช่วยริวได้ทัน” ริวสบตากับพสุแล้วยิ้มให้พี่อย่างชื่นชม

“จริงด้วยค่ะ...พี่วางข้าวต้มไว้ตรงนี้นะคะ เดี๋ยวสายๆ หมอจะมาตรวจค่ะ” พี่แมวบอกยิ้มๆ แล้วเตรียมจะออกไปเพื่อให้ริวกับพสุได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันอย่างเต็มที่

“เมื่อคืนหมอค้างที่ไหนครับพี่แมว” พสุรีบถามขึ้นเสียก่อน เมื่อคืนเขามัวห่วงน้องจนไม่ทันได้ดูแลแพทย์ที่มาตรวจรักษาให้ริวถึงบ้าน

“พักที่บ้านคุณบรูซค่ะ...หายไวๆ นะคะคุณริว จะเอาอะไรก็เรียกพี่ได้ตลอดเวลาเลยค่ะ” พี่แมวอวยพรริวทิ้งท้ายแล้วล็อกประตูห้องให้ก่อนออกไป


พสุก้มมองคนในอ้อมแขนด้วยความเจ็บปวดเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ เมื่อคืน...ภาพที่น้องนอนขดตัวงอหน้าขาวซีด และภาพที่ริวอาเจียนจนตัวโก่งหน้าคล้ำแทบเขียวด้วยความทรมานยังติดตาไม่หาย เพียงแค่นึกถึงหัวใจเขาเหมือนจะขาดรอนๆ

หากเขาอยู่ด้วย ริวคงไม่อาการหนักขนาดนั้น...นี่เป็นเพราะเขาทิ้งน้องไว้คนเดียว ทั้งที่เคยสัญญาไว้แล้ว...ริวต้องป่วยหนักเพราะเขาเองที่ผิดสัญญา...ช่างน่าสมเพชตัวเองเหลือเกินที่ไม่เคยทำได้อย่างปากพูด ไม่สมกับที่น้องรักและไว้ใจจนฝากชีวิตไว้กับเขา


“ริวไม่เป็นอะไรแล้วครับ” ริวบอกพร้อมกับจูบมือพสุเบาๆ ยิ่งเห็นสีหน้าเจ็บปวดของพสุเด็กหนุ่มก็ยิ่งตื้นตันใจ ที่พี่รักเขาขนาดนี้

“พี่รู้ครับ แต่อดใจหายไม่ได้ ถ้าเมื่อคืนริวรับโทรศัพท์ไม่ไหว...ถ้าริวหมดสติอยู่คนเดียว...กว่าจะมีใครรู้...แค่คิดพี่ก็สั่นไปหมดแล้ว...ต่อไปนี้พี่คงไม่กล้าไปค้างคืนที่ไหนอีกถ้าไม่มีริวไปด้วย” พสุลูบศีรษะริวเบาๆ แล้วก้มลงจูบบนหน้าผากเนียน เพื่อเรียกกำลังใจให้ตัวเอง


ผิวอุ่นหอมแป้งเด็ก ทำให้ความห่วงใยยิ่งทับทวี...น้องยังเด็กขนาดนี้ ทำไมเขาถึงปล่อยปละละเลย...คงเพราะหน้าที่การงานทำให้เขาเผลอคิดไปว่าริวโตแล้ว...ต่อไปเขาต้องให้เวลากับริวมากขึ้น ใส่ใจน้องให้มากขึ้น ไม่มัวห่วงพะวงกับเรื่องอื่นอีก...เพราะคนที่สำคัญที่สุดในชีวิตอยู่ตรงนี้ จะมัวห่วงอะไร


“ริวก็อยากจะบอกว่าไม่เป็นไร...แต่ริวพูดไม่ได้ เพราะริวดีใจที่พี่จะไม่ไปไหนโดยไม่มีริวอีก...ริวรู้ว่าเห็นแก่ตัวที่ยึดพี่ไว้กับตัวตลอดเวลา แต่ริวก็มีพี่คนเดียวนี่นา พี่เป็นคนเดียวในโลกที่ริวรัก แล้วก็เป็นเดียวที่รักริว...ริวไม่อยากให้พี่ห่างไปไหนสักวินาทีด้วยซ้ำ” ริวขยับจะจูบพสุ แล้วนึกขึ้นได้ว่าตัวเองป่วย เกรงจะเอาไข้ไปติดพี่ จึงทำได้แค่ซุกหน้ากับอกอุ่นเพื่อออดอ้อน แต่พสุไม่ทำให้น้องผิดหวัง ชายหนุ่มก้มลงจูบปากนุ่มแผ่วเบา แล้วค่อยๆ ทวีความหนักแน่น วาบหวามจนตอนที่ถอนปากออก ริวถึงกับแก้มแดง ตาปรอยด้วยอารมณ์พิศวาส หากไม่ติดว่าอ่อนเพลียจนแทบไม่มีแรง เด็กหนุ่มคงไม่ยอมนอนเฉยๆร อหมอมาตรวจแบบนี้แน่....



 
กลัวตัวอักษรจะเกิน มีอีกต่อนะจ๊ะ จุ๊บุๆ :L2:

ออฟไลน์ harumi

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +156/-33

ออฟไลน์ spring

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 279
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1182/-7
"ขอบคุณโลกนี้ที่มีเธอ"


.........ไม่มีวันไหนที่ไม่รักเธอ


หลังจากนอนป่วยอยู่ 3 วัน ริวก็ต้องรีบลุกไปทำงาน เพราะตั้งใจจะทำเพลงให้ทันก่อนวาเลนไทน์ เขาจะได้มีเวลาอยู่กับพสุอย่างเต็มที่ สองวันที่ผ่านมาริวเลิกงานหลังเที่ยงคืนทุกวัน บรูซจึงทำหน้าที่ขับรถไปรับไปส่ง เพราะพสุไม่ยอมให้ริวขับรถเอง เพิ่งมีวันนี้ที่ริวขอขับรถเองเพราะตั้งใจไว้แล้วว่าจะรีบเลิกงานแล้วไปรับพสุกลับบ้านด้วยกัน


“จะกลับแล้วเหรอริว” ทรงเผ่าถามทันทีที่เห็นริวเปิดประตูออกไป ก่อนจะยกนาฬิกาขึ้นดู เพิ่ง 17 นาฬิกาเท่านั้น แม้จะเป็นเวลาเลิกงานแล้ว แต่ปกติถ้างานยุ่งๆ แบบนี้ริวมักจะกลับดึกทุกคืน

“ครับ” เด็กหนุ่มรับคำเสียงใส ตากลมโตเป็นประกายวาบวับด้วยความสุข ทำให้ทรงเผ่าอดยิ้มเอ็นดูไม่ได้

“พี่ว่าจะชวนไปฉลองกันเสียหน่อย” ทรงเผ่าบอกยิ้มๆ แล้วชูบัตรสมนาคุณพิเศษที่ผู้สนับสนุนมักจะส่งมากำนัลอยู่บ่อยๆ แต่ริวกลับไม่เคยไปใช้บริการเลย เพราะทันทีที่เลิกงานเด็กหนุ่มจะรีบร้อนกลับบ้าน ไม่เคยไปไถลที่ไหน

“วันนี้คงไม่สะดวกครับ” ริวปฏิเสธยิ้มๆ ไม่มีแววเกรงใจ เพราะเด็กหนุ่มถือว่านี่ไม่ใช่เวลางาน แต่เป็นเวลาส่วนตัวที่เขาควรจะได้พักผ่อนเต็มที่ ให้สมกับที่เหนื่อยมาทั้งวัน

“อ้าว! อ๋อออออออ โอเค ไปเหอะ” ทรงเผ่าอุทานแล้วทำหน้าเหมือนเพิ่งนึกขึ้นได้ ก่อนจะโบกมือลาเด็กหนุ่ม

“อะไรของพี่ อ้าวแล้วอ๋อ?” ไมตรีที่เพิ่งเปิดประตูออกมาจากห้องบันทึกเสียงทันได้ยินประโยคสุดท้ายของทรงเผ่าจึงอดถามอย่างข้องใจไมได้

“ก็วันนี้วาเลนไทน์...ริวมันก็ต้องรีบกลับเป็นธรรมดา” ทรงเผ่าตอบยิ้มๆ เขาเป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่รู้เรื่องความสัมพันธ์ของริวกับพสุ

“ริวมันน่ารักนะครับ ท่าทางใส่ใจไผ่มากเลย” ไมตรีหันไปมองทางบันไดลงชั้นลอยที่เด็กหนุ่มเพิ่งลับหายไปด้วยความชื่นชม

“นั่นสิ น้องมันทุ่มเทขนาดนี้ ถึงเปลี่ยนใจไผ่ให้หันมารักมันได้” ทรงเผ่าตอบแล้วอดนึกถึงความรู้สึกช็อก อึ้งของตนเองตอนที่รู้ว่าพสุกับริวคบกันแบบคนรักไม่ได้ หากไม่เห็นกับตาว่าริวรักและใส่ใจพสุขนาดไหน คงเป็นเรื่องยากที่จะทำใจให้ยอมรับว่าผู้ชายสมบูรณ์แบบอย่างพสุจะยอมเป็นเกย์

“เห็นแล้วอิจฉาไผ่นะพี่” ไมตรีนั้นเข้าข้างริวตั้งแต่แรก และคอยลุ้นอย่างชื่นชมในความรักของทั้งคู่

“หึหึ แกก็หาหนุ่มๆ เข้าสักคนสิวะ” ทรงเผ่าบอกยิ้มๆ และหัวเราะก๊ากเมื่อเห็นไมตรีหันมาทำหน้าสะอิดสะเอียนใส่

“โหพี่! ขนลุกว่ะ พูดมาได้ ผมหมายถึงเด็กสองคนนี้มันน่ารักดีต่างหาก ไม่ได้หมายความว่าผมจะเปลี่ยนรสนิยม”

“จะไปรู้เหรอ หึหึ แค่นี้ทำงอน แกชักจะสาวแตกแล้วนะตรี ฮ่าๆๆ” ทรงเผ่าหัวเราะก้อง ขณะที่ไมตรีได้แต่บ่นอุบอิบ เพราะเกรงใจไม่กล้าต่อล้อต่อเถียงกับทรงเผ่า


ริวยังอมยิ้มกับบทสนทนาที่ได้ยินโดยบังเอิญ เด็กหนุ่มตั้งใจจะย้อนกลับขึ้นไปหยิบแผ่นเดโม่ที่นักร้องใหม่อัดเสียงไว้ แต่พอได้ยินทรงเผ่ากับไมตรีคุยกันก็เปลี่ยนใจ รีบกดลิฟต์ลงไปข้างล่าง และเพิ่งเห็นจากเงาสะท้อนว่าตัวเองยิ้มกว้างแค่ไหน

ทุกคนที่รู้เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเขากับพสุ ต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเขารักและทุ่มเทให้พสุมากมาย แต่ความจริงแล้ว พี่ต่างหากที่ทุ่มเททุกอย่างให้เขา และเสียสละเพื่อเขามากเสียจนริวคิดไม่ออกว่าเขาจะตอบแทนความรักของพสุได้ยังไง

ริวต่อสายหาบอดี้การ์ดคนสนิท ที่กลายเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวไปแล้ว แม้จะเป็นครอบครัวที่คอยดูแล ห่วงใยห่างๆ และจะไม่เข้ามายุ่มย่ามถ้าไม่ถูกเรียกหาหรือมีเหตุฉุกเฉิน  สัญญาณดังเพียงสองครั้งก็มีคนรับสายทันที


“ครับบอส”

“เรื่องดอกไม้ เรียบร้อยแล้วใช่มั้ยบรูซ”

“ครับ” บรูซรับคำสั้น หนักแน่น ตามนิสัย

“อืม ขอบใจมาก” ริวบอกแล้วยิ้มกว้าง เท่านี้ทุกอย่างก็พร้อม

“ยินดีครับ”





ริวขับรถไปรับพสุที่มูลนิธิ  เขายอมปล่อยให้พสุกลับมาทำงานอีกครั้ง หลังจากที่ไฮโซผกามาศ เลิกตามตื้อพสุและไม่มาเหยียบที่มูลนิธิอีกเลย ริวคิดว่าเธอคงเดาความสัมพันธ์ระหว่างเขากับพสุออก ก็เลยไม่มาตอแยอีก

เมื่อริวเปิดประตูห้องพัสดุเข้าไป ก็พบว่าพสุกำลังง่วนอยู่กับการตรวจนับนมผงและผ้าอ้อมสำเร็จรูป จนไม่รู้ตัวถึงการมาของเขา


“ริว! พี่ตกใจหมด” พสุหันมาอุทานเมื่อเด็กหนุ่มรวบตัวเขาไปกอดและหอมแก้ม

“อันตรายนะครับ ทำงานแล้วเผลอตัวแบบนี้ ระวังจะโดนสาวๆ จู่โจม” ริวล้อยิ้มๆ ขณะไล้ปากไปตามซีกแก้มเนียนสะอาดแผ่วเบา สูดกลิ่นน้ำหอมจางๆ ไว้เต็มอก ตัวพี่อุ่นและหอมชื่นใจเสมอ

“หึ...ไม่มีสาวคนไหนมาจู่โจมพี่หรอก นอกจากหมาป่าตาแป๋วอย่างริว” พสุหันไปตอบแล้วดึงแก้มริวเล่นอย่างหยอกเย้า

“พูดอย่างนี้ ริวถือว่าพี่ท้าให้ริวรีบขย้ำแกะหนุ่มเนื้อหวานนะครับ” ริวทำตาวิบวับแล้วแกล้งซุกไซ้ซอกคอพสุแรงๆ จนพสุต้องดิ้นหนี

“ริว...อย่าสิ ปล่อยก่อน เดี๋ยวใครมาเห็นเข้า” พสุปรามเสียงเริ่มสั่นเมื่ออารมณ์หยอกล้อถูกแทนที่ด้วย
ความรู้สึกไหวหวามจนใจเต้นแรง ร่างกายร้อนผะผ่าว

“ริวล็อกประตูแล้วครับ” ริวกระซิบตอบแล้วจูบปิดปากนุ่ม สอดลิ้นเข้าไปกอดเกี่ยวดูดกลืนในโพรงปากหอมหวานจนสติเริ่มกระเจิง ร่างกายร้อนผ่าวจนต้องเบียดสะโพกเข้ากับสะโพกของพสุ

“อื้ม...พอแล้ว แค่จูบพอ” พสุพยายามปราม ทั้งที่ตัวเขาเองก็ร้อนไปทั้งตัว

“งั้นไปต่อกันที่บ้านนะ” ริวอ้อนและยังคลอเคลียปากไปตามแก้มกับซอกคอหอมของพสุ

“เมื่อวานก็เพิ่งทำไปเองนะ” พสุท้วงเสียงอ่อย เบา เพราะการห้ามริวนั้น ยังไม่ยากเท่าห้ามใจตัวเอง

“ก็มันส่วนของเมื่อวานนี่ครับ” ริวตอบเสียงเจ้าเล่ห์ และดูดติ่งหูพสุแรงๆ จนเจ้าตัวสะดุ้ง

“แต่พี่ยังไม่...” พสุเสียงสะดุดเมื่อท่อนขาแข็งแรงสอดเข้ามาระหว่างขาของเขาและเจตนาขยับเบียดจนเสียววาบ

“เลือกเอานะครับ ว่าจะกลับบ้านกับริวดีๆ หรือจะให้ริวกดพี่ในห้องนี้ เปลี่ยนสถานที่บ้างก็ดีนะครับ ได้รสชาติไปอีกแบบ” ริวถามยิ้มๆ แต่ประกายวาววับในดวงตานั้นไม่แสดงว่าล้อเล่นแม้แต่น้อย

“พอเลยๆ ไปกลับ” พสุรีบปราม ก่อนที่เขาจะปล่อยให้อารมณ์อยู่เหนือเหตุผล แล้วใช้ห้องพัสดุนี้เป็นวิมานรักชั่วคราว...เขายังไม่อยากสิ้นความนับถือตัวเองขนาดนั้น

“คร้าบบบบบ” ริวรับคำเสียงใส แล้วโอบเอวพสุให้เดินแกมวิ่งไปที่รถ





ทันทีที่เปิดประตูรั้ว พสุก็ต้องชะงักอึ้ง ทุกหนแห่งในบ้านเขาเต็มไปด้วยดอกกุหลาบสีขาวในกระถางไล่เรียงตั้งแต่ประตูรั้ว ไปจนถึงชายคาบ้าน

“สุขสันต์วันวาเลนไทน์ครับ” ริวบอกเสียงใส แล้วผายมือไปยังอาณาจักรดอกกุหลาบขาวตรงหน้า

“ริว...พี่...” พสุพูดไม่ออก กวาดตาไปตามดอกไม้งดงามเบื้องหน้าด้วยความตื้นตันใจ

“ริวรู้ว่าพี่ไม่อยากได้ของขวัญ แต่ริวอยากให้นี่ครับ ปีที่แล้วริวซื้อกุหลาบมาให้ พี่ก็บ่นว่ามันสิ้นเปลือง ปีนี้ริวเลยซื้อมาทั้งกระถางเลย จะได้ยกไปปลูกที่ไร่เพชรบูรณ์ของเราได้ แบบนี้ก็ไม่สิ้นเปลืองโดยเปล่าประโยชน์แล้วใช่มั้ยครับ” ริวรีบออกตัว เพราะไม่อยากให้มีอะไรระคายเคืองใจพสุในวันดีๆวันนี้

“ครับ...หึหึ” พสุหัวเราะในลำคอ แล้วส่ายหน้าอย่างขันๆ

“พี่ขำอะไรเหรอ...หรือไม่ถูกใจของขวัญของริว?” เด็กหนุ่มถามแล้วรอยยิ้มก็เจื่อนลง เขาให้กุหลาบซ้ำกับปีที่แล้ว ทำให้กังวลว่าอาจไม่เป็นที่ประทับใจพสุ

“เปล่าหรอก พี่ขำที่เราใจตรงกันต่างหาก...พี่ก็มีดอกไม้จะให้ริวเหมือนกันนะ” พสุตอบยิ้มๆ แล้วลูบแก้มน้องเบาๆ เพื่อปลอบใจและเอาใจ

“จริงเหรอ?” ริวถามเสียงใส นึกไม่ออกว่าพสุเตรียมของขวัญไว้ให้เขาตอนไหน เพราะเมื่อเช้าพสุออกจากบ้านพร้อมเขา

“มานี่สิ” พสุจูงมือริวหลีกดอกกุหลาบเข้าไปในบ้าน แล้วเดินเลยไปที่ห้องนอน เลื่อนบานเลื่อนหน้าต่างออกเพื่อหยิบกระถางดอกกุหลาบสีแดงสดที่คลี่บานน้อยๆ มาส่งให้ริวทั้งกระถาง

“พี่ปลูกเอง รดน้ำ ใส่ปุ๋ยและดูแลมันเอง เพื่อจะให้ริวในวันนี้” พสุบอกอย่างภาคภูมิ แม้จะเป็นเพียงดอกไม้กระถางเดียว แต่เขาก็ดูแลมันอย่างดีด้วยความรักและความตั้งใจ

“โห...นี่พี่ปลูกให้ริวหรอกเหรอครับ แบบนี้กุหลาบที่ริวซื้อมาก็จืดหมดเลยสิ...ขอบคุณมากครับ” ริวตรงเข้ามาจะสวมกอด แต่พสุดันไหล่เด็กหนุ่มไว้เสียก่อน

“แล้วก็นี่ด้วย...ของขวัญวาเลนไทน์ของพี่ สำหรับริวคนเดียว” พสุบอกพร้อมกับส่งกล่องของขวัญขนาดไม่ใหญ่นัก แต่หนักอึ้งมาให้


ริวเปิดดูแล้วขมวดคิ้วเมื่อเห็นว่าเป็นภาพถ่ายโพลารอยด์ที่เย็บรวมกันเป็นอัลบั้ม หน้าปกเป็นภาพต้นกุหลาบต้นเล็กในกระถางอยู่ตรงกลางกรอบรูปหัวใจ ชายหนุ่มเงยขึ้นมองหน้าพสุอย่างสงสัย พสุจึงหยิบอัลบั้มออกมา แล้วเปิดภาพให้ริวดูทีละภาพ และเปิดเร็วขึ้นเรื่อยๆ จนคล้ายๆ กับการดูสไลด์ ทำให้ริวได้เห็นว่ากุหลาบที่พสุถ่ายรูปไว้ทุกวันกำลังเติบโตขึ้นต่อหน้าต่อตาเขา
ริวนิ่งงันไปอย่างคาดไม่ถึง เพิ่งเข้าใจว่าทำไมพสุถึงต้องหมั่นรดน้ำและถ่ายภาพเจ้ากุหลาบกระถางนี้ทุกวันในตอนเช้า ด้านหลังรูปทุกใบพสุได้บันทึกเรื่องราวในแต่ละวันเอาไว้ ซึ่งล้วนเป็นเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับตัวเขาทั้งสิ้น





“15 กุมภาพันธ์....เพราะของขวัญวาเลนไทน์เมื่อคืนทำให้พี่นอนไม่หลับ
ดอกกุหลาบขาวแสนสวยนับพันที่ริวจัดไว้เต็มห้องจนแทบไม่มีทางเดิน...ทำให้พี่อึ้งและมีความสุขมาก พี่จึงคิดว่าพี่จะทำของขวัญให้ริวบ้าง
แม้มันอาจจะเป็นเพียงของชิ้นเล็กๆ ที่ราคาไม่สูง แต่พี่อยากให้ริวรู้ว่า พี่ตั้งใจจะทำสิ่งนี้ให้ริวโดยเฉพาะจริงๆ นะครับ
วันนี้จึงเป็นวันแรกที่พี่ไปหาต้นกุหลาบมาปลูก แม้ริวจะไม่ทันสังเกตมัน แต่สักวัน พี่แน่ใจว่าริวจะเริ่มจำมันได้
เมื่อมันกลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตเรา หึหึ...พี่กำลังเลียนแบบริวนะ ให้กุหลาบในวันวาเลนไทน์ปีหน้ายังไงล่ะ
พี่สัญญาว่าจะดูแลเจ้ากุหลาบต้นนี้ให้ดีที่สุดเพราะมันคือของขวัญสำหรับริวครับ”





“20 เมษายน...เจ้ากุหลาบต้นน้อยของริวแตกกิ่งอวบงามน่าชื่นใจ สมกับที่ลงทุนหอบมันมาไกลถึงเพชรบูรณ์ด้วย...
ช่วงสงกรานต์ริวงานยุ่ง พี่ก็งานยุ่ง แทบไม่มีเวลาได้อยู่ด้วยกัน พี่คิดอยู่เหมือนกันว่าริวอาจจะไม่ค่อยพอใจที่พี่ยุ่งจนไม่มีเวลาให้ แต่ไม่คิดว่าริวจะน้อยใจจนไม่ยอมกินข้าว
เมื่อคืนตอนที่พี่แมวโทรมาบอกว่าริวอดข้าวประท้วงที่พี่มาเพชรบูรณ์โดยไม่รอ ทำเอาพี่ใจแป้ว...โทรหา ริวก็ไม่ยอมรับสายสักที จนอกพี่แทบลุกเป็นไฟ หากไม่เพราะต้องรอเซ็นรับงาน พี่คงขับรถกลับไปหาริวกลางดึก 
แต่ไม่เป็นไรใช่มั้ยครับ...ถึงเราจะอยู่ห่างกัน...แต่เราก็กินข้าวพร้อมกันได้...ริวไม่รู้หรอกว่าพี่รู้สึกดีแค่ไหนที่ได้ยินเสียงริวหัวเราะเขินๆ ตอนที่พี่บอกให้ริวตักข้าวกินไปพร้อมๆ กัน...
เห็นมั้ยครับ ถึงเราจะอยู่คนละจังหวัด แต่เราก็อยู่ใต้ฟ้าเดียวกัน...ดูดาวดวงเดียวกัน...และยังกินข้าวด้วยกันอยู่ดี...
เสียงกรนเบาๆ เหมือนลูกแมวตัวน้อยๆ ทำให้พี่มีความสุขเสียจนไม่กล้าวางสาย...เย็นนี้เจอกันครับคนดี”





“2 พฤษภาคม...กุหลาบของริวแตกกิ่งใหม่อีกแล้ว มันงามกว่าที่ในคู่มือบอกไว้เสียอีก สมกับที่ตั้งใจดูแล...
เมื่อคืนถือโอกาสที่ริวหลับลึก พี่เลยขับพามาหัวหินโดยไม่บอกกล่าว ถือว่ามาฉลองสงกรานต์ย้อนหลังไปครึ่งเดือนกว่าแล้วกันนะครับ...
นึกถึงสีหน้าริวตอนที่ตื่นขึ้นมาแล้วพบว่าอยู่ที่บ้านริมทะเลแล้วอดขำไม่ได้ เราไม่ค่อยได้ไปไหนด้วยกันบ่อยนักนี่นะ ริวถึงดีใจขนาดนี้...
กลับไปพี่จะจัดตารางงานใหม่...จะได้มีเวลาให้ริวมากขึ้น ไม่ทิ้งให้ริวต้องเหงาอยู่คนเดียวอีกแล้ว”





“1กันยายน...เจ้ากุหลาบน้อยโตวันโตคืน หวังว่ามันจะออกดอกทันวันสำคัญของเรา...
วันนี้เป็นวันครบรอบวันเกิดของริว...อดนึกถึงวันเกิดแรกของริวในเมืองไทยไม่ได้ ไม่อยากจะเชื่อว่าเด็กโข่งตาแป๋วที่มีจิตใจงดงามคนนั้น จะกลายเป็นคนรักของพี่
ขอบคุณแม่นามิ ที่ให้กำเนิดคนที่แสนวิเศษอย่างริว ขอบคุณโชคชะตา ที่ทำให้เราเจอกัน... และขอบคุณที่รักพี่นะครับ”




“16 พฤศจิกายน...สมกับเป็นต้นฤดูหนาว กุหลาบงามจนใบดำ นี่ถ้าเร่งปุ๋ยอีกหน่อยมันต้องออกดอกแน่ๆ ไม่ได้ๆ ยังไม่ถึงเวลา...
วันนี้ริวปลุกยากเป็นพิเศษเพราะเมื่อคืนริวทำงานอยู่จนเกือบสว่าง อาทิตย์นี้ริวทำงานจนดึกทุกวัน เพราะเป็นช่วงที่ศิลปินในค่ายกำลังจะออกอัลบั้มพร้อมกันหลายคน
พี่รู้ว่าริวเหนื่อยและเพลียมากถึงงอแงจะไม่ไปทำงาน ความจริงพี่ก็สงสารริว แต่เพราะวันนี้ที่บริษัทจัดงานใหญ่ เป็นหน้าตาของบริษัท ในฐานะผู้บริหาร พี่ไม่อยากให้ใครตำหนิริวได้ว่าไม่มีความรับผิดชอบ ถึงต้องบังคับให้ริวไป
เห็นสายตาตัดพ้อและสีหน้าน้อยใจของริวแล้วใจพี่จะขาด  ขอโทษนะครับคนดี”



“1 มกราคม...กุหลาบน้อยๆ ของริวเริ่มมีตุ่มเล็กๆ ผลิให้เห็น อีกไม่นานมันคงกลายเป็นดอกตูม...
วันแรกของปีนี้ริวให้ของขวัญสุดพิเศษ ของขวัญที่ริวลงทุนลงแรงไปกับมันอยู่หลายปี เป็นของขวัญแสนแพงที่พี่ทั้งตกใจ และตื้นตันใจ ที่ริวพยายามจะให้สิ่งที่ดีที่สุดกับพี่เสมอ  ขอบคุณมากครับ พี่ปลื้มมาก
แต่พี่บอกริวไปแล้วนี่ครับ ว่าของขวัญที่วิเศษที่สุดในชีวิตพี่ ก็คือริว...เพราะพี่มีริว โลกนี้จึงไม่มีอะไรที่พี่อยากได้อีกต่อไป...
ริวคือของขวัญที่ดีที่สุดแล้วครับ”



“9 กุมภาพันธ์...กุหลาบออกดอกพร้อมกันถึง 4 ดอก คงมีสักดอกที่บานทันวันสำคัญ...
เมื่อคืนเป็นคืนที่หฤโหดที่สุดของพี่ ตั้งแต่ตอนที่ได้ยินเสียงริวอาเจียนลอดเข้ามาในสาย พี่ก็คิดอะไรไม่ออกแล้ว นอกจากพุ่งไปสนามบินให้เร็วที่สุด ได้แต่ภาวนาให้ทันเครื่องเที่ยวสุดท้าย
สภาพริวที่เห็นทำให้พี่กลัวจนสั่น ดีว่าคุณบรูซตามหมอมาให้แล้ว ต้องขอบคุณทั้งคุณบรูซ หมอ และพี่แมว ที่คอยดูแลริวให้ก่อนที่พี่จะกลับมา...
ไม่อย่างนั้นพี่คงเกลียดตัวเองไปจนตาย ที่ทิ้งให้ริวป่วยอยู่คนเดียว...หากความเจ็บป่วยแบ่งปันหรือเป็นแทนกันได้พี่จะรับเอาไว้เอง...
พี่ไม่อยากเห็นริวหน้าซีด ตัวสั่นด้วยความทรมานแบบนี้อีกเลย...ไม่มีอะไรทรมานเท่ากับการเห็นคนที่เรารักเป็นทุกข์...ไม่ว่าจะทางกาย หรือใจ  หายเร็วๆ นะครับคนดี”




“13 กุมภาพันธ์..ดอกกุหลาบยังตูมอยู่ แต่ดอกใหญ่กว่าที่พี่คิดไว้มาก หวังว่าดอกแรกจะบานทันวันพรุ่งนี้นะ..
วาเลนไทน์ปีนี้พี่แกล้งยื่นคำขาด บังคับไม่ให้ริวให้ของขวัญ แต่ให้กลับมาทานข้าวด้วยกันแทน พี่รู้ว่าริวเสียดายที่ไม่ได้ให้ของขวัญพี่ โธ่! ขืนปล่อยให้ริวหาของขวัญ เจ้ากุหลาบน้อยๆ ที่พี่เตรียมไว้ ก็จืดหมดสิครับ
นั่งนับนาทีรอวันพรุ่งนี้อย่างใจจดใจจ่อ...พี่ชักจะเพี้ยนแล้วใช่มั้ยครับ”






ภาพสุดท้ายไม่ใช่ภาพดอกกุหลาบ แต่เป็นภาพถ่ายตอนริวหลับ...ด้านหลังมีข้อความที่ทำให้ริวสะอึกอึ้ง



“พี่อยากให้ริวรู้ว่า....
365 วัน ไม่มีวันไหน ที่พี่ไม่คิดถึงริว
8,760 ชั่วโมง ไม่มีชั่วโมงไหนที่พี่ไม่เป็นห่วงริว
และ 31,536,000 วินาที  ไม่มีวินาทีไหนที่พี่ไม่รักริว
เพราะมีริว...โลกนี้ถึงงดงาม
ริวคือลมหายใจของพี่นะครับ”





ริวเงยหน้าขึ้นสบตาพสุแล้วจู่ๆ น้ำตาก็ร่วงลงมา พสุชะโงกไปจูบซับน้ำตาให้ แล้วรวบตัวน้องเข้ามากอดไว้แน่น


“สุขสันต์วันวาเลนไทน์ครับ...ที่จริงไม่ว่าวันไหนก็เป็นวันแห่งความรักสำหรับพี่เสมอ เพราะพี่รักริวทุกวันอยู่แล้ว” พสุบอกเสียงอ่อนโยน แล้วจูบแก้มน้องเบาๆ ด้วยความรักสุดหัวใจ

“ริวก็รักพี่ทุกวัน ทุกวินาที ทุกลมหายใจเหมือนกันครับ” ริวตอบเสียงพร่า เพราะยังไม่หายสะอื้น ความสุข ความปลาบปลื้มตื้นตันในทุกสิ่งที่พี่ทำให้ มักจะเรียกน้ำตาจากเด็กหนุ่มได้เสมอ

“ครับ...ขอบคุณที่รักกันนะ” พสุตอบแล้วกระชับวงแขนให้แน่นขึ้น


ริวซุกซบอกอุ่นนิ่งอยู่ครู่ใหญ่ก็ดันตัวออกจากอ้อมแขนพสุแล้วทำหน้าปากยื่นแก้มพอง คิ้วเข้มขมวดจนแทบชนกัน


“โอ๊ย! แล้วอย่างนี้ ริวจะหาของขวัญอะไรมาให้พี่ได้ล่ะเนี่ย” เด็กหนุ่มโวยวายแล้วทำตาละห้อยจนพสุอดยิ้มไม่ได้

“นี่ไง...ของขวัญที่แสนวิเศษ แค่ริวคนเดียว ก็พอแล้วครับ” พสุบอกพร้อมกับจูบปากนุ่มเบาๆ เป็นการย้ำคำพูด


ริวยิ้มเขิน แล้วถูไถหน้ากับอกพี่เป็นเชิงออดอ้อน จู่ๆเด็กหนุ่มก็เบิกตากว้างแล้วรีบร้อนผละออกจนพสุตกใจ


“เดี๋ยวริวมาครับ พี่รอแป๊บนึง”

“อะไร? จะไปไหนริว?”

“เดี๋ยวมาครับ” ริววิ่งออกจากห้องนอนไปอย่างรวดเร็ว ครู่หนึ่งเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น พสุจึงเดินไปเปิด แต่พอเห็นคนที่อยู่หน้าประตู ชายหนุ่มก็หัวเราะก๊ากอย่างกลั้นไม่อยู่


ริวใช้ริบบิ้นผูกเป็นโบว์พันรอบตัว เป็นของขวัญมาให้พสุ


“พี่อ่า...อย่าหัวเราะของขวัญริวสิ” เด็กหนุ่มโวยแล้วทำหน้าคว่ำแก้มพองอย่างน้อยใจ

“พี่...ไม่ได้...หัวเราะของขวัญ...อุ๊บ! ฮ่าๆๆๆ พี่ขำว่าริวคิดได้ไงต่างหาก” พสุพยายามหยุดหัวเราะ แต่ไม่สำเร็จ

“ก็พี่แหละบอกริว” เด็กหนุ่มตอบกึ่งยิ้มกึ่งบึ้ง หน้าแดงก่ำด้วยความเขินอาย

“ก็พี่...ฮ่าๆๆ” พสุกดท้อง เพราะหัวเราะจนเหนื่อย

“หยุดหัวเราะเลย...จะเอาไม่เอา ริวงอนแล้วนะ” ริวทำเสียงกระเง้ากระงอดแล้วหันกลับทำท่าจะเดินหนี พสุจึงรีบคว้าตัวน้องดึงเข้ามากอดไว้แน่น

“โอ๋ๆ ขอโทษครับ...ให้พี่แล้ว ห้ามไปผูกโบว์ยกให้ใครอีกล่ะ” พสุย้ำขันๆ แล้วจูบบนแก้มและหน้าผากเนียนเบาๆด้วยความเอ็นดู

“ริวก็เป็นของพี่คนเดียวอยู่แล้วนี่ครับ”


 :กอด1:



สอง Reply ไม่พอจริงจัง  :sad4: มีต่ออีกจ้ะ


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14-02-2012 19:07:04 โดย spring »

ออฟไลน์ rinia

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 136
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-1

Mc_ma

  • บุคคลทั่วไป
 :m17: :m13: :m1: :m3:


 :กอด1: :กอด1: :กอด1: คุณ Anonymus กับคุณ Spring  ค่ะ  :L2: :L2: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ pare_140

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1192
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-6

ออฟไลน์ you13

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 88
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-1
น้องริวน้องไผ่ยังน่ารักเหมือนเดิม


 :o8: :-[

ออฟไลน์ spring

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 279
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1182/-7
(ต่อ)



พสุหัวเราะเบาๆ ในลำคอด้วยอารมณ์ที่แตกต่างไปจากตอนแรก มันเป็นความภาคภูมิ ปลาบปลื้ม แกมหวงแหน ขณะค่อยๆ ดึงริบบิ้นที่พันอยู่บนตัวริวออก แต่ชายหนุ่มไม่ได้หยุดแค่ริบบิ้น ยังถอดเลยไปถึง ‘กระดาษห่อของขวัญ’ ทั้งสองชิ้น แล้วรั้งเอวสอบแคบเข้ามาหา

ริวทิ้งตัวตามจนล้มกลิ้งไปด้วยกันบนเตียง ปากหยักบางเป็นฝ่ายเบียดชิดคลอเคลียและไล่งับปากล่างของพสุเบาๆ อย่างหยอกเย้า เสียงรูดซิปและยีนส์ตัวโปรดของพสุกับกางเกงชั้นในก็ถูกรูดออกไปทางปลายเท้า เหลือเพียงเสื้อเชิ้ตตัวหลวมที่ถูกปลดกระดุมออกจนเหลือเพียงเม็ดล่างเม็ดเดียว


 “อืม...ริว...” ชายหนุ่มครางสั่นพร่าเมื่อริวกดสะโพกให้แนบชิดยิ่งขึ้นจนส่วนร้อนผ่าวของพวกเขาทักทายกัน
 

ริวพลิกตัวขึ้นทาบทับโดยที่ปากของทั้งคู่ยังพัวพันกันไม่ห่าง เด็กหนุ่มกดนวดคลึงทางแคบจนรอยจีบพับแน่นหนาค่อยๆ อ่อนนุ่มคลายตัวพอที่จะให้เขาดันนิ้วเข้าไป  ริวควานหากระปุกเจลในลิ้นชักข้างเตียงโดยไม่ยอมให้ปากผละจากปากพสุ แล้วสอดนิ้วที่ชโลมเจลไว้จนทั่วเข้าไปนวดเฟ้น ขยับขยายจนแน่ใจว่างพสุจะรองรับเขาได้โดยไม่บาดเจ็บ แล้วถึงถอนปากออก จ้องมองดวงตาของพสุด้วยความเสน่หา ก่อนจะกัดปากนุ่มเบาๆ เพื่อเรียกร้อง เร่งเร้า

พสุเผยอปากออก ให้ริวงับดึงลิ้นเขาออกมาภายนอก ต่างโลมไล้ หยอกล้อ แล้วบดปากเข้าหากันแน่นจนไม่มีช่องว่างให้อากาศผ่าน นอกจากสูดลมหายใจจากปากของอีกฝ่าย ขณะส่วนร้อนจัดของริวค่อยๆ กดเข้าไปในทางแคบช้าๆ จนสอดประสานแนบสนิทราวกับเป็นส่วนหนึ่งของกันและกัน

ริวช้อนตัวพสุขึ้นนั่งคร่อมตัก แล้วโอบรัดไว้แน่น ก่อนจะยอมถอนปากออกเพื่อให้พสุหายใจได้สะดวก หน้าผากของทั้งคู่อิงกันชิด ขณะที่ปลายจมูกเสียดสีกันเบาๆ ลมหายใจร้อนผ่าวเป่ารดอีกฝ่ายให้ยิ่งเร่งเร้ารุ่มร้อนไปกับความรู้สึกไหวหวาม ชีพจรเต้นระรัว

เด็กหนุ่มช้อนตาขึ้นมองหน้าหล่อเหลาที่บัดนี้แดงระเรื่อด้วยแรงอารมณ์อย่างคลั่งไคล้ ดวงตาสีนิลเป็นประกายวาววาม อ่อนเชื่อม จับจ้องเพียงเขาคนเดียว ริมฝีปากอิ่มชุ่มชื้นเป็นเงาและบวมนิดๆ เพราะแรงบดจูบแทบกลืนกินของกันและกัน


“ริวรักพี่...รักมากที่สุด...รักจนไม่อาจเปรียบกับอะไรได้อีก...”

“พี่ก็รักริวครับ...” พสุตอบเสียงนุ่ม แล้วก้มลงมาจูบบนปลายจมูกเขาเบาๆอย่างหยอกเย้า พาให้เลือดยิ่งเดือดพล่าน

“อา...” พสุหลุดเสียงครางกระเส่า เมื่อริวยกตัวเขาขึ้นจนส่วนที่ประสานหลุดจากกัน แล้วสวนกายขึ้นไปขณะที่ดึงตัวพสุกลับลงมา แรงเสียดสีบีบรัดในช่องทางแคบคับทำให้ริวเสียววาบลงไปถึงปลายเท้า เด็กหนุ่มยกตัวพสุขึ้นอีกครั้งแต่ครั้งนี้มีแรงขยับจากพสุช่วย ทำให้จังหวะรักเร่งเร้าและโลดแรงจนหัวใจแทบกระดอนออกจากอก เสียงหอบหายใจ เสียงร่างกายเสียดสีกันยิ่งกระตุ้นให้อารมณ์ร้อนเดือดพล่าน เร่งเร้า

“พี่...อา...พี่...” ริวครางเรียกพสุเสียงพร่า ขณะที่พสุกัดลงบนไหล่ของเด็กหนุ่มเมื่อถูกกระตุ้นจนถึงขีดสุด ต่างฝ่ายต่างกอดรัดกันแน่นเมื่อร่างกายเกร็งกระตุกและปลดปล่อยออกมาไล่ๆ กัน 


ริวผ่อนลมหายใจยาวแล้วทิ้งตัวลงบนที่นอนโดยมีร่างของพสุทาบทับ แม้จะยังเหน็ดเหนื่อยจนใจหวิวสั่น แต่พสุก็อดใจที่จะทำรอยบนผิวเนียนที่แดงก่ำไม่ได้ ชายหนุ่มขบเม้มไปบนลำคอและแอ่งชีพจรของริวเบาๆ ผิวขาวบางก็แดงเป็นจ้ำขึ้นมาทันที พสุไล้ปากไปตามแนวลำคอและหยุดที่รอยกัดบนไหล่ของเด็กหนุ่ม ก่อนจะจุมพิตเบาๆ เพื่อปลอบประโลม


“ขอโทษนะ...เจ็บหรือเปล่าครับ” พสุถามพลางลูบปลายนิ้วบนรอยช้ำเบาๆอย่างกังวลใจ

“ไม่ครับ...พี่จะกัดอีกก็ได้นะ” ริวตอบยิ้มๆ เรียกสายตาหมั่นไส้ระคนเอ็นดูจากพสุได้ทันที

“เป็นมาโซคิสม์หรือไงเรา ชอบให้พี่กัด”

“เปล่า...แต่ริวชอบเวลาที่พี่ฝากร่องรอยไว้บนตัวริว...มันภูมิใจดีว่าริวทำให้พี่มีความสุขจนลืมตัวได้” ริวตอบแล้วยิ้มกว้าง ดวงตาเป็นประกายระยับด้วยความสุขและภาคภูมิ

“หึ...เยอะนะ” พสุหัวเราะแล้วบีบปลายจมูกของเด็กหนุ่มเบาๆ ส่วนที่อยู่ในตัวเขาขยับขยายขึ้นมาอีกครั้ง ชายหนุ่มจึงดันหน้าท้องแกร่งไว้และถอนตัวจนแยกจากกัน

“พี่จะไปไหน” ริวรีบคว้าพสุกลับมากอดไว้แน่น เสียดายที่ปล่อยให้ร่างกายแยกจากกัน เพราะกว่าจะเข้าไปได้แต่ละครั้งไม่ใช่เรื่องง่าย

“พอแล้ว...ริวไม่หิวข้าวหรือไง” พสุถามแล้วพยายามหยุดปากซุกซนที่แตะตรงโน้นชิมตรงนี้จนเขาหัวหมุนไปหมด

“ไม่อ่ะ หิวแต่พี่” ริวตอบแล้วกัดเนินอกขาวเบาๆ พอให้เกิดรอย แต่ไม่ถึงกับช้ำ

“แต่พี่หิวข้าว ปล่อยก่อนนะครับ...น้า...คนดี...”พสุอ้อนทั้งปากและตา พลางลูบบนแก้มเนียนที่เริ่มมีไรหนวดพอระคายมือเป็นเชิงเอาใจ

“พี่เล่นทำเสียงแบบนี้ ถ้าไม่ปล่อยริวก็ใจร้ายสิ”

“ช่าย” พสุลากเสียงตอบแล้วยิ้มหวาน ก่อนจะที่รอยยิ้มจะจางไปเมื่อเจอกับดวงตาวาววับเจ้าเล่ห์ของเด็กหนุ่ม

“แต่วันนี้ริวใจร้าย หึหึ”

“ริววววว” พสุร้องเสียงหลงแล้วพยายามดิ้นหนีเมื่อริวแกล้งฟัดไปตามซอกคอและแผ่นอก เด็กหนุ่มรวบมือเขาไปกดไว้เหนือศีรษะแล้วรูดเสื้อเชิ้ตหลุดลุ่ยของพสุขึ้นไปพันที่ข้อมือหลวม ก่อนจะค่อยๆ ลดปากลงมาแตะจูบบนยอดอกช้าๆ แล้วเปลี่ยนเป็นลูบไล้ด้วยปลายลิ้น ฟันคมขบกัดครูดเบาๆ อย่างหยอกเย้า แต่คนโดนหยอกแทบหายใจไม่ออกด้วยความเสียวซ่าน ลมหายใจกลับมาร้อนระอุอีกครั้งเมื่อริวปล่อยแขนเขาเป็นอิสระเพื่อเลื่อนปากไล้ลงมาตามลอนกล้ามบนหน้าท้อง และหยุดหยอกเย้ากับแก่นกายร้อนจัด

“อืม...”พสุครางเสียงแผ่ว ดึงเสื้อที่ข้อมือทิ้งไปแล้วสอดนิ้วเข้าไปลูบไล้นวดเฟ้นศีรษะที่เคลื่อนไหวอยู่บนหน้าท้อง



RRRRRR


“ระ...ริว...โทรศัพท์...ระ...รับก่อน” พสุเตือนเสียงขาดเป็นห้วง พยายามจะดันแก้มสากระคายออก แต่ไม่สำเร็จ

“ไม่...” ริวตอบรับอู้อี้ เพราะปากไม่ว่าง 
“รับก่อนเถอะริว...อือ...เผื่อ...มี...เรื่องสำคัญ”

“จิ๊!” ริวจุ๊ปากอย่างหงุดหงิดเมื่อพสุดันศีรษะเขาออก แล้วพลิกตัวนอนคว่ำ เอื้อมไปหยิบโทรศัพท์มาจ่อให้เขาถึงปาก

“ริวพี่จะโทรมาบอกเรื่องนัดประชุมพรุ่ง...” เสียงกรเวชสดใสมาตามสาย แต่ริวเอ่ยขัดคอก่อนที่จะทันได้พูดจบ

“ไม่ใช่ตอนนี้พี่กร...กำลังกุ๊กกิ๊กกันอยู่...แค่นี้นะ” ริวสวนกลับไปเสียงห้วนอย่างหงุดหงิด ขณะที่พสุอ้าปากค้างด้วยความตกใจ

“หา!...” เสียงกรเวชอุทานลอดออกมาก่อนสายจะถูกตัด  ริววางโทรศัพท์ลงบนแป้นแล้วดึงปลั๊กออก

“เฮ้ย! ริว พูดอะไรออกไป” พสุโวยวายแต่ทำอะไรไม่ได้เพราะถูกริวกดทับไว้ตลอดตั้งแต่แผ่นหลังลงไปถึงสะโพก ปากอุ่นขบเม้มต้นคอและแผ่นหลังพสุเบาๆ ขณะที่ส่วนร้อนจัดเบียดแทรกระหว่างเนินสะโพกอย่างจงใจปลุกเร้า

“ไม่ต้องเลย...พี่นั่นแหละ รับทำไม” ริวแกล้งคำรามขู่ชิดหูนิ่ม แล้วสอดมือเข้าไปกระตุ้นด้านหน้าของพสุจนขยายร้อนในอุ้งมือ

“ริว...อื้อ...” พสุอุทานเสียงพร่าเมื่อริวช้อนสะโพกเขาค้างไว้แล้วดันกายเข้ามาโดยที่เขาไม่ทันตั้งตัว แม้จะมีของเหลวที่ปลดปล่อยไว้ก่อนหน้านี้ช่วยหล่อลื่น แต่หากไม่รีบผ่อนคลายพสุคงได้แผล ชายหนุ่มผ่อนลมหายใจเพื่อให้ร่างกายคลายตัวลงขณะที่ริวดันเข้าไปจนสุดตัวจังหวะเดียว

“ขอโทษครับ...เจ็บหรือเปล่า” ริวถามขณะจูบไล้ไปบนซีกหน้าของพสุเพื่อปลอบประโลม

“อืม...นิดหน่อย...จุกมากกว่า” พสุตอบเสียงกระท่อนกระแท่น แล้วสูดหายใจแรงเพื่อไล่อาการจุก

“หายจุกหรือยังครับ” ริวถามเสียงแผ่วเมื่อรู้สึกได้ถึงช่องทางที่เริ่มตอดรัดเขาแรงขึ้นเรื่อยๆ

“อืม...ช้าๆนะ” พสุปรามแล้วท้าวมือลงบนที่นอนเพื่อพยุงตัว

“ครับ” ริวท้าวแขนคร่อมตัวพสุไว้ ขณะเริ่มแทรกกายเข้าออกช้าๆ เด็กหนุ่มสอดแขนเข้าไปช้อนตัวพสุเข้ามากอดไว้แนบอก ขณะที่สะโพกเร่งจังหวะกระชั้น พสุโอบทับแขนของเขา และยกสะโพกสวนทุกจังหวะ ต่างเสนอ สนอง และปรนเปรอกันเพื่อให้คนที่รักมีความสุขที่สุด

“ริว...ริว...” พสุคราง เกร็งแผ่นหลังแอ่นโค้งเมื่อไปถึงจุดสูงสุด เขาปลดปล่อยลงเปียกเปื้อนที่นอนโดยที่มือของริวยังกระตุ้นซ้ำให้หมดจดทุกหยาดหยด

“พี่...ริวรักพี่” ริวกระซิบกระหืดกระหอบ ก่อนจะหยัดเกร็งขึ้นทั้งตัวแล้วปลดปล่อยเข้าไปในตัวพสุจนเอ่อท้นออกมาข้างนอก
ทั้งคู่ฟุบลงบนเตียงโดยที่ร่างกายยังสอดประสานกันแน่น ตราบจนลมหายใจค่อยๆ กลับมาปกติ  ริวจึงค่อยๆ ถอนตัวเองออกมา แต่วงแขนที่กอดรัดรอบตัวพสุยังโอบรัดแน่นหนา


พสุลูบไล้รอยข่วนบนท่อนแขนของเด็กหนุ่มแผ่วเบา แล้วเอี้ยวตัวกลับไปดึงริวมาแลกจูบ แน่นอนว่าเด็กหนุ่มก็สนองตอบอย่างกระตือรือร้น กว่าปากจะแยกจากกันก็ช้ำจนเจ่อแดงไปทั้งคู่


“พี่...” ริวเรียกแล้วจูบบนขมับชื้นเหงื่อเบาๆ

“ครับ” พสุขานรับเสียงเบาเพราะกำลังจะเคลิ้มหลับ

“เล่นเปียโนกัน” เด็กหนุ่มชวนแล้วผุดลุกขึ้นทันทีโดยไม่รอให้พสุตัดสินใจ

“หืม!...อารมณ์ไหนเนี่ย?”

“ริวเพิ่งได้ฟังเพลงนี้มา...ตั้งใจจะมาเล่นให้พี่”


พูดจบเด็กหนุ่มก็ดึงผ้าห่มมาห่อตัวพสุแล้วช้อนอุ้มออกไปโดยที่ตนเองไม่สวมอะไรเลย พอทรุดลงนั่งบนเก้าอี้หน้าเปียโน พสุก็คลี่ผ้าออกห่มด้วยกัน ริวจึงดึงตัวพสุขึ้นมานั่งซ้อนบนตัก แล้วเริ่มพรมนิ้วไปบนคีย์


“อ๋อ...เพลงนี้เอง” พสุทักเมื่อจำได้ และวางมือขวาลงบนคีย์ เป็นสัญญาณว่าเขาจะเล่นด้วย ริวจึงเล่นด้วยมือซ้าย ส่วนมือขวาโอบกอดพสุแนบอก


“ที่แห่งนี้มีความรักอยู่ คอยรับรู้และคอยเข้าใจ 
แม้ข้างนอกจะเป็นอย่างไร จะร้อนหรือหนาวแค่ไหน ก็ไม่สำคัญ”


ริวทอดเสียงนุ่ม และจูบแก้มพสุเบาๆ เพื่อย้ำว่าเขารู้สึกอย่างนี้ทุกครั้งที่ได้กลับมาบ้าน

“จะเตรียมความรักไว้ให้เธอพักผ่อน ลืมความร้อนเรื่องราวที่ไหวหวั่น 
และรอยยิ้มที่มาจากใจ เพื่อเพิ่มเติมความสดใส เมื่อไหร่ที่พบกัน”


พสุร้องตอบ แล้วหันไปจูบปากหยักบางเบาๆ ทั้งคู่สบตากันเมื่อร่วมเล่นและร้องท่อนต่อไปพร้อมๆกัน


“ไม่ว่าวันเวลาจะหมุนจะเวียนเปลี่ยนไปแค่ไหน จะเป็นกำลังใจให้เธอได้รู้สึกดี 
เป็นที่พักที่ให้ความเข้าใจ นานเท่าไรก็จะมี ให้กับเธอ อยู่ตรงนี้ 
แม้วันนี้เธอยังไม่รู้จัก แม้ความรักฉันเธอไม่เห็นค่า 
แต่ฉันก็รู้ดีว่าสักวัน คู่แล้วคงไม่คลาดกัน ฉันขอสัญญา 
ไม่ว่าวันเวลาจะหมุนจะเวียนเปลี่ยนไปแค่ไหน จะเป็นกำลังใจให้เธอได้รู้สึกดี 
เป็นที่พักที่ให้ความเข้าใจ นานเท่าไรก็จะมี ให้กับเธอ คนนี้ 
ไม่ว่าวันเวลาจะหมุนจะเวียนเปลี่ยนไปแค่ไหน ไม่มีวันที่ใจที่ฉันจะลืมตามสักที 
จะคงรอแต่เธอเสมอไป รอให้ใจได้ใกล้สักที ฉันจะบอกเธอ คำๆ นี้....”


ประโยคสุดท้ายลากยาว และปิดจบด้วยจูบอ้อยอิ่ง


“สุขสันต์วันวาเลนไทน์ครับที่รัก”
.
.
.
“แม้ความรักของเราจะไม่อาจเปิดเผยได้อย่างภาคภูมิเหมือนคู่รักคู่อื่นๆ แต่เราเชื่อว่าคนที่นี่จะรักและเข้าใจเราเสมอใช่ไหมครับ...ขอบคุณที่รักและติดตามเราสองคนมาตลอด...สุขสันต์วันวาเลนไทน์ครับทุกคน”



   :L2:


ตอนนี้คือตอนพิเศษริวไผ่ตอนสุดท้ายค่ะ เพราะจริงๆ ก็ตั้งใจจะให้ทุกอย่างจบลงตั้งแต่ในภาคปกติ
คือป้ารู้สึกว่า นั่นคือตอนจบแบบไม่จบของชีวิตริวไผ่ ที่ต้องมีอะไรให้ฟันฝ่าไปด้วยกัน เพื่อพิสูจน์ว่ารักของทั้งคู่จะรักกันมั่นคงและใช้ชีวิตร่วมกันไปจนแก่เฒ่าได้หรือไม่ก็อยู่ที่พวกเขากำหนดกันเอง (แต่ก็เผลอเขียนไปถึงสองตอน แหะๆ)
ขอบคุณสำหรับความรักที่ทุกคนมีให้พี่ไผ่น้องริว
ขอบคุณสำหรับทุกคอมเมนต์ที่เป็นกำลังใจที่ดีที่สุดให้ป้าคนแต่งและเจ๊คนโพสต์


ขอบคุณจากหัวใจค่ะ  :กอด1:
Anonymus

ออฟไลน์ harumi

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +156/-33

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ nolirin

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2755
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +274/-5
 :กอด1: ก่อนอ่าน
หวานไม่เกรงใจคนโสดเลย ริวกับพี่ไผ่เนี้ย แต่ก็ชอบอ่ะ
รักกันๆ แม้ยามสุขยามเศร้าก็ดูแลกัน

ปล.เมื่อไม่นานมานี้เพิ่งจะเคยเป็นหวัดลงกระเพราะ ทรมานเกินบรรยาย(ดีนะว่าแค่หวัดธรรมดา)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14-02-2012 20:02:14 โดย nolirin »

ออฟไลน์ pare_140

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1192
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-6

ออฟไลน์ boylove_yj

  • ล้มแล้วยืน คือคนที่แกร่ง!!
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1511
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1203/-48
    • http://www.facebook.com/pages/Chocolate-Love-Fan-Club/255241697823084
 o13 o13 o13

เลิศอ่ะ ชอบๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

ออฟไลน์ eastwind

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 367
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +32/-4
คู่นี้หวานม๊ากกกก ตอนน้องริวเอาริบบิ้นพันตัวแอบนึกว่าน้องริวจะยอมให้พี่ไผ่กดซะอีก สุดท้ายพี่ไผ่ก็โดนตามเคย

ออฟไลน์ eaey

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 280
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +63/-0

bbc52

  • บุคคลทั่วไป
พี่ไผ่ กับ น้องริว หวานกันมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
ชอบ ๆๆๆ นานแวะมาบอกความหวานอีกจะได้ไหมมม
 :กอด1:

ออฟไลน์ jeeu

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 688
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +138/-1
น้องริวไม่สบายอ่ะ
แต่ พี่ไผ่ซะอย่าง เอาอยู่
เนอะพี่เนอะ
คู่นี้น่ารักมาก ไม่ว่าจะอ่านกี่รอบก็ยิ้มตามทุกที
เป็นอะไรที่เหมาะกับวาเลนไทด์แล้ว
ขอบคุณป้าคนเขียนกับพี่คนโพสมากจ้า

wolfram

  • บุคคลทั่วไป
น่ารักมากๆเลยค่ะ!!  :o8:

อยากได้แบไผ่ไม่ก็ริวสักคน!!  :sad4:

ขอบคุณสำหรับตอนพิเศษนะคะ!!  :กอด1:

 :L2: :L2: :L2:

ออฟไลน์ yeyong

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5857
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +917/-26
อิจฉา ตาร้อน
หวานเกินหน้าเกินไปแล้ว

ออฟไลน์ Pumpkin

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1185
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +163/-8
ดีกรีความหวานไม่เคยลดลงเลยคู่นี้เนี่ย  :-[

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ iforgive

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-80

darkeyes1

  • บุคคลทั่วไป
เอ๋  มีตอนพิเศษแบบนี้ด้วย ไม่รู้จริงๆอะ  ขอบคุณมากๆเลย(สารภาพว่ายังไม่ได้อ่านเหอๆ  ไว้จะแอบไปอ้อนกับคนแต่งทีหลัง  ฮิฮิ

ออฟไลน์ seaz

  • รักอยู่ไหน...ใจเรียกหา
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +381/-9

ออฟไลน์ NOoTuNE

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3255
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +317/-15
แค่อยากให้ความรักของเราได้ซักครึ่งนึง ของพี่ไผ่กับน้องริวจัง
 :กอด1:

ออฟไลน์ fuku

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +462/-20
อ่านแล้วอยากอวยพรให้รักกันจนแก่เฒ่า

มันอินอ่ะคะ

ออฟไลน์ gupalz

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4911
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +604/-20

ออฟไลน์ murasakisama

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1489
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +236/-4
 :jul1: :jul1: :jul1: ขอบคุณสำหรับตอนพิเศษริวไผ่นะคะ  :กอด1:

ออฟไลน์ donutnoi

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2187
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-7
ไม่ว่าตอนไหนก็หวานซึ้งตรึงใจเสมอคู่นี้  :3123:

ออฟไลน์ ladyzakura

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 489
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-0

อิจฉามากอ่ะ! หวานกันได้ตลอด  :-[

ออฟไลน์ Horizon

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1731
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +300/-22
ขอบคุณมากๆ ทั้งคนเขียนและคนโพสท์ :m3: o13
อ่านอลัน ลีโอก็ไม่เติมเต็ม มีความสุขเท่าคู่นี้
อยากให้มาเดือนละครั้ง หากเป็นไปได้
....Happy Valentine's Day :L2: :L1:
+1+เป็ด
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14-02-2012 22:03:23 โดย Horizon »

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด