(ต่อ)
“คุณหน้าเหมือนใครที่เรารู้จักหรือเปล่างั้นเหรอ? ...อืม มีหรือเปล่านะ เอลลี่? ..อ๊ะใช่! ฉันตงิดๆ ใจมาตั้งนานแล้วว่าหน้าตาคุณดูคุ้นๆ เหมือนเคยเห็นที่ไหน ..คนนั้นไงเอลลี่ คนที่เมื่อก่อนชอบขี่มอเตอร์ไบค์คันใหญ่ๆ มาจอดที่หน้าบ้านเราน่ะ”
“อ๋อ.. ใช่ๆ! เพื่อนคุณซอลฟาใช่ไหม ฉันนึกออกแล้ว ชื่ออะไรน้า? แต่เขาไม่ได้มาที่นี่นานหลายปีแล้วด้วยสิ สงสัยจะย้ายไปอยู่ที่อื่นแล้วมั้ง เมื่อก่อนพวกเขาชอบออกไปขับรถเล่นกันบ่อยๆ น่ะ แต่ตั้งแต่เขาเลิกมาที่นี่เราก็ไม่เห็นคุณซอลฟาออกไปขี่มอเตอร์ไบค์อีกเลย ..เอ ชื่ออะไรนะจีน?”
“อืม.. ฉันก็จำไม่ได้เหมือนกัน” จีนส่ายหน้าอย่างจนปัญญา เอลลี่ก็เช่นกัน “เราไม่เคยคุยกับเขาหรอก แต่ท่าทางเขาดูเป็นคนเฮฮาร่าเริงดีนะ มาบ้านนี้ทีไรก็เห็นแต่เขาพูดจ้อไม่หยุด ส่วนคุณซอลฟาก็ได้แต่นั่งฟังเงียบๆ นานๆ ทีก็มียิ้มหรือพยักหน้าตอบบ้าง แต่ทั้งคู่ก็ดูเข้าขากันดี”
“แต่จะว่าเหมือนคุณก็ไม่เชิงหรอกนะ แค่อะไรบางอย่างมันให้รู้สึกว่าคล้ายๆ น่ะ”
“ใช่ๆ ไม่เหมือนซะทีเดียวหรอก แต่ถ้าเคยเจอผู้ชายคนนั้นแล้วมาเจอคุณก็คงอดรู้สึกไม่ได้ว่าคล้ายๆ กัน” ดูเหมือนสองสาวจะไม่ค่อยรู้เรื่องของคุณซอลอย่างที่เคยบอกจริงๆ ..ถึงไม่รู้ว่าผู้ชายคนนั้นตายไปแล้ว ไม่ใช่แค่ย้ายที่อยู่อย่างที่เอลลี่สันนิษฐาน
“ตอนที่เล่าให้ซินฟังว่าเจอนาย จู่ๆ หมอนั่นก็นึกสนุกอยากดูปฏิกิริยาของซอลลี่ขึ้นมา ก็เลยคะยั้นคะยอให้เราพากลับไปรับนาย ..เราเองก็ผิดด้วยแหล่ะที่ผิดคิดห้าม แถมยังเห็นดีเห็นงามไปด้วย ไม่ทันคิดว่าจะดึงนายให้มาเจอเรื่องยุ่งยากใจ ตอนที่เห็นซอลลี่มีท่าทีสนใจนาย เราก็รู้สึกผิดอยู่เหมือนกัน ..โทษทีนะ”จุดเริ่มต้นของผมแท้ที่จริงแล้วมันเริ่มมาจากการเล่นสนุกของแฝด แต่ถ้าไม่ได้แฝดวันนั้น ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าป่านนี้จะเป็นยังไง แม้พวกนั้นจะผิดที่คิดล้อเล่นกับความรู้สึกของคนอื่น ..แต่ยังไงก็คงต้องขอบใจ
คุณซอลเบิกตากว้างขึ้นเล็กน้อย เขามองหน้าผมด้วยความประหลาดใจ แต่ในที่สุดก็ถอนหายใจออกมา “คงไปได้ยินอะไรมาล่ะสิ?”
“นิดหน่อย” ผมตอบกว้างๆ คุณซอลมองผมอย่างชั่งใจคู่ใหญ่ ก่อนจะส่ายหน้าช้าๆ
“ไม่หรอก.. นอกจากหัวโล้นๆ นี่แล้วก็แทบไม่มีอะไรเหมือนกันเลย” คนพูดเอื้อมมือมาจับหัวผมโคลงไปมา “ทิมมี่ไม่เฉื่อยชาอย่างนายสักหน่อย”
“เหรอ..” ผมตอบออกไปอย่างไม่มีความหมายอะไรเป็นพิเศษ
แล้วเราก็ต่างคนต่างเงียบกันไปพักหนึ่ง..
“หลายวันมานี้ผมพยายามจะทบทวนความรู้สึกของตัวเอง” คุณซอลเริ่มเปิดปากพูดอีกครั้ง ผมยืนฟังเงียบๆ “ผมสนใจนายเพราะอะไร? จริงๆ แล้วคนที่ผมคิดถึงคือทิมมี่หรือนายกันแน่? ผมอยากแน่ใจ เลยพยายามอยู่ห่างๆ จากนาย”
“..........” เพราะแบบนี้เองสินะ ช่วงหลังๆ เขาถึงได้ทำตัวต่างจากเดิม
“คำถามของนายในวันนั้นทำให้ผมเริ่มฉุกคิด เลยตั้งใจว่าจะเคารพการตัดสินใจของนาย ถ้านายไม่ยอมให้ผมยุ่งเกี่ยว ผมก็จะไม่เข้าไปยุ่ง มันคงไม่ยากหากจะเลิกสนใจนาย เพราะผมเองก็ไม่ได้คิดจริงจังตั้งแต่แรกอยู่แล้ว.. ก็แค่นึกสนุก.. ก็แค่ช่วงนี้ผมไม่มีใครให้สนใจเป็นพิเศษ..”
“...........” แม้จะพอเดาได้อยู่แล้ว แต่พอมาได้ยินจากปากเขาจริงๆ มันก็อดหวั่นไหวไปกับคำพูดพวกนั้นไม่ได้
แต่ไม่เป็นไร.. ไม่เป็นไรหรอก ยู.. อีกนิดเดียวมันก็จะจบแล้ว แค่นี้สบายมาก..
“แต่ดูเหมือนผมจะคิดผิดถนัด..”
!!
“พอได้ถอยห่างจากนายก็เหมือนว่าผมจะมองเห็นอะไรชัดขึ้น.. นอกจากครั้งแรกแล้ว ก็ไม่เคยมีครั้งไหนที่ผมนึกถึงทิมมี่อีกเลย ผมแทบลืมเขาไปแล้วด้วยซ้ำ ..ผมบอกตัวเองว่าแค่นึกสนุก แต่ก็หยุดมองตามนายไม่ได้.. ผมบอกตัวเองว่าเป็นเพราะช่วงนี้ผมไม่มีใครให้สนใจเป็นพิเศษ.. แต่ทุกเรื่องราวของนายกลับหมุนวนซ้ำไปซ้ำมาในหัวของผม.. ผมบอกว่าไม่ได้คิดจริงจัง.. แต่กลับรู้สึกหึงหวงทุกครั้งที่เห็นนายให้ความสนใจคนอื่นมากกว่า.. ผมไม่รู้ว่าตัวเองเป็นบ้าอะไรไปแล้ว”
ผมเองก็คงบ้าเหมือนกัน ที่รู้สึกลิงโลดใจกับคำพูดพวกนั้น
“เราคงบ้าพอกัน..” ผมพึมพำเบาๆ แต่เชื่อว่าเขาคงได้ยิน เพราะรู้สึกได้ถึงร่างเกร็งนิ่งของคนข้างๆ ผมยกมือขึ้นไหว้ป้ายหลุมศพ ก่อนหันหลังเดินจากมาเงียบๆ
...ขอบคุณนะ ทิมมี่ ถ้าคุณไม่คล้ายผม แฝดก็คงจะไม่พาผมมานี่ที่ คุณซอลก็คงจะไม่นึกสนใจผมตั้งแต่แรก ผมดีใจที่ได้รู้ว่าคุณเคยมีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้นะ...เราทั้งคู่เดินออกมาจากสุดสานด้วยความเงียบเชียบ เสียงย่ำเท้าของคุณซอลยังดังตามมาในจังหวะที่สม่ำเสมอ เขาไม่ได้เข้ามาใกล้ หรือปล่อยให้ผมทิ้งห่าง เพียงแค่เดินตามมาเรื่อยๆ เท่านั้น ..จนกระทั่งผมถึงรถก่อน เขากดรีโมทปลดล็อคให้ ผมเปิดประตูเข้าไปนั่งรอ ครู่เดียวเขาตามเข้ามา ..บรรยากาศในรถยังคงความเงียบเชียบเอาไว้
“ตอนแรกผมคิดว่าตัวเองเป็นแค่เงาของใคร” ในที่สุดผมตัดสินใจพูดขึ้นก่อน “..แต่ตอนนี้ผมคิดว่าจะลองเชื่อใจคุณดูสักครั้ง”
“คิดดีแล้วใช่ไหม?” เขาถามกลับเสียงราบเรียบ “ผมเป็นเกย์นะ ไม่ใช่ผู้หญิงอย่างที่นายชอบ”
“อือ ลองเป็นเกย์ดูหน่อยก็คงไม่เสียหลาย ..สักครั้งในชีวิต” ผมหันไปยักคิ้วให้เขา “ถ้าไม่ชอบใจค่อยกลับไปเป็นผู้ชายเหมือนเดิม”
“งั้นก็คงเป็นที่หน้าของผมที่ต้องทำให้นายหลงจนหาทางกลับไม่เจอสินะ” คุณซอลพูดยิ้มๆ
“ทำได้หรือเปล่าล่ะ?” คราวนี้ผมยักคิ้วให้เขาสองทีซ้อน
“มาคอยดูกัน..” จากนั้นเราทั้งคู่จึงหัวเราะออกมา..
เสียงเครื่องยนต์ดังขึ้น รถเริ่มเคลื่อนตัว สุสานที่เห็นทางกระจกข้างค่อยๆ ห่างออกไปเรื่อยๆ จนลับสายตาในที่สุด เสียงเพลงจากวิทยุเปลี่ยนเป็นเพลงใหม่ ของใครผมก็ไม่รู้จัก รู้แค่ว่าเป็นเสียงผู้หญิงที่ฟังแผ่วเบา หงอยเหงา และแสนเศร้า
Flames to dust, Lovers to friends
Why do all good things come to an end? ...
“คุณยังมีมอเตอร์ไซด์อยู่หรือเปล่า?” เย็นวันเดียวกันนั้น ผมเอ่ยถามคุณซอลซึ่งกำลังนั่นแปรงขนให้แสงดาวอยู่ในห้องนั่งเล่น
ผมตัดสินใจว่าจะอยู่ที่นี่ต่อไปจนกว่าจะถึงเวลากลับเมืองไทย.. และดูเหมือนการตัดสินใจของผมจะทำให้หลายคนดีใจ พ่อบ้านจะยังมีคนสอนทำอาหารไทยต่อไปอีกสักพัก สองเมดสาวก็จะมีเพื่อนเม้าท์และได้ชิมอาหารไทยอร่อยๆ ที่พวกเธอชื่นชอบต่อไปอีกสัก ฟรานเชสก้าก็จะมีคนคอยแบ่งเบาภาระหน้าที่ ไม่ต้องมานั่งคิดเมนูอาหาร คำนวณปริมาณแคลอลี่ไปอีกสักพัก ..ส่วนคุณซอลก็จะมีผมอยู่ข้างๆ ไปอีกสักพักเหมือนกัน
แต่ผมขอย้ายไปนอนห้องรับรองแขกที่ฟรานเชสก้าเคยนอน ด้วยเหตุผลสองข้อ ข้อแรก..เพราะแสงดาวกลับมาแล้ว, ส่วนข้อสอง..ก็เพราะแสงดาวกลับมาแล้วนั่นล่ะ ..อืม ตามนั้น อย่าให้ต้องอธิบายเพิ่ม
ดูเหมือนเรื่องนี้เรื่องเดียวที่ทำให้คุณซอลไม่ค่อยพอใจ แต่จะค้านก็ไม่ได้ แสงดาวไม่ปลื้มขี้หน้าผม มันไม่ยอมนอนห้องเดียวกับผมแน่นอน แต่จะให้มันไปนอนห้องอื่น ทั้งที่รู้ว่าเจ้านายอยู่ในห้องที่มันเคยนอนประจำมันก็ไม่ยอมนอนอีก เผลอๆ จะพาลไม่ยอมกินประท้วงเจ้านายด้วยซ้ำ(ได้ยินว่ามันเคยทำมาแล้ว) เรื่องก็เลยง่ายขึ้น ..ผมได้แยกออกมานอนคนเดียวสมปรารถนา
“อืม แต่ผมไม่ได้แตะมันอีกเลยหลังจากเกิดเรื่องคราวนั้น” คุณซอลเงยหน้าขึ้นมาตอบ “ทำไมเหรอ?”
“ลองขี่มันอีกครั้งไหม? ..ผมอยากซ้อนท้ายคุณ” คุณซอลทำหน้าตกใจกับคำขอของผม
“แต่ผม..” เขาอึกอักลังเล
“พาผมซ้อนท้ายไปด้วยนะ” ผมพูดด้วยสายตาแน่วแน่
“...........” คุณซอลทำหน้าหนักใจ
แต่ราวยี่สิบนาทีต่อมาเขาก็อยู่ในชุดเตรียมพร้อม.. รองเท้าหนัง กางเกงยีนส์เข้ารูป เสื้อเชิ้ตตัวบางที่สวมทับด้วยแจ็คเก็ตหนังสือดำ ถุงมือสำหรับขี่มอเตอร์ไซด์ ผมยาวสีบลอนด์ถูกมัดรวบไว้ด้านหลัง ..เขากำลังยืนเหม่อพิงผนังโรงเก็บรถ มือหนึ่งล้วงกระเป๋า อีกมือคีบบุหรี่ ปากก็พ่นควันสีเทาขมุกขมัวออกมาเป็นระยะ ..ข้างกันนั้นมีบิ๊กไบค์สีดำเงาวับจอดนิ่งประดับฉาก
อย่างกับหลุดออกมาจากนิตยสาร... ผมเพิ่งรู้สึกว่าเขาช่างดูเท่ห์สมกับที่เป็นนายแบบก็วันนี้แหล่ะ
“คุณเครียดเหรอ?” ผมเดินเข้าไปใกล้พลางร้องถาม เขาหันมาตามเสียงเหมือนเพิ่งหลุดจากภวังค์
“นิดหน่อย.. ผมไม่ค่อยมั่นใจเท่าไหร่ นายไม่กลัวเหรอ?” เขาดูเป็นกังวล แต่ก็กวาดตามองเครื่องแต่งกายของผม ก่อนพึมพำเบาๆ “ไม่เลวนี่”
“ผมบอกแล้วไงว่าจะลองเชื่อใจคุณ” ผมยิ้มกว้างให้ คุณซอลหัวเราะลงคอ เขาดับบุหรี่ สาวเท้าเข้ามาใกล้
“งั้นขอพลังหน่อยสิ” เขาไม่ได้รอคำตอบ แต่โฉบเข้ามาจูบผมเบาๆ แล้วผละออก ทิ้งไว้เพียงกลิ่นเมนทอลของบุหรี่มาร์ลโบโร่อบอวลอยู่ใต้จมูกของผม..
คุณซอลเดินกลับไปหารถ เขาหยิบหมวกกันน็อคแบบเต็มใบยื่นให้ผม ก่อนจะสวมอีกใบลงบนหัวตัวเอง ผมเห็นข้างตัวรถเขียนว่า ‘DUCATI ST3’ ..ถึงจะใหญ่ แต่ก็สวยชะมัด ..ดูคาติ งั้นเหรอ? ...อืม ใช่ไอ้ที่เขาเรียกกันว่า ‘เฟอร์รารี่สองล้อ’ หรือเปล่านะ? ...ท่าทางก็น่าจะแรงน่าพอตัว ไม่อยากจะคิดถึงราคามันเลยแฮะ
“มันขับได้ไม่มีปัญหาใช่หรือเปล่า?” เห็นเขาบอกว่าไม่ได้แตะมันมาตั้งแต่เกิดเรื่อง ก็แปลว่ามันไม่ถูกใช้งานมาร่วมสามปีแล้วสินะ ..จะยังวิ่งได้หรือเปล่า?
“อืม.. ดูเหมือนฮัดสันจะดูแลมันอย่างดี” คุณซอลตอบขณะหันมาช่วยผมใส่หมวกกันน็อค
หลังจากขึ้นไปวอร์มรถจนได้ที่ คุณซอลก็พยักหน้าให้ผมขึ้นไปซ้อน ตอนแรกผมรู้สึกเกร็งเล็กน้อยเพราะไม่เคยซ้อนมอเอตร์ไซด์คันใหญ่ขนาดนี้ แล้วก็ไม่รู้ว่าควรจะเอามือไปจับตรงไหนด้วย ดูเหมือนคุณซอลจะมองออก เขาเลยจับมือผมให้ไปกอดเอวเขาไว้ แต่ผมดึงมือกลับให้เหลือแค่เกาะเอวก็น่าจะพอ จะให้กอดเลยมันก็ยังไงอยู่ แต่ตอนออกตัวคุณซอลกลับทำรถกระตุก ผมเลยรีบกอดเอวเขาไว้ตามสัญชาตญาณ ได้ยินเขาหัวเราะลงคอก็รู้เลยว่าตั้งใจทำแน่ๆ ถึงจะเจ็บใจนิดหน่อย แต่ไหนๆ ก็กอดไปแล้วก็ปล่อยเลยตามเลยแล้วกัน
ตอนนั้นผมเพิ่งจะสังเกตเห็นว่าแผ่นหลังของเขาก็ดูกว้างขวางไม่ต่างจากผู้ชายคนอื่นๆ ..ไม่ว่าอย่างไร เขาก็คือผู้ชายคนหนึ่งสินะ
ระหว่างที่ขับออกมาจนเริ่มห่างไกลจากเขตชุมชน ผมเปิดช่องหมวกกันน็อคออกเล็กน้อย สายลมเย็นสบายพัดมาปะทะใบหน้า ..ให้ความรู้สึกดีอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ผมหลับตาลงซึมซับความรู้สึกแสนสบายนี้เอาไว้ จู่ๆ เพลงที่ได้ฟังตอนนั่งรถกลับจากสุสานก็ผุดขึ้นมาในหัว..
Flames to dust, Lovers to friends
Why do all good things come to an end?
อีกไม่นาน.. ฤดูร้อนที่ดีที่สุดของผมก็ต้องจบลงเหมือนกัน
แต่ผมตัดสินใจว่าจะลืมเรื่องนั้นไปก่อน...
TBC. 
เอ่อ.. เรื่องนี้ยังไม่จบนะคะ มันเป็นแค่ชื่อตอนน่ะ
รถของคุณซอล

DUCATI ST3
แผ่นหลังคุณซอล
