พอเพื่อน8
เสียงเรียกเข้ามือถือที่กรีดร้องอยู่ทำให้คนที่นอนถึงกับหงุดหงิดก่อนจะเอื้อมมือไปคลำหาแล้วก็กดรับสายแนบกับหูตัวเอง ยังไม่ได้ทันกรอกเสียงงัวเงียอีกฝ่ายก็แหกปากมาแทนแล้ว
“ไอ้ชะมด! ชะมดน้อยตาหวานมึงต้องช่วยกูนะ โอยยย กูไม่รู้เป็นอะไรไปแล้ว” มู่เบ้ปากทั้งที่ตาไม่ลืมด้วยซ้ำ เสียงของเจมันทำให้สมองของเขาแล่นจี๊ดไปเลยให้ตายเหอะ ใครเหยียบหางมัน
“ทั้งผัวทั้งเมียนะ อะไรเยอะแยะกับไอ้นุชมัน มันนอนอยู่” มู่จงใจไม่พูดคำว่ากอดนะ... แน่นอนล่ะใครจะพูดล่ะ ไม่มีทาง แม้ตอนนี้ร่างบางของตัวเองจะโดนกระชับกอดให้แน่นขึ้นก็ตาม
“มึงรับโทรศัพท์ของไอ้นุชได้ยังไงไอ้มู่ มึงสองตัวอยู่ด้วยกันทั้งคืนอีกแล้วเหรอวะ” เพิ่งได้นอนตอนเกือบสว่างด้วยเหอะมึง ไอ้ชะมดดันตื่นมาตอนดึกชวนฟิจเชอริ่งอีก...
“เรื่องของกูเหอะน่า...มึงอะหายหัวไปอยู่ไหนชะนีโทรมาตามจิกจนไอ้นุชหูจะไหม้แทนแล้ว”
“กูอยู่กับผิง” เจตอบกลับมา แต่มู่ไม่ได้ตกใจอะไรมากนัก เขาแค่อมยิ้มกลั้นเสียงหัวเราะเมื่อคนที่นอนอกอดอยู่เริ่มซนอีกแล้ว
“เออ...แล้วมีอะไร?”
“ไอ้นุชล่ะ” เจไม่บอกมู่ ทำเอาคนไม่ใช่เจ้าของมือถือแต่เป็นเจ้าของหัวใจเจ้าของมือถือชักหงุดหงิด
“เออๆ...มันจะคุยด้วย” มู่เอามือถือส่งให้นุชแต่พ่อตาสวยส่ายหน้าบอกไม่รับเพราะสนใจอะไรอย่างอื่นมากกว่า “มันไม่ว่าง” ไม่ได้โกหกนี่ ไม่ว่างจริงๆ
“โอ้ยยยย...มึงสองตัวอย่าเพิ่งกกกันได้มั้ยกูเครียดจะตายห่าแล้ว! บอกมันว่ากูรอมันอยู่ที่แม็คที่เดิมบ่ายโมง ห้ามเลท ถ้าไม่มา กูกระทืบรวบคู่ แค่นี้แหละจะโทรหาไอ้ซอ เอ่อ...มึงไม่ต้องมานะไอ้มู่ งานนี้มึงไม่น่าไว้ใจมากที่สุด” ได้ยินอย่างนี้คนขี้เหวี่ยงก็ตาเขียว ตั้งท่าจะโวย แต่อีกฝ่ายพูดขึ้นมาก่อน
“กูขอคุยกับผัวมึงในอนาคตก่อนแล้วจะคุยกับมึง โอเค? มันซีเรียส...มาก” มู่เบ้ปาก ก่อนจะเออออแล้ววางสาย
“ไอ้เจมันจะรอที่แม็คที่เดิมตานบ่ายโมงนะ ไปหามันด้วย”
“อือ...” นุชตอบแค่นั้น ก่อนจะสนใจกับไหล่เนียนของมู่มากกว่า แต่โดนคนขี้โมโหตีมือซนๆ นั้น
“จะเที่ยงแล้ว ไปอาบน้ำไปเดี๋ยวไอ้เจมันรอนานมันบอกซีเรียส”
“เรื่องอะไรอะไม่อยากไป อยากนอนกอดมึงอะ”
“โว๊ะ..ไม่รู้ดิ มันบอกขอคุยกับมึงกับไอ้ซอก่อน แม่งมีความลับกับกู” นุชขำขยับกายขึ้นแต่ไม่วายกดจูบที่หัวไหล่เปลือยและไล่ไปที่ข้างแก้มนิ่ม...
“เดี๋ยวแกก็บังคับถามกับฉันอยู่ดี ไปด้วยกันมั้ย?” มู่ส่ายหน้า ไม่มองนุชที่ลุกขึ้นนั่งพูดเสียงอู้อี้ว่า
“กูอยากนอน”
“แล้วจะค้างที่นี่อีกปะ หรือจะกลับบ้าน?”
“ขอนอนก่อน ตื่นมาค่อยว่า”
“ตามใจนะ แล้วจะโทรมานะ” มู่พยักหน้าหันกลับไปพอดีกับที่นุชก้มลงมาแตะจูบที่ริมฝีปากเบาๆ “ถ้าตื่นก่อนกลับมาก็โทรหาด้วยนะ” มู่พยักหน้า ก่อนจะหันกลับไปนอนหลับตาต่อ รับรู้ว่านุชลงจากเตียงนุ่มไปแล้ว...
มานึกตอนนี้...
เฮ้ออออ...ไม่ได้เป็นเพื่อนกันแล้วนะ...ว้อยยยยย
........................................
ซอนั่งไขว่ห้างใจนึกอยากจะพิงอะไรสักอย่าง แต่ไอ้บ้าเจมันดันเลือกโต๊ะกลมติดกระจกที่เก้าอี้นั่งไม่มีพนังพิง อยากจะด่าให้หายบ้า แต่ตอนนี้คงเปลืองน้ำลายเปล่า ดวงตาแวววาวราวลูกแก้วกรอกกลิ้งอย่างระอาใจ คว้าเอาแก้น้ำมาดูดอย่างไร้อารมณ์จะสดชื่น
“กูควรทำไงดี? กูเป็นอะไร? กู...ไม่รู้...” เขาควรตอบยังไงล่ะ
มึงไม่เป็นไรหรอกเจ มึงแค่เครียดเรื่องเมียชะนีเลยเห็นเก้งกวางอย่างไอ้ผิงน่ารัก หรือ... มึงกินยาลืมเขย่าขวดว่ะเจ?
เหอะ...ไม่ว่าจะคำตอบไหน เขาเชื่อมั่นสุดใจขาดดิ้นว่า เจสามารถกระโดดถีบเขาให้หน้าหงายได้ในคราวเดียว...
“มึงใจเย็นก่อนเหอะ กูว่ามึงเครียดเกินไป”
“มึงจะไม่ให้กูคิดมากเหรอวะ ไอ้ซอ ไอ้เหี้ย! กูจูบ...” มาถึงตรงนี้เจหุบปากฉับมองไปรอบกาย แต่เชื่อเหอะ นั่งลึกสุดในร้านขนาดนี้ใครมันจะมานั่งแอบฟัง “กูแอบจูบไอ้ผิงเมื่อคืน”
“บอกกูแล้วกูไปสยิวกิ้วกับมึงมั้ยล่ะ”
“ไอ้เชี่ยซอ”
“แม่ง...แป๊บซี่จืดแล้ว” สาบานว่าเจมีเพื่อนเป็นคนไม่ใช่เอเลี่ยนต่างดาว!
ใบหน้าหล่อเหลาของเจส่ายไปมาอย่างระอาอกระอาใจ ก่อนจะก้มมองเบอเกอร์เซ็ตของตัวเองที่สั่งมาแต่ไม่มีอารมณ์จะกัดกิน หวนนึกถึงก่อนที่เขาจะออกมาจากบ้านของผิง
ข้าวผัดกระเพราที่ร่างบางผัดให้ราดข้าวหอมกรุ่นน่ากิน แต่เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นโดยที่เจ้าตัวไม่รู้เรื่องเลยในตอนดึกทำให้เขาไม่กล้าอยู่สู้หน้า เลยบอกปัดแล้วรีบขอตัวออกมาก่อน
มันเป็นแค่อารมณ์วูบไหว บรรยากาศพาไป...เขาถึงทำอะไรแบบนั้น
เจกระแทกหลอดดูดน้ำกับน้ำแข็งในแก้วอย่างไม่รู้จะทำอะไรกับมันให้ดี ซอเองก็ลุกไปซื้อน้ำแก้วใหม่ ส่วนนุช... คิดได้ก็เงยหน้าขึ้นถึงได้เห็นว่าเพื่อนอีกคนกำลังเดินเข้ามาหาพอดี
คงไม่ต้องบอกนะว่ามันมีออร่าประหนึ่งเป็นดาราเกาหลีแค่ไหน...
เจมองเพื่อน นุชเป็นผู้ชายหน้าสวย ใช่เลยเขาไม่เถียงหรอก หน้าหวานตาสวย ยิ้มงามอีกต่างหาก แต่กลับสมารถพูดได้เต็มปากเต็มคำว่าหล่อ ได้ไม่กระดากปากมากกว่าหนุ่มสวยเสียอีก อาจจะเป็นเพราะหุ่นด้วยกระมัง มันหล่อคนละอย่างกับเขา...
นุชเดินตรงมาหาเพื่อน สายตาที่มีแว่นกันแดดสีดำสนิทไม่ได้มองอะไรเป็นพิเศษไม่ว่าจะมีสายตาสาวๆ มองอย่างสนใจแค่ไหนก็ตาม อากาศร้อนอ้าวทำให้เขาเลือกแค่เสื้อยืดคอวีสีดำ กับกางเกงยีนส์สีเข้มมาสวมเท่านั้น...
“มึงหล่อไปปะ” เจว่า มองหน้าขาวๆ ของเพื่อนที่ดูจะวิ้งกระแทกตาได้ทุกวินาที ต่างกับเขาเป็นบ้าเลยตอนนี้
“มึงทำหน้าอย่างกับเพิ่งโดนขุดศพเจอ” หน้าวิ้งกระแทกตา แต่ปากน่ากระแทกหมัด นี่แหละน้องวรนุชสุดหล่อ!
“มันไม่ได้นอนมาทั้งคืน” เป็นซอที่เอ่ยพร้อมกับทรุดลงนั่ง วางแก้วน้ำแก้วใหม่ แต่ไม่ทันได้ดูด เพราะนุชชิงเอาไปจัดการเสียก่อน... “สันดานเยี่ยงใบหน้า” หนุ่มหน้าสวยกัดหนึ่งทีเบาๆ แต่ร้าวตั้งแต่ปลายเส้นผมยันปลายเท้า...
“กูร้อน เพิ่งตื่นด้วย ทำไมไม่ให้ไอ้มู่มาด้วย มึงก็รู้เดี๋ยวก็บังคับถามกูอีก” นุชว่า หยิบเฟรนซ์ฟรายของเจมาใส่ปาก
“ใจคอจะไม่ซื้อเองใช่มะ” ซอแขวะ จิกสายตาใส่เพื่อนคนสุดท้ายที่เพิ่งมา เคืองเรื่องน้ำอยู่ไง เลยพาลแทนเพื่อน...
“งั้นรอเดี๋ยวกูไปซื้อของกินก่อน” ว่าแล้วก็ลุกขึ้นล้วงเอากระเป๋าเงินออกมาถือ แต่ซอกลับคว้าหมับที่ข้อมือของเพื่อนเอาไว้แน่น จ้องมองกระเป๋าหนังที่จำได้ว่ามันเป็นของมู่ แต่คนถือชอบเอาเงินของตัวเองฝากไว้ สลับกับใบหน้าของนุช ก่อนจะเอื้อมมืออีกข้างขึ้นไปแล้วรั้งคอเสื้อรูปตัววีลงมาอีกนิด แล้วยิ้มพรายให้พ่อตาหวานที่ยักคิ้วแล้วยิ้มร้ายๆ ตอบกลับมา
“แม่ง...ไวไฟ”
“ช้าไปต่างหาก ปล่อยกูได้ละ กูหิว”
“แดกมาทั้งคืนยังไม่อิ่ม” คำถามสองแง่สองง่ามทำให้เจขมวดคิ้ว แต่ทั้งนุชและซอกลับเข้าใจกันได้เพียงแค่มองหน้า
“มันคนละอิ่มว่ะ” ตอบแล้วก็เดินหนีไปที่เคาร์เตอร์แคชเชียร์เพื่อสั่งของกิน ซอหันมาเลิกคิ้วใส่เจที่มองอย่างสงสัย
“อะไรกันวะ”
“รอยจูบ”
“หือ?” เจทำเสียงสงสัย ผินใบหน้ามองไปทางนุชที่ลับตาไปแล้ว “รอยจูบ?”
“ใช่...เมื่อคืนมันอยู่กับไอ้มู่ทั้งคืน” บอกเป็นนัยทำเอาเจกลืนน้ำลาย คือเข้าใจนะเพราะผิงเคยเล่าให้ฟังว่าที่สองคนนั้นจูบกันเพราะมู่มันอยากรู้ว่า ผู้ชายจูบกันเป็นยังไง อีกอย่างสองคนนั้นสนิทกันมาก่อนเข้ามหา’ลัยเสียอีก...แต่ว่า รอยจูบ...เลย...เหรอ..
“ห้ามไม่ให้กูคิดลึกไม่ได้นะมึง”
“เชิญมึงเลย ลึกแค่ไหนก็ตามใจ หน้าไอ้นุชมันบอกชัดๆ เลย ที่เหลือก็แค่ถามว่าใครผัวใครเมีย แต่กูเดาได้ว่ะ”
“ไอ้นุชมีเมียแล้ว” เจว่า ก่อนจะขำ แต่พอวกกลับมาเรื่องของตัวเองก็ขำไม่ออก... มีหน้าไปหัวเราะใส่เพื่อนมันนะ เรื่องของตัวเองคิดได้ง่ายๆ เมื่อไหร่...
“แดกอะไรก่อนเหอะมึง ไอ้นุชมาอย่างนี้เรื่องหมาๆ ปลิวว่อนแน่ เดี๋ยวกินไม่ลงอีก” เจถอนหายใจทิ้ง ใช้หลอดดูดน้ำนั่นแหละเขี่ยเฟร้นซ์ฟรายไปมา
“กูแดกเหี้ยอะไรไม่ลงว่ะ”
“วะ อะไรเยอะกะอีแค่แอบจูบ...”
“เหี้ย!” เจดักฉับ จ้องเขม็งที่หน้าของซอ พ่อหนุ่มสวยทำหน้าเซ็งจิต ก่อนจะถอนหายใจทิ้ง
“เรื่องของมึงเหอะงั้น” แล้วก็ไม่มีใครพูดอะไรอีก ซอดูดน้ำในแก้วของตัวเองไปเรื่อยๆ ไม่สนใจของกินอย่างอื่น ส่วนเจก็นั่งเขี่ยเฟร้นซ์ฟรายต่อไป จนนุชกลับมาพร้อมชุดเบอเกอร์เซ็ตเหมือนกับเจนั่นแหละ
“ว่ามามึงมีความลับอะไรนักหนา” นุชว่า ไม่มองหน้าเพื่อน แกะกระดาษห่อเบอเกอร์ แล้วเตรียมตัวจะกัด
“มึงมีอะไรกับไอ้มู่แล้วเหรอ” เจถามนอกเรื่อง จ้องหน้าเพื่อนด้วยแววตาอ่านยาก ส่วนนุชไม่ได้ชะงัก หรือตกใจอะไร ครางรับในลำคอเพราะทั้งปากเต็มไปด้วยเบอเกอร์ที่กัดไป
“ว่าแล้วไง” ซอเป็นคนสำทับ “มึงเป็นอะไร ผัวหรือเมีย กูอยากชัวร์กับคำตอบที่คิดไว้”
“รอดูสภาพไอ้มู่เองแล้วกัน สรุปมาด้วยเรื่องของกูหรือของไอ้เจ” นุชกลืนของกินลงกระเพาะพูดแล้วกัดคำต่อไป ราวกับเรื่องที่คุยกันมันไม่น่าตกใจหรือระทึกใจอะไรใดๆ ทั้งนั้น
“ก็เรื่องของมึงชอบแย่งซีนอยู่เรื่อย” ซอว่า พร้อมกับหัวเราะ มองหน้าเจที่ทำหน้ากลืนอะไรไม่ลง “ถามไอ้นุชสิวะเจ มันเชี่ยว”
“ห่าอะไร... มึงมีอะไรวะเจ” นุชว่าใส่ซอก่อนจะหันมามองหน้าเจ ที่นั่งถอนใจเฮือกๆ “เรื่องไอ้ผิงปะ? มู่บอกมึงค้างบ้านไอ้ผิงเมื่อคืน” เจแทบสำลักอากาศเมื่อเจอนุชเล่นมุกตรง ทำเอาจุก ไม่ใช่อะไร...คือภาพและความรู้สึกเมื่อคืนมันหลอนเขาอีกแล้ว
“ไม่เล่ากูเล่าแทนนะ... ไอ้เจมันแอบลักหลับไอ้ผิงเมื่อคืน” นุชตาโตทั้งที่ปากยังคาบเบอเกอร์อยู่ รีบหันไปมองเจที่สำลักอากาศจริงจังเมื่อซอเอ่ยอย่างนั้น
“เห้! กูไม่ได้ทำอย่างนั้น แค่จูบ!”
“แอบจูบด้วย แม่งป๊อด ไม่กล้าปลุกขึ้นมาสยิวกิ้วกันแบบจัดเต็ม
“ไอ้เชี่ยซอ” เจอยากถวายถีบมันสักสามสี่ที เรื่องปากหมานี่เป็นคุณสมบัติคู่มากับไอ้พวกผู้ชายหน้าสวยๆ ใช่มั้ย? “เชี่ยตั้งแต่ปากยันสันดาน”
“เจ็บแปล๊บว่ะ” ซอว่า ก่อนจะขำเมื่อได้สบตากับนุชที่มีสภาพไม่ต่างกันนัก
“มิน่าไม่อยากให้มู่มาด้วย กลัวมันเอาไปบอกไอ้ผิงอะดิ แล้วไอ้ผิงมันรู้มั้ยว่ามึงทำงั้นอะ” เจส่ายหน้า แล้วถอนหายใจ
หลังจากที่นั่งมองผิงที่พลิกนอนหงายเลิกเสื้อแก้ร้อน เจก็เหมือนคนสติเพี้ยน เหมือนจะคลุ้มคลั่งทำอะไรไม่ถูก ก็นั่นมันผู้ชายเหมือนเขา หน้าอกก็แบนราบเหมือนกัน ผิวก็น่าจะเหมือนกัน ผู้ชายอะไรผิวจะเนียนละเอียดมากมายล่ะแต่เพราะความที่อยากรู้ก็เลยเอื้อมไปวางมือบนหน้าท้องแบนราบไร้ซิกแพคของผิงเบาๆ
ชั่ววินาทีที่ได้สัมผัสผิวเนียนนั้นเขาถึงกับสั่น ไม่อยากจะคิดว่าตัวเองจำรู้สึกอะไรพรรค์นี้กับผู้ชายด้วยกัน ผิวเนียนของผิงมันทำให้เขาสั่นตั้งแต่ปลายนิ้วที่แตะต้องอยู่ลามมาถึงหัวใจที่เต้นรัวยิ่งกว่ากลองชุดเสียอีก
แม้จะยอมตัดใจดึงมือของตัวเองออกมาแล้วแต่สายตากลับยังจ้องมองเรือนร่างที่โผล่มาวับๆ แวบๆ นั้นอยู่ ก่อนจะไล้ขึ้นไปสำรวจใบหน้าไร้เดียงสาที่ดูเด็กเสียจนไม่อยากจะคิดว่านี่คือคนทีเรียนมหา’ลัยแล้ว
ตอนลืมตาตื่นก็ว่าน่ารัก ตอนหลับตาก็ยังน่ารัก...
จะน่ารักทำหอกอะไรเยอะแยะ กูแอบมองกูใจเต้นไม่รู้หรือไง!
ก็คงจะรู้หรอกนะ ถ้าสะกิดปลุกร่างบางนั้นให้ตื่นขึ้นมาแล้วพูดให้ฟัง แต่สิ่งที่เจทำก็คือนั่งมองใบหน้าอ่อนใสที่หลับพริ้มของอีกฝ่ายนิ่งๆ ราวกับมนต์สะกด พอรู้ตัวอีกครั้ง เขาก็กำลังถอนจูบออกมาจากริมฝีปากสวยนั้นแล้ว...
นอนไม่หลับทั้งคืน...เพราะกลิ่นกายห้องของผิง เรือนร่างบอบบางที่ขยับพลิกไปมานานๆ ที ทุกอย่างมันกระตุ้นให้ประสาทและสติของเขาทำงานอยู่ตลอดเวลา ที่สำคัญ พอหลับตาลงกลับกลายเป็นว่าตัวเองไปจินตนาการเรื่องบ้าๆ กับเพื่อนตัวเล็กเสียไม่มีดี...
ชิบหายขั้นวิกฤตแล้วมั้ยล่ะ
“ก็ไม่แปลกอะไรนี่ กูก็เคยเป็น” นุชเอ่ยหลังจากฟังเรื่องราวจากเพื่อนสนิท เบอเกอร์คำสุดท้ายหายเข้าไปในปาก ตามด้วยน้ำในแก้วที่น้ำแข็งเริ่มละลายจนเย็นจัด
“หื้อ?” เจหูกระดิก แต่ซอกลับเฉยเมย ไม่ใช่ไม่สนใจ ทฤษฎีแบบนี้ใครๆ ก็รู้หมดแหละน่า
“ก็เมื่อก่อนกูก็เป็นแบบนี้แหละกับไอ้มู่ ไม่แปลกอะไรนี่ แอบเอาไอ้มู่มาปู้ยี้ปู้ยำในความคิดตลอดแหละกูน่ะ” นุชยอมรับแบบหน้าตาเฉย คือมันไม่อายหรือว่าด้านเกินบรรยายกันล่ะหนอ ขนาดคนฟังอย่างเจยังร้อนๆ หนาวๆ
“แต่กูไม่ได้เป็น...”
“กูก็ไม่ได้เป็นนี่ กูเป็นเฉพาะกับไอ้มู่คนเดียวแหละ ลองผู้ชายคนอื่นมาอ่อยกูสิ พ่อจะซัดให้ตายเลย” นุชก็คงพูดหน้าตาเฉย ๆ แต่ซอส่ายหน้าระอา “ความจริงเรื่องนี้มึงถามไอ้ซอคนเดียวก็ได้นะ กูไม่ใช่เกย์ แต่ไอ้ซอน่ะไม่เอาผู้หญิงเด็ดๆ”
“ซ้นตีน”
“มึงจะปิดใครได้นานล่ะไอ้ซอ ของอย่างนี้” นุชว่า แต่เจกลับค้างไปแล้ว...
โอเค...เขาเพิ่งรู้จักกับซอก่อนเข้ามหา’ลัยนิดหน่อย เพราะพี่สาวของซอเป็นเจ้าของร้านขายเสื้อผ้าที่เจชอบไปซื้อแล้วก็บังเอิญรู้จักกันตอนนั้น นิสัยก็พอรู้ใจกัน แต่เรื่องรสนิยม...
“กูไม่รู้เรื่องเลย” เจว่าลอยๆ มองหน้าเพื่อนทั้งสองคน
“กูก็เพิ่งรู้ มู่บอกกู”
“กูล่ะสงสัยจริงๆ ว่าเมียมึงรู้ได้ยังไงไอ้นุช สอดทุกเรื่อง” นุชกระตุกยิ้ม
“มึงเคยเห็นไอ้มู่ไม่รู้เรื่องอะไรของเพื่อนมันบ้างล่ะ” ใช่แล้วนักข่าวมู่ลี่รู้ทุกเรื่อง ที่สนใจอยากรู้ แต่ถ้าเรื่องของใครที่พ่อคุณไม่แลแต่แรกก็เมินได้แบบน่าหมั่นไส้
“เดี๋ยวนะ..เดี๋ยว สรุปตอนนี้เพื่อนกูไม่มีใครมีแฟนเป็นผู้หญิงนอกจากกู?”
“ก็ไม่มีแฟน และยังไม่คิดจะมี” ซอบอกปัด ส่วนนุชไหวไหล่ “อ่อ...ไอ้ผิงอะ กูว่ามันเป็น มึงว่าไงนุช” พ่อตาหวานพยักหน้า
“มู่บอกกูแล้ว”
“ว่า...”
“อ่าว...ก็ไอ้ผิงเป็นเกย์อะ มันเคยมีแฟนด้วยแต่อายุน้อยกว่ามันสักปีหรือสองปีนี่แหละ เพิ่งเลิกกันไปได้เกือบปี” นุชเล่าให้ฟัง
“กูว่านะโทรเรียกเมียมึงมาเลยดีกว่าไอ้นุช แม่ง...เอี่ยวทุกเรื่อง มู่อับดุลชัดๆ” เท่านั้นแหละ นุชก็ขำก้ากกับฉายาที่ซอตั้งให้แฟนสดๆ ซิงๆ “เดี๋ยวเรื่องไอ้หอกเจมันก็ต้องรู้แน่ พลาดเลยนะไอ้เจ ถ้าเอาไอ้มู่มาด้วยคงรู้เรื่องมากกว่านี้”
“ว่าแต่มึงเหอะ รู้ว่ามันเป็นแล้วรังเกียจมันปะ” เจส่ายหน้าทันที
“กูไม่อะไรกับเรื่องเกย์ไม่เกย์ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ไม่มาจับก้นกูเป็นพอ แต่...กับไอ้ผิง” หนุ่มหน้าหล่อกลืนน้ำลาย นึกถึงหน้าคนที่ตกเป็นหัวข้อสนทนาแล้วก็พูดไม่ออก...
ก็รู้แต่ว่าน่ารัก นึกได้เท่านี้ คิดอะไรไม่ออกแล้ว...
“มึงชอบมันเหรอ?” นุชถาม “มันก็น่ารักดีนะ แต่กูว่ามึงคิดให้ดีๆ ก่อนนะ ของแบบนี้ไม่ใช่ว่าจะง่าย” คนตาสวยย้ำเตือน ก็เอามาจากประสบการณ์ตรงของตัวเองนั่นแหละ
กว่าจะทบทวน กว่าจะคิด กว่าจะตัดสินใจ คิดเอาหลายตลบ ใช้เวลานานพอตัว แต่เรื่องของเจ
“มึงเพิ่งรู้จักมันไม่นาน ถึงจะเจอมันมาบ้าง แต่ก็แค่เห็นหน้า มึงอย่าได้คิดว่าผู้ชายด้วยกันไม่เสียหายอะไร มันไม่ใช่แค่เรื่องต่ำกว่าเอว แต่มันหมายถึงใจคนสองคนด้วย กูเตือน กูเคยผ่านมาแล้ว” นี่ก็อีกคนที่เอาประสบการณ์ตรงมาพูด ทำเอาเจไปไม่ถูก...
จะให้เขาคิดอะไรล่ะตอนนี้ แค่เรื่องสวนตัวกับหวานตาก็เคลียร์ไม่จบ มามีเรื่องเพื่อนใหม่อีกเนี่ย เฮ่ออออ...
“กูไม่รู้จะเอายังไง กูแค่หลงไปปะวะ” เจเงยมามองสบตากับเพื่อนทั้งสอง นุชเองก็ส่ายหน้า ซอก็นิ่งไป
“พวกกูตอบมึงไม่ได้หรอก มันต้องค้นหากันเอาเอง โทษนะพวกกูช่วยอะไรไม่ได้มากหรอก” นุชว่า ส่วนซอยังคงเงียบไร้ซึ่งคำพูดอะไรได้แต่มองหน้าเพื่อนเงียบๆ
“มันน่ารักนะ กูยอมรับ ตั้งแต่เห็นแรกก็ว่าน่ารัก พอรู้จักมันก็ดี แถมมันก็ไม่ได้จะทำตัวเหมือนว่าจะแบบ...จีบหรืออยากให้กูอะไรด้วย มันคือเพื่อนเลยล่ะ”
“มันเป็นเพื่อนมึง แล้วมึงอยากเป็นเพื่อนมันมั้ย?” อยู่ๆ ซอก็เอ่ยสวนออกมา จ้องมองเจที่ทำหน้าลำบาก เม้มปากจนเป็นเส้นตรง
“กู...” เจตอบไม่ได้...
“อย่าเพิ่งคิดอะไรมากเลยน่า...ซอมึงอย่าบังคับให้มันพูดเลยว่ะ ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ” นุชแทรกเข้ามา หนุ่มหน้าสวยถอนหายใจออกมาช้าๆ
“โทษทีกู...กูแค่คิดอะไรมากเกินไป ไม่อยากให้พลาด”
“มึงเคยพลาด?” เจถามกลับมา ซอไม่ตอบในทันที เขาสบตากับเพื่อนสนิท ก่อนจะหลับตาแล้วพยักหน้า
“มันผ่านไปแล้วล่ะ” ซอพูดแบบนั้น แต่คนฟังอีกสองชีวิตไม่ได้คิดว่ามันผ่านไปสักนิด...
ใช่แล้วล่ะ แค่คำพูดเท่านั้นที่ผ่านไป...
“เอาไงกันต่อดีล่ะทีนี้” นุชว่า ก่อนจะล้วงเอามือถือออกมา มองเวลาแล้วก็โทรออก... ปล่อยให้อีกสองชีวิตอยู่ในความเงียบต่อไป คนหนึ่งล่องลอยไปกับเรื่องที่ยังไม่เกิด ส่วนอีกคนก็จมอยู่กับเรื่องที่ไม่เคยผ่านไปจากความรู้สึก...
“จะกินอะไร เดี๋ยวซื้อเข้าไปให้...หือ? ได้สิ...รอก่อนแล้วกัน อาฮะ...ได้ๆ อีกพักแหละ...ก็เครียดนะ บอกไม่ถูก อือๆ แค่นี่แหละ” แล้วนุชก็วางสาย เก็บมันไว้ที่เดิม มองหน้าเพื่อนสองคนสลับกัน
“เดี๋ยวกูไปส่งมู่กลับบ้านก่อน พรุ่งนี้ที่บ้านมันมีงานทำบุญแต่เช้า จะแวะไปกินข้าวที่ร้านป้าติ๋ว” ท้ายประโยคเจละสายตาจากกองเฟร้นซ์ฟรายมามองหน้านุช “มู่ถามว่ามึงเครียดมากปะ”
“กูนึกว่ามันจะถามว่ากูเครียดเรื่องอะไร” นุชส่ายหน้า
“ก็มึงบอกจะบอกมันเองไม่ใช่เหรอ?” เจพยักหน้า
“กูกำลังคิดว่าควรจะบอกดีมั้ย แต่คิดว่าคงยัง บอกตรงๆ กูควรคิดด้วยตัวกูเอง ยิ่งคนมากก็ยิ่งเรื่องเยอะ ไม่ใช่ว่ากูว่าไอ้มู่นะ” นุชพยักหน้ายิ้มให้เพื่อน ก่อนจะลุกขึ้น
“มันไม่โกรธมึงหรอก แต่ถ้ามึงไม่บอกมันเอง มันคงสาปแช่งมึงไปตลอดชาติเท่านั้นเอง กูไปล่ะ” นุชยิ้มแล้วก็ยกถาดของตัวเองไปเททิ้งที่ถังขยะ แล้วก็เดินออกไปจากร้านโดยไม่สนใจสายตาสาวๆ เช่นเดียวกับตอนที่เข้ามานั่นแหละ
“ก็ถูกอย่างที่ไอ้นุชว่านันแหละ”
“เรื่องของกูน่ะเหรอ” เจถาม แต่ซอกลับถอนหายใจ ลุกขึ้นยืนพร้อมแก้วเครื่องดื่ม
“เรื่องคำสาปของไอ้มู่ต่างหาก แค่ด่าธรรมดาชะนียังหงายขนาดนั้น ถ้ามันสาป กูว่ามึงสิ้นใจตายสบายกว่า” ซอชูแก้ว แล้วเดินหนีออกไปอีกคน
โอเค...เรื่องเครียดๆ ของเจจบแค่ตรงนี้ใช่มะ ทุกอย่างเริ่มด้วยตัวเองก็ต้องจบด้วยตัวเองสินะ...เฮ่อ...
หนุ่มหล่อก้มหน้าสองมือกุมขมับ แทบจะจิกทึ้งผมออกมาเป็นกระจุก นี่เขากำลังทำอะไรอยู่ ช่วงเวลาที่ได้เจอกันก็ไม่ได้จะมาก เพิ่งจะรู้จักกัน แถมต่างก็ถือว่าเป็นเพื่อนกันอีก...
คืออย่างน้อยมันก็ควรจะเหมือนกับพวกซีรีย์ นิยาย ละคร...ที่แบบต้องมีอะไรช่วยให้รู้สึกดีบ้างนะ แต่นี่เขาก็แค่เคยไปส่งผิงที่บ้านครั้งสองครั้ง ถึงเนื้อถึงตัวกันนิดเดียว พูดคุยกันถูกคอก็ใช่ แต่ก็ไม่ได้จะคุยกันบ่อย...
แล้วเขาก็(แอบ)จูบผิงไป...แค่นิดเดียวนะ แต่แตะปากเบาๆ ไปนิดเดียว
แค่นั้นอะ...
มันจะใช่แล้วเหรอ? มันใช่แล้ว? จริงๆ อะ...
ปวดหัวแล้วนะ...
มัน..ไม่เคยรู้สึกแบบนี้ โอเคใช่ ใจเต้น เขิน หน้าแดง อยากเจอ อยากคุย อยากอยู่ใกล้... แต่มันไม่พอ เขาว่ามันไมพอ มันควรจะมากกว่านั้น ไม่ใช่ผู้ชายกับผู้หญิง แต่...นี่คือ ผู้ชายกับผู้ชาย
“เฮ่อ...” เจถอนหายใจ ก่อนจะเงยหน้าขึ้น...
“เจอจนได้นะ...เจ”
“หวานตา”....
......................................
เจคงรู้สึกเหมือนถูกหวยแล้วมั้งตอนนี้.....