เมื่อ “รักประทับใจ” ของหมอภีมถูกพระพรหมส่งมาให้เจอกันอีกครั้ง
ภีมจึงรีบคว้าโอกาสนี้ไว้และรุกประชิดตัวอาตี๋น้อยธีที่อยู่ในใจมาตลอด
ถึงจะไม่ได้ทำให้อาตี๋ประทับใจแต่กลับทำให้แค้นฝังหุ่นแทนก็ยังดีกว่าจำกันไม่ได้.
.
.
ตอนที่ 1“ไอ้พวกเห็น ‘เมีย’ ดีกว่าเพื่อน กูเที่ยวคนเดียวก็ได้วะ”
เสียงสบถอย่างหงุดหงิดของชายหนุ่มหน้าตี๋ที่เพิ่งลงจากรถสปอร์ตสีดำคันหรู เรียกสายตาของผู้คนที่อยู่หน้าผับดังกลางเมืองให้หันมามองเป็นตาเดียว และด้วยรูปลักษณ์สูงโปร่ง ผิวขาว ไว้ผมซอยจัดทรงมาอย่างดี บ่งบอกเชื้อชาติว่าเป็นหนุ่มตี๋อินเทรนด์ของแท้ และการแต่งกายด้วยเสื้อผ้าแบรนด์ดังทั้งตัว เสื้อเชิ้ตสีดำยิ่งช่วยขลับผิวขาวให้ผ่องขึ้น เหมือนนักร้องเกาหลีหลงมาก็ไม่ปาน ทำให้สาวๆที่ชายหนุ่มเดินผ่านต่างชม้ายตาส่งสัญญาณเชิญชวน และสาวๆเหล่านั้นก็ไม่ผิดหวังได้รอยยิ้มละลายใจจากคนหน้าตี๋ไปถ้วนหน้า
เบื้องหลังร่างโปร่งที่ได้รับความสนใจจากสาวๆไม่ได้รู้สึกตัวเลยว่ามีสายตาคมคู่หนึ่งภายใต้แว่นจับจ้องไม่วางตา เจ้าของตาคมเป็นชายหนุ่มร่างสูงหนาเต็มไปด้วยมัดกล้ามของคนที่ออกกำลังกายประจำ ผู้มีใบหน้าคมเข้ม คิ้วหนา จมูกโด่งเป็นสันมีแว่นสายตาไร้กรอบวางอยู่ และเลนส์ใสนั้นไม่อาจบดบังแววตาระลึกได้ก่อนเปลี่ยนเป็นดีใจ จับจ้องไปที่ร่างโปร่งตามไปจนเจ้าของร่างเข้าประตูสถานบันเทิงไป
“ไม่ได้เจอกันนานไม่เปลี่ยนจริงๆ” เสียงแผ่วเบาดังรอดลำคอหนาออกมายามเผลอตัว ขาแกร่งก้าวตามร่างโปร่งไปยังจุดหมายเดียวกัน
เสียงเพลงดังกระหึ่มทันทีเมื่อผมได้ก้าวเข้ามาภายใน ผมใช้สายตากวาดตามองหาเจ้าของร่างโปร่งคนที่ยังอยู่ในความทรงจำ แต่ก่อนที่ผมจะได้เจออาตี๋น้อยอย่างใจคิดกลับต้องหันมาตามแรงตบที่ไหล่ซะก่อน
“ไงไอ้หมอมาช้านะมึง ไปๆเพื่อนๆรออยู่นั่น” ชายหนุ่มผิวเข้มคนนี้เป็นเพื่อนสนิทสมัยมัธยมของผมเองครับ ไม่รู้มันจะรีบมาทักทำไม ดูสิครับอาตี๋น้อยของผมคลาดสายตาไปจนได้
ผมจำใจเดินตามเพื่อนสนิทผิวเข้มเข้ามาหากลุ่มเพื่อนที่โต๊ะด้านในที่ถูกจัดไว้เป็นมุมส่วนตัวบดบังสายตาจากนักเที่ยวคนอื่นๆแต่กลับสามารถเห็นได้ทั่วทั้งผับ มุมดีๆแบบนี้ถูกอภินันทนาการจากเจ้าของผับผู้เป็นเพื่อนสนิทอีกคนของผมเอง
“ไงมึงกูนึกว่าจะไม่มาซะแล้ว” เสียงห้าวของหนุ่มมาดเซอร์ไว้หนวดเคราที่ถูกตัดเล็มอย่างดีเอ่ยทักผมทันทีที่ผมหย่อนก้นนั่ง และมันนี่แหละครับเจ้าของผับดังแห่งนี้
“มาซิวะไอ้ติณห์มึงเลี้ยงกูทั้งที” ผมมองไอ้ติณห์ยิ้มๆก่อนรับเครื่องดื่มจากไอ้เพื่อนตัวผอมหน้าตี๋ตาไม่มีชั้น
“ขอบใจว่ะไอ้ตี๋ วันนี้มึงหนีเมียมาได้เหรอวะ” ผมอดแซวเพื่อนที่ยื่นแก้วเครื่องดื่มมาให้ไม่ได้ เพราะรู้กันอยู่ว่าเมียมันดุมากไม่รู้พูดยังไงเมียถึงปล่อยให้ออกเที่ยวได้ และผมก็ได้แรงโบกจากฝ่ามือคนตัวผอมมาที่หัวเป็นรางวัล
“มึงอย่าพูดถึงเมียบังเกิดเกล้าของกู เดี๋ยวโผล่มากูตายแน่” ไอ้ตี๋เพื่อนตัวผอมพูดยิ้มๆแบบไม่จริงจัง แสดงว่าวันนี้มันหนีเมียมา ผมล่ะไม่อยากจะคิดว่าถ้าเมียมันจับได้จะเป็นยังไง
วันนี้ที่ผมและเพื่อนมารวมตัวกันได้เพราะไอ้ติณห์หนุ่มเจ้าของผับอยากเจอเพื่อนสนิทสมัยเรียนมัธยมจึงนัดมารวมกลุ่มกันที่ร้านตัวเอง สมาชิกในกลุ่มผมนั้นมีกันทั้งหมดห้าหนุ่ม คนแรกคือผม ‘ภีม หรือ ภีมวัจน์’ ผมเป็นผู้ชายร่างสูงใหญ่สวมแว่นเป็นถึงหมอหนุ่มอนาคตไกลลูกเจ้าของโรงพยาบาลเอกชนชื่อดัง คนที่สอง ‘ติณห์’ เจ้าของผับหรูชายหนุ่มมาดเซอร์รูปร่างสูงใหญ่ผู้ไว้หนวดเคราและนี่คงเป็นเสน่ห์น่าค้นหาจึงมีผู้หญิงเข้าหามากมาย คนที่สาม ‘เกริก หรือ เกริกชัย’ ชายหนุ่มรูปร่างสันทัดผิวเข้มกุ๊กประจำร้านอาหารกิจการของครอบครัวผู้มีรอยยิ้มสดใส คนที่สี่ ‘ตี๋ หรือ ชานนท์’ ชายหนุ่มตัวผอมสูงเจ้าของร้านทองเป็นเพียงคนเดียวที่สละโสดหลังเรียนจบไปกับลูกสาวเจ้าของร้านทองร้านข้างๆในย่านเดียวกัน คนสุดท้าย ‘ธัช หรือ ธัชดนัย’ ชายหนุ่มหนึ่งเดียวที่ไม่มาในวันนี้เพราะเดินทางไปต่างประเทศเพื่อติดต่อลูกค้า เป็นชายหนุ่มร่างสูงใหญ่เทรนด์ตี๋หล่อและเป็นพี่ชายของคนที่ผมเดินตามเข้ามาในผับ ดังนั้นวันระลึกความหลังจึงมีเพียงสี่หนุ่มเท่านั้น
สายตาของผมยังกวาดหาร่างโปร่งของชายหนุ่มเชิ้ตดำนามว่า ‘ธี หรือ ธีรนัย’ หนุ่มรุ่นน้องที่อยู่ในความทรงจำแม้เวลาจะผ่านไปนานกว่าแปดปีแล้วก็ตาม ‘ธี’ ชายหนุ่มผู้มีร่างสูงโปร่งเป็นหนุ่มอารมณ์ดีนิสัยโผงผางไม่ยอมใคร เมื่อผมนึกถึงวีรกรรมที่ธีทำไว้กับตัวเองเมื่อแปดปีก่อนในครั้งแรกที่เราเจอกันก็ทำให้ยิ้มออกมาได้ และสายตาผมก็ปะทะเข้ากับร่างของคนที่ตัวเองตามหาจนได้ครับ อาตี๋น้อยยืนเอาหลังพิงและเอาข้อศอกท้าวไว้กับเคาท์เตอร์บาร์อีกมือถือแก้วเครื่องดื่มสีอำพันสายตากวาดมองไปทั่วก่อนเจ้าตัวดีจะส่งยิ้มให้กับสาวสวยหุ่นสะบึมในชุดเดรสสีแดงเกาะอกความยาวพ้นแค่ก้นงอนงามมาคืบเดียว ‘เจ้าชู้ไม่เบาเลยนะอาตี๋’ ผมล่ะอยากจะรู้นักถ้าอาตี๋โดนผมมองด้วยสายตาโลมเลียแบบที่เจ้าตัวกำลังใช้อยู่อาตี๋จะทำหน้ายังไง
“ใครวะ มึงรู้จักเหรอแต่กูว่าหน้าคุ้นๆ” เสียงห้าวของติณห์ดังขึ้นในขณะที่สายตาผมยังจับจ้องไปที่หนุ่มหน้าตี๋คุ้นใจ มันคงสังเกตอยู่นานแล้วล่ะครับถึงทักออกมาได้
“ฮึๆ ที่หน้ามันคุ้นเพราะเหมือนไอ้ธัชไง มึงจำไอ้เด็กตี๋นี่ไม่ได้เหรอ” ผมส่งเสียงยียวนให้เพื่อนสนิทโดยไม่ละสายตาจากร่างโปร่งของอาตี๋ธี ซึ่งตอนนี้หญิงสาวชุดแดงคนนั้นกำลังเดินเข้าไปคลอเคลียแนบชิดซะแล้วครับ
“อย่าบอกนะมึง ว่านั่นไอ้เด็กธีน้องชายไอ้ธัชมัน โห เชี่ยวน่าดูว่ะ” เสียงตอบกลับไม่ใช่ติณห์แต่เป็นไอ้ตี๋ที่ยื่นหน้าเข้าแทรกเหมือนว่ามันแอบฟังมาแต่ต้น
“กูว่าใช่ว่ะ เด็กเก่ามึงนี่หว่าไอ้หมอภีม ฮ่าๆๆ” ไอ้เกริกหนุ่มผิวเข้มหัวเราะปากกว้างเห็นฟันขาวตัดกับสีผิวชัดตา และประโยคนี้ของมันทำเอาผมที่มองเป้าหมายอยู่ ต้องหันกลับมามองไอ้เกริกยิ้มๆในความรู้มากของมัน
“เป็นเด็กกูก็ดีดิวะ” ผมส่งยิ้มให้กับเพื่อนรอบวงเมื่อทุกคนหันมามองยิ้มๆแบบรู้กันเพราะความจริงแล้ว ไอ้เด็กตี๋ที่โดนนินทาอยู่ไม่เคยรู้ตัวว่ามีเพื่อนสนิทของพี่ชายแอบมองอยู่จนจบชั้นมัธยม และคนแอบมองแบบผมก็ไม่คิดจะไปบอกทั้งๆที่เพื่อนทั้งยุทั้งขู่ก็ไม่ยอมท่าเดียว อาจจะเพราะผมเห็นว่าธียังเด็กแถมเป็นน้องชายของไอ้ธัชด้วย ที่สำคัญคงเพราะผมเพิ่งอกหักอย่างหนักจากพีททำให้ยังไม่แน่ใจในความรู้สึกของตัวเองมากนัก และผมกลัวประวัติศาสตร์จะซ้ำรอยเดิมด้วย จึงได้แต่ปล่อยเวลาให้ผ่านไปจวบจนวันนี้ที่ความรู้สึกเก่าๆหวนกลับมา
“มาบ่อย สาวติดเยอะและได้กลับไปทุกครั้ง” ไอ้ติณห์หนุ่มมาดเซอร์พูดขึ้นมานิ่งๆตาจับจ้องไปที่รุ่นน้องหน้าตี๋เพื่อยืนยันว่าคนที่มันพูดถึงนั้นหมายถึงใคร
“มิน่า ลีลาดีขนาดนั้นกูไม่แปลกใจว่ะ เห็นแล้วกูอยากโสดบ้างไรบ้างว่ะเพื่อน” เสียงละห้อยของไอ้ตี๋ดังขึ้น ถ้าผมไม่ได้เห็นหน้ามันตอนพูดคงนึกสงสารอยู่บ้าง แต่ไอ้สีหน้ายิ้มพรายเจ้าเล่ห์ที่ใครได้เห็นตอนนี้คงอยากเอาเท้าไปเขี่ยหน้ามันซะมากกว่า จนผมอยากให้เมียมันมาเห็นไอ้ตี๋ตอนนี้จริงๆครับ ถึงตอนนั้นผมนี่แหละจะสมน้ำหน้ามันคนแรก
“มึงจะเอาไงวะไอ้ภีม เจอรักประทับใจสมัยมัธยมเข้าโดยบังเอิญ ทั้งๆที่ผ่านมานานไม่เคยเจอเนี่ย กูว่าเพราะพรหมลิขิตว่ะ” ไอ้เกริกหนุ่มผิวเข้มจ้องหน้าผมจริงจังอย่างต้องการคำตอบเพราะเชื่อว่ามันเป็นพรหมลิขิตที่ทำให้เราทั้งคู่มาเจอกันอีกครั้ง แม้รูปกายมันจะดูไม่เข้ากับความคิดโรแมนติกแบบนี้ก็ตาม แต่เชื่อเถอะครับว่าผู้ชายคนนี้มีอะไรให้คุณแปลกใจอีกเยอะ
“มึงจริงจังมากไอ้เกริกกูกลัวว่ะ / ฮึๆๆ” เสียงแซวของไอ้ตี๋ดังขึ้นพร้อมเสียงกลั้วหัวเราะของติณห์ทำเอาคนโดนแซวหันหน้าบึ้งๆมามองทั้งคู่ เพราะเพื่อนๆต่างรู้ว่าไอ้เกริกเป็นคนแบบไหนทั้งๆที่มันเป็นผู้ชายห้าวหาญแต่กลับมุ่งมั่นเป็นเชฟตั้งแต่เรียนมัธยม พอจบก็เก็บเงินและหาทุนส่งตัวเองไปเรียนเมืองนอกตามความฝันของตัวเอง ไอ้เกริกมันเคยร้องไห้น้ำตาไหลพรากเพราะอินจัดกับภาพยนตร์ที่ได้ดู ยิ่งเรื่องอ่อนไหวของความรักผู้ชายคนนี้จะจริงจังเสมอ อย่างตอนนี้ที่มันจริงจังจนผมเริ่มกลัวมันขึ้นมาบ้างแล้วครับ
“ในเมื่อมึงว่าเพราะพรหมลิขิตให้กูกับน้องมันมาเจอกัน กูก็จะตอบสนองพระพรหมไม่ให้ท่านผิดหวังว่ะ” ผมพูดเสียงจริงจังตอบไอ้เกริกกลับไปตามที่ใจคิด ทำเอาเสียงหัวเราะเสียงโวยวายของเพื่อนเงียบลง และหันมามองผมเป็นตาเดียวก่อนพวกมันจะยกแก้วเครื่องดื่มขึ้นเพื่ออวยพรให้ผมสมหวังกับรักประทับใจสมัยมัธยม
“ในเมื่อมึงคิดดีแล้วกูก็อวยพรให้โชคดีไม่โดนแข้งน้องมันซะก่อน เพราะมึงอย่าลืมมันเป็นผู้ชายเต็มตัวมันชอบผู้หญิงและกูขออีกอย่างจงเข้มแข็งไว้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น” เสียงเรียบของหนุ่มมาดเซอร์ที่นานๆไอ้ติณห์จะพูดยาวๆออกมาสักที
“ขอบใจว่ะติณห์ กูรู้ตัวเองว่าจะทำอะไรและกูไม่ใช่เด็กคนเดิมเมื่อแปดปีที่แล้ว” ผมเอ่ยกับมันเสียงหนักแน่นเพราะรู้ถึงความหวังดีในฐานะเพื่อนที่มีให้กัน และเสียงชนแก้วดังขึ้นพร้อมรอยยิ้มที่พวกมันส่งมาให้กับผมอย่างจริงใจ
ผมนายภีมวัจน์ตอนนี้เป็นชายหนุ่มผู้มั่นใจและมีเสน่ห์เต็มเปี่ยมช่างต่างจากเด็กหนุ่มเมื่อแปดปีก่อนมาก เพราะไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นผู้ชายคนนี้จะไม่เจ็บเจียนตายเพราะความรักแบบนั้นอีกแล้ว แต่ผมจะทำทุกวิธีให้ได้คนที่ตัวเองประทับใจมาอยู่เคียงข้างและจะต้องเปลี่ยนคนที่ชอบแต่ผู้หญิงให้มาชอบผู้ชายมาดแมนแค่ตัวเองเท่านั้นให้ได้
ร่างสูงโปร่งของหนุ่มหน้าตี๋ที่ยิ้มแต่ละทีละลายใจหญิงสาวที่ได้เห็น กำลังส่งยิ้มกรุ้มกริ่มให้สาวเซ็กซี่หุ่มสะบึมที่ยืนท้าวข้อศอกกับเคาท์เตอร์บาร์ ทำเอาหน้าอกหน้าใจที่มีเยอะอยู่แล้วให้ล้นทะลักออกมาเหนือผ้าเกาะอก สายตามันปลาบจ้องอกขาวพราวระยับก่อนเงยหน้าส่งยิ้มละลายใจไปให้ทำเอาสาวเจ้าหน้าแดง เอียงหน้าหลบตาด้วยจริตหญิงเต็มเปี่ยม ทำให้คนมองอย่างหนุ่มหน้าตี๋อยากจะฉุดสาวร้อนออกไปเสียแต่ตอนนี้ แต่ยังทำแบบนั้นไม่ได้เพราะเพิ่งรู้จักกันเดี๋ยวไก่สาวอกโตจะตื่นซะก่อน ธีคิดผูกสัมพันธ์ด้วยเครื่องดื่มสีสวยที่ไม่ได้มีดีแค่สีสันแต่เรื่องรสชาติและความแรงแล้วไม่แพ้กัน
“ขอบคุณค่ะธี” เสียงเซ็กซี่กระซิบชิดหูเพราะด้วยเสียงเพลงดังกระหึ่มทำให้การสื่อสารอาจไม่ชัดถ้าไม่ใกล้ชิด ชายหนุ่มจึงถือโอกาสโอบประคองเอวคอดกิ่วเข้าหาตัวก่อนกระซิบตอบข้างหูและสูดกลิ่นแก้มสาวไปในตัวด้วย
ในเมื่อเสียงเพลงดังยากต่อการสื่อสารทั้งคู่จึงใช้สายตาสื่อสารแทน หน้าแนบชิดห่างเพียงลมหายใจกั้นสายตาหวานระยับสื่อความนัยไม่ต่างกัน มือหนาโอบรอบเอวบางไว้ทั้งสองข้างให้เข้ามาแนบชิดตั้งแต่อกหยุ่นลงไปไม่มีช่องว่างให้แทรกผ่าน มือเรียวขาวเล็บสีแดงไม่ต่างจากชุดนั้นมีแก้วอยู่ในมือ ส่วนอีกมือใช้เล็บยาวสีเพลิงกรีดกรายใบหน้าขาวลงมาตามลำคอจนถึงอกหนาภายใต้เชิ้ตดำอย่างเย้ายวน สองร่างที่โอบประคองกันโยกตัวช้าๆเหมือนเต้นรำแม้ไม่เข้ากับจังหวะเพลงที่เร่งเร้าอยู่รอบตัว มือหนาเคลื่อนจากเอวลงต่ำลูบไล้แผ่วเบากับสัมผัสนุ่มมืออย่างเพลิดเพลินและสายตาสองคู่ไม่ได้ละออกจากกัน ส่งสายตาท้าทายยั่วยวนใส่กันรอเพียงจังหวะเวลาอีกนิดเท่านั้นหนุ่มหน้าตี๋ถึงจะได้ฤกษ์พาสาวถูกใจของคืนนี้ออกไปหาความสุขข้างนอกเหมือนทุกที
“เอ๊ะ / ขอโทษครับ” แรงกระแทกจากด้านหลังสาวสวยทำเอาเจ้าของหุ่นเซ็กซี่อุทานแผ่วอย่างตกใจ เมื่อหันไปมองก็พบชายหนุ่มร่างสูงใหญ่หน้าตาคมเข้มเอ่ยปากขอโทษก่อนส่งยิ้มละไมมาให้กัน ทำเอาคนเห็นรอยยิ้มถึงกับเคลิ้มตามลืมเจ้าของอ้อมกอดอุ่นเมื่อครู่ไปเลย
สายตาคมวาวตวัดมองคนที่เพิ่งมาใบหน้าขาวเริ่มแสดงอารมณ์ว่าไม่พอใจกับคนที่มาขัดจังหวะ ตาสบตาผมคาดหวังให้อีกฝ่ายจำตัวเองได้และผมก็ต้องผิดหวังเพราะตี๋ธีไม่มีวี่แววว่าจะจำกันได้เลย มีแต่แววตาที่วาววับแกมท้าทายอย่างคนที่ถูกขัดใจและพร้อมมีเรื่องของอาตี๋ที่ถูกส่งตรงมาให้ผมเท่านั้น ถึงแม้ผมจะผิดหวังแต่อย่างน้อยก็เป็นไปตามแผนที่ตั้งใจจะทำให้อีกฝ่ายหันมาสนใจกันได้บ้างก็ยังดีครับ
“ขอเต้นด้วยคนนะครับ คุณ....”ผมสบแววตาหวานของเจ้าของเรือนร่างยั่วยวนที่ปิดแววถูกใจในตัวผมไว้ไม่มิด และเจาะจงเว้นคำให้เธอตอบเพื่อเปิดทางสานสัมพันธ์อย่างเปิดเผย
“ชีทค่ะ แล้วคุณ...” เจ้าของเสียงหวานนามว่าชีท กรีดปลายเล็บสีแดงเพลิงเข้าที่อกผมพร้อมช้อนสายตายั่วยวนเปิดเผยมาให้ และดูท่าเธอจะลืมอาตี๋อีกคนไว้ด้านหลังซะแล้วครับ
“ผม ‘ภีม’ ครับ ยินดีที่ได้รู้จักครับ ผมขอเต้นด้วยคนนะครับ” ผมเอ่ยแนะนำตัวและพยายามเน้นตรงชื่อตัวเองก่อนมองสบตาชายหนุ่มอีกคนที่ด้านหลังร่างเย้ายวน อย่างต้องการให้คนที่ได้สบตาระลึกได้ แต่ผลกลับตรงกันข้ามเพราะหนุ่มหน้าตี๋คิดว่าเป็นสายตาหาเรื่องแกมท้าทายไปซะได้ครับ ผมทำอาตี๋โกรธเข้าซะแล้วครับดูได้จากที่ตี๋ธีกำมือแน่น ปากเม้มสนิท คิ้วขมวดมุ่น และหายใจแรง มันคงไม่เข้ามาชกผมหรอกนะครับเนี่ย ‘อาตี๋ใจร้อนของผม’ ฮึๆๆ
สาวสวยหุ่นสะบึมที่อยู่ตรงกลางระหว่างสองหนุ่มน่ากินนึกกระหยิ่มใจและภูมิใจกับความสวยที่มี กวาดตามองโดยรอบก็เห็นแต่แววตาอิจฉาแกมหมั่นไส้ของหญิงสาวนักเที่ยวคนอื่น ชีทก็ได้แต่เชิดหน้าขึ้นคลี่ยิ้มนิดๆอย่างเย่อหยิ่ง ก่อนจะเต้นยั่วยวนท่ามกลางสายตาอิจฉาของคนรอบข้างและสองหนุ่มที่ตนสนใจ จังหวะเพลงเร่งเร้าท่าเต้นยั่วยวนของสาวสวยที่มาพร้อมแววตายั่วไม่ต่างจากท่าเต้นที่ขยับโยกย้ายเอาส่วนของร่างกายเบียดสีร่างแกร่งของสองหนุ่ม
ธีแม้จะโกรธแทบอยากจะฆ่าไอ้คนที่เข้ามาร่วมแข็งจีบสาวตามที่ตัวเองเข้าใจ ก็ได้แต่ฝืนเต้นขยับโยกไปอย่างแกนๆ ทั้งๆที่หมดความสนใจกับหญิงสาวสวยตรงหน้าไปแล้ว แต่ถ้ายอมถอยกลัวว่าจะโดนเหยียดหยามจากคนที่มาใหม่ซึ่งธียอมให้เกิดไม่ได้ ส่วนหนุ่มอีกคนก็ยิ้มเต็มหน้าเมื่อทำให้อีกฝ่ายจ้องตนตาไม่กระพริบเรียกความสนใจได้อย่างที่คิดแม้แววตาวาววับที่มองมานั้นจะแสดงถึงความไม่พอใจตัวเองก็ตาม และแผนการขั้นสุดท้ายก็ถูกงัดออกมาใช้ภีมเอื้อมมือโอบเอวคอดกิ่วเข้าหาตัวก่อนก้มกระซิบชิดหูหอม
“คืนนี้ให้ผมไปส่งนะครับ” เสียงห้าวกระซิบสั่นพร่าให้อารมณ์หวิวก่อนส่งปลายลิ้นเข้ารูหูและเม้นติ่งหูนิ่มเบาๆ การกระทำนั้นถึงกับทำให้สาวเจ้าร่างอวบอิ่มขาอ่อนร่างระทวยเข้าสู่อ้อมกอดแกร่งทันที
ผมส่งสายตายั่วยวนให้ธีที่ยืนอึ้งตาเบิกโตกับสิ่งที่เห็น และรับรู้ถึงแววปราชัยที่ถูกผมหยิบยื่นให้ ก่อนที่ธีจะเอ่ยปากหรือขยับกายเข้าหาผมก็ชิงพูดซะก่อน
“งั้นผมขอตัวพาคุณชีทไปส่งบ้านก่อนนะครับ แล้วเจอกันใหม่คุณธีรไนย ฮึๆ” ผมโอบประคองร่างระทวยไว้กับอกก่อนเงยหน้าพูดส่งท้ายด้วยสายตาท้าทายให้อาตี๋ที่ยืนอึ้งและเดินจากไปทิ้งอาตี๋ไว้ด้านหลังเพียงลำพัง งานนี้อาตี๋ธีคงจำผมได้ไม่ลืมแล้วล่ะครับ
ธีที่ยืนอึ้งกับสิ่งที่เกิดขึ้นด้วยความรวดเร็วจนตัวเองไม่ได้แม้แต่เอ่ยปากโวยวายใดๆ หมุนตัวเดินกลับไปที่บาร์เครื่องดื่มอย่างอารมณ์เสียเรียกหาเครื่องดื่มรสแรงดับอารมณ์ร้อนที่มี นึกถึงหน้าไอ้คู่แค้นเบอร์หนึ่งที่ตนเพิ่งมอบตำแหน่งให้หมาดๆอย่างโกรธแค้นก่อนสาดเหล้ารสแรงเข้าคอ จนลืมนึกถึงคำพูดของคนที่จากไปว่ารู้จักชื่อจริงของตนได้อย่างไรในเมื่อธีไม่ได้แม้แต่พูดคุยด้วยเลย
.
.
.
“ถึงคอนโดชีทแล้วค่ะ” สาวสวยใช้มือนุ่มเกาะแขนแกร่งและเอนหัวซบไหล่หนาอย่างออดอ้อนก่อนเงยหน้าส่งสายตาเชิญชวน
“ครับ ผมส่งแค่นี้หลับฝันดีนะครับ” ผมส่งยิ้มมุมปากและแกะมือนุ่มออกจากแขน ก่อนลงจากรถมาเปิดประตูให้สาวสวยที่นั่งนิ่งแววตางวยงงได้ลงจากรถแบบเบลอๆ
ผมส่งยิ้มให้ชีทอีกครั้งก่อนเดินมาขึ้นรถและขับจากไป ทิ้งให้สาวสวยหุ่นสะบึมนามว่าชีทที่เพิ่งรู้สึกตัวว่าโดนปล่อยเกาะกระฟัดกระเฟียดกระทืบเท้าอยู่หน้าคอนโดตัวเองเพียงรำพัง และสาปส่งชายหนุ่มมาดดีผู้ยั่วให้อยากแล้วจากไป
..........................................................
โปรดติดตามตอนต่อไปค่ะ >O<
ตอนนี้จะเป็นตอนที่ธีกับภีมมาเจอกันอีกครั้งหลังจากห่างกันไปแปดปี
แต่ดูท่าพี่ภีมจะยั่วต่อมโมโหอาตี๋เข้าให้แล้วค่ะ แต่พี่แกก็พอใจแล้วที่ทำให้อาตี๋
จำตัวเองได้
ตอนหน้ามาตามดูต่อค่ะว่าภีมจะมีแผนขั้นต่อไปคืออะไรเมื่อเฮียแกคิดจะ
พิชิตอาตี๋น้อยแล้ว เจอกันวันอาทิตย์นะคะ
ปล.+1ให้ทุกเม้นท์แล้วค่ะ ดีใจมากมายที่ได้รับการต้อนรับจากทุกคนทั้ง
หน้าใหม่หน้าเก่าแต่ ‘น่ารักอ่ะ’ ทุกท่าน ขอบคุณจริงๆค่ะที่มาเป็นกำลังใจให้กันแบบนี้
ปล.2พรุ่งนี้(วันเสาร์)จะมาอัพแม็คนัทให้ในเรื่องนู้นนะคะ อย่าลืมติดตามน้า 