ตอนที่ 4“มาแล้วพวกมึง ไอ้ฟินมึงนี่เร่งกูจังไอ้ที่ซื้อมานี่มึง กิน ให้ หมด เลย ด้วยยย ไอ้ๆๆ ไอ้แว่นนน มึงนี่เองมึงอยู่นี่ได้ไงวะ”
มันมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงไอ้แว่นขี้ขโมยหรือมันกล้าตามมาหาเรื่องผมถึงที่นี่กันและมันรู้ได้ยังไง คำถามมากมายวิ่งวุ่นอยู่ในหัว ห้องทั้งห้องเงียบกริบและท่าทางของผมคงตลกไม่น้อยเพราะมือหนึ่งชี้หน้าไอ้แว่นขี้เหร่อีกมือก็หิ้วถุงของกินพะรุงพะรังนั่นมันยังมีหน้ามายิ้มเยาะเย้ยกันอีกมึงๆต้องตายคาตีนกูวันนี้แหละ ผมตั้งท่าจะกระโจนเข้าใส่ไอ้แว่นตรงหน้าแต่ต้องหยุดชะงักเพราะแรงจับรั้งบริเวณต้นแขน
“ธี มึงหยุดก่อนใจเย็นดิวะ” มนที่ยืนอยู่ข้างๆเอ่ยเสียงเรียบหน้านิ่งทำเอาผมต้องหยุดการเคลื่อนไหวทั้งหมด แต่สายตาผมกับมันยังจ้องกันไม่กระพริบ ไอ้แว่นมันส่งสายตาวิบวับเยาะเย้ยผมและยิ้มมุมปากอย่างกวนอารมณ์มาให้
“เอ่อ ทุกคนนี่หมอภีมเป็นเพื่อนรุ่นเดียวกับพวกเราน่ะ” กัสแฟนไอ้วินที่ยืนข้างๆไอ้แว่นพูดแทรกขึ้นทำเอาผมเพิ่งสังเกตว่ามันใส่เสื้อกาวน์ยาว นี่มันเป็นหมอเหรอวะสถาบันที่มันจบเค้าไม่สั่งสอนกันรึไงว่าหมอมันต้องทำตัวเรียบร้อยกว่านี้น่ะ
“ผมขอตัวก่อนนะครับช่วงเย็นเดี๋ยวผมมาตรวจคุณฟินอีกรอบ และเราคงได้ ‘ทำความรู้จักกันเพิ่มขึ้น’ ให้มากกว่านี้” อยู่ๆเสียงห้าวของไอ้หมอแว่นก็ดังแทรกความเงียบขึ้นมา แล้วมันจะเน้นทำไมเพราะกูไม่อยากรู้จักมึงมากกว่านี้ แต่ถ้าเปลี่ยนเป็นนัดเคลียร์ค่อยว่ากัน มันส่งยิ้มให้ผมอีกทีก่อนหันไปก้มหัวให้บรรดาแฟนๆเพื่อนผมและเปิดประตูออกไป
“ไอ้หมอเวรเอ้ยยยย” ผมขอระบายโดยการตะโกนหน่อยเหอะ ใจจริงอยากจะตามออกไปกระทืบไอ้หมอกวนตีนนั่นด้วยซ้ำครับ ผมเบนสายตาออกจากประตูและแทบสะดุ้งเมื่อเจอกับสายตาเจ็ดคู่จ้องเขม็งมาที่ผมเป็นตาเดียวเลยครับ และมันทำให้ผมยิ่งหงุดหงิด หน้าตาของผมตอนนี้เนี่ยไม่ต้องพูดถึงเชื่อได้เลยว่าคงบึ้งจนหมดหล่อแน่ๆ
“มองอะไรกันวะ” ผมเลยเผลอเสียงดังออกไปทำให้มนส่งสายตาดุๆมาเตือนผม แหมผมก็ลืมไปครับว่ามีบรรดาแฟนๆของเพื่อนสนิทอยู่ด้วย เผลอเสียงดังซะทำเอามิค กัส มายหน้าแหยเลยครับ
“ขอโทษคร้าบบบบ” ผมจึงเอ่ยขอโทษตรงไปให้คนน่ารักทั้งสามที่ก็ยิ้มอ่อนๆกลับมาทันทีอย่างเข้าใจ
“เอ้า! แดกซะจะได้อารมณ์ดีขึ้น” ไอ้ปรัชมันส่งชามโจ๊กที่ผมไปต่อคิวยาวกว่าจะได้มาๆให้ ผมก็รับมาตักเข้าปากงานนี้ร้อนไม่ร้อนไม่รู้แล้วครับรู้แต่ว่ายังโมโหไอ้หมอบ้านั่นอยู่
“มึงไปรู้จักกับหมอภีมได้ยังไง” เสียงไอ้ฟินที่นั่งอยู่บนเตียงดังขึ้น ทั้งๆที่ปากก็ไม่ว่างมือก็ยุ่งวุ่นวายทั้งต้องตักโจ๊กเข้าปากตัวเองทั้งต้องคอยรินน้ำให้แฟนมัน ยังมีหน้าอยากรู้เรื่องของผมอีก
ผมที่อัดอั้นอยู่แล้วจึงเต็มใจระบายเหตุการณ์ทั้งหมดคืนนั้นให้พวกมันฟัง ผมรู้นะครับแต่ละคนแม้จะดูเหมือนไม่ค่อยสนใจเพราะมีของกินอยู่กับมือตักเข้าปากแต่หูนี่กางจับทุกรายละเอียดที่ผมเล่า แถมเล่าจบเพื่อนสาวคนสนิทของผมก็ซ้ำเติมกัน
ต่อหน้าหาว่าถ้าผมมีเรื่องกับไอ้หมอภีมผมนี่แหละจะโดนมันสอยร่วงซะก่อน โธ่ มนนี่ไม่รู้อะไรถึงผมจะเสียเปรียบมันด้านรูปร่างแต่ผมมั่นใจนะครับว่าตัวเองมีดีพอจะล้มมันได้ ไม่อย่างนั้นอาจารย์ที่สอนเทควันโดและยูโดให้ผมได้ตามมากระทืบผมน่ะสิครับที่ศิษย์เอกจะไปแพ้คนอื่นง่ายๆแบบนั้น
“มน ทำไมไม่ให้กำลังใจธีล่ะ มนเป็นเพื่อนธีรึเปล่าเนี่ย” ผมขออ้อนสาวมนหน่อยครับเพราะไม่กล้าไปอ้อนไอ้ถึกพวกนั้นหรอกคงได้กินตีนพวกมันก่อนจะอ้อนจบ มนยิ้มเหยียดแบบรังเกียจส่งมาให้ผมแต่ตาพราวอย่างขบขัน
“ธีจ๊ะ ธีเข้าใจอะไรผิดรึเปล่า คือหมอภีมไม่น่าไปแย่งผู้หญิงจากธีนะเพราะหมอภีมเค้าไม่ได้ชอบผู้หญิง หมอภีมเป็น ‘เกย์’ มีแฟนเป็นผู้ชายมาตลอด หมอจ๋าเค้าเป็นเพื่อนสนิทของมายตอนเรียนมัธยมเคยเล่าให้ฟัง และทั้งคู่ตอนเรียนหมอเค้าก็เป็นเพื่อนสนิทกลุ่มเดียวกัน”
เสียงหวานของมายแฟนสาวไอ้ปรัชเอ่ยเรื่อยๆสบายหูผมก็ฟังเพลินแถมหน้าตาที่ออกแนวหวานน่ารักด้วยแล้วยิ่งสบายตา นี่ถ้าไม่ติดว่าไอ้ปรัชมันเล็งไว้นานแล้วผมจีบตัดหน้าไปแล้วครับ แต่ทำไมทุกสายตาต้องมองมาที่ผม ‘อีกแล้ว’ ครับ ไอ้พวกเพื่อนๆผมมันมองมายิ้มๆตาเจ้าเล่ห์มาก ส่วนทางแฟนๆมันหน้าตากังวลอย่างเห็นได้ชัดยิ่งสาวมายนี่คิ้วแถบจะผูกกันเลยครับ
“พวกมึงมองหน้ากูทำไมวะ” ผมส่งคำถามออกไปอย่างสงสัยและเริ่มไม่ไว้ใจสายตาพวกมัน
“เฮ้อออ เพื่อนกูไม่ได้รู้ตัวเลยว่าถูกหมอรูปหล่อสนใจ” มนถอนใจออกมาซะดังก่อนพูดยิ้มๆ แล้วมีหมอที่ไหนมาสนใจผมครับ แต่เมื่อกี้มนว่าหมอรูปหล่อเหรอ อย่าบอกนะว่าคิดว่าไอ้หมอภีมมันชอบผมน่ะ ตายๆๆกูแย่แล้ว
“ใคร มน กูเนี่ยนะ เฮ้ยยยย พวกมึงทุกคนหยุดคิดได้เลย แม่งงง กูขนลุกหมดเลย เชี้ยยย ไอ้วิน ไอ้ฟิน มึงหัวเราะอะไร” ผมขนลุกไปทั้งตัวจริงๆนะครับไม่ได้แกล้งพูด แถมชูแขนที่ขนลุกให้พวกมันดูเป็นการยืนยัน แม่งยังหัวเราะกันไม่หยุดจะหัวเราะอะไรกันนักหนาวะ
ผมทนไม่ไหวลุกขึ้นเดินหนีเข้าห้องน้ำ แต่พอผ่านไอ้วินที่หัวเราะดังกว่าใครก็เตะไปที่หน้าแข้งมันที ไอ้นี่ก็ร้องโวยวายเหมือนใครเชือดคอส่งสายตาอาฆาตมาที่ผมทันที ผมก็แสยะยิ้มให้มันไปก่อนมันจะหันไปอ้อนกัสแฟนมันแทน เว่อร์มากๆครับ ชิ เบื่อคนมีแฟน ผมปิดประตูห้องน้ำดังโครมแบบไม่กลัวว่ามันจะพังเพราะเตี่ยผมรวยจ่ายไหวอยู่แล้วครับแค่ค่าประตูห้องน้ำเนี่ย หน้าตามู่ทู่ที่ผมเห็นผ่านกระจกตัวเองยังตกใจเลยครับ จึงพยายามปรับสีหน้าให้ดีขึ้นลดความหงุดหงิดลง นี่หมายความว่าไอ้หมอภีมนั่นมันเป็นเกย์จริงๆเหรอครับ แล้วการที่มันแกล้งมาแย่งผู้หญิงผมวันนั้นเพราะมันสนใจผม
“บรื้อออออ”
แค่คิดก็ขนลุกอีกแล้วครับผมต้องลูบแขนตัวเองอยู่นานกว่าจะกลับมาปกติ มันอยากได้ผมเป็น ‘ผัว’ เหรอครับ ผมไม่เอาด้วยหรอกผมเป็นผู้ชายทั้งแท่งนะครับ ไม่เหมือนไอ้วินไอ้ฟินมันที่ได้หมดแต่ตอนนี้มันก็มีเมียเป็นตัวเป็นตนแล้วและรักเมียมากด้วย บอกเลยว่าผมไม่ได้รังเกียจเกย์นะครับ แต่แค่คิดว่าจะต้องมีอะไรกับผู้ชายถึกๆแบบไอ้หมอภีมผมก็หมดอารมณ์แล้ว แต่ไม่แน่ถ้าเป็นผู้ชายตัวเล็กๆน่ารักๆแบบกัสกับมิคแฟนเพื่อนผมก็ว่าไปอย่าง ถึงตอนนั้นผมคงมีอารมณ์ร่วมได้ง่ายๆ แต่ไอ้หมอภีมควายถึกขนาดนั้นผมไม่รับประทานหรอกครับ คอยดูถ้าได้เจอหน้ามันอีกผมจะซัดให้คว่ำเลยข้อหาทำให้ผมโดนไอ้พวกเพื่อนมันล้อเลียนได้ขนาดนี้
........................................................
คืนวันศุกร์สำหรับผมมันช่างน่าอภิรมย์ครับเพราะทั้งอาทิตย์ก็เหนื่อยจากงานมามากแล้วขอพักผ่อนหย่อนใจบ้างเถอะ วันนี้พิเศษหน่อยก็ตรงที่มีคนเป็นเจ้ามือครับ
“ไงธีพร้อมรึยัง จะไปพร้อมเฮียหรือว่าจะขับรถไปเอง” เสียงเฮียธัชดังขึ้นข้างหลังผมจึงหันไปมอง โอ้วว เฮียผมจะหล่อไปไหนครับดำทั้งชุดยิ่งขลับผิวเฮียให้ใสกระจ่าง พวกผมได้ผิวหม่าม้ามากันทั้งบ้านครับเหมือนว่าพวกเรามีออร่าจับไปทั้งตัวก็ว่าได้
“ผมเอารถไปเองดีกว่า เผื่อออกไปทำธุระต่อ ฮึๆๆ” ผมส่งสายตาให้เฮียธัชแบบรู้กัน ก็เผื่อคืนนี้ผมได้สาวๆติดมือมาครับจะได้สะดวกหน่อย เฮียธัชก็ยิ้มๆครับแหมเราพี่น้องกันรู้ไส้รู้พุงกันหมดแล้วครับ
“งั้นเจอกันที่ LAD PUB เลยนะ ขับรถดีๆล่ะ” พูดจบเฮียธัชก็เดินไปหน้าบ้านเลยครับ แต่ผมว่าชื่อผับมันคุ้นๆนะครับ แต่ผมก็คุ้นไปหมดแหละ คนโสดแบบผมมันไม่มีภาระก็ออกเที่ยวจนพรุนไปหมดแล้ว
ผมขับรถมาถึงหน้า LAD PUB จอดรถเสร็จเดินมามองป้ายหน้าร้าน นั่นไงครับผมว่าแล้วว่ามันคุ้นๆ จะไม่ให้คุ้นได้ยังไงครับเพราะเป็นผับเดียวกับที่ผมโดนไอ้หมอถึกมันแย่งผู้หญิงไป นึกแล้วก็อารมณ์เสียจะไม่เข้าก็เห็นแกของฟรีที่เพื่อนเฮียธัชมีน้ำใจมาเลี้ยง เอาวะเข้าก็เข้าไปแก้มือจากครั้งก่อนลบรอยด่างในชีวิตดีกว่า ขาผมออกเดินตรงไปหน้าร้านแต่ก่อนที่มือจะออกแรงผลักประตูก็มีมือใหญ่เอื้อมมาจากข้างหลังวางอยู่เหนือมือผม ทำให้ผมต้องหันไปมองก็เจอปลายคางเขียวครึ้มไรหนวดกลิ่นโคโลญจน์หอมสดชื่นปะทะจมูก ไอ้นี่มันจะสูงไปไหนวะผมว่าผมสูงแล้วนะ ผมจึงเงยหน้าเพื่อจะมองหน้าไอ้เปรตนี่ให้ชัดๆ แต่ผมต้องเซถลาจากแรงคนด้านในที่ผลักประตูออกมา
“อุ๊ย!! ขอโทษค่ะ เอ่อ คือ ขอตัวนะคะ คิกๆๆๆ” สาวสวยนุ่งสั้นโชว์ขาเรียวขาวน่าจับ เธอตาโตเอ่ยขอโทษก่อนขอตัวตามมาด้วยเสียงหัวเราะคิกคักและเดินจากไป
ผมก็งงสิครับว่าเธอคนนั้นจะหัวเราะอะไร หรือผมลืมรูดซิบผมก้มมองที่เป้ากางเกง แต่ต้องชะงักเพราะเพิ่งรู้ตัวว่าโดนกอดจากคนด้านหลัง คนอะไรขาวชะมัดแขนนี่ขาวพอๆกับผมเลยครับ เฮ้ย! ผมต้องกังวลที่โดนผู้ชายกอดไม่ใช่มามัวสนใจความขาวของมัน
“เฮ้ยยย ปล่อยกู” ผมดิ้นหนีจนหลุดจากอ้อมกอดที่รัดไว้ แต่ก็เล่นเอาเหนื่อยเลยครับแรงมันเยอะมาก ผมมองหน้ามันพอได้เห็นก็อึ้งแดก
“ฮึๆๆ นึกว่าจะให้กอดนานกว่านี้ กำลังเพลินเลย” ชายหนุ่มร่างสูงสวมแว่นส่งยิ้มกวนตาพราวมาให้ ด้วยรูปลักษณ์ที่แตกต่างจากตอนทำงาน เพราะแผงอกขาวที่โผล่จากเสื้อเชิ้ตสีดำที่ปลดกระดุมและกางเกงยีนส์แนบสะโพกกับต้นขาแกร่งที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อแน่น สาวๆกับหนุ่มน้อยที่ได้เห็นคงน้ำลายสออยากแนบหน้าไว้กับอกแกร่งเป็นแน่ แต่หนุ่มหน้าตี๋ตรงหน้ากับมีสีหน้าถมึงทึงกำหมัดแน่นเมื่อรู้ว่าเป็นใคร
“มึงๆ ไอ้หมอภีม ไอ้ควายถึก” ผมรู้สึกได้ว่าความร้อนมันแผดเผาไปทั้งร่างที่ได้รู้ว่าไอ้หมอนี่มันแอบกอดผม แถมมาพูดจาชวนอ้วก ผมง้างหมัดและชกไปสุดแรงเล็งที่กึ่งปากกึ่งจมูกของมันกะเอาให้หมอบในครั้งเดียว แต่มันดันคว้าหมัดที่ผมเหวี่ยงไปได้แถมรวบตัวผมเข้าไปในอ้อมกอดอีกครั้งด้วยใบหน้าประดับรอยยิ้ม
“จุ๊ๆๆ อย่าเสียแรงดีกว่านะธี เก็บแรงไว้ทำอย่างอื่นกับพี่ดีกว่า” เสียงกระซิบที่ได้ยินชัดและสายตาพราวระยับที่อยู่ใกล้ทำเอาผมโกรธกว่าเดิม โกรธตัวเองที่ไม่สามารถทำอะไรมันได้ ได้แต่ฮึดฮัดในอ้อมกอดแกร่ง
“ปล่อยกูสิวะ แม่ง โว้ยยยย” ผมตะโกนใส่หน้าไอ้หมอถึกแรงเยอะเผื่อมันจะทนเสียงดังของผมไม่ไหวจนคลายแรงกอดและผมจะได้สวนตอนมันเผลอ แต่ดูท่าผมจะไม่เหลือความหวังนั้นเพราะยิ่งผมดิ้นมันยิ่งรัดแน่นกว่าเดิม
“เอ่อ พี่ครับถ้าจะพลอดรักกันผมว่าหลบไปข้างๆตึกหน่อยดีกว่าครับ เพราะมันขวางทางลูกค้าท่านอื่นเข้าร้าน” เสียงขัดจังหวะที่ดังขึ้นทำให้ผมหยุดการดิ้นรนและหันไปมองก็พบเด็กพนักงานของร้านยืนกุมมือประสานกันไว้ด้านหน้าก้มหัวพูดอย่างนอบน้อม ผมจึงเพิ่งรู้ตัวว่าโดนไอ้หมอบ้ามันกอดอยู่หน้าทางเข้าร้าน แถมรอบตัวเราก็มีคนยืนล้อมอยู่และมองมาทางเราทั้งคู่ยิ้มๆ
“ขอโทษครับ ผมกำลังง้อแฟนอยู่ ไปครับเข้าร้านกันเถอะ” แรงกอดคลายลงเหลือเพียงการเกาะกุมมือและโปรยยิ้มขอโทษคนรอบข้าง ก่อนจะฉุดเจ้าของมือที่ยืนอึ้งเข้ามาด้านในตัวร้าน
ไอ้หมอบ้ามันว่าอะไรนะมันบอกว่าผมเป็นแฟนมันงั้นเหรอ นี่มันชอบผมจริงๆใช่มั้ยครับ กะเอาผมทำผัวใช่มั้ย โอ๊ยยย แล้วมึงฉุดกูเข้ามาทำไมกูยังไม่ได้แก้ไขสิ่งที่มึงพูดเลย แถมหน้าร้านมีแต่สาวๆสวยๆทั้งนั้นเลยครับ แล้วต่อไปผมจะกล้ามาร้านนี้อีกได้ยังไงกัน แต่เดี๋ยวก่อนนี่ผมโดนมันจับมือพาเข้ามาในผับตั้งแต่เมื่อไหร่กันครับ ผมพยายามออกแรงสะบัดมือออกจากมือมันและดูเหมือนจะไร้ผล
“จับกูทำไมเนี่ย ปล่อยกูเลยนะ” ผมโกรธมันมากเลยครับอยากกัดคอให้เลือดพุ่งไหลจนหมดตัวตายไปเลย ด่าไปมันก็ยังยืนมองหน้าผมอมยิ้มอยู่ได้อีกครับ ผมเตรียมกระโจนงับคอมันอย่างที่คิดแต่ต้องชะงักกับแรงที่ตบลงมาที่ไหล่
“อ้าวธีเจอไอ้ภีมแล้วเหรอ” เสียงคุ้นเคยของเฮียธัชดังขึ้นก่อนมือผมจะได้รับอิสระ ผมมองหน้าเฮียและหันกลับมามองหน้าไอ้หมอภีม ก็เออแล้วไงวะก็ใช่ผมเจอไอ้หมอภีมแล้วๆไงล่ะ เฮียธัชคงเห็นผมมองหน้าแกสลับไปมากับหน้าไอ้ภีมแบบงงๆแกก็เลยส่ายหน้าเหนื่อยใจมาให้ผม
“ก็นี่ไงไอ้ ‘ภีม’ เพื่อนเฮียสมัยเรียนมัธยม ที่ขอเป็นเจ้ามือเลี้ยงเราวันนี้” สิ้นเสียงเฮียธัชผมก็หันมามองหน้าไอ้เปรตภีมทันที มันยิ้มกว้างกว่าเดิมแถมพยักหน้ายืนยันคำพูดของเฮียกับผมอีกครับ ถ้าตอนนี้ผมเปลี่ยนใจไม่กินของฟรีจะทันมั้ยเนี่ย ไม่น่าเห็นแก่ของฟรีเลยไอ้ธีเอ้ยยย ทำเอาต้องมาเจอเหตุการณ์ชวนอ้วกแบบนี้
...................................................................
โปรดติดตามตอนต่อไปค่ะ >O<
“ของฟรี” ที่นายธีกระหยิ่มใจก็กลับทำให้จำไปจนวันตาย
ว่าของฟรีดีๆนั้นไม่มีในโลก
ตอนนี้ไม่รู้จะสงสารหรือขำอาตี๋ดี ที่ได้มาเจอคู่แค้น(แสนรัก)เข้า
รู้แต่ว่าธีจะเข้าใจผิดไปมากที่คิดว่าเฮียภีมหวังจะเอาตัวเองไปเป็นสามี
ทั้งๆที่เค้าหวังเอาตัวเองไปทำเมียแท้ๆ
ตอนหน้าพลาดไม่ได้บอกได้คำเดียวว่าเฮียภีมออกตัวแรงมาก
จนอยากให้ติดตามค่ะ
ปล.+1ให้ทุกเม้นท์แล้วน้า เจอกันอีกทีวันเสาร์ค่ะ

และ

ทุกการติดตามค่ะ^^