ตอนที่ 5สายตาผมไล่มองหน้าบรรดาเพื่อนสนิทเฮียที่นั่งร่วมโต๊ะกันหลังเฮียธัชแนะนำให้รู้จัก ผมนั่งนึกทบทวนก็รู้สึกว่าคุ้นหน้าแค่ไอ้หมอภีมมันคนเดียวจะไม่ให้คุ้นได้ไงมีเรื่องกันขนาดนั้นนี่ครับ ส่วนคนอื่นๆที่นั่งอยู่ที่ส่งยิ้มกวนๆมาให้ผมนั้นผมแทบไม่คุ้นเลยครับ
“เอ้าน้องธีพี่ตี๋ชงเหล้าให้แล้ว” แก้วเหล้าถูกยื่นมาตรงหน้าผมพร้อมเสียงกวนๆของเฮียตี๋ตัวผอม
“โหหห เฮียคร้าบบบ ขอให้เรียกแค่ชื่อได้ป่ะไม่เอาน้องนำหน้าอ่ะ” ผมก็พูดและส่งยิ้มกวนๆไปให้คนชงเหล้า
“ฮ่าๆ ได้ๆกวนไม่ใช่เล่นนะเรา” ผมก็ผสมโรงหัวเราะไปกับเฮียตี๋แกครับ แต่ต้องสะดุ้งเพราะแรงเขี่ยที่เท้าจากคนที่นั่งตรงหน้าก็จะใครล่ะครับก็ไอ้แว่นเปรตนามว่า ‘ไอ้หมอภีม’ นั่นแหละ
ผมหันไปมองหน้ามันบึ้งๆจะอะไรนักหนาวะคนกำลังจิบเหล้าอร่อยๆอยู่ ส่วนมันก็ส่งยิ้มกวนๆมาให้แต่ไม่ได้พูดจาอะไร ผมล่ะเบื่อไม่อยากมีเรื่องกับมันเลยครับเลยเบนสายตาหนีเอาดื้อๆ และสายตาผมที่เหลือบไปด้านหลังของมันก็เจอเข้ากับสายตาเชิญชวนพร้อมรอยยิ้มหวานของสาวหมวยหุ่นเอ็กซ์เซ็กส์ระเบิดนางหนึ่ง จึงส่งยิ้มที่ตัวเองคิดว่าทรงเสน่ห์เท่ที่สุดไปให้และยกแก้วชูขึ้นนิดหน่อยพอให้รู้ว่าผมรับไมตรีจากเธอ
“ไงธี มาถึงก็เจอเป้าหมายเลยนะ ฮึๆๆ” เสียงเฮียธัชที่นั่งข้างๆผมก็แซวขึ้นอย่างขำๆ ผมก็หันไปยักคิ้วข้างเดียวกวนส่งไปให้อาเฮีย
“ก็คนมันเสน่ห์แรงอ่ะเฮียช่วยไม่ได้” ผมเผื่อแผ่รอยยิ้มไปทางบรรดาเพื่อนๆเฮียที่ยังนั่งอยู่และมองมาทางผมยิ้มๆ
บรรดาเฮียๆก็ไม่รู้จะมองอะไรผมนักหนาครับ สายตานี่ไม่น่าไว้ใจสุดๆทำเอาผมเริ่มเสียเซลฟ์ไปเลย แต่ไอ้หมอภีมกลับจ้องหน้าผมนิ่งไม่ยิ้มหน้าบึ้งได้อีกครับแถมตาวาวๆของมันก็ทำผมเสียววาบ ก่อนมันจะหันหลังไปมองสาวหมวยอึ๋มของผมครับและมันก็หันมาแสยะยิ้มส่งให้ผมทันที ‘อะไรว่ะเนี่ยกูไม่เข้าใจอารมณ์มึงจริงๆ’ หน้าตาผมคงเอ๋อมากทำเอาเฮียๆคนอื่นหัวเราะออกมาเบาๆ ส่วนเฮียธัชไม่ได้อยู่ในวงแล้วครับเพราะโดนสาวสวยชุดดำลากออกไปเต้นนัวเนียกลางฟลอร์ซะแล้ว ผมเลยไม่รู้จะถามใครชักไม่แน่ใจว่าบรรดาเพื่อนเฮียธัชนี่บ้ารึเปล่าหัวเราะกันอยู่ได้
“เอ้าธีนั่งเอ๋ออะไร กินๆเลยจางหมดแล้วเนี่ย” เฮียเกริกทักขึ้นทำเอาผมที่เพิ่งรู้สึกตัวแก้เก้อด้วยการกระดกเหล้าจางๆเข้าปาก
“ธี ถามจริงคุ้นหน้าพวกเฮียมั่งมั้ยเนี่ยเรียนโรงเรียนเดียวกันตั้งเทอม” เฮียตี๋พูดยิ้มๆมองมาทางผมก่อนเหล่ตาไปทางไอ้หมอภีม ผมล่ะตงิดใจแปลกๆครับทำไมรู้สึกว่าตัวเองถูกจับตามองจากบรรดาเพื่อนเฮียวะครับเนี่ย
“เอาความจริงแบบไม่บิดเบือนเลยนะครับ ผมไม่คุ้นหน้าเฮียๆเลยอ่ะ พวกเฮียไปหลบหน้าอยู่ที่ไหนไมไม่มาให้ผมเห็นวะครับ ฮึๆๆ” ผมก็อดกวนเฮียๆไม่ได้ก็มันนิสัยผมนี่ครับ ทำเอาพวกเฮียหัวเราะใหญ่เลยไม่เว้นไอ้หมอแว่นที่ตาพราวระยับ
และผมก็อดเจ็บใจไม่ได้ที่ต้องยอมรับความจริงว่าหน้ามันหล่อจริงๆตอนที่คลี่ยิ้มกว้างแบบนี้
“แม้แต่ไอ้ภีมเพื่อนพี่เนี่ยธีก็จำไม่ได้เหรอ” พี่เคราดกเฮียติณห์เจ้าของผับก็ถามผมยิ้มๆครับ ผมว่าเฮียติณห์เท่ดีครับบุคลิกนิ่งๆน่าค้นหาสาวๆท่าจะติดแกเยอะอยู่
“เพื่อนเฮียเนี่ยผมยิ่งไม่คุ้นครับ จะมาคุ้นก็เพราะเพื่อนเฮียมาปาดหน้าเค้กผม แต่ผมก็อโหสิให้ไปแล้วแต่อย่าได้จองเวรกับผมอีกเลย สาธุ” ผมตอบเฮียติณห์เสียงเรียบแต่จับจ้องมองหน้าไอ้หมอภีมนิ่งๆแบบให้รู้กันไป ว่าต่อไปอย่าได้มายุ่งกับกูอีกเลย และผมก็ไม่อยากเรียกชื่อมันด้วยครับเอาให้รู้กันไปเลยว่าผมไม่ถูกชะตามันมากถึงมากที่สุด
“โห แรงว่ะ ฮ่าๆๆ / ฮึๆๆ / ฮิ้ววว ” บรรดาเฮียๆหัวเราะอย่างถูกใจ จะมีแค่คนเดียวที่ไม่หัวเราะแต่แค่ส่งยิ้มมุมปากตาแพรวพราวมาทางผมแบบไม่ละสายตา เราจ้องตาท้าทายกันอยู่นานจนผมมารู้สึกตัวจากเสียงหวานที่ดังขึ้นข้างตัว
“ขอโทษค่ะ ที่ข้างๆนี่ว่างมั้ยคะ” สาวหมวยเอ็กซ์อึ๋มที่ส่งยิ้มให้ผมก่อนหน้านี้นั่นเองครับ เธอนั่งลงข้างตัวผมแทนที่เฮียธัชโดยไม่รอคำตอบ
ผมก็ส่งยิ้มหวานให้เธออย่างถูกใจครับ พลางคิดว่าวันนี้ไม่ต้องเหนื่อยแรงก็ได้เหยื่อตกถึงท้องแล้วครับ ผมเลิกสนใจสายตาพราวที่มีแววท้าทายของไอ้หมอภีม หันมาสนใจสาวหน้าหมวยชื่อฝรั่งนามว่า ‘น้องลิลลี่’ ดีกว่าครับก็น้องเค้าทั้งนุ่มทั้งหอมน่าสนใจกว่ากันเยอะ ลิลลี่เธอลากผมออกมาเต้นแนบชิดกลางฟลอร์ท่ามกลางผู้คนมากมายยิ่งทำให้ร่างเราแนบกันทุกส่วน ทำเอาผมเคลิ้มกับเสน่ห์ร้อนแรงของเธอเลยครับ แต่ผมต้องหยุดเต้นและจ้องเขม็งไปด้านหลังสาวร้อนแทน คุณรู้จัก ‘เดจาวู’ มั้ยครับที่เรามักจะรู้สึกว่าเคยเกิดเหตุการณ์นั้นๆกับเรามาแล้ว และนั่นไอ้หมอภีมมันมาเต้นสีด้านหลังน้องลิลลี่และเริ่มลวนลามเธอ โดยเอามือโอบเอวคอดกิ่วแต่สายตามันกลับจับจ้องท้าทายมาทางผมแทน
‘โอ๊ย! มันจะจองเวรอะไรกับผมนักหนาวะครับ’ คราวนี้ผมไม่อึ้งนานแต่คว้าเอวบางของลิลลี่เข้าหาตัวก่อนดันร่างนุ่มนิ่มไปแอบไว้ด้านหลัง และเดินไปประจันหน้ากับไอ้หมอภีม สายตาของมันที่ผมเห็นไม่มีแววกังวลเลยมีแต่แววตาพราวของคนที่กำลังสนุกที่ได้แกล้งผมอยู่ ทำให้ความโมโหของผมพุ่งขึ้นสูงจึงเข้าไปคว้าคอเสื้อคนตรงหน้าไว้ ก่อนผมจะยื่นหน้าไปชิดหน้าหล่อๆของไอ้หมอภีม แต่มันดันส่งยิ้มหวานมาให้ผมน่ะสิครับผมล่ะขนลุก อยากจะต่อยมันให้คว่ำนักและผมต้องไม่พลาดเหมือนก่อนหน้านี้เพราะใกล้กันซะขนาดนี้ไม่พลาดแน่ๆครับ
“เฮ้ย!! ไอ้ธีมึงจะทำอะไร” เสียงดังของเฮียธัชที่มาก่อนตัว และตามมาด้วยแรงรั้งตัวผมออกจากไอ้หมอภีม
“เฮียอย่า วันนี้ผมต้องอัดมันให้ได้เลย แม่ง” ผมตะโกนอย่างหัวเสียจะกระโจนใส่ไอ้หมอภีมที่ยังยืนยิ้มยั่วไม่เปลี่ยนมาทางผม
“ไอ้ธี!” เสียงตะโกนเรียกชื่อผมของเฮียธัชที่ดังลั่นแข่งกับเสียงเพลงทำเอาผมหยุดและหันไปมองหน้าเฮียธัช หน้าเฮียนิ่งมากจนผมเริ่มกลัวความโมโหที่มีลดฮวบทันที
“ตามกูออกมา มึงด้วยไอ้ภีม” สรรพนามที่เปลี่ยนไปของเฮียทำให้ผมยิ่งมั่นใจว่าเฮียไม่พอใจผมมากครับ จึงได้แต่ก้มหน้าเดินตามเฮียออกไปนอกผับและไม่คิดจะสนใจอีกคนที่เกือบจะมีเรื่องด้วยว่ามันจะเดินออกมารึเปล่า
เฮียธัชหยุดยืนข้างลานจอดรถใกล้ทางเข้าผับ เราสามคนยืนประจันหน้ากันต่างก็ยังไม่มีใครพูดอะไรออกมา อารมณ์ของผมตอนนี้สงบลงมากแล้วครับและรู้ด้วยว่าที่เฮียธัชเสียงดังใส่ผมแบบนั้นเพราะอะไร เฮียสอนผมเสมอว่าให้ ‘กตัญญูต่อผู้มีพระคุณและเคารพต่อผู้ใหญ่’ และเฮียก็เพิ่งแนะนำไอ้หมอภีมว่าเป็นเพื่อนสนิทสถานะของไอ้หมอภีมสำหรับผมที่เฮียตั้งไว้คือ ‘เพื่อนพี่ชาย’ และเท่ากับว่าเป็น ‘พี่ชาย’ ของผมด้วย ดังนั้นการที่ผมทำกิริยาแบบนั้นให้เฮียเห็นก็ต้องโดนโกรธเป็นธรรมดา
“ผมขอโทษครับเฮีย ผมรู้ว่าเฮียไม่พอใจผมเรื่องอะไร” ผมเอ่ยทำลายความเงียบออกมาก่อนยกมือไหว้และสบตาเฮียธัชอย่างรู้สำนึก
“เฮ้อออ รู้ก็ดีแล้วเฮียไม่รู้หรอกนะว่าสองคนมีเรื่องอะไรกันถึงขั้นจะมีเรื่องชกต่อยกันแบบนั้น แต่เราน่ะเป็นรุ่นน้องไอ้ภีมไม่ควรก้าวร้าวกับมัน ถึงยังไงมันก็เพื่อนเฮีย” สายตาที่เฮียมองผมมีแววจริงจังแต่ไม่มีแววตาโกรธเคืองให้เห็นแล้ว
ผมจึงหันไปมองหน้าอีกคนที่เหลือหน้าตาไอ้หมอภีมนิ่งขรึม ด้วยตรงนี้แสงมันน้อยทำให้ผมที่ยืนไกลจากมันและมีเฮียธัชคั่นกลางอยู่ไม่สามารถเห็นแววตาไอ้หมอภีมได้ชัดเจน แต่ถ้าผมมองไม่ผิดเหมือนมันจะรู้สึกผิดนะครับ แต่ผมก็ไม่ได้ใส่ใจมันนักและตั้งใจทำสิ่งที่สมควรทำมากกว่า
“ผมขอโทษพี่ภีมด้วยครับ” ผมยกมือไหว้คนหน้านิ่งใบ้กินไปหนึ่งทีอย่างไม่มีอคติ ก่อนที่ผมจะหันมามองเฮียธัชที่ยิ้มนิดๆให้ผมอย่างถูกใจ
“คืนนี้ผมกลับก่อนนะเฮีย ฝากลาเฮียๆข้างในด้วยละกันไปนะครับ” ผมยิ้มให้เฮียธัชนิดๆและเดินออกมาหลังเฮียพยักหน้าให้ผม แกคงรู้ล่ะครับว่าถึงผมอยู่ต่อก็คงไม่สนุกแล้วก็มีเรื่องมีราวกันขนาดนั้น
ผมเผชิญหน้าไอ้หมอภีมก็ก้มหัวให้นิดหน่อยและเดินผ่านไป แม้เหตุการณ์ที่ผ่านมานั้นผมจะรู้สำนึกว่าทำผิดคำที่เฮียธัชสั่งสอน แต่ความรู้สึกของผมที่มีต่อไอ้หมอภีมก็ยังคงเดิมคือ ‘หมั่นไส้’ และ ‘ไม่อยากเข้าใกล้’ ต่อไปผมจะพยายามเลี่ยงไม่เจอหน้ามันดีกว่าครับสบายใจทั้งสองฝ่าย ไอ้หมอภีมมันคงไม่ชอบหน้าผมมากกว่าเหตุผลที่เพื่อนๆผมคิดไว้ที่ว่ามันมาชอบผม คนบ้าอะไรครับแกล้งทำให้คนที่ชอบโมโหถึงขั้นจะมีเรื่องกันแบบนี้ ผมเปิดประตูรถสปอร์ตคู่ใจเข้าไปนั่งแต่ยังไม่ทันสตาร์ทเครื่องก็มีคนเปิดประตูฝั่งข้างคนขับเข้ามาซะก่อน
“เฮ้ยยยย” ผมทั้งตกใจทั้งมึนงงว่าไอ้คนที่ผมเพิ่งนึกถึงมันกล้ามานั่งรถผมโดยไม่ขออนุญาตได้ยังไงกัน แต่ผมที่ยังไม่ทันได้พูดอะไรไอ้หมอภีมก็พูดขึ้นมาซะก่อน
“ออกรถ พี่จะนั่งเป็นเพื่อนไปส่งที่บ้าน” เสียงและหน้ามันนิ่งได้อีกไม่มีแววล้อเล่นเหมือนใบหน้าที่ผมคุ้นเคย จนผมอดเกรงใจนิดๆไม่ได้ครับ ยิ่งเพิ่งผ่านเหตุการณ์ที่โดนเฮียธัชย้ำเรื่องการเคารพผู้ใหญ่มาหมาดๆด้วย ผมเลยเผลอทำตามที่ไอ้
หมอบ้ามันสั่ง คือสตาร์ทรถและขับออกมา
ระหว่างทางกลับบ้านเราสองคนไม่มีใครพูดจากันเลยครับ ผมตั้งหน้าตั้งตาขับรถให้ถึงบ้านเร็วที่สุดส่วนไอ้หมอภีมมันก็มองจ้องตรงไปด้านหน้าคิ้วขมวดมุ่นเชียว และมันไม่มีแม้แต่หันมามองผมเลยมีแต่ผมนี่แหละที่คอยสังเกตมันอยู่ ก็ผมต้องระวังตัวเผื่อมันนึกบ้าขึ้นมากระโดดมาบีบคอผมตอนขับรถ ผมได้ตายอนาถศพไม่สวยแน่ๆครับ จนผมขับมาจอดในบ้านตัวเองบริเวณที่จอดรถประจำของผม แน่นอนครับไอ้เงียบเป่าสากมันก็ยังนั่งเงียบอยู่ที่เดิม ผมก็มองหน้ามันว่าไอ้หมอภีมมันจะเอายังไงเพราะผมก็ทำตามที่มันสั่งแล้ว แต่ยังไม่ทันที่ผมจะเปิดประตูลงรถมันก็พูดขึ้นมาซะก่อน
“พี่ขอโทษ” คำขอโทษของไอ้หมอภีมทำเอาผมหันขวับไปมองอย่างตกใจ ก็ใครจะไม่ตกใจล่ะครับเงียบมาตั้งนานอยู่ๆก็พูดขึ้นมาซะงั้น ผมก็ได้แต่มองหน้าหล่อๆของมันที่ตอนนี้หันมาจ้องผมด้วยแววตาจริงจัง
“พี่ขอโทษที่ทำให้ธีโดนไอ้ธัชมันดุ เพราะความจริงแล้วทั้งหมดมันเกิดเพราะพี่” เสียงและแววตาจริงจังทำให้ผมรับรู้ว่าคนตรงหน้ารู้สึกแบบนั้นจริงๆ ทำเอาความโกรธความโมโหที่เคยมีจางลง
“ฮึ ตอนนี้มันก็ไม่มีประโยชน์อะไรแล้วที่พูดถึง ผมก็ผิดจริงอย่างที่เฮียธัชพูดนั่นแหละ เพราะงั้นผมว่าเราต่างเลิกแล้วต่อกันแล้วกัน ต่างคนต่างอยู่ดีที่สุดเพราะผมว่าเฮียต้องไม่ชอบขี้หน้าผมแน่ๆ ไปล่ะผมไม่ส่งนะ เฮียคงเดินออกไปเรียกแท็กซี่เองได้นะครับ” ผมพูดทีเดียวให้เคลียร์เล่นเอาคอแห้งหันกลับไปจะเปิดปะตูรถ
“เฮ้ยยย” แต่ผมต้องร้องอย่างตกใจเพราะโดนแรงกระชากที่ข้อศอกจนตัวผมไปตกอยู่ในอ้อมกอดของคนข้างๆ ส่วนใบหน้านี่ชิดซะจนเห็นผิวขาวใสของไอ้หมอบ้าพลังนี่เลยครับ การที่มันยกยิ้มกวนๆยิ่งทำให้หน้ามันสว่างหล่อขึ้นจนผมอิจฉา
“ฮึๆ ใครว่าพี่ไม่ชอบหน้าธีกันล่ะ พี่ออกจะ ‘ชอบ’ ขนาดนี้” พูดอย่างเดียวก็ได้ทำไมมึงต้องยิ้มและยื่นหน้ามาจนใกล้ทำเอาจมูกชนกันแบบนี้ด้วยวะ
ผมผงะหน้าหนีและพยายามดิ้นออกจากอ้อมกอดที่รัดไว้แน่น แต่ก็เหมือนครั้งแรกที่ผมไม่สามารถหลุดออกมาได้ เตรียมจะโวยวายร้องให้คนช่วย เอ้ย!ไม่ใช่ แหกปากดังๆให้มันหนวกหูทนไม่ไหวจนต้องปล่อยผมเอง แต่สิ่งที่คิดไว้ต้องหยุดลงเพราะผมรู้สึกถึงสัมผัสหยุ่นและเปียกชื้นที่ริมฝีปากตัวเอง เมื่อสติรับรู้ว่าตัวเองโดนผู้ชาย ‘จูบ’ ผมพยายามจะงับปากลงแต่มันไม่ทันการณ์แล้วเพราะลิ้นนุ่มของไอ้หมอโรคจิตมันสอดเข้ามาในโพรงปากผมแล้วครับ ผมดิ้นและพยายามกัดลิ้นที่สอดเข้ามา แต่เจ้าของลิ้นมันรัดแขนแน่นกว่าเดิมและหลบหลีกฟันคมของผมได้ จะด้วยเพราะหมดแรงที่ดิ้นเท่าไหร่ก็ไม่หลุดหรือเพราะความเก่งของเจ้าของลิ้นที่เกี่ยวกระหวัดดูดกลืนลิ้นผมอยู่ที่ทำเอาผมเริ่มเคลิ้ม จูบตอบโต้มันกลับไปบ้างอย่างให้รู้กันไปว่าเรื่องจูบผมก็ไม่แพ้ใคร ทำให้จูบที่ไม่ได้ตั้งใจมันดุเดือดขึ้นผลัดกันดูดผลัดกันหลอกล่อไล่ต้อนลิ้นอีกฝ่ายอย่างเมามัน จนผมไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ แต่ตอนนี้ผมเริ่มหมดลมหายใจจึงใช้มือที่เอื้อมไปโอบคอไอ้หมอภีมตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ตบไปที่หลังมันแรงๆ เพื่อให้มันปล่อยผมออกมาสูดอากาศเข้าปอด
“แฮ่กๆ”
เมื่อปากผมเป็นอิสระทั้งจมูกทั้งปากกอบโกยอากาศเข้าปอดเกือบตายเพราะจูบแล้วครับ แต่ไอ้คนที่กอดผมอยู่มันยังไม่ยอมละไปจากใบหน้าผม เพราะทั้งปากและจมูกของมันยังคลอเคลียที่มุมปากและแก้มผมอยู่เลยครับ จนสติผมกลับมาครบจึงได้รู้ว่าได้ทำสิ่งที่เป็นจุดด่างพร้อยของวัยหนุ่มเข้าแล้วครับ คือ ‘การจูบกับผู้ชาย’ และไม่ใช่จูบแค่แตะๆปากกันเท่านั้น แต่มันเป็นดีฟคิสที่ลิ้นนี่แทบจะทะลวงไปถึงคอหอยเลยครับ อ๊ากกกก ผมทำไปได้ยังไงกัน ผมออกแรงผลักหน้าไอ้หมอหื่นออกจากใบหน้าของผม ใบหน้าหล่อๆที่ได้เห็นก็แดงก่ำดวงตาฉ่ำเยิ้มจ้องผมยิ้มๆมาเชียวครับ ผมที่เตรียมจะว้ากเพ้ยมันก็กลับนิ่งสบตามันแทนและรู้สึกร้อนวูบที่สองแก้ม ‘ผมเป็นอะไรวะครับ’ ผมไม่เคยรู้สึกแบบนี้เหมือนผมจะ ‘อาย’ สายตาไอ้หมอหื่นกามนี่เลยครับ
“ทีนี้ธีรู้รึยังว่าพี่ออกจะ ‘ชอบ’ ธี” มึงพูดอย่างเดียวก็ได้ไม่ต้องเอามือมาลูบแก้มกู แถมสายตาคู่นั้นอะไรทำให้มันหวานเยิ้มได้มากขนาดนั้นครับ เดี๋ยวควักเอาไปใส่น้ำแข็งใสซะเลยนี่ท่าจะหวานอร่อยดี
“ต่อไปนี้ธีเตรียมตัวเตรียมใจไว้ดีๆนะครับ เพราะพี่จะรุกจีบธีแล้ว” ไอ้หมอหื่นมันพูดจบก็ก้มมาหอมแก้มผมฟอดใหญ่ ผมก็ได้แต่นั่งอึ้งกับคำพูดของมันที่กล้าหน้าด้านพูดได้อย่างไม่อายปาก และจึงเพิ่งมารู้ตัวเมื่อมันเปิดประตูรถออกไป
วันนี้มันเป็นวันชงของผมเหรอครับเนี่ย โดนผู้ชายจูบไม่พอยังออกตัวแรงมากว่าจะเดินหน้าจีบผมอีกด้วย ผมเพิ่งรู้ตัวก็วันนี้เองว่าตัวผมนั้นเป็นสเป็กของเกย์แบบไอ้หมอภีมจอมหื่น นี่มันหวังจะได้ผมไปเป็น ‘สามี’ มันจริงๆใช่มั้ยครับเนี่ย ‘โอ้ มาย ก็อด’ พระเจ้าช่วยลูกด้วยคร้าบบบ
...............................................................
โปรดติดตามตอนต่อไปค่ะ >O<
บอกแล้วว่าตอนนี้เฮียภีมออกตัวแรง เจออาตี๋น้อยแค่ครั้งที่สาม
ก็จับจูบซะแล้ว จูบนี้ทำให้อาตี๋ธีหน้าแดงแบบไม่ทันตั้งตัวอีกด้วย
แหมๆ ตี๋น้อยของเฮียก็ยังไม่รู้ตัวสักทีว่าที่เฮียรุกจีบเพื่อจับมาทำเมีย
มิใช่ให้มาเป็นสามี 555
ตอนหน้ามาดูกันเมื่อฤทธิ์จูบส่งผลให้ตี๋น้อยไม่เป็นตัวของตัวเอง
จนต้องหันหน้าปรึกษาเพื่อนสนิท แต่จะได้คำแนะนำยังไงคงต้อง
มาติดตามต่อค่ะ
ปล.+1ให้ทุกเม้นท์เหมือนเดิมจ้า และเจอกันอีกทีวันจันทร์นะคะ^^
รวบ

และ

ทุกการติดตามค่ะ
