ตอนที่ 6“โว้ยยยยยย”
ร่างเปลือยอกโชว์ผิวขาวเนียนลุกขึ้นนั่งบนเตียงด้วยสภาพผมยุ่งเหยิง คิ้วขมวดมุ่น ตาแดงก่ำ ผิวรอบดวงตาดำคล้ำ เพราะเมื่อคืนไม่อาจข่มตาหลับลงได้
ทำไมพอผมหลับตาจะนอนหน้าไอ้หมอหื่นตอนยิ้มหล่อลากมันถึงเด้งออกมาเหมือนกดสวิตช์เปิดก็ไม่รู้ครับ แถมริมฝีปากก็ร้อนผ่าวขึ้นทันทีและหวนให้นึกถึงศึกดวลลิ้นของมันกับผมบนรถเมื่อคืนนี้อีก พยายามลืมเลิกคิดแต่มันทำไม่ได้ผมจะทำยังไงดีเนี่ย เมื่อคืนผมก็ไม่ได้นอนสักงีบเลยเพราะมันคนเดียว ‘ไอ้หมอภีมจอมหื่น’ ผมยกมือถูหน้าแรงๆให้เลิกคิดแต่ก็ไม่ได้ช่วยอะไร ถ้าผมยังขืนเป็นแบบนี้ผมได้ตายแน่ๆครับทรมานโคตรอ่ะไอ้อาการนอนไม่หลับเนี่ย และไอ้หมอภีมมันยังบอกว่าจะจีบผมอีก ผมต้องเจอหน้ามันอีกใช่มั้ยครับเนี่ย กูจะบร้าๆๆๆ
“กูไม่อยากมีเมียเป็นผู้ชายนะโว้ยยยย ไอ้หมอบ้า” เสียงห้าวดังก้องห้องนอน ยกมือดึงทึ้งผมตัวเอง ถีบเท้าไปมาบนเตียง กิริยาเป็นเด็กเล็กๆที่กำลังไม่ได้ดั่งใจ
ผมต้องทำอะไรซะอย่างก่อนที่มันจะมายุ่งกับผมมากกว่านี้ แค่นี้ผมก็แย่แล้วครับหน้าใสๆโทรมหมดแล้ว จะปรึกษาใครดีแต่ที่แน่ๆเฮียธัชตัดทิ้งได้เลย เกิดแกนึกพิเรนเห็นใจเพื่อนสนิทตัวเองให้ผมยอมรับไอ้ควายถึกมาเป็นเมียผมก็แย่สิครับ หรือถ้าเกิดแกนึกโกรธเพื่อนตัวเองขึ้นมาจับไอ้หมอบ้าฆ่าหมกส้วมเข้าล่ะก็ ผมไม่อยากเห็นเฮียตัวเองเข้าคุกข้อหาฆ่าหมอโรคจิตขโมยจูบน้องชายนะครับ อย่างนั้นต้องเป็นเพื่อนสนิทของผมแต่จะใครดีครับ ถึงผมเลือกปรึกษาคนหนึ่งที่เหลือมันก็ต้องรู้ในที่สุดอยู่ดี งั้นแม่ง! เอามันมาทั้งกลุ่มนั่นแหละ คิดได้ผมควานหาโทรศัพท์ที่ไปนอนแอ้งแม้งอยู่ข้างเตียงเพราะเมื่อคืนผมโมโหอารมณ์ไม่คงที่สุดๆ เหวี่ยงไปหมดครับถอดเสื้อเชิ้ตและกางเกงเหลือแต่บ็อกเซอร์ตัวเดียวนอนทั้งๆอย่างนั้นแหละครับไม่มีอารมณ์ทำอย่างอื่นแล้ว
“เฮ้ย! นี่มันเก้าโมงแล้วเหรอ กูตายๆ เฮียด่ากูเช็ดแน่”
ผมดูเวลาที่หน้าจอโทรศัพท์ก็เพิ่งรู้ว่าสายเลยเวลาเข้างานมามากแล้ว จึงต้องปัดสิ่งที่ต้องทำออกไปก่อน วิ่งเข้าห้องน้ำจัดการตัวเองแล้วรีบบึ่งไปที่โรงงานทันที วันนี้ผมมีนัดตรวจชิ้นงานอะไหล่ก่อนส่งลูกค้าด้วย โชคดีที่ไปถึงเฮียยังไม่ลงมาจากตึกออฟฟิศเลยรอดตัวไป พอเที่ยงผมก็ปลีกตัวเข้าห้องทำงานกดโทรหาเพื่อนรายตัวและทุกคนก็ตอบตกลงรับนัดผมครับ จะมีก็แต่ไอ้ฟินที่ดูอิดออดไม่อยากมาเห็นว่าที่รักของมัน ‘หมอมิค’ เพิ่งย้ายเข้าบ้านมันวันนี้ ไอ้นี่พลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสซะจริงผมก็ดีใจกับมันนะครับแต่ยังไงมันก็ต้องออกมาเจอผมวันนี้ให้ได้ครับ งานนี้พวกมันต้องเห็นเพื่อนแบบผมมาก่อนบรรดาเมียพวกมันครับ เพราะผมไม่อยากเป็นผัวไอ้หมอหื่น
..............................................................
“ทำไมพวกมึงต้องจ้องหน้ากูและยิ้มเจ้าเล่ห์แบบนี้ด้วยวะ”
ผมกวาดสายตามองบรรดาเพื่อนพ้องที่นั่งประจันหน้ากับผมอยู่ตอนนี้เหมือนผมเป็นจำเลยของพวกมัน แทนที่มันจะมาช่วยผมคิดแผนการชิ่งไอ้หมอหื่น แต่ดูจากสายตาเหมือนพวกมันสะใจยังไงกันพิกลครับ ขนแขนผมลุกชันเสียวสันหลังวาบๆเริ่มไม่ไว้ใจสายตาพวกมันแล้วครับ หรือผมจะคิดผิดที่เอาเรื่องนี้มาปรึกษาไอ้เพื่อนเวรพวกนี้กันแน่
“ไอ้ธี มึงเล่าเรื่องมึงกับหมอภีมออกมาให้หมดว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างหลังจากวันที่มึงเจอกันที่โรงพยาบาล อย่าคิดปิดบังพวกกูไม่อย่างนั้นกูไม่ช่วยมึงแน่” ไอ้แว่นปรัชมันตีหน้าขรึมระบายยิ้มมุมปาก ตาจ้องขู่เอาความจริงกับผมเขม็งเลยครับ แถมคำขู่ของมันก็ทำเอาผมหวั่นเพราะมันเป็นที่ปรึกษาของกลุ่มผม ใครมีอะไรมันช่วยวางแผนหาทางแก้ไขได้ทุกเรื่อง และถ้ามันไม่ช่วยผม ผมแย่แน่ๆครับแต่จะให้เล่าเรื่องเมื่อคืนด้วยนี่พวกมันต้องล้อเลียนผมยันลูกโตแน่ๆเลย
“มนครับ” ผมหันไปหาตัวช่วยคือสาวเท่ประจำกลุ่มที่นั่งกอดอกไขว่ห้างอยู่ข้างๆกันด้วยหน้ายิ้มๆ แต่ดูท่าการอ้อนครั้งนี้ของผมจะไม่ได้ผลเพราะมนส่ายหน้าเนือยๆให้ผมซะงั้นครับ ผมจึงหันกลับมามองไอ้วินและไอ้ฟินตาละห้อยหวังว่ามันจะช่วยผมจากไอ้ปรัชได้ ไอ้สองตัวนี่ยิ่งหนักครับเพราะมันหัวเราะในคอสายตาเจ้าเล่ห์วาววับมาทางผมทั้งคู่เลย
“เฮ้ออออ กูเพื่อนมึงนะปรัชมึงต้องช่วยกูซิ” ผมหันไปทางไอ้ปรัช มันก็พยักหน้ายิ้มๆให้ผม
“งั้นเล่ามา อย่าปิดบัง” เสียงนิ่งของไอ้ปรัชแววตาจริงจังต่างจากตอนแรกแล้วครับ ทำผมใจชื้นขึ้นหน่อย
ผมชั่งใจอยู่พักเดียวก่อนเล่าความจริงทั้งหมดร่วมถึงเหตุการณ์บนรถเมื่อคืนด้วย แต่เอาแบบรวบรัดตัดฉากล่อแหลมทิ้ง ก็ผมอายนี่ครับโดนผู้ชายถึกขโมยจูบอ่ะ ถ้าเป็นผู้หญิงผมคงป่าวประกาศไปแล้ว เสียงเพลงที่เปิดคลอเบาๆกับบรรยากาศสบายๆในร้านอาหารติดแม่น้ำขัดกับเรื่องร้อนใจของผมลิบลับเลยครับ แต่ดูเหมือนว่าผมจะเดือดร้อนอยู่คนเดียวเพราะหลังจากผมเล่าจบแต่ละคนขำกันไม่เกรงใจผม เสียงดังจนสาวๆโต๊ะข้างๆหันมามองและโปรยยิ้มส่งมาให้โต๊ะผมด้วยครับ แต่ ณ จุดนี้ผมไม่มีอารมณ์ตอบรับครับเพราะทั้งเครียดเรื่องไอ้หมอภีมและทั้งเริ่มโมโหเพื่อนตัวเอง
“ฮ่าๆๆ / ฮึๆๆ หมอภีมเอาจริงโว้ย ฮ่าๆๆ / ธีนะธี ฮึๆๆ / ฮึๆๆ เฮ้อออ” ทุกเสียงทุกสีหน้าพวกมันทำเอาผมเริ่มน้อยใจแล้วนะครับ คิดดูสิผมเดือดร้อนแต่พวกมันดันขำกันกระจายอยู่แบบนี้
“ธี ไม่เอาน่า กูรู้ว่ามึงเครียดใจเย็นๆ เดี๋ยวพวกกูช่วยคิด” แรงตบที่ไหล่จากมนและเสียงเหมือนจะปลอบใจผม ทำให้ผมมองหน้ามนแบบงอนๆ ผมก็อ้อนเป็นแต่กับมนแหละครับเพราะคนอื่นกลัวโดนมันเตะแต่ละคนตัวถึกๆทั้งนั้น
“เออ ใจเย็นๆ พวกกูแค่ขำ ขอโทษๆ” ไอ้ฟินเอ่ยขอโทษผมยิ้มๆหลังหัวเราะดังกว่าใคร และผมแอบเห็นรอยแดงที่อกมันด้วยครับ โอ้โห! ไม่น่าเชื่อหมอมิคผู้น่ารักจะร้อนแรงเป็นกับเค้าด้วย มันเห็นผมจ้องที่หน้าอกมันไอ้ฟินก็ก้มมองตาม และแหวกเสื้อให้ผมเห็นชัดกว่าเดิมก่อนเงยหน้ามายิ้มกว้างเห็นฟันเกือบครบทุกซี่ ภูมิใจจริงนะมึงรอยจูบของเมียน่ะ ชิ ผมจ้องมันแบบหมั่นไส้ก่อนถีบขามันใต้โต๊ะไปหนึ่งทีแต่มันยังยิ้มอยู่ได้ครับ
“ตกลงมึงจะให้พวกกูช่วยคิดให้หมอภีมเลิกสนใจมึงใช่มั้ย” ไอ้ปรัชเอ่ยเรียบๆตามนิสัยนิ่งขรึมของมัน แต่มีรอยยิ้มติดมุมปาก ซึ่งผมว่าตั้งแต่มันมีแฟนเป็นหมอมายสาวตัวน้อยมันดูยิ้มง่ายขึ้นกว่าแต่ก่อนมากเลยครับ
“ใช่ เพราะกูไม่อยากมีเมียเป็นผู้ชาย” ผมพูดหนักแน่นให้พวกมันได้มั่นใจ แต่ทำไมมันนั่งอึ้งตาโตค้างกันเป็นแถบ ก่อนส่งสายตาสงสารเวทนามาทางผมกันครับ ก็ผมพูดเรื่องจริงนี่หน่าไม่ได้พูดผิดอะไร ไอ้วินมันส่ายหน้ากุมขมับศอกเท้าโต๊ะเลยครับ
“อะไรวะ กูพูดเรื่องจริง กูไม่อยากให้มันมายุ่งกับกูอีก กูชอบผู้หญิง” ผมไล่สายตามองหน้าพวกเพื่อนๆทีละคนมันถอนใจคนละเฮือกสองเฮือกออกมา นี่ถ้าเปลี่ยนจากถอนใจเป็นถอนเงินมาให้ผม ผมคงรวยไปแล้วครับ
“อืม กูจะช่วยมึงคิด” ไอ้ปรัชเอ่ยออกมาด้วยใบหน้านิ่งๆ แววตาจริงจังเข้าสู่โหมดที่ปรึกษาประจำกลุ่มแบบจริงจัง
หลังจากไอ้ปรัชมันเงียบไปเพราะต้องใช้ความคิด คนอื่นๆก็นั่งเงียบๆฟังเพลงที่ทางร้านเปิดหรือไม่ก็นั่งจิบเบียร์รับลมเย็นสบายที่พัดผ่านแม่น้ำมา ส่วนผมที่เริ่มสบายใจเพราะไอ้ปรัชมันเอ่ยปากช่วยคิดก็นั่งโซ้ยข้าวตรงหน้า เพราะตั้งแต่เช้ายันเย็นผมเครียดซะจนลืมหิวได้แค่กาแฟและขนมปังกรอบไม่กี่แผ่น ตอนนี้จึงหิวจนตาลายเลยครับ
“ในเมื่อมึงมั่นใจว่าไม่ได้ชอบหมอภีม และมึงทั้งคู่ก็เป็นผู้ชาย กูว่าไม่มีอะไรดีไปกว่าเปิดอกคุยกันต่อหน้าให้รู้เรื่อง ถ้ามันยังตื๊อมึงก็จัดหนักไปเลย”
คำแนะนำของไอ้ปรัชที่อยู่ๆมันก็พูดขึ้นมาทำเอาทุกสายตาหันไปมองหน้ามันเป็นตาเดียว ก่อนจะหันมามองทางผมว่าเห็นด้วยมั้ย จริงๆมันก็เป็นความคิดที่ดีดีกว่าผมคอยหลบเลี่ยงไอ้หมอภีม ซึ่งผมเชื่อว่าผมหลบมันได้ไม่ตลอดแน่ๆ และที่ผ่านมาก็มีแต่มันนั่นแหละที่ใส่ผมซะจนไม่มีโอกาสได้พูดจากันอย่างเป็นทางการ ไหนๆมันก็เพื่อนสนิทเฮียถ้าเราตกลงกันได้ผมก็ยังจะนับถือมันเป็นพี่อีกคนหนึ่งได้ แต่ถ้ามันคุยไม่รู้เรื่องจริงๆผมก็มีข้ออ้างในการลงไม้ลงมือกับไอ้หมอบ้าโรคจิต และเฮียธัชก็จะโทษผมไม่ได้ด้วย
“ตกลงกูจะลองทำแบบที่มึงพูดมา”
..............................................................
“ตอนนี้คุณหมอยังเข้าตรวจอยู่ที่ห้องตรวจค่ะ จะให้ไปบอกท่านก่อนมั้ยคะว่าคุณรออยู่” คนพูดหวานทั้งหน้าหวานทั้งเสียงและส่งยิ้มหวานให้ผมหลังพูดจบ
“ไม่เป็นไรครับผมรอเองดีกว่า ขอบคุณครับ” ผมโปรยยิ้มให้พนักงานต้อนรับของโรงพยาบาลก่อนเดินออกมาสำรวจเพื่อหาที่นั่งรอ
หลังจากเมื่อคืนที่ผมได้คำปรึกษาจากไอ้ปรัชแล้วเราก็นั่งคุยกันอีกสักพักก็แยกย้ายกันกลับ เพราะดูท่าเพื่อนๆผมมันอยากกลับบ้านไปหาเมียกันจะแย่ ทั้งไอ้วินไอ้ฟินยกหูโทรศัพท์รายงานเมียที่บ้านตลอด ไม่รู้จะกลัวอะไรเมียขนาดนั้นตัวก็เล็กนิดเดียว และวันนี้ผมจึงตัดสินใจดำเนินตามแผนมาพูดจากับไอ้หมอภีมมันให้รู้เรื่อง ผมต้องถ่อมาถึงที่โรงพยาบาลที่ไอ้ฟินมันเคยมานอนรักษาตัวเพราะไม่รู้จะติดต่อกับมันยังไงครับ จะขอเบอร์ไอ้หมอภีมจากเฮียธัชก็ไม่ได้ เดี๋ยวเฮียจะซักผมจนขาวและเปื่อยซะก่อน เลยตัดสินใจมาหามันช่วงก่อนพักเที่ยงนี่แหละครับ เมื่อผมหาที่นั่งรอได้บริเวณหน้าห้องตรวจที่เจ้าหน้าที่สาวเมื่อครู่บอกไว้ แต่ไม่ได้นั่งเสนอหน้าด้านหน้าหรอกครับ ผมมานั่งหลบมุมสังเกตการณ์ก่อนรบศึกษาสมรภูมิก่อนได้ชัยไปกว่าครึ่ง ผมนั่งอยู่ไม่นานก็เห็นว่าร่างสูงสวมแว่นในชุดกาวน์ยาวของไอ้หมอภีมเดินยิ้มออกมาทักทายพยาบาลสาวสวยหน้าห้อง ซึ่งมันยังไม่เห็นผมครับผมจะรอจนมันเดินมาใกล้ซะก่อนค่อยโผล่ออกไปให้มันตกใจหลุดมาดนิ่งๆนั่นไปเลย ไอ้หมอภีมมันเดินโปรยยิ้มมาตลอดทางอย่างน่าหมั่นไส้และผมก็นึกอิจฉาในความหล่อของมันครับ รู้สึกถึงออร่าเปล่งประกายไปรอบร่างสูงนั่นเลย แต่ก่อนที่ผมจะโผล่ไปทักมันก็มีสาวสวยในชุดกาวน์แบบเดียวกับมันเข้ามาทักมันซะก่อนครับ ระยะขนาดนี้ทำให้ผมได้ยินบทสนทนาชัดเลย
“ภีมคะเป็นยังไงวันนี้เหนื่อยมั้ย” เธอยิ้มทีโลกกระจ่างเลยครับ มีการเอามือมาแตะต้นแขนกันด้วย
“ก็นิดหน่อยครับ แล้ววิวล่ะเหนื่อยมั้ยครับ” ไอ้หมอภีมมันพูดเพราะเสียงนุ่มโปรยรอยยิ้มละมุนให้สาวเจ้าอีกต่างหาก ผมล่ะหมั่นไส้แกมอิจฉามันแฮะ
“ฮิๆ เป็นห่วงวิวเหรอคะ วิวเหนื่อยนิดหน่อย งั้นภีมเลี้ยงข้าวกลางวันวิวละกันนะ” เสียงหัวเราะพลิ้วไหวช่างเข้ากับหน้าตาท่าทางของหมอวิวจริงๆครับ
ทำผมเกือบจะเคลิ้มเลย ไอ้หมอภีมมันจะไม่เคลิ้มก็เทพแล้วครับ แต่ผมคงจะสนใจหน้าหวานๆเสียงเพราะๆของหมอวิวมากไปหน่อยทำให้ไอ้หมอภีมที่ยืนหันหน้ามาทางผมเริ่มสังเกตเห็นผมเข้าแล้วครับ ตอนแรกดูท่าทางมันคงตกใจที่เห็นผมยืนนิ่งไปเลย แต่พักเดียวเท่านั้นตามันเป็นประกายวิบวับเผยรอยยิ้มเกือบเต็มหน้า ทำเอาผมตาพร่าไปเลยนึกว่าโดนสปอร์ตไลท์ส่องเข้าตา ผมล่ะอยากเดินไปใกล้ๆเอานิ้วจิ้มตาหาอะไรยัดปากมันจังครับ ก็ได้แค่คิดผมไม่ได้ทำหรอกก็มีหมอวิวสุดสวยอยู่ด้วยเดี๋ยวเสียมาดหล่อเทพแบบผมกันพอดี ไอ้หมอภีมมันก้มไปคุยอะไรเบาๆกับหมอวิวก็ไม่รู้ครับ เพราะพอมันพูดจบหมอวิวก็หันมายิ้มให้ผมและก้มหัวให้นิดหน่อยเป็นการทักทาย ก่อนจะเดินจากไปจนผมเสียดายโอกาสขอเบอร์หมอสวยๆไปเลย ส่วนไอ้คนที่ผมมาหามันก็เดินยิ้มติดมุมปากมาทางผม แต่สายตามันไม่ได้สบกับผมหรอกครับเพราะสายตามันจับจ้องมาที่ปากผมเขม็งเลย ทำเอาภาพที่เราจูบกันบนรถมันไหลเข้าสมองผมเหมือนน้ำป่าทันที จนผมเผลอเม้มปากแน่นเพราะรู้สึกถึงความร้อนวาบที่ปากตัวเองเข้า และก้าวถอยหลังไปหนึ่งก้าวเมื่อไอ้หมอเปรตมันเดินมาใกล้ สายตาคนตรงหน้าผมมันเจ้าเล่ห์มากเลยครับมองผมตาพราวระยับเหมือนเสือร้ายจ้องจับกินเหยื่ออันโอชะก็ไม่ปาน
“คิดถึงพี่เหรอครับ ถึงมาหาพี่ที่นี่ได้ ฮึๆ” สองมือแกร่งล้วงกระเป๋าเสื้อกาวน์ก้มหน้าลงนิดๆคุยกับคนตรงหน้า
ผมจ้องตากับคนตรงหน้าเขม็ง อยากจิ้มตาวาวๆนั่นจังเลยครับแต่ต้องข่มใจตัวเองไว้ และทำไมผมต้องรู้สึกกลัวมันขึ้นมานิดๆด้วยก็ไม่รู้ครับ เหมือนจิตใต้สำนึกเตือนให้ระวังตัวเพราะมันคือตัวอันตรายสำหรับผม
“เที่ยงนี้ว่างมั้ย ผมมีเรื่องจะคุยกับคุณ” สรรพนามห่างเหินที่ผมใช้ก็เหมือนเกราะที่ผมสร้างเพื่อกันมันออกไประดับหนึ่ง แต่ทำเอาคนที่ยืนตรงหน้าคิ้วขมวดฉับเลยครับแถมปากก็หุบยิ้มทันที
“ธี” เรียกชื่อผมเสียงหนักมาเลย แต่ผมไม่รอให้มันนอกเรื่องจึงสวนไป
“ถ้าคุณไม่ว่างก็นัดมา เพราะเรื่องที่ผมจะคุยมันสำคัญมาก” เมื่อผมพูดจบมันถอนใจเฮือกส่ายหน้านิดๆมาทางผม แต่ในแววตามันกลับมีแววเอ็นดูส่งมาให้ผมด้วย มันจะมาเอ็นดูอะไรผมนักหนาวะครับเนี่ย
“แสดงว่าเที่ยงนี้ธีว่าง งั้นตามมาที่ห้องพักพี่ก่อนแล้วกัน” พูดจบไอ้หมอภีมมันทำท่าจะเอื้อมมือมาจับมือผมไว้ครับ แต่ผมระวังตัวอยู่แล้วจึงถอยหลังออกมาก้าวหนึ่ง มันก็เลยวืดแต่ยังสามารถส่งยิ้มมาให้ผมได้อีกนะครับ ก่อนมันจะออกเดินนำและหันกลับมาเมื่อผมไม่ได้ก้าวตาม ไอ้หมอภีมพยักหน้าส่งสัญญาณให้ผมก้าวตาม เมื่อผมออกเดินมันก็ยิ้มกว้างอย่างพอใจขึ้นมาทันทีเลยครับ นี่ถึงขั้นที่ผมสื่อสารกับมันรู้เรื่องโดยไม่ต้องพูดได้แล้วเหรอครับเนี่ย มันยังไงกัน!? และผมง่ายไปมั้ยที่เดินตามไอ้หมอหื่นมันเข้าห้องเนี่ย
..............................................................
โปรดติดตามตอนต่อไปค่ะ >O<
ตอนนี้เพื่อนๆเค้ารู้กันหมดแล้วมีแต่เจ้าตัวแสบนี่แหละที่ยังมึน
ไม่รู้เรื่องรู้ราว แต่เพื่อนก็ยังดีให้คำปรึกษาตี๋ธีกลับมา แต่เหมือนส่ง
เนื้อเข้าปากเสือยังไงไม่รู้เนอะ เฮียภีมแกติดสินบนปรัชไว้รึเปล่าเนี่ย 555
ตอนหน้าเรามาดูกันเมื่อเนื้อเดินมาให้เสือกินถึงที่ ตี๋น้อยจะรอด
ออกไปได้ง่ายๆรึเปล่า หรือโดนเสือภีมจับกินกันแน่ และธีจะได้คุย
แบบที่ตั้งใจไว้มั้ย เจอกันวันพุธนะคะ^^
ปล.+1ให้ทุกเม้นท์แล้วเหมือนเดิมค่ะ

และ

ทุกการติดตามค่ะ