ตอนที่ 12“ตี๋แสบหนีไปไหนเนี่ย ตัวเองมีไข้อยู่แท้ๆยังจะแอบหนีออกไปอีก เฮ้อออ อย่าให้จับตัวได้นะจะปล้ำให้เข็ดจนไม่กล้าขัดคำสั่งอีกเชียว”
ผมยืนอยู่ในห้องนอนของตัวเองเพียงลำพังอารมณ์โมโหพลุ่งพล่าน สาเหตุนั้นมาจากไอ้ตี๋แสบของผมมันหายไปครับ วันนี้ทั้งวันผมอารมณ์ดีกว่าที่เคยจนมีแต่คนทักว่าผมไปกินยาอะไรผิดมารึเปล่าถึงได้ยิ้มไม่หุบอยู่แบบนั้น จะไม่ให้ผมอารมณ์ดีได้ยังไงครับก็ผมนั้นได้ครอบครองคนที่ตัวเองหลงรักมานานและผ่านค่ำคืนที่เร่าร้อนปนอ่อนหวานมาหมาดๆ พอช่วงเที่ยงก็รีบออกจากโรงพยาบาลแวะซื้อของกินมาให้คนป่วยที่ห้องทั้งๆที่ตัวเองยังไม่ได้กินอะไร และเพิ่งผ่านการทำงานที่แสนยุ่งในช่วงเช้ามา คนไข้มารับการตรวจเยอะจริงๆครับแต่ผมก็ยังอารมณ์ดีเกินกว่าจะรู้สึกเหน็ดเหนื่อยเพราะเป็นห่วงคนที่ห้อง พอตกเย็นผมก็รีบกลับห้องหลังจากแลกเวรกับเพื่อนหมอด้วยกันเรียบร้อยแล้ว เพราะตั้งใจกลับมาดูตี๋น้อยของผมที่ปล่อยให้นอนคนเดียวอยู่ที่คอนโดตัวเอง แต่ต้องโมโหปนหงุดหงิดที่พอมาถึงแล้วเจอแต่ความว่างเปล่า ไม่มีแม้แต่โน้ตทิ้งไว้เพื่อบอกอะไรเลยว่าไอ้ตี๋แสบไปไหน ผมหันรีหันขวางอย่างทำอะไรไม่ได้อยู่พักหนึ่งก็นึกขึ้นได้โทรเข้ามือถือตัวเองที่ทิ้งไว้ให้คนที่หายตัวไป
‘Rrrr Rrrr’
เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์ดังขึ้นผมหันไปตามเสียงก็พบว่าเจ้าเครื่องที่ผมโทรเข้ามันถูกทิ้งไว้ที่โต๊ะข้างหัวเตียง ผมเดินไปหยิบและกดปิด
“ร้ายนักนะเรา อย่าให้พี่เจอนะธีน่าดูแน่ ไอ้เด็กแสบ” ผมจ้องหน้าจอโทรศัพท์อีกเครื่องในมือที่ตั้งรูปหนุ่มผิวขาวหลับตาพริ้มนอนคว่ำเปลือยหลังอยู่บนเตียง รูปนี้แอบถ่ายเมื่อคืนหลังจากจัดการตัวแสบหลับคาอกไปแล้ว ยิ่งเห็นรูปยิ่งคิดถึงตัวจริงที่ไม่รู้ไปอยู่ไหน สงสัยหนีกลับบ้านตัวเองแน่ๆ ระหว่างที่ผมนั่งมองรูปธีเพลินๆอยู่บนเตียงก็ต้องตกใจกับเสียงโทรศัพท์ในมือ
“ว่าไงมึง ตกลงกับธีได้รึยังหรือว่าตีกันตายไปแล้ว” เจ้าของเสียงเป็นหนุ่มมาดเซอร์เพื่อนสนิทผมนามว่าติณห์ มันส่งเสียงใสทักผมอย่างอารมณ์ดีมาเชียวไม่รู้ช่วงนี้มีอะไรดีๆรึเปล่า เพราะไอ้ติณห์รู้ว่าเมื่อคืนผมนัดกับตี๋น้อยไว้เพื่อคุยเรื่องของเราให้รู้เรื่องอย่างที่เจ้าตัวต้องการ
“ยังตกลงกันไม่ได้และก็ไม่ได้ตีกันตายว่ะ และดูท่าจะหนักกว่าเดิม เฮ้อออ” ผมก็ตอบมันไปอย่างแกนๆ ยิ่งคิดถึงเรื่องเมื่อคืนที่ผมยังไม่ได้เคลียร์กับไอ้ตี๋แสบ มันก็หนีผมไปซะก่อนแล้วคงต้องตามล่าตัวแสบมาคุยกันให้รู้เรื่อง
“อะไรมึงที่ว่าหนักน่ะ อย่าบอกนะว่ามึงปล้ำน้องมันแล้วน่ะ ฮึๆๆ” ผมรู้ว่าไอ้ติณห์มันไม่ได้คิดอย่างที่พูดก็คงแค่กะจะแซวเล่นๆนั่นแหละแต่ดันตรงกับเรื่องจริงซะงั้น ผมก็ได้แต่ใช้ความเงียบตอบมันไปมันก็หัวเราะในคออย่างอารมณ์ดีไม่นึกถึงใจผมเลย เมื่อมันเห็นผมเงียบไปนานคงเอะใจและถามแบบคนตกใจออกมา
“เรื่องจริงเหรอวะ เวรแล้ว น้องมันว่าไงบ้าง” เสียงมันกดลึกตรงคำถามและคงเริ่มรู้แล้วว่าผมกำลังเครียดอยู่
“ยังไม่ได้คุยกัน กูปล่อยให้ธีนอนอยู่ที่ห้องว่ะกลับมาอีกทีหนีกูไปซะแล้ว สงสัยต้องตามไปถึงบ้าน” ผมคิดจะไปจริงๆนะครับจะได้คุยกันให้รู้เรื่องว่าผมคิดยังไงกับน้องมัน ผมล่ะกลัวมันคิดมากเรื่องเสียศักดิ์ศรีที่โดนผมกด แต่ที่กลัวที่สุดคือกลัวธีไม่คิดอะไรเลยมากกว่าเพราะมันคงอยากจะให้ผมลืมเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมด เหมือนที่ธีพูดกับผมเมื่อเช้านี้ซึ่งยังไงผมก็ไม่มีวันยอมแน่นอนครับ
“กูว่ามึงลองโทรไปที่บ้านไอ้ธัชมันก่อนลองหลอกถามมันดูว่าธีอยู่รึเปล่า กูกลัวว่าถ้าไอ้ธัชสงสัยมึงและเอะใจที่อยู่ๆมึงไปหาธีที่บ้านมันจะเรื่องใหญ่ ยังไงรอให้มึงกับธีใจตรงกันก่อน ก่อนที่ไอ้ธัชจะรู้ดีกว่า ไม่งั้นกูไม่อยากจะคิดว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้างว่ะ” พอไอ้ติณห์มันพูดถึงไอ้ธัชขึ้นมาผมก็เริ่มหนักใจ เพราะถ้ามันรู้ว่าผมกดน้องมันเป็นเมียแล้ว ไอ้คนรักน้องแบบมันได้ฆ่าผมตายแน่ครับ
“เออ ขอบใจว่ะที่แนะนำ ยังไงสักวันกูต้องบอกไอ้ธัชเรื่องกูกับน้องมันอยู่แล้ว กูจริงใจกับธีมันนะแต่ดูท่าน้องมันจะพยศไม่น้อยขอกูปราบพยศก่อนแล้วกันว่ะ และถ้าถึงวันนั้นไอ้ธัชมันจะทำอะไรกับกูก็ได้ทั้งนั้น แต่กูไม่ยอมแยกจากไอ้ตี๋น้อยของกูแน่ๆว่ะ” ผมว่าผมยิ้มได้แล้วครับพอคิดถึงอนาคตที่ผมกับไอ้ตี๋น้อยธีได้อยู่ด้วยกัน ขอคิดถึงวันแห่งความสุขที่รออยู่เบื้องหน้ามาเป็นกำลังใจในการปราบตี๋น้อยให้อยู่หมัดก่อนดีกว่า
หลังจากนั้นไอ้ติณห์มันก็หัวเราะผมใหญ่เลยว่าผมเป็นเอามาก แต่มันก็เน้นให้ผมใจเย็นๆอย่าทำอะไรวู่วาม ให้ผมคิดถึงตี๋น้อยไว้มากๆอย่าทำให้มันลำบากใจไปมากกว่านี้ ผมก็ฟังมันไปเริ่มวางแผนว่าจะติดต่อไอ้ธัชทันทีและต้องคุยกับมันยังไงถึงจะดูปกติไม่ทำให้มันจับได้ว่าผมคิดกับน้องชายมันเกินเพื่อนพี่ชาย
..................................................
ผมมาถึงหน้าร้านอาหารใหญ่ที่ขึ้นชื่อแถวชานเมือง การที่ผมมาโผล่ที่นี่ได้ก็เพราะคนที่ผมตามหามาตั้งแต่เย็นนั้นหนีมาอยู่ที่นี่ครับ กว่าจะรู้ว่าตี๋แสบมาอยู่ที่นี่ก็ได้เพื่อนของเพื่อนผมอีกทีช่วยไว้ เธอชื่อว่า ‘มาย’ เป็นแฟนเพื่อนสนิทในกลุ่มของตี๋น้อยเค้าล่ะครับ ผมวุ่นวายกับการโทรศัพท์อยู่นานกว่าจะรู้คอยดูเถอะไอ้ตี๋แสบถ้าได้เจอตัวจะฟัดให้หายคิดถึงเลย ผมเข้ามาภายในร้านที่มีคนนั่งอยู่เกือบทุกโต๊ะกวาดตามองหาคนที่ผมคิดถึงมาทั้งวัน และก็เจอครับตี๋น้อยของผมนั่งอยู่กับเพื่อนกลุ่มใหญ่ดูจากตรงนี้เหมือนหน้ายังซีดๆอยู่ไม่รู้ว่าหายไข้รึยัง ผมก้าวขาตรงเข้าหาโต๊ะที่มีตี๋น้อยนั่งอยู่และดูท่าทางเป้าหมายจะเห็นผมเข้าแล้วครับ พึมพำอะไรไม่รู้และนั่นตี๋น้อยหน้าตื่นลุกขึ้นทำท่าจะหนีอีกแล้ว ผมจึงเร่งฝีเท้าขึ้นเผื่อว่าธีมันหนีผมจะได้ตะครุบตัวทัน แต่ผมก็เบาใจที่เห็นเพื่อนๆที่นั่งขนาบข้างธีอยู่จับตัวไว้แทน
“สวัสดีครับทุกคน” ผมกล่าวทักทายทุกคนเมื่อมาถึงโต๊ะกวาดตามองหน้าบรรดาเพื่อนสนิทของธีและมาหยุดสายตาจับจ้องหน้าตี๋ๆของคนหน้าบึ้งตาดุแทน ดูท่ารอยยิ้มครั้งนี้ของผมมันจะไม่ได้ผลครับเพราะอาตี๋ยังคงหน้ามุ่ยไม่เปลี่ยนเห็นแล้วอยากจะหัวเราะแต่ก็บังคับไว้เดี๋ยวเรื่องจะยาวกว่านี้
“นั่งก่อนสิครับหมอภีม” เสียงเข้มของหนึ่งในเพื่อนสนิทธีดังขึ้น ถ้าจำไม่ผิดนายนี่ชื่อ ‘ฟิน’ เป็นชายหนุ่มร่างสูงใหญ่หน้าหล่อคมเข้ม มีแฟนตัวเล็กน่ารักนั่งอยู่ข้างกันเป็นเพื่อนรุ่นเดียวกับผมแต่คนละคณะชื่อ ‘มิค’ เมื่อได้ฟังคำเชิญก็ยิ่งกว่าเต็มใจและยิ่งยินดีอีกหลายเท่าที่ได้นั่งข้างตี๋น้อยเพราะเพื่อนคนที่นั่งข้างธีลุกให้ผมนั่งแทน ผมแอบเห็นธีสะดุ้งนิดๆด้วยครับ ไม่รู้จะกลัวอะไร ‘สามี’ นักหนา
“มึงตามมาถูกได้ไงวะ” เสียงห้วนกระชากจากคนที่ผมนั่งข้างๆถูกส่งมาให้พร้อมตาตี่ที่พยายามขึ้งมองให้ผมหวาดกลัว แต่ในสายตาผมกลับเห็นว่ามันน่ารักเหมือนแมวตัวน้อยกำลังขู่ศัตรูที่ตัวใหญ่กว่าเลย ยังไม่ทันตอบก็มีเสียงหวานของสาวน้อยนามว่า ‘มาย’ ดังแทรกขึ้น
“เอ่อ คือ ธีคะ มายเป็นคนบอกเองค่ะ เห็นหมอภีมว่ามีธุระจะคุยกับธี มายไม่รู้ว่าธีจะไม่อยากให้มา” คนที่อยากรู้ว่าผมมาได้ยังไงก็หน้าจ๋อยยิ้มแหยๆทันที คงกลัวสาวน้อยแฟนเพื่อนสนิทเสียใจน่ะครับ
ผมเผลอยิ้มกว้างกับภาพใบหน้าของตี๋น้อยที่ผมไม่เคยเห็นมันในมุมนี้มาก่อน ธีหันมาส่งค้อนให้ผมวงโต เดี๋ยวนี้อาตี๋ของผมพัฒนาส่งค้อนได้ด้วยครับอยากฟัดแก้มใสๆเสียทีแต่ทำไม่ได้ จึงได้แต่มองตี๋น้อยกระดกเหล้าเข้าปากทำเมินไม่มองหน้ากัน ผมก็ห่วงธีนะครับกลัวว่ายิ่งดื่มอาการไข้ที่มีเมื่อเช้าจะยิ่งแย่ แอบแตะแขนคนข้างๆเพื่อวัดอุณหภูมิ ธีสะดุ้งนิดๆเหลือบมองรอบตัวคงกลัวเพื่อนๆสงสัยแต่ยังไม่มีใครสังเกตเห็น อาตี๋ถอนใจโล่งอกก่อนส่งค้อนให้ผมอีกวง ความจริงตี๋น้อยยังตัวอุ่นอยู่นิดๆแต่คงไม่น่าห่วงมากนักก็มาถึงที่นี่เองได้นี่ครับ และผมก็รู้สึกได้ถึงสายตาของบรรดาเพื่อนสนิทของอาตี๋ได้เพราะความเงียบที่ปกคลุมอยู่ทำให้รู้ว่าคู่ของเราถูกจับตามองเข้าแล้ว
“หมอภีม ไม่ได้อยู่เวรเหรอครับวันนี้” เสียงหวานของ ‘กัส’ หนุ่มตัวเล็กที่นั่งเยื้องกับผมดังขึ้นทำลายบรรยากาศตึงเครียดได้ ผมจึงหันไปส่งยิ้มให้กัสก่อนเอ่ยตอบ
“ผมแลกเวรกับหมอท่านอื่นน่ะครับ เพราะต้องมาตามคนที่หนีมา” คำตอบผมทำให้ทุกคนบนโต๊ะสนใจหันมามองผมเป็นตาเดียว แต่คนที่ผมอ้างถึงทำเป็นไม่รู้เรื่องนั่งดื่มต่อไปไม่แม้แต่จะเหลือบมามองกัน ผมมองสบตาเพื่อนสนิทธีพวกเค้าก็ต่อตาผมอย่างค้นหา จึงทำเพียงแค่ส่งยิ้มนิดๆไปให้แทน
“แล้วหมอเจอมั้ยครับ ‘คนที่หนีมา’ น่ะ” ชายหนุ่มใส่แว่นมาดเนี้ยบชื่อ ‘ปรัช’ ถามด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง และส่งสัญญาณว่าเจ้าตัวเค้ารู้ว่าผมหมายถึงใคร จนอดหัวเราะออกมาไม่ได้ให้กับความช่างสังเกตของปรัช
“ฮึๆ ก็เจอครับก็นั่ง...อ๊ะ” ผมยังไม่ทันได้เฉลยก็โดนแก้วกระแทกปาก โดยฝีมือของตี๋น้อยหน้าบึ้งที่นั่งเงียบมานาน
“กินๆไปเลยพูดมาก เอ้าพวกมึงนั่งมองทำไมแดกไปดิ เอ่อ แฮะๆ ทานกันต่อนะครับ” ธีหันไปตะคอกบรรดาเพื่อนๆที่จ้องมองมันตาไม่กระพริบแต่ดันเสียงอ่อนให้กับบรรดาแฟนตัวเล็กของเพื่อนๆ และดูเหมือนจะไม่ได้ผลเพราะทุกสายตาก็มองธีอย่างคาดคั้น กลุ่มนี้เค้ากดดันเพื่อนตัวเองเก่งจังครับ จนผมอดสงสารตี๋น้อยของผมไม่ได้ ผมเข้าใจธีมันนะครับตอนนี้คงไม่อยากบอกเรื่องของเรากับเพื่อนสักเท่าไหร่
“พวกมึงวันนี้กูกลับก่อนนะ ขอโทษว่ะ” อยู่ๆธีก็ลุกขึ้นทำท่าจะกลับอย่างที่ปากว่า ผมจึงรีบคว้าแขนอุ่นไว้ทันที มีแรงดึงกลับจากเจ้าของแต่ผมก็ยึดไว้ สายตาธีลุกวาบเหมือนเริ่มจะโกรธผมเข้าจริงๆซะแล้ว
“ธีจะกลับยังไงไม่ได้เอารถมาไม่ใช่เหรอครับ พี่ไปส่งเอง” ถ้าธีจะกลับผมก็อยากไปส่งเองครับและที่รู้ว่ามันไม่ได้เอารถมาเพราะสำรวจตั้งแต่ที่จอดรถแล้ว ธีชักสีหน้าใส่ผมทันทีและออกแรงกระชากแขนกลับแรงกว่าเดิม
“กูกลับเองได้ ปล่อยได้แล้ว” ธีเสียงเข้มตาดุดูท่าทางจะไม่ยอมผมง่ายๆเลย แต่ผมไม่อยากปล่อยให้อาตี๋น้อยกลับคนเดียวเลยครับ ตัวก็ยังอุ่นๆแถมดื่มเหล้าเข้าไปอีก กลัวจะไปเมาหลับกลางทางซะก่อน
“ไอ้วิน มึงกับหมอกัสไปส่งไอ้ธีที่บ้าน ส่วนที่เหลืออยู่กับกูที่นี่” เสียงเข้มของ ‘มน’ สาวห้าวที่นั่งอยู่ตรงข้ามผมดังขึ้น ดูเหมือนว่าสาวเท่คนนี้จะเป็นคู่ซี้ของตี๋น้อยของผมด้วยครับ แววตาเด็ดขาดของเธอถูกส่งไปให้เพื่อนทุกคนเพื่อบอกความต้องการให้บรรดาผองเพื่อนทำตามคำสั่งอย่างไม่มีข้อแม้และสายตานิ่งติดดุก็มาหยุดสบตาผม
ผมสบสายตาเด็ดขาดคู่นี้ด้วยแววตานิ่งไม่ต่างกัน ด้วยท่าทางสบายและผ่อนคลาย ผมถือว่าตัวเองจริงใจและจริงจังกับคู่ซี้ของเธอจึงไม่มีอะไรต้องกลัวครับ วินและกัสคู่รักที่นั่งอยู่ลุกขึ้นเตรียมตัวไปส่งตามที่สาวเจ้าต้องการ และคนที่ผมจับแขนไว้ก็สะบัดแขนให้หลุดจากการยึดจับของผม ผมก็เงยสบตาธีที่ตอนนี้มีแววกังวลอย่างเห็นชัด ก่อนที่สายตาคู่นี้จะหันไปมองมนเพื่อนสนิทอีกครั้งและเดินหงอยๆตามคู่รักที่น่าอิจฉาออกไป ผมจึงหันกลับมามองสาวเท่ที่นั่งอยู่ตรงหน้าแทน
“หมอ หมอบังคับมันรึเปล่า” สาวห้าวถามขึ้นท่ามกลางความเงียบตาจับจ้องมาที่ผมแน่วแน่ ผู้หญิงคนนี้เป็นคนจริงถ้าผมไม่สามารถตอบคำถามได้โดนใจเธอ ผมว่าคืนนี้ผมโดนมนต่อยคว่ำแน่ๆครับ และคำถามที่ถูกส่งมาให้ผมแสดงว่าเพื่อนๆของธีต้องมองออกแล้วว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างเรา
“ถึงแม้เมื่อคืนธีจะเมาแต่ผมไม่ได้บังคับธีแน่นอน” ผมตัดสินใจพูดความจริงให้ทุกคนได้ฟังและจะยอมรับสิ่งที่จะเกิดขึ้น ตาดุของสาวเท่มีแสงแลบออกจากตา กองไฟเล็กๆนั่นแสดงให้ผมรู้ว่าเจ้าของคงโกรธผมมากอยู่ แต่พักเดียวมนก็สามารถคุมอารมณ์ตัวเองให้อยู่ในระดับปกติได้
“แล้วหมอคิดจะทำยังไงต่อไป” คำถามถูกส่งมาจากสาวคนเดิมด้วยน้ำเสียงนิ่งติดดุ
“ผมจะรับผิดชอบสิ่งที่ผมทำ ผมไม่ได้หมายความว่าผมฝืนใจที่จะทำนะครับ ผม ‘เต็มใจ’ แต่ดูท่าทางเพื่อนคุณจะไม่ยอมง่ายๆ วันนี้ก็หนีออกมาจากห้องผมทั้งๆที่มีไข้อ่อนๆ” ผมพูดในสิ่งที่คิดและตัดสินใจไว้แล้วเพราะผมยิ่งกว่าเต็มใจที่จะดูแลอาตี๋น้อยที่มีสถานะเป็น ‘เมีย’ ของผมอย่างที่สุด คิดแล้วก็อดเป็นห่วงอาการของคนที่เพิ่งออกไปไม่ได้ครับ ไม่รู้จะเป็นยังไงบ้าง
“หมอชอบไอ้ธีรึเปล่า” ผมหันไปมองปรัชที่เงียบมานานผู้ที่เอ่ยคำถามล้วงลึกความรู้สึกของผมมาก และแอบมองคนอื่นๆที่เหลือก็นั่งจ้องผมตาไม่กระพริบ ยิ่งมิคหนุ่มน้อยน่ารักตรงหน้านี่ตาแป๋วกว่าใคร อดยิ้มให้กับคำถามนี้ไม่ได้ครับ
“ฮึๆๆ จริงๆผมไม่จำเป็นต้องตอบ แต่ถ้าไม่ตอบคำถามนี้พวกคุณคงยิ่งกันธีออกห่างจากผมแน่ๆใช่มั้ยครับ ผมชอบธีมานานแล้วและจะเดินหน้าเต็มที่ให้ธีมีความรู้สึกเดียวกับผมให้ได้ แม้มันจะดูผิดขั้นตอนไปหน่อยก็ตาม” ผมมองสบตาเพื่อนทุกคนของธีเพื่อสื่อถึงความจริงใจในประโยคที่พูด ก็หวังว่าบรรดาเพื่อนสนิทของธีจะเข้าใจนะครับ แต่ถึงแม้พวกเขาจะไม่เข้าใจหรือขัดขวางผมก็จะไม่ยอมแพ้หรอกจะเดินหน้าเอาอาตี๋น้อยมาเป็นของตัวเองให้จงได้
“พวกผมไม่มีปัญหาถ้าเพื่อนผมมันเต็มใจ ขึ้นอยู่กับหมอแล้วครับว่าจะจัดการกับมันยังไง” ปรัชหนุ่มมาดเนี้ยบเอ่ยขึ้นยิ้มๆ มันแปลได้ว่าเพื่อนของนายธียอมรับผมถึงแม้จะเอ่ยออกตัวว่าไม่ช่วย แต่แค่นี้ก็ดีมากแล้วครับขออย่าได้ขัดขวางเป็นพอ ผมจึงส่งยิ้มให้ปรัชและเผื่อแผ่ไปทางสาวน้อยน่ารักที่นั่งข้างๆด้วย
“ขอบคุณพวกคุณมากที่เข้าใจผม ต่อไปเรียกผมว่าพี่ภีมดีกว่านะครับ” ผมอยากทำให้บรรดาเพื่อนของธีรู้สึกสนิทสนมด้วยเลยถือโอกาสให้พวกเขาเรียกตัวเองว่าพี่ไปซะเลย และก็ได้รอยยิ้มจากทุกคนตอบกลับมา
ปัญหาเรื่องเพื่อนสนิทของตี๋น้อยของผมก็คงหมดไป เหลือก็แต่เจ้าตัวดีนั่นแหละที่ผมต้องหาวิธีทำให้ยอมรับตัวผมให้ได้และให้ธีรักตอบผมได้ในที่สุด บรรยากาศตึงเครียดเริ่มหมดไปเริ่มมีเสียงหัวเราะและพูดคุยอย่างสนุกสนานขึ้น ผมใช้เวลาอยู่กับพวกเขาอีกนิดหน่อยแล้วก็ขอตัวกลับโดยอ้างว่าต้องรีบกลับมาคิดวางแผนพิชิตใจไอ้ตี๋แสบของผม และผมรู้สึกเป็นห่วงธีมากเลยครับไม่รู้ตอนนี้ถึงบ้านได้นอนพักรึยังหรือว่าจะโดนเพื่อนที่ไปส่งซักจนขาวไปแล้วก็ไม่รู้
.............................................................
โปรดติดตามตอนต่อไปค่ะ >O<
ในที่สุดเฮียภีมก็ใช้ความจริงใจผ่านด่านเพื่อนๆตี๋แสบได้
แต่ตอนนี้ก็ยังไม่ได้เคลียร์กับอาตี๋น้อยที่เฝ้าคิดถึงมาทั้งวัน
แต่ตอนหน้านี่ไม่ต้องห่วงเพราะเฮียตามถึงที่เลยค่ะ
เจอเฮียภีมและตี๋ธีวันจันทร์นะคะ
ปล.+1ให้ทุกเม้นท์แล้วนะคะ ขอบคุณทุกการติดตามค่ะ^^
ปล.2 ใครที่ตามแม็คนัทอยู่หรือใครที่ยังไม่รู้จักคู่รักคู่เล็กคู่นี้
ลองตามอ่านได้ค่ะ เพราะพรุ่งนี้ฉากที่รอคอยจะอัพแล้ววววว
เตรียมตัวเตรียมใจให้พร้อมนะคะ ฮุๆๆhttp://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=29669.0
