ตอนที่ 20“ไงอาตี๋น้อย ลื้ออารมณ์ดีมาเชียวนะเมื่อคืนไปไหนมาไม่อยู่บ้าน” เสียงผู้หญิงที่มีอำนาจมากที่สุดในตระกูลธนอรรถย์ดังมาจากห้องรับแขก
ผมที่กำลังจะก้าวขึ้นบันไดต้องเดินย้อนกลับมาเดินเข้าหาเจ้าของเสียง และพบว่าหม่าม้าของผมกำลังนั่งรออยู่บนโซฟาตัวใหญ่หน้าทีวีพร้อมเฮียธัช ผมเดินไปนั่งโซฟาตัวเดียวกันและกอดเอวหนาของหม่าม้าคนสวยไว้ก่อนฝังจมูกสูดกลิ่นหอมเย็นเข้าปอด
“หม่าม้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่ อั๊วคิดถึงจังเลย” เมื่ออยู่กับหม่าม้าผมไม่รู้เป็นอะไรอยากจะอ้อนคลอเคลียเหมือนเด็กๆอยู่ร่ำไป จนโดนไอ้พวกเพื่อนสนิทแซวประจำว่าผมเป็นลูกติดแม่ ก็ตัวอุ่นๆกลิ่นหอมๆของหม่าม้าให้ความรู้สึกดีมากเมื่อได้กอดนี่ครับ
“ลื้อก็ทำเป็นพูดไปอาธี นี่ถ้าอั๊วไม่มาก็ไม่ได้เจอหน้าพวกลื้อนอกจากวันอาทิตย์หรอกใช่มั้ย หรืออั๊วจะคิดผิดจริงๆที่ให้หนุ่มโสดแบบพวกลื้อแยกออกมาอยู่กันเองแบบนี้” หม่าม้าคนสวยทำหน้ามุ่ยคิดหนักมองหน้าผมกับเฮียธัชสลับไปมา
“โธ่ หม่าม้าก็ อั๊วก็ไม่ได้เหลวไหลขนาดนั้นสักหน่อยนานๆทีน่ะครับ ถ้าอั๊วกลับไปอยู่บ้านใหญ่จริงๆหม่าม้าก็บ่นผมกับเฮียอยู่ดี” ผมมองหน้าหม่าม้าแบบงอนๆที่คิดว่าผมทำตัวเหลวไหล ก่อนมองหน้าเฮียธัชแบบส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือ
“ฮึๆ อั๊วไม่เกี่ยวหน่าหม่าม้า ถ้าจะให้กลับไปอยู่บ้านใหญ่ก็เอาตี๋เล็กกลับไปคนเดียวสิ” นอกจากจะไม่ช่วยกันแล้วเฮียยังไล่ผมอีกหรือเนี่ย
“เฮียอ่ะ หม่าม้าเฮียธัชไม่รักอั๊วแล้วววว” ผมหันมากอดเอวหนาอย่างออดอ้อนกับผู้หญิงที่ผมรักสุดหัวใจ แขนขาวนุ่มนิ่มโอบรอบตัวผมกลับตามมาด้วยเสียงหัวเราะลงคออย่างอารมณ์ดี
“ลื้อเนี่ยน้า ชอบทำตัวเป็นเด็กแบบนี้จะไม่ให้หม่าม้าเป็นห่วงได้ยังไง หือ อาตี๋เล็ก” ผมสบสายตาแสดงความเป็นห่วงอย่างชัดเจนจากบุพการีก็รู้สึกตื้นตันและซาบซึ้ง เพราะยังไงไม่ว่าเราจะโตเป็นผู้ใหญ่ขนาดไหนพ่อแม่ก็คงยังเป็นห่วงเหมือนเราเป็นเด็กเล็กๆของท่านเสมอ ผมกระชับกอดร่างอุ่นและหอมแก้มนิ่มอีกหลายฟอด
“อั๊วจะดูแลตัวเองดีๆไม่ให้หม่าม้าเป็นห่วงมากนะครับ อั๊วรักหม่าม้าที่สุดเลย” เราสองคนกอดกันแน่นโดยมีสายตาอ่อนโยนของเฮียธัชจับจ้องและมีรอยยิ้มเต็มหน้า
“ตกลงลื้อไปไหนมาไม่อยู่บ้านทั้งคืน” หลังจากซาบซึ้งกับความรักพักเดียว คำถามที่ผมพยายามเลี่ยงก็หลุดออกมาจนได้
“เอ่อ แหะๆ คือ อั๊ว” ผมพยายามหาคำตอบที่ดีที่สุดและย่อมต้องไม่ใช่ความจริงที่เกิดเมื่อคืนและเมื่อเช้าครับ
“เฮ้อออ เมาหลับหรือไปกับสาวๆล่ะเรา” เสียงถอนใจเฮือกใหญ่ของเฮียธัชดังขัดจังหวะผมที่กำลังกระอักกระอ่วนหา
คำตอบที่ดีที่สุดมาตอบหม่าม้าไม่ได้ และดูเหมือนว่าผมจะรอดตัวได้เพราะความเข้าใจผิดของเฮียธัช แต่ต้องสะดุ้งเพราะแรงตีแขนจากฝ่ามือเล็กของหม่าม้า จนต้องแกล้งร้องโอดโอยเกินจริงหวังให้หม่าม้าสงสารและลืมเอาคำตอบจากปากผม
“ลื้อนี่นะ นี่เหรอที่บอกจะดูแลตัวเองดีๆไม่ให้หม่าม้าเป็นห่วงน่ะ” ผมก้มหน้ายอมรับผิดก่อนเงยสบกับแววตาอ่อนโยนของหม่าม้าและกระพริบตาปริบๆอยู่หลายที จนได้ยินเสียงหัวเราะจากผู้หญิงที่ผมรักได้แล้วนั่นแหละผมจึงโล่งอกและหัวเราะตาม
การที่หม่าม้ามาหาผมกับเฮียที่บ้านแบบนี้ไม่ใช่มีกันบ่อยๆ นานๆทีท่านถึงจะเดินมาดูแลความเรียบร้อยทั้งตัวบ้านและคนที่อยู่อาศัย แต่วันนี้ผมดันไม่อยู่ท่านก็คงนั่งรอผมกลับบ้านนั่นแหละครับ เราสามคนนั่งคุยกันจนได้รู้ว่าหม่าม้าหนีอาเตี่ยจากบ้านใหญ่มาหาพวกผมโดยเฉพาะหลังส่งสองหมวยฝาแฝดไปโรงเรียนแล้ว เพราะว่าท่านอยากให้ผมหรือเฮียธัชพาท่านไปตรวจสุขภาพประจำปีหน่อยครับ เฮียธัชจึงให้ผมพาหม่าม้าไปวันนี้เลยเมื่อรู้ว่างานของผมที่โรงงานไม่มีอะไรด่วนซึ่งผมก็ยินดีทำด้วยความเต็มใจ เฮียธัชลุกเดินออกไปไหนไม่รู้หลังตกลงกับผมเสร็จ ส่วนผมก็นั่งกอดและคุยกับหม่าม้าไปด้วย มันเป็นความเคยชินของผมซะแล้วครับถ้าได้อยู่ใกล้หม่าม้าผมจะอ้อนกว่าปกติแบบที่เป็นนี้ เพราะผมเคยเป็นลูกคนเล็กมาตลอดจนมีหมวยแฝดสุดน่ารักมาช่วงชิงตำแหน่งไปทีหลังน่ะครับ
“ธี พาหม่าม้าไปตรวจที่โรงพยาบาลของไอ้ภีมนะ เฮียโทรไปบอกมันไว้แล้วเดี๋ยวมันจะตรวจให้เอง” เสียงเฮียธัชดังขึ้นเมื่อเดินกลับมา ที่เฮียหายไปสงสัยคงโทรไปบอกเพื่อนสนิทตัวเองแน่ๆครับ
“ทำไมต้องที่นั่นล่ะ ไม่มีที่อื่นเหรอเฮีย” ผมที่ยังไม่อยากเจอหน้าไอ้หมอภีมตอนนี้เพราะเพิ่งแยกกัน แถมสร้างวีรกรรมน่าอายไว้เยอะไม่อยากเจอหน้ามันตอนนี้จริงๆครับ
“หม่าม้าตรวจกับอาภีมทุกปี อีตรวจดีน้า โรงพยาบาลอาภีมก็ใหญ่โตทันสมัย หรืออาตี๋เล็กมีที่อื่นที่ดีกว่านี้” หม่าม้าตอบแทนเฮียธัชและเหตุผลของท่านก็ทำผมพูดไม่ออก เลยได้แต่ยิ้มและพยักหน้าตกลงไปครับ
เมื่อตกลงกันได้แล้วเฮียธัชก็ขอตัวเข้าโรงงานเพราะมีงานต้องทำ ส่วนผมก็โดนหม่าม้าไล่ไปกินข้าวและเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เรียบร้อย และค่อยไปหาท่านที่บ้านใหญ่เพราะท่านจะให้เอารถตู้ของที่บ้านไปแทนการนั่งรถสปอร์ตของผม ขณะที่ผมกำลังเปลี่ยนเสื้อผ้าโทรศัพท์ก็ดังขึ้นผมคว้ามาดูพอเห็นว่าเป็นใครก็ตกใจเพราะเพิ่งนึกถึงคำสั่งของมันได้ แต่ตอนนี้มันก็สายไปแล้วล่ะครับจึงตัดใจกดรับโทรศัพท์ทันที
“ไงครับ ลืมพี่อีกแล้วนะพี่ให้โทรหาก็ไม่โทร นี่ถ้าไอ้ธัชมันไม่โทรมาพี่ก็คงไม่รู้ว่าธีถึงบ้านแล้ว” ประโยคยาวๆจากไอ้หมอภีมมันทำเอาผมนึกขำแต่กลั้นไว้ไม่ให้มันได้ยิน ก็จะอะไรล่ะครับดูซิผู้ชายตัวโตเป็นควายก็งอนเป็นนะเนี่ย เสียงมันก็อ้อนมากทำเอาตีนกระดิก ฮึๆๆ
“ผมลืมจริงๆก็หม่าม้ามารออยู่ที่บ้านคุยเพลินไปหน่อย แต่ถึงยังไงเฮียก็รู้แล้วนี่หน่าว่าผมถึงบ้านแล้ว และกำลังจะกลับไปหาอีกรอบด้วย” ปากพูดเพลินลืมนึกถึงความหมายสิ่งที่พูดไปว่าทำให้คนฟังคิดลึกไปถึงไหนๆได้
“ฮึๆ ครับพี่จะรอธี ‘กลับมาหา’ นะครับ แค่นี้ก่อนมีคนไข้รอพี่อยู่ แล้วเจอกันครับตี๋น้อย” พูดจบมันก็กดวางสายทันที ผม
ที่ได้ฟังยืนอึ้งสักพักก่อนจะส่ายหัวให้กับไอ้หมอตัวโตที่อารมณ์เปลี่ยนเร็วอย่างกับเด็กๆ เพียงเพราะคำพูดไม่กี่คำของผม
หลังจากนั้นผมก็เดินไปหาหม่าม้าที่บ้านใหญ่ได้เจออาเตี่ยด้วยผมก็เข้าไปกอดและจบด้วยแบมือขอตังค์ ไม่ได้อยากได้เงินเตี่ยจริงๆหรอกครับแค่อยากให้แกอารมณ์ขึ้นนิดหน่อยพอได้ขำแต่ถ้าได้จริงก็ดี สิ่งที่ผมได้มาคือมะเหงกเขกหัวหนึ่งทีและเสียงบ่นประมาณว่าโตแล้วยังแบมือขอเงินอีก ผมก็เลยแกล้งงอนเดินไปจูงมือเมียสุดที่รักของอาเตี่ยหนีซะเลย ทำเอาหม่าม้าส่ายหัวกับพฤติกรรมของผมกับอาเตี่ยใหญ่เลยครับ เราสองคนนั่งรถตู้มาจนถึงโรงพยาบาลเอกชนชื่อดังของไอ้หมอภีมที่ๆผมเพิ่งจากไปไม่ถึงครึ่งวัน พนักงานต้อนรับแทบจะอุ้มหม่าม้าผมแทนการเดินแต่ดีที่หม่าม้าเลือกนั่งรถเข็นแทน ถึงแม้หม่าม้าผมจะแข็งแรงและเดินไหวแต่โรงพยาบาลมันกว้างมากครับ การนั่งรถเข็นโดยมีผมเป็นคนเข็นก็เป็นทางเลือกที่ดี ตอนแรกจะมีเจ้าหน้าที่มาเข็นให้ล่ะครับแต่ผมไม่ยอม ผมเข็นรถหม่าม้าเข้ามาไม่เท่าไหร่ก็เจอไอ้หมอภีมยิ้มกว้างหน้าใสเดินมาแต่ไกล ไม่รู้มีพรายกระซิบรึเปล่าถึงรู้ว่าผมกับหม่าม้ามาถึงแล้ว
“สวัสดีครับหม่าม้า” มันเดินมาถึงก็ยกมือไหว้หม่าม้าของผมเลยครับแถมตีสนิทเรียก ‘หม่าม้า’ เหมือนผมซะด้วย ส่วนหม่าม้าก็รับไหว้และคว้ามือที่กระพุ่มของไอ้หมอภีมมาจับ ซักถามว่าสบายดีมั้ยคุยกันไปยิ้มกันไปจนลืมลูกที่พามาแบบผมไปเลยครับ สองคนเค้าคุยกันจนพอใจถึงได้หันมาทางผม ผมจึงยกมือไหว้ไอ้หมอภีมตามศักดิ์และเพื่อไม่ให้หม่าม้าดุเอาได้ที่จะทำตัวไม่มีสัมมาคารวะกับคนแก่
“ไปตรวจกันเลยนะครับ มาครับธีเดี๋ยวพี่เข็นหม่าม้าให้เอง” ไอ้หมอภีมมันรับไหว้ผมแล้วก็อาสาเข็นรถให้หม่าม้าเอง ทีแรกผมไม่ยอมแต่มีมืออุ่นมากุมทับทำให้ผมต้องชักมือตัวเองกลับ ก่อนที่ผมจะจ้องหน้าส่งสายตาดุไปให้มันและเหล่มองว่าหม่าม้าเห็นรึเปล่า ดีที่ท่านนั่งมองไปด้านหน้าจึงไม่เห็นผมสองคนที่อยู่ข้างหลัง
ตลอดทางที่จะไปห้องตรวจก็มีสายตาผู้คนทั้งเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลและคนที่มารับบริการต่างมองมาที่พวกเรา คงทั้งอยากรู้และสงสัยกันล่ะครับว่าทำไมหม่าม้าและผมถึงมีหมอหนุ่มลูกเจ้าของโรงพยาบาลมาบริการด้วยตัวเองแบบนี้ ผมต้องทำเฉยเดินเคียงข้างไอ้หมอหน้าด้านที่ชอบทำอะไรประเจิดประเจ้อไปตลอดทางอย่างไม่มีทางเลือก อยากโวยวายนะครับแต่ก็จะยิ่งทำให้เป็นจุดเด่นกว่าที่เป็นอยู่นี่สิ เผลอมองไปที่ไอ้หมอภีมมันก็ไม่สนใจอะไรนอกจากชวนหม่าม้าผมคุยเรียกเสียงหัวเราะอย่างอารมณ์ดีจากท่านได้ตลอด นี่ผมจะโดนแย่งตำแหน่งลูกรักของหม่าม้าไปมั้ยครับเนี่ย เฮ้ออออ
“เป็นอะไรครับธี เหนื่อยรึเปล่า” ไอ้หมอที่เข็นรถเข็นอยู่หันมาถามผมทันทีที่ผมถอนหายใจดังไปหน่อย และสายตาสงสัยของหม่าม้าก็ถูกส่งมาที่ผม ทำเอาผมทำหน้าไม่ถูกไม่รู้จะตอบยังไงเลยครับ
“เอ่อ เปล่าครับ ผมไม่ได้เป็นอะไร” อย่าสงสัยว่าทำไมผมถึงพูดเพราะได้ ก็อยู่ต่อหน้าหม่าม้านี่ครับคืนทำตัวก้าวร้าวได้โดนบ่นต่อหน้าไอ้หมอภีมแน่ๆเลย ‘อายมันตายชัก’
หม่าม้าได้ฟังคำตอบผมแล้วก็เลิกสนใจหันไปนั่งตามเดิน แต่ไอ้คนที่ส่งคำถามมาให้กันมันกลับยิ้มซะแก้มฉีก ผมล่ะแปลกใจสงสัยว่ามันจะยิ้มดีใจอะไรนักหนา สายตาผมคงแสดงออกให้ไอ้หมอบ้ามันรู้ถึงได้ยื่นหน้ามาซะใกล้ และผมก็หลบไม่ทันมันเอาปากแดงๆมาใกล้หูผมจนแทบจะกลืนกินแล้วครับ
“พูดเพราะๆกับพี่แบบนี้อีกได้มั้ย ‘พี่ชอบ....’ จัง” เสียงกระซิบแผ่วพอให้ได้ยินโดยที่หม่าม้าไม่รู้เรื่อง แต่ไอ้ที่มันเว้นก่อนจบประโยคเหมือนจะให้ผมเติมคำในช่องว่างนี่ มันจงใจให้ผมคิดมากใช่มั้ยเนี่ย
พอผมรู้ตัวว่ามันใกล้ผมมากเกินไปแล้วก็ขยับตัวออกเผลอยกมือปิดหูข้างที่มันกระซิบ ยิ่งส่อพิรุธให้ไอ้หมอภีมรู้ว่าผมกำลังเติมคำในช่องว่างอยู่ในใจเข้าแผนมันแล้วครับ ยิ้มกว้างตาพราวส่งตรงมาที่ผมอีกแล้วไม่รู้จะขยันยิ้มไปไหน ผมเบนสายตาออกจากหน้ามันไปมองรอบตัว ผมต้องทั้งกลั้นขำและอดจะโมโหกรุ่นๆไปด้วยไม่ได้ จะเพราะอะไรล่ะครับดูอาการสาวๆรอบตัวที่มองมันกับผมตาค้างซิ และบางคนถึงขั้นหน้าแดงหลบสายตาไปเลยก็มี ทำไมไอ้หมอมันไม่กลัวว่าลูกน้องมันจะแอบนินทาบ้างวะครับที่มาทำใกล้ชิดกับผู้ชายกลางโรงพยาบาลของตัวเองแบบนี้ ผมที่ทำอะไรไม่ได้ก็เดินหน้าบึ้งนำไปก่อนเลยครับหน้าไม่หนาพอจะอยู่ตรงนี้อีกแล้ว
กระบวนการตรวจร่างกายของหม่าม้าก็เริ่มขึ้นโดยมีไอ้หมอภีมลูกรักคนใหม่ของหม่าม้าเป็นคนรับผิดชอบทุกขั้นตอน ส่วนผมที่เป็นลูกชายตัวจริงได้แต่ยืนมองคู่แม่ลูกคู่ใหม่เท่านั้นครับ จวบจนการตรวจร่างกายเสร็จสิ้นลงด้วยเวลารวดเร็วเพราะใช้สิทธิ์พิเศษจากลูกชายเจ้าของโรงพยาบาลให้ผ่านทุกขั้นตอนที่ยุ่งยาก ส่วนผลตรวจร่างกายของหม่าม้าก็ปกติทุกอย่างครับ ผมทั้งดีใจและโล่งใจที่ท่านไม่มีปัญหาอะไรให้ต้องกังวล ไอ้หมอภีมมันพาผมกับหม่าม้ามาพักที่ห้องพักแพทย์ใกล้ห้องตรวจโรคห้องเดิมที่ผมมาเมื่อวานแหละครับ และมันก็จัดหาของว่างและเครื่องดื่มมาเอาใจคนสวยของผมชุดใหญ่จนท่านต้องห้ามปรามก่อนที่มันจะขนมามากกว่านี้ ผมเห็นก็ได้แต่แอบเบ้หน้าไม่คิดว่ามันจะเป็นเอามากขนาดนี้นะครับ ไม่รู้จะเอาใจหม่าม้าให้รักให้หลงไปถึงไหน
“หม่าม้าขอบใจอาภีมมากนะที่มาตรวจให้หม่าม้าวันนี้ตรวจดีจริงๆ เดี๋ยวจะให้อาเตี่ยมาตรวจด้วยอีกคนได้มั้ย หม่าม้าไม่อยากให้อาเตี่ยไปตรวจกับหมอสาวๆเดี๋ยวจะไปหลงหมอซะก่อนจะได้ตรวจ ฮ่าๆๆๆ” หม่าม้าคนสวยพูดอย่างอารมณ์ดีกับไอ้หมอภีมที่ยิ้มร่ากับคำพูดของท่าน
“ได้ครับ อาเตี่ยจะมาวันไหนให้ธีโทรหาผมได้เลยครับ ผมจะมาดูแลให้ด้วยตัวเองครับ” ไอ้หมอภีมรับปากหม่าม้าและเหลือบสายตามามองผมเมื่อมันอ้างถึงด้วยสายตาแพรวพราวอย่างถูกใจ ผมก็มองมันนิ่งๆอย่างหมั่นไส้แต่มันก็ไม่ได้รู้ตัวและคงยิ้มของมันต่อไป
“ฮึๆๆ ดีๆ หม่าม้าจะให้อาตี๋เล็กโทรมานะ เฮ้อออ นี่ถ้าหม่าม้ามีลูกสาวอายุพอๆกับอาภีมนะหม่าม้าจะยกให้ลื้อเลยเสียดายๆ ลูกสาวหมวยแฝดของหม่าม้าก็เด็กเกินไป ส่วนอาตี๋เล็กที่อายุกำลังดีก็เป็นผู้ชายไปซะนี่ ไม่งั้นหม่าม้ายกอาธีให้อาหมอภีมแล้ว” หม่าม้าพูดไปก็ทำหน้าเสียดายจริงจังอย่างที่พูด ดูท่าทางคงปลื้มลูกชายคนใหม่มากครับ แต่ผมที่ได้ฟังนี่สิสำลักน้ำที่กำลังดื่มทันที
“แค่กๆๆ หม่าม้า พูดอะไรน่ะ” ผมสำลักและไออยู่นานทั้งหน้าทั้งหูคงแดงไปหมดแล้วครับ ก็ฟังที่หม่าม้าพูดสิจะไม่ให้ผมตกใจจนสำลักได้ยังไง ยิ่งหน้าไอ้หมอภีมนี่ไม่ต้องพูดถึงครับ มันยิ้มกว้างอย่างถูกใจตาพราวระยับเลยทีเดียว แต่ดีหน่อยที่มันยังเป็นห่วงผมอยู่บ้างเข้ามาลูบหลังลูบไหล่ให้ พร้อมส่งกระดาษทิชชู่มาให้ซับน้ำที่เลอะเทอะ
“ฮึๆ ถึงเป็นผู้ชายผมก็เต็มใจรับนะครับ” เสียงไอ้หมอภีมมันพูดไม่ดังนัก แต่ห้องเงียบๆที่นั่งใกล้กันขนาดนี้ย่อมได้ยินกันทั่ว
ผมหันขวับไปมองไอ้คนพูดตาโตอย่างตกใจไม่อยากจะเชื่อว่าไอ้หมอภีมมันจะกล้าพูดออกมาแบบนี้ ก่อนจะหันมองตามสายตามันที่จ้องตากับหม่าม้าอยู่ครับ หม่าม้ายิ้มค้างและหุบยิ้มในเวลาต่อมาก่อนจ้องสบตากับไอ้หมอภีมนิ่งๆ ผมที่ได้มองใจเต้นโครมครามกลัวท่านโวยวายและโกรธไอ้หมอบ้ามันมากครับ แล้วมันนึกยังไงถึงพูดกับหม่าม้าของผมแบบนี้กัน อยากโวยวายอยากต่อยหน้าไอ้คนกล้าผิดเวลา แต่ไม่ใช่สิ่งที่ผมทำได้เวลานี้ เพราะผมต้องตั้งรับทุกอารมณ์ที่จะเกิดของหม่าม้า และไม่ได้รู้ตัวเลยว่าตัวเองกลั้นหายใจไว้ จนกระทั่งได้ฟังที่สิ่งหลุดมาจากปากหม่าม้าผมจึงถอนใจยาวก่อนสูดอากาศเข้าปอดอย่างแรง
“คนรับเต็มใจรับหม่าม้าก็ยกให้ ฮ่าๆๆ อาหมอภีมเข้าใจพูดเอาใจคนแก่แบบหม่าม้า ดีๆ อั๊วชอบ ฮึๆ” หม่าม้าหัวเราะอย่างอารมณ์ดีท่านคงคิดว่าไอ้หมอบ้ามันพูดเล่นแหละครับ ผมค่อยโล่งอกที่ท่านไม่โมโหไอ้คนปากพล่อยแบบมัน
หลังจากนั้นไอ้หมอภีมก็แนะนำเรื่องการดูแลตัวเองให้หม่าม้าทั้งเรื่องอาหารการกินและการออกกำลังกายที่เหมาะสมกับอายุของท่านครับ ผมก็นั่งฟังไปเงียบๆปล่อยให้คู่แม่ลูกคู่ใหม่เค้าได้คุยกันให้เต็มที่ จนกระทั่งใกล้เวลาเที่ยงเฮียธัชก็โทรมาถามผลตรวจผมก็บอกเฮียไปว่าผลตรวจปกติ เฮียก็เลยย้ำให้ผมพาหม่าม้าไปทานข้าวเที่ยงให้ตรงเวลา ผมจึงชวนหม่าม้ากลับบ้านเพราะเชื่อว่าอาเตี่ยต้องรอทานข้าวอยู่ที่บ้านแน่ๆครับ ขากลับจากห้องพักไปที่หน้าโรงพยาบาลก็ได้คนเข็นรถกิตติมศักดิ์คนเดิมช่วยเข็นรถให้หม่าม้ามาถึงหน้าตึก ผมที่โทรตามคนขับรถไม่ได้ก็ไม่รู้ว่าไม่มีคลื่นหรือแบตหมดจึงต้องเป็นคนเดินมาตามเอง ตอนแรกไอ้หมอภีมจะให้คนไปตามให้แต่ผมกลัวว่ามันจะยุ่งยากกลัวจะเลยเวลาอาหารเที่ยงของหม่าม้า จึงปฏิเสธและออกมาตามเองเมื่อเจอคนขับถึงได้รู้ว่าแบตโทรศัพท์หมด ผมไม่อยากเอาความเพราะน้าปานคงไม่ได้ตั้งใจครับ เลยรีบขึ้นรถและให้แกขับมารับหม่าม้าที่นั่งรถเข็นรอกับไอ้หมอที่หน้าตึก ภาพที่ผมเห็นหม่าม้าหน้านิ่งโดยมีไอ้หมอภีมก้มคุยด้วยโดยที่ผมไม่สามารถมองเห็นหน้ามันได้ ไม่รู้ว่าแม่ลูกเค้าทะเลาะอะไรกันครับผมก็ได้แต่หวังว่ามันคงไม่มีอะไรรุนแรง แค่ผมเดินมาตามคนขับรถแค่นี้เองไม่น่าจะเกิดเรื่องอะไรได้นี่หน่า แต่เมื่อผมเปิดประตูรถลงไปรับตัวหม่าม้าทั้งคู่กลับมายิ้มแย้มกันเหมือนเดิมแล้ว นี่ผมตาฝาดไปเหรอครับเนี่ย 'ผมล่ะงงจริงๆเชียว'
..................................................................
โปรดติดตามตอนต่อไปค่ะ >O<
เฮียภีมช่างเป็นว่าที่ลูกเขยที่ดีของหม่าม้าจริงๆ เร่งทำคะแนนใหญ่เชียว
ชักจะยังไงซะแล้วซิ หม่าม้าจะจับได้รึเปล่าน้อที่เฮียภีมพูดทีเล่นทีจริงแบบนั้น
อยากรู้ต้องติดตามตอนหน้าค่ะ
ปล.+1ให้ทุกเม้นท์แล้วค่ะ เจอธีภีมวันพุธนะคะ
