ตอนที่ 22ผมนั่งรถกลับบ้านมากับหม่าม้าคนสวยระหว่างทางท่านชวนผมคุยแต่เรื่องไอ้หมอภีมครับ เหมือนว่าท่านจะถูกใจเพื่อนสนิทของลูกชายคนนี้มากจริงๆ ผมก็ตอบท่านไปแค่ที่รู้แหละครับเพิ่งเจอกันย่อมไม่ได้รู้อะไรมาก แต่มีหนึ่งคำถามที่สะกิดใจผมยังไงไม่รู้ครับ
“อาหมอภีมนี่ท่าทางเป็นคนดีและดูดีหน่า หม่าม้าชอบอี แล้วอาตี๋เล็กล่ะชอบอาหมอภีมบ้างมั้ย” หม่าม้ามองสบตาผมด้วยรอยยิ้มหวานและนิ่งรอคำตอบ
ผมมองตาท่านอย่างค้นหาว่ามีอะไรพิเศษซ่อนอยู่ในคำถามรึเปล่า แต่แววตาวาวหวานก็ไม่มีอะไรผิดปกติจึงแอบโล่งใจที่ท่านไม่ได้ระแคะระคายกับท่าทางของผมสองคนในวันนี้ ต่อไปผมต้องระวังตัวเองมากกว่านี้ครับกลัวท่านรู้และจะเสียใจได้
“อืม ครับ เฮียก็ดูเป็นคนดีผมไม่มีอะไรให้ต้องไม่ชอบเฮียนี่หน่า” ผมพยายามเลี่ยงคำตอบและมันก็ออกมาได้เท่านี้ และหม่าม้าก็กวาดตามองหน้าผมยิ้มๆพักหนึ่ง ก็หันหน้ากลับไปมองทางข้างหน้าแทนก่อนจะหัวเราะน้อยๆออกมา
ผมแอบสงสัยนะครับเนี่ยว่าหม่าม้าคิดอะไรอยู่ชักไม่แน่ใจแล้วว่าหม่าม้าจะไม่รู้เรื่อง ผมคงต้องรอไอ้หมอภีมมันโทรมาครับอยากรู้จริงๆว่ามันคุยอะไรกับท่านจะเป็นเรื่องของผมด้วยรึเปล่านะ จึงพยายามชวนท่านคุยเรื่องอื่นให้พ้นตัวไปครับ จนรถมาจอดหน้าบ้านใหญ่เราสองคนก็ลงจากรถและเข้าไปกินข้าวกลางวันกับอาเตี่ยที่รอหม่าม้าอยู่ ระหว่างที่เราสามคนนั่งกินข้าวอาเตี่ยก็ถามถึงผลตรวจสุขภาพของหม่าม้า ผมก็ว่าปกติทุกอย่างส่วนหม่าม้าก็คุยฟุ้งถึงไอ้หมอภีมว่าตรวจดีอย่างนั้นอย่างนี้ ผมก็ได้แต่แอบเบ้ปากอย่างหมั่นไส้ไอ้คนที่ตัวไม่อยู่แต่ยังมีคนชม และจบด้วยการที่หม่าม้าบอกว่าได้ชวนหมอภีมมันมากินข้าววันครอบครัวของเราให้อาเตี่ยรู้ และอาเตี่ยก็ไม่ได้ว่าอะไรยังบอกว่าก็ดีเพราะไม่ได้เจอไอ้หมอภีมมานานแล้ว เมื่อกินข้าวเสร็จผมก็ยังนั่งคุยกับท่านทั้งสองสักครู่ก่อนขอตัวกลับเพราะได้เวลาอาเตี่ยงีบช่วงบ่าย แต่ก่อนที่ผมจะเดินผ่านประตูห้องไป หม่าม้าก็เข้ามาสวมกอดผมไว้แน่นผมจึงสวมกอดท่านกลับแน่นพอกัน
“หม่าม้ารักอาตี๋เล็กนะ มีอะไรปรึกษาหม่าม้าได้ทุกเรื่องรู้มั้ย” ผมได้ยินสิ่งที่หม่าม้าพูดก็ภูมิใจและอบอุ่นใจมากครับ ท่านมักแสดงออกถึงความรักกับลูกทุกคนทั้งคำพูดและการกระทำเสมอ ผมก้มหอมแก้มนิ่มของหม่าม้าฟอดใหญ่ก่อนจะโยกตัวท่านไปมา
“ผมก็รักหม่าม้ามากนะครับ รักที่สุดมากกว่าผู้หญิงทุกคนเลยด้วย” เมื่อท่านได้ฟังก็หัวเราะใหญ่ และก็ปล่อยตัวผมกลับบ้าน
ผมเดินยิ้มร่าอย่างมีความสุขทั้งภูมิใจและดีใจที่เกิดมาเป็นลูกอาเตี่ยและหม่าม้าครับ เมื่อมาถึงบ้านผมก็ตรงไปที่ห้องนอนล้างหน้าล้างตาแล้วก็ล้วงโทรศัพท์กดดูหวังว่าจะมีสายเข้าจากคนที่รอแต่ก็เปล่าเลยครับ นี่มันก็บ่ายกว่าแล้วทำไมไอ้หมอภีมถึงยังไม่โทรมาอีกคิดเล่นตัวเพราะรู้ว่าผมอยากรู้นักใช่มั้ย ผมไม่โทรหามันก่อนหรอกเรื่องอะไรล่ะครับ ถึงผมจะอยากรู้แค่ไหนก็ขอเล่นตัวนิดหนึ่ง ส่วนเบอร์ที่ผมกำลังกดโทรออกเป็นเบอร์ของเพื่อนสนิทคู่ซี้ของผมเอง ไม่รู้ว่าเมื่อคืนมนจะโกรธผมมั้ยที่ผมดันทิ้งมนไว้ที่ผับนั่นคนเดียว เมื่อคืนก็มัวแต่ยุ่งวุ่นวายกับไอ้หมอจอมหื่นเลยลืมเพื่อนสนิทไปเลย
“มนจ๋าเป็นยังไงบ้าง ว่างคุยกับธีมั้ยจ๊ะ” เมื่อเพื่อนกดรับสายผมก็ส่งเสียงอ้อนให้ทันที
“ฮึๆ มึงไม่โทรมาพรุ่งนี้เลยล่ะ มีอะไรว่ามา” มนหัวเราะออกมานิดๆ นี่แสดงว่าไม่ได้โกรธผมอยู่ค่อยใจชื้นกล้าคุยต่อหน่อยครับ
“ธีขอโทษครับที่ปล่อยมนไว้คนเดียวแบบนั้น จะโทษต้องโทษไอ้หมอภีมมันนู่น” ผมโยนความผิดให้คนที่มันไปลากตัวผมออกมาทันทีก็ผมไม่ผิดจริงๆนี่หน่า
“ก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่ แล้วเป็นไงเคลียร์กันจนเพลียมากเลยซิถึงเพิ่งโทรมาได้ ฮึๆ” ถ้าเป็นคนอื่นผมได้ด่าไปแล้วครับ แต่นี่น่ะสาวมนคนสวยเพื่อนคนสนิทของผมเอง จึงทำได้แค่เรียกชื่อเธอเท่านั้นไม่กล้าไปกว่านี้หรอกครับ
“มน!! เฮ้อออ ธีมีเรื่องปรึกษามนว่างรึเปล่ามีเวลาคุยด้วยมั้ยครับ” ผมที่ไม่รู้จะปฏิเสธยังไงเพราะน้ำท่วมปาก ด้วยรู้ว่ามนและเพื่อนสนิทในกลุ่มมันรู้เรื่องผมกับไอ้หมอภีมแล้วครับแต่ยังไม่มีใครรู้ในรายละเอียดก็เท่านั้น
เรื่องของผมกับไอ้หมอภีมมันชักยุ่งเหยิงมากขึ้นจนผมอยากได้คำปรึกษาจากใครสักคน และคนที่ผมเลือกก็คือคู่ซี้ของผมคนนี้ครับ เมื่อมนได้ยินคำขอของผมเธอจึงขอเวลาผมสักครู่ให้ผมวางสายไปก่อนเพื่อเคลียร์งานอีกนิดหน่อยและโทรกลับมา
“มีอะไรว่ามาให้หมดธี จำไว้ว่ากูเป็นเพื่อนสนิทของมึงและจะช่วยเต็มกำลัง” สาวมนพูดขึ้นทันทีที่ผมกดรับสายที่เธอโทรเข้ามา และประโยคที่มนเอ่ยก็ทำให้ผมดีใจที่มีเพื่อนแท้คนนี้อยู่เคียงข้างครับ
ผมตัดสินใจที่จะเล่าเรื่องราวของผมกับไอ้หมอภีมทั้งหมด ตั้งแต่ครั้งแรกที่ผมเจอกับมันที่ผับจนถึงเหตุการณ์คืนนั้นที่ผมเมาไวน์และตกเป็นเมียมัน แต่ผมเว้นในรายละเอียดไว้ครับเพราะมันไม่จำเป็นต้องรู้ รวมทั้งเรื่องสำคัญที่สุดคือเรื่องที่ผมความจำเสื่อมช่วงมัธยมปลายที่ความจำผมหายไปสี่เดือน และผมก็จำไอ้หมอภีมไม่ได้ว่าเราเคยเจอกันมาก่อนไม่ลืมที่จะเล่าวีรกรรมที่ผมไปช่วยมันไว้ตอนมันโดนเพื่อนสนิทปฏิเสธรักที่ได้ฟังมาจากเฮียธัชด้วย
“สรุปคือมึงจำพี่หมอภีมไม่ได้เมื่อมาเจอกันอีกครั้งแต่ดันไปมีอะไรด้วยเพราะเมา และไอ้ความจำช่วงสี่เดือนที่หายไปกูว่ามันต้องมีพี่หมอเป็นกุญแจสำคัญที่จะช่วยไขความกระจ่างว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เท่าที่มึงเล่ามาแม้มึงได้ฟังเรื่องราวต่างๆที่หายไปมึงก็กลับยังจำไม่ได้ว่าเคยผ่านเหตุการณ์พวกนั้นมา กูว่าสมองมึงรอกุญแจดอกสำคัญอยู่ว่ะ ถ้าได้มาไขทุกอย่างที่มึงลืมมันคงพรั่งพรูออกมา” ผมเห็นด้วยกับสิ่งที่มนวิเคราะห์เรื่องของผมครับ และผมก็นึกขึ้นได้ว่าลืมเล่าอีกเรื่องไป
“มน ธีเคยฝันถึงเหตุการณ์หนึ่งสมัยมอปลายเป็นตอนที่ธีมีเรื่องทะเลาะกับนักเรียนด้วยกันและมีคนเข้ามาช่วย ในฝันมันเหมือนจริงมากและธีพยายามจะมองหน้าคนที่มาช่วย แต่มันก็มองไม่เห็นอยู่ๆภาพใบหน้านั้นมันก็เบลอ และธีก็ตื่นซะก่อน” ผมเล่าความฝันเมื่อเช้าให้มนฟังด้วย เพราะผมเชื่อว่าความฝันครั้งนี้เป็นเหตุการณ์หนึ่งที่ผมลืมไป
“อืม เรื่องที่มึงคิดน่าจะเป็นไปได้นะ เสียดายที่ไม่เห็นใบหน้าไอ้คนที่มาช่วย แล้วมันเกี่ยวกับเรื่องพี่หมอภีมยังไงวะ” ผมล่ะไม่อยากตอบคำถามนี้เลยครับ แต่ก็ต้องตอบเพราะไหนๆก็ตัดสินใจปรึกษาเพื่อนแล้วทั้งที
“ก็....รอยยิ้มของคนในฝันน่ะมันเหมือนกับไอ้หมอภีมเลย” ผมตอบมนด้วยเสียงแผ่วเบาก็คนมันอายนี่ครับ เหมือนว่าผมเพ้อถึงรอยยิ้มผู้ชายถึกๆแบบไอ้หมอจนเก็บเอามาฝันยังไงยังงั้นเลย แต่ผมคงอายเก้อเพราะปลายสายเงียบไปเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่
“หรือว่าคนในฝันมึงจะเป็นพี่หมอภีมวะ ถ้าเป็นเหตุการณ์จริงนั่นหมายความว่ามึงคงประทับใจผู้ชายที่มาช่วยมึงคนที่มีรอยยิ้มเหมือนพี่หมอภีมเข้าว่ะ” ผมคิดตามสิ่งที่มนพูดและความคิดมนก็ดูเข้าท่าเพราะผมมักแพ้รอยยิ้มกว้างสดใสของไอ้หมอภีมมันเสมอเลยครับ นี่แสดงว่ารอยยิ้มนี่มันฝังใจผมมานานทั้งๆที่ผมลืมเจ้าของมันไปใช่มั้ยครับ
“อืม แต่มึงก็อย่าเพิ่งปักใจว่าคนนั้นคือพี่หมอเพราะความจริงอาจจะมีเจ้าของรอยยิ้มที่แท้จริงอยู่ก็ได้ อ้าววว ทีนี้ถ้าคนนั้นมีตัวตนจริงๆและมึงไปเจอจนความจำกลับมาได้แล้ว มึงไม่เสียตัวฟรีเหรอวะและมึงจะเลือกใครระหว่างพี่หมอภีมกับเจ้าของรอยยิ้มตัวจริง” สิ่งที่มนพูดมาทำเอาผมเริ่มเครียดคิดวกไปวนมากับประโยคสุดท้ายของเพื่อนว่าผมจะเลือกใคร
หมายความว่ายังไงสุดท้ายชีวิตผมก็ต้องคู่กับผู้ชายใช่มั้ยครับ เพราะทั้งไอ้หมอภีมและไอ้เจ้าของรอยยิ้มปริศนานั่นเป็นผู้ชายทั้งคู่ แต่แค่คิดว่าจะต้องคบหรือคุยกับผู้ชายคนอื่นแบบแฟนนอกจากไอ้หมอภีมแล้วก็ทำผมขนลุกชันไปทั้งตัวแล้ว แต่ลึกๆยอมรับกับตัวเองเลยว่าอยากให้เจ้าของรอยยิ้มที่ผมประทับใจในฝันเป็นคนเดียวกับไอ้หมอภีม เพราะผมแพ้รอยยิ้มมันตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้เห็นแล้ว
“ธี ธี มึงอย่าเพิ่งคิดอะไรมากไปกว่านี้เลย กูว่าอดีตมันไม่สำคัญเท่าปัจจุบันหรอกว่ะ ทำสิ่งที่ใจมึงต้องการและมีความสุขเท่านั้น ถึงแม้ต่อไปเวลาจะทำให้มึงจำได้และพัดพาคนในอดีตให้กลับมาเจอกัน ก็ขอแค่ตอนนั้นที่เป็นปัจจุบันของมึงให้มึงตัดสินใจเลือกในสิ่งที่ทำให้ตัวเองมีความสุขเป็นพอ ยังไงตอนนั้นมึงก็จะยังมีกูเป็นเพื่อน” ถ้าเราอยู่ด้วยกันตอนนี้ผมคงคว้าตัวสาวเท่ของผมมากอดแน่ๆครับ คนอะไรยังเท่ไปได้ถึงความคิด
“ขอบใจมนมากที่ช่วยเป็นที่ปรึกษาให้ธี ขอบใจจริงๆครับ” ผมเอ่ยขอบใจเพื่อนสนิทอย่างจริงจัง จนได้ยินเสียงหัวเราะแผ่วมาตามสาย นานๆถึงจะมีฉากซาบซึ้งระหว่างกัน เพราะส่วนใหญ่มีแต่โวยวายใส่กันไปตามเรื่อง และมนก็เป็นผู้หญิงเพียงคนเดียวที่ผมยอมทุกอย่างนอกจากหม่าม้าของผม
“ฮึๆ กูยินดีมากสำหรับมึง อืม แต่ช่วงนี้ก็อย่าหักโหมมากนักอย่าไปกวนโมโหพี่หมอเค้ามาก เดี๋ยวเจอเค้าจัดหนักให้ก็อย่ามาบ่นล่ะ ฮ่าๆๆ” จากอารมณ์ซึ้งเริ่มเปลี่ยนเป็นกรุ่นๆเพราะคำหยอกของมนนี่แหละครับ แต่ผมที่ยังไม่ได้ตอบโต้ก็โดนมนปิดเครื่องใส่ซะก่อน ผมได้แต่จ้องหน้าจอโทรศัพท์และส่ายหัวให้กับคู่ซี้ ก็บอกแล้วว่าผมยอมสาวเท่คนนี้คนเดียวครับ
ผมนอนลงกับเตียงตาเริ่มปรือคงเพราะยุ่งวุ่นวายมาตั้งแต่เมื่อคืนจนตลอดช่วงเช้าทำให้รู้สึกเพลียนิดหน่อย แต่กำลังจะเคลิ้มหลับก็มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น มือผมคว้ามาและกดรับทั้งๆที่ตายังปิดอยู่
“ครับ” เอ่ยปากตอบรับคนปลายทางที่โทรเข้ามา
“ธีครับพี่เองนะ เสียงงัวเงียเชียวหลับก่อนก็ได้เดี๋ยวพี่โทรมาใหม่” เสียงนุ่มคุ้นหูที่ได้ยินทำเอาผมที่กำลังเคลิ้มเริ่มหงุดหงิด
ขึ้นมา รออยู่ตั้งนานไม่โทรไอ้หมอบ้าดันโทรมาตอนคนกำลังจะหลับได้ ‘มันน่ารัก เอ๊ย! น่านักเชียว’
“ไม่ต้องเลยเฮีย ผมตื่นแล้ว หึ้ย! รอตั้งนานไม่โทรมาดันโทรมาตอนจะหลับ” อารมณ์หงุดหงิดทำเอาผมเผลอต่อว่าและหลุดปากเรื่องที่ไม่น่าหลุดออกไป
“ฮึๆ ธีรอพี่เหรอครับ หืม ดีใจนะเนี่ย” นั่นไงครับมาแล้วไอ้คนเข้าข้างตัวเอง ผมได้ฟังก็ได้แต่ฮึดฮัดทำอะไรไม่ได้ก็เผลอหลุดปากไปเองนี่ครับ
“พี่ขอโทษครับที่ให้รอ วันนี้คุณพ่อคุณแม่ของพี่เรียกพบเราเลยไปทานข้าวด้วยกัน กว่าจะเสร็จกลับมาที่ตึกก็มีเคสด่วนพี่เลยต้องจัดการก่อนถึงโทรหาเราได้ อย่า ‘งอน’ พี่นะครับคนดี ฮึๆ” เหตุผลที่มันว่ามาก็สมเหตุสมผลดีครับที่จะทำให้ผมหงุดหงิดน้อยลง แต่ไอ้ที่มันว่าผม ‘งอน’ เนี่ยเอาส่วนไหนมาคิดครับ ใครงอนผมนี่นะงอนมันบ้าไปแล้ว
“เฮีย!! แม่งมั่วว่ะ ใครงอนผมเนี่ยนะงอน” ถ้าอยู่ใกล้ผมคงบีบคอไอ้หมอภีมมันไปแล้วครับ ว่าผมงอนได้ไงผมยอมโดนว่าๆบ้าดีกว่าครับ มันดูผมสาวแตกไปมั้ยเนี่ย โมโหมันจริงๆเลย
“ฮึๆ พี่ไม่ว่าแล้วครับ ธียังอยากรู้อยู่มั้ยว่าพี่คุยอะไรกับหม่าม้า” ไอ้หมอภีมมันหัวเราะอย่างชอบใจที่สามารถกวนผมได้ ใครที่คิดว่ามันเป็นคนเคร่งขรึมดูเป็นผู้ใหญ่เลิกคิดได้เลยครับ อยู่กับผมทีไรเป็นผู้ใหญ่แกล้งเด็กตลอดเหอะ แต่มันก็สามารถเปลี่ยนเรื่องได้เร็วและเป็นเรื่องที่ผมอยากรู้ ผมจึงหยุดโมโหมันชั่วคราวหันมาสนใจเรื่องที่มันหลอกล่อแทน
“อยากรู้สิให้ว่องเลยเฮีย เล่ามา” ผมเร่งมันทันทีและตอนนี้ผมก็ลุกขึ้นมานั่งบนเตียงเพราะความอยากรู้แล้วครับ
“ฮึๆ ตามบัญชาครับที่รัก” แก้มผมร้อนผ่าวกับประโยคหยอกล้อของคนปลายสาย นี่ดีนะไม่ได้อยู่ต่อหน้ากันไม่อย่างนั้นผมต้องโดนมันล้อแน่ๆ
“เร็วเลยเฮีย พูดเล่นอยู่ได้!!” ผมตะโกนก้องใส่โทรศัพท์ให้มันคิดว่าผมเริ่มหงุดหงิดที่มันมัวแต่โยกโย้พูดเล่นอยู่ได้ ทั้งๆที่ความจริงหน้าแดงเห่อแบบที่ไม่เคยเป็นเพราะแค่ได้ยินว่ามันเรียกว่า ‘ที่รัก’
“พี่ไม่ได้พูดเล่นพี่พูดเรื่องจริง” เสียงพูดที่มั่นคงไม่มีแม้แต่แววล้อเล่นเหมือนเมื่อครู่ ทำเอาผมต้องเงียบไปและฟังแต่เสียงหัวใจที่เต้นแรงของตัวเอง ไอ้หมอภีมมันก็เงียบเหมือนรอว่าผมจะพูดอะไรต่อ
“อือ แล้ว.....เฮียกับหม่าม้าคุยอะไรกันล่ะ” ผมรับคำมันแผ่วเบาก่อนรีบถามถึงสิ่งที่ผมอยากรู้ แอบได้ยินแว่วๆว่ามันหัวเราะออกมาแต่ทำเป็นไม่สนใจ
“หม่าม้ารู้ว่าพี่ชอบธี เลยอยากรู้ว่าพี่จริงใจกับอาตี๋เล็กของท่านแค่ไหน” ผมที่ได้ฟังตกใจและใจหายวาบ นึกถึงหน้าหม่าม้าขึ้นมาทันที ใจสั่นไปหมดเลยครับและความกลัวก็ครอบงำผมจนไม่รู้ว่าอีกคนปลายสายส่งเสียงเรียกผมมานานแค่ไหน
“ธีๆ ธีครับ หม่าม้าท่านเข้าใจเราท่านไม่ได้ว่าถ้าพี่กับธีจะคบกัน ธีคิดไปถึงไหนแล้วเนี่ย ธี ฟังพี่อยู่รึเปล่าครับ” ผมพยายามรวบรวมสติและเรียบเรียงความคิดตัวเองให้เข้าที่
สิ่งที่ไอ้หมอภีมมันพูดร่วมกับคำพูดของหม่าม้าก่อนที่ผมจะกลับเข้าบ้านทำให้ผมเริ่มสงบใจได้ และรับรู้ได้ถึงความรักที่หม่าม้ามีให้ผม และรับรู้ได้ว่าท่านนั้นรักผมแบบไม่มีเงื่อนไขจริงๆ แต่ผมก็นึกโมโหไอ้หมอบ้าที่ชอบทำอะไรประเจิดประเจ้อจนทำให้หม่าม้าจับได้ขึ้นมาไม่ได้ครับ
“เพราะเฮียเลยทำอะไรไม่เคยระวัง นี่ถ้าหม่าม้าผมรับไม่ได้เรื่องเราขึ้นมาจะว่ายังไง ไอ้เฮียบ้าเอ๊ย!! ผมอยากจะชกหน้าเฮียจริงๆว่ะ แม่งเอ๊ย!!” ผมระเบิดอารมณ์ใส่ปลายสายทันทีเพราะถ้ากลับกันหม่าม้าเกิดรับไม่ได้จะเกิดอะไรขึ้น ท่านจะไม่ช็อกหมดสติไปเลยเหรอครับ เสียงไอ้หมอภีมมันเงียบไปผมก็ได้ใจต่อว่ามันอีกหลายคำ แต่อยู่ๆมันก็หัวเราะขึ้นมาทำให้ผมที่กำลังโมโหเปลี่ยนเป็นสงสัยแทน
“อะไร เฮียหัวเราะอะไรโดนด่าจนเป็นบ้าไปแล้วเหรอ” ความพาลของผมยังมีอยู่เลยกรอกใส่หูมันซะเลย นี่ถ้าอารมณ์ปกติผมคงโดนมันดุมาแล้วครับ ผมต่อว่ามันไปไอ้หมอภีมก็ยังหัวเราะอารมณ์ดีอยู่ได้
“ฮ่าๆ ฮึๆ พี่คงเป็นบ้าไปแล้วอย่างที่ธีว่า เพราะดีใจเกินเหตุที่ได้ยินคำว่า ‘เรา’ จากธี” เสียงหัวเราะหยุดลงเปลี่ยนเป็นอ่อนหวานปนหยอกล้อ ทำเอาผมต้องคิดตามสิ่งที่มันพูดว่าผมหลุดปากคำว่า ‘เรา’ ที่มันพูดมาจริงมั้ย
“เป็น ‘เรา’ แบบนี้ต่อไปได้มั้ยครับธี” เสียงอ้อนมาตามสาย ส่วนผมนั้นยังอึ้งอยู่จึงไม่ได้ตอบคำขอของมันไป นี่ผมหลุดออกไปจริงๆเหรอครับ ‘เอาละโว้ยๆ ทำไงดีว้า’ แต่อย่าให้มันได้ใจไปกว่านี้ผมพยายามควบคุมเสียงไม่ให้สั่นตอบกลับไป
“ขึ้นอยู่กับเฮียนั่นแหละว่าจะมี ‘เรา’ ได้มั้ย แค่นี้นะผมง่วงแล้ว” ผมกดตัดสายทันทีที่พูดจบและล้มตัวนอนลงกับเตียงยกมือขึ้นปิดหน้า
“โอ้ยยย กูพูดอะไรออกไปวะเนี่ย” ผมตะโกนก้องห้องนอนทั้งๆที่มีฝ่ามือปิดหน้าอยู่ และกลิ้งไปกลิ้งมาอยู่บนเตียง
ผมอยากเรียกคำพูดที่พูดออกไปกลับมาจังเลยครับแต่มันไม่สามารถทำได้ แม้จะตัดสินใจก่อนพูดแล้วก็เถอะ ถ้าเจอหน้ากันผมจะทำหน้ายังไงดีครับ ช่วยบอกผมที!!
................................................
โปรดติดตามตอนต่อไปค่ะ >O<
ตอนนี้ตี๋น้อยเปิดโอกาสให้เฮียเองชัดๆ มีรึที่เฮียจะไม่คว้าไว้
และดูท่าจะดีใจมากไปหน่อย จนตี๋น้อยเกือบเรียกคืนดีที่คำพูด
ของสาวมนช่วยไว้ งานนี้เฮียเลยได้ประโยชน์ไปเต็มๆ
เอาล่ะสิเมื่อมีคำว่า “เรา” ใช้ร่วมกันแล้วจะเกิดอะไรขึ้นบ้างน้า
คนหนึ่งเปิดโอกาสให้ตัวเองส่วนอีกคนพยายามสร้างโอกาส
ให้ตัวเองมาตลอด แต่ดั้นมีอุปสรรค ไอ้อุปสรรคที่ว่าคืออะไร
ต้องติดตามต่อเนอะ ส่วนตอนหน้าเมื่อเฮียเข้าบ้านตี๋น้อย
ตามคำเชิญของหม่าม้าจะเป็นยังไงตามต่อวันอาทิตย์ค่ะ^^
ปล.+1ให้ทุกเม้นท์แล้วค่ะ ขอบคุณทุกการติดตามนะคะ
ปล.2 แจ้งแฟนคลับแม็คนัทค่ะ พรุ่งนี้ขอนัดให้ทุกคนเข้ามารวมตัวกัน
เพื่ออ่านตอนต่อไป งานนี้เมื่อขิงออกโรงน้องนัทจะมีวิธีกำจัดศัตรูหัวใจยังไง
ฝากติดตามกันด้วยนะคะ ส่วนใครที่สนใจและยังไม่รู้จักน้องๆลองเข้าไป
เยี่ยมๆมองๆก่อนก็ได้น้า
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=29669.0 
และ

ค่ะ