ตอนที่ 23ภีม“พี่จะถึงแล้วครับ โทรมาเป็นห่วงพี่เหรอ ฮึๆ”
ผมกรอกเสียงใส่โทรศัพท์ทันทีเมื่อกดรับสายจากคนที่ผมกำลังคิดถึงอยู่ แต่ขอแอบแหย่ให้อาตี๋เล็กของบ้านที่ผมกำลังไปทานข้าวเย็นด้วยให้โมโหนิดหนึ่งครับ และได้ผลอาตี๋ธีโวยวายมาตามสายใหญ่เลยว่าไม่ได้คิดถึงแต่ที่โทรมาก็แค่หน้าที่เพราะหม่าม้าให้โทรมาถามว่าผมขับรถมาถึงไหนแล้ว ก่อนที่จะกดตัดสายทันทีแต่ผมไม่ได้นึกโกรธธีหรอกครับออกจะเอ็นดูซะด้วยซ้ำเพราะรู้ว่าตี๋น้อยมันอายก็แค่โวยวายกลบเกลื่อนเท่านั้น
ชีวิตของผมช่วงนี้มีความสุขมากกว่าเดิมมากครับ ผมยิ้มได้มากขึ้น หัวเราะได้กว้างกว่าเดิม ชีวิตประจำวันที่เคยทำที่ดูน่าเบื่อก็ดูแปลกใหม่และสนุกกว่าเก่า เพราะคำว่า ‘เรา’ ที่ผมกับธีได้ใช้ร่วมกัน ในเมื่ออาตี๋ของผมเลือกที่จะให้โอกาสผมได้ใช้คำนี้ร่วมกันแล้ว ผมก็จะรักษามันไว้ทุกวิถีทางเพื่อให้มี ‘เรา’ ตลอดไป
ผมขับรถมาถึงอาณาเขตของบ้านเจ้าสัวแห่งตระกูลธนอรรถย์แล้วครับ ภายในนี้มีบ้านสามหลังปลูกอยู่ในบริเวณเดียวกันโดยหลังแรกสุดเป็นหลังที่ใหญ่ที่สุดผู้ที่อยู่อาศัยก็คือเตี่ยกับหม่าม้าและน้องสาวฝาแฝดของตี๋น้อยของผม หลังถัดไปเล็กกว่าหลังแรกนิดหน่อยเป็นของครอบครัวเฮียธนิต และหลังสุดท้ายเป็นของไอ้ธัชและธีครับ ผมจอดรถหน้าบ้านหลังใหญ่และยื่นกุญแจให้คนขับรถที่รอรับรถเพื่อไปจอดอีกที่ หันมาอีกทีก็เจอหมวยน้อยน่ารักหน้าตาเหมือนกันเป๊ะยืนส่งยิ้มหวานมาให้ก่อนทั้งคู่จะยกมือขึ้นไหว้ผม
“สวัสดีค่ะพี่หมอภีม” สองเสียงใสประสานมาพร้อมกัน ผมก็รับไหว้และเดินขึ้นบันไดไปหาทั้งคู่
“สวัสดีครับ คนไหนหมวยใหญ่หมวยเล็กครับเนี่ย น่ารักทั้งคู่เลย” ผมมองหน้าสาวน้อยสลับไปมาด้วยรอยยิ้ม และดูเหมือนคำพูดของผมจะถูกใจสองหมวยมากเพราะทั้งคู่ยิ้มกว้างตายิบหยีเผยลักยิ้มข้างแก้มอย่างน่ารักส่งมาให้ผมทันที ก่อนจะใช้นิ้วชี้จิ้มอกตัวเองแนะนำว่าใครเป็นใคร
ผมยกมือลูบหัวทั้งคู่อย่างเอ็นดูและเชื่อแล้วว่าบ้านนี้เค้ารับยีนเด่นยีนแห่งความน่ารักมาจากหม่าม้าคนสวยกันเต็มๆ ผมแพ้ทางความน่ารักตั้งแต่คนพี่แล้วครับ ยิ่งมาเจอฝาแฝดด้วยแล้วยิ่งนึกเอ็นดูคูณสองและให้ความรู้สึกว่าทั้งคู่เป็นน้องสาวแท้ๆเลยทีเดียว ใจผมกระหวัดคิดถึงตี๋น้อยขึ้นมาเลยชะเง้อมองหาแบบไม่รู้ตัว ไม่รู้ว่าธีไปอยู่ไหนทั้งๆที่เมื่อครู่ยังโทรตามตัวผมอยู่เลยครับ
“พี่หมอคะมองหาใครเอ่ย ใช่เฮียธัชรึเปล่า ทุกคนรอพี่อยู่ข้างในค่ะ เข้าไปกันเถอะค่ะ” หมวยใหญ่ที่รวบผมเป็นหางม้าเกาะแขนผมยิ้มนิดๆเจื้อยแจ้วชักชวนให้เข้าบ้าน ‘แต่หมวยใหญ่เข้าใจพี่ผิดครับ พี่มองหาเฮียธีของหมวยใหญ่ต่างหากไม่ใช่ไอ้ธัชมันหรอกครับ’
“เนี่ยหนูสองคนโดนเฮียธีใช้ให้ออกมารับพี่หมอทั้งๆที่หม่าม้าให้เฮียออกมารับแท้ๆ แต่ไม่เป็นไรพี่หมอเท่ขนาดนี้หนูยอมออกมารับเอง ฮิๆๆ” หมวยเล็กที่ปล่อยผมสยายดูจะช่างพูดกว่าหมวยใหญ่และดูทะเล้นจนน่าหยิกแก้มใสๆตรงหน้า แฝดคนน้องพูดพร้อมหัวเราะจึงเรียกเสียงหัวเราะจากผมตามได้ไม่ยาก เด็กอะไรช่างพูดซะจริงเหมาะแล้วที่เป็นน้องเมียของผม
“หัวเราะอะไรกันร่วนเชียวอาหมวย เพื่อนเฮียมันตลกขนาดนั้นเลยเหรอ ไงไอ้ภีม” เสียงห้าวอารมณ์ดีของไอ้ธัชดังขึ้น เมื่อเราสามคนเข้ามาถึงตัวห้องรับแขก
ผมก็ยิ้มทักมันไปครับก่อนจะหันไปทางผู้ใหญ่ทั้งคู่และยกมือทำความเคารพว่าที่พ่อตาแม่ยายในอนาคตของตัวเอง และหันไปทางเฮียธนิตและอาซ้อเมียของเฮียเพื่อยกมือไหว้ ตั้งแต่ผมเข้ามาคนที่ผมคิดถึงก็ยังนั่งเงียบทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ถึงการมาของผม จนหม่าม้าที่นั่งข้างๆต้องสะกิดเตือนนั่นแหละตี๋แสบถึงเงยหน้ามามองและยกมือไหว้แบบแกนๆ ก่อนจะสนใจมือถือในมือตัวเองต่อ
‘นี่จะทำเมินไม่สนใจกันใช่มั้ยอาตี๋เดี๋ยวเถอะได้อยู่ด้วยกันสองคนเมื่อไหร่จะทำให้เมินไม่ออกเลย’ ผมหมายมั่นตั้งใจไว้อย่างนั้นและจะทำอย่างที่คิดเมื่อมีโอกาส อยากจะดัดนิสัยตี๋แสบให้ไม่คิดจะดื้ออีกเลย ‘เมินสามีตัวเองได้ยังไงกัน’
“อาหมอภีมไม่เจอกันนานสบายดีนะ หม่าม้าชมลื้อให้อั๊วฟังใหญ่ว่าอาหมอภีมตรวจร่างกายให้อีดีมาก” เมื่อผมนั่งโซฟาข้างไอ้ธัชเรียบร้อยแล้วอาเตี่ยก็ชวนคุย
ผมนึกขอบคุณว่าที่แม่ยายที่ดูเหมือนว่าท่านจะเอ็นดูผมมากถึงขนาดปูทางไว้ให้ผมกับอาเตี่ยเรียบร้อยแล้ว ผมจึงหันไปส่งยิ้มขอบคุณหม่าม้าก่อนตอบคำถามอาเตี่ย หลังจากนั้นทุกคนในบ้านต่างชวนผมคุยซึ่งผมก็ยินดีตอบทุกคำถามเพราะตั้งใจไว้แล้วว่าซักวันก็ต้องมาเป็นเขยบ้านนี้ให้ได้ การสร้างสัมพันธ์ที่ดีย่อมเป็นสิ่งดีแก่ตัวเองครับ แต่มีเพียงคนเดียวที่นั่งเงียบผิดวิสัยผมก็คอยชำเลืองดูว่าอาตี๋ธีเป็นอะไรถึงวุ่นวายแต่กับโทรศัพท์ในมืออยู่ได้ จนไม่คิดจะหันมาสนใจกันให้ผมได้ชื่นใจบ้าง
“อาตี๋เล็ก ลื้อนี่เสียมารยาท แขกมายังนั่งเล่นไอ้มือถือนั่นอยู่ได้ ไม่รู้จักคุยกับแขกเลย” เสียงอาเตี่ยดังขึ้นต่อว่าอาตี๋เล็ก ทำให้คนโดนว่าเงยหน้ามองอาเตี่ยตัวเองอย่างงอนๆ ก่อนหันมามองผมหน้าบึ้งและหลบตาไป
“อาเตี่ยคร้าบ แขกที่ไหนกัน เฮียน่ะคนจีนชัดๆน้า” ตี๋ธีจอมกวนคนเดิมกลับมาแล้วครับ ทำให้อาเตี่ยที่นั่งอยู่ถึงกลับชี้หน้าลูกชายคนเล็กทันทีหลังจากตี๋น้อยพูดจบ
“อาตี๋เล็ก! ลื้อนี่มัน ไอ้เด็กไม่รู้จักโต อาธัชตัดเงินเดือนน้องชายลื้อด้วยนะโทษฐานยอกย้อนอาเตี่ย” อาเตี่ยที่ดูยังหนุ่มกว่าอายุคงแกล้งโมโหลูกชายจอมกวนเพราะผมแอบเห็นว่าท่านอมยิ้มนิดๆ เมื่อลูกชายตัวดีโวยวายเสียงดังกับบทลงโทษของท่าน และทำให้ทุกคนในครอบครัวหัวเราะก้องห้องรับแขกทีเดียวไม่เว้นผมที่นั่งมองปฏิกิริยาของคนทั้งคู่อยู่ด้วย
“โธ่ อาเตี่ย ผมล้อเล่นนิดเดียวเอง เฮียภีมช่วยพูดกับอาเตี่ยผมหน่อย ต้นเหตุมาจากเฮียคนเดียวเลย หึ้ย” อาตี๋ธีหันไปอ้อนอาเตี่ยของตัวเอง ก่อนหันมาทำตาเขียวหน้าบึ้งบังคับผมให้ช่วยพูดกับอาเตี่ยซะอย่างนั้น ผมหัวเราะและส่ายหน้าปฏิเสธเพราะอยากแกล้งเด็กแสบให้โวยวายเล่นครับ
“เฮียธัชอย่าทำอย่างที่อาเตี่ยบอกนะ ถ้าเฮียตัดเงินเดือนผมแล้วเดือนนี้ผมจะเอาอะไรกินอ่ะ” สีหน้าอ้อนวอนและคำพูดเกินจริงของอาตี๋เล็กของบ้านก็ทำให้ทุกคนหัวเราะส่ายหน้ากันเป็นแถว สองหมวยแฝดถึงกลับหัวเราะดังกว่าใครจนโดนเฮียธีของตัวเองลุกมาขยี้ผมจนยุ่งเหยิง ผมจ้องทุกการกระทำของคนที่คิดถึงและเราก็ได้สบตากัน ธีชะงักไปนิดก่อนรีบเบนสายตาหนีและกลับไปนั่งที่เดิม นี่มันอะไรกันครับวันนี้อาตี๋น้อยหลบตาผมสองรอบแล้วนะ เกิดอะไรขึ้นกันครับทั้งๆที่เราก็ยังคุยโทรศัพท์กันปกตินี่หน่า ผมเก็บความสงสัยไว้ก่อนรอเพียงโอกาสที่จะได้คุยกับเจ้าตัวสองคน
ผมนั่งคุยกับครอบครัวในอนาคตของผมอีกพักเดียว เมื่อได้เวลาหม่าม้าก็ชวนพวกเราเข้าห้องอาหารเพื่อทานข้าวเย็นกันครับ ทุกคนทยอยเดินเข้าห้องอาหาร ผมรอจังหวะที่ธีมัวแต่หยอกกับสองหมวยแฝดอยู่เลยออกไปช้ากว่าคนอื่น ก่อนเดินไปตีขนาบข้างตี๋น้อยทันทีและก้มกระซิบให้ได้ยินกันสองคน
“หลบตาพี่ทำไมครับ เราต้องคุยกันหลังทานข้าว ห้ามหนีพี่นะครับ ไม่งั้นล่ะก็....ฮึๆ” ผมแอบขู่และลากเสียงยาวให้ตี๋น้อยได้คิดเอาเองก่อนเดินแยกตัวออกมา ไม่รู้ว่าตอนนี้ตี๋น้อยเค้าจะทำหน้าแบบไหนนะครับคงอยากจะต่อว่าผมกลับแน่ๆ แต่คงไม่กล้าโวยวายจนคนอื่นรู้เรื่องหรอกครับ
เมื่อผมมานั่งโต๊ะอาหารตัวยาวที่มีอาหารหน้าตาน่ากินหลายอย่างวางเรียงอยู่ ไอ้ตี๋แสบหน้าบึ้งก็นั่งประจันหน้ากับผมเข้าพอดีครับ ดวงตาตี๋น้อยวาววับเรืองแสงอย่างขัดใจจากการที่โดนผมขู่ไว้แน่ๆ ผมอดหัวเราะเบาๆไม่ได้จึงยิ่งทำให้ตี๋น้อยตรงหน้านั้นหน้ามุ่ยขึ้นกว่าเดิม ธีกำช้อนส้อมในมือแน่นถ้าอยู่กันสองคนมันคงเอาส้อมจิ้มหน้าผมเป็นรูไปแล้ว แต่เราอยู่กับครอบครัวผมเลยรอดตัวไป ระหว่างมื้ออาหารไม่ว่าผมจะเอื้อมตักอาหารจานไหนก็จะต้องมีไอ้คนที่นั่งตรงหน้ามาแย่งตักตัดหน้าตลอดทุกครั้งไป และพอผมมองหน้าธีก็ยิ้มเยาะใส่ผมอย่างอารมณ์ดี ผมก็เล่นไปกับไอ้ตี๋แสบด้วยครับให้มันได้ใจไปว่าชนะผมได้ และผมก็สบายใจขึ้นที่ไอ้ตี๋แสบคนเดิมของผมกลับมาแล้ว ไม่ใช่คนที่นิ่งเงียบที่ไม่แม้แต่จะสบตาผมเหมือนก่อนหน้านี้ เมื่อพวกเราทานกันจนจบของหวานเฮียธนิตกับอาซ้อก็ขอตัวพาน้องธันว์กลับบ้านก่อนเพราะเด็กเล็กต้องรีบนอนแต่หัวค่ำ ส่วนไอ้ธัชมันมีนัดต่อข้างนอกเลยรีบออกไปสงสัยจะนัดสาวๆไว้ครับ
“กูรีบ ไปก่อนนะมึงแล้วค่อยนัดเจอกันที่ LED PUB ว่ะ” มันตบบ่าผมก่อนเดินออกไปทันที
ส่วนอาเตี่ยและหม่าม้าก็ขอตัวก่อนเพราะท่านทั้งคู่ติดดูข่าว ผมจึงยกมือไหว้ลาท่านทั้งสองเพราะคิดว่าท่านคงไม่ลงมาแล้วครับ หม่าม้าก็ส่งยิ้มกว้างมาให้ผมและฝากฝังผมไว้กับตี๋ธีให้รอส่งผมกลับบ้านด้วย คนโดนฝากก็อึ้งๆแต่ก็จำยอมรับคำหม่าม้าแต่แอบส่งตาดุมาให้ผมเสียด้วย ส่วนสองสาวหมวยฝาแฝดนั้นยังคุยจ้อกับเฮียธีของตัวเองไม่มีทีท่าว่าจะหยุดง่ายๆ ดูท่าทางพี่น้องสามคนนี้จะสนิทกันมากและธีเองก็ดูรักน้องสาวมากด้วย ทำตัวอ่อนโยนแบบที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อนจนอยากให้ตี๋น้อยทำกับผมบ้าง แต่ผมไม่แปลกใจมากนักเพราะน้องสาวฝาแฝดก็ช่างอ้อนพี่ชายได้อย่างน่ารักขนาดนั้นธีจะไม่หลงได้ยังไงกัน ขนาดผมที่เพิ่งเจอทั้งคู่ยังหลงรักในความน่ารักเลยครับ และผมคงจ้องสองสาวเพลินไปหน่อย ทำให้สายตาวาวๆของคนตาตี่นั้นมองมาที่ผมตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ครับ ผมก็สบตาวาวๆนั้นด้วยรอยยิ้มก่อนที่จะธีแยกเขี้ยวใส่และโอบน้องสาวทั้งสองไว้ในอ้อมกอดอย่างหวงแหน จนผมต้องหัวเราะออกมา ‘นี่คงไม่ได้คิดหวงน้องสาวจากผมหรอกนะครับเนี่ย’
“หมวยใหญ่หมวยเล็กขึ้นบ้านได้แล้วครับ ใกล้สอบแล้วไปอ่านหนังสือเร็ว” หวงน้องสาวจริงๆครับงานนี้เพราะเร่งให้สองหมวยขึ้นบ้านซะแล้ว ผมก็มองธียิ้มๆส่ายหน้าให้กับคนขี้หวง
สองสาวฝาแฝดบ่นกระปอดกระแปดแต่ก็ยอมทำตามคำสั่งอาเฮียของตัวเอง ก่อนขึ้นบ้านทั้งคู่ก็หันมาไหว้ลาผมด้วย เมื่อผมอยู่กับธีสองคนแล้วผมก็จ้องหน้ารอว่าอาตี๋แสบเค้าจะว่าอะไร แต่อยู่ๆธีก็ลุกขึ้นเดินออกนอกบ้านไม่บอกกล่าวกัน ทำให้ผมต้องรีบสาวเท้าตามร่างโปร่งที่ก้าวฉับๆไปถึงประตู จนผมต้องคว้าข้อศอกของคนที่เดินหนีไว้
“จะไปไหนครับ เราต้องคุยกันก่อนไงลืมที่พี่บอกธีแล้วเหรอ หืม” ธีพยายามดึงแขนตัวเองออกจากมือผม แต่ผมก็ยึดไว้แน่นไม่ปล่อยหรอกครับ ก็คนมันคิดถึงนี่หน่าแม้จะได้ยินเสียงแต่ไม่ได้เห็นหน้ามาเกือบสองวันแล้วด้วย
“ก็คุยโทรศัพท์กันตลอด เฮียมีเรื่องอะไรจะคุยกับผมอีกเนี่ย” มาอีกแล้วครับไอ้อาการพูดไม่มองหน้าเนี่ย ธีมันเป็นอะไรของมันวะครับ ผมเริ่มโมโหขึ้นมานิดๆแล้วจึงเผลอลงแรงบีบแขนในมือไป จนเจ้าของแขนเงยหน้ามามองผมหน้ามุ่ยกระตุกแขนตัวเองเป็นสัญญาณว่าเจ็บ ผมจึงคลายแรงลงแค่พอจับอยู่
“มานี่เลย” ผมเปลี่ยนมาจูงข้อมือไอ้ตี๋ดื้อมาทางสวนระหว่างทางไปบ้านหลังสุดท้าย หลบสายตาผู้คนในบ้านจนได้มุมหลังต้นไม้ใหญ่ที่มีแสงไฟจากไฟประดับสนามช่วยส่องสว่าง
“ธีเป็นอะไรครับถึงหลบตาพี่ตลอดเลย” ผมเริ่มส่งคำถามถึงสิ่งที่สงสัยทันที ทำเอาอาตี๋ธีอาปากหวอแบบตั้งรับไม่ทันก่อนจะหันหลังให้ผม ธีเอามือท้าวเอวและเสยผมตัวเองก่อนถอนใจออกมา
“เฮีย ผมขอข้ามคำถามนี้ได้ป่ะ” แทนที่จะได้คำตอบที่อยากรู้ ตี๋น้อยกลับทำให้ผมสงสัยหนักกว่าเดิม หรือว่าธีจะเปลี่ยนใจไม่มีคำว่า ‘เรา’ กับผมแล้วครับ ผมร้อนใจคว้าไหล่กว้างให้ธีหันกลับมาแต่ธีก็ยกมือปิดหน้าตัวเองไว้ ผมก้มมองก็เห็นใบหูของคนที่ซ่อนหน้าอยู่นั้นแดงก่ำจึงค่อยๆทบทวนถึงสิ่งที่ธีเป็น นี่คืออาการ ‘อาย’ ใช่มั้ยครับเนี่ย ผมพยายามกลั้นหัวเราะไว้แต่เปิดยิ้มกว้างจนปากแทบฉีกแทน
“ครับ ธีไม่ต้องตอบก็ได้พี่รู้แล้วว่าธีเป็นอะไร” ผมดึงไอ้ตี๋ขี้อายเข้าสู่อ้อมกอด และก้มลงกระซิบชิดหูแดง
“ทำตัวน่ารักเกินไปแล้วนะ ถ้าพี่อดใจไม่ไหวอย่ามาโทษกันรู้มั้ย” ผมกดจมูกลงบนแก้มใสที่ขึ้นสีของคนขี้อายอย่างอดใจไม่อยู่ และต้องสะดุ้งกับแรงทุบหลังที่ไม่ออมมือของคนในอ้อมกอด ก่อนโดนผลักอกจนต้องยอมปล่อยร่างโปร่งไป
“เฮีย!! ฉวยโอกาสกับผมตลอดเลยว่ะ” ใบหน้าขึ้นสีของอาตี๋น้อยเข้าสู่สายตาผมเต็มตา แม้หน้าจะมุ่ยคิ้วจะขมวดก็ยังน่ารักมากในสายตาผมนะครับ ผมจึงส่งยิ้มกว้างเข้าตาคนหน้าแดงซะเลย ทำให้ตี๋น้อยหน้าแดงหนักกว่าเดิม ‘นี่อย่าบอกนะว่าแพ้รอยยิ้มของผมเข้าแล้ว’
“ฮึๆๆ ก็ทำตัวน่ารักกับพี่ทำไมล่ะครับ พี่ก็อดใจไม่ไหวสิ” ผมใช้นิ้วลูบแก้มแดงและมันก็ยังเนียนนุ่มมือเหมือนเดิมจนอยากจูบแก้มนี้อีกครั้ง แต่สายตาดุๆทั้งที่หน้าแดงของธีและส่งมือมาปัดมือผมออกนั้นทำให้ผมยับยั้งใจไว้ก่อน
“หยุดพูดว่าผมน่ารักเถอะ ผมออกจะตัวใหญ่ตรงข้ามกับสิ่งมีชีวิตเล็กๆที่จะนิยามได้ว่าน่ารัก เฮียเห็นผมน่ารักตรงไหนเนี่ย” คนพูดท้าวเอวท่าทางเป็นตี๋หาเรื่องไปซะแล้วครับ สงสัยทำเพราะกลบเกลื่อนความอาย
“ธีน่ารักในสายตาพี่จริงๆนี่ครับ ดีแล้วที่ไม่มีใครเห็นความน่ารักของธี มีพี่คนเดียวที่ได้เห็นก็พอแล้ว” ผมกอดอกขณะพูดจ้องตาธีสื่อความหมายว่าผมพูดความจริง ธีตาโตก่อนขยี้หัวตัวเองไปมา ท่าทางแบบนี้ทำเอาผมยิ่งอารมณ์ดีผิดจากเมื่อมาถึงลิบลับเลย
“อย่าลืมสิว่าพี่กับธีใช้คำว่า ‘เรา’ แล้ว ธีย่อมน่า ‘รัก’ สำหรับพี่เสมอ” ผมเน้นคำว่า ‘เรา’ และ ‘รัก’ ย้ำให้ธีรู้และจดจำไว้ว่าธีเป็นคนให้โอกาสผมเอง และผมก็จะยึดมั่นมันไว้เพื่อสานต่อความสัมพันธ์ที่เพิ่งเริ่มนี้ต่อไป ธีจ้องหน้าสบตากับผมนิ่งด้วยหน้าตาตกใจผมยุ่งเหยิง ก่อนทรุดตัวนั่งยองกับพื้นหญ้ากุมขมับและเงยหน้ามองผมก่อนเอ่ยปากออกมา
“เฮียเอาจริงเหรอ ผมเป็นผู้ชายนะและก็ไม่ใช่ผู้ชายน่ารักตัวเล็ก และผมก็ไม่เคยชอบผู้ชายมาก่อนด้วย” แววตาสับสนเหมือนเด็กกำลังหลงทางทำผมนึกเอ็นดู ผมจึงทรุดตัวลงนั่งตรงหน้าธีให้สายตาเราอยู่ระดับเดียวกัน
“ธีเป็นธีแบบนี้ดีแล้ว เพราะพี่รักธีที่เป็นแบบนี้ครับ ให้โอกาสพี่นะครับ” ผมยกมือลูบแก้มตี๋แสบที่หงอยผิดตาไว้อย่างปลอบโยน ส่งสายตาอ่อนโยนไปให้กำลังใจคนที่กำลังสับสนให้เห็นถึงความจริงใจที่ผมมี
“เรื่องของเราอย่าเพิ่งบอกใครได้มั้ย ให้ผมแน่ใจกว่านี้ก่อน นะครับ” เสียงแผ่วเบาอ้อนวอนเอ่ยออกมาจากปากแดงๆที่ขยับเพียงนิดเมื่อเอื้อนเอ่ย
ผมเผลอจ้องเพลินตาก่อนจะเงยสบตาเจ้าของปากแดงที่ก็มองผมอยู่ก่อนแล้ว ผมจึงยกยิ้มให้และพยักหน้ารับ วันนี้ได้แค่นี้ก็ดีมากแล้วครับ แค่ธียอมรับผมเปิดโอกาสให้ผมใกล้ชิดเจ้าตัวมากกว่าใคร แม้จะยังบอกคนอื่นไม่ได้ว่าเราเป็นอะไรกัน แต่ผมคงต้องให้เวลาตี๋น้อยของผมสักหน่อย เพราะทั้งชีวิตของธีที่ผ่านมาผมเชื่อว่าธีไม่คิดจะรักจะชอบใครไม่ว่าจะหญิงหรือชาย และยิ่งกับผู้ชายนั้นคงไม่มีในหัวเลยด้วยซ้ำ แต่กับผมที่เป็นเพียงคนเดียวและเป็นผู้ชายด้วยที่ตี๋น้อยคิดจะรัก แค่นี้ผมก็ภูมิใจและดีใจมากแล้วครับ
“ครับพี่ให้ตามที่ธีขอ แต่เราตกลงกันแล้วนะว่าพี่กับธีใช้คำว่า ‘เรา’ แล้ว ถึงไม่มีใครรู้แต่พี่กับธีรู้ว่าเราเป็นอะไรกัน” ผมส่งยิ้มให้กับธีที่ตกใจตาโตกับสิ่งที่ผมพูดรวบรัดเพื่อผูกมัดเจ้าตัวดีไว้กับผมเองเสร็จสรรพ
ธีทำท่าทางจะค้านออกมาผมจึงจัดการก้มปิดปากอะไรก็แล้วแต่ที่จะออกจากปากตี๋น้อยของผมไว้ กลืนกินทุกคำพูดไว้กับตัวโอบกอดร่างโปร่งเข้าหาอกตัวเอง มือกดท้ายทอยขาวไว้แน่น แค่นี้อาตี๋ธีจอมแสบก็ปฏิเสธผมไม่ได้และหนีไปไหนไม่รอดแล้วครับ
.........................................................
โปรดติดตามตอนต่อไปค่ะ >O<
เมื่อเฮียมาพบครอบครัวตี๋น้อยตามคำเชิญหม่าม้าแล้ว ดูเหมือนจะราบลื่นเนอะ
แต่ตอนนี้ทะเลยังสงบอยู่เดี๋ยวคลื่นลมเบาๆจะตามมาอีกไม่นานค่ะ ส่วนเฮียภีม
ก็ยังคงคอนเซ็ปเดิมคืออยู่ใกล้ตี๋น้อยไม่ได้ต้องเก็บแต้มตลอด แม้ตี๋จะอ้อนให้เก็บ
เรื่องของ “เรา” เป็นความลับ เฮียก็ยังยอมตามใจแต่คงเก็บไว้ได้ไม่นานหรอกก็เฮียน่ะ
ออกจะชัดเจนและแสดงออกโจ่งแจ้งมาตลอดนี่เนอะ
ตอนหน้าเมื่อตี๋น้อยยอมเป็นลูกไก่น้อยในกรงทองเก็บเนื้อเก็บตัว แต่วันหนึ่งเกิด
ทนไม่ไหวจะเกิดอะไรขึ้นให้ติดตามค่ะ ว่าเฮียจะมีวิธีเอาใจยังไง
ปล.+1ให้ทุกเม้นท์แล้วจ้า เจอตี๋น้อยกับเฮียภีมได้อีกทีวันอังคารค่ะ^^
ปล.2 ขอแจ้งนิดเผื่อบางคนยังไม่รู้ว่าอัพน้องแม็คน้องนัทแล้ว(เมื่อวานนี้)ค่ะ
ตามไปอ่านได้น้า ^3^
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=29669.0 รวบ

และ

ทุกการติดตามค่ะ