ตอนที่ 24ธี‘เบื่อ เซ็ง หงุดหงิด’
นั่นคือนิยามของอารมณ์ผมในตอนนี้ครับ จะไม่ให้ผมเบื่อ เซ็ง และหงุดหงิดได้ยังไงเพราะชีวิตของผมเหมือนนักโทษเข้าไปทุกที ก็จะใครล่ะที่เป็นต้นเหตุถ้าไม่ใช่ไอ้หมอภีมขี้บังคับคนนั้น ตั้งแต่ผมกับมันตกลงมี ‘เรา’ มาเกือบอาทิตย์มันก็ใช้สิทธิ์ของมันเต็มที่ แม้ตัวไม่ได้อยู่ใกล้เพราะอาชีพที่แสนยุ่งของมัน แต่มันสามารถตามติดผมได้ตลอดโทรเช็คยิ่งกว่าเมียหลวงตามจิกผัวหนีเที่ยวอีกครับ ถึงแม้เสียงตามสายที่ส่งมาจะแสนอ้อน(ตีน)แสดงความห่วงใยแต่มักจบลงด้วยคำถามว่าผมอยู่ไหนร่ำไปครับ ไม่รู้ไอ้หมอภีมมันจะกลัวผมหนีเที่ยวรึยังไงกัน ย้ำอยู่ได้ว่าห้ามออกเที่ยวกลางคืนอีกยกเว้นมีมันตามประกบด้วยเท่านั้นแต่มันก็ไม่เคยว่างแล้วจะได้เที่ยวมั้ยล่ะครับ ไอ้ผมคนที่ออกเที่ยวประจำอกจะแตกตายอยู่แล้วเนี่ย ผมเคยคิดหนีมันเที่ยวด้วยนะครับตอนนั้นผมอยู่หน้าผับแล้วด้วย แต่เหมือนมันมีญาณพิเศษที่โทรมาตามตัวผมได้พอดีแบบไม่น่าเชื่อ และแค่ผมรับสายเท่านั้นดุซะขวัญผมกระเจิง ผมจะดื้อแพ่งเข้าผับมันก็ขู่มาตามสายว่าจะตามตัวผมให้เจอและลงโทษขั้นเด็ดขาด ผมเลยตัดใจกลับบ้านนอน คิดดูสิครับว่าผมน่าสงสารแค่ไหน
วันนี้วันศุกร์ผมกลับบ้านหลังเลิกงานทันทีด้วยไม่มีอารมณ์จะทำอะไรต่อ เจอเฮียธัชก่อนกลับเฮียยังทักว่าผมน่ะเปลี่ยนไปไม่ออกไปเที่ยวไหนเลย หาว่าผมหมดลายซะแล้วเหรอผมล่ะอยากจะเถียงว่าลายน่ะเต็มตัว(แต่เป็นลายอย่างอื่นนะ) และผมอยากจะบอกเฮียธัชเหลือเกินว่าที่ไม่ไปไหนน่ะเพราะเพื่อนเฮียนั่นแหละที่ผูกเชือกรัดคอเสือแบบผมไว้ ยิ่งดึงรั้งก็เหมือนจะรัดคอให้ขาดใจตาย ผมนั่งทอดอารมณ์ฟังเพลงอยู่ในห้องหวังให้อารมณ์ดีขึ้นก็มีเสียงโทรศัพท์ขัดจังหวะซะก่อน ไม่ดูก็รู้ว่าใครเพราะผมตั้งเสียงเรียกเข้าเฉพาะมันแต่เพียงผู้เดียว
“ผมอยู่บ้าน กำลังฟังเพลงอยู่ ไม่คิดออกเที่ยวไหน เชิญเฮียทำงานให้สบายใจไปเถอะ แค่นี้นะ” ผมพูดใส่โทรศัพท์ให้คนในสายฟังซะม้วนเดียวจบ แต่ยังไม่ทันกดวางเสียงโวยวายของไอ้หมอภีมมันก็ดังขึ้น
“ธีครับ ธี อย่าเพิ่งวาง งอนพี่อีกแล้ว ฮึๆ” ไอ้เสียงหัวเราะในคอแบบนี้ผมขอซื้อมันจะขายมั้ยครับ ผมไม่ชอบเลยฟังแล้วมันหงุดหงิดชะมัดให้ตายสิ
“งอนไร ผมเบื่อ เซ็ง หงุดหงิด ต่างหากโว้ยยย” ผมเหวี่ยงใส่ไอ้หมอบ้างานทันที มันอยากหัวเราะกระตุ้นอารมณ์ก่อนทำไม ผลก็คืออีกคนมันเงียบไปเลยครับ ผมที่เพิ่งรู้ตัวก็เงียบตามพยายามปรับอารมณ์ให้กลับมาปกติ
“ธี สาเหตุเกิดจากพี่รึเปล่าครับ หืม” เสียงอ้อนดังมาตามสายอย่างคนที่เริ่มรู้สึกตัว ทำเอาคนที่ได้ฟังแบบผมรู้สึกผิดตงิดๆที่โวยวายใส่มันไป ผมถอนใจยาวก่อนตอบ
“เฮ้อออ ก็มีส่วนแหละ ตั้งแต่เราตกลงกันเฮียตามติดผมตลอด ผมจะออกเที่ยวเฮียก็ไม่ยอม ทั้งๆที่เฮียก็ไม่ว่าง และที่สำคัญผมเป็นผู้ชายนะ ไอ้อันตรายที่เฮียใช้อ้างน่ะมันก็ไม่เคยเกิดกับผม ผมเที่ยวของผมมาแต่ไหนแต่ไรก็ไม่เห็นมีอะไร ผมอึดอัดไม่เป็นตัวของตัวเองเลย” พอได้โอกาสพูดผมก็ระบายความอัดอั้นทั้งหมดออกไป เล่นเอาเหนื่อยเพราะรัวอย่างกับปืนกล ไม่รู้คนฟังมันจะตามทันมั้ยนะครับ เออ แต่มันโล่งขึ้นเยอะเลยแฮะ
“พี่ไม่รู้ว่าจะทำให้ธีรู้สึกอึดอัดมากขนาดนี้ พี่ขอโทษนะครับ” เสียงอ่อนหงอยไปถนัดตาเลยครับ ทำเอานึกไม่ออกเลยว่าเจ้าของเสียงมันเป็นคนเดียวกับที่ดุผมจนต้องยอมทำตามคนนั้น ผมเริ่มรู้สึกผิดที่ขึ้นเสียงใส่ไอ้หมอภีมซะแล้วสิครับ
“อืม......ผมก็ต้องขอโทษเฮียด้วยละกันที่ขึ้นเสียงใส่ขนาดนั้น” ผมรับคำขอโทษก่อนหยุดไปนานและตัดสินใจเอ่ยขอโทษมันกลับเพราะรู้ตัวว่าผมก็มีส่วนผิดด้วย ดีนะที่ไม่ได้อยู่ต่อหน้ามันเพราะผมไม่อยากเห็นแววตาเสียใจปนตัดพ้อของไอ้หมอตัวโตเลย พาลจะใจอ่อนจนรู้สึกผิดไปมากกว่านี้ครับ
“ครับ พี่ก็แค่หวงธีไม่อยากให้ใครมายุ่งด้วย ก็แฟนพี่ออกจะมีเสน่ห์ซะขนาดนั้น ขนาดพี่ยังหลงเลยคนอื่นจะเหลือเหรอครับ” ผมขอความรู้สึกผิดกลับคืนได้มั้ยที่เผลอรู้สึกให้กับไอ้หมอช่างหยอดไปเนี่ย ใครจะรู้บ้างว่าไอ้หมอขี้เก๊กจะเลี่ยนได้ขนาดนี้กันครับ ผมเม้มปากแน่นพูดไม่ออกไปไม่เป็นเลย เคยแต่หยอดคนอื่นโดนซะเองทำเอาอึ้ง
“ฮึๆ คืนนี้พี่จะชวนธีออกเที่ยวชดเชยความผิดนะครับ เดี๋ยวค่ำๆพี่ไปรับที่บ้านนะ” เสียงหัวเราะเจ้าเล่ห์ดังขึ้นทำเอาผมดึงสติกลับมาได้ แต่ยังไม่ทันตอบอะไรไอ้หมอภีมก็วางสายไปซะก่อนครับ มันจะไม่รอคำตอบของผมเลยใช่มั้ย คงมั่นใจมากที่ผมต้องตอบตกลงล่ะซิ ไอ้หมอภีมมันคิดถูกแล้วครับว่ายังไงผมก็ตกลงไปกับมัน เพราะถ้ามันไม่พาไปผมก็คงไม่ได้ออกเที่ยวเองอยู่ดี
นี่ผมเป็นอะไรกันแน่ การที่ผมใช้คำว่า ‘เรา’ ร่วมกับไอ้หมอภีมแล้ว ผมถึงต้องยอมทำตามคำสั่งมันง่ายๆทั้งๆที่จะหนีเที่ยวโดยมันไม่รู้ก็ทำได้ แต่ที่ไม่ทำเพราะผมรู้สึกผิดและกลัวทำให้มันเสียใจถ้ารู้ว่าผมโกหก และกลับรู้สึกดีใจปนอบอุ่นใจทุกครั้งที่มันโทรมาแสดงความห่วงใยและบอกว่าคิดถึงกัน ไอ้หมอภีมมันจะเป็นแบบผมบ้างมั้ยครับเนี่ย คิดไปก็เท่านั้นปล่อยให้มันเป็นไปตามความรู้สึกก็แล้วกัน เพราะผมยังนึกถึงสิ่งที่มนบอกว่าทำอะไรก็ได้ที่ทำให้มีความสุขเป็นพอ และผมยอมรับว่ามีความสุขที่มีไอ้หมอขี้บ่นอยู่ข้างตัว แม้จะอึดอัดหงุดหงิดใจไปบ้างที่ต้องเปลี่ยนวิถีชีวิตตัวเอง ผมคงต้องพยายามปรับตัวให้สมกับที่ใช้คำว่า ‘เรา’ ร่วมกับไอ้หมอภีมซินะ
เมื่อได้เวลาตามนัดที่ไอ้หมอภีมส่งข้อความมาบอกไว้ว่ามันจะมารับผมตอนทุ่มตรง เพราะอยากออกไปหาข้าวกินก่อนเข้าผับกัน ผมลงบันไดมาเพื่อรอมันมารับซึ่งบ้านเงียบมากสงสัยเฮียธัชก็ออกเที่ยวเหมือนกันครับ พี่น้องท้องเดียวกันย่อมคล้ายกันก็เฮียธัชเลี้ยงผมมานี่ครับนิสัยเลยไม่ต่างกัน เสียงรถดังขึ้นที่หน้าบ้านผมเลยเดินออกไปและก็เจอรถที่เจ้าของมันลดกระจกข้างลงรอผมและส่งยิ้มกว้างมาให้อยู่ ผมเปิดประตูขึ้นนั่งข้างกันแต่รถก็ยังจอดนิ่งไม่ขยับจนผมต้องหันไปมอง และก็พบว่าไอ้คนที่ยิ้มอยู่ก่อนผมขึ้นรถมันก็ยังยิ้มไม่หุบ จนผมเริ่มทำหน้าไม่ถูกเผลอเสียงดังใส่
“ยิ้มอยู่ได้ ออกรถดิเฮีย” ไอ้หมอภีมมันไม่สะทกสะท้านกับคำพูดผมเลยครับยังยิ้มกว้างตาพราวระยับ จนผมต้องเบือนหน้าหนีมองตรงไปข้างหน้า มันอยากยิ้มก็ยิ้มไปไอ้หมอบ้าเอ๊ย แต่ผมต้องสะดุ้งเพราะสัมผัสหยุ่นที่แก้มและลมหายใจอุ่นที่ยังคลอเคลียอยู่ไม่ห่าง
“พี่คิดถึงธีนะครับ ไม่ได้เห็นหน้านานเลย” ผมเผลอกลั้นลมหายใจไม่รู้ตัว เมื่อเจ้าของกลิ่นหอมสะอาดสดชื่นกลิ่นที่ผมคุ้นเคย ชะโงกตัวผ่านหน้าเพื่อเอื้อมมือจับหัวเข็มขัดนิรภัยมาคาดให้กันก่อนมันจะขโมยจูบที่ปากผมอีกที คราวนี้ผมผละออกทันทีกลัวมันจะยาวไปกว่านี้ครับ
“อะไรแค่ไม่กี่วันเอง ออกรถเถอะเฮีย ผมหิวข้าวแล้ว” ผมดันหน้าผากของคนขับที่กำลังส่งยิ้มเจ้าเล่ห์มาให้ออกห่าง และส่งสายตาจริงจังยืนยันคำพูดไปให้ ไอ้หมอภีมมันก็ยิ้มๆแต่ก็ยอมขับรถออกไปด้วยดี แอบโล่งใจเพราะถ้ามันดึงดันจะจูบผมต่อผมก็ไม่มีปัญญาไปห้ามได้หรอกครับ แค่จะห้ามใจตัวเองไม่ให้สั่นยังทำไม่ได้เลย
ผมก็ได้แต่มองตรงไปข้างหน้าไม่กล้าหันไปมองอีกคนที่นั่งข้างกัน ไอ้หมอภีมอารมณ์ดีถึงขั้นฮัมเพลงตามเสียงเพลงรักที่เปิดคลออยู่ในรถ แต่ถ้าผมคิดจะมองกระจกข้างส่องหลังสักนิดก็จะดี คงจะได้เห็นคนที่ผมคิดว่าออกเที่ยวแล้วมายืนมองตามรถที่ผมนั่งเป็นตุ๊กตาหน้ารถอยู่ในตอนนี้
.........................................................
อาหารจีนสารพัดอย่างถูกวางอยู่เต็มโต๊ะตรงหน้าของเราสองคนที่นั่งตรงข้ามกัน ผมเงยหน้ามองไอ้หมอภีมอย่างอึ้งๆที่มันเล่นสั่งเหมือนเลี้ยงคนสักสิบคน พี่แกก็ได้แต่ยิ้มอย่างอารมณ์ดีไม่ได้รู้ตัวเลยว่าทำผิด แถมคีบปอเปี๊ยะมันแกวมาให้ถึงจาน
“ทานสิครับ เร็ว ไหนว่าหิวไง” ที่ไอ้หมอภีมทำทั้งหมดนี่เพราะคิดว่าผมหิวจริงๆหรือมันต้องการประชดผมกันแน่ครับ ผมก็ได้แต่ก้มหน้าคีบปอเปี๊ยะเข้าปาก กัดคำแรกรู้ได้เลยว่ามันอร่อยด้วยความกรอบของแป้งและความหอมของไส้ที่มีมันแกวปนหมูสับก็ลอยเข้าจมูก ก่อนรสชาติกลมกล่อมของตัวไส้พร้อมรสสัมผัสกรุบกรอบของมันแกวร่วมกับน้ำบ๊วยรสหวานจะยิ่งเพิ่มความอร่อยของเมนูนี้ จนผมต้องรีบกลืนและคีบอีกชิ้นเข้าปากแทน
“อร่อยก็ทานเยอะๆนะครับ ทานอย่างละนิดละหน่อยก็ได้ พี่อยากให้ธีทานหลายๆอย่างเลยสั่งมาซะเยอะ เพราะที่นี่เค้าทำอร่อยหลายเมนูเลย” ผมพยักหน้าไม่ตอบเพราะปากไม่ว่างครับ
สงสัยร้านนี้จะเป็นร้านประจำของไอ้หมอภีมเพราะดูมันเชี่ยวชาญเรื่องเมนูอาหาร และมีพนักงานเสิร์ฟบางคนเข้ามาทักทายมันด้วยครับ ผมก็นั่งกินไปโดยมีมันที่ทำหน้าที่คีบและตักมาให้พร้อมแนะนำชื่อเมนูเสร็จสรรพ ทั้งเต้าหู้สอดไส้น้ำแดง เป็ดผัดขิง ปลานึ่งเต้าเจี้ยว เป๋าฮื้อน้ำแดง ส่วนพวกติ่มซำก็มีหลายอย่าง ทั้งฮะเก๋า ฟองเต้าหู้ห่อเนื้อนึ่ง ขนมจีบกุ้งคำโต ผมก็จัดการได้แค่อย่างละนิดละหน่อยเพราะอิ่มมาก และไอ้หมอภีมยังมีหน้าบอกว่าอยากจะสั่งอีกหลายเมนูแต่เดี๋ยวจะไม่หมด แต่แค่นี้ของมันก็ไม่หมดแล้วเหอะครับ และมันยังบอกอีกว่ารอไว้คราวหน้าจะพามาอีกจะสั่งเมนูอื่นมาให้ชิมอีกด้วย
“ธี กินพุดดิ้งมะม่วงเป็นของหวานมั้ยครับ ที่นี่ทำไม่หวานมากอร่อยนะ” ยังมีหน้ามาให้ผมกินของหวานต่ออีกเหรอเนี่ย ไอ้คนอิ่มมากอย่างผมก็พยักหน้ารับซิครับ อยากรู้ว่าที่นี่ของหวานจะสู้ของคาวได้มั้ยและสมกับมีคนเชียร์ไว้รึเปล่า
เมื่อพุดดิ้งมะม่วงมาถึงสีเหลืองอร่ามของมะม่วงเด่นมาแต่ไกลวางอยู่บนเนื้อพุดดิ้งสีขาวนม คำแรกที่ตักเขาปากรสหวานหอมของมะม่วงน้ำดอกไม้ลอยเตะจมูก มันช่างเข้ากับเนื้อพุดดิ้งนิ่มละลายในปากรสนมมากครับ ผมที่อิ่มมากยังเผลอกินซะหมดถ้วย ไอ้คนพามาก็ยิ้มแก้มปริคงดีใจละซิที่คำเชียร์ของตัวเองไม่เป็นหมัน ดีแล้วให้ไอ้หมอภีมยิ้มไปผมน่ะไม่อะไรอยู่แล้วกินของอร่อยฟรีแบบนี้นี่ของชอบเลยครับ เมื่อจ่ายเงินเสร็จผมก็เดินลูบท้องกลับมาที่รถ
“กินแบบนี้ทุกวันผมแย่แน่อ้วนกันพอดี” ผมบ่นทันทีที่นั่งในรถเรียบร้อยแล้ว
“ธีอ้วนอีกนิดก็ดีนะ จะได้เต็มไม้เต็มมือพี่ พี่ยอมเลี้ยงหมดตัวเลย ฮึๆ” ผมชะงักก่อนหันไปมองหน้าคนพูดทันที มันยังมีหน้าส่งยิ้มกวนตาพราวให้อีก อยากจะจิ้มลูกตาพราวคู่นั้นจริงๆครับ
“เฮอะ ทำเป็นพูดไปเดี๋ยวผมจะกินให้เฮียหมดตัวเลยอย่าบ่นทีหลังล่ะกัน” ผมส่งเสียงขู่ไปหวังว่ามันจะกลัวแต่เปล่าเลยครับ มันกับหัวเราะก้องรถซะอย่างนั้น
“พี่ยอมให้ธี ‘กินพี่ทั้งตัว’ เลย” คำพูดส่อไปคนละความหมายถูกส่งมาพร้อมสายตายั่วเย้า ทำเอาผมอึ้งไปเลยคนอะไรวะขยันทำผม ‘อาย’ เอ้ย! ‘อึ้ง’ ตลอด
“เฮีย สตาร์ทรถได้แล้วผมร้อนแล้วเนี่ย เปิดแอร์เลย เร็วๆ” ผมเปลี่ยนเรื่องหันมาสนใจเรื่องรถแทน แต่ผมร้อนจริงๆนะครับโดยเฉพาะที่ใบหน้าร้อนฉ่าไปหมดแล้ว ไอ้หมอภีมมันก็หัวเราะอย่างได้ใจที่แกล้งผมได้สำเร็จ ผมจึงแกล้งทำเป็นไม่สนใจเอื้อมมือเร่งความเย็นและเปิดเพลงเพื่อกลบเสียงหัวเราะของมันครับ
ไอ้หมอภีมพาผมมาที่ผับเดิมของเฮียติณห์ ผมก็ไม่อะไรมากจะเที่ยวที่ไหนก็ได้ขอให้คืนนี้ได้เที่ยวเป็นพอ และ LED PUB ของเฮียติณห์ก็ดูดีเปิดเพลงก็เพราะซึ่งมันก็ถูกใจผมอยู่แล้วครับ ไอ้หมอภีมพาผมเดินผ่านผู้คนที่ยังไม่เยอะเพราะยังไม่ดึกเข้ามาด้านในเหมือนมันจะจองไว้แล้วครับ มาถึงก็มีพนักงานเข้ามาถามเรื่องเครื่องดื่มทันที ผมที่อิ่มมาจากมื้อเย็นจึงขอแค่เบียร์ขวดเล็กเท่านั้นไอ้คนพามาก็สั่งเหมือนกันไปครับ หรือนี่จะเป็นแผนมันกันแน่ที่ให้ผมกินจนอิ่มและดื่มต่อไม่ไหว ผมคงเผลอจ้องไอ้หมอภีมหน้าขาวนานไปหน่อยครับมันเลยหันมามองผมยิ้มๆส่งสายตามีคำถามมาให้
“แผนเฮียป่ะเนี่ย ให้ผมอิ่มจนดื่มไม่ไหวอ่ะ” ไอ้หมอภีมมันหัวเราะลงคอเลยครับ ก่อนจะส่ายหัวนิดหน่อยแต่สายตาเจ้าเล่ห์ที่ผมเห็นทำให้ผมไม่ต้องแปลอะไรอีกแล้ว ‘ไอ้หมอเจ้าเล่ห์เอ๊ย ตลอดๆเลยมึง’
“เฮีย แม่ง เจ้าเล่ห์สุดๆอ่ะ” ผมชี้หน้าไอ้คนเจ้าเล่ห์ทันที แต่มันกลับคว้ามือข้างนั้นของผมว่ากุมไว้แทน ทำเอาผมต้องรีบดึงออกแต่หาหลุดไม่
“พี่เจ้าเล่ห์ตรงไหนครับ ก็แค่อยากให้ ‘แฟน’ พี่กินอิ่มนอนหลับแค่นั้นเอง” มันกล้ามากครับที่หลุดคำต้องห้ามออกมา ถึงแม้ผมจะตกลงกับมันแล้วแต่ก็ยังไม่เคยใช้คำนี้เลยนะครับ ดีที่ในนี้แสงน้อยหน้าแดงๆของผมมันคงไม่เห็นนะ
ผมยกเบียร์ขึ้นกระดกเบนสายตาหนีสายตาพราวตรงหน้า ความรู้สึกตอนนี้คือทำตัวไม่ถูกเพราะไม่เคยคิดจะใช้คำนี้กับใครและยิ่งกับเพศชายด้วยแล้วยิ่งไม่เคย สายตาผมไล่กวาดมองไปทั่วและเป็นภาพเดิมๆที่ผมจะเจอได้ในสถานที่เที่ยวกลางคืน หญิงชายนักเที่ยวในชุดเรียกสายตาและท่าเต้นแสนยั่วยวนเข้ากับเพลงดังกระหึ่ม ผมฟังเพลงและดื่มไปเรื่อยโดยมีอีกคนที่นั่งข้างกันไม่ไปไหนเราไม่ได้พูดอะไรกันมาก แต่เมื่อไหร่ที่ผมหันกลับมามองก็จะเจอมันมองอยู่ก่อนแล้วเสมอเหมือนสายตามันไม่ได้เคลื่อนไปไหนไกลจากหน้าผมเลยครับ
“มองทางอื่นก็ได้เฮีย จ้องผมอยู่ได้” อาการปากเร็วกว่าสมองทำงานผิดเวลา ผมว่าผมหาเรื่องเข้าตัวเองซะแล้ว
“คนที่พี่สนใจอยู่ตรงหน้าพี่จะมองที่อื่นทำไมกันครับ” นั่นไงว่าแล้วเชียวมีจังหวะเป็นหยอดตลอดเหอะคนเรา แต่ผมยังไม่ทันตอบก็มีมือมาตะปบไหล่จนต้องหันไปมอง
“มน มาได้ยังไง” เพื่อนสนิทสาวเท่ของผมเองครับที่เป็นเจ้าของมือ มนส่งยิ้มนิดๆมาให้ผมก่อนหันไปยิ้มทักทายไอ้หมอภีม แต่คนที่อยู่ข้างหลังสาวมนนี่ซิครับที่ทำให้ผมแปลกใจ
“ไงมึงวันนี้หนีงานมาได้เหรอวะ หวัดดีครับธี” เสียงห้าวเข้มของเฮียติณห์ทักเพื่อนสนิทตัวเองก่อนหันมาทางผม ผมก็ได้แต่ก้มหัวส่งยิ้มให้เฮียแกไปครับ
“มนนั่งโต๊ะเดียวกับธีนะครับ เดี๋ยวพี่เรียกเด็กมาจัดที่เพิ่มเอง” เฮียติณห์หน้าหล่อเข้มด้วยไรหนวดหันไปพูดกับสาวเท่ของผมยิ้มๆ ก่อนกวักมือเรียกเด็กในร้านของตัวเองมาจัดการเรื่องโต๊ะให้
ผมสังเกตคำพูดและท่าทางที่เฮียติณห์มีต่อสาวเท่ของผมแล้วชักติดใจ และสงสัยว่าสองคนเค้าสนิทกันตั้งแต่ตอนไหนถึงได้มาเที่ยวด้วยกันสองคนแบบนี้ ผมหันไปมองหน้ามนทันทีและเจอเข้ากับสายตาของมนที่กำลังมองผมอยู่แล้วด้วยรอยยิ้มติดมุมปาก ก่อนมนจะก้มกระซิบใกล้หูผม
“เชื่อกู เดี๋ยวค่อยคุยกัน”
...........................................................
โปรดติดตามตอนต่อไปค่ะ >O<
ไม่รู้ตอนนี้คนอ่านจะคิดว่ายังกับอาการ “งอน” ของธี
คงแอบหมั่นไส้มากกว่าเอ็นดูซะล่ะมั้ง 555 แต่เฮียภีม
ก็ยังน่ารักเหมือนเดิม รู้ตัวว่าทิ้งตี๋น้อยให้เหงาเลยพาเที่ยว
ซะเลย แต่ดันมาเจอสาวมนเข้าให้ก็ไม่รู้มนติณห์จะไป
ถึงขั้นไหนกันแล้วถึงมาด้วยกันได้
ตอนหน้ามาดูกันว่าเมื่อตี๋น้อย “หวง” จะน่ารักน่าชัง?!แค่ไหน
และดูความคืบหน้าของสาวมนกับเฮียติณห์ด้วยค่ะ
ปล.+1ให้ทุกเม้นท์เหมือนเดิม และอย่ากังวลเรื่องสายลมเบาๆ
ที่จะมากระทบคู่นี้ค่ะ เพราะจะมีตอนปลอบใจให้คนอ่านได้
เลือดสูบฉีดก่อนเร็วๆนี้ 555 เจอกันอีกทีวันพฤหัสฯนะคะ^___^
