ตอนที่ 35 ธี‘ไอ้เชี่ย มึงจะเปรียบเทียบกับครั้งแรกทำไมเนี่ย กูว่าจะเคลิ้มกับมึงแล้วเชียว’ ผมทั้งโมโหทั้งหงุดหงิดที่โดนมันล้อเลียน จึงก้าวขาลงจากเตียงว่าจะหนีมันเข้าห้องน้ำ ไม่อยากมองหน้าแม่งเหอะ แต่ยังไม่ทันลุกยืนอ้อมแขนแกร่งของไอ้หมอภีมก็รวบตัวผมเข้าสู่อ้อมกอด
“พี่ล้อเล่นครับ งอนพี่เหรอ หืม พี่ขอโทษนะครับ” เสียงนุ่มกระซิบชิดหูก่อนที่ผมจะรับรู้ถึงสัมผัสเปียกชื้นที่ข้างแก้ม จากที่โมโหก็หายไปเพราะใจกลับเต้นแรงแทน ผมไม่กล้าหันไปมองหน้าเจ้าของอ้อมกอดจึงใช้วิธีเงียบตอบโต้ไป
“พี่แค่อยากให้ธีมีของที่พี่ตั้งใจซื้อให้ติดตัวตลอดเวลา พวกแหวนสร้อยนาฬิกาธีมีเยอะแล้ว พี่จึงเลือกต่างหูมาเป็นตัวแทนของพี่ให้ธี นะครับธีตามใจพี่นะ” เจ้าของเสียงออดอ้อนจับไหล่ผมพลิกกลับมาจ้องตาเว้าวอน ผมที่ได้เห็นก็เผลอตัวพยักหน้าแบบไม่รู้ตัว และรอยยิ้มเจิดจ้าที่ทำให้ใจผมแทบทะลุอกออกมาก็ฉายชัดเต็มสองตาจนเผลอจ้องอยู่นาน
ใบหน้าหล่อใสของไอ้หมอเจ้าเล่ห์เคลื่อนเข้าหา ผมหลับตาเตรียมรับสิ่งที่คิดไว้แต่สัมผัสอุ่นร้อนกลับเบี่ยงออกไปด้านข้างที่ใบหูขวา ลมร้อนถูกเป่ารดเบาๆพร้อมแรงบดคลึงจากนิ้วมือ และก่อนที่ผมจะรู้ตัวแรงกดจากของแหลมก็ถูกแทงเนื้ออ่อนของใบหูเข้ามา
“อ๊ะ” ผมสะดุ้งตัวขึ้นและรับรู้ได้ว่าถูกไอ้หมอภีมมันเจาะรูหูพร้อมใส่ต่างหูให้เรียบร้อยแล้ว แต่ก่อนที่มันจะเจาะหูผมอีกข้างผมก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้จึงคว้ามือมันไว้ก่อน
“อีกข้างเฮียก็ใส่เองสิผมไม่อยากเจ็บตัวสองครั้ง มาผมเจาะให้เอง” ไม่รู้มันจะเข้าใจถึงความหมายแฝงที่ผมต้องการสื่อรึเปล่า ผมก็แค่อยากให้มันใส่คู่กันก็ไหนๆมันคิดจะจับจองผมแล้ว ผมก็มีสิทธิ์จับจองมันเท่าเทียมกันเหอะ
ไอ้หมอภีมมองหน้ามองอึ้งๆก่อนจะคลี่ยิ้มหวานอย่างถูกใจมาให้ มันคงรับรู้สิ่งที่ผมคิดไว้ล่ะครับถึงยิ้มอย่างรู้ทันขนาดนั้น ผมเบนหลบสายตาแวววาวคู่นั้นก่อนจะเล็งไปที่หูข้างเดียวกันกับที่มันเจาะให้ จะเอาให้ยิ้มไม่ออกเลยเหอะอยากยิ้มเยาะผมดีนัก แต่มันไม่ยักกะร้องหรือสะดุ้งที่ผมเจาะหูให้และใบหน้าก็ยังมีรอยยิ้มอยู่ได้
“คราวนี้เราก็มีสิ่งแทนใจเหมือนกันแล้วนะครับ ต่อไปทำอะไรให้คิดถึงพี่ก่อนนะครับไม่ว่าเรื่องนั้นจะทุกข์หรือสุขมากแค่ไหน เพราะพี่อยากมีส่วนร่วมในทุกอย่างของชีวิตธี พี่รักธีนะครับ” สายตาหวานเชื่อมสื่อดังคำพูดที่เอื้อนเอ่ย ก่อนปากแดงๆตรงหน้าจะจูบเข้าที่ใบหูด้านขวาที่มีของแทนใจ และเคลื่อนมาทาบปิดปากผมที่เผยอรออย่างรู้หน้าที่
จูบรับอรุณยืนยันคำรักและปิดผนึกหัวใจของไอ้หมอภีม เป็นจูบที่อ้อยอิ่งอ่อนหวานถ่ายทอดอารมณ์รักหวานละมุน ผมปล่อยตัวปล่อยใจตอบรับไม่สนใจเรื่องเวลาว่าจะนานเท่าใด ขอแค่รับรู้ว่ามีกันและกันอยู่ตรงนี้เท่านั้นก็พอ
................................................
แสงสะท้อนจากอัญมณีสีดำที่ใบหูเรียกสายตาของผมให้จับจ้องที่หน้ากระจกอยู่นาน ไม่อยากจะเชื่อว่าผมกับไอ้หมอภีมจะมาถึงวันนี้ได้ วันที่ผมเปิดใจยอมรับมันไว้ทั้งใจทั้งตัวและมีสิ่งของแทนใจยืนยันว่ามันเข้ามามีตัวตนในชีวิตผมแล้วจริงๆ
ผมอดคิดไม่ได้ว่าถ้าเป็นผู้ชายคนอื่นผมจะยอมได้ถึงขนาดนี้มั้ย และถ้าเป็นผู้ชายในฝันคนที่มีรอยยิ้มสว่างเจิดจ้าคนนั้นล่ะผมจะยอมเหมือนที่ยอมมันมั้ยครับ ลองจินตนาการดูว่าถ้าผมต้องจูบต้องมีอะไรที่ลึกซึ้งแบบที่ผมทำกับไอ้หมอจอมหื่นของผมแล้ว ใบหน้าในกระจกที่ผมเห็นตอนนี้มันช่างเหยเกได้อย่างน่าเกลียดลืมภาพตี๋หล่อไปเลย ผมรับไม่ได้และไม่คิดจะทำกับผู้ชายคนอื่นอีกแล้วครับ ถึงแม้คนๆนั้นที่ผมลืมจะมาโผล่ตรงหน้าผมก็ไม่มีวันยอม
“กูแพ้ทางมึงคนเดียวเหอะไอ้หมอภีม มาถึงขั้นนี้แล้วกูไม่ยกมึงให้ใครแน่” ผมหมายมั่นปั้นมือไว้กับตัวเองโดยที่อีกฝ่ายไม่ได้รับรู้ด้วยเลยแต่ใครจะสนล่ะครับ ในเมื่อไอ้หมอภีมมันได้ผมไปทั้งตัวและหัวใจแล้วมันต้องรับผิดชอบ รอยยิ้มเจ้าเล่ห์โผล่ออกมาให้เห็นในกระจกเมื่อผมตัดสินใจได้แล้ว ‘มึงอย่าหวังว่าจะมีใครได้อีกนอกจากกู’
หลังจากนั้นผมก็รีบจัดการตัวเองในห้องน้ำอย่างเร่งรีบ มัวแต่คิดอะไรอยู่นานเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าต้องรีบไปทำงาน จึงอาศัยวิ่งผ่านน้ำและพันผ้าขนหนูผืนเดียวออกมา รีบแต่งตัวอย่างไวอยู่คนเดียวในห้อง สงสัยไอ้หมอจอมหื่นมันจะออกไปเตรียมอาหารเช้าให้ผมแบบที่มันเสนอตัวไว้ก่อนผมเข้าห้องน้ำ หวังว่าครัวคงไม่พังซะก่อนนะครับคนอะไรคุณหนูเกินไม่เคยเข้าครัวเลย ผมเปิดประตูห้องนอนออกมาด้านนอกได้ก็ตะโกนเรียกหาไอ้หมอภีมทันที
“เฮีย เสร็จยังด่วนด้วยผมต้อง ระ รีบ ไป ทำ งาน” ในที่สุดผมก็ปล่อยคำพูดจนจบประโยคได้ทั้งๆที่ตกใจกับภาพคนแปลกหน้าที่อยู่ในห้อง
สาวสวยหน้าหวานที่นั่งคู่อยู่กับไอ้หมอภีมมองตรงมาที่ผมเขม็งด้วยสายตานิ่งและจับสังเกต เธอมองผมตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างช้าๆทำเอาคนถูกมองแบบผมทำอะไรไม่ถูกยืนนิ่งค้างให้เธอสำรวจได้เต็มที่ ความสงสัยถูกจุดขึ้นมาว่า ‘เธอเป็นใคร’ ทำไมถึงเข้ามาในห้องส่วนตัวไอ้หมอภีมได้ แถมท่าทางทั้งคู่ก็น่าจะรู้จักสนิทสนมกันเป็นอย่างดี ไม่อยากจะเดาว่ามันแอบพากิ๊กมาทั้งๆที่มีผมอยู่ในห้องด้วย หรือว่ากิ๊กมันรู้ว่าผมมาที่นี่และตามมาราวีกันแน่ แต่ท่าทางหน้าตาของเธอดูผู้ดีมากครับแม้ดูก็รู้ว่าอายุมากกว่าไอ้หมอภีมก็เถอะ หรือไอ้หมอภีมมันจะเล่นของสูง(อายุ)วะครับ ผมที่ยืนอึ้งแดกคิดอะไรไปไกลจน กู่ไม่กลับต้องได้สติเพราะน้ำเสียงนิ่งเรียบที่ดังขึ้น
“นี่น่ะเหรอเด็กที่ว่า” สายตาจับจ้องผมถูกเบือนไปทางไอ้หมอภีมที่นั่งอยู่ มันพยักหน้ารับก่อนหันมาสบตาผมและพยักหน้าให้ผมเดินเข้าหา แต่ขาผมก้าวไม่ออกจริงๆครับได้แต่ยืนอึ้งอดจะใจหายไม่ได้ เมื่อใจเอนเอียงไปว่ามันกับผู้หญิงคนนี้รู้จักกันดีมากจนถึงขั้นลึกซึ้ง และดูท่าทางไอ้หมอภีมเองก็ออกจะเกรงใจเธออยู่ไม่น้อย ‘นี่กูคงไม่ได้เป็นเมียน้อยแบบรู้เท่าไม่ถึงการณ์ใช่มั้ยวะ’
“ธีเป็นอะไรครับ ไปนั่งกับพี่เร็ว” ไอ้หมอภีมลุกมาหาผมแตะไหล่และมองหน้าอย่างสงสัยในอาการที่ผมเป็น ก่อนผมจะโดนดึงตัวไปนั่งตามที่มันต้องการ เมื่อนั่งเรียบร้อยแล้วผมก็ได้เผชิญหน้ากับผู้หญิงคนนี้แบบจะๆ และผมก็ต้องยอมรับว่าเธอสวยมากจริงๆถ้าเป็นเมื่อก่อนผมจีบไปแล้วครับ แต่ตอนนี้เวลานี้ผมแค่จ้องตาเธอนิ่งๆไม่คิดจะหลบ เพราะถือสิทธิ์ว่าไอ้คนข้างตัวมันเพิ่งให้ของแทนใจและเอ่ยฝากรักกับผมไว้แล้ว ผมจึงมีสิทธิ์ในตัวมันเต็มที่
“เราน่ะชื่อ ‘ธี’ ใช่มั้ย” เสียงหวานจากคนหน้าสวยดังขึ้น ผมก็แค่พยักหน้าตอบแต่ใจนี่อยากจะถามกลับว่าเธอน่ะชื่ออะไรและมีความสัมพันธ์อย่างไรกับคนของผม
“แม่ครับ! เลิกล้อเล่นเถอะครับ ดูสิตี๋น้อยของผมหน้าบึ้งหมดหล่อแล้ว ฮึๆ ธีครับนี่ ‘คุณแม่’ ของพี่เอง” ผมตั้งตัวไม่ทันเมื่อได้รับรู้ว่าคนตรงหน้าคือผู้ให้กำเนิดไอ้หมอภีม จนยกมือไหว้ท่านอย่างเงอะงะหมดสภาพตี๋หล่อขี้เล่นหมดเลยครับ
“คิกๆ แหมตาภีมแม่ก็แค่ล้อเล่นนิดเดียวเอง แต่อาตี๋น้อยของลูกนี่น่ารักจังเลยน้า อารมณ์เปลี่ยนเร็วจังเมื่อกี้ยังหน้าบึ้งอยู่เลยแต่ดูตอนนี้สิเหวอเชียว มาลูกขอแม่กอดรับขวัญหน่อยนะครับ” ผมตามอารมณ์ผู้หญิงตรงหน้าที่มีสถานะเป็นผู้ให้กำเนิดของไอ้หมอภีมไม่ทันจริงๆครับ จึงปล่อยตัวให้เธอกอดรัดอย่างสมใจ
“พอแล้วครับแม่ นี่คนของผมนะครับ เดี๋ยวผมฟ้องพ่อซะหรอกว่าแม่กอดผู้ชายคนอื่นต่อหน้าผมเนี่ย ฮึๆ” สองแม่ลูกหยอกล้อกันโดยมีผมเป็นคนกลางที่ได้แต่นั่งฟังอึ้งๆเพราะยังปรับตัวไม่ทัน ดูท่าทางครอบครัวนี้เค้าจะรักและใกล้ชิดกันมากนะครับหยอกกันเหมือนเพื่อนเลย แต่ขอร้องอย่าเอาผมมาล้อเลียนเลยครับแค่นี้ผมก็ทำตัวไม่ถูกแล้ว
“ชิ ทำหวงแม่แค่กอดอาตี๋น้อยหน่อยเดียวเองนะ ธีลูกรู้มั้ยแม่น่ะ รอร้อรอ ว่าเมื่อไหร่ลูกชายตัวดีของแม่จะพาธีไปหาพวกเราที่บ้านสักที จนรอไม่ไหววันนี้แม่ถึงบุกมาหาลูกๆที่นี่เอง แต่ก็สมใจได้เจออาตี๋น้อยของลูกชายแม่จนได้ ฮิๆ” เอาล่ะสิครับงานเข้าแล้ว
‘ไอ้หมอบ้ามึงไปเผาอะไรให้ครอบครัวมึงฟังบ้างเนี่ย กูไม่ไหม้เกรียมเลยเหรอวะ’ ผมก็ได้แต่นั่งยิ้มแบบเอ๋อๆไร้ซึ่งคำพูดกับคุณแม่คนสวยเพราะยังทำตัวไม่ถูก และได้แต่ฟังสองแม่ลูกเค้ากระเง้ากระงอดใส่กัน เรื่องไปทำงานนี่คงต้องปลงล่ะครับว่าสายแน่นอนเดี๋ยวค่อยไปแก้ตัวกับเฮียธัชเอาทีหลัง
“ธีลูก มะรืนนี้วันหยุดไปทานข้าวกับพ่อแม่ที่บ้านนะจ๊ะ ห้ามปฏิเสธนะลูกเพราะถ้าพ่อตาภีมรู้ว่าแม่แอบมาเจอธีก่อน แถมไม่ยอมชวนธีไปที่บ้านให้เค้าเจอล่ะก็ มีหวังงอนแม่แน่ๆ” คุณแม่คนสวยพูดยิ้มๆแต่เป็นยิ้มที่ผมไม่อาจเอ่ยปฏิเสธคำชวนได้
“ครับ” ตอบรับสั้นๆอย่างได้ใจความและครอบจักรวาลว่าผมนี้ผมยอมจำนนต่อคนสวยตรงหน้าแล้วครับ และผมก็ได้รู้แล้วว่านิสัยเผด็จการของไอ้หมอภีมนั้นได้มาจากใคร
หลังจากนั้นคุณแม่ก็เอ่ยขอตัวดูเหมือนว่ามีนัดที่สมาคมอะไรสักอย่างต้องรีบไป ‘แต่แม่ครับแม่ไปได้ตรงนัดแต่ผมนี่สิโคตรสายเลย’ เมื่อไอ้หมอภีมปิดประตูตามหลังคุณแม่โดยมีเราสองคนยืนส่งแล้ว ผมก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ได้อย่างปลอดโปร่ง
“อะไรครับถึงกับถอนใจเลยเหรอ แม่พี่ทำให้ธีลำบากใจรึเปล่า” สายตาห่วงใยถูกส่งมาให้ผมพร้อมคำถาม ผมรีบส่ายหน้าทันทีก่อนตอบ
“เปล่าๆ ผมก็แค่โล่งใจที่แม่เฮียไม่ว่าอะไร ก็เท่านั้น” จบประโยคของผมไอ้หมอภีมก็ยิ้มกว้างอย่างยินดี ก่อนโผเข้ากอดผมและโยกตัวผมไปมา
“พี่นึกว่าธีลำบากใจซะอีก ครอบครัวพี่รู้และยอมรับเรื่องเราแล้ว ต่อจากนี้ธีห้ามทิ้งพี่นะครับ ฮึๆ” เสียงหัวเราะเจ้าเล่ห์ดังขึ้นจนผมหมั่นไส้ จึงแกล้งทุบไปที่หลังคนฉวยโอกาสเบาะๆให้พอเจ็บๆคันๆ ผลก็คือไอ้หมอภีมผละจากกอดและเอื้อมมือลูบหลังบริเวณที่ผมทุบหน้าตายู่ยี่
“ตัวเฮียเองนั่นแหละ ‘ห้ามทิ้ง’ ทำอะไรไว้รับผิดชอบด้วย ไม่งั้น ฮึๆๆ ‘โดน’ แน่” ผมแสยะยิ้มโหดใส่ตาไอ้หมอภีมก่อนเหลือบมองที่เป้ากางเกงให้มันรู้ว่ามันจะ ‘โดน’ อะไรถ้าคิดจะทิ้งกัน ซึ่งมันก็ยกมือกุมเป้าแกล้งทำหน้าตากลัวเกรงแต่แววตาไหวระริก ผมหลุดขำก่อนส่ายหน้าระอาให้กับไอ้หมอปัญญาอ่อนและหันหลังเตรียมเดินเข้าครัวหาอะไรรองท้อง ไหนๆก็สายแล้วสายอีกหน่อยจะเป็นไรขอท้องอิ่มไว้ก่อน แต่ยังเดินไม่ถึงไหนก็โดนมันคว้าตัวไปกอดอีกแล้ว
“กลัวแล้วครับพี่ไม่กล้าทิ้งหรอก ออกจะรักขนาดนี้ กว่าจะได้มาต้องพยายามแทบแย่แน่ะ” ได้ฟังผมก็อดดีใจไม่ได้จริงๆ แต่ต้องเก็บไว้ไม่ให้มันรู้เดี๋ยวได้ใจข่มผมอีก แค่นี้ผมก็โดนทั้งกดทั้งขี่มากพอแล้วครับ
“เลี่ยนว่ะ ผมหิวแล้วทำไรไว้มั่งเนี่ย” ผมพยายามแกะมือมันออกแต่พอแกะได้ มันก็คว้าเอวผมไปโอบไว้อีกก่อนจะโอบเอวพาเดินเข้าครัว
บนโต๊ะอาหารก็มีพวกขนมปังปิ้งที่ดูท่าจะแข็งโป๊กจนปาหัวหมาแตก ไข่ดาวและเบคอนที่ขอบเกรียมนิดๆ สุดท้ายเป็นกาแฟเย็นชืดที่ไม่รู้ว่ารสชาติจะเป็นยังไง ผมเงยมองหน้าคนทำและได้เห็นยิ้มกว้างเหมือนภูมิใจกับอาหารบนโต๊ะมาก คำต่อว่าที่จะหลุดจากปากก็ถูกกลืนลงคอก่อนจะนั่งลงที่เก้าอี้ตรงข้ามกับไอ้หมอภีม ผมหยิบส้อมและมีดมาหั่นเบคอนเป็นชิ้นพอดีคำและเอาเข้าปาก สายตาจับจ้องถูกส่งมาทางผมเขม็งเหมือนลุ้นรอคำตอบ ผมล่ะอยากจะบอกมันเหลือเกินว่าอร่อยหรือไม่อร่อยมันอยู่ตั้งแต่ที่โรงงานผลิตแล้วเพราะไม่ว่าใครจะทำก็คงรสชาติเหมือนกันเหอะ แต่ปากผมมันกลับทรยศสิ่งที่คิดอยู่
“ก็ อร่อยดี” เท่านั้นแหละครับไอ้หมอหื่นมันก็ยิ้มซะหน้าบานอย่างกับได้รับรางวัลทีวีแชมป์เปี้ยนซะงั้นครับ และคงเป็นที่พอใจของมันแล้วจึงก้มหน้ากินอาหารตรงหน้าของมันบ้าง ‘เออเนอะ ไอ้หมอขี้เก๊กก็มีมุมปัญญาอ่อนเหมือนกันแฮะ’
หลังจากนั้นผมกับมันก็ก้มหน้าก้มตากินและไอ้หมอหื่นมันก็พาผมมาส่งที่โรงงาน ก่อนกลับมันยังย้ำกับผมเรื่องที่ผมต้องไปกินข้าวกับครอบครัวมันในวันหยุดนี้อีกด้วยครับ ผมก็เออออไปกับมันเพราะถึงยังไงก็รับปากผู้ใหญ่ไว้แล้วก็คงต้องไป
“วันนี้พี่ต้องขึ้นเวรคงมาหาธีไม่ได้ คิดถึงแย่เลย เฮ้อออ แต่พรุ่งนี้พี่จะมารับนะครับ” เจ้าของเสียงออดอ้อนทำหน้าตาน่าสงสารใส่ตาผม ก่อนมันจะรวบรัดโดยไม่ฟังความคิดเห็นของผมด้วยสายตาเจ้าเล่ห์ ผมล่ะตามอารมณ์มันไม่ทันจริงๆ
“อ้าว พรุ่งนี้เฮียก็ขึ้นเวรนี่หน่าจะมารับผมทำไม” มันทำหน้าบึ้งทันทีที่เห็นว่าผมตั้งท่าจะปฏิเสธ
“พี่ลงเวรเที่ยงคืนและจะมารับธีไปนอนด้วย อย่าขัดใจพี่เลยครับ จากนี้พี่จะไม่ได้เห็นหน้าธีตั้งเกือบสามสิบหกชั่วโมงนะครับ เห็นใจพี่เถอะคนดี นะครับ” พูดไม่พูดเปล่าแต่ไอ้หมอภีมจอมฉวยโอกาสก็คว้ามือผมไปกุมไว้แน่นด้วยสายตาออดอ้อน ผมพยายามดึงมือออกและตอบรับมันอย่างเร็ว เพราะไอ้หมอภีมมันยื่นหน้าเข้าหาผมซะแล้วครับ ขืนไม่รีบรับปากผมได้เสียปากและโชว์ซีนหวานให้ลูกน้องเห็นทั้งโรงงานแน่ๆเหอะ
“ฮึๆๆ ครับเดี๋ยวพี่โทรหาเมื่อถึงโรงพยาบาลแล้วนะ” หน้าตาออดอ้อนที่เคยมีเปลี่ยนฉับพลันกลายเป็นหมาป่าเจ้าเล่ห์ซะแล้ว ผมก็พยักหน้าให้เตรียมเปิดประตูลงรถแต่ก่อนลงก็มีแรงกระตุกที่แขน จนหลังของผมสัมผัสได้ถึงอกแกร่งและริมฝีปากนิ่มที่ใบหูขวาก่อนลิ้นชื้นจะตวัดเลีย ผมสะดุ้งสุดตัวผละออกจากอ้อมกอดอุ่น
“พี่ก็แค่ขอกำลังใจเองครับ ทำไมต้องหน้าแดงด้วย หืม” ผมหน้าร้อนผ่าวมือกุมหูข้างที่โดนมันเลียไว้และจ้องตอบสายตาเจ้าเล่ห์ของไอ้หมอหื่นไปด้วย หึ้ย! อยู่กับมันผมเสียเปรียบตลอดครับอย่าให้ถึงทีผมบ้างละกัน
“ไอ้หมอหื่น! รีบไปทำงานเลยไปถือว่าเป็นลูกเจ้าของโรง’บาลจะสายได้เหรอ ยังจะยิ้มอีก เฮอะ” พูดจบผมเปิดประตูลงรถก่อนปิดประตูดังโครมเอาให้รถยุโรปสุดรักของมันพังไปได้ยิ่งดี
ผมหมุนตัวเดินตรงเข้าตึกทันทีจากหางตาก็เห็นว่าไอ้หมอภีมมันลดกระจกลงส่งยิ้มกว้างให้เหมือนคนบ้าและโบกมือส่งผมด้วย แต่ผมไม่สนใจหรอกครับเพราะไม่อยากจะมองหน้าเจ้าเล่ห์ของมันต่อ เดี๋ยวจะอดใจไม่ไหวจนต้องส่งจูบด้วยบาทาไปให้มันแทน
“มาสายนะมึง เป็นอะไร ทำไมยิ้มทั้งๆที่หน้าแดงขนาดนั้นวะ” เฮียธัชทักผมทันทีที่เห็นหน้านึกว่าจะโดนด่าว่ามาสายซะแล้วครับ แต่เดี๋ยวนะเฮียทักว่าผมยิ้มเหรอครับ ผมยกมือจับหน้าตัวเองจึงรู้ว่าเป็นอย่างที่เฮียว่าไว้จริงๆ
‘ไอ้หมอบ้ามึงพ่นพิษใส่กูไม่พอ ยังทำให้กูเป็นคนบ้าในสายตาคนอื่นอีก’ ผมที่ไม่รู้จะตอบคำถามเฮียธัชยังไงก็เดินหนีซะดื้อๆแบบนั้นแหละครับ แต่ยังทันได้ยินเฮียบ่นพึมพำตามหลัง
“ผลงานไอ้ภีมแหงๆ ‘มันแน่จริงว่ะ’ ทำเอาน้องกูเขินได้ ฮ่าๆๆ”
..............................................
โปรดติดตามตอนต่อไปค่ะ >O<
หวังว่าซีนหวานเล็กๆของตี๋น้อยกับเฮียภีมคงทำให้คนอ่านยิ้มกันได้บ้างนะคะ
งานนี้ไม่ใช่แค่เฮียภีมหวังจับจองตี๋น้อยที่รักเพียงคนเดียวหรอกค่ะ เพราะตี๋ธี
ก็หวังจองตัวเฮียเหมือนกัน เพราะตกหลุมรักเฮียไปทั้งใจซะแล้วตี๋มันก็หวง
เฮียมากเหอะ 555 คนอ่านแอบตกใจใช่ม้าว่าสาวสวยคือใคร ที่แท้ก็คุณแม่มิน
สุดสวยเองแหละค่ะ เล่นเอาตี๋น้อยเขม่นเก้อไปเลยเนอะ^^
ตอนหน้าติดตามครอบครัวหรรษาของเฮียภีมกันนะคะ ว่าจะน่ารักกันแค่ไหน
แต่ก็อดมีเรื่องให้ตี๋น้อยคิดมากไม่ได้อยู่ดี ส่วนจะเป็นเรื่องอะไรนั้นติดตามได้
วันเสาร์นะคะ
ปล.+1ให้ทุกเม้นท์แล้วนะคะ ขอบคุณทุกการติดตามค่ะ
