Show Me Now!! ตอนสุดท้าย รักกันเบาๆสองมือที่กอบกุมสอดประสาน ก้าวเดินเคียงคู่ ร่างกายชิดใกล้ ทำให้หัวใจดวงนี้ช่างอบอุ่น การได้รักมันคือความสุขที่ได้เรียนรู้ทั้งความสมหวัง ผิดหวังไม่มีจีรัง และการถูกรักมันคือความสุขยิ่งกว่า ยิ่งเมื่อรักนั้นได้รับจากคนที่เรารักเช่นเดียวกัน
คุณจะไม่ทิ้งผมใช่ไหม?
น้ำเสียงเหมือนไม่แน่ใจและคล้ายคาดหวังอยู่ในที เขายังจำมันได้ดี เพราะนั่นมันคือโอกาสที่อีกคนหยิบยื่นให้ และเขาก็รับมันด้วยความเต็มใจ
“ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่ามินจะเลือกนาย ให้ตายเหอะ!! ลูกชายที่ฉันทะนุถนอมกล่อมเกลี้ยงมาอย่างดี ทำไมต้องถูกนายคาบไปด้วย ฉันไม่เข้าใจ!!?”นั่นคือเสียงกรีดร้องของฟ้าใสในวันที่ได้รู้ว่าเพื่อนตัวเล็กที่ตัวเองเอ็นดูดั่งลูกในไส้ ตกปากรับคำคบหาดูใจกับนายภคินจอมแกล้งนั่นแล้ว ทั้งที่เธออุตส่าห์เป่าหูเจ้าตัวเล็กแล้วเชียว เจ็บใจนัก!!
มินได้แต่มองฟ้าใสสลับกับคูลที่ฟาดฟันกันด้วยสายตาแล้วยิ้มแหย ช่วงเช้าก่อนเข้าเรียนที่ก่อนหน้านี้ต้องหนีคุณคูลทุกวัน แต่เดี๋ยวนี้กลับตัวติดกันตลอด พักกลางวันคูลก็มักมาทานกลางวันด้วยถ้าไม่ติดอะไร และฟ้าใสก็จะฮึ่มฮั่มใส่กันตลอด พวกเขาไม่ได้เกลียดกัน เพียงแต่มีคนสำคัญคนเดียวกัน ก็เท่านั้น
“ช่วยไม่ได้นะ ก็คนมันรักกัน นางมารที่ไหนก็ทำอะไรเราไม่ได้หรอก” และนี่ก็คือคำตอบของคูลที่ทำให้ฟ้าใสปรี๊ดแตก เผยความลับไอ้คนอวดดีกลางโรงอาหาร
“มั่นใจมากนักนะ แล้วใครที่ไหนที่มันคอยตามเฝ้าเขาอยู่เป็นปีๆ แต่ก็ไม่มีทีท่าว่าจะได้อยู่ในสายตาเขา จนต้องใช้วิธีห่วยๆแบบนี้อ่ะ ฮ๊ะ!!”
“ยัยฟ้าใส!!”
“ทำไม!!?”
ไอ้คนใช้วิธี
ห่วยๆ ลุกพรวดจะกระโจนเข้าใส่ อีกคนก็ไม่ยอมกัน ‘ก็มันขัดใจนี่ ทำไมต้องเป็นหมอนี่ด้วยล่ะ?’
“อ๊าาาาาาก”
และก่อนสถานการณ์จะบานปลายให้ขายหน้าใครเขาไปมากกว่านี้ ตัวเล็กจึงรีบแทรก
“ถ้ายังทะเลาะกันอีก ผมจะโกรธแล้วนะ!” มองทั้งสองฝ่ายหน้างอ
“……………………..”
“พวกคุณพูดกันในสิ่งที่ผมไม่รู้ เหมือนผมเป็นไอ้โง่ที่มานั่งอยู่ท่ามกลางคนฉลาดที่คุยกันแค่ไม่กี่ประโยคก็รู้ได้แล้วว่าอีกฝ่ายพูดถึงอะไร”
“…………………………”
คูลกับฟ้าใสเงียบ หันหน้าหนีไปคนละด้าน มินจึงพูดต่อ
“ถ้ายังมีอย่างนี้อีก ผมจะคิดว่าพวกคุณใช้ผมเป็นทางผ่าน เพราะพวกคุณรักกัน”“หา!!!”ทั้งสองเสียงร้องประสานด้วยความตกใจ หลังจากไอ้ตัวเล็กเอ่ยจบ เห็นหน้าตาจริงจังนั่นแล้วก็ไม่คิดว่าจะเป็นการพูดเล่นแต่อย่างใด มินเป็นคนไม่ค่อยพูด ติดจะยิ้มแทนการสื่อสารอย่างอื่นเสียมากกว่า แต่ที่พูดยาวและเป็นจริงเป็นจังขนาดนี้ คงเพราะลึกๆแล้วในใจเขาคงกังวลกับเรื่องดังกล่าวจริงๆ ก็ไม่รู้ว่าอะไรทำให้มินคิดเช่นนั้นได้
ตัวเล็กคว้าจานข้าวที่ยังพร่องไปไม่มากไปเทในถังใส่เศษอาหาร แล้วเอาจานเปล่ากับช้อนส้อมใส่ลงอีกถังที่ถูกเตรียมไว้ เดินออกจากโรงอาหารไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ฟ้าใสกับคูลหันมามองหน้ากัน ก่อนถอนหายใจหนักๆ และเป็นฟ้าใสที่พูดขึ้นก่อน
“ถ้านายทำเพื่อนฉันเจ็บล่ะน่าดู!”
“มันจะไม่มีวันนั้น” คูลตอบรับเร็วพอกัน
มือเรียวสวยของฟ้าใสยื่นไปข้างหน้า อีกคนก็ส่งมือไปจับ ถือเป็นการสงบศึก เพื่อคนๆเดียวเลยนะ เฮ้อ~
การกลับบ้านพร้อมกันหลังเลิกเรียนคืออีกกิจวัตรที่นายภคินทำไม่ได้ขาด หากวันไหนต้องอยู่ทำกิจกรรมกับที่ห้องก็จะไปส่งตัวเล็กก่อน และวันนี้ก็เช่นกัน หากแต่คนตัวเล็กมีเรื่องกังวลใจทำให้การเดินทางย่นระยะลงด้วยเหตุผลที่ว่าคูลจะเอาของไปเก็บที่บ้านก่อน
มินขึ้นมานั่งบนห้องโฮมเธียเตอร์ห้องเดิมที่เคยมา ถึงจะมาที่นี่ค่อนข้างบ่อย แต่ตัวเล็กก็ไม่เคยเฉียดใกล้ห้องนอนของอีกคนสักครั้ง ปล่อยให้คูลเอาของไปเก็บและเปลี่ยนชุดคนเดียว แม่บ้านเอาน้ำมาเสิร์ฟแล้วผละไปทำงานของตนเองต่อ คุณแม่คนงามของเด็กตัวโตก็ยังไม่กลับ
มินนั่งคิดอะไรเงียบๆคนเดียวภายในห้องนั้น ก่อนวงแขนอบอุ่นที่มักจะโอบกอดเขาทุกครั้งที่อยู่ข้างกันจะเลื่อนซ้อนมาจากด้านหลัง น้ำเสียงที่เคยคุ้นเอ่ยถามชิดใบหู
“คิดอะไรอยู่ หืม?”
กดจมูกหอมแก้มใส ลากไล้ริมฝีปากร้อนไปที่ไรผม กดย้ำซ้ำๆ ก่อนผละไปที่ใบหูเล็ก คนตัวเล็กหดคอหนีเพราะจั๊กจี้ ปากร้อนยังตามไล่งับ มินยกไหล่ขึ้นกัน เบี่ยงตัวใช้มือดันอกหนาออกห่าง ใบหน้าหล่อคมยังยื่นเข้าหา จนมือเล็กต้องเปลี่ยนเป็นปิดปากคนตัวโตไว้ทั้งสองมือ ร่างกายถูกเอนราบกับโซฟาสีแดงตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ได้ ตาโตๆนั้นจ้องมองคนที่คร่อมอยู่ด้านบน มันเต็มไปด้วยความสับสนและ…ไม่แน่ใจ
คูลท้าวแขนข้างหนึ่งกับโซฟา มืออีกข้างค่อยจับมือเล็กที่ปิดปากตัวเองไว้ออกช้าๆ กอบกุมไว้แล้วกดจุมพิตฝ่ามือเล็กแผ่วเบา ค่อยไล่ไปทีละนิ้ว เชื่องช้า สบประสานสายตากับคนใต้ร่างที่จ้องมองทุกการกระทำของเขา วางมือน้อยลงช้าๆ หยัดกายขึ้นสูงอีกนิด ปัดผมนิ่มที่ระหน้าผากเนียนนั้นออก ตามด้วยริมฝีปากร้อนที่แนบลงไปส่งผ่านความรู้สึกภายในใจนี้ให้อีกคนรับรู้
…อ่อนหวาน…
…อ่อนโยน…
…เนิบช้า…
จากหน้าผากไล่มาที่เปลือกตาที่หลับพริ้ม พรมจูบแผ่วเบาบนเปลือกตาบางทั้งสองข้าง แก้มนุ่มหอม และริมฝีปากอิ่มสีระเรื่อ ก้มลงป้อนสัมผัสหวามไหวค่อยแทรกเรียวลิ้นเลาะเล็ม ควานลึก ยั่วเย้าให้ตามติด เนิ่นนานราวลืมเวลา คนตัวโตถึงผละออก ร่างเล็กนอนบิดกายน้อยๆ แก้มแดง ตาปรือปรอย ริมฝีปากเจ่อบวมอ้าเผยอเพื่อสูดอากาศเข้าปอด ลิ้นสีแดงแลบเลียริมฝีปากราวยั่วให้อีกคนแทบคลั่ง
‘อา… อยากจะฟัดให้หนำใจ’คูลโน้มกายลงหาตัวเล็กอีกครั้ง กดจูบหนักๆที่ริมฝีปากช่างยั่ว
“มิน เลิกยั่วกันทีเถอะ คูลจะทนไม่ไหว”
ใบหน้าหล่อคมซุกซบซอกคอขาว อยากขบเม้มสร้างรอยรักก็มิอาจทำได้
“คุณคูล…”
“หืม?”
คูลขานตอบทั้งที่ยังมัวเมาอยู่กับแผ่นอกเนียนที่กระดุมเริ่มถูกปลดออกทีละเม็ด และทุกเม็ดก็จะถูกแทนที่ด้วยริมฝีปากร้อนของคนปลด
“คุณคูล…” ตัวเล็กเรียกอีกครั้งเมื่อคูลไม่คิดจะเงยหน้าขึ้นมาสนใจเขาเลย
“ครับ” แม้ตอบรับแต่ยังไม่อยากสนใจ
“คุณคูล รักผมจริงๆหรือเปล่า?”คูลชะงัก เงยหน้าควับขึ้นมองคนถามทันที
“ทำไมถามแบบนั้นล่ะ หืม?”
“ผมไม่รู้…ผมไม่แน่ใจอะไรเลย ช่วย…” เม้มปากสีหน้าสับสน
“……………….”
“ช่วย…ทำให้ผมมั่นใจมากกว่านี้ได้ไหม? ช่วยทำให้ผมเห็นว่าคุณรักผม ไม่ใช่แค่ผม…ที่รักคุณ…อยู่ฝ่ายเดียว”คูลชะงักอีกครั้งกับคำบอกรักนั้น เขาได้ยินไม่ผิดใช่ไหม? มินรักเขา มินบอกว่ารักเขา
“คุณคูล” มินเรียกสติคนที่นิ่งงัน คนตัวโตยิ้มบางลูบแก้มใสไปมา สายตารักใคร่ไม่ปิดบัง
“รักมินนะ รักที่สุด หากมินยังสงสัย หากยังไม่แน่ใจ คูลก็จะทำให้เห็น ทำให้มั่นใจ ทุกวัน ตลอดไป…”>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>
ช่วงสายวันเสาร์ ณ บ้านนายภคิน
ภายในห้องรับแขกของบ้าน ประตูกระจกใสถูกเลื่อนเปิดเพื่อถ่ายเทอากาศ เด็กหนุ่มหน้าคมเลือกมุมสบายนั่งอ่านหนังสือทบทวนบทเรียน การสอบของระดับ ม.ปลายยังมาไม่ถึง แต่เขาชอบติดที่จะอ่านแต่เนิ่นๆ ไม่อยากกดดันตัวเองมากเกินไปเวลาใกล้สอบ
อ่านไปก็นั่งฟังเสียงหวานระรื่นของคุณแม่คนงามกับ ‘ลูกชายคนใหม่’ อย่างน้องมินไป ที่คุยกันถูกคอเสียเหลือเกิน แต่นั่นก็ถือเป็นเรื่องดีที่คนที่เขารักได้รับความเอ็นดูจากบุพการี แม้ท่านจะยังไม่ทราบถึงความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งมากกว่าความเป็นเพื่อนระหว่างเขาและคนตัวเล็กนั้นก็ตาม แต่ระหว่างเขากับมินก็ไม่ได้ติดขัดอะไรหากจะไปมาหาสู่ ซึ่งทั้งคุณแม่คนงามของคูลและครอบครัวของมินต่างให้ความเอ็นดูทั้งคู่ไม่ต่างกัน
คูลยิ้มกับตัวเองน้อยๆ ก่อนปิดหนังสือในมือลง เดินตรงไปทางต้นเสียงที่ได้ยินแว่วมาไม่ขาดระยะ
ภายในห้องครัวคุณแม่คนงามกำลังสอนไอ้ตัวเล็กทำขนม ข้างๆกันนั้นก็เป็นแม่บ้านที่คอยช่วยหยิบจับอำนวยความสะดวกอยู่ใกล้ๆ คูลเดินเข้าไปพิงกรอบประตูมองไอ้ตัวเล็กที่ท่าทางตั้งใจมากจนเกินพอดี ดูแล้วอดลุ้นตามไปด้วยไม่ได้
ขายาวก้าวเข้าไปในครัว หยุดยืนซ้อนหลังตัวเล็ก ก่อนก้มลงกระซิบถาม ริมฝีปากเฉียดใบหูเล็กอย่างจงใจ
“ให้ช่วยไหม?”
“อ๊ะ!!!”
มินสะดุ้งเฮือก หันควับมองคนต้นเหตุ เผลอใช้มือที่เลอะครีมจับหูตัวเอง
“คุณคูล!!! เลอะเลยอ่ะ” ตัวเล็กต่อว่าเสียงดัง ก็ครีมที่เขากำลังบีบตกแต่งหน้าขนมมันไปกองรวมกันเละเทะไปหมดแล้ว คุณคูลนี่ยังไงนะ ขี้แกล้งไม่เปลี่ยนเลย ดูสิยังมีหน้ามาหัวเราะอีก
เพียะ!“โอ๊ย!!” มือเล็กฟาดแขนคนขี้แกล้ง คนที่ถูกตีก็ยังคงยิ้มระรื่นน่าหมั่นไส้ จึงได้รับฝ่ามือพิฆาตอีกหลายเพียะ
“โอ๊ย! โอ๊ย!! มิน คูลเจ็บ พอแล้วครับ ฮ่าๆๆ เจ็บจริงๆนะ”
คุณแม่คนงามมองพ่อลูกชายตัวดีที่ถูกน้องมินทำร้ายร่างกายแล้วส่ายหน้าขำ
ทุกทีสิน่า เจ้าลูกคนนี้ส่วนคุณแม่บ้านสาวรุ่นก็ปิดปากขำคิกกับการหยอกล้อของสองหนุ่ม นี่ถ้าคุณมินเป็นผู้หญิงพวกเธอต้องคิดว่าสองคนนี้เป็นแฟนกันแน่ๆ โดยที่ไม่รู้ว่าที่ตัวเองคิดกันเล่นๆน่ะ มันคือเรื่องจริง
“เอ้าๆพอก่อนน้องมิน ดูทีสิ หัวหูเลอะไปหมดแล้ว ขึ้นไปอาบน้ำอาบท่าก่อนดีไหมลูก เดี๋ยวค่อยลงมาทานข้าวกลางวันกัน ใช้เสื้อผ้าน้องคูลไปก่อนคงไม่เป็นไรนะ”
เมื่อถูกคุณแม่ทัก มินน้อยถึงเพิ่งได้สำรวจตัวเอง คราบแป้งกับอะไรไม่รู้เหนียวๆเลอะตามแขน ไหนจะข้างๆหูที่แสนจะเหนียวหนึบ จึงไม่ปฏิเสธคำบอกกล่าวของท่าน
“ป่ะ เดี๋ยวคูลพาไป” คนตัวโตทำแบ๊วเรียกตัวเองว่าคูลตั้งแต่วันที่เริ่มคบหา แถมยังลามมาถึงมินที่ถูกคะยั้นคะยอให้เรียกชื่อแทนตัว แต่ตัวเล็กก็ยังคงเรียก ‘คุณคูล’ อยู่ดี
มินมองท่าทางระริกระรี้จนปิดไม่มิดของเด็กตัวโตอย่างหวาดๆ รู้สึกจะเห็นหางกระดิกไหวๆด้วยนะน่ะ
คูลทำเป็นไม่สนใจท่าทางหวาดๆของไอ้ตัวเล็ก จับจูงมือน้อยขึ้นบ้าน
‘ไปอาบน้ำ’ กันดีกว่า หึๆ
The End.O คูลเวอร์ชั่นเดวิลค่ะ หึๆ จะผิดไหมถ้าจะบอกว่าชอบคูลเวอร์ชั่นหวาน
O จบลงไปแล้วนะคะสำหรับเรื่องสั้นเรื่องนี้ ขอบคุณที่ติดตามให้กำลังใจกันเสมอมา ขอบคุณมากค่ะ
Gemm , iamnan , aiwjun , chochang99 , Silverphoenix , gupalz , forbidden , นอนกินแรง , roseen ,
Lemon_Teaบางแก้ว , yeyong , PEPPERMINT , MiU , sakiko , bulldog17 , wan_sugi , pizza2011 , Anonymus ,
kun , winndy , look_new , lighterและทุกท่านที่กดเข้ามาอ่านเรื่องของเรา ขอบคุณค่ะ