♥♥♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต ✦ [DRAMA] [Rewrite] ▚▚▚
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ♥♥♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต ✦ [DRAMA] [Rewrite] ▚▚▚  (อ่าน 175590 ครั้ง)

ออฟไลน์ sarawatta

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 714
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +300/-10
คราวนี้คงต้องพักจริงๆ แล้วล่ะครับ แต่เรื่องอื่นๆ ยังลงให้อยู่นะครับเพราะเขียนไว้จนหมดแล้ว
ขอเวลาไปรักษาตัวก่อนสักสองสามวันครับ เดี๋ยวจะมาใหม่ จะพยายามไม่ป่วยนานนะครับ

icyblue

  • บุคคลทั่วไป
ทิวชีวิตรันทดจริงๆ   :angry2:เจ้าบูมกลับมารับผิดชอบด่วนๆ

คนแต่งน่ารักมากเลย เปื่อยแล้วยังมาต่ออีก  :man1:


งัยก็รักษาตัวดีๆ หายไวๆ นะค่ะ  รอได้จ๊ะ :L2: :กอด1:

ออฟไลน์ sarawatta

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 714
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +300/-10
♥♥♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (Re-written Version)
CHAPTER 16 ✦ รักซาดิสม์


"จะกลับบ้านแล้วเหรอ ให้ผมไปส่งไหม"

"ไม่เป็นไรหรอกครับคุณเชน รบกวนเปล่าๆ ดึกแล้วด้วยครับ"

ทิวตอบปฏิเสธอย่างนุ่มนวล คุณเชนเป็นลูกชายเจ้าของร้านอาหารที่ทิวมาร้องเพลงนั่นเอง เขาชอบมายืนฟังทิวร้องเพลงบ่อยๆ บางทีก็ให้เงินค่าจ้างพิเศษอยู่หลายครั้ง ทิวก็สงสัยเหมือนกันว่าทำไมเขาทำแบบนั้น แต่ก็เดาเอาเองว่าเชนอาจจะชอบการร้องเพลงของทิวเป็นพิเศษก็ได้

"ไม่ต้องเกรงใจหรอก ทิวเองก็มาช่วยทำให้ร้านของเรามีสีสันขึ้นเยอะเลย ให้ผมบริการทิวบ้างเป็นการตอบแทน"

"อย่าเลยครับ คุณเชนอยู่ดูร้านดีกว่าครับ ผมกลับแท็กซี่เองได้ครับ ไม่ลำบากอะไร"

ทิวยังคงปฏิเสธตามประสาคนขี้เกรงใจ แม้ว่าจริงๆ แล้วเขาก็ไม่อยากนั่งแท็กซี่มากนักเพราะค่อนข้างเปลืองค่าใช้จ่าย แต่พอกลับดึกๆ อย่างนี้แล้วก็รู้สึกเหนื่อยและอยากกลับถึงบ้านไปนอนไวๆ มากกว่าที่จะต้องทนนั่งรถเมล์ไปอีกเป็นชั่วโมงๆ ให้เหนื่อยมากขึ้นไปอีก

"ไม่เป็นไร มีคนดูเยอะแยะไป ทิวไม่ต้องเกรงใจผมหรอก ให้ผมไปส่งเถอะ จะได้รู้จักบ้านกันไว้ เผื่อมีปัญหาอะไรต่อไปจะได้ช่วยกันได้ไง"

เชนก็ยังคงไม่ละความพยายามที่จะไปส่งให้ได้ สุดท้ายทิวก็เลยต้องยอมให้เชนมาส่งเพราะดูท่าจะปฏิเสธไม่ได้ง่ายๆ เสียแล้ว

"ก่อนเล่นได้กินข้าวหรือยัง พอดีผมมัวแต่ยุ่งๆ อยู่เลยลืมไปดูให้" เชนถามขณะที่ขับรถมาส่งทิว

"เรียบร้อยแล้วครับ"

"ดีละ อืม...ปกติทิวเล่นคืนละกี่ที่เนี่ย"

"ไม่เกินสองที่ครับ แต่อาทิตย์หนึ่งก็ได้ประมาณ 4-5 ที่ครับ"

"เหรอ...แล้วรายได้พออยู่ได้ไหม หรือว่ามีทำอย่างอื่นทำอีกหรือเปล่า"

"ก็พอได้อยู่ครับคุณเชน แต่ว่าก็ยังไม่มีอะไรอย่างอื่นทำครับ ร้องเพลงอย่างเดียว" จะว่าไปทิวก็สงสัยอยู่เหมือนกันว่าทำไมคุณเชนถึงได้ถามเรื่องนี้

"เหรอ...เอางี้ละกัน ผมจะลองคุยกับพ่อผมให้ เผื่อทิวจะได้ค่าตัวเพิ่มอีกสักหน่อย จะได้ไม่ลำบากจนเกินไปด้วย ผมเห็นทิวกลับบ้านด้วยแท็กซี่บ่อยๆ ไม่เปลืองแย่เหรอ"

"ขอบคุณครับคุณเชน มันก็เปลืองค่าใช้จ่ายอยู่เหมือนกันครับ แต่ผมไม่สะดวกหอบเครื่องดนตรีขึ้นรถเมล์ก็เลยต้องพึ่งแท็กซี่เป็นหลักครับ"

"อืม...เข้าใจละ เดี๋ยวผมจะดูให้ละกันนะว่าพอจะหาค่าแท็กซี่ให้ทิวได้บ้างไหม ทิวช่วยดึงคนเข้าร้านได้เยอะเลย พ่อไม่น่าจะว่าอะไร ว่าแต่ว่า...เพลงสุดท้ายที่ทิวร้องวันนี้...เพราะมากๆ เลย อินแบบนี้ ร้องให้ใครเป็นพิเศษหรือเปล่า" เชนถามพลางขำเล็กน้อยในตอนท้าย

ทิวอึกอักไปทันที

"ก็...พอดีมันเป็นเพลงที่ผมชอบเป็นพิเศษด้วยครับ"

ทิวบอกไปแค่นั้นเพราะไม่คิดว่าจะต้องเล่าเรื่องส่วนตัวให้คนแปลกหน้าฟังมากเกินไป เขาไม่อยากให้ใครรู้เรื่องราวความรักในอดีตของตัวเองมากนัก อีกอย่าง พูดไปก็รังแต่จะทำให้เศร้าใจมากขึ้นไปอีก แต่จะว่าไป ตั้งแต่บูมจากไป เขาก็ไม่เคยร้องเพลงนี้เลย ไม่ได้ลืมหรอก แต่ไม่อยากร้องให้มันสะเทือนใจต่างหาก ถ้าไม่ใช่เพราะความคิดถึงใครบางคน วันนี้ก็คงไม่ร้องเพลงนี้

"เหรอครับ ผมก็ชอบเพลงนี้เหมือนกัน แล้วก็มีอดีตอะไรบางอย่างกับเพลงนี้ด้วย ไม่ได้ฟังนานแล้วล่ะ พอได้มาฟังอีกที มันก็ยังเพราะเหมือนเดิมนะ ทิวร้องเพลงได้ดีจริงๆ นะครับ เคยไปเรียนร้องเพลงที่ไหนมาก่อนหรือเปล่า"

"เคยเรียนร้องเพลงตอนอยู่ ม.3 ครับ แต่ก็เรียนอยู่แค่ปีเดียว แต่ว่าหลังจากนั้นก็เป็นนักร้องประจำของวงที่โรงเรียนครับ"

"อ๋อ...มิน่าล่ะถึงได้ร้องเพลงดีแบบนี้ เออ...ว่าแต่ว่าตอนนี้ทิวไม่เรียนหนังสือเหรอ ดูอายุยังน้อยอยู่เลยนะ ตอนนี้อายุเท่าไรแล้วล่ะครับ"

มันช่างเป็นคำถามที่เสียดแทงใจของทิวเสียจริงๆ เขาไม่ชอบที่จะตอบคำถามเรื่องนี้กับใครเลยถ้าไม่จำเป็น มันมีอะไรหลายอย่างเหลือเกินที่เขาไม่อยากพูดและไม่อยากนึกถึง เพราะนึกถึงทีไรมันก็เจ็บปวดทุกที โดยเฉพาะเมื่อนึกถึงแม่ เขาเข้าใจแม่ทุกอย่าง แต่ทิวก็รู้สึกเสียใจที่เขาไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าแม่ต้องเครียดมากขนาดไหน เครียดจนกระทั่งเกิดอาการหัวใจวายเฉียบพลันและจากไปอย่างกะทันหัน ถ้าเขารู้เสียก่อน เขาก็จะไม่ให้แม่ต้องมาลำบากเพื่อเขาขนาดนี้เลย

"อายุ 21 ครับ แต่...ผมไม่ได้เรียนหนังสือแล้วล่ะครับ พอดี...มีปัญหาทางการเงินนิดหน่อย" นั่นคือสิ่งที่ทิวพอจะบอกได้

เชนหันมามองอย่างสนใจ แววตาของทิวนั้นบ่งบอกว่าเขากำลังเผชิญกับความทุกข์บางอย่างอยู่ เชนสังเกตเห็นความเหงาและความเจ็บปวดที่แฝงอยู่ในแววตาของทิวเสมอ แต่การที่เขาจะล่วงล้ำถามเรื่องส่วนตัวมากกว่านี้ก็อาจจะไม่เหมาะนักเพราะยังไม่ได้สนิทกันเท่าไหร่

"ถ้ามีอะไรให้ผมช่วยก็บอกได้นะ" เชนยิ้มให้กำลังใจ

"ครับ" ทิวตอบรับ แต่ก็ไม่ได้คาดหวังว่าเชนจะจริงจังกับสิ่งที่พูดเท่าไหร่

พอมาถึงบ้านแล้ว เชนก็ถามคำถามที่ทำให้ทิวต้องลำบากใจอีกรอบ

"ตอนนี้ทิวอยู่กับใครครับ" ถามพลางเงยหน้าขึ้นมองทาวน์เฮาส์สามชั้นที่ปิดไฟมืดสนิทเพราะไม่มีคนอยู่เลย

"อยู่คนเดียวครับ"

"จริงเหรอ" เชนทำตาโต มองดูทาวน์เฮาส์ทั้งหลังอีกครั้งแล้วก็หันมามองดูทิว

"ทาวน์เฮาส์ตั้งสามชั้น ทำไมอยู่แค่คนเดียวล่ะครับ" ถามอย่างแปลกใจ แน่ล่ะ ใครที่รู้ว่าทิวอยู่คนเดียวในทาวน์เฮาส์สามชั้นนี้ก็ต้องแปลกใจทั้งนั้น

"เมื่อก่อนก็อยู่กับแม่ครับ แต่พอดีแม่...เพิ่งเสียไปครับ" ทิวตอบเสียงแผ่วและเศร้าในตอนท้าย

"ผมเสียใจด้วยนะครับทิว"

สีหน้าเชนสลดลงด้วยความเห็นใจ นึกไม่ถึงว่าเด็กหนุ่มอายุแค่นี้จะต้องเผชิญชะตาชีวิตที่ยากลำบากเกินวัย ถ้าเชนเป็นทิวก็ยังนึกไม่ออกเลยว่าจะมีชีวิตอยู่รอดต่อไปได้ยังไง

"ทิวคงเหงาแย่เลยนะครับที่อยู่คนเดียว"

"ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมชินแล้ว"

ถึงจะตอบไปอย่างนั้นและพยายามยิ้ม แต่สีหน้าและแววตาของทิวก็ไม่ได้ไปในทิศทางเดียวกับคำตอบเลย

"พี่ส่งผมแค่นี้ก็ได้ครับ"

เชนพยักหน้าพลางยิ้ม แต่ก็เป็นรอยยิ้มที่ดูเหมือนกับจะเห็นใจเสียมากกว่า ทิวเปิดประตูรถออกไปแล้วก็กล่าวลา

"ขอบคุณมากนะครับคุณเชนที่อุตส่าห์มาส่ง ขับรถกลับดีๆ นะครับ"

เชนยิ้มให้อีกรอบแล้วก็ค่อยๆ ขับรถออกไป ส่วนทิวก็หันกลับมาจัดการกับชีวิตของตัวเองอย่างที่เคยเป็น กว่าจะผ่านได้อีกวันก็เล่นเอาดึกดื่นเลยทีเดียว ตอนนี้ทิวดูผอมลงไปพอสมควรเพราะเขาต้องคอยประหยัดค่าใช้จ่าย กินน้อยลง จะใช้เงินแต่ละบาทแต่ละสตางค์ก็ต้องคิดแล้วคิดอีก แถมยังต้องทำงานหนักดึกดื่นๆ เรียกได้ว่าลำบากมากทีเดียว ลำบากที่สุดในชีวิตเลยก็ว่าได้

✢ ✣ ✤ ✥ ✦ ✧ ✩ ✪ ✫ ✬ ✭ ✮ ✯ ✰ ★ ✱ ✲ ✳ ✴ ✵ ✶ ✷

พอทำงานหนักๆ เข้าทิวก็เกิดอาการไม่สบายจนได้ ทิวต้องโทรไปลางานตามร้านต่างๆ ที่เขาต้องไปเล่นดนตรีและร้องเพลง หลังจากที่ทิวแจ้งคุณพ่อของคุณเชนไปแล้ว สักพักคุณเชนก็โทรมาหาทิวด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง

"ทิวเป็นไรมากหรือเปล่า ไปหาหมอไหม เดี๋ยวผมพาไป"

ทิวยังคงปฏิเสธด้วยความเกรงใจเช่นเดิม

"ไม่เป็นไรหรอกครับคุณเชน แค่เป็นไข้หวัดเองครับ กินยาแล้วนอนพักผ่อนสองสามวันก็หายครับ"

"อย่าดื้อสิทิว ไม่สบายก็ต้องไปหาหมอสิ เราต้องรู้จักดูแลร่างกายเราบ้าง ใช้งานมันหนักก็ต้องดูแลมันให้ดี ทิวรอผมอยู่ที่บ้านนะ เดี๋ยวผมไปหา"

พูดจบก็วางสายไปเลยราวกับจะไม่ให้ทิวได้มีโอกาสตอบโต้ใดๆ

ทิววางโทรศัพท์ลงอย่างงงๆ พอรู้จักกันมาได้สักพักทิวก็รู้สึกถึงความแปลกๆ ของคุณเชนอยู่เหมือนกัน รู้สึกได้ว่าเขาคอยไต่ถาม ห่วงใยและดูแลเขามากกว่านักร้องหรือนักดนตรีคนอื่นๆ หลังๆ มานี้เขาก็มาส่งทิวที่บ้านหลังเล่นดนตรีเสร็จเป็นประจำ จนทำให้ทิวต้องเผลอเล่าชีวิตและเรื่องส่วนตัวไปพอสมควร ก็คงเป็นเรื่องธรรมดา เมื่อเรารู้สึกสนิทกันและไว้ใจกันมากขึ้น คนที่เราเริ่มสนิทด้วยก็จะค่อยๆ คืบคลานเข้ามาในพื้นที่ส่วนตัวของเราทีละน้อยๆ

เชนมาถึงแล้วทิวจึงลงมาเปิดประตูให้ พอเข้ามาในบ้านแล้วสิ่งแรกที่เชนทำก็คือเอามือแตะหน้าผากทิวเพื่อดูอุณหภูมิของร่างกาย

"ก็ตัวร้อนเหมือนกันนะทิว ไปหาหมอดีกว่า ไม่ต้องห่วงเรื่องค่ารักษาพยาบาลนะ เดี๋ยวผมจัดการให้"

"อย่าดีกว่าครับคุณเชน คุณเชนช่วยผมหลายอย่างแล้วครับ ผมไม่อยากรบกวน โดยเฉพาะเรื่องเงินๆ ทองๆ"

"ทิว...ให้ผมช่วยเถอะนะครับ เล็กๆ น้อยๆ เอง ไม่เป็นปัญหาอะไรหรอก ทิวจะได้เก็บเงินไว้ อีกไม่กี่วันก็ต้องจ่ายเขาแล้วไม่ใช่เหรอ" ตอนนี้เชนรู้เรื่องที่ทิวเป็นหนี้แล้ว

"แต่..."

"ทิว...บางครั้ง คนเราก็ต้องรู้จักที่จะขอความช่วยเหลือจากคนอื่นบ้างเวลาที่เราลำบาก พอเราหายลำบากแล้วเราก็ค่อยหาโอกาสตอบแทนคืนก็ได้ ทิวอย่ามัวแต่เกรงใจแบบนี้สิ ผมเต็มใจช่วยทิวนะ ผมเห็นทิวลำบากแบบนี้แล้วผมพูดตรงๆ ว่าผมรู้สึกเห็นใจมาก ผมอยากเป็นกำลังใจให้ อยากให้ทิวรู้ว่าถึงทิวจะไม่เหลือใครเลย แต่ทิวก็ยังมีผมอยู่"

เอาล่ะสิ สิ่งที่คุณเชนพูดมันชักจะใกล้เคียงกับสิ่งที่ทิวสงสัยเข้าไปทุกทีแล้ว ความสงสัยนั้นไม่ได้มาจากตัวทิวเพียงอย่างเดียว เป็นเพราะเพื่อนนักดนตรีที่มาร้องเพลงที่ร้านของเชนด้วยกันเป็นคนจุดชนวนขึ้นมา หลังจากที่เชนมาส่งทิวที่บ้านได้สามสี่ครั้ง ทิวก็ถูกเพื่อนนักดนตรีคนนั้นหลายคนถาม

"ทิวกลับบ้านกับคุณเชนบ่อยๆ นี่ไม่เสียวข้างหลังบ้างเหรอ อย่าบอกนะว่าทิวชอบแบบนี้"

"พี่โอ๊บพูดอะไรครับ ไม่เห็นเข้าใจเลย ทำไมต้องเสียวข้างหลัง" ทิวถามอย่างพาซื่อขณะที่นั่งซ้อมดนตรีอยู่หลังร้าน

โอ๊บหันซ้ายหันขวา พอเห็นว่าไม่มีใครอยู่ใกล้ๆ ก็หันมากระซิบกระซาบกับทิวเบาๆ ราวกับเป็นความลับสุดยอดที่ให้ใครรู้ไม่ได้

"ไม่รู้หรือไงว่าคุณเชนน่ะเขาเป็นเกย์ ก่อนที่ทิวจะมาทำงานที่นี่ เขาก็มีแฟนเป็นผู้ชาย พ่อเขาก็รู้ ทุกคนในนี้ก็รู้ทั้งนั้นแหละ แต่ว่า...รู้สึกจะเลิกคบกันไปแล้วมั้ง"

ตั้งแต่วันนั้น ทิวก็ยิ่งสงสัยว่าที่คุณเชนทำดีเสียมากมายนั้นอาจจะเป็นเพราะเขาชอบทิวก็ได้ แต่นั่นก็ไม่สำคัญเท่าไรหรอก มันสำคัญที่ว่าทิวรู้สึกยังไงต่างหากล่ะ ตอนนี้อาจจะไม่ได้ชอบถึงขั้นนั้น อาจจะรู้สึกดีที่มีคนคอยห่วงใยในยามที่เขาไม่มีใคร แต่นานไปล่ะ เขาอาจจะหวั่นไหวก็ได้

แล้วใครคนนั้นที่ทิวเคยรักเคยผูกพันล่ะ แม้ว่าจะเป็นเพียงเวลาแค่สามปีแต่ทิวก็ไม่เคยลืมใครคนนั้นเลย หรือว่าทิวควรจะปล่อยให้ต้นรักต้นนั้นมันตายลงไปตามวันและเวลาที่ผ่านไป ถ้าคุณเชนเป็นคนดี รักทิวจริงๆ และถ้าต่อไปทิวก็รู้สึกอย่างนั้นกับคุณเชน ทิวก็ไม่ผิดไม่ใช่หรือที่จะรักใครสักคน

"ไปโรงพยาบาลกันเถอะ อย่ามัวแต่รีรอเดี๋ยวจะยิ่งไม่สบายไปกันใหญ่" เชนพูดขึ้นหลังจากที่เห็นทิวเงียบไปสักพัก

ทิวรู้สึกว่าไม่มีประโยชน์ที่จะเกรงใจหรือปฏิเสธในตอนนี้จึงตกลงใจแต่โดยดี แต่ก่อนที่เชนจะพาทิวออกไป เขาก็เหลือบไปเห็นรูปๆ หนึ่งที่ทิวตั้งไว้ตรงที่เขานั่งเล่นคีย์บอร์ด เป็นรูปทิวกับผู้ชายคนหนึ่งที่เชนเข้าใจว่าน่าจะเป็นเพื่อนสมัยเรียนของทิว เมื่อก่อนทิวเก็บรูปนี้ไว้บนหัวเตียง แต่ตอนหลังก็เอามาวางไว้ใกล้ๆ กับคีย์บอร์ด เวลาที่เขานั่งเล่น เขาจะได้รู้สึกว่าบูมยังอยู่ตรงนี้ ไม่ได้ไปไหน แต่เชนก็ไม่ได้ถามอะไรแม้ว่าจะสงสัยในความสนิทสนมที่แสดงออกมาให้เห็นจากภาพนั้นอยู่บ้างก็ตาม

✢ ✣ ✤ ✥ ✦ ✧ ✩ ✪ ✫ ✬ ✭ ✮ ✯ ✰ ★ ✱ ✲ ✳ ✴ ✵ ✶ ✷

คงจะเป็นเรื่องยากทีเดียวที่ทิวจะไม่รู้สึกหวั่นไหวเมื่อมีเชนเข้ามาคอยดูแลเป็นห่วงเป็นใยในยามที่ทิวรู้สึกเหงาและไม่มีใครเช่นนี้ เขาก็ไม่ต่างจากคนที่ลอยคออยู่ในทะเลอย่างอ้างว้าง หมดแรงเมื่อไรเขาก็คงจมลงไปในที่สุด เมื่อมีสิ่งที่พอจะไขว่คว้ายึดเหนี่ยวไว้ได้ ทิวก็ต้องคว้าสิ่งนั้นเอาไว้ก่อนเพื่อความอยู่รอด ไม่อย่างนั้นแล้วการมีชีวิตอยู่ต่อไปก็จะยิ่งเป็นเรื่องลำบากมากขึ้น ชีวิตที่ไม่เหลือใครเลยนั้นทารุณแค่ไหนคงไม่มีใครรู้ดีจนกว่าจะได้เจอกับตัวเอง

ความสัมพันธ์ของทิวกับเชนเตลิดไปไกลมากขึ้นเมื่อทิวไม่ปฏิเสธที่จะคบหากับเชน จนกระทั่งวันหนึ่งทิวก็ยอมที่จะไปค้างที่คอนโดของคนที่ทิวกำลังตัดสินใจที่จะคบเป็นแฟน ทิวก็พอรู้ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น เขาก็เตรียมใจมาระดับหนึ่งแล้วล่ะ ที่ผ่านมาคุณเชนก็ดีกับทิวอย่างเสมอต้นเสมอปลาย คอยช่วยเหลือทุกอย่าง จนทิวไว้วางใจได้มากพอสมควร ยกเว้นเรื่องหนี้สินที่ทิวยังไม่อยากให้คุณเชนเข้ามาช่วยมากนัก ตอนรักกันอาจจะไม่มีปัญหาอะไร แต่ถ้าเกิดวันหน้าเลิกรักกันแล้ว เรื่องเงินๆ ทองๆ จะทำให้ความสัมพันธ์มีปัญหามากขึ้นไปอีก อีกอย่าง ทิวไม่คิดว่าเขาควรจะได้เงินจากใครมาฟรีๆ โดยไม่ได้ทำอะไรตอบแทน

"ทิวเป็นของผมนะ" เชนพูดขณะที่เขากับทิวอยู่บนเตียงด้วยกันแล้ว เชนค่อยๆ โน้มใบหน้าของเขาเข้าใกล้ใบหน้าของทิว พร้อมๆ กับที่ตัวของเชนค่อยๆ เคลื่อนขึ้นมาทาบทับ

แม้ว่าทิวจะเตรียมตัวเตรียมใจมาในระดับหนึ่งแล้ว แต่ในตอนนั้นทิวก็รู้สึกสับสน ไม่แน่ใจ กลัวและรู้สึกไม่สบายใจกับบางสิ่งบางอย่าง แต่เมื่อถูกปลุกเร้ามากเข้า ความต้องการตามธรรมชาตินั้นก็เหมือนจะมีพลังอำนาจมากกว่าความรู้สึกใดๆ ทิวจึงปล่อยตัวปล่อยใจไปกับแรงปรารถนาของร่างกายที่เตลิดจนเกินกว่าสติสัมปชัญญะจะเรียกกลับคืนมาได้

เนิ่นนานเท่าไรไม่รู้ แต่ก่อนที่อะไรๆ จะเตลิดไปไกลกว่านั้น ก็มีบางสิ่งบางอย่างที่ช่วยเรียกสติสัมปชัญญะของทิวให้คืนกลับมา

เพี๊ยะ!!!!

เสียงแส้ฟาดลงมาที่หลังของทิว แม้จะยังไม่แรงมาก แต่ก็ทำให้ทิวถึงกับสะดุ้งและร้องด้วยความตกใจ เมื่อเห็นว่าอะไรเป็นอะไรแล้ว ทิวก็เบิกตากว้างอย่างตกใจ

"คุณเชนอย่าครับ ผมไม่ชอบแบบนี้"

ทิวรีบร้องห้ามเมื่อเชนเงื้อมือพร้อมที่ลงแส้เขาอีกครั้ง ทิวไม่คิดมาก่อนเลยว่าคนที่ท่าทางใจดีและมีน้ำใจอย่างเชนจะชอบมีเซ็กซ์ที่ซาดิสม์ ท่าทางที่ดูเหมือนคนโรคจิตนั้นทำให้อารมณ์ที่เตลิดไปเมื่อสักครู่นี้หายวับไปทันที

"ทิว...ทิวเจ็บแค่นิดเดียว แรกๆ ก็อย่างนี้แหละ ทิวอดทนหน่อยละกันนะ แต่ไม่นานทิวจะรู้ว่ามันมีความสุขมากแค่ไหน ทิวจะต้องติดใจอย่างแน่นอน เชื่อผม"

แววตาและท่าทางของเชนเปลี่ยนไปราวกับคนละคน ทิวไม่เคยเห็นเชนในลักษณะเช่นนี้มาก่อนเลย แต่ไม่ว่าเชนจะพูดอย่างไร ทิวก็ไม่รู้สึกสนุกกับสิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้เสียแล้ว ทิวกวาดสายตาหาทางหนีทีไล่ก่อนที่จะปฏิเสธเชนไปอีกครั้ง

"ไม่ครับคุณเชน ผมไม่ชอบแบบนี้จริงๆ ครับ ผมขอร้องนะครับ อย่าทำผมเลย"

ทิวร้องบอกด้วยความกลัว สติสัมปชัญญะที่หายไปเมื่อสักครู่นี้กลับคืนมาหมดแล้ว

ดูเหมือนจะได้ผล เมื่อสีหน้าของเชนค่อยๆ เปลี่ยนไปเหมือนเริ่มได้สติ เขาค่อยๆ วางแส้ลงและเงียบไป คงจะเห็นท่าทางที่หวาดกลัวของทิวนั่นเอง สงสัยว่าเชนจะรีบร้อนไปหน่อย หลายๆ คนที่คบกันมาสักพัก พอเจอแบบนี้เข้าก็หนีเตลิดกันแทบทุกคน ทิวก็คงจะเป็นอีกคนที่จะหนีไปจากชีวิตเชนด้วยเรื่องนี้

ทิวรีบหยิบเสื้อผ้าขึ้นมาใส่แล้วก็วิ่งออกไปจากคอนโดของเชนทันที นับว่าโชคดีที่เชนไม่ได้ตามมาและไม่ได้ขู่บังคับให้ต้องมีเซ็กซ์แบบนั้นโดยไม่เต็มใจไปด้วย ที่โชคดีไปกว่านั้นก็คือ ทิวได้สติกลับคืนมาแล้ว เขาได้แต่โทษตัวเองที่หวั่นไหวและเผลอไผลง่ายดายแบบนั้น

ทิวอดจะร้องไห้ด้วยความอดสูใจไม่ได้ ไม่เคยคิดเลยว่าชีวิตจะต้องลำบากและมีเคราะห์กรรมมากเช่นนี้ เสียคนรัก เสียแม่ เสียโอกาสในการเรียน เสียเงินเพราะต้องใช้หนี้ พอกำลังจะเจอคนที่พอจะพึ่งพาและคอยดูแลกันได้ก็กลับเป็นอย่างนี้ไปเสียอย่างนั้น

ทิวทรุดลงนั่งร้องไห้อยู่ข้างถนน ยังพอมีคนเดินผ่านไปมาบ้างแม้ว่าจะดึกมากแล้วก็ตาม แต่ก็ไม่มีใครสนใจใครหรอกและทิวก็ไม่อยากให้ใครมาถามทั้งนั้นว่าทิวร้องไห้ทำไม ทิวคิดถึงแม่เหลือเกิน ถ้าแม่ยังอยู่ชีวิตของทิวคงไม่เป็นอย่างนี้ คิดๆ ไปแล้วก็ยิ่งรู้สึกผิดที่ทิวไม่เคยรับรู้เลยว่าแม่มีปัญหาอะไรบ้าง จนกระทั่งแม่จากไปแล้ว

แล้วทิวก็คิดถึงบูมขึ้นมาอย่างจับจิตจับใจ รู้สึกผิดอย่างบอกไม่ถูกที่ทิวปล่อยตัวปล่อยใจให้เผลอไผลไปกับคนที่ทิวยังไม่ได้รัก นายลืมไปแล้วหรือว่านายเคยรักใคร นายอย่าเป็นแบบนี้อีกนะทิว นายต้องซื่อสัตย์กับหัวใจของตัวเอง ขอให้นายเก็บสิ่งนี้เอาไว้จนกว่าจะได้เจอกับบูมอีกครั้ง ได้บอกความรู้สึกทั้งหมดที่นายมีให้บูมฟัง ไม่ให้มีสิ่งใดติดค้างในใจอีก หลังจากนั้น ไม่ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นก็ปล่อยให้มันเป็นไปตามวิถีของมัน

"เราจะรอนายนะบูม ไม่ว่านานแค่ไหนก็จะรอ เราจะไม่ให้ใครได้หัวใจของเราไปก่อนนาย เพราะว่านายคือคนแรกที่เข้ามาเติมเต็มชีวิตที่เหน็บหนาวของเรา นายคือคนแรกที่เรายอมทุ่มเททุกสิ่งทุกอย่างให้หมดหัวใจ เพราะว่านายคือ...รักแรกในชีวิตของเรา"

ทิวคร่ำครวญอยู่ในใจ แต่ใครคนนั้นจะได้ยินหรือเปล่า เขาอยู่ไกลเกินไปเกินกว่าจะรับรู้ได้ว่าใครอีกคนกำลังรอคอยและมีชีวิตที่ลำบากแค่ไหน จะว่าไปแล้วทิวก็ไม่รู้จะรอคอยไปทำไม ต่อให้เคยผูกพันกัน รู้จักกัน รักกัน เมื่อจากกันไปอย่างนี้และไม่คิดจะติดต่อถามไถ่สารทุกข์สุกดิบกัน บูมก็ไม่ต่างจากคนแปลกหน้าคนหนึ่งไปแล้วในตอนนี้

TBC

เสียดายที่ไม่เคย...
คำร้อง/ทำนอง/เรียบเรียง/คอรัส/ร้อง - sarawatta

22 Decmeber 2011

https://www.youtube.com/v/5aMVed2Rax8

รู้ตัวอีกที เวลาก็ผ่านไปเนิ่นนาน
อยู่ๆ ภาพในวันเก่า ก็ฟื้นมาเตือนเรื่องราวมากมาย
ตั้งแต่วันที่เรามาเจอกัน จวบจนวันที่เราห่างไกล
เหลือเพียง แค่ความจริงบางอย่าง

ย้อนไปวันนั้น ที่เธอเข้ามาหลบซ่อนตัว
อยู่ในหัวใจเดียวดาย เก็บรักเอาไว้ข้างในมุมหนึ่ง
เมื่อวันนั้นที่เรายังเจอกัน ไม่เคยสานสัมพันธ์ลึกซึ้ง
เผยใจ บอกไม่ได้เลย จนห่างเหินกันไป

* เธอ คือความรัก ที่ยังไม่ลืม
และอยากจะย้อนไป วันนั้น เพื่อเปิดเผยใจ สักครั้ง
เธอคือคนนั้น ที่ต้องได้ฟัง
จึงได้แต่เสียดาย ที่ไม่เคย บอกรักเธอ

รักกันบ้างไหม ก็คงไม่ใช่เรื่องสำคัญ
อยากจะขอแค่ยืนยัน ความรู้สึกดีที่มีให้เธอ
แต่วันนั้นก็ล่วงก็เลยผ่าน และติดค้างหัวใจเสมอ
เสียดาย ที่ไม่กล้าพอ จนไม่เหลือโอกาส

ซ้ำ *

เธอ คือความรักที่ยังไม่ลืม จึงได้แต่เสียดาย
ที่ไม่เคย บอกรักเธอ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-08-2015 18:53:56 โดย sarawatta »

Mc_ma

  • บุคคลทั่วไป
คิดถึงทิวบูมมากจริงๆ  :กอด1: :กอด1:

เดาผิดหมดเลย นึกว่าจะเจอพี่บีมเสียอีก เผื่อจะได้ข่าวคราวบูมบ้าง
แต่ก็ไม่ใช่ กลับเป็น คุณเชน ลูกเจ้าของร้าน
อุตส่าห์ดีใจแล้วเชียวที่มี คุณเชน มาดูแลทิว ในช่วงที่ทิวเคว้งคว้างแบบนี้
ที่ไหนได้ คุณเชนดันมาซาดิสม์ไปซะนี่  o12
ทิวเอ้ยยย ชีวิตนายมันอะไรกันเนี่ยย เคราะห์ซ้ำกรรมซัดได้อีก... :o7:


บูม เมื่อไหร่จะกลับมาเสียที นายจะรู้มั้ยว่าทิวยังคอยนายอยู่เสมอ
แถมไม่เคยติดต่อทิวเลย บูมคิดอะไรอยู่นะ  อยากให้บูมกลับมาเร็วๆจัง

ขอบคุณค่ะ +เป็ด  :L2: :L2:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-03-2012 10:23:19 โดย Mc_ma »

ออฟไลน์ hotladyanyavee

  • ขึ้นจากเกาะ มาใช้ชีวิตบนอ่าวนาง มันก็อินดี้ไปอีกแบบ
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2384
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-10
สงสารทิวมากมายอะ สงสารการรอคอยที่ไม่สิ้นสุด สงสารหัวใจดวงนี้ที่ต้องรอต่อไปเรื่อย
และเหมือนจะได้น้ำหล่อเลี้ยง แต่หัวใจก็ถูกยำ่ยี ทำไมมรสุมที่พัดมา ไม่พัดไปสักที บูมไปอยู่ำไหน
กลับมาได้แล้ว กลับมาหาทิวที

ออฟไลน์ yeyong

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5857
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +917/-26
ผิดคาดกับพี่เชน นึกว่าจะมาเป็นพระรองเกาหลีซักหน่อย :เฮ้อ:

ออฟไลน์ SungMinKRu

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 570
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +151/-0
    • https://www.facebook.com/pages/SungMinKRu-Boys-Love/311662138876399



เพิ่งเข้ามาอ่านค่ะ

ชีวิตทิวน่าสงสารจริงๆ ตอนแรกคิดว่าเชนจะดีกับทิวแล้วแท้ๆ พอมาเจอตอนนี้แอบตกใจอยู่เหมือนกัน

ชีวิตทิวจะเป็นยังไงต่อไปเนี่ย เฮ้อ น่าสงสาร แล้วเพื่อนหายไปไหนกันหมดเนี่ย T T เวลาเราลำบากอย่างนี้

ถ้ามีเพื่อนคอยปลอบโยนก็คงรู้สึกดีขึ้น เป็นกำลังใจให้ทิวค่ะ แล้วบูมเมื่อไหร่จะกลับมา อ่านแล้วเศร้า ขอแบบแฮปปี้ๆ นะค่ะ T T

ปล. ขอเป็นกำลังใจให้คนเขียนหายป่วยและมาอัพนิยายต่อไวไวนะค่ะ

ขอบคุณสำหรับคุณsarawatta สำหรับนิยายสนุกๆอบอุ่น เคล้าไปด้วยมิตรภาพนะค่ะ

ยอมรับว่าตอนนี้ติดทุกเรื่องแล้วละค่ะ แต่ไม่ค่อยมีเวลาอ่านต่อซะเท่าไหร่ ถ้ามีเวลาจะกลับไปอ่านต่ออีก เพราะสนุกมาก ขอบคุณค่ะ ^^

ออฟไลน์ tarkung

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 997
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1

ออฟไลน์ sarawatta

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 714
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +300/-10
♥♥♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (Re-written Version)
CHAPTER 17 ✦ เสียงเงียบก่อนความตาย


กลับมาถึงบ้านแล้วทิวก็วิ่งขึ้นไปบนห้อง เปลี่ยนเสื้อผ้าอย่างรวดเร็วเพื่อที่จะอาบน้ำ เขาใช้มือถูปาก ถูแขน ถูขา ถูเนื้อตัวแรงๆ ราวกับว่าจะให้ชิ้นส่วนเหล่านั้นที่ถูกคุณเชนสัมผัสหลุดออกไปจากร่างกาย ทิวได้บทเรียนแล้ว ต่อไปนี้เขาจะต้องมีสติมากขึ้น

เพราะความเหงาและการขาดที่พึ่งแท้ๆ ที่พาทิวเตลิดไปไกลถึงขนาดนั้น แต่จะไม่ให้ทิวทำอย่างนั้นก็ไม่ได้ ชีวิตที่ไม่เหลือใคร ไม่มีใครให้รัก มิหนำซ้ำคนที่เคยรักก็จากไปไกลแสนไกล ทำให้ทิวไม่สามารถอยู่ในสภาพชีวิตอย่างนี้ได้ เชนจึงกลายเป็นฟางเส้นสุดท้ายที่ทิวคว้าเอาไว้ก่อนที่ชีวิตจะดำดิ่งไปมากกว่านี้

เมื่อเชนไม่ใช่ฟางเส้นสุดท้ายเสียแล้วทิวจะเหลืออะไรในชีวิตให้ยึดเหนี่ยวอีกล่ะ ก็คงต้องกลับมาที่บูมเหมือนเดิม แต่ความรักระหว่างทิวกับบูมก็อ่อนแรงลงเหลือเกินแล้ว ไม่รู้ว่าจะพอเป็นความหวังสุดท้ายของทิวไปได้อีกนานแค่ไหน ถ้าความรักนั้นหมดแรงแล้ว ทิวก็คงไม่เหลืออะไรอีกเลยบนโลกใบนี้ และนั่นก็อาจจะหมายถึงชีวิตของทิวด้วย

✢ ✣ ✤ ✥ ✦ ✧ ✩ ✪ ✫ ✬ ✭ ✮ ✯ ✰ ★ ✱ ✲ ✳ ✴ ✵ ✶ ✷


ทิวตัดสินใจเลิกไปร้องเพลงที่ร้านของเชนในที่สุด คุณพ่อของเชนดูจะเสียดายมากทีเดียว แต่ทิวก็ยืนยันที่จะลาออกโดยให้เหตุผลว่าร้านอาหารนี้ไกลเกินไป ทำให้ต้องใช้เวลาและค่าใช้จ่ายค่อนข้างมากในการมาร้องเพลงแต่ละครั้ง ส่วนเหตุผลจริงๆ นั้นทิวคงไม่สามารถบอกได้ ทิวไม่สามารถสู้หน้าเชนได้เลย เห็นทีไรทิวก็รู้สึกหวาดผวาทุกครั้ง

พอเลิกร้องเพลงร้านของเชนก็ทำให้ชีวิตของทิวต้องลำบากมากขึ้น ร้านนี้เป็นร้านเดียวที่ทิวได้ค่าจ้างค่อนข้างมากกว่าที่อื่น รายได้ที่เคยได้ในแต่ละสัปดาห์จึงลดลงไปมากพอสมควร แม้จะเสียดายแค่ไหนแต่ทิวก็ไม่มีทางเลือก จึงจำเป็นต้องตระเวนหาร้านใหม่ๆ แต่ดูเหมือนคราวนี้โชคจะไม่เข้าข้างเสียเลย ตระเวนหาอยู่หลายวัน หมดเงินค่าเดินทางไปก็ไม่ใช่น้อย แต่ทิวก็ยังไม่ได้ที่ร้องเพลงเพิ่มขึ้นแม้แต่ที่เดียว

พอถึงสิ้นเดือนทิวจึงมีเงินเหลือหลังจากใช้หนี้ไปแล้วแค่สองพันกว่าบาท แน่นอนว่าไม่มีทางพอใช้ ทิวจึงลองปรึกษาเพื่อนนักร้องที่เขารู้จักในร้านแห่งหนึ่งที่ทิวไปเล่นดนตรีและร้องเพลงอยู่ เผื่อว่าจะมีร้านอื่นๆ ที่ทิวจะลองไปเทสต์ดูบ้าง

ทิวจึงมานั่งปรับทุกข์กับเพื่อนร่วมอาชีพคนหนึ่งหลังร้านอาหาร เพื่อนคนนี้ชื่อบอย ทิวรู้จักบอยมาระยะหนึ่งแล้ว คิดว่าพอไว้ใจได้ในระดับหนึ่ง

"บอย บอยพอจะรู้จักร้านอาหารที่ไหนอีกไหมที่เขาต้องการนักร้องเพิ่ม"

"ร้อนเงินเหรอ"

บอยถามโดยไม่หันมามองหน้าแต่กดมือถือเหมือนกำลังแช็ทกับใครอยู่ จากกิริยาท่าทางของบอยนั้น ทิวก็พอดูรู้ว่าบอยน่าจะเป็นเกย์ที่น่าจะออกสาวมากทีเดียว ส่วนทิวนั้นถ้าไม่บอกก็คงไม่มีใครรู้หรอก

"ก็นิดหน่อย พอดีเรายกเลิกไปร้องเพลงอีกที่หนึ่งมา มันไกลมาก เดินทางไม่สะดวก ค่าใช้จ่ายก็เยอะ" ทิวรับไปตามตรง

บอยเงยหน้าจากโทรศัพท์แล้วก็ถาม "แล้วอยากได้แบบเยอะๆ เร็วๆ หรือแบบธรรมดาล่ะ"

"มันมีแบบที่ได้เยอะๆ เร็วๆ ด้วยเหรอ" ทิวถามอย่างสงสัย

"ถ้ามีแบบได้เยอะๆ เร็วๆ ก็เอาแบบนี้ก็ได้ บอยรู้จักร้านนั้นใช่ไหม" ทิวถามอย่างตื่นเต้น

"มีสิ ทำแค่ไม่กี่ครั้ง ขี้คร้านทิวจะได้เงินเป็นหมื่นๆ ไม่เหนื่อยอะไรมากด้วย ว่าแต่ทิวจะใจถึงหรือเปล่าเท่านั้นแหละ"

ชักฟังดูแปลกๆ แต่ด้วยความอยากได้เงินมาใช้จ่ายประทังชีวิต ทิวก็เลยอยากรู้ว่ามันมีร้านอาหารที่จะทำให้เขาได้เงินมากอย่างนั้นจริงหรือเปล่า

"ทำไมเหรอ เพลงมันยากหรือเปล่า ให้เราไปลองก่อนก็ได้"

"โอ๊ย มันไม่มีอะไรยากหรอก" บอยทำเสียงคล้ายรำคาญ จริตจะก้านเริ่มออกชัดมากขึ้น

"เพลงก็ไม่ต้องร้องด้วยซ้ำ ใช้แค่ทักษะประจำตัวบางอย่างเท่านั้นแหละ ทักษะแบบนี้ทิวก็มี ไม่ต้องไปฝึกอะไรเพิ่มด้วย"

ยิ่งฟังก็ยิ่งแปลก นี่มันงานอะไรของบอย ทำไม่กี่ครั้งก็ได้เงินเป็นหมื่น แถมไม่ต้องร้องเพลงและไม่ต้องไปฝึกเพิ่มเติม

"บอย บอยบอกเราตรงๆ ได้ไหมว่ามันเป็นงานอะไรกันแน่ เราไม่เข้าใจ"

บอยเห็นท่าทางไร้เดียงสาของทิวแล้วก็หงุดหงิดเล็กน้อยจึงเขยิบเข้ามาใกล้ๆ แล้วกระซิบกระซาบที่ข้างหูของทิว พอทิวได้ฟังแล้วก็ตกใจ

"อะไรนะ งานแบบนั้นเราทำไม่ได้หรอก"

"ก็ตามใจ แต่ถ้าอยากทำก็บอกแล้วกัน เดี๋ยวจะพาไปฝากให้"

บอยตอบอย่างไม่แยแสมากนัก ทิวต้องคิดหนักทีเดียว ไม่ใช่คิดว่าอยากทำหรือไม่อยากทำ คงไม่อยากทำอยู่แล้วล่ะ แต่เขากลัวว่าสุดท้ายถ้ามันไม่มีทางเลือกจริงๆ เขาก็ต้องทำมันจนได้

✢ ✣ ✤ ✥ ✦ ✧ ✩ ✪ ✫ ✬ ✭ ✮ ✯ ✰ ★ ✱ ✲ ✳ ✴ ✵ ✶ ✷

"ต้อง... สงสัยเดือนนี้กูคงต้องขอรบกวนมึงแล้วว่ะ"

ทิวตัดสินใจโทรไปหาต้องที่ดูเหมือนจะเป็นเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวที่เหลืออยู่ในตอนนี้ คนอื่นๆ ทิวไม่กล้ารบกวนเลยจริงๆ ตั้งแต่ที่เขาต้องออกจากมหาวิทยาลัย บางทีก็รู้สึกว่ามันเป็นเรื่องยากเหลือเกินที่จะไปสู้หน้ากับเพื่อนๆ คนอื่นๆ ที่ต่างก็ได้ร่ำเรียนและมีชีวิตที่ดีๆ ไม่ต้องตกระกำลำบากเหมือนทิว

"มีอะไรหรือเปล่าทิว" ต้องถามด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง

"เรื่องเงินน่ะต้อง ตอนนี้กูแย่จริงๆ ว่ะ ถ้าพอช่วยได้ เดือนนี้กูคงต้องขอให้มึงช่วยกูหน่อยแล้วล่ะต้อง"

ทิวบอกไปอย่างลำบากใจ แต่เขาก็ไม่มีทางเลือกอื่นเลยในตอนนี้ จะให้เขาไปทำงานอย่างที่บอยแนะนำก็รู้สึกละอายใจจนเกินกว่าจะทำอย่างนั้นได้

"เออๆ มึงรอกูอยู่ที่บ้านนะทิว เดี๋ยวกูจะไปหามึงเดี๋ยวนี้แหละ"

จะว่าไปแล้ว ตั้งแต่บูมจากไป ทิวก็มีต้องนี่แหละที่คอยอยู่เป็นเพื่อนและคอยช่วยเหลือในยามลำบาก ยิ่งตอนที่แม่เพิ่งเสียไปใหม่ๆ นั้น ต้องมาอยู่เป็นเพื่อนหลายวันเลยทีเดียว

"ทิว...ทีหลังมีเรื่องอะไรแบบนี้อีกให้รีบบอกกูนะเว้ย นี่มึงไม่ได้อดข้าวใช่ไหม"

มาถึงปุ๊บต้องก็รีบต่อว่าเพื่อนทันทีเพราะรู้ว่าทิวเป็นคนขี้เกรงใจ ถ้าปัญหาไม่หนักก็จะไม่ยอมบอกใคร

"ยังไม่ถึงขนาดนั้นหรอก แต่ดูท่าทางเดือนนี้กูจะสาหัสหน่อยว่ะเพื่อน พอดีกูไม่ได้ไปเล่นอีกร้านหนึ่ง มันไกลมาก ค่าเดินทางมันเยอะก็เลยเลิกไปเล่น แต่รายได้ก็ลดลงไปด้วย ลดไปเยอะเลยว่ะ"

ทิวถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน ต้องเห็นแล้วก็ได้แต่สงสาร หน้าตาของทิวดูเปลี่ยนไปจากเมื่อก่อนมากทีเดียว ดูผอมลงและมีแววตาเศร้า ต้องไม่เคยเห็นทิวหัวเราะร่าเริงเลยในช่วงหลังๆ มานี้

"อยากให้กูช่วยแค่ไหนล่ะทิว"

"สักสามพันก็แล้วกัน กูก็ไม่อยากรบกวนมึงหรอกนะต้อง กูรู้ว่ามึงต้องเรียนหนังสือ ใช้เงินเยอะ แต่กูก็ไม่รู้จะไปหาใคร ไม่รู้ว่ากูมีเคราะห์กรรมอะไรนักหนาว่ะต้อง"

ความน้อยเนื้อต่ำใจในโชคชะตาชีวิตทวีขึ้นมาอีกแล้ว ทิวพยายามเข้มแข็งมาตลอด แต่ข้างในนั้นอ่อนล้าและสิ้นหวังจนยากที่จะเยียวยา

"เฮ้ยอย่าคิดมากทิว เข้มแข็งหน่อยสิวะ" ต้องพยายามปลอบใจ

"กูไม่รู้ว่าจะเข้มแข็งไปได้อีกแค่ไหนว่ะต้อง กูเหนื่อยกับชีวิตว่ะ กูไม่เหลือใครเลยนะเว้ย กูจะเหนื่อยไปเพื่อใคร กูจะอยู่ไปเพื่อใครวะ"

แล้วทิวก็ร้องให้จนได้

"ไอ้ทิว มึงอย่าอ่อนแอสิวะ กูก็ยังอยู่นะเว้ย ยังไงกูก็ไม่ทิ้งมึงหรอก ยังไงมึงก็เป็นเพื่อนกูนะทิว เข้มแข็งหน่อยสิวะทิว ชีวิตมันต้องมีความหวังบ้าง มึงเชื่อกูสิ"

ต้องพยายามปลอบใจ เขยิบเข้าไปนั่งใกล้ๆ แล้วก็โอบไหล่ทิวไว้ ปล่อยให้ทิวร้องให้เพื่อระบายความเครียดและความอัดอั้นตันใจอย่างเต็มที่ ต้องคงจะต้องเลิกพูดถึงปัญหาหรือใช้คำพูดที่มองโลกในแง่ร้ายไปก่อน เพราะนอกจากจะไม่ช่วยปลอบใจแล้วก็ยิ่งจะทำให้ทิวหมดความหวังและอ่อนแอมากยิ่งขึ้น แม้กระทั่งเรื่องของบูมต้องก็ต้องเลิกพูดหรือแม้กระทั่งเลิกคิดไปเลย ทิวอยู่ในภาวะชีวิตที่วิกฤติอย่างมาก เปราะบางเกินกว่าจะปล่อยให้กระทบกระเทือนใจไปมากกว่านี้

ต้องรอจนกระทั่งทิวค่อยๆ สงบจิตใจลงแล้วจึงค่อยถาม

"ไปกินข้าวกันไหมทิว มึงกับกูไม่ได้กินข้าวด้วยกันมานานแล้วนะเว้ย อ้อ..ว่าแต่มึงต้องไปร้องเพลงคืนนี้หรือเปล่า"

ทิวส่ายหน้า "วันนี้ไม่มี"

"เออดี ไปกินข้าวกันดีกว่านะทิว เดี๋ยวกูเลี้ยงมึงเองวันนี้ มึงอยากกินไรบอกมาได้เลย วันนี้กูเต็มที่" ต้องบอกพลางยิ้ม

ทิวพยายามยิ้มให้เพื่อนเช่นกัน แม้ว่ามันจะไม่ง่ายเลยก็ตาม แต่เห็นเพื่อนดีขนาดนี้แล้วทิวก็พอมีกำลังใจขึ้นมาบ้าง อย่างน้อยก็ไม่รู้สึกอ้างว้างจนเกินไป

"ขอบใจนะต้อง ขอบใจที่มึงไม่ทิ้งกูไปอีกคน"

"เออๆ กูไม่ทิ้งมึงหรอก มึงนั่นแหละ อย่าลืมนึกถึงกูละกันเวลามีปัญหาอะไรก็แล้วกัน ไปกินข้าวกันเหอะ กูหิวแล้ว"

ต้องรีบตัดบทเพื่อที่จะให้ทิวหยุดคิดถึงเรื่องที่บั่นทอนจิตใจ ถ้าชีวิตมีปัญหาแล้วยิ่งคิดถึงหรือจมอยู่กับปัญหาก็จะยิ่งทำให้ชีวิตหดหู่และสิ้นหวังมากขึ้น สู้ไปหาอย่างอื่นทำดีกว่า จะได้ไม่ต้องคิดมากและเลิกฟุ้งซ่านเพราะอยู่กับตัวเองมากเกินไป

✢ ✣ ✤ ✥ ✦ ✧ ✩ ✪ ✫ ✬ ✭ ✮ ✯ ✰ ★ ✱ ✲ ✳ ✴ ✵ ✶ ✷

สิ้นเดือนอีกแล้ว ทิวใช้หนี้ไปหนึ่งหมื่นบาทและมีเงินเหลือติดตัวแค่สองพันกว่าบาทเช่นเคย ไม่พอใช้อีกแล้ว ทิวจะต้องยืมเพื่อนอีกหรือเปล่า เพิ่งยืมไปเมื่อไม่นาน ยังไม่ทันได้ใช้คืนเลยก็จะยืมอีกแล้ว ทิวคงรบกวนต้องอีกไม่ได้ ต้องเรียนหนังสืออยู่ จะเอาเงินที่ไหนมาให้ยืมนักหนา

พอเป็นแบบนี้แล้วทิวก็นึกถึงบอย ทิวเพิ่งรู้เดี๋ยวนี้เองว่าคนจนตรอกนั้นทำอะไรก็ได้ แม้จะเป็นสิ่งที่ทิวไม่อยากทำเลยก็ตาม ยิ่งต้องการเงินด่วนมากเท่าไหร่ทางเลือกของทิวก็ยิ่งน้อยลงไปทุกที นั่งทำใจอยู่นานเลยทีเดียวจึงตัดสินใจโทรหาบอย ทันที่ที่บอยรู้ว่าทิวต้องการอะไรบอยก็ไม่รอช้า

"ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวบอยจัดให้ มาหาเราแถวๆ สีลมละกัน กี่โมงน่ะเหรอ สักทุ่มหนึ่งก็ได้ เออๆ เดี๋ยวจะรอนะ อย่าเบี้ยวล่ะ"

ทิววางสายแล้วก็ยังต้องนั่งทำใจอยู่อีกพักใหญ่ ก่อนจะตัดสินใจออกจากบ้านไปตามที่นัดหมายกับบอยไว้ พอไปถึงสถานที่นัดหมาย ทิวก็พบว่ามันเป็นบาร์เกย์นี่เอง บอยพาเขาไปรู้จักกับพี่คนหนึ่งชื่อเจ๊เหมียว เป็นกะเทยที่น่าจะแปลงเพศแล้วและน่าจะเป็นเจ้าของบาร์นี้ เจ๊เหมียวดูเหมือนจะพอใจกับรูปร่างหน้าตาของทิวมากทีเดียว พอคุยตกลงรายละเอียดกันแล้ว เจ๊เหมียวก็ให้ทิวเริ่มทำงานในวันรุ่งขึ้นได้เลย

ทิวไม่รู้ว่าคิดดีแล้วหรือยัง แต่ก็ตั้งใจว่าจะทำแค่ไม่กี่ครั้งพอให้ได้เงินมาใช้จ่ายสักหน่อยแล้วก็จะเลิก ก็ไม่รู้ว่าจะง่ายอย่างที่คิดหรือเปล่า งานอย่างนี้เข้ามาแล้วก็อาจจะเลิกไม่ได้ง่ายๆ ก็ได้

วันต่อมาทิวก็เดินทางมาทำงานตามที่นัดหมาย การทำงานเป็นเด็กขายของทิวในวันแรกยังดูเงียบๆ อยู่เพราะเพิ่งมาใหม่และยังไม่มีชื่อเสียงในกลุ่มลูกค้าขาประจำ จนกระทั่งดึกพอสมควรจึงมีลูกค้าผู้ชายคนหนึ่งอายุสามสิบเศษๆ หน้าตาดีทีเดียวมาเลือกทิวไปเนื่องจากเด็กขายที่ขึ้นชื่อนั้นถูกออฟไปจนหมด ทิวจึงได้ไปกับแขกคนนี้โดยไม่ตั้งใจ ก็ไม่รู้ว่าโชคดีหรือเปล่าที่ทำงานวันแรกก็ได้แขกเลย แต่นั่นก็เท่ากับว่าขาข้างหนึ่งของทิวก้าวเข้ามาในวงการนี้เสียแล้ว เมื่อเสร็จสิ้นภาระกิจไปทิวก็คงเข้ามาเต็มตัวเหมือนคนอื่นๆ

แขกผู้ชายคนนั้นแนะนำตัวเองว่าชื่อธนาธร เขาพาทิวมาที่โรงแรมม่านรูดแห่งหนึ่งด้วยรถส่วนตัว พอมาถึงก็ไม่พูดพล่ามทำเพลง ธนาธรตรงเข้ามากอดจูบเพื่อปลุกอารมณ์ทิวทันที

"รู้ไหมว่าเราน่ะ ทั้งรูปร่าง หน้าตา ถูกใจพี่มากเลย เห็นเจ๊เหมียวบอกว่ายังไม่เคยใช่ไหม"

น้ำเสียงและท่าทางหื่นกระหายนั้นทำให้ทิวถึงกับต้องกลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็น ท่าทางคืนนี้เขาคงจะไม่รอดแน่ๆ

"ยังครับ" ทิวตอบด้วยน้ำเสียงประหม่า

"ดีล่ะ โชคดีของพี่จริงๆ ที่จะได้เปิดซิงเราเป็นคนแรก" ธนาธรพูดจบแล้วก็ผลักทิวล้มลงไปบนเตียงพร้อมกับขึ้นมาทาบทับตัวทิวไว้

แต่ไม่ว่าธนาธรจะพยายามมากแค่ไหน ทิวก็ไม่มีอารมณ์ร่วมเลยจริงๆ เพราะทิวเพิ่งบอกกับตัวเองเมื่อไม่นานมานี้ว่าจะไม่ให้ใครเข้ามารุกล้ำพื้นที่ส่วนตัวแบบนี้อีกแล้ว แล้วทำไมวันนี้ทิวถึงมาอยู่ที่นี่ล่ะ ก็อาจจะจริงที่มันไม่ใช่ความรักเพราะเป็นเพียงการใช้ร่างกายแลกกับเงิน แต่มันก็ทำให้ทิวรู้สึกผิดบาปในใจอย่างมาก แต่จะทำยังไงได้ในเมื่อทิวต้องการเงิน ไม่อย่างนั้นแล้วก็จะถูกคุกคามหรือไม่ก็โดนทำร้ายจากเจ้าหนี้คนนั้น

แล้วทิวอยากได้เงินมากถึงขนาดนี้เลยหรือ ความคิดของทิวตีกันไปมาในหัว จนในที่สุดทิวก็ทนไม่ไหวกับความสับสนนั้น

"พี่" ทิวเรียกอีกฝ่ายเสียงดัง "หยุดก่อนเถอะครับ"

ธนาธรหยุดชะงักเล็กน้อย "มีอะไรหรือเปล่า หรือว่าไม่ชอบแบบนี้ ชอบแบบรุนแรงเหรอ"

กลายเป็นเรื่องนั้นไปเสียนี่

"ไม่ใช่ครับ ผมไม่อยากทำแบบนี้แล้ว พี่ปล่อยผมไปเถอะครับ"

"นี่น้อง พี่จ่ายเงินไปแล้วนะ คิดจะมาเบี้ยวกันง่ายๆ แบบนี้เหรอ ไม่มีทางเสียหรอก" ธนาธรเริ่มโมโห เขาลุกขึ้นนั่งอย่างไม่สบอารมณ์

"ผมขอร้องนะพี่ อย่าทำผมเลย ผมไม่อยากทำแบบนี้แล้ว" ทิวยกมือไหว้ขอร้องพร้อมกับร้องไห้

ธนาธรดูจะตกใจมากทีเดียว ตั้งแต่ออฟเด็กมาก็ไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้มาก่อนเลย

"ไม่ได้ พี่จ่ายเงินไปแล้วนะน้อง อย่างนี้มันเอาเปรียบกันนี่นา" ธนาธรเริ่มเสียงแข็ง

ทิวหยิบกางเกงที่หล่นอยู่ข้างๆ เตียงมาควานหากระเป๋าสตางค์ พอเจอแล้วเขาก็หยิบเงินสองพันที่เขามีอยู่ติดตัวส่งให้ธนาธร

"ผมมีอยู่แค่นี้พี่ ไม่รู้ว่าพอหรือเปล่า แต่พี่ปล่อยผมไปเถอะครับ นึกว่าสงสารผมเถอะ ผมไม่อยากทำแบบนี้แล้ว" ทิวพูดพลางสะอื้น

ธนาธรรับเงินไปอย่างอารมณ์เสียนิดๆ อาจจะได้คืนไม่เท่ากับที่จ่ายไปหรอก แต่พอเห็นทิวร้องไห้อย่างนี้ก็คงไม่มีกะจิตกะใจจะทำอะไรแล้วล่ะ

"เออ ไม่ทำอะไรก็ได้ แล้วนี่มีค่ารถกลับบ้านหรือเปล่า"

ทิวพยักหน้า ยังพอมีเงินติดในกระเป๋าอีกประมาณสองร้อย คงพอกลับบ้านได้อยู่

"เอ้า จะไปก็ไปสิ พี่ไม่ทำอะไรแล้ว ซวยจริงๆ เลย อุตส่าห์อดไว้ตั้งหลายวันนึกว่าจะได้มีความสุขซะหน่อย"

ทิวรีบลุกขึ้นใส่เสื้อผ้าอย่างรวดเร็ว เสร็จแล้วก็เดินแกมวิ่งออกไปอย่างร้อนรน นั่งมอเตอร์ไซค์ออกไปสถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน จากนั้นก็มาลงที่สถานีลาดพร้าวแล้วก็ขึ้นรถเมล์ไปต่ออีกนิด จบท้ายด้วยการนั่งมอเตอร์ไซค์เข้ามาในซอยบ้านที่เขาอยู่

พอเข้ามาในบ้านแล้วทิวก็แหงนมองดูรูปของแม่ที่ติดไว้ข้างฝาบ้าน จากนั้นก็หันไปดูรูปของบูมที่อยู่ตรงมุมคีย์บอร์ด ทิวทรุดตัวลงนั่งแล้วก็ร้องให้ รู้สึกหมดอาลัยตายอยากกับชีวิต ชีวิตที่ไม่มีใครเลยสักคน ไม่รู้ว่าจะมีชีวิตอยู่ไปเพื่อใครหรือเพื่ออะไร ทิวไม่เคยคิดถึงความตายเลยจนกระทั่งวันนี้ เมื่อก่อนเขาคิดว่าคนที่ฆ่าตัวตายนั้นเป็นคนโง่และขี้ขลาด แต่วันนี้ ทิวรู้แล้วว่าทำไมคนเหล่านั้นถึงได้คิดสั้น

"แม่...ยกโทษให้ทิวด้วยนะครับที่ทิวไม่เชื่อที่แม่สอน ทิวไม่ได้อยากทำแบบนี้เลย แต่ทิวไม่ไหวแล้ว ทิวไม่ไหวแล้วครับแม่ ให้ทิวไปอยู่กับแม่นะครับ"

ทิวร้องให้สะอึกสะอื้นราวกับจะขาดใจ วันนี้เขาอ่อนแอถึงที่สุดแล้ว แต่มันก็คงจะเป็นวันสุดท้ายของชีวิตที่จะอ่อนแออย่างนี้ อีกไม่นานก็คงจะหมดทุกข์โศกและไม่ต้องรับรู้ความเจ็บปวดอีกต่อไป

ทิวค่อยๆ ยันกายลุกขึ้นเดินแล้วก็ขึ้นไปบนห้อง หยิบน้ำยาล้างห้องน้ำมาวางไว้บนโต๊ะ นั่งลงแล้วก็เขียนจดหมายร่ำลาถึงใครสักคน เป็นจดหมายถึงบูมนั่นเอง แม้ว่าจะจากโลกนี้ไปแล้วแต่ทิวก็ยังอยากบอกความในใจให้เพื่อนได้รับรู้ นี่คือสิ่งๆ เดียวที่ทำให้ทิวยังมีชีวิตหยัดยืนอยู่ได้จนถึงวันนี้ แต่ทิวก็คงไปต่อไม่ไหวแล้ว ไม่มีสิ่งใดที่น่าโหยหาและน่าหลงใหลเท่ากับความตายแล้วตอนนี้ ทิวเขียนไปก็ร้องไห้ไป เขียนเสร็จแล้วก็เอาจดหมายใส่ซองไว้ จากนั้นก็เขียนข้อความไว้ที่หน้าซองว่า

"ใครก็ตามที่พบจดหมายฉบับนี้ ขอให้ช่วยนำไปส่งให้นายกรกฤต เทพสถิตย์พิทักษา ที่บ้านเลขที่..."

แล้วทิวก็ฟุบหน้าลงร้องให้กับโต๊ะอย่างหนัก ยิ่งรู้ว่าจะไม่มีโอกาสได้เจอและบอกความในใจด้วยตัวเองก็ยิ่งเสียใจมากขึ้น

"ขอโทษนะบูมที่เราคงไม่ได้บอกนายด้วยตัวเอง เราไม่ไหวแล้วจริงๆ ถ้าชาติหน้ามีจริง ขอให้เราได้กลับมาเป็นเพื่อนกันอีกครั้งนะบูม"

ทิวค่อยๆ เงยหน้าขึ้น ตัดสินใจแน่แล้วที่จะลาจากโลกนี้ไป โลกที่เขาไม่เหลือใครเลย ชีวิตอยู่ไปก็คงไม่มีประโยชน์ มีแต่ความทุกข์ทรมานใจ มีแต่ปัญหา มีแต่เคราะห์กรรมที่ไม่จบไม่สิ้น ไม่มีแรงจูงใจใดๆ ที่มากพอแล้วในตอนนี้ที่จะทำให้ทิวเปลี่ยนใจ ทิวเปิดฝาน้ำยาล้างห้องน้ำแล้วก็เทมันลงไปในแก้วจนเกือบเต็ม

ความรักและความหวังเดียวที่ทิวพอจะมีเหลืออยู่ในโลกนี้ก็คือบูม แต่ความรักเมื่อสามปีที่แล้วนั้นก็อยู่ในสภาพรวยรินไม่ต่างจากเจ้าของหัวใจในตอนนี้เพราะขาดคนดูแล ความรักกำลังหมดแรงและคงจะตายไปพร้อมๆ กับทิวอีกไม่ช้านี้แล้วล่ะ คนเราไม่ได้เกิดมาเพื่อตัวเองอย่างเดียว แต่เราเกิดมาเพื่อรักใครสักคนหรือเป็นที่รักของใครสักคน เมื่อไม่ได้เป็นหนึ่งในสองอย่างนี้แล้วชีวิตก็ไม่มีความหมายใดๆ อีกต่อไป

ทิวยกแก้วมฤตยูขึ้นมาเตรียมจะดื่ม สายตาจับจ้องน้ำสีชมพูที่ดูไร้เดียงสาแต่ทว่าสามารถปลิดชีวิตของใครก็ได้ที่ดื่มมันเข้าไป ทำใจอยู่สักพักทิวก็ค่อยๆ เคลื่อนแก้วใบนั้นเข้ามาใกล้ๆ ปากอย่างช้าๆ ก่อนที่หยดแรกของน้ำมฤตยูนั้นจะเข้าไปในปาก เสียงโทรศัพท์บ้านก็แว่วมาให้ได้ยิน มันคงดังอยู่พักหนึ่งแล้วล่ะ ทิวตัดสินใจวางแก้วนั้นลง คิดอยู่สักพักจึงเดินลงมารับโทรศัพท์ที่ชั้นล่าง

พอมาถึงมันก็เงียบเสียงไปแล้ว แต่สักพักมันก็ดังขึ้นอีก ใครกันหนอที่โทรมาหาทิวตอนนี้ ปกติทิวไม่ได้ให้เบอร์บ้านใครเลย ให้แต่เบอร์โทรศัพท์มือถือซึ่งเป็นคนละเบอร์กับสมัยที่ทิวใช้ตอนเรียนมัธยม เบอร์นั้นทิวไม่ได้ใช้แล้วเพราะเปลี่ยนมาใช้โปรโมชั่นของอีกค่ายที่ถูกกว่า

ทิวรับโทรศัพท์แล้วก็กรอกเสียงลงไป "สวัสดีครับ ทิวพูดครับ"

ถ้าหากทิวมีตาวิเศษที่สามารถเห็นสิ่งที่อยู่ไกลคนละซีกโลกได้ ก็คงจะได้เห็นแล้วว่าคนที่โทรมานั้น ทันทีที่ได้ยินเสียงของทิว น้ำตาของคนโทรก็ไหลลงมาอย่างห้ามไม่ได้ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร แต่อาจจะเป็นสายสัมพันธ์บางอย่างที่ยังคงส่งถึงกันอยู่เสมอจึงทำให้รับรู้ถึงความไม่ปกติของกันและกันได้ อยู่ดีๆ ก็มีลางสังหรณ์ที่ทำให้รู้สึกระวนกระวายใจจนต้องตัดสินใจโทรมาหา ทั้งๆ ที่ก็ไม่ได้ติดต่อกันมานานแล้วด้วยเหตุผลบางอย่าง

"..................."

"ฮัลโหล ใครโทรมาครับ จะพูดสายกับใครครับ"

ทิวถามอยู่สองสามครั้ง แต่ก็ไม่มีเสียงตอบใดๆ กลับมา แต่คนที่โทรมาก็ยังไม่ยอมวางสาย ทิวได้ยินเสียงพื้นหลังเป็นเสียงคนคุยกันไกลออกไป อะไรบางอย่างทำให้ทิวคิดไปว่า...

"บูม!!! ใช่บูมหรือเปล่า ใช่นายหรือเปล่าบูม บูม ใช่นายหรือเปล่า นายยังคิดถึงเราอยู่ใช่ไหมบูม ใช่นายหรือเปล่า"

ทิวตะโกนถามซ้ำไปซ้ำมา แต่ก็ไม่เสียงตอบรับอีกเช่นเคย แล้วสายนั้นก็หลุดไปในที่สุด

ทิวทรุดตัวลงนั่งร้องให้ ไม่รู้ว่าเพราะอะไรเหมือนกัน แต่ทิวค่อนข้างมั่นใจว่าบูมโทรมาแน่ๆ เพื่อนคนอื่นๆ ที่มีเบอร์มือถือของทิวคงไม่โทรเข้าเบอร์บ้าน แล้วก็คงไม่เงียบแบบนี้ มีแค่ไม่กี่คนเท่านั้นที่จะมีเบอร์บ้านของทิว หนึ่งในนั้นก็คือบูม ต้องใช่บูมแน่ๆ เลย

"บูม...เราคิดถึงนาย นายอยู่ที่ไหน เมื่อไรนายจะกลับมาหาเราซะที..."

ทิวคร่ำครวญอย่างน่าสงสาร แม้ว่าจะไม่ได้คุยกันแต่อย่างน้อยก็ทำให้ทิวเปลี่ยนใจและล้มเลิกที่จะฆ่าตัวตายไปแล้ว ไม่ว่าชีวิตมันจะยากลำบากสักแค่ไหน ทิวก็ยินดีที่จะเผชิญกับมันเพื่อที่จะได้เจอกับคนที่รอคอยอีกสักครั้ง

เหมือนต้นรักที่กำลังจะตายแล้วก็ได้น้ำที่ชุ่มฉ่ำรดลงไป แม้เพียงไม่กี่หยดก็เพียงพอที่จะให้มันเติบโตและต่อชีวิตไปได้อีกเล็กน้อย ความรักและความหวังสุดท้ายที่กำลังจะหลุดลอยไปคืนกลับมาหาทิวอีกครั้ง การรอคอยเพื่อบอกความในใจกับใครสักคนที่ทิวเคยรักเป็นเพียงแรงจูงใจเดียวที่เหลืออยู่ของทิว ถ้าไม่อย่างนั้นแล้วโลกนี้ก็คงไม่มีความหมายอีกต่อไป แม้จะเป็นเพียงความหวังลมๆ แล้งๆ ที่แทบจะไม่เห็นความเป็นไปได้ใดๆ ทิวก็จะขอคว้ามันไว้อีกสักเฮือก

เมื่อยังมีความรัก ทิวก็ยังคงพอมีความหวังอยู่บ้าง

"เราจะรอนายนะบูม ขอแค่ให้เราได้เจอนายสักครั้ง ได้บอกสิ่งที่ค้างคาในหัวใจ หลังจากนั้น...เราก็จะไปจากชีวิตนาย"

TBC
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22-08-2015 07:48:22 โดย sarawatta »

ออฟไลน์ SungMinKRu

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 570
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +151/-0
    • https://www.facebook.com/pages/SungMinKRu-Boys-Love/311662138876399



 :impress3: :impress3: :impress3: :sad4: :sad4:

เศร้าจริงๆตอนนี้ น่าสงสารทิวอะ เป็นกำลังใจให้นะทิว สู้ๆ

กอดดดทิวว  :กอด1: :กอด1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






Mc_ma

  • บุคคลทั่วไป
พูดอะไรไม่ออก..... น้ำตาไหลพราก..... ชีวิตทิวเศร้าาาา........ได้อีก

เวลาจนตรอก..มันก็จนตรอกสุดๆจริงๆ พี่เชน นะพี่เ้ชน ไม่น่าเลย ทิวเลยต้องออกจากร้าน

และก็มีปัญหาเรื่องเงินตามมาในที่สุด เฮ้อออออ..............................จนทิวเกือบจะขายตัว และเกือบจะฆ่าตัวตาย

ดีนะที่บูมโทรมา......ไม่งั้นทิวคงไม่อยู่บนโลกนี้อีกแล้ว

o7 :dont2: :o7: :sad2: :sad5: o21 :sad4: :o12:  งื้ออ.............เมื่อไหร่บูมจะกลับมา

+เป็ดน้อย ขอบคุณค่ะ  :L2: :L2:

ออฟไลน์ som

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2708
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +230/-2
เข้ามาติดกับเรื่องนี้อีกคนนะครับ 
ชีวิตคนเรานี่นะไอ้คนที่มีแต่ความสบายก็มีทุกข์  ไอ้ที่มีแต่ความลำบากก็มีทุกข์

ออฟไลน์ hotladyanyavee

  • ขึ้นจากเกาะ มาใช้ชีวิตบนอ่าวนาง มันก็อินดี้ไปอีกแบบ
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2384
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-10
สายใยที่ส่งถึงกัน บูมจะรู้ไหม ทิวเจ็บเจียนตายแล้ว กลับมาได้ไหม กลับมาหาทิวที
มรสุมทิวเยอะจัดอะ สงสารมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

ออฟไลน์ yeyong

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5857
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +917/-26
ชีวิตของทิวไม่รู้ชาติก่อนไปทำกรรมอะไรไว้ ถึงได้รันทดหดหู่ขนาดนี้

ออฟไลน์ sarawatta

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 714
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +300/-10
♥♥♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (Re-written Version)
CHAPTER 18 ✦ คำขอร้องของคนขี้ขลาด


"พี่บีม บูมนะครับ"

"อ้าวบูม มีอะไรโทรมาดึกดื่นป่านนี้" บีมถามพลางหาวไปด้วย เหลือบมองดูนาฬิกาที่หัวเตียงก็เห็นว่าเกือบตีสามแล้ว แต่เวลาที่อเมริกาคงยังประมาณเที่ยงๆ อยู่

"พี่บีม บูมมีอะไรอยากให้ช่วยหน่อยครับ"

น้ำเสียงที่ฟังดูร้อนใจทำให้บีมรู้สึกได้ถึงความไม่ชอบมาพากลของอีกฝ่าย

"ว่ามาเลยบูม มีอะไรให้พี่ช่วยหรือเปล่า"

"พี่บีมได้เจอทิวบ้างไหมครับ บูมรู้สึกใจคอไม่ค่อยดีมาหลายวันแล้ว มันสังหรณ์ใจยังไงไม่รู้ครับพี่บีม"

บีมนิ่งเงียบและอึ้งเล็กน้อยไปสักพักที่อยู่ดีๆ บูมก็ถามถึงเพื่อนที่บูมเองก็ไม่เคยคิดจะไปหาหรือติดต่ออีกแล้ว บีมเคยถามบูมอยู่สองสามครั้งเรื่องนี้ก็ได้ความว่า "บูมไม่กล้าไปสู้หน้าเพื่อน" และนั่นก็เป็นเหตุผลที่บูมหายไปจากชีวิตของทิว

"ไม่เลย พี่ไม่ได้ติดต่อกับทิวอีกเลย พี่นึกว่าบูมลืมทิวไปแล้วเสียอีก"

คราวนี้บูมเป็นฝ่ายสะอึกไปบ้าง ใครๆ ก็คงคิดอย่างนั้น การที่บูมไม่ติดต่อกับทิวเลยนั้นก็เท่ากับเป็นการบอกกลายๆ ว่าเขากับทิวได้ตัดขาดความสัมพันธ์กันไปแล้ว ผ่านมาเกือบสี่ปีจนบูมจะเรียนจบอยู่แล้วทำไมเพิ่งมานึกถึงเพื่อนตอนนี้ ความเป็นจริงบูมก็ไม่เคยลืมทิวเลยหรอก ถึงจะไม่ได้ติดต่อ ไม่ได้ไปหา แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าบูมจำไม่ได้ว่าเคยเกิดอะไรขึ้นบ้าง

"พี่ขอโทษ..." บีมรีบบอกเมื่อเห็นน้องชายเงียบไป

"ไม่ต้องขอโทษผมหรอกครับพี่ คนขี้ขลาดอย่างผม...ไม่สมควรที่จะกลับไปให้ทิวเห็นหน้าอีก แต่ผมไม่เคยลืมทิวนะพี่บีม ผมไม่เคยลืมทิวเลย"

น้ำเสียงของบูมฟังดูเศร้าจนรู้สึกได้

"คิดอะไรอย่างนั้นล่ะบูม ถ้าบูมทำไม่ถูกต้อง บูมก็แค่กลับไปขอโทษเพื่อนเท่านั้นเอง ไม่ว่าทิวเขาจะให้อภัยบูมหรือเปล่า อย่างน้อยก็ยังดีกว่าที่บูมจะหลบลี้หนีหน้าเพื่อนไปอย่างนี้ พี่ถามจริงๆ นะบูม... บูมคิดอะไรกับทิวหรือเปล่า"

"ผม..."

เสียงบูมเงียบและขาดช่วงไปเหมือนกำลังคิดอะไรบางอย่าง เมื่อตอนสมัยเรียนนั้นบูมยอมรับว่าเขารักทิว แต่เมื่อเวลาผ่านไปหลายปี บูมได้พบเจอสังคมใหม่ เพื่อนใหม่ ก็เลยดูจะตอบได้ยากว่าบูมยังรู้สึกกับทิวอย่างนั้นอยู่หรือเปล่า วันเวลาและความห่างไกลทำให้บูมไม่แน่ใจเสียแล้วว่าความรักในวันนั้นยังคงอยู่เหมือนเดิมมากแค่ไหน แต่ที่บูมยังแน่ใจก็คือเขาไม่เคยลืมทิวเลยและยังรู้สึกผิดอยู่เสมอเวลาที่นึกถึง

"ไม่รู้เหมือนกันครับ แต่...ผมยังจำทิวได้เสมอนะพี่บีม ยังจำได้ว่าทิวคือเพื่อนที่ดีที่สุดเท่าที่ผมเคยมีมา ถ้าพี่เจอทิว ฝากบอกทิวด้วยครับว่าผมไม่เคยลืมเขาเลย ผมคิดถึงทิวเสมอนะครับพี่บีม"

ดูเหมือนจะมีอะไรบางอย่างระหว่างทิวกับบูมที่บีมยังไม่เข้าใจ บีมยังปะติดปะต่อเรื่องราวไม่ได้มากนัก เขาเคยถามน้องชายหลายครั้งแล้วแต่ก็ยังไม่ได้คำตอบที่กระจ่างชัด อาจเป็นเพราะบูมคงยังไม่พร้อมที่จะพูดความจริงทั้งหมดก็เป็นได้

"อืม... เอาอย่างนี้ละกัน บูมจะให้พี่ช่วยยังไง เกี่ยวกับทิวหรือเปล่า" บีมกลับเข้ามาสู่ประเด็น

"ครับ พี่ช่วยไปหาทิวให้ผมหน่อยได้ไหมครับ ผมอยากรู้ว่าทิวยังสบายดีอยู่หรือเปล่า ทิวเรียนที่ไหน แม่ของทิวเป็นไงบ้าง อะไรก็ได้ครับพี่ที่เกี่ยวกับทิว บูมอยากรู้"

"แล้วทำไมไม่โทรไปหาทิวเองล่ะบูม" บีมอดสงสัยไม่ได้

"คือ..." บูมอึกอัก

"ผมไม่กล้าจริงๆ ครับพี่"

บูมสารภาพ เขารู้สึกละอายใจจนไม่กล้าแม้แต่จะให้ทิวได้ยินเสียง ในวันนั้นทิวคงเจ็บปวดมากตอนที่บูมจากไปโดยไม่มีคำบอกลาแม้แต่คำเดียว คำว่า "คนขี้ขลาด" ติดฝังในใจและคอยหลอกหลอนบูมมาตลอดหลายปี แม้กระทั่งเมื่อกี้นี้ที่บูมเพิ่งจะโทรไปหาทิว เขายังไม่กล้าคุยกับทิวแม้สักคำเดียวเลย

"ได้ๆ แต่บูมอย่าลืมนะ อีกไม่นานนี้บูมก็จะกลับมาแล้ว คราวนี้บูมต้องไปหาทิวนะ ไม่ต้องกลัวแม่ บูมโตขนาดนี้แล้วแม่คงไม่มาอะไรมากแล้วล่ะ สัญญากับพี่ได้ไหมบูม"

บูมชั่งใจอยู่สักพักก็ตอบตกลง "ครับ"

"พี่เสียดายแทนเรานะบูม เพื่อนดีๆ อย่างทิวหาไม่ได้ง่ายๆ ตั้งแต่ที่บูมรู้จักกับทิวมา พี่ยังเห็นเลยว่าบูมเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นเยอะเลยรู้ไหม เพื่อนที่ช่วยทำให้ชีวิตเราดีขึ้นได้โดยไม่หวังผลตอบแทนมีไม่กี่คนหรอกนะบูม พี่ก็ไม่ได้อยากจะว่าอะไรบูมนะ แต่พี่แค่อยากให้ข้อคิด ต่อไป...บูมทำอะไรจะได้ระวังมากขึ้น พี่จะไปหาทิวให้ละกัน แล้วพี่จะโทรหาอีกทีนะบูม"

"ครับพี่ ผมเข้าใจครับ ขอบคุณพี่มากครับ ขอโทษด้วยครับที่ต้องรบกวนตอนดึก"

น้องชายวางสายไปแล้ว บีมนั่งนิ่งสักพักเหมือนคิดอะไรบางอย่างแล้วก็ถอนหายใจ

"บูมเอ๊ย ไม่น่าทำแบบนี้เลย"

บีมคิดอย่างนี้จริงๆ เขาไม่เห็นด้วยเลยกับเหตุผลที่บูมบอกว่าไม่กล้าไปสู้หน้าเพื่อน แต่นั่นก็เป็นชีวิตของบูม เขาไม่อยากจะเข้าไปก้าวก่ายมากเกินไป แต่จะว่าไปบีมก็อดที่จะรู้สึกผิดไปด้วยไม่ได้ที่ลืมทิวไปเสียสนิท พอนึกได้อีกครั้งก็รู้สึกเป็นห่วงทิวอยู่เหมือนกัน ไม่รู้จะเป็นยังไงบ้างป่านนี้

✢ ✣ ✤ ✥ ✦ ✧ ✩ ✪ ✫ ✬ ✭ ✮ ✯ ✰ ★ ✱ ✲ ✳ ✴ ✵ ✶ ✷

เสียงรถคันหนึ่งวิ่งมาจอดหยุดที่หน้าบ้าน เจ้าของร่างที่แทบจะไร้วิญญาณหยุดเหม่อแล้วก็หันไปมองตามเสียงนั้น ไม่ว่าจะกี่ปีผ่านไปทิวก็ยังจำรถคันนี้ได้เสมอ รถของพี่บีมนั่นเอง สามปีกว่าแล้วที่บีมไม่เคยมาหาทิวเลย ทิวรีบลุกขึ้นแล้วเดินไปเปิดประตูหน้าบ้านอย่างดีใจ มือไม้สั่นเทาราวกับคนติดสารเสพติดอย่างหนัก

"พี่บีม" ทิวร้องเรียกพลางเดินแกมวิ่งเข้าไปหา ดีใจราวกับว่าได้เจอของล้ำค่าที่หายจากชีวิตไปนานแล้ว

บีมลงมาจากรถแล้วก็ยิ้มให้อย่างดีใจ แม้ว่าจะไม่เจอกันนานแค่ไหนก็ยังคงจำเพื่อนคนนี้ของน้องชายได้เสมอ เพื่อนคนที่เปลี่ยนชีวิตของบูมให้เป็นคนอีกคน

"โห...ทิว โตขึ้นเยอะเลยนะ หล่อขึ้นเป็นกองเลย เอ...ดูเหมือนจะผอมๆ ไปหรือเปล่า"

ทิวไม่ตอบคำถามนั้นแต่โผเข้ากอดพี่ชายของเพื่อนราวกับโหยหาอ้อมกอดที่อบอุ่นนี้มานานแสนนาน เห็นบีมแล้วทิวก็อดที่จะคิดถึงอีกคนที่อยู่ไกลแสนไกลไม่ได้ ทิวร้องไห้จนบีมตกใจ ได้แต่กอดทิวไว้เบาๆ พลางลูบหลังปลอบใจพร้อมกับสายตาที่มีแต่คำถามเต็มไปหมด

"บูมเป็นไงบ้างครับพี่บีม ผมคิดถึงบูม คิดถึงเขามากเลยครับพี่" ทิวไม่ได้สนใจคำถามของบีมเลย สิ่งแรกและสิ่งเดียวที่ทิวอยากรู้ก็คือเรื่องของบูมเท่านั้น

บีมหน้าเจื่อนลงเล็กน้อย นี่ทิวคงคิดถึงบูมน่าดูจนถึงกับต้องวิ่งมากอดบีมแทน

"บูมสบายดี" บีมไม่รู้ว่าจะพูดอะไรต่อเพราะมีคำถามมากมายในหัวว่าทำไมทิวถึงร้องไห้คิดถึงบูมมากขนาดนี้

"เข้าไปคุยกันในบ้านดีไหมทิว" บีมบอกเพราะไม่อยากให้ใครผ่านมาเห็นผู้ชายสองคนยืนกอดกันอยู่หน้าบ้านอย่างนี้

ทิวรีบทำตามอย่างว่าง่าย พาพี่บีมเข้าไปในบ้าน หาน้ำมาให้แล้วก็รีบมานั่งคุยด้วย บีมสังเกตดูก็เห็นว่าทิวดูผอมไปจริงๆ ด้วยเมื่อเทียบกับรูปร่างและอายุที่มากขึ้น ที่น่าผิดสังเกตก็คือแววตาที่ดูเศร้าของทิวเพราะตั้งแต่ที่รู้จักกันครั้งนั้นบีมก็ไม่เคยเห็นทิวมีแววตาแบบนี้เลย

"อีกไม่นานบูมก็จะกลับมาแล้วนะทิว ทิวอยากอยากเจอบูมหรือเปล่า" บีมถามขึ้นหลังจากที่รับน้ำมาดื่มแล้ว

"ครับ"

ทิวต้องสะกดจิตสะกดใจอย่างมากทีเดียวที่จะไม่ร้องไห้ออกมาอีกครั้ง เพิ่งจะผ่านเหตุการณ์เลวร้ายมาเมื่อคืนนี้ คิดว่าจะไม่ได้มีชีวิตอยู่เสียแล้ว ถ้าไม่มีเสียงโทรศัพท์นั้นก็คงตายไปแล้วล่ะ ที่ทิวเดาเอาเองว่าบูมน่าจะโทรมาหาก็น่ามีเหตุผลอยู่บ้างเพราะอยู่ดีๆ วันนี้พี่บีมก็มาหา ทั้งๆ ที่ก็ไม่เคยมาหานานแล้ว บูมขอให้พี่ชายมาหาหรือเปล่าหนอ

"วันนี้ทิวไม่ได้ไปเรียนเหรอ"

ทิวชะงักไปเล็กน้อย ท่าทีอึกอักอย่างเห็นได้ชัด "เอ่อ...ไม่ครับ"

"เหรอ แล้วแม่ล่ะ แม่สบายดีหรือเปล่า" บีมถามพลางยิ้ม

ทิวเงียบไปสักพัก เหมือนกับไม่แน่ใจว่าควรจะบอกข้อมูลบีมมากน้อยแค่ไหน อีกใจหนึ่งก็สงสัยว่าถ้าบูมอยากรู้ ทำไมบูมไม่โทรมาถามเองล่ะ ทำไมจะต้องให้พี่ชายมาถามแทน

"สบายดีครับ" ทิวพูดเสียงเบาลง ใช่...เขาไม่ได้โกหกหรอก แม่ของทิวไปสบายแล้วจริงๆ

บีมถอนหายใจเพราะไม่รู้จะเริ่มต้นคุยกับทิวยังไงดี จะให้บอกทิวว่าน้องชายเป็นห่วงก็เลยให้มาดู ทิวคงจะรู้สึกไม่ดีแน่ๆ เบอร์โทรศัพท์ก็มี ก็ควรจะโทรมาถามกันเองดีกว่าให้บีมมาช่วยถามให้อย่างนี้

"บูมเขาไปเรียนอะไรครับพี่" ทิวเปลี่ยนเรื่องเมื่อเห็นบีมมีสีหน้าอึดอัดใจ

"บริหารธุรกิจ ถ้าบูมกลับมา บูมก็คงจะมาทำงานบริษัทรับออกแบบสิ่งก่อสร้างที่พ่อลงทุนกับเพื่อนๆ ของพ่อนั่นแหละทิว พ่อเตรียมตำแหน่งไว้ให้แล้วล่ะ"

"เหรอครับ" ทิวยิ้มดีใจ ดีใจกับเพื่อนจริงๆ ที่ได้มีโอกาสดีๆ แบบนี้ ถึงทิวจะไม่มีโอกาสอย่างนั้นเลยก็เถอะ

"บูมจะกลับมาวันไหนครับ"

"เอ...พี่ก็จำวันที่ไม่ได้แน่นอนหรอก ก็อีกสองสามเดือนนี่แหละ ทิวจะ..."

บีมกำลังจะถามทิวว่าจะไปรับบูมด้วยกันไหมก็ต้องหยุดไว้แค่นั้นเมื่อนึกได้ว่าแม่คงไม่ชอบใจแน่ๆ ถ้าเจอทิว เดี๋ยวจะเกิดเรื่องปวดหัวอีกจนได้

"เดี๋ยวบูมเขาจะมาหาทิวนะ พี่บอกเขาแล้วให้เขามาหาทิว บูมเขารับปากแล้ว" บีมรีบเปลี่ยนเรื่องไปทันที

"ครับ ผมคิดถึงบูมมากเลย อยากเจอบูม ผมมีอะไรบางอย่างที่อยากจะบอกเค้า อยากจะบอกนานแล้ว" ในที่สุดทิวก็ห้ามน้ำตาไม่ได้อีกแล้ว

"ทำไมบูมไม่เคยติดต่อมาหาผมเลยล่ะครับพี่บีม บูมเขาโกรธอะไรผมหรือเปล่า เค้าไม่อยากเจอผมอีกแล้วเหรอพี่บีม"

เห็นทิวร้องไห้อีกครั้งบีมก็อดสงสารไม่ได้ คงมีเรื่องราวบางอย่างระหว่างทิวกับบูมที่บูมไม่ได้เล่าให้บีมฟังอย่างแน่นอน

"ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกทิว เมื่อคืนบูมก็โทรมาหาพี่ เขาเป็นห่วงทิวมากนะ เขาไม่ลืมทิวหรอก เขาบอกพี่ว่าเขาไม่เคยลืมทิวเลย แต่บูมเขามีเหตุผลบางอย่าง ไม่ใช่เพราะเขาโกรธทิวหรือไม่อยากเจอหน้าทิวหรอก เอาเป็นว่า...อีกไม่นานทิวก็จะรู้ พี่ก็ไม่อยากพูดแทนบูม รอให้บูมมาบอกทิวเองดีกว่านะ อย่าเสียใจเลยนะทิว บูมไม่เคยคิดอย่างนั้นหรอก"

บีมพูดพลางตบไหล่ทิวเบาๆ เป็นการปลอบใจ

"จริงเหรอครับพี่ บูมเขาไม่ลืมผมใช่ไหมครับ"

บีมส่ายหน้า ทิวยิ้มทั้งน้ำตาด้วยความดีใจที่รู้ว่าบูมไม่เคยลืมเขาเลย

"แล้วบูมเขามีแฟนหรือยังครับ" จู่ๆ ทิวก็ถามคำถามนี้ขึ้นมาเหมือนกับเพิ่งจะนึกได้

คำถามนี้เล่นเอาบีมถึงกับไปไม่เป็นเลยทีเดียว

"พี่ก็ไม่รู้เหมือนกัน ไว้ถามบูมอีกสองสามเดือนเองละกันนะทิว"

ทิวคงจะคิดถึงบูมมากทีเดียว ไม่งั้นคงไม่ร้องห่มร้องไห้อย่างนี้ บีมจำได้รางๆ ว่าแม่เคยห้ามบูมกับทิวคบกันเพราะทิวเป็นเกย์ ถ้าอย่างนั้นแล้วก็น่าจะมีความเป็นไปได้ที่ทิวกับบูมอาจจะเคยคบกันเกินเลยกว่าความเป็นเพื่อน น้องชายบีมเองก็พูดคลุมเครือๆ ได้แต่ย้ำว่าไม่กล้ามาสู้หน้าเพื่อน แต่บูมก็ไม่เคยรู้เลยว่าทำไมบูมถึงไม่กล้ามาสู้หน้าทิว น่าจะเป็นเพราะเรื่องนี้หรือเปล่าหนอ บูมกลัวพ่อกับแม่เพราะถูกบังคับมานานจนไม่เป็นตัวของตัวเอง พอเจอคำสั่งห้ามของแม่ตอนนั้นก็เลยตัดขาดจากทิวไป

บีมมองเพื่อนของน้องชายที่ยังคงมีร่องรอยของน้ำตาให้เห็นอยู่ด้วยความสงสารจับจิตจับใจ ต้องเป็นเพราะเรื่องนี้แน่ๆ ที่ทำให้ทิวเสียใจมากขนาดนี้

บีมอยู่คุยกับทิวสักพักก็ขอตัวกลับเพราะมีงานต้องไปถ่ายภาพงานแต่งงานในตอนเย็น แม้ว่าอาชีพแบบนี้จะดูต่ำต้อยสำหรับครอบครัว แต่บีมก็ภูมิใจและรักงานที่ทำอยู่มากทีเดียว บีมทำงานอย่างมืออาชีพและได้งานที่ออกมาคุณภาพดีจนเป็นที่รู้จักในวงการเดียวกันมากทีเดียว

✢ ✣ ✤ ✥ ✦ ✧ ✩ ✪ ✫ ✬ ✭ ✮ ✯ ✰ ★ ✱ ✲ ✳ ✴ ✵ ✶ ✷

จะบ่ายอยู่แล้ว ทิวยังไม่มีอะไรตกถึงท้องเลย เขาได้แต่มองเงินที่เหลือในกระเป๋าอยู่สี่สิบบาทอย่างใจหาย จะมีงานอะไรอีกไหมนะที่ทิวพอจะทำได้ช่วงกลางวัน ตอนนี้ฝีมือการเล่นดนตรีของทิวเริ่มเข้าที่แล้วจึงไม่ต้องฝึกเพิ่มในตอนกลางวันมาก ทิวจะทำอย่างไรดี ถ้าอยู่แบบนี้คงไม่พ้นอดตายแน่ๆ เลย ไม่อยากคิดถึงการขายบ้านหลังนี้เลย หรือว่ามันถึงเวลาแล้วที่ทิวต้องทำอย่างนั้นเพื่อเอาเงินมาใช้หนี้แล้วไปหาซื้อคอนโดอยู่ แต่คิดไปคิดมาก็ยังเสียดาย หรือจะไปเสิร์ฟอาหาร แต่ว่างานพวกนี้ก็มักจะทำเลยไปจนถึงเย็น ตรงกับเวลาที่ทิวต้องทำงานร้องเพลงพอดี

คิดไปคิดมาสักพักทิวก็เหลือบไปเห็นมอเตอร์ไซค์ที่ทิวมักจะเอาไว้ใช้ขี่ไปซื้อของที่หน้าปากซอย หรือจะลองขับวินมอเตอร์ไซค์ดูหรือเปล่านะ ทิวพอรู้จักกับพี่ๆ ที่ขับวินมอเตอร์ไซค์อยู่บ้าง ถ้าทิวไปขอร้องให้พี่ๆ ช่วยก็น่าจะพอมีความเป็นไปได้อยู่ กลางวันขับวินมอเตอร์ไซค์ ตอนกลางคืนก็ไปร้องเพลง-เล่นดนตรี ก็น่าจะช่วยให้พอมีรายได้เพิ่มขึ้นมาหน่อย คิดแล้วก็เข้าท่าเหมือนกัน ดีกว่าอยู่เฉยๆ รอวันอดตาย ถึงจะได้เงินไม่เยอะก็ยังดีกว่าต้องไปขายตัวเป็นไหนๆ

ตั้งแต่นั้นทิวก็เลยมีอาชีพเสริมด้วยการขับวินมอเตอร์ไซค์รับส่งคนในซอยในตอนกลางวัน กลางคืนก็ไปร้องเพลงและเล่นดนตรี ทำให้พอหายใจหายคอได้ขึ้นมาอีกหน่อย แต่งานขับวินมอเตอร์ไซค์ก็ทำให้ทิวเหนื่อยมากทีเดียว ตอนกลางวันก็ตากแดดจนผิวคล้ำ กลางคืนก็นอนดึก บางวันมีเวลานอนแค่สามสี่ชั่วโมงก็ต้องลุกขึ้นไปทำงานแล้ว

ทิวขับวินมอเตอร์ไซค์อยู่ไม่นานนักก็มีคนชวนไปทำงานอย่างอื่นที่ไม่ต้องตากแดดตากลม ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน เป็นพี่ที่รู้จักกันและอยู่ในซอยเดียวกันนั่นเอง ทิวมักจะได้ยินคนในซอยเรียกพี่เขาว่าพี่พงษ์ พี่พงษ์เป็นผู้จัดการร้านสะดวกซื้อที่หน้าปากซอย ตั้งแต่ทิวมาขับวินมอเตอร์ไซค์ก็ได้มีโอกาสให้บริการพี่พงษ์บ่อยๆ จนคุยสนิทสนมกันดี บ้านของพี่พงษ์ก็เป็นทาวน์เฮาส์อยู่ถัดไปจากทิวไม่ไกล ก่อนหน้านี้ก็เคยเจอกันบ้างแต่ก็ไม่เคยทักทายกันตามวิถีชีวิตของคนกรุงเทพ เพิ่งได้มารู้จักกันมากขึ้นก็ตอนที่ต้องรับส่งพี่พงษ์ระหว่างบ้านและที่ทำงานบ่อยๆ นี่แหละ

"สนใจทำงานที่เซเว่นไหมทิว" วันหนึ่งพี่พงษ์ก็ถามขึ้นมาขณะที่ทิวขับมอเตอร์ไซค์มาส่งที่ร้านเซเว่น-อีเลเว่นหน้าปากซอยเหมือนเช่นทุกวัน

ทิวใช้เวลาคิดไม่นานนักก็ตอบตกลง "สนใจครับ"

"โอเค งั้นไปคุยกันในร้านหน่อยไหม" พี่พงษ์ชวน ทิวจอดมอเตอร์ไซค์ไว้หน้าร้านแล้วก็ตามพี่เขาเข้าไปข้างใน

"พอดีพนักงานออกไปคนหนึ่ง พี่กำลังหาอยู่พอดี เผื่อทิวจะสนใจ จะได้ไม่ต้องไปขับมอเตอร์ไซค์ตากแดดตามลมทั้งวัน"

ทิวก็คิดว่าน่าจะดีเหมือนกัน ขับวินมอเตอร์ไซค์นั้นมีรายได้ที่ไม่แน่นอน บางวันก็ได้น้อย บางวันก็ได้มาก บางวันก็แทบจะไม่มีคนใช้บริการเลย ถ้ามีงานประจำให้ทำอย่างนี้รายได้ก็น่าจะมั่นคงมากกว่า

"ผมสนใจครับพี่ แต่ว่า...มันต้องทำแบบเปลี่ยนกะไปเรื่อยๆ หรือเปล่าครับ ผมจะติดปัญหานิดหน่อย พอดีตอนเย็นๆ ผมจะต้องไปร้องเพลงตามร้านอาหาร ผมอาจจะทำกะเย็นๆ ไม่ได้ครับ"

"ทิวสะดวกเวลาไหนล่ะ"

"เช้าๆ ครับพี่ เลิกไม่เกินสักหกโมงเย็น แต่ผมเคยได้ยินว่าพนักงานเลือกกะไม่ได้ไม่ใช่เหรอครับ"

ทิวถามเพื่อความแน่ใจเพราะเคยได้ยินมาเหมือนกันว่าพนักงานเซเว่นไม่สามารถเลือกกะที่จะเข้างานได้ ต้องเวียนกันไปเรื่อยๆ

"พี่จัดให้ได้ ว่าแต่ทิวสนใจไหมล่ะ ถ้าสนใจพี่จะให้ทิวเข้ากะเช้า เจ็ดโมงเช้าถึงห้าโมงเย็น สนใจไหม"

"สนใจครับพี่"

ทิวรีบตอบแบบไม่ต้องคิด ถึงแม้จะพอรู้บ้างว่างานในเซเว่นค่อนข้างหนักเพราะจะต้องยืนตลอดเวลา นั่งไม่ได้ แต่ก็น่าจะดีกว่าขับรถตากแดดตากลมทั้งวัน

"งั้นพี่จะให้ผมเริ่มทำงานได้เมื่อไรล่ะครับ" ทิวละล่ำละลักถามอย่างดีใจ

"ถ้าวันนี้สะดวกก็มาสมัครงานก่อนละกัน พอพี่ส่งเรื่องแล้วก็มาทำได้เลย ใช้เวลาไม่นานหรอก ไม่เกินสองวัน"

พี่พงษ์ตอบพลางยิ้ม เขาเห็นทิวมาตั้งแต่สมัยมัธยมแล้วล่ะ พอรู้เรื่องที่แม่ของทิวเสียจนทำให้ทิวต้องออกจากมหาวิทยาลัยมาหางานทำอยู่บ้าง ได้ยินแล้วก็รู้สึกสงสารอยู่เหมือนกัน ให้ทิวมาทำงานที่นี่ก็น่าจะช่วยให้ทิวไม่ต้องลำบากมากจนเกินไป ถือเสียว่าเป็นการช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ที่กำลังลำบากให้มีชีวิตที่ดีขึ้นอีกสักคนหนึ่ง

เมื่อชีวิตเป็นอย่างนี้แล้วทิวก็ไม่มีทางเลือกนอกจากต้องดิ้นรนทุกวิถีทางให้ชีวิตอยู่รอด ได้เจอกับบีมและพอได้ข่าวคราวบูมมาบ้างก็ทำให้ทิวพอมีกำลังใจจะอยู่ต่อไปได้ อย่างน้อยได้รู้ว่าบูมยังนึกถึงกันอยู่ก็ดีใจมากแล้ว อีกแค่สองสามเดือนเท่านั้นที่บูมจะกลับมา หวังว่าเราจะได้เจอกันเสียทีนะบูม

TBC
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-08-2015 10:57:04 โดย sarawatta »

ออฟไลน์ yeyong

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5857
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +917/-26
อ่านตอนไหนก็เศร้าทุกที
เดาว่าบูมน่าจะมีแฟนแล้ว

ออฟไลน์ SungMinKRu

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 570
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +151/-0
    • https://www.facebook.com/pages/SungMinKRu-Boys-Love/311662138876399



อ่านแล้วอยากติดตามไปอีกทุกตอน

รู้สึกสงสารทิวมากเลย ทำไมถึงเป็นแบบนี้นะ

ถ้าบูมกับทิว เจอกัน รักกัน ก็คงมีอุปสรรคมากมายเข้ามาอีก

แต่ชอบผลงานของคุณคนเขียนมากเลยค่ะ รู้สึกว่าทิวพยายามอยู่ได้ด้วยความหวังเดียวคือ บูม

กลัวว่าทิวจะอ่อนแอ ...

T T

ค้างอยากอ่านต่ออีก

มาอีกนะ
 มากค่ะ ชอบๆ

 :กอด1: :กอด1:

Ebsilon

  • บุคคลทั่วไป
สู้ๆนะทิว แล้วเราจะผ่านมันไปได้

ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม

ออฟไลน์ hotladyanyavee

  • ขึ้นจากเกาะ มาใช้ชีวิตบนอ่าวนาง มันก็อินดี้ไปอีกแบบ
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2384
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-10
เศร้าทุกครั้งที่อ่านน้ำตาไหลทุกทีที่อ่าน ทิวเป็นคนหนึ่งที่มีจริงในสังคม ลำบากแต่ทนฝืน แต่ที่เราสงสาร
ทนรอกับความรักของตัวเอง รอทั้งที่ไม่รู้จะรอถึงเมื่อไหร่ เจ็บจนไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะจางหาย รักเพียงคนคนเดียว
ขังตัวเองไว้กับหัวใจ ที่ใครคนหนึ่งกลับเริ่มลืมเลือน สงสารทิวมาก เริ่มจะไม่ชอบบูมแล้วละ กลับมาก็มาทำให้ทิวต้องเสียใจอีก
เมื่อไหร่ทิวจะได้เจอชิวิตที่สวยงามสักที เจอคนที่รักจริงสักที สงสารทิว อย่ากลับมาเลยบูม ถ้ามาตอกย้ำการไม่มีตัวตนในใจของทิว
มาทำไม น่าจะตายไปซะ(อินวะฉัน อคุณเลดี้) :o12: :m15: :monkeysad: :sad11:

ออฟไลน์ hotladyanyavee

  • ขึ้นจากเกาะ มาใช้ชีวิตบนอ่าวนาง มันก็อินดี้ไปอีกแบบ
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2384
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-10
+1ให้กับทิว สู้ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






tonkhaw

  • บุคคลทั่วไป
สงสารทิวสุดยอดอ่า เจอเเต่เรื่องร้ายๆ

ดูเหมือนว่าทิวจะไม่เหลือใครเลยจริงๆนั้นเเหละ

แต่ที่ทิวยังคงรักบูมนี่เราก็ไม่ไหวนะ

บูมเองก็เป็นผู้ชายจริงป่ะ โคตรจะเต่า หดหัวอยู่เเต่ในกระดอง

ออฟไลน์ sarawatta

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 714
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +300/-10
♥♥♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (Re-written Version)
CHAPTER 19 ✦ การพบกันอีกครั้ง



พอได้ทำงานที่เซเว่นอีเลเว่นแล้วชีวิตของทิวก็ดีขึ้นพอสมควร พอมีเงินเหลือเก็บบ้างเดือนละพันสองพัน แต่ก็ต้องแลกมาด้วยการรทำงานหนักและพักผ่อนน้อยลง บางวันกลับดึกมาก ได้นอนแค่ไม่กี่ชั่วโมงแล้วก็ต้องรีบตื่นไปทำงานที่เซเว่น แต่ก็ไม่เป็นไรหรอก แค่นี้ก็พอทำให้ทิวได้มีเวลาพักหายใจจากเรื่องร้ายๆ ไปได้บ้าง ถ้าเมีก็บเงินมากกว่านี้ ทิวก็อยากจะหาที่เรียนต่อสักแห่ง อย่างเช่นรามคำแห่งหรือ มสธ. วุฒิแค่มอหกที่มีตอนนี้ทำให้ทิวหางานที่รายได้ดีกว่านี้ได้ยาก

ถ้าฟังจากที่บีมบอกวันนั้น ช่วงนี้บูมก็น่าจะใกล้กลับมาแล้ว หรือไม่ก็อาจจะกลับมาแล้วก็ได้ ความหวังที่จะได้บอกเรื่องสำคัญที่อยู่ในใจใกล้เข้ามาทุกทีแล้ว  ช่วงนี้ทิวจึงดูมีชีวิตชีวาขึ้นมาได้หน่อย แม้ไม่ถึงกับมากแต่สีหน้าก็ไม่เคร่งเครียดเหมือนที่ผ่านมา

แต่เมื่อนับวันนับคืนผ่านไปเรื่อยๆ ก็ไม่มีทีท่าว่าบูมจะมาหาทิวเลย ผ่านไปสามเดือนตามที่พี่บีมบอกแล้ว บูมก็ยังไม่มา หลังจากนั้นก็ผ่านไปอีกหลายเดือน บูมก็ยังคงเงียบอยู่ กำลังใจและความหวังของทิวจึงค่อยๆ ลดน้อยถอยลงไปทุกทีๆ ใจหนึ่งก็อยากจะโทรไปถามพี่บีมว่าบูมกลับมาแล้วหรือยัง แต่คิดไปคิดมาทิวก็ไม่ติดต่อไป เขาอยากให้บูมกลับมาหาเพราะว่าบูมอยากมาหาด้วยตัวเอง ไม่ใช่เพราะใครบังคับให้ต้องมา

"ไหนว่านายไม่ลืมเราไงล่ะบูม ทำไมนายไม่เห็นมาหาเราเลย เรารอยู่นะบูม ได้ยินไหมว่าเรารอนายอยู่"

ทิวคิดในใจจนยืนเหม่อ แต่อาจจะผิดสถานที่ไปหน่อย

"คุณคะ ตังค์ทอนด้วยค่ะ"

เสียงเรียกของลูกค้าทำให้ทิวได้สติ เขารีบคืนเงินทอนให้ลูกค้าแล้วก็หันกลับมาสนใจกับการทำงานต่อ พี่พงษ์ยืนมองอย่างห่วงๆ เพราะเห็นทิวเหม่อลอยแบบนี้มาพักหนึ่งแล้ว

"ระวังหน่อยนะทิว ที่นี่มีกล้องอยู่" พี่พงษ์เดินเข้ามาเตือนเมื่อลูกค้าออกไปแล้ว

"ครับพี่ ผมขอโทษครับ"

ทิวบอกอย่างเกรงใจและรู้สึกผิด ช่วงหลังๆ นี้ทิวเหม่อลอยบ่อยๆ สติไม่ค่อยจะอยู่กับเนื้อกับตัวเลย บางทีทำงานไปสักพักก็จะเผลอเหม่อเหมือนกับคนที่มีบางสิ่งบางอย่างติดค้างในใจตลอดเวลา

✢ ✣ ✤ ✥ ✦ ✧ ✩ ✪ ✫ ✬ ✭ ✮ ✯ ✰ ★ ✱ ✲ ✳ ✴ ✵ ✶ ✷


"อะไรนะครับน้า น้าจะขอเงินที่เหลืออีกเจ็ดหมื่นคืนภายในสิ้นเดือนนี้เหรอครับ" ทิวร้องอุทานอย่างตกใจเมื่อคุณน้าเจ้าหนี้มาขอให้จ่ายเงินที่ค้างอยู่อีกเจ็ดหมื่นบาทคืนทั้งหมด ในช่วงสองสามปีมานี้ทิวพยายามหาเงินมาจ่ายให้ตลอดไม่เคยมีบิดพลิ้ว จนเหลืออีกไม่กี่เดือนก็จะหมดแล้ว ไม่คิดว่าจะต้องมาเจออย่างนี้อีก

"ก็ฉันจำเป็นต้องใช้เงินด่วนนี่นา ไม่รู้แหละ ยังไงก็ต้องหามาให้ฉันภายในสิ้นเดือนนี้ ไม่งั้นเธอได้เจอดีแน่" คุณน้าเจ้าหนี้เสียงแข็งและมองอย่างไม่พอใจ

"แต่น้าครับ ในสัญญา ผมต้องจ่ายแค่เดือนละหมื่นนะครับ นี่น้าเล่นจะขอตั้งเจ็ดหมื่น ผมจะไปเอาเงินที่ไหนมาให้ล่ะครับ" ทิวโอดครวญ

"อะไรกัน ทำงานมาก็ตั้งนาน จะไม่มีเงินเก็บบ้างเลยหรือไง" คุณน้าเจ้าหนี้เริ่มขึ้นเสียง

"โธ่ คุณน้าครับ แค่ผมจ่ายให้คุณน้าเดือนละหมื่นผมก็แทบจะไม่มีกินอยู่แล้ว ผมจะเอาเงินที่ไหนมาเก็บครับ น้าพอจะหาจากที่อื่นได้ไหมครับ ยังไงผมก็ต้องขอจ่ายตามข้อตกลงเดือนละหมื่นเหมือนเดิม ผมไม่มีเจ็ดหมื่นจริงๆ ครับน้า ถ้ามีผมก็คงให้ไปแล้ว ผมก็อยากหมดหนี้หมดสิน จะได้ทำงานเก็บเงินกับเขาบ้าง"

ดูเหมือนสิ่งที่ทิวขอร้องจะไม่เป็นผลสักเท่าใดนัก ขึ้นชื่อว่าหนี้นอกระบบแล้วก็มักเป็นอย่างนี้ หลายครั้งข้อตกลงก็ไม่มีความหมาย

"อยากลองดีเหรอพ่อหนุ่ม ได้...ถ้าสิ้นเดือนนี้เธอไม่มีเงินให้ฉันเจ็ดหมื่น ก็คอยดูละกันว่าจะเกิดอะไรขึ้น ไป กลับ"

คุณน้าเจ้าหนี้หันไปสั่งลูกน้องอีกสองคนที่ตามมาคอยอารักขา แล้วก็สะบัดหน้าเดินออกไปจากบ้านทิวอย่างไม่สบอารมณ์ ทิวได้แต่ถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน นึกว่าจะหมดเคราะห์หมดกรรมแล้ว แต่ก็ยังต้องเจอวิบากกรรมหนักอีกรอบ

สงสัยว่าคราวนี้ทิวคงต้องตัดสินใจแล้วล่ะ ถ้าหาเงินไม่ได้ก็คงต้องขายบ้านแล้วไปหาคอนโดอยู่ตามแผนที่เคยคิดไว้ก่อนหน้านี้ แม้ว่าจะเสียดายและเสียใจสักแค่ไหน ทิวก็คงต้องตัดใจขายสมบัติชิ้นสุดท้ายที่แม่ยังเหลือไว้ให้ เพียงแค่คิดทิวก็รู้สึกผิดจนต้องขอโทษแม่ในใจที่ไม่สามารถรักษาบ้านหลังนี้ที่แม่หามาอย่างเหนื่อยยากไว้ได้

เมื่อนอนคิดทั้งคืนแล้ว วันรุ่งขึ้นทิวก็ประกาศขายบ้านทันที ใครที่ผ่านไปผ่านมาก็คงจะเห็นป้ายที่ติดไว้ตรงประตูหน้าบ้านว่า "ขาย 3 ล้าน ติดต่อด่วน" พร้อมกับให้เบอร์โทรศัทพ์ที่บรรทัดล่างสุด

✢ ✣ ✤ ✥ ✦ ✧ ✩ ✪ ✫ ✬ ✭ ✮ ✯ ✰ ★ ✱ ✲ ✳ ✴ ✵ ✶ ✷


วันหนึ่งที่ต้องมาเห็นป้ายนี้เข้าก็โวยวายกับทิวใหญ่ว่า

"มึงจะขายบ้านเหรอทิว แล้วมึงจะไปอยู่ไหนวะ"

"ว่าจะไปหาซื้อคอนโดอยู่ ว่าจะซื้อใกล้ๆ แถวๆ นี้แหละ" เห็นเพื่อนโวยวายแล้วทิวก็พอจะรู้ว่าเพื่อนไม่ค่อยเห็นด้วย

"มีปัญหาอะไรหรือเปล่าทิว ทำไมมึงต้องขายบ้านด้วยวะ" ต้องเหมือนจะฉุกคิดอะไรได้ว่าทิวน่าจะมีเหตุจำเป็นบางอย่าง

"ก็...." จะบอกต้องยังไงดีหนอ ทิวไม่อยากให้ต้องมาลำบากกับเรื่องนี้เลย

"พอดีเจ้าหนี้ของกูเขาขอเงินที่เหลืออีกเจ็ดหมื่นภายในสิ้นเดือนนี้ กูไม่รู้จะไปหาที่ไหน ก็เลย..."

"โห...ไอ้บ้าเอ๊ย แค่เงินเจ็ดหมื่นมึงถึงกับต้องขายบ้านเลยหรือไงวะ"

ถึงต้องจะบอกว่าแค่เงินเจ็ดหมื่นบาทแต่ก็พอเข้าใจอยู่ว่าทิวคงหาเงินจำนวนนั้นไม่ได้ภายในสิ้นเดือนนี้แน่ๆ อย่าว่าแต่ทิวเลย ต้องเองก็ยังไม่มีเงินมากขนาดนั้นมาให้ทิวยืมหรอก

"แล้วมึงจะให้กูทำไงวะต้อง เงินกูมีเก็บไว้ยังไม่ถึงหมื่นเลย แต่คราวนี้กูไม่ยืมเงินมึงหรอกนะเว้ย กูรบกวนมึงมาเยอะแล้ว อย่าให้กูต้องทำให้มึงเดือดร้อนมากกว่านี้เลย"

ต้องเพิ่งเขัาทำงานในบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งได้ไม่กี่เดือน คงไม่มีเงินเก็บมากขนาดนั้นอยู่แล้ว แต่ก็ไม่อยากให้ทิวขายบ้านอยู่ดี จะว่าไปแล้วขายราคาสามล้านบาทก็ดูจะถูกเกินไปเสียด้วยซ้ำ

"กูก็ไม่มีเงินถึงเจ็ดหมื่นหรอกทิว แต่ยังไงก็แล้วแต่กูก็ไม่อยากให้มึงขายตอนนี้ มึงอย่าเพิ่งขายได้ไหม เดี๋ยวกูขอไปคิดก่อนว่าจะหาเงินเจ็ดหมื่นมาช่วยมึงได้ยังไง"

ได้ฟังแล้วทิวก็รู้สึกซาบซึ้งใจกับความมีน้ำจิตน้ำใจของเพื่อน ต้องไม่เคยทอดทิ้งทิวเลยจริงๆ เป็นเพื่อนเพียงคนเดียวที่รู้จักกันมาตั้งแต่อนุบาลแล้วก็ยังคบกันมาจนกระทั่งวันนี้

"กูขอบใจมึงจริงๆ ว่ะต้อง ถ้าไม่มีมึง ชีวิตกูคงไม่อยู่มาถึงวันนี้หรอก"

"เออ... ไม่เป็นไรหรอกไอ้ทิว มึงกับกูเป็นเพื่อนกันนี่หว่า มึงก็เป็นเพื่อนที่ดีของกูนะเว้ยทิว ไม่งั้นก็ไม่คบกันมาจนป่านนี้หรอก เออ...ว่าแต่ว่า มึงรู้หรือยังว่าไอ้บูมมันกลับมาตั้งนานแล้ว"

คำถามนั้นของต้องทำให้ทิวถึงกับอึ้งไปทันที บูมกลับมาแล้วเหรอ กลับมาตั้งนานแล้วด้วย แล้วทำไมไม่มาหาทิวบ้างเลย

"มันเคยมาหามึงบ้างไหมเนี่ย" พอเห็นสีหน้าอึ้งๆ ของทิวแล้วต้องก็พอจะเดาได้ไม่ยาก

"ไม่เคยเลยล่ะสิ กูว่าแล้ว เป็นเพื่อนรักกันประสาอะไรวะ กูก็ไม่ได้อยากจะอะไรกับมันมากหรอกนักนะทิว แต่กูเหลืออดจริงๆ ว่ะ เสียดายที่มึงเคยรักมัน เคยช่วยมันตั้งหลายอย่าง แม่ง...คนอะไรวะขี้ขลาดชิบเป๋งเลย อย่าให้กูเจอหน้าละกัน"

ต้องพยายามสงบสติอารมณ์และหยุดพูดไว้แค่นั้น ไม่งั้นเขาก็คงอดด่าบูมไม่จบไม่สิ้นอีกไม่ได้ ทิวยิ่งไม่ค่อยชอบด้วยเวลาที่เขาด่าบูมให้ทิวฟัง

"มึงรู้ได้ยังไงว่าบูมกลับมาแล้ว" ทิวถามหลังจากที่เงียบไปสักพักใหญ่

"รู้ดิ ก็กูโทรไปหาพี่บีม กูก็อยากรู้ว่ามันมาหรือยัง อ้อ...พี่บีมเขาก็เคยมาหามึงไม่ใช่เหรอ เห็นพี่บีมเขาบอกกูอยู่ว่าเขามาหามึงแล้ว"

ทิวพยักหน้าแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร

"กูอยากถามมันจริงๆ ว่ะทิวว่าไอ้บูมมันคิดอะไรของมันถึงไม่เคยติดต่อมาหามึงเลย มึงจะว่าอะไรกูไหมทิวถ้ากูจะไปถามไอ้บูม เดี๋ยวกูจะไปหามันที่บ้านเลย มึงคิดว่าไงทิว มึงอยากให้กูทำอย่างงั้นไหม กูทำให้มึงได้นะเว้ย"

ต้องพูดอย่างอดโมโหไม่ได้

"อย่าเลยต้อง อย่าไปถามอะไรเขาเลย จริงๆ กูก็พอรู้อยู่หรอกว่าบูมน่าจะกลับมาแล้ว แต่กูก็ไม่ได้โทรไปถาม กูอยากให้บูมมาหากูเพราะว่าบูมอยากมาด้วยตัวของบูมเอง ถ้าบูมพร้อมแล้วบูมก็คงจะมาเองแหละต้อง มึงไม่ต้องไปหาบูมที่บ้านหรอก"

ต้องถอนหายใจอย่างหงุดหงิด ไม่เข้าใจทิวเลยจริงๆ บูมทำตัวเองเจ็บขนาดนั้นแล้วยังให้อภัยอยู่ได้

"กูถามมึงจริงๆ นะเว้ยทิว มึงยังรักมันอยู่หรือเปล่าวะ"

ทิวเบือนหน้าหนีทันทีที่ได้ยินคำถามนั้น หันมองออกไปนอกหน้าต่างแล้วก็ครุ่นคิด นั่นสินะ ทิวยังรักบูมอยู่หรือเปล่า หรือทิวแค่ต้องการจะบอกสิ่งที่ค้างคาในใจเท่านั้น ไม่ได้คิดจะให้บูมกลับมารักกับทิวอีก สี่เศษๆ ที่ผ่านไปนั้นก็นานมากพอที่จะทำให้ความรักที่เคยเกิดขึ้นตายลงไปได้ แล้วความรักครั้งนั้นก็อาจจะตายไปโดยที่ไม่มีโอกาสได้ฟื้นคืนกลับมาอีกเลย แต่ไม่ว่าจะยังไงทิวก็ยังอยากจะบอกความรู้สึกนั้นที่เคยเกิดขึ้นให้บูมฟังอยู่ดี

"รักหรือเปล่าไม่รู้ แต่กูไม่เคยลืมว่ะต้อง ถ้าไม่ลืมแปลว่ารัก ก็คงแปลว่ากูยังรักอยู่นั่นแหละ"

"เออ...ก็แค่นั้นแหละ กูจะได้ไม่ไปแตะต้องอะไรมันมาก แต่กูก็บอกตรงๆ นะเว้ยว่ากูโกรธมัน ถ้ากูเจอมันเมื่อไร กูไม่กล้ารับรองความปลอดภัยของมันว่ะ"

คำพูดของต้องในตอนท้ายทำให้ทิวต้องหันมามองเพื่อนด้วยความตกใจเล็กน้อย สรุปว่าต้องก็ยังโกรธบูมอยู่นั่นเอง ไม่ว่าทิวจะขอร้องยังไงก็ไม่มีทีท่าว่าต้องจะให้อภัยบูมได้เลย ผ่านมาสี่กว่าแล้วต้องก็ยังตำหนิบูมให้ทิวฟังเป็นประจำเสมอ แต่จะไปโทษต้องก็คงไม่ได้เพราะบูมเองก็ทำให้เพื่อนรักของต้องต้องเจ็บหนัก ต้องคงเก็บความแค้นเคืองนั้นไว้หลายปีแล้ว

✢ ✣ ✤ ✥ ✦ ✧ ✩ ✪ ✫ ✬ ✭ ✮ ✯ ✰ ★ ✱ ✲ ✳ ✴ ✵ ✶ ✷


"บูมคะ มีน้ำเหลืออยู่ในรถมั่งหรือเปล่าคะ" สาวน้อยเสียงใสที่นั่งคู่มาด้วยถามขึ้น

"แพรวจะกินน้ำเหรอครับ" บูมหันไปถามแฟนสาวพลางใช้สายตาสำรวจภายในรถคร่าวๆ

"สงสัยจะหมดแล้วล่ะ"

"งั้นบูมแวะซื้อให้แพรวหน่อยได้ไหมคะ"

"ครับ" บูมตอบพลางหันมายิ้ม

พอรถเลี้ยวเข้าถนนลาดพร้าวแล้ว ความทรงจำต่างๆ ก็เริ่มหวนคืนกลับมาอีกครั้ง แม้ว่าบูมจะกลับมาเมืองไทยได้หลายเดือนแล้ว แต่ก็จะพยายามหลีกเลี่ยงที่จะไม่มาแถวๆ ลาดพร้าวยกเว้นว่าจำเป็นจริงๆ เท่านั้น บูมรู้สึกเหมือนตัวเองแทบจะไม่มีแรงขับรถ ยิ่งใกล้บริเวณนั้นเท่าไรเขาก็ยิ่งใจสั่น

"บูคะ ซอยข้างหน้ามีเซเว่นค่ะ บูมจอดเลยก็ได้" แพรวบอกพลางชี้ให้บูมดูแต่บูมก็ขับเลยไปเหมือนกับไม่ได้ยินที่แพรวบอก

"อ้าว ทำไมล่ะคะบูม" แพรวถามอย่างสงสัย

"อ๋อ...ซอยหน้าก็มีครับแพรว มีที่จอดรถด้วยจะได้ลงสะดวกๆ"

"อ้อ...ได้ค่ะ"

บูมเลือกที่จะเข้ามาในซอยบ้านทิวนั่นเอง เขายังจำได้ดี สี่ปีกว่าแล้วที่บูมไม่เคยได้กลับมาที่นี่เลย ทุกอย่างก็ยังดูคล้ายๆ เดิมอยู่ บูมเลี้ยวรถเข้าไปในซอยนั้น ตรงด้านหน้าซอยจะมีตลาดอยู่ เซเว่นก็อยู่ใกล้ๆ กับตลาดนั่นเอง ข้างหลังตลาดบูมจำได้ว่ามีที่จอดรถอยู่จึงเลี้ยวเข้าไปจอด พอเห็นสภาพวิถีชีวิตของคนที่นี่บูมรู้สึกว่าน้ำลายเริ่มเหนียวขึ้นทุกทีๆ

ตลาดตรงนี้บูมเคยนั่งมอเตอร์ไซค์ออกมาหาอะไรกินกับทิวอยู่บ่อยๆ เห็นแล้วก็คิดถึงทิวจับใจ ไม่น่าเชื่อว่าพอได้มาอยู่ในที่ที่เคยมากินมานอนกับเพื่อนที่เคยรักแล้ว ความรู้สึกโหยหาและคิดถึงใครสักคนกลับยิ่งทวีมากขึ้นจนบูมรู้สึกอยากจะขับรถเข้าไปหาทิวที่บ้านเสียเลย บูมเคยคิดว่าจะลืมและตัดใจจากเพื่อนคนนี้ได้ แต่พอความรู้สึกนี้เกิดขึ้นบูมก็ชักไม่แน่ใจเสียแล้ว คนขี้ขลาดอย่างบูมควรจะเลิกคิดที่จะกลับมาหาทิวเสียที

"บูมรอแพรวในรถละกันนะคะ เดี๋ยวแพรวไปซื้อเองดีกว่าค่ะ บูมจะได้ไม่ต้องดับเครื่อง เดี๋ยวแพรวมานะคะ"

บูมยังไม่ทันตอบอะไรแพรวก็เปิดประตูรถแล้วเดินแกมวิ่งออกไป แพรวเป็นคนคล่องแคล่วว่องไวแบบนี้แหละตามประสาสาวสมัยใหม่ ด้วยการแต่งตัวที่ดูหรูหรามากกว่าคนในตลาดแถวนี้ ใครๆ ต่างก็พากันหันมามองเธอเป็นตาเดียวกัน โดยเฉพาะหนุ่มๆ ที่เดินผ่านไปผ่านมา

พอแฟนสาววิ่งหายเข้าไปในเซเว่นแล้ว บูมก็ใช้เวลาที่พอมีอยู่นั้นมองสำรวจไปยังที่ต่างๆ เพื่อรำลึกถึงช่วงเวลาที่เขากับทิวเคยเป็นเพื่อนกัน บ้านของทิวอยู่ในซอยนี้อีกไม่ไกล หรือว่าบูมควรจะแวะเข้าไปดูสักหน่อยดีไหม เขาอยากรู้เหลือเกินว่าทิวเป็นยังไงบ้าง พี่บีมบอกว่าทิวคิดถึงบูมมากและร้องไห้ใหญ่เลยตอนที่พี่บีมมาหา บูมก็อยากจะบอกทิวเหมือนกันว่าคิดถึงทิวมากเช่นกัน จะว่าไปแล้ว ตอนนี้บูมก็รู้สึกคิดถึงทิวมากกว่าที่บูมเคยคิดถึงเสียอีก

บูมรู้ตัวอีกทีก็รู้สึกว่าแฟนสาวหายเข้าไปในเซเว่นนานเกินไปแล้ว แค่ซื้อน้ำดื่มก็ไม่น่าจะใช้เวลามากขนาดนี้ ด้วยความเป็นห่วงบูมจึงดับเครื่องยนต์ ล็อกรถไว้แล้วก็เดินเข้าไปตามแพรวในเซเว่น

พอเข้าไปแล้วก็เห็นแพรวกำลังจ่ายเงินอยู่พอดี "แพรว...ได้น้ำแล้วเหรอครับ"

"ค่ะบูม พอดีน้ำยี่ห้อที่แพรวอยากได้มันอยู่หลังๆ ค่ะ เพิ่งหาเจอ ขอโทษนะคะที่ทำให้รอ" แพรวบอกพลางหันมายิ้มให้แฟนหนุ่ม

"ไม่เป็นไร มา...เดี๋ยวผมช่วยถือให้"

บูมบอกแล้วก็เดินไปรับน้ำเปล่าในมือของแฟนสาวมาถือไว้ แพรวรับเงินทอนแล้วก็เก็บใส่กระเป๋าของตัวเอง

"ทิว"

บูมตกตะลึงสุดขีดเมื่อพบว่าพนักงานเซเว่นที่แพรวกำลังซื้อของด้วยนั้นคือทิว ไม่ว่าจะนานแค่ไหนบูมก็จำทิวได้เสมอแม้ว่าขนาดตัวและหน้าตาจะเปลี่ยนไปพอสมควร น้ำที่บูมถืออยู่ในมือหล่นลงบนพื้นราวกับคนถือไร้ซึ่งเรี่ยวแรง ส่วนทิวนั้นก็มีอาการไม่ต่างจากบูมเลย ต่างคนต่างตกตะลึงและยืนตัวแข็งทื่อเหมือนกัน

"บูม" ทิวหลุดคำเรียกออกมาเบาๆ แต่ก็อาจจะเบาจนแพรวแทบไม่ได้ยิน

"บูม ระวังหน่อยสิคะ"

แพรวตำหนิแฟนหนุ่มพลางย่อตัวลงไปหยิบถุงขวดน้ำที่ตกไปขึ้นมาถือไว้เอง

"ไปเถอะค่ะ เดี๋ยวจะไม่ทันนะคะ" ว่าแล้วแพรวก็เดินนำออกไปก่อน แต่บูมยังคงยืนตัวแข็งทื่อและมองหน้าทิวค้างอยู่

"บูมคะ บูมจะซื้ออะไรอีกหรือเปล่าคะ ไปกันเถอะค่ะ เดี๋ยวไม่ทันนะคะ"

แพรวหันมาเรียกแฟนหนุ่มอีกครั้งหลังจากที่เธอก้าวเดินออกไปแล้วบูมก็ยังคงอยู่ที่เดิม

"ครับ" บูมตอบแล้วก็ค่อยๆ หันตัวกลับเดินตามแฟนสาวออกไปราวกับคนไร้สติ

"บูมเป็นอะไรหรือเปล่า ไม่สบายหรือเปล่าคะ" แพรวถามด้วยความสงสัยเมื่อเห็นบูมเดินตัวแข็งๆ แถมยังมีสีหน้าเหมือนคนตกใจ

บูมค่อยๆ เรียกสติของตัวเองกลับคืนมา แต่มันก็กลับคืนมาได้ช้ามาก แทบจะฟังไม่รู้เรื่องเลยว่าแพรวถามว่าอะไรบ้าง

"บูม...เป็นอะไรหรือเปล่าคะ"

แพรวถามย้ำอีกครั้ง หยุดเดินแล้วมองหน้าแฟนหนุ่มเพื่อสังเกตหาความผิดปกติ บูมก็ดูผิดปกติไปจริงๆ ด้วย เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า ก็ไม่เห็นจะมีอะไรเลยนี่นา จะว่าเป็นเพราะทำขวดน้ำตกก็ไม่น่าจะทำให้บูมตกใจขนาดนี้ได้

"ไม่มีอะไรหรอกแพรว รีบไปกันเถอะ เดี๋ยวไม่ทัน"

บูมคงจะรู้ตัวแล้วว่าทำให้แฟนสาวเป็นห่วงก็เลยพอเรียกสติคืนกลับมาได้ จากนั้นก็รีบเดินไปยังรถที่จอดอยู่ แพรวเดินตามไปอย่างงงๆ แต่ก็ไม่ได้ถามเรื่องนี้อีก

แล้วรถเก๋งคันหรูก็ขับออกไปจากซอยเพื่อที่จะไปงานเปิดโครงการคอนโดใหม่แห่งหนึ่งแถวๆ เกษตรนวมินทร์ บูมเพิ่งเข้ามารับผิดชอบโครงการนี้ได้สักพักแล้ว มีคนสนใจซื้อพอสมควรทีเดียว งานเปิดตัววันนี้ก็น่าจะมีแขกเหรื่อและลูกค้ามาร่วมงานมากพอดู

ทิวมองตามรถคันนั้นไปราวกับไม่เชื่อสายตาตัวเอง ได้แต่ยืนงงและทำอะไรไม่ถูก อยากจะวิ่งตามออกไปก็ทำไม่ได้เพราะการทำงานที่นี่ค่อนข้างเข้มงวด พนักงานทำผิดแทบไม่ได้เลยเพราะมีกล้องคอยจับอยู่ตลอดเวลา

ผู้ชายเมื่อสักครู่นี้ที่มากับแฟนสาวคือบูมจริงๆ หรือเปล่า ก็น่าจะใช่เพราะทิวจำบูมได้ดีเสมอ แม้ว่าผ่านไปสี่ปีกว่าๆ จนบูมโตเป็นหนุ่มเต็มที่และหน้าตาเปลี่ยนไปบ้าง แต่ก็ไม่ได้เปลี่ยนไปจนถึงกับจะทำให้ทิวจำไม่ได้

บูมมีแฟนแล้วนี่เองถึงได้ไม่อยากกลับมาเจอทิวอีกครั้ง เพราะอย่างนี้นี่เอง แค่คำทักทายสักคำจากบูมก็ยังไม่มีเลย เพราะอย่างนี้นี่เองบูมถึงไม่เคยอยากมาหา บูมคงจะลืมทิวไปแล้ว คงลืมไปแล้วแน่ๆ แม้จะเตรียมใจไว้บ้างแล้วว่ามีโอกาสสูงที่บูมจะมีแฟนใหม่จนลืมเพื่อนคนนี้ไป แต่การได้รับรู้จากเรื่องจริงก็เจ็บปวดกว่าที่เกิดขึ้นในความคิดอย่างมากทีเดียว

บูมลืมทิวไปแล้ว!!!

TBC
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-08-2015 10:57:30 โดย sarawatta »

tonkhaw

  • บุคคลทั่วไป
ไปไกลเลยบูม โ่ด่  เเค่หัวใจตัวเองยังไม่เข้าใจเลย

อ่านเรื่องนี้เเล้วอัดอั้น มันอินจัด อยากนั่งด่าทั้งคู่ สักสามวัน

+1 สำหรับการอัพเเบบถี่ยิบ ของคนเขียน ชอบสุดยอดดดดดดดดดดดด

ออฟไลน์ Cynthia_Moonlight

  • เมื่อไหร่จะพ้นขีดอันตราย =_=+
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 180
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-1
อยากจะตบเข่าดังฉาด! ว่าแล้วมั้ยล่ะนั่น!!

หาพระเอกใหม่ๆๆๆ ไม่เอามันแล้ววววววววววววว


 :beat: :beat: :z6:  :z6:


คนบ้าอะไรมันจะกลัวใจตัวเองขนาดนี้ว้า  :m16: :m16:
 

ออฟไลน์ SungMinKRu

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 570
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +151/-0
    • https://www.facebook.com/pages/SungMinKRu-Boys-Love/311662138876399


มาอัพแล้ว

HAPPY BIRTH DAY ให้คนเขียนนะค่ะ มีความสุขมากๆ ร่างกายแข็งแรงค่ะ :)  ...



ตอนแรกคนเขียนบอกว่าให้เตรียมทิชชู ก็คิดว่าจะได้ซับเลือด  :pighaun: :pighaun:

ที่ไหนได้  :o12: :o12: :o12:  บูมใจร้ายกับทิวมากอะ เฮ้อ T T 

เป็นกำลังใจให้ทิว  :กอด1: ไปรักกับต้องซะเลย  :really2:


มาอัพเร็วมากกก ชอบบๆ 555

 :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ yeyong

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5857
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +917/-26
นั่นนนน สงสารทิวจังเลย เจอแต่ความทุกข์ เจอบิวกับแฟนคงเหมือนความหวังที่หล่อเลี้ยงอยู่มันแห้งกริบ

สุขสันต์วันเกิดคนเขียนด้วยค่ะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26-03-2012 11:52:35 โดย yeyong »

ออฟไลน์ hotladyanyavee

  • ขึ้นจากเกาะ มาใช้ชีวิตบนอ่าวนาง มันก็อินดี้ไปอีกแบบ
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2384
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-10
สุขสันต์วันเกิดคนเขียน สงสารทิวอีกแล้ว อ่านแล้วบีบใจอย่างมาก อ่านแล้วน้ำตาซึมเลยเรา
สงสารทิวมาก ความคิดถึงที่เก็บกัก ความรักที่แปรเป็นความคิดถึงที่เจ็บปวด กับถูกตอบแทนด้วยการเมินเฉย
กลับถูกคนที่รอคอย ถูกคนที่หล่อเลี้ยงใจให้อยู่เฉยไม่ทัก ไม่เคยกลับมา ทั้งที่อยู่ใกล้ๆกัน
นายมันคนขี้ขลาดวะบูม ขี้ขลาดจนไม่คู่ควรกับทิวเลย สมควรแล้วที่ต้องจะจงเกลียด เพราะนายเป็นคนแบบนี้ไง เป็นคนที่เห็นแก่ตัว ทรมานทิว ผูกทิวไว้กับรักบ้าของนาย หากไม่รักไม่ต้องการ ช่วยบอกทิวตรงๆ ให้คนๆนี้หลุดพ้นจากนายสักที ไอ้บ้าขี้ขลาด ไอ้หมาขี้แพ้บูม :m15: :monkeysad:

ออฟไลน์ sarawatta

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 714
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +300/-10
♥♥♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (Re-written Version)
CHAPTER 20 ✦ รักที่หล่นหาย


หลังจากเสร็จงานแล้วบูมก็จัดการขับรถไปส่งแพรวที่บ้านแถวๆ สาทร ปกติบูมจะอยู่พูดคุยกับพ่อแม่ของแพรวสักพักถึงจะกลับ แต่วันนี้บูมถือโอกาสกลับทันที ก่อนจะบึ่งรถมุ่งตรงมาที่ลาดพร้าวอีกครั้ง มาถึงก็จอดรถไว้ที่ด้านหลังตลาดก่อนจะเดินไปด้อมๆ มองๆ ที่ร้านสะดวกซื้อที่ทิวทำงานอยู่ เกือบจะห้าโมงเย็นแล้วทิวก็ยังคงทำงานอยู่

ทำไมทิวถึงมาทำงานที่นี่หนอ หรือว่าทำงานพิเศษหารายได้ แต่เท่าที่บูมรู้มา บ้านทิวก็ไม่ได้ลำบากมากถึงขนาดจะต้องให้ทิวมาทำงานในร้านสะดวกซื้อที่ต้องยืนขาแข็งทั้งวันอย่างนี้เลย แต่เดาไปก็คงไม่ได้คำตอบที่แท้จริง คนที่จะบอกได้ดีที่สุดก็คือทิว

บูมกลับเข้ามานั่งรอในรถ ไม่นานนักทิวก็เลิกงาน เดินออกมาจากร้านสะดวกซื้อแล้วก็ขี่มอเตอร์ไซค์ที่จอดอยู่ด้านหน้าร้านออกไป เมื่อบูมแน่ใจว่าทิวขับออกไปไกลพอสมควรจึงค่อยๆ ขับรถตามไปเพราะไม่อยากให้ทิวผิดสังเกต พอมาถึงหน้าบ้านทิวก็พบว่าทิวหายเข้าไปในบ้านแล้ว บูมจอดรถไว้ที่หน้าบ้านของทิว ดับเครื่องแล้วก็ลงจากรถ

"ขายบ้าน!!!" นี่มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมทิวถึงได้ติดป้ายประกาศขายบ้าน บูมยืนมองป้ายนั้นแล้วก็ครุ่นคิด ทิวทำงานเป็นพนักงานในร้านสะดวกซื้อ มิหนำซ้ำยังประกาศขายบ้านอีก สี่ปีเศษๆ ที่ผ่านมานั้นบูมไม่เคยติดต่อทิวเลย ที่ผ่านมาเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตของทิวบ้าง ทำไมทิวถึงไปทำงานที่นั่น ทำไมต้องขายบ้าน หรือว่าแค่ต้องการย้ายที่อยู่ แล้วทิวจะไปอยู่ที่ไหนล่ะ

บูมไม่ยอมกลับมาหาทิวด้วยเหตุผลเพียงเพราะว่าไม่กล้ามาสู้หน้าทิวอีก ยิ่งรู้ว่าพ่อกับแม่เป็นอย่างนั้นแล้วบูมก็ยิ่งไม่อยากพาทิวเข้ามาให้ลำบากใจ แต่ไม่ว่าก่อนหน้านี่บูมจะมีเหตุผลมากมายเพียงใดที่จะไม่มา พอได้เจอกับทิวโดยบังเอิญเมื่อกลางวันนั้นแล้วบูมก็ไม่สามารถห้ามความคิดถึงได้ คราวนี้ต่อให้ใครจับมัดไว้บูมก็จะมาหาทิวให้ได้

บูมกดกริ่งหน้าบ้านของทิวก่อนจะหันหลังพิงรั้วประตูบ้านเพราะยังไม่อยากให้ทิวเห็นหน้าในทันที ทิวเดินออกมาแล้ว ใจของบูมเต้นรัวราวกับจะทะลุออกมาข้างนอก ทิวคงแปลกใจมากทีเดียวที่เห็นชายหนุ่มแต่งตัวภูมิฐานมายืนพิงประตูหน้าบ้าน แถมยังมากับรถบีเอ็มดับบลิวคันงามอีกด้วย

"มาหาใครเหรอครับ" ทิวร้องถาม

บูมค่อยๆ หันหน้ามาเผชิญกับอีกฝ่ายที่อยู่คนละฝั่งของรั้วบ้าน "ทิว เรากลับมาแล้ว"

"บูม"

ทิวอ้าปากค้างราวกับไม่เชื่อสายตาตัวเอง รีบเปิดประตูมือไม้สั่น บูมยิ้มดีใจแล้วก็โผเข้ากอดเพื่อนทันทีประตูถูกเปิดออก ทั้งสองคนกอดกันแน่นราวกับกลัวว่าอีกฝ่ายจะหายไปไหน

"เรากลับมาแล้วทิว เรากลับมาแล้ว"

บูมย้ำประโยคเดิมอีกครั้ง เหตุการณ์ประทับใจในวันเก่าๆ ฉายขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง นึกถึงวันที่ตกบันไดแล้วทิวก็คอยมาช่วยทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้บูมไม่ชอบหน้าทิวเลย บูมจะไปไหนทิวก็คอยพยุงพาไป ไม่เคยนึกโกรธเคืองที่เคยทำไม่ดีกับทิวไว้ จากนั้นบูมก็ได้เข้ามาในชมรมดนตรีเพราะทิวคอยช่วยสอนร้องเพลงให้อย่างตั้งใจ การร้องเพลงเป็นคู่หูดูโอ้กันในสามปีนั้นทำให้ทิวกับบูมสนิทกันมาก ไปไหนไปด้วยกันตลอด ไม่น่าเชื่อเลยว่าบูมจะทำลายสิ่งดีๆ ในสามปีนั้นให้หายไปสิ้น

"บูม" ทิวก็ได้แต่เรียกชื่อเพื่อนแล้วก็ร้องไห้ ไม่รู้จะพูดอะไรในตอนนี้ มันมีอะไรหลายอย่างเหลือเกินที่อยากจะพูด แต่ ณ นาทีนี้ ทิวอยากกอดบูมให้แน่นและเนิ่นนานที่สุดให้สมกับที่รอคอยและคิดถึงมานานเหลือเกิน ชีวิตที่อ้างว้างเดียวดายตั้งแต่แม่เสียไปเมื่อเกือบสามปีที่แล้วช่างโหดร้ายและทารุณ ทิวต้องการใครสักคนที่จะกอดทิวไว้ คอยปลอบใจและให้ความหวัง แต่ทิวก็ไม่เคยมีใครสักคนนั้นเลย ทิวรอคอยคนๆ นี้มาตลอด แต่คนๆ นี้ก็ช่างใจร้ายกับทิวเหลือเกิน

เนิ่นนานทีเดียวที่ทิวกับบูมกอดกันอยู่อย่างนั้น ก่อนจะค่อยๆ ผละออกจากกันเพื่อมองหน้ากันให้ชัดๆ อีกครั้ง ทั้งทิวและบูมต่างก็ยิ้มทั้งน้ำตา นานเท่าไรแล้วที่ไม่ได้เจอกัน บูมเคยคิดว่ากลับมาเจอกันอีกครั้งก็อาจจะมีความรู้สึกห่างเหินไปบ้าง แต่มันไม่ใช่เลย ความรู้สึกที่เคยเกิดขึ้นเมื่อหลายปีที่แล้วก็ยังกลับคืนมาราวกับว่าไม่เคยจากไปไหน เหมือนเมล็ดพันธุ์ที่รอเพียงน้ำฝนเทกระหน่ำลงมาเพื่อให้มันแตกหน่อและเติบโตต่อไป

"บูม...นายรู้ไหมว่าเรา...คิดถึงนายมากแค่ไหน รอนายอยู่ทุกวัน ตั้งแต่วันนั้น...ตั้งแต่วันที่นายจากไป จนถึงวันนี้...เราก็ยังรอ ทำไมนายใจร้ายกับเราอย่างนี้ล่ะบูม"

ราวกับมีใครเอามีดมากรีดที่หัวใจก็ไม่ปาน บูมดึงทิวเข้ามากอดไว้อีกครั้ง รู้สึกผิดอย่างมากเหลือเกินที่ทิ้งคนที่เคยรักไปราวกับตายจากกัน ที่ทิวต้องไปทำงานแบบนี้ก็คงพอจะบอกได้แล้วว่าทิวต้องลำบากแค่ไหน ในขณะที่บูมกลับมีชีวิตที่สุขสบายทุกอย่าง

"เราขอโทษ ทิว...เราขอโทษ"

บูมบอกพลางสะอื้นไห้ รู้ดีว่าคำขอโทษแค่นี้คงไม่พอที่จะชดเชยความเจ็บปวดจากการรอคอยในครั้งนั้นได้ให้กับทิวได้ ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเขาจะขี้ขลาดและใจร้ายกับคนที่เคยดีกับเขามากขนาดนี้ ถ้าไม่ใช่เพราะทิว ชีวิตในช่วงมัธยมศึกษาตอนปลายของบูมคงไม่มีช่วงเวลาดีๆ อย่างนั้นแน่ๆ ยิ่งคิดบูมก็ยิ่งรู้สึกผิดและอดที่จะโทษตัวเองไม่ได้

เมื่อกอดกันจนพอใจแล้ว ทิวก็พาบูมเดินเข้ามาในบ้าน ทิวยังชอบปลูกต้นไม้อยู่เหมือนเดิม มุมคีย์บอร์ดที่บูมกับทิวมักจะมาร้องเพลงด้วยกันก็อยู่ที่เดิม มีรูปบูมกับทิวมาตั้งไว้ด้วย ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็ล้วนแล้วแต่มีความทรงจำดีๆ หลายอย่างที่เคยเกิดขึ้นที่นี่ บูมไม่เข้าใจตัวเองเลยว่าทิ้งสิ่งเหล่านี้ไปอย่างง่ายดายราวกับไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้นไปได้ยังไง

"แม่ล่ะทิว แม่ยังไม่กลับอีกเหรอ" บูมถามเมื่อนึกขึ้นได้

ทิวยืนนิ่ง น้ำตาไหลพรากเมื่อถูกสะกิดใจเรื่องนี้ขึ้นมา "แม่เราเสียแล้วล่ะบูม"

"อะไรนะทิว!" บูมอุทานราวกับจะไม่เชื่อว่ามันเป็นความจริง "ตั้งแต่เมื่อไร"

"เกือบสามปีแล้วล่ะ"

"โธ่แม่...."

บูมหันไปมองรูปแม่ของทิวที่ติดไว้ตรงฝาบ้านแล้วก็รู้สึกใจหาย แม่ของทิวดีกับบูมมาก บูมรู้สึกละอายใจเหลือเกิน เขาน่าจะได้มาอยู่กับทิวในช่วงเวลานั้น ทิวจะเจ็บปวดแค่ไหนที่ต้องเสียแม่ที่เป็นที่พึ่งเพียงคนเดียวไปในขณะที่ตัวเองก็ยังเรียนหนังสืออยู่

"แสดงว่านายก็...อยู่คนเดียว"

บูมแทบจะพูดต่อไม่ได้เหมือนมีอะไรมาจุกที่คอ ขอบตาร้อนผ่าวอีกครั้ง สงสารทิวจับจิตจับใจ นี่บูมทิ้งทิวไปแล้วก็ปล่อยให้ทิวต้องเผชิญชะตากรรมต่างๆ มากมายเพียงคนเดียวตลอดมาเลยหรือ นี่บูมทำอย่างนี้ลงไปได้ยังไง เสียดายที่ทิวเคยรักเคยช่วยเหลือมาตลอด

"ทิว...เราจะไม่ว่าอะไรนายเลยสักคำถ้านายจะโกรธหรือเกลียดเรา นายจะเกลียดเราก็ได้นะทิว มันคงทำให้เรารู้สึกดีกว่านี้ ดีกว่าที่เราจะต้องมารับรู้ว่า... เราคือคนที่ทิ้งนายไปแล้วปล่อยให้นายลำบากอยู่คนเดียว ชาตินี้เราคงให้อภัยตัวเองไม่ได้เลยทิว"

บูมค่อยๆ ทรุดตัวลงนั่งกับพื้นราวกับคนไม่มีเรี่ยวแรง รู้สึกเจ็บปวดเหลือเกินที่ได้รับรู้ว่าความขี้ขลาดของตัวเองทำให้ทิวต้องมาเผชิญชะตากรรมที่แสนลำบากขนาดนี้ บูมปล่อยให้ทิวอยู่คนเดียวอย่างลำบากมาเกือบสามปีโดยที่ไม่เคยคิดจะสนใจเลย

"ทิว...เราขอโทษ"

บูมร้องไห้อย่างหนัก น้ำตาเต็มใบหน้า เงยหน้ามองคนที่เคยรักใคร่ผูกพันแล้วก็สะท้อนใจ ทิวผอมไปมาก เสื้อผ้าที่ใส่ก็ดูเก่า เมื่อพิจารณาดีๆ ก็เห็นว่าบ้านเริ่มโทรมลงราวกับว่าเจ้าของบ้านไม่สามารถจะดูแลให้มันดีกว่านี้ได้ ทำไมบูมถึงทิ้งให้เพื่อนให้มีชีวิตที่ลำบากขนาดนี้ได้ลงคอ ถ้าบูมมาหาทิวบ้าง ติดต่อทิวบ้าง อย่างน้อยก็คงจะพอช่วยเหลือและให้กำลังใจกันได้ แต่นี่...ไม่มีเลย

"ทิว...เราผิดเอง เรามันขี้ขลาด...เป็นแค่ไอ้คนขี้ขลาดคนหนึ่งที่ใจร้ายใจดำได้แม้กระทั่งกับคนที่คอยช่วยเหลือมาตลอด เราเกลียดตัวเอง...เราเกลียดตัวเองน่ะทิว ทำไมเราถึง..."

บูมสะเทือนใจหนักจนเกินกว่าจะพูดต่อไปได้ ทิวค่อยๆ ย่อตัวลงนั่งตรงข้ามกับบูม ต่างคนต่างมีน้ำตาเต็มใบหน้า

"เราก็ไม่รู้หรอกนะบูมว่านายมีเหตุผลอะไร นายไม่ต้องบอกเราก็ได้" ทิวหยุดเว้นจังหวะไปเล็กน้อย

"เรามีเรื่องสำคัญมากที่จะบอกนาย เรื่องที่เราอยากจะบอกแต่ก็ไม่ได้บอก นายรอเราแป๊บนึงนะบูม เดี๋ยวเรามา"

ว่าแล้วทิวก็ลุกขึ้น เดินกึ่งวิ่งขึ้นไปบนห้องของตัวเอง ไม่นานนักก็กลับลงมาพร้อมกับใส่เสื้อตัวหนึ่งมาด้วย บูมเห็นแล้วก็ลุกขึ้นยืนและไม่อาจจะห้ามน้ำตาไว้ได้อีกเมื่อเห็นเสื้อที่ทิวใส่ลงมานั้นเป็นเสื้อเฟรนด์ชิพสมัยเรียนมัธยมนั่นเอง ทิวยังคงเก็บเอาไว้เพราะในบรรดาเพื่อนๆ ทั้งหมดนั้นก็เหลือบูมเพียงคนเดียวที่ยังไม่ได้เขียนให้เขาเลย

"ทิว..." บูมร้องไห้ด้วยความสงสารอีกฝ่ายอย่างจับจิตจับใจ นี่คงจะเป็นสิ่งที่ค้างคาใจทิวมาตลอดทิวถึงยังเก็บมันไว้อยู่

ทิวถือปากกาสำหรับเขียนมาด้วยแท่งหนึ่ง พอเดินมาถึงบูมก็ยื่นให้พร้อบกับบอกว่า

"เขียนให้เราหน่อยนะบูม เหลือนายแค่คนเดียวที่ยังไม่ได้เขียนให้เราเลย"

บูมพยักหน้าพลางรับปากกาแท่งนั้นมา พยายามหยุดสะอื้นไห้แล้วก็ค่อยๆ บรรจงเขียนข้อความลงไปบนเสื้อของทิวด้วยความสะเทือนใจ ไม่ได้ใช้เวลาคิดนานนักเพราะรู้อยู่แล้วว่าอยากเขียนอะไร พอเขียนเสร็จแล้วบูมก็เอาปากกาไปวางไว้บนโต๊ะใกล้ๆ

"นายเขียนว่าอะไรน่ะบูม อ่านให้เราฟังหน่อยสิ" ทิวถามพลางก้มลงมองตรงที่บูมเขียน แต่มันก็กลับหัวและอ่านยาก แถมยังยาวอีกต่างหาก

"ได้สิ" บูมเดินเข้ามาใกล้ๆ แล้วก็ก้มมองตรงบริเวณที่เขาเขียนข้อความลงไป

"ฟังนะทิว" บูมสูดลมหายใจเข้าแล้วก็ร้องเพลงๆ หนึ่งขึ้นมา

"ฉันดีใจที่มีเธอ ฉันดีใจที่เจอเธอ เธอคือกำลังใจเดียวที่มีไม่ว่านาทีไหนๆ"

บูมเขียนไว้แค่นี้ เพราะถ้าเขียนยาวกว่านี้ก็จะไปทับข้อความของคนอื่นๆ บูมร้องต่อโดยมีเสียงทิวร้องคลอตามเบาๆ ดูจะเป็นการร้องเพลงที่ประหลาดมากทีเดียวเพราะคนร้องเพลงร้องไห้ไปด้วย เสียงจึงขาดห้วงเป็นระยะๆ

"ฉันดีใจที่มีเธอ แม้จะต้องพบอะไร ฉันก็รู้และฉันอุ่นใจ ว่าฉันนั้นจะมีเธออยู่ตรงนี้"

แล้วทิวกับบูมก็มองหน้ากันเพื่อที่จะร้องท่อนสุดท้ายพร้อมกัน "ฉันก็รู้และฉันอุ่นใจ ว่าฉันนั้นนั้นจะมีเธออยู่...กับฉัน"

แล้วบูมก็ดึงทิวเข้าไปกอดอีกครั้งด้วยความสงสารสุดหัวใจ "เราขอโทษนะทิว เราขอโทษ..."

แม้ว่าจะพูดไปหลายครั้งแล้วบูมก็ยังคงพร่ำบอกว่าขอโทษ นึกเกลียดตัวเองที่ทิ้งเพื่อนไปตั้งหลายปี ยิ่งได้รู้ว่าทิวยังรอคอยอยู่ก็ยิ่งรู้สึกผิด

ทิวค่อยๆ ดันตัวออกจากอ้อมแขนของบูม มองหน้าอีกฝ่ายอย่างพินิจพิจารณา บูมดูหล่อและภูมิฐานมากขึ้นทีเดียว ยิ่งโตก็ยิ่งหล่อ ทรงผมที่ดูทันสมัยและการแต่งกายที่สะอาดสะอ้านบ่งบอกว่ามาจากครอบครัวที่มีฐานะความเป็นอยู่ที่ดี ผิดกับทิวที่ตอนนี้แทบจะไม่เหลืออะไรเลย แม้แต่ชีวิตก็เกือบจะรั้งเอาไว้ไม่ได้เสียแล้ว

"บูม...นายรู้ไหม กว่าที่เราจะอดทนจนได้เจอกับนายอีกครั้ง เราต้องใช้ความพยายามอย่างมาก เราไม่เหลือใครเลย ไม่มีใครจริงๆ มันยากมากรู้ไหมที่เรา...จะอยากมีชีวิตอยู่ต่อ เราแทบจะเอาชีวิตไม่รอด แต่เราที่ยังอยู่มาได้จนถึงทุกวันนี้...ก็เพราะว่าเรารอที่จะได้เจอกับนายอีกสักครั้ง เพราะเรามีเรื่องสำคัญที่อยากจะบอกนายแต่ก็ไม่ได้บอก นายจำงานวันเกิดของนายตอนมอหกได้ไหม นายเคยบอกเราว่านายมีเรื่องสำคัญจะบอกเราแต่ก็ไม่ได้บอกคืนนั้น เราก็ไม่รู้หรอกนะว่านายจะบอกอะไรเรา แต่เรา...ก็มีเรื่องอยากจะบอกนายในคืนนั้นเหมือนกัน เสียดายที่ไม่ได้มีโอกาสบอก มันค้างคา...มันติดอยู่ในใจเรามาตลอด ต่อให้ชีวิตยากลำบากแค่ไหนเราก็ขอสู้กับมัน...เพื่อที่จะมาบอกนายเรื่องนี้ ก่อนที่เราจะจากกัน...เราอยากจะบอกนายว่า...เรารักนาย"

บูมนิ่งอึ้งไป อาจจะไม่ได้ต่างจากสิ่งที่บูมคาดเดานัก บูมรู้อยู่แล้วล่ะว่าตอนนั้นทิวรู้สึกยังไงกับบูม แล้วบูมก็รู้สึกอย่างนั้นเหมือนกันในตอนนั้น แล้วตอนนี้ล่ะ ตอนนี้บูมยังรักทิวอยู่หรือเปล่า สี่ปีเศษๆ ที่ผ่านมานั้นเอาความรักวันเก่าไปเก็บไว้ที่ไหน หรือบูมทิ้งมันไปแล้ว

"เราต้องการจะบอกนายแค่นี้แหละ แค่นี้...เราก็พอใจแล้ว ไม่มีอะไรติดค้างระหว่างเราสองคนอีกแล้ว"

ทิวหยุดแล้วก็ครุ่นคิดเหมือนกำลังตัดสินใจเรื่องที่สำคัญบางอย่าง แม้จะเสียดายสัมผัสอบอุ่นนี้ที่ทิวโหยหามาตลอด แต่วันนี้ทิวกับบูมไม่เหมือนเดิมแล้ว ชีวิตที่จากกันไปนานแสนนานนั้นทำให้คนสองคนไม่ต่างจากการเป็นคนแปลกหน้ากัน ที่สำคัญ...บูมคงมีใครคนนั้นอยู่แล้ว ไม่มีประโยชน์อะไรที่ทิวจะยื้อบูมเอาไว้

"บูม...นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป" ทิวเริ่มสะอื้นไห้อีกครั้งเมื่อรู้ว่าจะต้องพูดสิ่งสำคัญอีกอย่าง

"เราไม่ต้องมาเจอกันอีก เราไม่ต้องเจอกันอีกแล้วนะบูม เราไม่อยากเจอนายอีกแล้ว ไหนๆ เราก็เหมือนตายจากกัน เราก็ไม่จำเป็นต้องกลับมาหากันอีก เราได้บอกเรื่องที่เราอยากบอกไปหมดแล้ว ไม่มีความจำเป็นต้องเจอกันแล้ว อย่ามาเจอกันอีกเลยนะบูม"

ทิวร้องไห้โฮราวกับจะขาดใจ ทรุดตัวลงนั่งกับพื้นอย่างคนไร้สิ้นซึ่งเรี่ยวแรง ส่วนบูมก็ได้แต่ยืนตกตะลึงราวกับไม่เชื่อว่าจะได้ยินคำพูดเช่นนี้จากทิว แต่มันก็สมควรแล้วล่ะ คนอย่างบูมไม่ควรได้ความรักจากทิวด้วยซ้ำ ไม่สมควรที่ทิวจะต้องอดทนรอเพื่อบอกความรู้สึกนี้เลย

บูมกลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็น ค่อยๆ ย่อตัวลงตรงหน้าทิวพร้อมกับมองดูคนที่ร้องไห้อย่างน่าสงสาร

"ทิว...เราขอกอดนายอีกสักครั้งได้ไหม"

แม้ทิวจะยังไม่อนุญาตแต่บูมก็กอดทิวไว้เสียแน่น คงจะเป็นกอดครั้งสุดท้ายที่บูมอยากจะมอบให้หัวใจดวงนี้ที่เคยอ้างว้างและเจ็บปวด ชีวิตของทิวต้องการใครสักคนที่จะให้สิ่งนี้กับทิวได้ บูมอยากจะมอบให้กับทิวไว้ก่อนจะต้องจากกันอีกครั้ง อย่างน้อยคงพอทำให้หัวใจของทิวอบอุ่นใจขึ้นมาได้บ้าง คิดแล้วก็ใจหาย ได้กลับมาเจอกันแค่ครั้งเดียวก็จะต้องมาจากกันไปอีกแล้ว

บูมค่อยๆ ปล่อยทิวออกจากอ้อมแขนแล้วก็จับไหล่ทั้งสองข้างของทิวไว้ มองดูหน้าคนที่เคยรักกันอย่างอาลัยอาวรณ์ ถ้าบูมไม่อยู่แล้วใครจะดูแลทิว เวลาที่ทิวต้องการใครสักคนทิวจะไปหาใคร ยามลำบากยากแค้นทิวจะอยู่ยังไง แต่บูมก็ทำไม่ดีกับเพื่อนไว้มากเหลือเกิน มากจนไม่กล้าที่จะขออยู่ตรงนี้ต่อไป เขาไม่มีอะไรคู่ควรกับความรักของทิวเลยแม้แต่นิดเดียว

"ดูแลตัวเองดีๆ นะทิว เราเป็นห่วงนายนะ ถึงเราจะไม่ได้มาหา เราก็เป็นห่วงนายมาก คิดถึงนายมาก แต่เรา...ก็ขี้ขลาดเกินไป คนอย่างเรา...ไม่คู่ควรกับความรักของนายหรอก ก็ดีแล้วล่ะ...ที่ต่อไปเราไม่ต้องเจอกัน เรารู้ว่านายคงไม่อยากเจอคนอย่างเราแล้ว ถึงเราจะอยากอยู่ดูแลนายแค่ไหน...เราก็ไม่สมควรที่กลับมาให้นายเห็น เราขอโทษนะทิวที่เราทำให้ทุกอย่างมันเป็นแบบนี้ ดูแลตัวเองดีๆ นะทิว เราเป็นห่วงนายเสมอนะ เราไม่เคยลืมนายเลยรู้ไหม เราไม่เคยลืมนายนะทิว เราจะจำนายไว้เสมอ ขอบคุณมากสำหรับทุกสิ่งทุกอย่าง เราดีใจนะ...ที่ครั้งหนึ่งเราเคยได้เจอกัน แล้วก็...รักกัน"

ทิวอึ้งไปเมื่อได้ยินประโยคสุดท้าย ทิวก็เคยสงสัยว่าบูมคงมีใจให้แม้ว่าจะไม่ได้บอก แต่จะมีประโยชน์อะไรที่จะรู้ตอนนี้ รู้ไปก็ไม่สามารถกลับไปเหมือนเดิมได้อีกแล้ว

บูมปล่อยมือจากไหล่สองข้างของทิว ค่อยๆ ลุกขึ้น มองดูรูปแม่ของทิวที่ข้างฝา จากนั้นก็หันไปมองมุมคีย์บอร์ด บูมคงจะต้องไปจากที่นี่แล้ว คงไม่ได้กลับมาอีกเพราะทิวคงไม่อยากให้คนอย่างบูมกลับมาหาอีกแล้ว ลาก่อนนะครับแม่ ลาก่อนนะทิว บูมคร่ำครวญในใจ จากนั้นก็ตัดสินใจหันหลังเดินออกไปจากบ้านของทิว

ทิวมองตามคนที่กำลังเดินจากไปด้วยความรู้สึกใจหาย ลาก่อนนะบูม เราไม่มีอะไรต้องติดค้างกันแล้ว ต่อจากนี้ต่างคนก็ต่างไปตามทางชีวิตของตัวเองเหมือนที่เคยเป็นมา จบความรักในวันนั้นของเราสองคนเสียที ถึงเราจะไม่ได้อวยพรให้นายก็คงได้เจอชีวิตที่ดีๆ อยู่แล้วล่ะ ก็ขอให้นายมีความสุขกับชีวิตที่ดีของนายต่อไป ส่วนเรา...หมดสิ่งที่ค้างคาแล้วก็ไม่รู้ว่าจะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้นานอีกแค่ไหน บางทีการจากไปก็อาจจะเป็นคำตอบที่ดีกว่าสำหรับคนที่ไม่เหลืออะไรเลยอย่างทิว

ทิวค่อยๆ ลุกขึ้นอย่างหมดอาลัยตายอยากแล้วก็ขึ้นไปบนห้องนอนของตัวเอง นอนร้องห่มร้องไห้ปิ่มว่าจะขาดใจ ลืมไปด้วยซ้ำว่ายังไม่ได้ปิดบ้าน เสียงรถของบูมแล่นออกไปแล้วทิวก็ยิ่งร้องไห้หนักขึ้น ความอบอุ่นจากใครสักคนที่ทิวเคยโหยหามาตลอดจากไปอีกครั้ง ชีวิตของทิวคงไม่มีอะไรจะเลวร้ายไปมากกว่านี้แล้ว ยังไงทิวก็คงพออยู่ต่อไปได้ ที่ผ่านมาก็ยังอยู่ได้เลย หรือถ้าอยู่ไม่ได้จริงๆ ก็แค่จากโลกนี้ไป ไม่มีใครต้องเสียใจหรือเสียดายหรอกถ้าไม่มีทิวสักคนบนโลกนี้

✢ ✣ ✤ ✥ ✦ ✧ ✩ ✪ ✫ ✬ ✭ ✮ ✯ ✰ ★ ✱ ✲ ✳ ✴ ✵ ✶ ✷

บูมขับรถออกมาถึงร้านสะดวกซื้อที่ทิวทำงานอยู่แล้วก็ยิ่งสะท้อนใจ สงสารทิวเหลือเกิน ถ้าบูมทิ้งทิวไปเหมือนที่ผ่านมาแล้วทิวจะอยู่กับใคร หัวใจที่เจ็บช้ำและอ้างว้างของทิวใครจะช่วยดูแล ไม่มีแม่แล้วทิวก็คงลำบาก เสื้อผ้าและบ้านที่ดูเก่าโทรมลงไปก็คงพอจะบอกได้แล้วว่าทิวมีชีวิตที่อัตคัดขัดสนขนาดไหน บูมจะทิ้งทิวไปได้ลงคออีกหรือ

สามปีกว่าที่ทิวต้องใช้ชีวิตคนเดียว ทิวคงจะลำบากมาก คงจะเหงามาก โธ่ทิว...เราสงสารนายเหลือเกิน เราไม่น่าหลบลี้หนีหน้านายไปอย่างนั้นเลย ความผิดนี้ไม่มีวันที่ลบล้างไปจากจิตใจของบูมได้ บูมคงจะรู้สึกผิดไปตลอดชีวิตถ้าไม่ได้ชดใช้ให้ทิวเลย

บูมเลี้ยวรถเข้าไปตรงที่จอดรถหลังตลาด จากนั้นก็กลับรถแล้ววิ่งกลับเข้าไปที่บ้านทิวอีกครั้ง

"เราทิ้งนายไม่ได้หรอกทิว ยังไงๆ เราก็ทิ้งนายไปอีกไม่ได้"

บูมรำพึงในใจ ดับเครื่องยนต์แล้วก็เดินลงมาจากรถมายืนอยู่ที่หน้าบ้านทิว ว่าจะกดกริ่งแต่พอลองใช้มือผลักประตูดูก็พบว่ายังไม่ได้ปิด สงสัยทิวคงลืมปิดแน่เลย บูมเดินเข้าไปในบ้านทิวแล้วก็กวาดสายตาหาคนที่บูมแสนจะเป็นห่วง ทิวไม่อยู่ที่ชั้นล่าง ไม่มีใครอยู่เลย

บูมเดินขึ้นบันไดแล้วก็ตรงไปที่ห้องของทิว เขาพอจำได้อยู่ว่าห้องนอนของทิวอยู่ชั้นสาม เมื่อมาหยุดที่หน้าห้องทิวแล้วก็เห็นว่าประตูห้องของทิวยังเปิดไว้อยู่ มีเสียงคล้ายคนร้องไห้เล็ดรอดออกมาจากห้องนั้น บูมไม่รอช้ารีบเดินเข้าไปหาต้นตอเสียงร้องไห้นั้นทันที

"ทิว"

บูมร้องเรียก สีหน้าแสดงความสงสารอย่างจับจิตจับใจ ทิวพลิกตัวหันมามองเจ้าของเสียงแล้วก็มองด้วยความสงสัยทั้งๆ ที่ยังร้องไห้อยู่ แต่ไม่ว่าจะอย่างไรทิวก็รู้สึกอุ่นใจและดีใจมากทีเดียวที่บูมกลับมา

บูมเดินมานั่งลงที่เตียงนอนของทิว ทิวลุกขึ้นนั่งแล้วก็กอดบูมไว้ ถึงจะเอ่ยปากไปว่าไม่ต้องมาเจอกันแล้ว แต่ความเหงาและความอ้างว้างเดียวดายก็ช่างโหดร้ายเสียจนทิวไม่อาจจะฝืนมันต่อไปได้ เมื่อมีใครสักคนมาอยู่ใกล้ โดยเฉพาะคนที่ทิวเคยรักด้วยแล้วก็ยิ่งยากที่จะทำใจไหว

บูมกอดทิวไว้พลางลูบหลังปลอบใจ ทิวคงเหงามากที่ต้องอยู่คนเดียว บูมคงทิ้งคนๆ นี้ไปไม่ได้อีกแล้ว ต่อให้ทิวจะโกรธเกลียดแค่ไหนบูมก็ทิ้งไปไม่ได้ อย่างน้อย ขอให้บูมได้ชดใช้อะไรให้ทิวบ้างก็ยังดี จากนั้นแล้วทิวจะให้บูมไปบูมถึงจะยอม

เนิ่นนานทีเดียวกว่าที่ทิวจะค่อยๆ สงบจิตใจได้ ทิวค่อยๆ ดันตัวออก ต่างคนต่างมองหน้ากัน

"เราจะดูแลนายเองนะทิว เราทิ้งนายไปอีกไม่ได้ ขอให้เรา...ได้ชดใช้ความผิดทั้งหมดที่เราเคยทำบ้างนะทิว"

ทิวไม่ตอบเพราะไม่รู้จะตอบว่ายังไง รู้แต่ว่าดีใจที่บูมกลับมาหา ส่วนจะชดใช้หรือไม่ชดใช้อะไรให้นั้นทิวไม่ได้สนใจ ทิวสนใจแค่โอกาสที่จะได้อยู่กับคนที่เคยรักอีกสักครั้ง ชีวิตที่อ้างว้างเดียวดาวของทิวคงจะมีความหมายมากกว่านี้

แววตาของทิวดูเหงาและเศร้ามากเหลือเกิน ร่างกายก็ผ่ายผอมเหมือนกับไม่ค่อยได้กินอาหารดีๆ ร่องรอยที่เหลือทิ้งไว้บอกเล่าเรื่องราวในตัวของมันเองได้เป็นอย่างดี บูมจะไม่ปล่อยให้ชีวิตของทิวต้องลำบากเหมือนที่ผ่านมาอีกแล้ว

"ทิว..." บูมเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นทิวยังเงียบ

ทิวก็ยังคงเงียบ แต่สายตามีคำถามเหมือนกับอยากรู้ว่าบูมจะพูดอะไรต่อไป แต่บูมก็ไม่พูดอะไรอีกเช่นเดียวกัน มองหน้าทิวเหมือนกับครุ่นคิดอะไรบางอย่าง เมื่อตกลงใจได้แล้วบูมก็ค่อยๆ เคลื่อนใบหน้าเข้าไปหาทิว สายตาที่เคยมีคำถามฉายแววประหม่าระคนสงสัยว่าบูมกำลังจะทำอะไร ก่อนที่จะได้ถาม ริปฝีปากของบูมก็ประกบลงมาเสียก่อน

บูมกอดกระชับคนตรงหน้าให้เข้ามาใกล้ขึ้น ทิวพยายามที่จะหนีแต่ก็สู้แรงปรารถนาที่อยู่ในใจไม่ได้ รสจูบที่อ่อนโยนและนุ่มนวลนั้นช่วยปลอบโยนคนที่เจ็บ เศร้าและเหงาอย่างทิวได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว สุดท้ายทิวก็ต้องกอดคนที่รุกล้ำไว้จนได้

บูมค่อยๆ ละริมฝีปากออกมาจากทิวอย่างช้าๆ ก่อนจะเอ่ยคำพูดที่สำคัญคำหนึ่งออกไป

"เรารักนายนะทิว ถึงตอนนี้...เราก็ยังรักนายอยู่"

ใช่แล้ว บูมจะลืมความรักครั้งนั้นของตัวเองได้ยังไง แม้ว่าสี่ปีกว่าที่ผ่านมามันจะถูกเก็บซ่อนไว้ แต่บูมก็เพิ่งได้คำตอบกับตัวเองวันนี้ว่าความรักวันนั้นยังไม่ตาย วันที่ได้กลับมาเจอคนที่มันรัก หัวใจของบูมก็พร้อมที่จะเบ่งบานและเปิดรับความรักวันนั้นกลับเข้ามาในหัวใจอีกครั้ง

"ให้เราดูแลนายอีกครั้งนะทิว"

น้ำตาของทิวไหลลงมาอาบแก้มทั้งสองข้าง ไม่ใช่น้ำตาแห่งความเสียใจหรอก แต่เป็นน้ำตาแห่งความดีใจต่างหาก ก่อนที่จะต้องลาจากโลกนี้ไป ขอให้ทิวได้มีชีวิตที่มีความสุขกับคนที่ทิวรักบ้างอีกสักครั้ง ต่อให้มันเป็นเพียงช่วงเวลาสั้นๆ ทิวก็พร้อมที่จะยอมแลก มันอาจจะฟังดูเหมือนคนโง่ แต่ทิวก็ไม่เข้มแข็งมากพอที่จะหนีมันไป หัวใจของทิวอ่อนแอจนเกินกว่าจะต้านทานความต้องการความรักจากใครสักคนที่ทิวรักเสียแล้ว

บูมค่อยๆ ดันตัวของทิวลงนอน ก่อนจะค่อยๆ โถมตัวลงไปทาบทับและมอบรสจูบที่แสนหวานเพื่อปลอบใจคนเศร้าอีกครั้ง คงไม่ต้องบอกว่าต่อจากนี้จะเกิดอะไรขึ้น บูมตัดสินใจแล้ว เมื่อสองคนต่างก็รักกันแล้วก็ควรจะร่วมมือกันฝ่าฟันอุปสรรคด้วยกัน ไม่ใช่การยอมแพ้ตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่มแข่งเหมือนเช่นที่ผ่านมา ถ้าลองสู้แล้วพบว่าสู้ไม่ได้ก็ยังดีกว่าถอดใจไปก่อนทั้งๆ ที่ยังไม่ได้ลอง

"ถ้านายคิดว่า...จะอยู่กับคนมีปัญหาอย่างเราไหว อยากสู้ไปด้วยกันกับเราอีกสักครั้ง นายก็ให้โอกาสเราอีกสักครั้งนะทิว"

บูมเอ่ยขึ้นก่อนที่อะไรๆ ไปไกลยิ่งกว่านี้ ทิวมองร่างเปลือยเปล่าของคนตรงหน้าแล้วก็ยิ้ม นี่คงจะเป็นเพียงรอยยิ้มที่ดูมีความสุขที่สุดของทิวในรอบหลายปีที่ผ่านมา รูปร่างของบูมดูกำยำสมส่วนกว่าเดิมมาก ผิวกายขาวสะอาดราวเทพบุตร กลิ่นกายก็หอมรัญจวนใจยิ่งนัก ทิวรู้สึกอบอุ่นใจและปลอดภัยทุกครั้งเมื่อได้อยู่ในอ้อมแขนของคนๆ นี้ ต่อให้เป็นความสุขครั้งสุดท้ายของชีวิตทิวก็ยินดีที่จะยอมแลก

ทิวควานหามือของบูมจนเจอแล้วก็จับไว้ ถึงไม่ได้พูดอะไรก็คงจะพอเป็นคำตอบให้กับบูมได้แล้วล่ะ ความรักที่หล่นหายไปนานกลับคืนมาสู่เอื้อมมืออีกครั้งแล้ว ก็ขึ้นอยู่กับคนสองคนแล้วล่ะว่าจะนำพาความรักนี้ไปต่อได้ไกลอีกสักแค่ไหน

TBC

ขอรณรงค์ให้คนอ่านสละเวลา 1 วินาทีบวกเป็ดเป็นกำลังใจให้ 'นักเขียนทุกคน' ทุกเรื่อง ทุกตอนนะครับ สร้างสรรค์วัฒนธรรมแลกเปลี่ยนแบ่งปัน
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-08-2015 10:57:58 โดย sarawatta »

icyblue

  • บุคคลทั่วไป
มาต่อแบบซะจายยยยยยยยยย เหมือนเดิม  :กอด1:

ทิวชีวิตต่อจากนี้จะเป็นงัยต่อ  หวังว่าบูมจะไม่ทิ้งไปอีกนะ :m16:


HBD. นะค่ะ :HBD4:

ขอให้มีความสุข ไม่เจ็บ ไม่จน สมหวังในสิ่งที่คิด ที่ทำนะค่ะ

แล้วก็มีผลงานนิยายสนุกๆ มาให้ชื่นชมเรื่อยๆนะค่ะ  :กอด1: :L2:

ออฟไลน์ Pupay

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 904
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +171/-1
แอบมาอ่านตอนเริ่มดราม่าละ อิอิ เนื้อเรื่องดีมากเลยค่ะ มาเป็นกำลังใจ  :L2:
สุขสันต์ในวันเกิดนะคะ ปราศจากโรคภัยทั้งปวง  :L2:

อ่านถึงตอนนี้กลัวใจว่าบูมจะทิ้งทิวไป บูมดูเป็นคนไม่ค่อยมั่นยคงเลย ดูเหลาะแหละไงไม่รู้
ลืมหรือป่าวว่ามีแฟนอย่รีบไปเคลียนะ เด๋วปวดหัวรอก่อน + เตรียมทิชชู่  :monkeysad: ซับน้ำตา

 :pig4: นะคะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด