♥♥♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต ✦ [DRAMA] [Rewrite] ▚▚▚
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ♥♥♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต ✦ [DRAMA] [Rewrite] ▚▚▚  (อ่าน 175878 ครั้ง)

ออฟไลน์ Magis

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-1
ยุ่งอีรุงตุงนังดีแท้ ทิวสู้เค้า อย่ายอมแพ้  เป็นผมนะอาจะเปลี่ยนไปใจไปเลือกต้องแทนแล้วก็ได้

ออฟไลน์ sarawatta

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 714
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +300/-10
♥♥♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (Re-written Version)
CHAPTER 25 ✦ ความในใจของต้อง



บูมเห็นท่าทางครุ่นคิดของทิวมาตลอดทางก็พอจะเดาได้ว่าทิวคงมีเรื่องกังวลใจ ไม่รู้ว่าทิวสงสัยสิ่งที่บูมกำลังทำอยู่หรือเปล่า ถ้าทิวอยากรู้บูมก็ไม่มีปัญหาที่จะเล่าให้ฟังหรอก บูมก็อยากให้ทิวเข้าใจบางสิ่งบางอย่างเหมือนกัน พอมาส่งทิวถึงบ้าน บูมจึงขอเวลาคุยกันสักพัก

"ทิว...นายรู้สึกยังไงบ้างตอนนี้ ทั้งเรื่องงานแล้วก็...เรื่องแพรว บอกเรามาตรงๆ นะ เราอยากรู้ เรามีบางอย่างที่คิดว่าเราต้องคุยกันให้เข้าใจ"

ทิวมองหน้าบูมเหมือนกับกำลังชั่งใจก่อนที่จะพูดบางสิ่งบางอย่าง

"เราชอบงานนะ เพื่อนๆ ที่มาช่วยกันทำงานทุกคนก็น่ารักมาก ทุกคนเป็นกันเอง เรานึกว่านักเรียนนอกส่วนมากจะหยิ่งซะอีก เราว่าการทำงานนี้จะช่วยให้เราได้ประสบการณ์การทำงานเยอะเลย" สีหน้าของทิวเริ่มหม่นลงเมื่อจะพูดถึงอีกเรื่อง

"ส่วนเรื่องของแพรว เราบอกตรงๆ ว่า...เราไม่ค่อยสบายใจเลย เรารู้สึกละอายใจเวลาที่เราเจอแพรว เหมือนเรากำลังจะแทงข้างหลังเค้ายังไงไม่รู้ เราไม่ชอบสถานการณ์อย่างนี้เลยบูม มันทำให้เรากังวลเหมือนกันว่าเราจะรับงานนี้ดีไหม"

ทิวหยุดมองหน้าคนตรงข้าม พยายามค้นลึกเข้าไปในดวงตาคู่นั้นว่ากำลังคิดจะทำอะไรกันแน่

"นายกำลังทำอะไรอยู่เหรอบูม เรากลัว...กลัวว่าจะมีใครต้องเจ็บ กลัวว่าเรา...จะละอายใจจนสู้หน้าแพรวไม่ได้ เรารู้สึกผิดจริงๆ นะบูม"

สีหน้าของบูมเครียดขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

"ทิว... ถึงขั้นนี้แล้ว ยังไงก็คงมีสักคนต้องเจ็บ ไม่เรา...ก็แพรว...หรือนาย หรือทั้งหมด เราไม่อยากทำให้ใครเจ็บเพราะเราหรอกนะทิว แต่เรา...ก็อดทนมามากแล้ว อดทนที่จะยอมเพื่อให้ทุกคนได้สิ่งที่เขาต้องการ อดทนที่จะหลอกตัวเองว่าไม่เป็นไร เราเหนื่อยนะทิว และเราก็คิดว่าเราจะมีชีวิตอยู่แบบนี้ต่อไปไม่ได้ คนที่เราจะรักและใช้ชีวิตอยู่ด้วยตอนนี้คือนาย...ไม่ใช่แพรว เราไม่ได้รักแพรว ใช่...ที่นายพูดมาก็ถูกแล้ว ต้องมีใครสักคนเจ็บ แต่คนๆ นั้นไม่ใช่นาย"

พูดถึงตรงนี้บูมก็สบตากับทิวนิ่ง

"ทิว...นายอดทนอีกหน่อยได้ไหม เราคงจะเดินไปบอกกับแพรวตรงๆ ไม่ได้ว่าเราไม่ได้รักเขา แล้วเราก็คงจะบอกกับแพรวตรงๆ ไม่ได้เหมือนกันว่าเรา...รักคนอื่นไปตั้งนานแล้ว เราอยากทำให้แพรวค่อยๆ รับรู้ ทำให้แพรวค่อยๆ เห็นและเข้าใจทีละน้อย จะได้มีเวลาเตรียมตัวเตรียมใจ จะได้ไม่เจ็บมากจนเกินไป เรารู้...ว่านายคงอึดอัด ไม่สบายใจ แต่เราไม่ได้คิดจะแทงข้างหลังแพรวนะทิว ตรงกันข้าม...เรากำลังจะช่วยทำให้แพรวเห็นความจริงบางอย่างที่แพรวไม่เคยรู้ต่างหาก ยังไงๆ วันหนึ่งแพรวก็ต้องรู้ว่าเราไม่ได้รักเค้าลย เอาเป็นว่าเราจะทำให้แพรวเจ็บน้อยที่สุดละกัน นายเข้าใจสิ่งที่เราพูดหรือเปล่าทิว เราสองคนต้องช่วยกันนะทิว นายพอจะอดทนได้ไหม แต่ถ้านายรู้สึกอึดอัดใจจนเกินไป เราก็จะไม่บังคับนายเลย"

ทิวไม่เคยรู้สึกว่าในชีวิตนี้จะมีเรื่องใดที่ต้องตัดสินใจยากเท่านี้อีกแล้ว รักก็รักอยู่หรอกนะ แต่ครั้นจะให้ต้องทำร้ายคนอื่นด้วยมันก็ลำบากใจไม่น้อย ทิวรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังจะเล่นบทนางอิจฉาเหมือนในละครยังไงยังงั้น เป็นการเล่นที่ร้ายลึกเสียด้วยสิ

บูมเห็นทิวครุ่นคิดอยู่ก็เลยสำทับไปอีกว่า "ทิว... ถ้าเราไม่ทำร้ายแพรว เราก็ต้องทำร้ายทิว เรามีทางเลือกอยู่แค่นี้เองนะทิว นายก็น่าจะรู้ใช่ไหมว่าระหว่างทำร้ายสองคนนี้ เราจะเลือกทำร้ายใคร"

ก็จริงของบูมนั่นแหละ ไม่ทิวก็แพรวที่ต้องเป็นฝ่ายไป แต่ทิวก็ทำใจยากเหลือเกิน

"แล้วครอบครัวของนายล่ะบูม พ่อกับแม่นายจะว่ายังไงถ้านาย...เลิกกับแพรว...แล้วลือกเรา มันจะง่ายกว่าไหม ถ้านายเลือกทำร้ายเราแค่คนเดียว เราเจ็บอีกครั้งเดียวก็ไม่เป็นไรหรอกนะบูม เราไม่อยากให้นายลำบาก พ่อกับแม่นายมีหน้ามีตาในสังคม ถ้านายเลือกเรา นายจะอยู่ในสังคมนี้อย่างภาคภูมิใจได้ยังไง ไม่มีใครยอมรับความรักของเราหรอกนะบูม ไม่ใช่ว่าเราไม่รักนายนะ แต่เราต้องคิดถึงความจริงของชีวิตด้วย"

ในที่สุดทิวก็พูดความกังวลออกมา นี่คือความจริงที่บูมจะต้องเผชิญ ความรักที่สวยงามอาจมีเพียงแค่ในนิยายอุดมคติ ชีวิตจริงมีอะไรอีกมากมายที่นอกเหนือไปจากความรักและสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากันเลย

สิ่งที่ทิวพูดทำให้บูมเจ็บแปลบเข้าไปถึงข้างในเลยทีเดียว มันเป็นสิ่งที่บูมก็คงรู้อยู่แล้ว แต่เมื่อตัดสินใจไปแล้ว ไม่ว่าใครจะรับได้หรือไม่บูมก็อยากให้ทุกคนรู้ว่าชีวิตและตัวตนที่แท้จริงของบูมเป็นแบบไหน

"อีกครั้งเดียวเราก็ให้นายเจ็บเพราะเราอีกไม่ได้ เข้าใจไหมทิว ถ้าเราเลือกแพรว ไม่ใช่นายคนเดียวหรอกนะที่จะเจ็บ เราก็เจ็บด้วย เพราะเราไม่ได้รักแพรวเลย ถ้าเราไม่ทำร้ายแพรวในวันนี้ ต่อไปเราก็จะต้องทำร้ายเค้าอยู่ดี จะเจ็บยิ่งกว่าตอนนี้ซะอีก ถ้าชีวิตนี้เราไม่ได้รักนาย ไม่ได้อยู่ดูแลนาย เราก็ไม่รู้จะมีชีวิตอยู่ต่อไปเพื่ออะไรเหมือนกัน มันทรมานนะทิวกับการที่ต้องมีชีวิตที่ไม่เป็นตัวของตัวเอง"

แล้วบูมก็ถอนหายใจอีก

"ถ้าเราไม่คิดจะเลือกนาย เราก็คงไม่กลับมาหานายหรอกนะทิว เรากลับมาแล้ว มาพร้อมกับความหวัง ถ้าเราทำให้นายต้องเจ็บอีกครั้ง...เราก็ไม่สมควรที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไป ชีวิตเราไม่ได้อยู่เพื่อหน้าตาในสังคมอย่างเดียว มันก็สำคัญระดับหนึ่งนะทิว แต่ถ้าข้างในของเรายังว่างเปล่า ยังหลอกตัวเองอยู่ จะอยู่ที่ไหนมันก็ไม่มีความสุขหรอก"

"บูม..."

ท่าทีที่ขึงขังจริงจังของบูมทำให้ทิวอึ้งไปไม่น้อย

"นายรับได้หรือเปล่าทิวที่เราจะทำอย่างนี้ เราคงจะต้องทำร้ายแพรวเป็นคนแรก แล้วถอนหมั้นกัน ส่วนพ่อกับแม่ของเรา เราจะบอกความจริงกับเค้าไป เราบอกนายได้เลยว่า...เราจะไม่ยอมให้ใครบังคับหัวใจเราไปมากกว่านี้อีกแล้วนะทิว คนที่ถูกทำร้ายด้วยความหวังดีอย่างเรา... ถูกกระทำมานานแล้ว มันโหดร้ายยิ่งกว่า มันเจ็บยิ่งกว่า เพราะมันทำให้เราเหมือนคนไม่มีชีวิต ได้แต่ทำตามความต้องการของคนอื่นไปวันๆ ทั้งๆ ที่เราก็มีหัวใจ ถ้าจะต้องมีชีวิตแบบนี้ต่อไป ก็อย่ามีชีวิตซะเลยดีกว่า"

บูมดูจะสะเทือนใจมากเมื่อพูดถึงเรื่องนี้ พอเห็นบูมเน้นย้ำเรื่องความเป็นความตายบ่อยเข้าทิวก็ชักใจเสีย

"บูม...นายอย่าพูดแบบนี้สิ" ทิวลุกขึ้นแล้วเดินไปนั่งลงข้างๆ บูม ดึงมือบูมทั้งสองข้างมาจับไว้เพื่อให้กำลังใจ

"เอาเป็นว่า...เราเข้าใจสิ่งที่นายกำลังจะทำนะ เราขอบคุณที่นายพยายามจะทำเพื่อเรา ทำให้มันเกิดความชัดเจน มันก็จริงของนาย เรื่องมันมาถึงขนาดนี้แล้วก็คงต้องมีใครสักคนต้องเจ็บ"

"แต่ไม่ใช่นายเจ็บนะทิว...ไม่ใช่นาย เราต้องช่วยกันทำให้แพรวเข้าใจความรักของเรา ทำให้เขาเจ็บน้อยที่สุด" บูมรีบพูดดัก

"ใช่ไหมทิว ถ้านายรักเรา นายต้องมั่นใจ นายไม่ต้องละอายใจ นายไม่ผิดแม้แต่นิดเดียว เรารักกันแล้ว มีความสัมพันธ์กันแล้ว เราเป็นคู่รักกัน เป็นแฟนกัน เป็นทุกสิ่งทุกอย่างของกันและกัน ชีวิตของเราต้องไปด้วยกัน นายมาก่อนทุกคน คนที่จะต้องเข้าใจความรักของเราก็คือแพรวและครอบครัวของเรา ไม่ใช่ว่าเราใจร้าย แต่เราไม่ควรจะหลอกตัวเองอีกต่อไป"

บูมพูดแล้วก็ใช้แขนข้างหนึ่งโอบไหล่ทิวเอาไว้เบาๆ ยังไงๆ บูมก็จะอยู่ตรงนี้เพื่อดูแลทิว ทิวไม่เหลือใครแล้ว บูมจะทิ้งทิวไปอีกไม่ได้

"ต้องมันบอกว่าเราจะให้นายเป็นหนูทดลอง เราทำอย่างนั้นไม่ได้หรอกทิว เราต้องมีชีวิตอยู่เพื่อความหวังนะทิว ที่ผ่านมาเราอาจไม่ได้ลงมือทำอะไรจริงจังเพราะมัวแต่กลัว แต่คราวนี้...เป็นไงก็ก็เป็นกัน เราอาจจะให้นายช่วยบ้างในบางเรื่อง แต่ก็จะพยายามไม่รบกวนมากให้นายต้องอึดอัดใจมากเกินไป เราจะทำให้ดีที่สุดเพื่อความรักของเรานะทิว" พูดจบแล้วบูมก็หันมาสบตากับทิว

บูม...เราไม่รู้ว่าเราจะพูดคำไหนหรือแสดงออกยังไงให้นายรู้ว่าเรารักนายเหลือเกิน ยิ่งเห็นความตั้งใจของนายที่จะทำเพื่อความรักของเราก็ยิ่งรักมากขึ้น ทิวทำได้แค่กอดและซบใบหน้าบนอกที่แสนอบอุ่นของบูม เริ่มมีความมั่นใจมากขึ้นว่าบูมจะเข้มแข็งมากพอที่ฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆ ไปได้ ทิวคงต้องช่วยบูมอีกแรง ไม่ใช่เพราะต้องการแย่งชิงบูมมาจากคนอื่น แต่อยากช่วยให้บูมเป็นอิสระมากขึ้น ทิวเองก็เคยรู้ว่าบูมมีความทุกข์มากแค่ไหนที่ต้องมีชีวิตที่ถูกบังคับอย่างนั้น ทิวเคยเปลี่ยนชีวิตบูมมาครั้งหนึ่งแล้ว ทำไมทิวจะทำอย่างนั้นอีกไม่ได้

บูมใช้มือลูบผมทิวไปมาอย่างแผ่วเบาด้วยความรักใคร่ ถ้าทิวไม่เชื่อใจบูมอีกสักคนแล้วชีวิตของบูมก็คงไม่เหลือใครเช่นเดียวกัน ขอบใจที่นายมั่นใจและเชื่อใจเรานะทิว ต่อให้ต้องเอาชีวิตเข้าแลก เราก็ทจะทำเพื่อนายให้ได้ ไม่มีสิ่งใดที่จะต้องกลัวถ้าคนที่บูมรักยังอยู่เคียงข้างกันอย่างนี้ต่อไป

✢ ✣ ✤ ✥ ✦ ✧ ✩ ✪ ✫ ✬ ✭ ✮ ✯ ✰ ★ ✱ ✲ ✳ ✴ ✵ ✶ ✷
 

หลังจากนั้นทิวก็เข้ามาทำงานเป็นผู้ประสานงานโครงการสบายวอล์กเวย์อย่างเต็มตัว พี่พงษ์ดูจะเสียดายไม่น้อยที่ทิวลาออก แต่ก็เข้าใจว่างานแบบนี้คงมีคนทนทำได้ไม่นานหรอก การเข้ามาแล้วออกไปเป็นเรื่องที่เห็นจนชิน เมื่อทิวมีงานทำที่ดีกว่าพี่พงษ์ก็ยินดีด้วย นอกจากนี้ ทิวก็ว่าจะเลิกร้องเพลงตอนกลางคืนด้วย แล้วก็จะหาที่เรียนหนังสือต่ออีกด้วย

งานช่วงแรกๆ นั้นเป็นการประสานงานกับหน่วยงานต่างๆ ที่จะเชิญเข้ามาร่วมเป็นภาคีเครือข่าย ช่วงนี้ทิวจะต้องโทรศัพท์ ส่งแฟกซ์ ส่งจดหมายเกือบทั้งวัน บางวันก็ออกไปประชุมกับบูมและแพรวข้างนอก

ที่สมาคมจัดห้องทำงานไว้ให้โครงการหนึ่งห้อง ทิวใช้วิธีเดินทางไปทำงานด้วยการนั่งมอเตอร์ไซค์ไปรถไฟฟ้าใต้ดินก่อน แล้วก็ต่อบีทีเอสไปลงสถานีซึ่งอยู่ใกล้ที่ทำงาน ถ้าวันไหนบูมเข้ามาทำงานและไม่ได้ไปรับแพรว บูมก็จะมารับทิวถึงที่บ้าน หรือไม่ก็มาค้างที่บ้านทิวแล้วก็ไปทำงานด้วยกันตอนเช้าเลย

เวลาอยู่ในที่ทำงาน ดูเหมือนบูมก็จะมาขลุกอยู่กับทิวมากกว่าใคร อย่างเช่นวันนี้ ในขณะที่แพรวทำสรุปรายงานการประชุม เอิร์ธเข้ามาช่วยทำเว็บไซต์ บูมก็มาช่วยทิวทำไฟล์นำเสนอที่จะใช้ในงานเปิดโครงการในปลายสัปดาห์หน้า ทิวทำ Presentation ยังไม่เก่งนัก แถมที่นี่ยังใช้เครื่องแมคทำงานกันอีก ทำให้ทิวยิ่งมะงุมมะงาหราเข้าไปใหญ่ ต้องคอยถามบูมบ่อยๆ

เหมือนแพรวกับเพื่อนๆ คนอื่นๆ จะสงสัยในความสนิทสนมที่ไม่ธรรมดานั้นอยู่เหมือนกัน โดยเฉพาะแพรวที่คอยเหลือบหันมาสังเกตอยู่บ่อยๆ บูมรู้ว่าแพรวคงเริ่มสงสัยอะไรบางอย่างแล้ว แต่นี่ก็คือชีวิตจริงๆ ของบูม นี่คือหัวใจจริงๆ ของบูม บูมได้แต่ขอโทษแพรวในใจ แต่ไม่ว่าจะอย่างไรก็อย่าให้บูมต้องฝืนใจตลอดไปเพื่อใครอีกเลย บูมเหนื่อยกับมันเหลือเกิน

"แพรววางแผนจะแต่งงานกับบูมเมื่อไรครับ เห็นหมั้นกันมาหลายเดือนแล้ว"

อยู่ๆ เอิร์ธก็ถามขึ้นขณะที่เข้ามาชงกาแฟในห้องเตรียมอาหารพร้อมกับแพรว ปล่อยให้ทิวกับบูมทำงานกันไปสองคนในห้อง

"ก็คุยๆ กับคุณแม่ไว้ว่าอาจจะเป็นปีหน้า"

แพรวบอกพลางยิ้มแล้วก็หันไปจัดการกับการชงกาแฟต่อ บ่ายๆ อย่างนี้แล้วได้กาแฟสักแก้วก็ช่วยให้หายง่วงได้เยอะเหมือนกัน เอิร์ธพยักหน้าเข้าใจแล้วก็ทำหน้าสงสัย

"รู้สึกว่าบูมกับทิวนี่ดูสนิทกันมากเลยนะ"

จู่ๆ เอิร์ธก็เปลี่ยนเรื่องคุย ความจริงเอิร์ธสังเกตเห็นอะไรแปลกๆ หลายอย่างที่เขาเองก็ไม่เข้าใจอยู่ อย่างเช่น ทำไมเวลานั่งสอนงานกันจะต้องมีโอบไหล่กันด้วย ทำไมจะต้องไปรับทิวที่บ้านทุกครั้งที่มีโอกาสทั้งๆ ที่ทิวมาเองได้ แถมไวกว่าด้วยเพราะมารถไฟฟ้า บางทีก็เห็นยิ้มให้กันด้วยแววตาแปลกๆ บางทีเอิร์ธก็เห็นสองคนนี้เดินจับมือกันไปห้องน้ำ พอมีคนเดินมาก็รีบปล่อย ดูเหมือนบูมจะดูแลเทคแคร์ทิวดีกว่าแพรวเสียอีก

"เขารู้จักกันมานานแล้วนี่ ก็สนิทกันเป็นธรรมดาแหละ" แพรวแก้ต่างให้ ถึงเธอจะสงสัยอยู่บ้างแต่ก็ไม่คิดว่าจะมีอะไรมากกว่าความเป็นเพื่อนกัน

"ก็คงใช่" เอิร์ธพยักหน้าเห็นด้วย ไม่รู้ว่าจะบอกแพรวยังไงเหมือนกันว่าสงสัยอะไร

"แพรวคบกับบูมตั้งแต่สมัยเรียนที่เมกาเลยเหรอ"

"ค่ะ แต่ช่วงแรกๆ ก็ไม่ได้เป็นแฟนกันหรอก แค่รู้จักกันเฉยๆ เพิ่งมาเป็นแฟนกันตอนปีสามได้แล้วมั้ง ถ้าจำไม่ผิดนะ"

"ก่อนหน้านั้นบูมเคยมีแฟนไหม"

แพรวทำท่าครุ่นคิด

"อืม...เท่าที่จำได้ก็ไม่เคยเห็นนะ บูมเขาเป็นเด็กเรียน เขาขยันเรียนจะตาย ไม่ค่อยสุงสิงกับใครมากหรอก ส่วนมากก็เพื่อนๆ กัน เอิร์ธมีอะไรหรือเปล่าคะ"

แพรวอดสงสัยไม่ได้จริงๆ เพราะดูท่าทางของเอิร์ธดูแปลกไป เหมือนกับกำลังจะบอกเรื่องสำคัญกับแพรวยังไงยังงั้น

"เปล่า...ไม่มีอะไรหรอก ไปกันเถอะ"

✢ ✣ ✤ ✥ ✦ ✧ ✩ ✪ ✫ ✬ ✭ ✮ ✯ ✰ ★ ✱ ✲ ✳ ✴ ✵ ✶ ✷
 

บูมสอดส่ายสายตาสักพักก็เจอต้องนั่งรออยู่ในศาลาเล็กๆ ที่จัดไว้ให้คนที่มาเดินในสวนสาธารณะนั่งพักผ่อน รู้สึกแปลกใจเหมือนกันที่อยู่ๆ ต้องก็โทรหาแล้วบอกว่ามีอะไรบางอย่างที่สำคัญอยากจะคุยด้วย พอบูมเลิกงานจากที่ทำงานของพ่อแล้วก็รีบนั่งรถไฟฟ้ามาที่สวนแห่งนี้ทันที ดีที่ว่าอยู่ไม่ไกลจากที่ทำงานมากก็เลยใช้เวลาเดินทางไม่นาน

ตอนแรกว่าจะนัดเจอกันที่อื่นแต่ต้องบอกว่าอยากคุยที่เงียบๆ คนไม่เยอะ บูมก็เลยแนะนำให้มาเจอที่สวนนี้ แม้จะเป็นช่วงเย็นๆ มีคนมาออกกำลังกายและเดินเล่นในสวน แต่ตรงบริเวณที่ต้องนั่งอยู่ก็แทบไม่มีใครมาป้วนเปี้ยนเลย

"นั่งสิ"

ต้องบอกเมื่อเห็นบูมมาถึงแล้ว สีหน้าดูเครียดๆ จนบูมนึกไม่ออกว่าต้องมีปัญหาอะไรอยู่หรือเปล่า หรือจะเป็นเรื่องที่ต้องต่อยบูมวันนั้น แต่บูมก็ไม่ได้เก็บเอามาโกรธเคืองแต่อย่างใด พอบูมนั่งลงแล้วต้องก็เริ่มการสนทนา

"วันนั้นกูขอโทษละกัน กูโมโหมากไปหน่อย" ต้องพูดโดยไม่หันหน้ามามองเพื่อน

"กูเข้าใจ ไม่มีปัญหาอะไรหรอกเรื่องนั้น ว่าแต่มึงเหอะอยากจะคุยอะไร เดี๋ยวกูจะต้องไปรับแพรวไปที่บ้าน"

บูมถามเข้าเรื่องทันที วันนี้บูมต้องไปรับแพรวมาที่บ้านเพราะว่าคุณตาคุณยายจะมาหา ก็เลยอยากให้บูมพาว่าที่สะใภ้มารู้จักกับผู้ใหญ่ แถมแม่ยังโทรไปคุยกันแพรวไว้ก่อนแล้วเสียอีก ก็เลยดูจะเป็นเรื่องยากที่จะปฏิเสธ

"มีสิ เรื่องสำคัญด้วย เรื่องที่มึงไม่เคยรู้...แต่กูคิดว่ามึงควรจะต้องรู้..."

บูมยังคงรอฟังอยู่โดยไม่พูดอะไร

"ตอนที่มึงไม่อยู่ พอแม่ทิวเสีย กูก็ไปอยู่เป็นเพื่อนทิวทุกวันเพราะกูกลัวว่ามันจะคิดสั้น กูเห็นมันร้องไห้ทุกวัน เห็นมันหมดอาลัยตายอยากกับชีวิต บอกตรงๆ ว่ากูสงสารมันมาก กูได้แต่โมโหมึงและเกลียดมึง แต่กูก็รู้...ถ้าตอนนั้นมึงอยู่กับมัน มึงคงช่วยมันได้มากกว่ากู"

ไม่ว่าจะได้ยินหรือนึกถึงเรื่องนี้สักกี่ครั้ง บูมก็รู้สึกเจ็บปวดและรู้สึกผิดในใจเสมอ ว่าแต่...ต้องกำลังจะพูดเรื่องอะไรกันแน่

"กูไม่ได้เกลียดมึงเพราะว่ามึงไม่มาหามันแค่นั้นหรอก แต่อีกอย่างที่กูเกลียดก็เพราะว่า" ต้องหยุดเว้นจังหวะเหมือนกับไม่แน่ใจ

"ทำไมกูไม่เคยที่จะทดแทนมึงได้เลย ไม่ว่าจะทำอะไรมากแค่ไหน แม้กระทั่งเวลาที่มึงไม่อยู่ ทิวมันก็นึกถึงแต่มึง ถึงมันจะไม่พูดแต่กูก็รู้ แม้ว่ากูจะคอยมาดูแลเป็นห่วง ทิวก็ไม่เคยเห็นกูอยู่ในสายตา"

น้ำเสียงของต้องบ่งบอกว่าเจ็บปวดกับสิ่งที่กำลังพูดอยู่มากทีเดียว

"มึงหมายความว่าไงต้อง"

"ฮึ" ต้องแค่นเสียง ถอนหายใจแล้วก็หันหน้าไปทางอื่น "กู...ชอบทิว"

บูมตกใจกับสิ่งที่ได้ยินไม่น้อย ถ้าต้องไม่พูดออกมาด้วยตัวเองบูมก็คงจะไม่เชื่ออย่างเด็ดขาด

"กูไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นได้ยังไงเหมือนกัน อาจจะเป็นเพราะกูสงสารมันที่ไม่มีใครก็ได้ จริงๆ กูก็รู้จักมันมาตั้งแต่อนุบาลแล้วล่ะ ก็ไม่เคยคิดว่าจะชอบมันแบบนี้หรอก จนวันที่แม่มันจากไปนั่นแหละ"

บูมพูดอะไรไม่ออก มองหน้าต้องแล้วต่างคนต่างก็ใช้ความคิด

"ทิวรู้เรื่องนี้แล้วหรือยัง" บูมถามขึ้นมาเมื่อเงียบไปได้สักพัก

ต้องส่ายหน้าแล้วก็ก้มหน้าลง "กูยังไม่กล้าบอกมันหรอก" แล้วก็พูดสืบไปว่า

"ที่กูบอกมึง เพราะกูมีเรื่องที่อยากจะขอร้องมึง" ต้องหันมามองบูมแวบหนึ่งแล้วก็ก้มหน้าตามเดิม

บูมมองด้วยความสงสัยและรอคอยสิ่งที่ต้องกำลังจะบอก

"กูอยากให้มึงปล่อยทิว"

บูมขมวดคิ้ว ไม่เข้าใจว่าทำไมตัวเองถึงจะต้องทำตามที่ต้องบอก

"กูไม่คิดว่ามึงคงไม่จะทำอะไรไม่ได้มากนักหรอก มึงมีคู่หมั้นแล้วนะบูม ไม่นานมึงก็ต้องแต่งงานกัน แล้วทิวล่ะ...มึงไม่สงสารทิวหรือไง ให้มันเจ็บเสียตั้งแต่ตอนนี้ก็ดีกว่าที่มึงจะมาหลอกให้มันมีความหวัง แล้วสุดท้ายมึงก็ต้องทิ้งมันไป กูรู้ว่าพ่อกับแม่มึงไม่มีทางยอมรับเรื่องนี้ได้หรอก จริงไหม"

"ไม่" บูมรีบตอบปฏิเสธ สงสัยว่าต้องคงมีวาระซ่อนเร้นที่ยังไม่ได้พูดออกมาแน่นอน

"ทำไม" ต้องเริ่มมีสีหน้าไม่พอใจ

"มึงจะไม่เห็นแก่ตัวไปหน่อยหรือบูม ทำไมมึงจะต้องลากไอ้ทิวเข้าไปเป็นมือที่สาม ใครรู้เข้าก็ต้องหาว่าทิวเป็นคนไม่ดี"

"ทิวไม่ได้เป็นมือที่สามและไม่เคยเป็น" บูมย้ำเสียงหนักแน่น

"กูกับทิวรักกันมาตั้งนานแล้ว คนที่จะเป็นมือที่สามก็ควรจะเป็นคนอื่น ไม่ใช่ทิว"

"อะไรนะ" ต้องดูแปลกใจและงุนงงกับสิ่งที่บูมพูด

"สิ่งที่กูจะต้องทำก็คือทำให้คนอื่นๆ เข้าใจความรักของกูกับทิว มึงได้ยินไหมต้อง ทิวไม่ใช่มือที่สาม กูไม่เคยรักใครนอกจากทิว ทิวจะเป็นมือที่สามไม่ได้อย่างเด็ดขาด"

"แต่มึงกำลังจะแต่งงาน" ต้องรีบแย้งเสียงดัง

"ตอนนี้ยังไม่ได้แต่ง ยังไงกูก็ยังมีความหวัง" บูมเถึยง

"แล้วถ้ามึงทำไม่ได้ล่ะ ไอ้ทิวมันจะเป็นยังไง มึงเคยคิดบ้างไหม" ต้องเสียงดังมากขึ้น เริ่มโมโหอีกแล้ว

"คิดสิ ทำไมกูจะไม่คิด ทิวไม่ได้เป็นหนูทดลองสำหรับกูอย่างที่มึงพูดวันนั้นหรอกนะไอ้ต้อง ไม่ว่าจะยังไงกูก็จะพยายามให้ถึงที่สุด หัวใจกูอยู่ที่ทิว ถ้ากูจะต้องอยู่กับคนอื่นที่ไม่ใช่ทิว ถ้ากูจะต้องถูกบังคับขนาดนั้น ก็ให้กูตายเสียดีกว่า"

บูมเริ่มพูดถึงความตายอีกแล้ว ถ้าทิวมาได้ยินคงไม่ชอบใจน่าดู แล้วบูมก็พูดสืบไป

"กูไม่รู้หรอกว่าวันข้างหน้าจะเป็นยังไง แต่กูก็ยังมีความหวัง กูจะไม่เลิกพยายาม ไม่ว่ามันจะเป็นไปได้หรือไม่ แต่อย่างน้อยทิวก็จะไม่เสียใจว่ากูไม่เคยพยายามทำอะไรเลย ทิวจะไม่มีวันเสียใจว่ากูไม่ได้พยายามทำเพื่อความรักของกูกับทิว"

ยิ่งฟังแล้วต้องก็ยิ่งใจหาย ดูเหมือนสองคนนี้คงจะรักกันมากเสียจนไม่มีช่องว่างให้ต้องแทรกเข้าไปได้เลย

"ถ้ามึงรักทิว...กูก็ไม่ได้ว่าอะไร กูเข้าใจว่าเรื่องหัวใจมันคงห้ามไม่ได้ แต่คนที่จะต้องตัดสินใจก็คือทิว ถ้าทิวไม่ได้รักมึง...มึงก็ทำอะไรเขาไม่ได้หรอก กูก็เหมือนกัน ถ้าทิวไม่ได้รักกู...กูก็ทำอะไรทิวไม่ได้"

บูมชักอดสงสัยไม่ได้ว่าต้องอยากให้บูมเลิกกับทิวเพราะว่าต้องต้องการจะเอาทิวมาเป็นของตัวเองหรือเปล่า

"ต้อง...กูรักทิวมากนะเว้ย ทิวก็รักกูมากเหมือนกัน กูปล่อยมือทิวให้มึงไม่ได้หรอก ยกเว้น...ทิวจะเลือกมึง"

ต้องถอนหายใจอย่างหนักใจแล้วก็กุมขมับ ที่บูมพูดมาก็ถูก ต้องก็ทำมาตั้งหลายอย่างแล้วทิวก็ยังไม่หันมามองเลย หรือจะเป็นเพราะว่าต้องยังไม่เคยบอกเรื่องนี้กับทิวเลย  ถ้าทิวรู้...ทิวจะตกใจหรือเปล่านะ บางทีต้องก็กลัวจะมองหน้าทิวไม่ติด แต่ถ้ามัวแต่เดาเอาเองอยู่อย่างนี้ต้องก็คงไม่ได้คำตอบ

หรือว่า...ต้องควรจะลองบอกทิวตรงๆ ดูสักครั้ง!?

TBC

ขอรณรงค์ให้คนอ่านสละเวลา 1 วินาทีบวกเป็ดเป็นกำลังใจให้ 'นักเขียนทุกคน' ทุกเรื่อง ทุกตอนนะครับ สร้างสรรค์ชุมชนแห่งการแลกเปลี่ยนแบ่งปัน
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-09-2015 08:50:25 โดย sarawatta »

Mc_ma

  • บุคคลทั่วไป
บูมกำลังพาทิวไปทำให้แพรวค่อยๆรู้ความสัมพันธ์ของบูมกับทิวจริงๆด้วย  :z10: :z10:

คำพูดของบูม ทั้งกับทิว และที่พูดกับต้อง ทำเอาอึ้งเหมือนกัน ชัดเจนดีมาก.....บูม  o13 o13 o13

ขอให้แพรวเข้าใจง่ายๆทีเถอะนะ  เพี้ยงงงงงง............



 :กอด1: :กอด1: ขอบคุณค่ะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03-04-2012 12:50:59 โดย Mc_ma »

yayee2

  • บุคคลทั่วไป
อ้ะ..บูมกำลังเริ่มเปลี่ยนแปลงตัวเอง และค่อยๆแสดงให้แพรวและเพื่อนๆในโครงการฯ ได้รับรู้ตัวตนจริงๆของบูม
และค่อยๆรับรู้ความสัมพันธ์จริงๆระหว่างบูมกับทิวแหละ อย่างน้อยตอนนี้แพรวกับเอิร์ธก็เริ่มสงสัยแล้ว(ได้ผลมั้ง)
แต่ก็อดหวั่นใจแทนบูมไม่ได้ว่า แพรวจะไม่ยอมนะซี เผื่อแพรวไม่ยอมปล่อยมือจากบูมล่ะ
จริงๆนะ ผู้หญิงบางคนน่ะคิดว่า การยอมเสียผู้ชายของตัวเองให้คนอื่นนั้นมันเสียหน้าเสียศักดิ์ศรีนะ
ดังนั้นฉันต้องยื้อไว้สุดฤทธิ์ ฉันไม่สนว่าเขาจะรักฉันหรือไม่
เอาให้ชนะไว้ก่อน ปัญหาอื่นค่อยว่ากันทีหลัง(นั่นก็คือปัญหาใหญ่น้อยดาหน้าเข้าหาจนรับไม่ไหว)
หรือผู้หญิงบางคนก็อาจจะคิดว่า เมื่อฉันไม่ได้ใครหน้าไหนก็ต้องไม่ได้
ดังนั้นแม่ ปะ-ฉะ-ดะ-ดับเครื่องชน ให้แหลกลาญไปทุกฝ่ายซะเลย(ตัวหล่อนก็แหลกด้วย)
แต่ก็มีผู้หญิงบางคน ยอมรับความเป็นจริง ยอมปล่อยว่าง ยอมยุติ
เพื่อที่ตนเองและผู้ที่เกี่ยวข้องจะได้ไม่เจ็บมากไปกว่านี้(แล้วก็หลบไปเลียแผลตัวเองเงียบๆ)
ยังไงๆ ก็เอาใจช่วยบูม ให้เรื่องทุกอย่างคลี่คลายไปในทางที่ดีที่สุดสำหรับทุกฝ่ายละกัน

ออฟไลน์ yeyong

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5857
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +917/-26
ถ้าต้องสารภาพกับทิวไป
จะเกิดอะไรขึ้นอีกหนอ

ออฟไลน์ SungMinKRu

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 570
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +151/-0
    • https://www.facebook.com/pages/SungMinKRu-Boys-Love/311662138876399


 :กอด1: :กอด1: :L2: :L2: :L2:


เอากำลังใจช่วยให้ บูม กับ ทิว ผ่านเรื่องราวต่างๆไปด้วยดี

 :L2: :L2: เป็นกำลังให้กับคุณคนเขียนจ้า  o18 มาเร็วๆนะ

ออฟไลน์ hotladyanyavee

  • ขึ้นจากเกาะ มาใช้ชีวิตบนอ่าวนาง มันก็อินดี้ไปอีกแบบ
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2384
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-10
สงสารทั้งทิวบูมเนอะ ความรักของสองคนนี้ขาดแต่เพียงการประติดประต่อ ขาดจิ๊กซอที่เรียกว่าความกล้า
รักของสองคนนี้เลยต้องผ่านเวลาไปเรื่อย เวลาของการแสดงให้คนอื่นเห็นว่ารัก แต่ก็มีอุปสรรคขัดขวาง
คงเพราะจากความรักของสองคนนี้เอง ที่ไม่เริ่มแต่เเรก รักของพวกเขาเลยมีมือที่สามมากั้นขวาง บูมแม่และแพรว
ทิวอาจมีต้อง หากต้องทำอะไรลงไปให้ชัดในตอนนั้น สารภาพรักกับทิว บางทีทุกอย่างคงเริ่มใหม่ แต่แบบนี้ก็ดีแล้ว

ออฟไลน์ naiin

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2421
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +141/-9
                          ว่าแล้วเชียวต้องเนี่ยต้องแอบรักทิว

ออฟไลน์ z-Time

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 295
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
เอาเข้าจริง ก็ขอให้บูมทำให้ได้อย่างที่พูดกับทิวล่ะกัน :z10:

akiso

  • บุคคลทั่วไป
มาเป็นกำลังใจให้วัฒนะ  สู้ ๆๆ  o13

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ sarawatta

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 714
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +300/-10
♥♥♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (Re-written Version)
CHAPTER 26 ✦ รักแห่งสยามภาคสอง


"นี่เหรอคู่หมั้นของบูม ชื่ออะไรล่ะจ้ะหนู" ดูเหมือนคุณยายของบูมจะถูกใจว่าที่หลานสะใภ้เข้าให้แล้วแค่แรกเห็นหน้า

"แพรวค่ะคุณยาย" แพรวตอบพลางยิ้ม

"หน้าตาจิ้มลิ้มพริ้มเพรา สวยน่ารักเชียว" คุณยายชมพลางพิศดูใบหน้าของสาวน้อยที่มานั่งพับเพียบอยู่ตรงหน้าด้วยรอยยิ้มพอใจและชมไม่ขาดปาก

"ว่าไหมพ่อ" คุณยายหันไปถามคุณตา ท่านก็พยักหน้าและยิ้มพอใจเช่นกัน

"บูมเขาตาแหลมค่ะแม่"

คุณทิพย์นภาพูดเสริม ดูๆ ไปแล้วในบ้านนี้ก็ดูจะไม่มีใครไม่ชื่นชมและอยากได้แพรวมาเป็นลูกสะใภ้สักคน มีแต่บูมเท่านั้นแหละที่ทำหน้าเครียดๆ ไม่ยิ้มแย้มแจ่มใส บูมยอมรับว่าเปลี่ยนไปมากจริงๆ เมื่อได้กลับมาหาทิว สิ่งที่เคยปฏิบัติกับแพรวก็เป็นเพียงมารยาทสังคมที่ชายหนุ่มพึงจะกระทำต่อหญิงสาวเท่านั้น บูมอยากจะบอกแม่เหลือเกินว่าบูมไม่ได้ตาแหลมใดๆ ทั้งสิ้น คนที่เลือกมาให้ก็คือพ่อกับแม่ ถึงแพรวจะสวยน่ารักสักแค่ไหน แต่เธอก็ไม่ใช่คนที่บูมต้องการ

"แล้วทิพย์ไปหาฤกษ์หายามงานแต่งงานให้บูมกับหนูแพรวแล้วหรือยังลูก" คุณตาเป็นฝ่ายถามบ้าง

"ยังเลยค่ะพ่อ เดี๋ยวทิพย์ว่าจะปรึกษาพ่อกับแม่เรื่องนี้อยู่เหมือนกันค่ะ จริงๆ ทิพย์ก็อยากให้บูมแต่งงานกับหนูแพรวเร็วๆ ทางนั้นเขาก็อยากให้แต่งงานกันเร็วๆ เหมือนกันค่ะ"

แม่ไม่ได้ถามบูมสักคำเลยว่าบูมอยากแต่งงานหรือยัง คราวนี้บูมคงอยู่เฉยๆ ไม่ได้ คงต้องทำให้พ่อกับแม่รู้ความในใจของบูมบ้างแล้วล่ะ

"แม่ครับ บูมเพิ่งอายุ 23 เองนะครับ ยังไม่อยากแต่งงานไวขนาดนั้นหรอกครับ"

แม่ทำสีหน้าไม่พอใจเล็กน้อยอย่างที่บูมก็พอจะเดาออก ถ้าไม่มีคนอยู่ตรงนี้แม่คงตาเขียวใส่เป็นแน่

"ทำไมพูดแบบนี้ต่อหน้าหนูแพรวล่ะบูม"

แล้วคุณทิพย์นภาก็หยุดพูดไปเสียดื้อๆ ทั้งๆ ที่คงอยากพูดอะไรอีกหลายอย่าง แต่เนื่องจากพ่อกับแม่ของเธออยู่ที่นี่จึงไม่อยากทะเลาะกับลูกชายให้ผู้บังเกิดเกล้าเห็น

แพรวได้ยินแบบนั้นก็หน้าเสียไปเหมือนกัน บูมเหลือบมองเห็นแล้วแต่ก็ทำเป็นเฉย

"คุณพ่อกับคุณแม่คงจะหิวข้าวแล้วล่ะคุณ ผมว่าเราไปทานข้าวเย็นกันเลยดีไหมครับ"

คุณลิขิตรีบพูดขึ้นเมื่อเห็นบรรยากาศเริ่มไม่ค่อยดี แล้วก็หันไปมองหน้าลูกชายคนเล็ก คุณลิขิตยังไม่เคยคุยกับบูมเรื่องการแต่งงานของบูมกับแพรวอย่างจริงๆ จังๆ เลย เห็นทีจะต้องคุยกับลูกชายคนเล็กให้เป็นเรื่องเป็นราวเสียทีเพราะเริ่มสงสัยอะไรบางอย่างเหมือนกัน

✢ ✣ ✤ ✥ ✦ ✧ ✩ ✪ ✫ ✬ ✭ ✮ ✯ ✰ ★ ✱ ✲ ✳ ✴ ✵ ✶ ✷


'ให้มันเป็นเพลงบนทางเดินเคียง ที่จะมีเพียงเสียงเธอกับฉัน อยู่ด้วยกันตราบนานๆ ดั่งในใจความบอกในกวี ว่าตราบใดที่มีรักย่อมมีหวัง คือทุกครั้งที่รักของเธอส่องใจฉันมีแต่เธอ'

เสียงโทรศัพท์ของบูมดังขึ้นด้วยเสียงเพลงประกอบภาพยนต์ดังเรื่องหนึ่งที่ออกฉายเมื่อนานหลายปีมาแล้ว ความน่าสงสัยคงไม่ได้อยู่ที่ว่าทำไมไปเอาเพลงเก่าๆ มาทำเป็นเสียงเรียกเข้า แต่เพราะมันเป็นเพลงประกอบภาพยนต์เกย์นี่สิ พอเพื่อนๆ ในที่ทำงานได้ยินก็เลยหันมามองเป็นตาเดียวกัน วันนี้เป็นวันที่ทุกคนมาทำงานที่สำนักงานอย่างพร้อมเพรียงกันเสียด้วย ขาดแต่เพื่อนต่างชาติสองคนเท่านั้นที่นานๆ จะเข้ามาที

บูมคุยโทรศัพท์เสร็จแล้วก็หันไปยิ้มกับเพื่อนๆ ที่มองมาด้วยสีหน้าเหมือนกับสงสัยอะไรบางอย่าง

"มีใครเคยดูหนังเรื่องรักแห่งสยามบ้างหรือเปล่า" บูมถามแก้เขิน

"โห...หนังเขาจบไปไม่รู้กี่ปีกี่ชาติ เพิ่งได้ดูเหรอ" วิทแซวพลางหัวเราะชอบใจ คนอื่นๆ ก็พลอยหัวเราะไปด้วย

"บูมเขาจะเอาเวลาที่ไหนไปดู วันๆ ก็ทำแต่งาน เมื่อก่อนก็เอาแต่เรียนหนังสือ"

แพรวพูดแล้วก็ขำไปกับเพื่อนๆ ด้วย แต่ในใจก็เริ่มกังวลเหมือนกัน ทำไมบูมถึงเอาเพลงหนังเกย์มาเป็นเสียงเรียกโทรศัพท์ล่ะ

"ทำไมอยู่ๆ ถึงถามขึ้นมาล่ะ ประทับใจฉากไหนในหนังเรื่องนี้เหรอ อย่าบอกนะว่าฉากที่โต้งกับมิว..." เอิร์ธถามแล้วก็หน้าล้อเลียน

"อืม...ก็ฉากนั้นแหละ"

บูมพูดด้วยน้ำเสียงทีเล่นทีจริงพลางหันไปยิ้มกับทิว ทิวได้แต่ทำหน้าตาเหรอหรา เล่นไม่เตี๊ยมกันบ้างเลยนะบูม

"เฮ้ย จริงเหรอ เดี๋ยวนี้บูมเปลี่ยนรสนิยมไปชอบแบบนั้นแล้วเหรอ"

วิทถามขึ้นอย่างเห็นเป็นเรื่องขำ แต่สิ่งที่ถามไปก็เหมือนกับน้ำมันที่ราดเข้าไปเติมเชื้อแห่งความสงสัยของแพรวให้เพิ่มมากขึ้น

"ผมไม่เคยเปลี่ยนรสนิยมเลยนะวิท" บูมหันไปพูดกับวิทแล้วก็หัวเราะเบาๆ

"พอดีเมื่อวานไปบ้านทิว เห็นทิวมีแผ่นอยู่ก็เลยยืมมาดู ไม่คิดว่าจะสนุก"

พอบูมพูดถึงตรงนี้ จุดสนใจของสายตาก็เคลื่อนจากบูมไปหาทิวทันที ทิวได้แต่ทำหน้ายิ้มๆ เพราะไม่รู้จะพูดอะไร แล้วบูมก็ดึงความสนใจกลับมาที่ตัวเองอีก

"ดูแล้วก็ได้แง่คิดหลายอย่างนะ โดยเฉพาะเรื่องความรักของชายกับชาย เราว่าสังคมของเราน่าจะเข้าใจคนเหล่านี้มากขึ้นนะ เขาก็เป็นคนเหมือนกับเรา ว่าไหมครับ"

"บูมดูแล้วอยากมีแฟนเป็นผู้ชายบ้างหรือเปล่าล่ะ ระวังนะแพรว ก่อนแต่งงานอย่าลืมไปสืบดูล่ะว่าบูมซ่อนกิ๊กผู้ชายไว้หรือเปล่า"

เอิร์ธพูดแล้วก็หัวเราะด้วยความคึกคะนองตามประสาคนวัยนี้ ทำให้แพรวเริ่มแสดงสีหน้ากังวลออกมาอย่างเห็นได้ชัด

"โอ๊ย...แพรวไม่กลัวเรื่องนั้นหรอกค่ะ บูมเขาแมนจะตาย จริงไหมคะบูม" แพรวพยายามกลบเกลื่อนแล้วก็หันไปทางคู่หมั้นหนุ่ม

บูมได้แต่ยิ้มๆ พอเจอสถานการณ์อย่างนี้เข้าไปทิวก็ชักอึดอัดมากขึ้น เมื่อก่อนเคยคิดว่าน่าจะอดทนได้ แต่เมื่อบูมค่อยๆ ทำให้แพรวสงสัยมากขึ้นก็กลับทำให้ทิวยิ่งรู้สึกอึดอัดมากขึ้นตามไปด้วย

พอเห็นเพื่อนๆ เริ่มหมดท่าทีสนใจ บูมก็เดินมาหาทิวที่โต๊ะทำงานแล้วก็ถามเบาๆ "เรื่องเรียนเรียบร้อยแล้วไช่ไหมทิว"

ทิวเงยหน้าขึ้นมามองแล้วก็ยิ้ม "อืม...ขอบใจนายมากนะที่ช่วยเป็นธุระให้ตั้งหลายอย่าง"

"ไม่เป็นไร เราอยากให้นายเรียนหนังสือให้จบ จะได้ไม่ลำบาก"

นี่ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ทำให้บูมรู้สึกผิดมาก นึกถึงทีไรก็ยังเสียใจอยู่ทุกครั้ง

"พรีเซนเทชั่นเป็นไงบ้าง"

"เสร็จแล้ว นายอยากดูไหม"

"ก็ดีเหมือนกัน"

บูมพูดแล้วก็เดินไปลากเก้าอี้ที่โต๊ะทำงานของตัวเองมานั่งข้างๆ ทิว ยิ่งทำให้ใครๆ ก็สงสัยในความสัมพันธ์ของบูมกับทิวมากขึ้นและมากขึ้น หนุ่มๆ สองคนที่คอยมองอยู่ก็ได้แต่แอบลุ้นในใจว่าคงไม่เกิด "รักแห่งสยาม" ภาคสองขึ้นในที่ทำงานนี้หรอกนะ

✢ ✣ ✤ ✥ ✦ ✧ ✩ ✪ ✫ ✬ ✭ ✮ ✯ ✰ ★ ✱ ✲ ✳ ✴ ✵ ✶ ✷


"ทิว...มึงจะเลิกเรียนหรือยัง"

"อีกประมาณครึ่งชั่วโมง มีอะไรหรือเปล่าต้อง" ทิวตอบพลางใช้มือป้องปากไว้เพื่อไม่ให้รบกวนคนอื่นๆ ที่อยู่ในห้องเรียน

"จะไปรับ"

พอดีต้องเพิ่งไปผ่อนรถมาใหม่หลังจากที่ทำงานมาได้ระยะหนึ่ง วันนี้ก็เลยคิดว่าจะมารับทิวเสียหน่อยเป็นการฉลองใช้รถวันแรก

"ไม่เป็นไร เดี๋ยวบูมก็จะมารับกูแล้ว"

"ได้ไง กูมารอมึงที่มหาลัยแล้วรู้เปล่า โทรไปบอกไอ้บูมเลยว่าไม่ต้องมาแล้ว กูเพิ่งถอยรถคันใหม่มา อยากให้มึงมาเจิมเป็นคนแรก มึงคงไม่คิดจะบอกให้กูกลับไปไช่ไหมทิว กูมาถึงแล้วนะโว้ย มึงเป็นเพื่อนคนแรกของกู กูก็เลยอยากให้มึงได้นั่งรถของกูเป็นคนแรก มึงสำคัญสำหรับกูนะทิว เร็ว...รีบโทรไปบอกไอ้บูมเลยว่าไม่ต้องมาแล้ว"

ต้องพยายามหว่านล้อม แล้วจะให้ทิวทำยังไงละเมื่อต้องมารออยู่แล้ว คงไม่กล้าบอกให้ต้องกลับไปหรอก ทิวจึงขอตัวออกมาข้างนอกห้องเรียนแล้วก็โทรไปหาบูมทันที

"อยู่บนทางด่วนแล้ว อีกไม่เกิน 20 นาทีก็น่าจะถึง" บูมตอบเมื่อทิวถามว่าออกมาแล้วหรือยัง

"คือ..." จะพูดยังไงดี กลัวบูมโกรธจังเลย แต่ก็ไม่อยากโกหกเพราะนั่นจะเป็นจุดเริ่มต้นของความไม่ไว้ใจกัน

"พอดี...ต้องมันมารับเราน่ะบูม ตอนนี้มันอยู่ที่มหาลัยแล้ว เราก็ไม่กล้าบอกให้มันกลับ เดี๋ยวมันจะน้อยใจ"

บูมขมวดคิ้วทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น ต้องไปรับทิวที่มหาวิทยาลัยอย่างนั้นหรือ

"ก็...ไม่เป็นไรนี่ เราก็ไปรับนายแล้วต้องก็มากับเราด้วยก็ได้ มากันสามคนก็ได้นะ จะได้คุยกัน ยังไงเราก็เป็นเพื่อนกันอยู่แล้วนี่ กับต้องเราก็ไม่ได้ติดใจอะไรหรอกทิว"

"แต่ว่า...ต้องมันเอารถมารับเราน่ะสิ มันบอกว่ามันเพิ่งถอยรถมาแล้วอยากให้เรานั่งรถมันเป็นคนแรก" น้ำเสียงของทิวดูหนักใจไม่น้อย

"เหรอ..."

บูมครุ่นคิด ถ้าเขาเป็นทิวก็คงเกรงใจต้องอยู่เหมือนกัน ยังไงทิวกับต้องก็เป็นเพื่อนกันมานาน จะบังคับให้ทิวหักหาญน้ำใจเพื่อนก็คงจะมากเกินไป

"อืม...งั้น...นายก็ให้ต้องมารับละกัน เดี๋ยวเราจะกลับบ้าน"

"บูม...เราขอโทษนายจริงๆ นะ เราไม่รู้จริงๆ ว่าต้องจะมา มันไม่ได้นัดเราเลย อยู่ดีๆ มันก็โทรมาบอกว่าอยู่ที่มหาลัยแล้ว เราก็ไม่รู้จะทำยังไงจริงๆ ขอโทษนะบูม ขอโทษจริงๆ นะ"

ทิวพูดด้วยน้ำเสียงรู้สึกผิด อดเป็นห่วงไม่ได้ว่าบูมจะน้อยใจและคิดมาก

"ไม่เป็นไรทิว...เราเข้าใจ นายกับต้องเป็นเพื่อนกันมานาน เรารู้ว่านายบอกให้ต้องกลับไปไม่ได้หรอก ถ้าเราเป็นนายเราก็คงต้องทำเหมือนนายนั่นแหละ"

จะบอกว่าบูมไม่กังวลเลยนั้นก็คงเป็นไปไม่ได้ เพราะมีบางอย่างที่บูมรู้แล้วแต่ทิวยังไม่รู้

ได้ฟังแล้วทิวก็พอยิ้มออก "ขอบใจบูมมากนะที่เข้าใจเรา คิดถึงบูมนะ"

"คิดถึงทิวเหมือนกันครับ แล้วเจอกันนะทิว บาย"

บูมวางสายไปแล้ว ทิวก็เลยกลับเข้าไปในห้องเรียนตามเดิม ทิวต้องมาเรียนทุกวันเสาร์อาทิตย์ ทำให้ตอนนี้ทิวไม่มีเวลาว่างเลยแม้แต่วันเดียวในหนึ่งสัปดาห์เพราะต้องทำงานด้วย เรียนไปด้วย เหนื่อยแต่ก็สนุกดีเหมือนกัน จะได้ไม่ต้องฟุ้งซ่านมากเกินไป

✢ ✣ ✤ ✥ ✦ ✧ ✩ ✪ ✫ ✬ ✭ ✮ ✯ ✰ ★ ✱ ✲ ✳ ✴ ✵ ✶ ✷


"เดี๋ยววันนี้กูจะพามึงไปกินข้าวข้างนอก ห้ามปฏิเสธนะเว้ย วันนี้วันพิเศษของกู" ต้องรีบขู่ก่อนที่จะขับรถออกไป

"เออๆ เอาเป็นว่าเย็นนี้กูให้เวลามึงเต็มที่เลยละกัน มึงจะพากูไปไหนกูก็จะไป" ทิวบอกแล้วก็ขำ

"จริงนะเว้ย" ต้องถามยืนยัน

"เออ..."

ดูต้องมีความสุขและภูมิใจมากทีเดียวที่ได้พาทิวขับรถไปตรงนั้นตรงนี้ แล้วก็พาไปกินข้าวที่ร้านอาหารแพงๆ เห็นต้องมีความสุขแล้วทิวก็รู้สึกดีไปด้วย แต่ก็ไม่รู้หรอกว่าที่ต้องดูมีความสุขขนาดนั้นเป็นเพราะอะไรกันแน่ ทิวคิดแต่เพียงว่าต้องคงดีใจที่ได้พาเพื่อนสนิทมานั่งรถคันใหม่เท่านั้นเอง

เอ...ทำไมต้องไม่หาตุ๊กตาหน้ารถมานั่งด้วยสักคนนะ ถ้าเป็นผู้ชายทั่วไปก็คงอยากให้แฟนมานั่งด้วยมากกว่าที่จะเป็นเพื่อน แต่ทิวก็ไม่เคยเห็นต้องพูดถึงแฟนเลย คบกันมาก็ตั้งนาน ทิวเพิ่งรู้สึกว่ามันแปลกก็วันนี้ หรือว่าต้องจะมีแล้วแต่ไม่ได้บอกหรือเปล่า

"เฮ้ยต้อง...กูถามมึงอย่างดิ" ทิวหันไปถามเพื่อนขณะที่ต้องกำลังขับรถมาส่งที่บ้าน

"ว่ามา"

"มึงมีแฟนหรือยังวะ"

คำถามนี้เล่นเอาต้องแทบจะเหยียบเบรกทันที แถมยังทำหน้าตาเลิ่กลั่กชอบกล

"ยังเว้ย...หาอยู่ แต่เหมือนจะเจอแล้วล่ะ"

"จริงเหรอ ใครวะ กูรู้จักหรือเปล่า" ทิวถามอย่างตื่นเต้น

"รู้จักดีเลยแหละ ให้ถึงบ้านมึงก่อนเดี๋ยวกูจะบอกมึง"

วันนี้แหละที่ต้องตัดสินใจแล้วว่าจะบอกทิวเรื่องที่คุยกับบูมวันนั้น เป็นไงก็เป็นกัน ดีกว่าเก็บไว้ในใจ บางทีพอบอกไปแล้วก็อาจจะมีความหวังขึ้นมาบ้าง อย่างน้อย...วันหนึ่งถ้าทิวไม่มีใครจริงๆ ทิวก็จะรู้ว่ายังมีต้องอีกคนที่ยังรออยู่

ยังไงๆ ต้องก็ไม่คิดหรอกว่าบูมจะฟันฝ่าอุปสรรคต่างๆ ได้ ความหวังของต้องก็น่าจะเป็นไปได้มากทีเดียว

✢ ✣ ✤ ✥ ✦ ✧ ✩ ✪ ✫ ✬ ✭ ✮ ✯ ✰ ★ ✱ ✲ ✳ ✴ ✵ ✶ ✷


"บูมคะ วันงานเปิดโครงการ ตอนเช้าๆ แพรวว่าจะแวะไปทำผมที่ร้านซะหน่อย บ่ายๆ บูมไปรับแพรวได้ไหมคะ"

"แพรว...บูมเป็นผู้จัดการโครงการนะครับ วันเปิดโครงการบูมต้องอยู่แสตนด์บายที่งานตลอดเวลา บูมคงไปรับแพรวไม่ได้จริงๆ ครับ"

บูมปฏิเสธคู่หมั้นไปอย่างลำบากใจ หลังๆ นี้บูมเริ่มปฏิเสธที่จะไปไหนมาไหนกับแพรวมากขึ้น ชวนไปดูหนังก็ไม่ไป ชวนไปซื้อของก็ไม่ไป ชวนไปไหนก็ไม่ค่อยไปเหมือนก่อน

"บูมคะ แค่ช่วงบ่ายนิดเดียวเอง บูมแวบออกมาแป๊บนึงก็ได้นี่คะ คนอื่นๆ ก็ช่วยอยู่ดูได้"

แพรวต่อรอง ในวันงานเธอจะเป็นพิธีกรคู่กับบูมด้วยก็เลยอยากจะแต่งตัวให้สวยเป็นพิเศษ

"แพรว...บูมไม่กล้ารับปากจริงๆ แพรวมาเองได้ไหม นั่งแท็กซี่มาก็ได้ วันนั้นบูมต้องเตรียมหลายอย่างเลย บูมขอโทษจริงๆ นะแพรว"

บูมยังยืนยันเช่นเดิม หวังว่าแพรวจะเข้าใจบ้าง ความจริงจะให้ไปรับก็คงไม่ใช่ปัญหาถ้าเกิดบูมไม่ติดงานสำคัญอย่างนี้ อีกอย่าง แพรวมักจะใช้เวลาทำผมนานเกินไป บูมต้องแกร่วรออยู่บ่อยๆ

"แพรวไปเองก็ได้ค่ะ" แพรวพูดเสียงต่ำแล้วก็วางสายไป คงจะงอนไปตามประสาผู้หญิงนั่นเอง

บูมถอนหายใจอย่างเหนื่อยใจ เมื่อก่อนก็ยอมให้อีกฝ่ายใช้อารมณ์อย่างนี้ได้โดยไม่มีปัญหา แต่ตอนนี้...มันไม่เหมือนเดิมแล้ว

บูมว่าจะกลับมานั่งอ่านหนังสือที่เพิ่งหยิบมาอ่านได้สักพักก่อนแพรวจะโทรมา จู่ๆ ก็นึกถึงพี่ชาย บางทีถ้าพี่บีมรู้อะไรบางอย่าง พี่บีมอาจจะพอช่วยได้ คิดได้แล้วบูมก็รีบไปที่ห้องพี่ชายที่อยู่ติดกันทันที

"เข้ามาเลยบูม พี่ไม่ได้ล็อกห้อง" เสียงบีมดังแว่วออกมาหลังจากที่บูมเคาะประตูเรียก

บูมเปิดประตูเข้าไปก็เห็นพี่ชายกำลังโหลดภาพจากกล้องถ่ายรูปลงเครื่องคอมพิวเตอร์อยู่พอดี "พี่บีมทำงานอยู่เหรอครับ ผมมากวนหรือเปล่า"

บีมหันมามองน้องชายแล้วก็ยิ้ม "ไม่เป็นไร พี่ก็มีเรื่องอยากคุยกับบูมอยู่พอดี"

"วันนี้พี่ไปถ่ายรูปที่ไหนมาครับ" บูมถามพลางเดินไปนั่งลงบนเตียงของพี่ชาย

"งานอีเวนต์เปิดตัวสินค้า มีดารามาหลายคนเลย" บีมพูดแล้วก็เดินมานั่งข้างๆ น้องชาย

"ว่าไง...เรื่องแต่งงานของเรา เห็นแม่บอกว่าจะรีบไปหาฤกษ์ให้ไม่ใช่เหรอ ทำไมรีบแต่งล่ะบูม อายุแค่ 23 เองนะ" บีมรีบเข้าเรื่องทันที

"ผมไม่ได้อยากแต่งเร็วขนาดนั้นซะหน่อยพี่ แม่เขาพูดเองเออเอง" บูมบอกด้วยสีหน้าไม่สบายใจ

"ถามจริง...บูมอยากแต่งงานหรือเปล่า"

บูมหันไปมองพี่ชาย ครุ่นคิดอยู่สักพักก็ส่ายหน้า "ไม่อยากแต่งครับ"

"บูมไม่ได้ชอบแพรวใช่ไหม" บีมถามอย่างรู้ทัน สังเกตเห็นท่าทีของบูมที่มีต่อแพรวมานานแล้วล่ะ

บูมถอนหายใจอย่างเคร่งเครียด "ผมจะทำไงดีครับพี่บีม ผมไม่อยากแต่งงานจริงๆ นะครับ ผมไม่ได้คิดอะไรกับแพรวเกินเพื่อนเลย"

บีมเองก็หนักใจเช่นกัน รู้ว่ามันไม่ใช่เรื่องง่ายหรอกที่บูมจะไปบอกพ่อกับแม่ว่าไม่อยากแต่งงานกับแพรว

"พี่คิดว่า...บูมต้องบอกความจริงกับพ่อแม่นะ หาโอกาสเหมาะๆ หน่อย ไม่งั้นก็จะเป็นเรื่องอีกจนได้"

"ผมว่ายังไงก็เกิดเรื่องครับ ไม่ว่าจะบอกตอนไหน"

ก็คงจะจริงอย่างที่บูมว่า บีมยังนึกไม่ออกเลยว่าโอกาสเหมาะๆ ที่พูดถึงเมื่อกี้มันควรจะเป็นตอนไหน

"อ้อ...พี่เกือบลืม ว่าจะถามหลายทีแล้ว บูมไปหาทิวมาหรือยัง"

บีมเปลี่ยนเรื่องเมื่อเพิ่งนึกได้ นี่ก็จะเป็นปีอยู่แล้วที่บูมกลับมาจากเมืองนอกแล้วยังไม่ได้ไปหาทิวเลย

บูมพยักหน้าพลางยิ้มน้อยๆ "ไปมาแล้วครับ หลายเดือนแล้ว"

"อ้าวเหรอ" บีมทำหน้าแปลกใจ แต่ก็ดีใจที่น้องชายยอมไปคุยกับเพื่อนสักที

"แล้วทิวว่าไง เขาดีใจหรือเปล่าที่ได้เจอบูม"

"ดีใจสิครับพี่ ผมก็ดีใจ ตอนนี้" บูมมองหน้าพี่ชายเหมือนกับกำลังชั่งใจ "เรากลับมาเป็นเหมือนเดิมแล้วครับ"

"ดีแล้ว เอ๊ะ...กลับมาเป็นเหมือนเดิมนี่เป็นยังไงเหรอ" บีมถามด้วยความสงสัย ความจริงก็สงสัยความสัมพันธ์ของน้องชายกับเพื่อนคนนี้มานานพอสมควร แต่ไม่เคยถามอย่างจริงๆ จังๆ

"คือ..." บูมทำสีหน้าลังเล

"พี่ว่ามันถึงเวลาแล้วนะที่บูมจะบอกความจริงกับพี่เรื่องเพื่อนของเรา บูมชอบทิวหรือเปล่า"

บีมไม่รอช้ารีบถามเข้าประเด็น น้องชายเป็นคนคิดมาก ขี้กังวล ขั้นตอนเยอะ ถ้าอยากจะคุยให้ได้เรื่องเลยก็ต้องถามตรงๆ อย่างนี้แหละ

บูมถึงกับสะดุ้งตกใจที่ถูกจู่โจมรวดเร็วปานสายฟ้าแล่บแบบนั้น แต่ก็ตั้งใจอยู่แล้วล่ะว่าจะบอกพี่ชายก็เลยไม่คิดจะปิดบังอีกต่อไป

"ครับ" บูมตอบพลางลอบสังเกตสีหน้าท่าทางของพี่ชาย ไม่รู้ว่าบีมจะรับได้หรือเปล่าที่รู้ว่าน้องชายชอบผู้ชายด้วยกัน

"พี่นึกอยู่แล้วเชียว ตั้งแต่สมัยเรียนด้วยกันเลยหรือเปล่า"

บูมพยักหน้า

"นี่ใช่ไหมที่ทำให้บูมไม่อยากแต่งงาน"

"ครับ" บูมรีบตอบทันที

"เรื่องไม่อยากแต่งงานนี่ก็เรื่องใหญ่แล้วนะ แต่อันนี้...เรื่องคอขาดบาดตายเลยล่ะ" บีมพูดแล้วก็ถอนหายใจอย่างหนักใจ

"พี่บีม...คิดยังไงครับที่ผม...เป็นเกย์" บูมถามอย่างไม่มั่นใจ แม้จะเห็นพี่ชายไม่ได้ทำท่าทางรังเกียจ แต่ก็ยังต้องการความมั่นใจมากกว่าสิ่งที่มองเห็นอยู่ดี

"พี่ไม่ได้มีปัญหาที่จะยอมรับเรื่องนั้นหรอกบูม พี่คิดว่าพี่รู้มาตั้งนานแล้วล่ะ"

ได้ยินแบบนั้นแล้วบูมก็ค่อยโล่งใจหน่อย บีมโอบไหล่น้องชายไว้แล้วก็หันไปยิ้มให้ "อย่าคิดมากบูม"

บูมพยักหน้าแล้วก็ยิ้มตอบ "พี่บีมจำโครงการสบายวอล์กเวย์ของบูมได้ไหมครับ"

บีมค่อยๆ ปล่อยมือลง ทำท่านึกอยู่สักพัก "อ๋อ...จำได้ๆ ที่จะเปิดตัวอาทิตย์หน้านี้แล้วใช่ไหม เดี๋ยวพี่จะไปถ่ายรูปในงานให้ด้วย พี่เกือบลืมเลย ขอบใจนะที่เตือน"

"ไม่ใช่เรื่องนั้นหรอกครับ" บูมรีบบอก บีมหันมามองแล้วเลิกคิ้วด้วยความสงสัย

"ผม...ชวนทิวมาทำงานเป็นผู้ประสานงานโครงการด้วยครับ" บูมสารภาพความจริงออกไป

ตายล่ะสิ...นี่บูมกำลังจะทำอะไร เอาคู่หมั้นกับคนรักมาทำงานด้วยกัน นี่ถ้าแม่รู้เข้าบีมก็ไม่อยากจะคิดเลยว่าเรื่องมันจะใหญ่โตแค่ไหน แพรวยิ่งสนิทกับแม่อยู่ ไม่นานนี้แม่คงจะต้องรู้เรื่องอย่างแน่นอน

"บูมพูดจริงเหรอ" บีมถามย้ำเพื่อความแน่ใจ

บูมพยักหน้า พอจะรู้ว่าพี่ชายกังวลใจเรื่องอะไร มันก็คงจะต้องเกิดเรื่องอย่างที่ทั้งสองคนกังวลนั่นแหละ ไม่ว่าจะทำแบบไหน จะบอกด้วยวิธีไหน ผลลัพธ์ก็คงไม่ต่างกัน แต่อย่างน้อยถ้าบูมทำให้แพรวเข้าใจและหลีกทางให้ได้ พ่อแม่ก็จะบังคับบูมให้แต่งงานกับแพรวไม่ได้เพราะแพรวคงไม่อยากแต่งงานกับผู้ชายที่เป็นเกย์อย่างบูมแน่นอน แต่มันจะง่ายขนาดนั้นหรือเปล่า พ่อกับแม่จะยอมง่ายๆ อย่างงั้นหรือ?

TBC

ขอรณรงค์ให้คนอ่านสละเวลา 1 วินาทีบวกเป็ดเป็นกำลังใจให้ 'นักเขียนทุกคน' ทุกเรื่อง ทุกตอนนะครับ สร้างสรรค์ชุมชนแห่งการแลกเปลี่ยนแบ่งปัน
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-09-2015 09:58:28 โดย sarawatta »

yayee2

  • บุคคลทั่วไป
หนักใจไปกับบูมจริงๆ เอาใจช่วยนะบูม

"เป็นนักเขียนหน้าใหม่นี่ก็ต้องจิตแข็งมากๆ นะครับ
บางทีเจออะไรนิดอะไรหน่อยก็อาจจะใจฝ่อได้ง่ายๆ พาลจะไม่อยากเขียนก็มี
อย่างไรก็แล้วแต่ ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาติดตามนะครับ"

อยากบอกกับคนเขียนว่า
เมื่อร่างกายเรารับวัคซีนเข้าไป เราอาจถึงกับจับไข้ได้
แต่ท้ายที่สุด ก็ทำให้ร่างกายของเรามีภูมิต้านทานที่เข้มแข็งนะจ๊ะ
 :กอด1:เป็นกำลังใจให้จ้ะ



icyblue

  • บุคคลทั่วไป
เค้าปมปัญหาเริ่มมาเรื่อยๆแหะ

ทั้งคุณเพื่อนต้อง  ทั้งแพรว แถมคุณพ่อเริ่มตะหงิดๆ แล้ว



นักแต่ง ก็แต่งได้ดีสนุกด้วย o13  งัยก็สู้ๆนะค่ะ  ถ้าตัน ก็พักแล้วค่อยมาต่อนะค่ะ

 :กอด1: :L2:

ออฟไลน์ sarawatta

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 714
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +300/-10
จริงๆ ไม่ได้รู้สึกว่าตันหรอกนะครับ จะให้เขียนก็เขียนได้ตลอดเพราะเป็นคนชอบเขียนอยู่แล้ว
ถ้าไม่ต้องทำอย่างอื่น ผมก็คงจะเขียนให้จบได้เลยครับเพราะวางรายละเอียดเรื่องไว้หมดแล้ว
แต่ที่ต้องขอหยุดพักทำใจก็เป็นเรื่องธรรมดาของนักเขียนหน้าใหม่ครับที่อาจจะน้อยใจหรือนอยด์กับบางอย่าง
ผมก็พูดตรงๆ ว่ารู้สึกน้อยใจที่คนอ่านค่อยๆ หายไปทีละคนสองคน ที่เคยมาอ่านก็ไม่มาอีก
พอไม่รู้ว่าทำไมหายไป เราก็ตั้งคำถามกับตัวเองว่าเราเขียนนิยายได้แย่มากหรือเปล่าจนคนอ่านไม่อยากอ่านอีก
ปกติคนอ่านไม่ค่อยเยอะเราก็จะรู้สึกอะไรบางอย่างเป็นธรรมดาอยู่แล้ว แต่นั่นก็ยังโอเคอยู่ครับ
แต่พอคนที่เคยมาอ่านหายไป มันก็เลยรู้สึกใจฝ่อ เสียความมั่นใจ

บางทีเอาตอนใหม่มาลงให้แล้วก็ยังเงียบอยู่ จนเรื่องตกไปอยู่หน้าสามหน้าสี่
ตอนใหม่ก็จ่อเตรียมจะลง แต่ก็กลัวว่าลงไปแล้วก็จะเงียบอีก ก็เลยลังเลว่าจะลงดีไหม
เคยมีคนแนะนำว่าไม่ควรเอานิยายมาลงติดๆ กันเพราะจะทำให้อ่านยาก แต่ถ้าไม่มีคนมาคอมเมนต์จะให้ทำยังไง
มันก็ต้องลง ตอนแรกผมยังคิดเลยว่าถ้าไม่มีคนมาอ่านแบบนี้ คงต้องลงจนจบเรื่องภายในสองหน้าของเว็บ

คนเขียนหน้าใหม่ต้องการกำลังใจจริงๆ ครับ มันเป็นธรรมดาที่คนเขียนก็อยากจะให้มีคนมาอ่านมาสนใจบ้าง
ไม่อย่างนั้นก็คงจะไม่เขียน เพราะการเขียนมันคือการสื่อสารเรื่องราวอย่างหนึ่ง
แต่ผมไม่โทษคนอ่านหรอกครับเพราะคิดว่าทุกคนมีสิทธิ์เลือกที่จะอ่าน ถ้าไม่ชอบก็ไม่อ่าน
แต่นักเขียนเองก็ต้องตัดสินใจเหมือนกันว่าถ้าคนไม่มาอ่านแล้วยังจะเขียนต่อไปหรือไม่
การเขียนต่ออย่างน้อยก็มีประโยชน์ในเรื่องการฝึกฝนฝีมือและได้เขียนสิ่งที่เราอยากเขียนอยู่แล้วครับ
แต่ถ้ายิ่งเขียนไปคนก็ยิ่งอ่านน้อยลง ผมก็เป็นมนุษย์ธรรมดาคนหนึ่ง ก็คงต้องรู้สึกอะไรบางอย่างบ้าง

ถามว่าผมอยากเขียนเรื่องนี้ไหม ก็บอกตรงๆ ว่าอยากเขียนมาก ผมตั้งใจและทุ่มเทกับเรื่องนี้มาก
กว่าจะได้ลงมือเขียนผมใช้เวลาวางแผนวางพล็อตเรื่องเกือบปี ผมไม่ได้อยากหยุด ไม่ได้อยากพัก
แต่ที่ต้องหยุดเพราะยังปรับตัวปรับใจไม่ได้ครับ ผมไม่รู้ว่านักเขียนคนอื่นๆ เป็นแบบนี้หรือเปล่า
ตอนนี้ผมสับสนและหลงทิศหลงทางอยู่ครับ มันก็เลยต้องหยุดเพื่อที่จะได้ทบทวนตัวเองว่า
เขียนนิยายทำไม เขียนเพื่ออะไร ต้องการอะไร ถ้าไม่เขียนจะเป็นไรไหมเพราะก็มีอย่างอื่นให้ทำอีกมากมาย เวลาก็ไม่ได้เยอะ
ผมยังหาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้ ตอนนี้ปัญหาไม่ได้อยู่ที่ใครหรอกครับ อยู่ที่ผมคนเดียว
บางทีหยุดพักรักษาเยียวยาจิตใจและทบทวนตัวเองอาจจะช่วยให้ผมได้คำตอบที่ชัดเจนขึ้น

ผมไม่รู้ว่ามันเหมาะสมหรือไม่ที่จะระบายความรู้สึกนี้ออกมาให้คนอ่านรู้ แต่มันคือสิ่งที่เกิดขึ้นและผมอยากบอกครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-04-2012 20:00:40 โดย sarawatta »

yayee2

  • บุคคลทั่วไป
เข้าใจความรู้สึกของคนเขียนนะ
หยุดพักสักระยะหนึ่งลองถามความรู้สึกของตัวเองอีกที
ว่า แบบไหนคือความพึงพอใจ ความสุขของเราที่สุด ก็ตามนั้นเลยจ้ะ
เป็นกำลังใจให้นะ

ออฟไลน์ z-Time

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 295
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
สงสารต้องจัง  แอบรักมานานแต่ไม่เคยบอกทิว

มาบอกเอาเมื่อสาย แต่ก็นะได้บอกก็ยังดีกว่าไม่ได้บอก


คุณsarawatta ก็แต่งได้ดีอยู่แล้วค่ะ  บางทีก็นะมีนักแต่งเยอะ  ภารกิจคนอ่านคนแต่งอะไรอีกมากมาย

มันก็อาจจะมีไปๆมาๆ   แต่ยังงัยก็เชื่อว่า เพราะใจรักของคุณ sarawatta แหละค่ะถึงทำให้มีเรื่องดีๆ

สนุกๆอย่างนี้   กำลังใจ คอมเมนท์ ถึงจะน้อยทำให้นอยด์ไป  แต่เราก็แอบชื่นชมนักแต่งนะค่ะ

ที่ยังรับผิดชอบผลงาน มาลงอย่างสม่ำเสมอ o13    แต่ถ้านักแต่งยังเหนื่อย ท้ออยู่ ก็พักสักพัก

มีพลัง+กำลังใจใหม่ ก็ค่อยมาอัพต่อก็ได้จ๊ะ    :ped149:  :กอด1: :L2:


Mc_ma

  • บุคคลทั่วไป
พ่อกับแม่บูมก็จริงๆเลย บังคับลูกไม่เปลี่ยนแปลง
น่าจะเห็นแก่ความรู้สึกและความสุขของบูมบ้างงง...
เอาใจช่วยบูมนะ ขอให้ผ่านพ้นด่านเรื่องแต่งงานไปให้ได้ ไม่ว่ามันจะลำบากและยุ่งยากมากแค่ไหนก็ตาม

ตอนนี้กำลังสนุกและกำลังลุ้นตาม......เรื่องราวกำลังเข้มข้นเลยค่ะ
ภาษาการเขียนก็สวย จนเรียกว่าสละสลวยได้เลยจริงๆ
พล็อตเรื่องก็สนุกและน่าติดตาม มีความอบอุ่นน่ารักของตัวเอกแฝงอยู่ตลอดเวลา
และยังกล่าวถึงปัญหาจริงๆที่หลายๆคนเผชิญอยู่อีกด้วย


 :L2: :L2: ขอบคุณค่ะ +1 และ+เป็ดน้อยให้ค่ะ
เป็นกำลังใจให้คุณ sarawatta เสมอนะคะ
ท้อได้แต่อย่าถอยเลยนะคะ เชื่อว่ามีคนอ่านอีกหลายคนรออยู่ และก็อยากอ่านต่อไปเรื่อยๆค่ะ
บางคนที่เข้ามาอ่าน  ด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม เค้าก็อาจไม่ได้เม้นท์ให้
 :กอด1: :กอด1: :กอด1: เข้มแข็งไวๆนะคะ อยากอ่านตอนต่อไปแล้วค่ะ
ไม่ว่านานแค่ไหนจะรอค่ะ มาต่อไวๆน๊าาาาาาาาา....


 :impress: :impress: :impress: :impress: :impress:




icyblue

  • บุคคลทั่วไป
รอบูมจัดการปัญหา คนรักกับคู่หมั้น  พี่บีมจะช่วยบูมด้วยช่ายป่าว

ส่วนต้อง น่าจะเผยความในใจให้เร็วกว่านี้  ยิ่งตอนบูมไม่อยู่น่าจะลอง

เผื่อจะมีโอกาส   


คุณ นักแต่ง ก็ สู้ๆนะค่ะ  มีใจรัก ก็ทำเต็มที่  เม้นท์ก็เป็นกำลังใจให้นักแต่ง

แต่ถ้าไปคิดถึงตรงนั้นมากไป มันก็ทุกข์นะค่ะ   

ก็อยากบอกว่านิยายสนุก เศร้า แล้วก็ลุ้น ไปกับบูม ทิว 

ถ้าจบเรื่องนี้ นักแต่งลองแต่งแนวอื่นดูสิค่ะ  เพราะคนอ่านเค้าก็มีชอบหลากหลายแนว

บางคนเค้าไม่ชอบมาม่า ก็คงไม่อ่าน  ถ้าแนวฮาๆ ก็เห็นคนชอบอ่านเยอะเหมือนกันนะค่ะ

fighting จ๊ะ  สนุกกับงานเขียน ทำเพราะรัก ก็เจ๋งแล้ว อย่าทำให้มันทำให้คนแต่งต้องเครียดเลย :กอด1:


ออฟไลน์ tarkung

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 997
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1
จะติดตามต่อไปนะครับ

ออฟไลน์ naiin

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2421
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +141/-9
มันเป็นปัญหาเพราะแอบๆอยู่แบบนี้ พูดเปิดอกกันไปเลย มัวแต่กลัวจะเจ็บกันอีกหลายคน

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ sarawatta

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 714
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +300/-10
♥♥♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (Re-written Version)
CHAPTER 27 ✦ ทิวไม่ใช่นายเอกหนังไทย



"ทิว...ถ้า...ความรักของมึงกับบูมไม่สมหวัง มึงจะทำไงวะ"

จู่ๆ ต้องก็ถามเรื่องนี้ขึ้นมาขณะที่นั่งคุยกันอยู่หน้าบ้านหลังจากกลับมาจากข้างนอกด้วยกันแล้ว ตั้งแต่เข้ามาในบ้าน ทิวสังเกตว่าต้องมีอาการประหม่าและดูเหมือนกังวล คล้ายกับคนที่กำลังมีปัญหาหรือเรื่องอยากพูดแต่ไม่กล้าพูด อ้ำๆ อึ้งๆ อยู่หลายครั้ง

"อะไรวะ ไหนว่ามึงจะเล่าเรื่องแฟนมึงให้กูฟังไง มาถามอะไรเนี่ย"

ทิวพยายามพูดติดตลกเพราะไม่อยากตอบคำถามที่แสนอึดอัดนั้น มีหลายอย่างที่ทิวเองก็ตอบตัวเองไม่ได้

"ก็กูอยากรู้เรื่องนี้ก่อน เรื่องแฟนมึงได้ฟังแน่ๆ ไม่ต้องห่วงหรอกน่า ตอบกูมาก่อน" ต้องทำเสียงเหมือนรำคาญ

ทิวมองหน้าเพื่อนอย่างไม่เข้าใจ ทำไมต้องถึงต้องมาคาดคั้นเอาคำตอบด้วย "ก็...คงเสียใจมั้ง"

"อันนั้นกูรู้แล้ว แต่หลังจากนั้นล่ะ มึงจะทำไง"

"อืม...ไม่ว่ามันจะเป็นยังไง กูก็ดีใจที่นะต้องที่ไม่ว่ากูหรือบูมพยายามทำอะไรบางอย่าง"

ฟังที่ทิวพูดแล้วต้องก็นึกถึงที่บูมพูดวันนั้นว่า "อย่างน้อยทิวก็จะไม่มีวันเสียใจว่ากูไม่เคยทำอะไรเพื่อความรักของกูกับทิวเลย" เท่ากับว่าทิวได้ช่วยตอกย้ำให้ต้องเห็นชัดมากขึ้นว่าต้องแทรกเข้าไประหว่างสองคนนี้ไม่ได้แล้ว

"มึงสนุกหรือทิวที่ต้องอยู่ในสถานะที่ไม่ต่างจากมือที่สามแบบนี้ บูมมันกำลังจะหมั้นนะทิว"

ต้องเปลี่ยนประเด็น เหมือนกับจะหาวิธีต้อนให้ทิวเข้าไปในมุมที่ต้องการให้ได้เสียก่อนที่จะบอกอะไรบางอย่างไป

ทิวรู้สึกอึดอัดมากขึ้นทุกที ดูเหมือนว่าต้องก็สังเกตอาการนี้ของทิวได้จึงค่อยๆ ลดท่าทีแข็งกร้าวและท่าทางที่คาดคั้นลง

"ขอโทษว่ะทิว กูก็ไม่ได้อยากกดดันมึงขนาดนั้นหรอก" ต้องหันหน้าไปทางอื่น ครุ่นคิดสักพักก็ตัดสินใจถามใหม่

"แล้วมึง...ไม่คิดจะรักใครคนอื่นบ้างเหรอ"

ทิวขมวดคิ้วด้วยความสงสัย "แล้วมึงจะให้กูรักใครวะ"

ต้องหันหน้ากลับมา ดูมีอาการประหม่ามากขึ้น พยายามรวบรวมความกล้าทุกอย่างที่มีอยู่ในตอนนี้เพื่อที่จะบอกสิ่งที่เก็บไว้ในใจมานานหลายปีให้ทิวรู้

"ก็กูไง"

ทิวอึ้งไปสักพัก ยังไม่ถึงกับตกใจมากเพราะคิดว่าตัวเองคงจะฟังผิดหรือหูฝาดไป


"อะไรนะต้อง เมื่อกี้มึงพูดอะไร"

"กูชอบมึง ไอ้ทิว ได้ยินไหมว่ากูชอบมึง ชอบมาหลายปีแล้วด้วย"

ต้องพูดเสียงสั่นเครือ เมื่อตัดสินใจพูดออกไปแล้วมันก็ช่วยให้ต้องรู้สึกโล่งใจมากเลยทีเดียว แม้ว่าตอนนี้จะรู้สึกตื่นเต้นและกลัวมากก็ตาม ผลที่จะตามมาจะเป็นแบบไหนต้องก็พร้อมที่จะยอมรับมัน พอถึงตอนนี้ก็ได้แต่นึกเสียดาย ไม่รู่้ว่ามัวรออะไรอยู่จนป่านนี้ น่าจะบอกทิวไปตั้งนานแล้ว

ทิวเบิกตากว้างด้วยความตกตะลึง เมื่อต้องยืนยันอีกหนจึงคิดว่าไม่น่าจะฟังผิด ต้องชอบทิวมานานแล้วหรือ ทำไมทิวไม่เคยเห็นต้องมีท่าทางที่ทำให้ระแวงสงสัยเลย คบกันมาตั้งเกือบ 20 ปี ทิวไม่คาดคิดมาก่อนว่าต้องจะแอบชอบ

"กูรู้ว่ามึง...คงไม่อยากจะเชื่อ แต่มันเกิดขึ้นกับกูแล้วไอ้ทิว กูก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันเกิดขึ้นได้ยังไง"

"ต้อง..."

ทิวเรียกเพื่อนด้วยเสียงแหบพร่า ใครบางคนคงกำลังเล่นตลกกับชีวิตของคนเหล่านี้อยู่แน่ๆ คนที่สั่งให้เล่นคงลืมถามความสมัครใจของผู้เล่นว่าอยากจะเล่นเกมส์รักหลายเส้าอย่างนี้หรือเปล่า

ต้องเงียบไปเช่นกัน เงียบไปนานเลยทีเดียวจนบรรยากาศเริ่มอึดอัด ดีที่ว่ามีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นจึงช่วยทำลายความเงียบที่น่าอึดอัดนั้นไปได้ บูมโทรมาหาทิวนั่นเอง ทิวหันไปมองต้องด้วยความลังเลใจแต่สุดท้ายก็ตัดสินใจรับ

"ทิว...กลับมาหรือยัง"

"เพิ่งกลับมาถึงไม่นานนี้แหละ" ทิวพยายามพูดเสียงเบาๆ เพราะไม่อยากให้ต้องได้ยิน

"เหรอ...เราไปหานายได้ไหม จะไปตอนนี้เลย คิดถึงทิว ไม่ได้ไปนอนบ้านทิวตั้งหลายวันแล้ว ได้หรือเปล่า พรุ่งนี้เราจะได้ไปส่งนายที่มหาลัยไง"

น้ำเสียงอ้อนๆ นั้นทำให้ทิวใจอ่อนมานักต่อนักแล้ว แต่ตอนนี้เพิ่งมีเหตุการณ์ไม่คาดฝัน แถมต้องก็ยังนั่งอยู่ตรงนี้ ทิวก็เลยรู้สึกลำบากใจที่จะตอบตกลง

"เดี๋ยวเราโทรกลับได้ไหมบูม ตอนนี้ยังไม่ค่อยสะดวกคุยเท่าไหร่"

"เหรอ...โอเค แล้วรีบโทรกลับมานะ เราจะรอ ดึกแค่ไหนเราก็จะรอ คิดถึงทิวนะครับ"

พอวางสายไปแล้วทิวก็เจอกับแววตาของต้องที่ฉายแววน้อยใจออกมาจนพอรู้สึกได้

"ทิว...กูก็แค่บอกให้มึงรู้ว่ากูคิดยังไง ถ้ามึงกับบูมยังรักกันอยู่กูก็ไม่ได้ว่าอะไรหรอก ไม่ต้องกลัวว่ากูจะน้อยใจ"

ดูเหมือนต้องจะรู้ทันเสียด้วยสิ ต้องคงจะน้อยใจจริงๆ นั่นแหละ ยิ่งรู้ว่าบูมโทรมาหาทิวก็ยิ่งตอกย้ำว่าต้องไม่มีพื้นที่ที่จะยืนแทรกระหว่างสองคนนี้ได้เลย ถึงจะเบียดเข้าไปได้แต่มันก็อึดอัดเสียจนสุดท้ายก็ต้องเดินออกมาเอง

"กูกลับก่อนละกันนะทิว" ต้องทำท่าจะเดินออกไป แต่ก็ดูเหมือนจะเพิ่งนึกอะไรได้

"ไม่ต้องไปส่งกูหรอก" ว่าแล้วก็เดินลิ่วเปิดประตูออกไปทันที ทิวได้แต่นั่งมองอย่างหนักใจ

ตอนนี้ต้องคงควบคุมอารมณ์ที่แปรปรวนของตัวเองไม่ค่อยได้ ถ้าต้องไม่ใช่เพื่อนที่ทิวต้องรักษาน้ำใจ เมื่อกี้ทิวก็คงจะบอกต้องไปแล้วว่าทิวไม่ได้คิดกับต้องเกินเพื่อนเลย พอเป็นเพื่อนกันมานานแล้วก็รู้สึกลำบากใจที่จะต้องทำร้ายจิตใจกัน

ที่ต้องถามเมื่อกี้ต้องกำลังจะบอกทิวหรือเปล่าว่าถ้าความรักของทิวกับบูมไปต่อไม่ได้ ต้องก็จะรอทิวกลับมาหา ดูเหมือนใครๆ ก็คิดว่าความรักของทิวกับบูมคงไปได้ไม่ถึงไหน ต่อให้เป็นอย่างนั้นจริงๆ ทิวก็ยังไม่รู้เลยว่าจะเปลี่ยนใจมารักต้องมากกว่าเพื่อนได้หรือเปล่า แม้ว่าจะรู้สึกเห็นใจแต่ทิวก็ไม่รู้จะช่วยต้องยังไงดี ความรักเป็นเรื่องของหัวใจ อยู่ดีๆ นึกอยากจะยกให้ใครคงไม่ได้

✢ ✣ ✤ ✥ ✦ ✧ ✩ ✪ ✫ ✬ ✭ ✮ ✯ ✰ ★ ✱ ✲ ✳ ✴ ✵ ✶ ✷


เสียงรถมาจอดหน้าบ้านทิวก็รู้ทันทีว่าเป็นใคร มาบ่อยเสียจนทิวจำเสียงเครื่องยนต์ได้แล้ว ตั้งแต่ที่บูมกลับมาหาทิวในวันนั้น บูมก็มาที่นี่บ่อยจนกลายเป็นความเคยชินของทิวไปแล้ว บูมไม่อยากทิ้งให้ทิวต้องอยู่คนเดียวบ่อยๆ ถ้ามีโอกาสเมื่อไหร่บูมก็จะมาหาทันที

ทิวเปิดประตูบ้านต้อนรับคนที่มาถึงด้วยรอยยิ้มดีใจ บูมโอบไหล่ทิวไว้แล้วก็พาเดินเข้ามาในบ้าน

"มาดึกๆ แบบนี้ที่บ้านเขาจะไม่สงสัยเอาเหรอบูม"

"ไม่รู้เหมือนกัน แต่เราคิดถึงนาย...ยังไงก็ต้องมา"

"ทีหลังถ้ามันดึกมากไม่ต้องมาก็ได้ เราอยู่คนเดียวได้น่า ไม่เป็นไรหรอก เราก็อยู่แบบนี้มาตั้งหลายปี ชินแล้วล่ะ นายจะได้พักผ่อน เก็บแรงไว้ทำงาน ทำประโยชน์ให้สังคม"

บูมหยุดเดิน จับไหล่สองข้างของทิวให้หันมาเผชิญหน้ากันตรงๆ

"เรารู้ แต่คนมันคิดถึงนี่นา ช่วงนี้ทำงานเยอะ ไม่ค่อยได้มาหาทิวเท่าไหร่ ตอนเย็นว่าจะมาหาแล้วก็ไม่ได้มา"

น้ำเสียงในตอนท้ายแฝงความน้อยใจไว้ในที ทิวได้แต่ยิ้ม ตอนสมัยเรียนก็ไม่ค่อยเห็นบูมเป็นคนขี้อ้อนเท่าไหร่ บูมดูหน้าตาถมึงทึงแทบตลอดเวลาในตอนนั้น ไม่น่าเชื่อว่าวันนี้บูมจะกลายเป็นคนขี้อ้อนไปได้ จะว่าไปทิวก็ชอบเหมือนกันที่บูมเปลี่ยนไป

"ต้องกลับไปแล้วเหรอ" บูมถามเมื่อนึกขึ้นได้

จากที่กำลังยิ้มๆ อยู่ทิวก็ค่อยๆ หุบยิ้มลง "กลับไปแล้ว"

คิดแล้วก็สงสัยว่าบูมจะรู้เรื่องที่ต้องแอบชอบทิวหรือเปล่าหนอ ถ้ายังไม่รู้ทิวก็ไม่แน่ใจว่าควรจะบอกดีหรือเปล่า กลัวบูมจะคิดมากเพราะต้องกับทิวก็สนิทสนมใกล้ชิดกันมากทีเดียว

"ไปเที่ยวกับต้องสนุกไหม" ถามพลางยิ้ม

ทิวพยักหน้า

"อืม...ก็สนุกดี ต้องมันเห่อรถใหม่น่าดู ขับพาเราไปนั่นไปนี่จนจำไม่ได้แล้วว่าไปตรงไหนมาบ้าง แล้วก็ไปกินข้าว เพิ่งกลับมาถึงไม่นานนี่แหละ"

บูมพยักหน้าเข้าใจ ลึกๆ ก็แอบกังวลอยู่ไม่น้อยเหมือนกัน ไม่ได้กลัวใจทิวหรอก แต่กลัวใจต้องต่างหากเพราะไม่รู้ว่าต้องกำลังคิดจะทำอะไรอยู่

"กินอะไรมาหรือยัง" ทิวถามเมื่อนึกได้

"กินแล้ว...นายหิวอีกเหรอ"

"ไม่ไหวแล้ว ให้กินอีกก็คงอ้วก ต้องมันเล่นเลี้ยงเราซะจุกเลย" ทิวบอกพลางขำ

"ต้องนี่ก็เป็นเพื่อนทีดีเหมือนกันนะ ถ้าตอนนั้นไม่มีต้อง นายก็คงแย่"

ทิวทำหน้าเศร้า ก็จริงอย่างที่บูมว่านั่นแหละ ถ้าไม่มีต้องทิวก็คงแย่

"อืม...ถ้าใครถามเราว่าเพื่อนที่ดีที่สุดของเราคือใคร เราก็คงตอบว่าเป็นต้องอย่างไม่ต้องสงสัย ถ้าไม่มีต้อง...เราก็คงแย่อย่างที่นายว่า"

บูมเขยิบเดินไปทางด้านหลังของทิว แล้วก็กอดทิวทางด้านหลังไว้

"แล้วเราล่ะ มีอะไรเป็นที่สุดหรือเปล่า"

"เป็นคนขี้อิจฉาที่สุดไง" ทิวล้อเลียนแล้วก็หัวเราะชอบใจ

"โห...นายอะ เอาดีๆ หน่อยสิ" บูมแกล้งทำเสียงกระเง้ากระงอด

"ก็...เป็นคนที่เรารักที่สุดตอนนี้ไง" ทิวพูดเอาใจ

บูมกอดกระชับทิวแน่นขึ้น ยิ้มด้วยความพอใจ แต่สักพักก็ทำจมูกฟุดฟิดๆ

"หูย...เราว่านายไปอาบน้ำก่อนดีกว่า ตัวเหม็นแล้ว"

แล้วก็ขำด้วยกันทั้งคู่

✢ ✣ ✤ ✥ ✦ ✧ ✩ ✪ ✫ ✬ ✭ ✮ ✯ ✰ ★ ✱ ✲ ✳ ✴ ✵ ✶ ✷


บูมไม่รู้ว่าความลับของเขากับทิวจะถึงหูพ่อกับแม่ตอนไหน คงอีกไม่ช้านี้แหละเพราะแพรวเริ่มสงสัยมากขึ้นทุกทีๆ อีกไม่นานนี้บูมก็จะคุยกับแพรวแล้ว ชีวิตในตอนนี้จึงดูน่าหวาดหวั่นยิ่งนัก ก่อนที่จะเกิดเรื่องใหญ่โต บูมอยากจะใช้เวลาช่วงนี้กับทิวให้คุ้มค่าที่สุด

บูมใช้มือลูบผมคนที่นอนซบอยู่บนอกอย่างสบายอารมณ์อย่างแผ่วเบา สายตาที่มองดูเต็มเปี่ยมไปด้วยความเสน่หา บูมดีใจเหลือเกินที่ได้มีโอกาสช่วยทำให้ชีวิตที่อ้างว้างของทิวอบอุ่นขึ้น นี่แหละคือเงื่อนไขและแรงจูงใจที่จะทำให้บูมต่อสู้เพื่อความรักอย่างไม่ย่อท้อ

"นายคิดถึงแม่ไหมทิว"

"คิดถึงสิ คิดถึงทุกวันเลย"

"วันหยุดนี้ เราไปทำบุญที่วัดให้แม่กันไหม"

"ก็ดีเหมือนกัน ช่วงนี้เราไม่ค่อยได้ไปทำบุญให้แม่เลย"

บูมลูบไล้ไปตามเนื้อตัวทิวเบาๆ อย่างสบายอารมณ์ เล่นเอาอีกคนถึงกับสยิวไม่น้อย แต่ยังหรอก ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลานั้น

"ชีวิตนายเป็นไงบ้างทิว ตอนนี้นายยังมีปัญหาอะไรอยู่อีกไหม"

"ตอนนี้เหรอ...ก็โอเคนะ จริงๆ การที่ไม่มีญาติพี่น้องคนไหนเหลืออยู่เลยมันก็เหงานะ แต่พอ...นายกลับมา เราก็รู้สึกอย่างนั้นน้อยลง"

"เราดีใจนะที่ได้ยินอย่างนั้น อืม...ว่าแต่ว่า...นายเคยอยากเจอหน้าพ่อของนายบ้างไหม"

"ไม่หรอก เขาจากไปนานจนเราไม่รู้สึกว่าเขาเป็นคนที่เราต้องนึกถึงแล้วล่ะ ไม่มีเขาเราก็อยู่ได้"

"อืม...นายไม่ต้องกังวลหรอกทิว ถ้านายเหงา ถ้านายขาดความอบอุ่น เราจะเป็นทุกสิ่งทุกอย่างให้นายเอง"

ทิวเงยหน้ามองบูมแล้วก็ยิ้มด้วยความรู้สึกขอบคุณ ขอบคุณที่ฟ้าได้นำพาและลิขิตให้เขาได้มาเจอผู้ชายคนนี้ แม้จะไม่รู้ว่าความรักที่เกิดขึ้นครั้งนี้เป็นสิ่งที่ฟ้าตั้งใจหรือไม่ แต่ทิวก็พอใจกับสิ่งที่ได้รับแม้ว่าวันหนึ่งอาจจะต้องสูญเสียมันไป

"ต่อไปนี้นะ ไม่ว่านายจะไปไหน จะทำอะไร หรือลำบากอะไร นายบอกเรานะทิว เรายินดีทำให้ทุกอย่างที่เราทำได้ ให้เราได้ดูแลนายบ้างนะ นายเหนื่อยมาเยอะแล้ว"

ทิวพยักหน้ารับคำอย่างว่าง่าย

"ทิว..." บูมเรียกเสียงเบา

"หืม..."

"เราคงต้องเตรียมตัวเตรียมใจไว้แล้วนะ เราคิดว่า...อีกไม่นานนี้...คงจะต้องมีอะไรบางอย่างเกิดขึ้น"

ได้ยินแล้วก็อดที่จะใจหายไม่ได้ ถ้าบูมไม่เตือนขึ้นมาทิวก็อาจจะมัวแต่หลงระเริงไปกับความสุขจนลืมที่จะคิดถึงความจริง

"ถ้าเราหนีไป นายจะไปกับเราไหม"

"ไปสิ นายจะพาเราไปไหนเราก็ไปทั้งนั้นแหละบูม ก็เรารักนายไปแล้วนี่" ทิวตอบโดยไม่ลังเล

บูมกอดกระชับทิวแน่นขึ้น ได้ฟังแล้วก็ชื่นใจเสียจริงๆ ได้กำลังใจอย่างนี้แล้วต่อให้อุปสรรคมากแค่ไหนบูมก็ไม่กลัวแล้วล่ะ

"ขอบคุณมากทิว" บูมบอกด้วยน้ำเสียงและสีหน้าที่ตื้นตันใจ

"บูม...นายพอจะบอกเราได้ไหมว่าตอนนี้...นายกำลังทำอะไรกับแพรวอยู่ แล้วที่้บ้านนายล่ะ เขาจะว่าอะไรไหมที่รู้ว่าเรากับนายกลับมาคบกัน เราอยากรู้เผื่อเราจะได้เตรียมตัวเตรียมใจไว้ เราไม่กลัวเจ็บ ไม่กลัวผิดหวัง ไม่กลัวอะไรทั้งนั้น เราแค่อยากรู้เท่านั้นแหละบูม"

บูมคลายอ้อมแขนออกเล็กน้อย สีหน้าครุ่นคิด

"เราจะทำให้แพรวสงสัยว่าเรา...เป็นเกย์ แล้วเราก็คิดว่า...ถ้าแพรวรู้แล้วแพรวก็จะเป็นฝ่ายถอนหมั้นเราไปเอง แต่ว่าเขาก็คงจะเสียใจมากเหมือนกัน อันนี้เป็นด่านแรก ส่วนพ่อกับแม่ก็จะเป็นด่านต่อไป ยากหน่อยนะทิว พ่อกับแม่เราเป็นคนมีชื่อเสียงในวงสังคม เรื่องหน้าตาเป็นเรื่องสำคัญมาก พ่อกับแม่ไม่อยากให้เราเป็นเกย์ ไม่อยากให้เรามีแฟนเป็นผู้ชาย แต่คราวนี้...เราจะไม่ยอมอีกแล้วนะทิว เราคงจะต้องดื้อกับพ่อกับแม่บ้าง ถ้ามันรุนแรงมาก...เรากับนายก็อาจจะต้องหนีไปอยู่ที่ไหนสักแห่งด้วยกัน นายกลัวหรือเปล่าทิว"

ทิวเงยหน้าไปมองบูมแล้วก็ส่ายหน้า

"เราไม่กลัวหรอก แต่เรา...อาจจะช่วยอะไรนายไม่ได้เท่าไหร่หรอกนะบูม ไม่ว่าจะเรื่องแพรวหรือเรื่องครอบครัวของนาย แต่เรื่องที่เราจะทำให้นายได้ก็คือ...ไม่ว่านายจะทำอะไร จะถูกจะผิดยังไง จะได้ผลหรือไม่ได้ผล เราจะยืนอยู่ข้างนายเสมอนะบูม เหมือนตอนที่เราเคยเป็นสมัยเรียน นายไม่ต้องกลัวนะว่าเราจะเจ็บหรือเสียใจ ไม่เป็นไรหรอกบูม นายเคยดูละครไหม นางเอกหนังไทยที่ร้องไห้เป็นอย่างเดียว ส่วนคนที่เหนื่อยและลำบากกว่าใครก็คือพระเอกที่ต้องทำให้ทุกสิ่งทุกอย่าง นางเอกก็ได้แต่รอคอยผลลัพธ์ ถ้าทำไม่ได้อย่างใจคนที่โดนด่าก็คือพระเอก โง่มั่ง ไม่ได้เรื่องมั่ง เราไม่ต้องการเป็นอย่างงั้น เราเชื่อใจนายนะบูม ต่อให้พยายามแล้วมันไม่เป็นอย่างที่คิดเราก็เชื่อใจนายว่านาย...จะพยายามถึงที่สุด ไม่ได้ผลก็พยายามใหม่ได้ เรายินดีจะเจ็บ ยินดีจะเหนื่อยแล้วก็ผิดหวังด้วยกันกับนาย เราไม่ต้องการเห็นนายเจ็บหรือเหนื่อยอยู่คนเดียว เราไม่ต้องการเป็นคนที่นั่งรอคอยแต่ผลลัพธ์ ต่อให้ช่วยไม่ได้เราก็จะให้กำลังใจ ไม่ต้องกลัวนะบูม ต่อให้เจ็บเจียนตายเราก็จะอยู่กับนาย ถ้าจะตาย...เราก็จะขอตายในอ้อมกอดของนาย ชีวิตเราไม่มีอะไรต้องเสียแล้วนะบูม เราไม่เสียดายชีวิตหรอก แต่เราจะเสียใจมากกว่าถ้าเรามีชีวิตอยู่แค่รอคอยไปวันๆ ไม่ได้ทำเพื่อคนที่รักหรือใครสักคน เราจะไม่เป็นอย่างนางเอกหนังไทยอย่างแน่นอน"

ทิวหยุดเว้นจังหวะไปเล็กน้อย เงยหน้ามองคนที่รักพร้อมกับยิ้มน้อยๆ

"เราเชื่อว่า...ความพยายามของนายจะเกิดผลดีในที่สุดนะบูม มันไม่จำเป็นต้องสำเร็จหรือถูกตั้งแต่แรกหรอก แต่วันนึง...เราเชื่อว่านายจะทำให้ถูกแล้วก็สำเร็จได้ เราจะเอาใจช่วยนายเสมอนะ"

น้ำตาของบูมไหลลงมาตั้งแต่ไม่กี่ประโยคแรกที่ทิวพูดแล้ว และก็ยังคงไหลลงมาไม่ขาดสาย นึกถึงสมัยเรียนที่ทิวคอยสอนบูมร้องเพลงทุกวันทั้งๆ ที่บูมก็รู้ว่าเสียงตัวเองไม่เอาไหน แต่ทิวกลับให้ความเชื่อมั่นว่าบูมทำได้ บูมเป็นนักร้องได้ แล้วทิวก็ช่วยทำให้บูมเป็นนักร้องได้จริงเสียด้วย บูมรู้ตัวเองดีว่าไม่ใช่คนเก่งเรื่องชีวิตนัก การตัดสินใจเลือกเส้นทางเดินก็อาจจะไม่เฉียบคมเหมือนอย่างพระเอกหนังไทยที่ดูเก่งไปเสียทุกอย่าง แต่เมื่อมีทิวคอยอยู่เคียงข้างอย่างนี้แล้ว บูมก็จะสู้ไม่ถอย

"ขอบคุณมากนะทิว นายคงจะเป็นคนเดียวในโลกนี้ที่ยังเชื่อใจเราอยู่ นายอดทนกับเราหน่อยนะทิว เราสัญญ...เราจะทำให้ดีที่สุด มันอาจจะมีเรื่องให้เราสองคนต้องเจ็บและเสียใจหลายเรื่อง แต่อย่างน้อย เราจะไม่ให้นายเสียใจที่เรา...ไม่ได้พยายามทำอะไรให้นายเลย"

บูมอดสะอื้นไห้ไม่ได้ กอดทิวไว้แน่นด้วยความรักที่เต็มเปี่ยมอยู่ในหัวใจ ความรักของผู้ชายคนนี้เคยเปลี่ยนชีวิตของบูมมาแล้ว ถ้าวันนั้นไม่ได้เจอกัน บูมก็ไม่รู้เลยว่าชีวิตของตัวเองจะเป็นอย่างไร แล้วถ้าครั้งนี้ไม่ได้กลับมาเจอกัน บูมก็อาจจะไม่เหลือใครอีกแล้วที่จะเชื่อมั่นในคนขี้ขลาดอย่างบูม

"ขอบคุณนายด้วยนะบูมที่กลับมาหาเรา ชีวิตของเรา...ก็คงจะเหลือแค่นายที่เป็นคนรักที่เราจะได้ทำอะไรบางอย่างให้ แล้วก็...ต้อง...ที่เป็นเพื่อนที่ดีที่สุดที่เราจะต้องตอบแทนให้ได้ เราก็มีเหลือแค่นี้แหละ เกิดมาครั้งหนึ่งในชีวิต ขอให้เราได้ทำเพื่อความรัก เราไม่กลัวเสียใจ เราไม่กลัวผิดหวัง เราไม่กลัวตาย เป็นไงก็เป็นกันนะบูม"

บูมพยักหน้าทั้งน้ำตา "ทิว...เรารักนายนะ รักมากที่สุดในชีวิตของเราเลยรู้ไหม"

คิดแล้วบูมก็ยังอดเสียใจไม่ได้ที่เคยทิ้งคนๆ นี้ไปตั้งหลายปี ปล่อยให้ทิวลำบากอยู่คนเดียว พอมาถึงวันนี้...ทิวก็ทำให้บูมได้เห็นอีกครั้งว่าหัวใจของทิวยิ่งใหญ่สักแค่ไหน เพราะฉะนั้น ต่อให้ต้องตาย บูมก็จะต้องทำเพื่อคนๆ นี้จนสุดชีวิตเช่นเดียวกัน

ดึกแล้ว อารมณ์ของทิวกับบูมเริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติ ทิวกลับมานอนบนหมอนของตัวเองแต่มือของบูมก็ยังจับมือของทิวไว้อยู่

"อ้อ...สงสัยนายไม่เคยอ่านนิยายชายรักชาย นางเอกในนิยายแบบนี้เขาเรียกนายเอกนะ"

ทิวหันไปหัวเราะเบาๆ กับบูม "โอเค เดี๋ยวเราจะได้จำไปใช้ นี่นายอ่านนิยายแบบนี้ด้วยเหรอ"

บูมพยักหน้า "ก็เราอยากรู้ไงว่าความรักของชายกับชายส่วนมากเป็นแบบไหน สมหวังหรือไม่ค่อยสมหวัง เดี๋ยวนี้นะ...สังคมก็เปิดกว้างขึ้นนะ ชายรักชายหลายคนก็มีความรักที่สมหวังมากขึ้น" แล้วบูมก็แค่นหัวเราะ

"แต่สงสัยจะใช้ไม่ค่อยได้กับบ้านเราเท่าไหร่"

"เอาเหอะ เดี๋ยวเราก็ผ่านมันไปได้เองแหละ เชื่อมั่นในตัวเองสิบูม"

บูมพยักหน้า เหยียดยิ้มแล้วก็เอาแขนข้างหนึ่งไปกอดทิวไว้


"นอนดีกว่านะทิว ดึกแล้ว คืนนี้...เราขอนอนกอดนายแบบนี้ละกันนะ"

"อืม...ตามใจ"

"มีอะไรเปล่า หรือว่า...อยากให้เราทำมากกว่านี้" บูมทำหน้าทะเล้น

"หื่นอีกแล้วนะ"
 
ทิวชอบล้อว่าบูมหื่นอยู่บ่อยๆ เวลาอยู่กันสองคน เห็นบูมดูเงียบๆ ขรึมๆ อย่างนี้ พอถึงเวลานั้นบูมจะเปลี่ยนเป็นคนละคนเลยทีเดียว

"แล้วชอบหรือเปล่าล่ะ"

ทิวหัวเราะเขินๆ

"เงียบ...แสดงว่ายอมรับ"

ทิวก็ยังหัวเราะเขินๆ เหมือนเดิม อย่างนี้ก็แปลว่าชอบแน่นอน แล้วบูมก็อาศัยทีเผลอพลิกตัวขึ้นมาอยู่บนตัวของทิว แม้ว่าจะไม่ทันตั้งตัวแต่ทิวก็หัวเราะคิกคักอย่างชอบใจ

"ถอดเสื้อให้ผมหน่อยสิครับ...ที่รัก"

สายตายิ้มกรุ้มกริ่มของบูมนั้นทำให้ทิวอดเขินอายไม่ได้ เลือดในกายแล่นพล่านปลุกพลังความต้องการให้ตื่นขึ้นอย่างทันทีทันใด ทิวทำตามอย่างว่าง่าย ค่อยๆ ใช้สองมือดึงชายเสื้อกล้ามของบูมขึ้นแล้วถอดออก

"เอาไปซักให้ด้วยนะ เราจะนอนแล้ว" บูมทำหน้าล้อเลียนแล้วก็กลับมานอนที่เดิม แอบสะใจเล็กๆ ที่ได้แกล้งทิวให้เสียรู้

"บ้า นายนี่"

ทิวว่าจะทุบให้คนขี้แกล้งเจ็บตัวเสียหน่อยแต่บูมก็จับมือทั้งสองของทิวไว้ได้เสียก่อน

"ก็อยากให้เรานอนเฉยๆ ไม่ใช่เหรอ"

"ใครว่าล่ะ" ทิวทำหน้างอ ยอมรับไปในที่สุด

บูมหัวเราะชอบใจ คืนนี้ก็คงเป็นอีกคืนที่บูมจะได้ป้อนความสุขทางกายและใจให้กับทิวจนแทบล้นทะลักอีกเช่นเคย

✢ ✣ ✤ ✥ ✦ ✧ ✩ ✪ ✫ ✬ ✭ ✮ ✯ ✰ ★ ✱ ✲ ✳ ✴ ✵ ✶ ✷


ในที่สุดวันเปิดตัวโครงการก็มาถึง บูมกับเพื่อนๆ มาถึงโรงแรมที่จัดงานตั้งแต่เช้าตรู่ เอิร์ธกับวิทวุ่นวายกับการจัดและตกแต่งเวทีและคอมพิวเตอร์ ทิววุ่นวายกับการประสานงานกับโรงแรมและแขกที่จะมาในงาน ส่วนบูมก็คอยดูความเรียบร้อยต่างๆ บางทีก็มาช่วยจัดโต๊ะจัดเวทีด้วย บางทีก็ช่วยทิวประสานงานกับโรงแรมด้วย

ช่วงเที่ยงหลังจากพักกินข้าวกันแล้วทุกคนก็กลับมาเตรียมงานกันต่อ งานเริ่มน้อยเพราะได้เตรียมไว้เรียบร้อยเกือบหมดตั้งแต่เช้าแล้ว บีม แอนเดอร์สันและลีน่ามาถึงในช่วงบ่ายๆ ในเวลาไล่เลี่ยกัน ส่วนแพรวคงจะมาถึงอีกสักพักเพราะเธอเพิ่งโทรมาบอกบูมว่าเพิ่งทำผมเสร็จ

"มาถ่ายรูปด้วยกันหน่อยไหม"

เสียงพี่บีมดังขึ้น ทำให้บูมที่กำลังช่วยติวให้ทิวนำเสนอพรีเซนเทชั่นต้องหยุดและหันมามองหาเจ้าของเสียง

"อ้าว พี่บีม เมื่อกี้พี่บีมว่าอะไรนะครับ"

"บูมกับทิวมาถ่ายรูปกันหน่อยไหม เดี๋ยวพี่ถ่ายให้ เร็ว เดี๋ยวแขกมาจะไม่มีเวลาถ่าย"

บีมบอกซ้ำอีกครั้ง เห็นบูมกับทิวอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขแล้วก็รู้สึกดีไปด้วย แม้จะไม่ได้ชอบแบบนั้นมาก่อน ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่บีมได้เห็นผู้ชายกับผู้ชายอยู่ใกล้ชิดกันต่อหน้าต่อตา แต่ก็ไม่รู้สึกต่อต้าน คนที่รักกันอยู่ด้วยกันแล้วก็น่ารักเสมอ ไม่ว่าจะเป็นชายหรือหญิง

"ตรงไหนดีครับ" บูมถาม

"ตรงนั้นดีกว่า" บีมชี้ไปตรงมุมหนึ่งของห้องที่มีรูปวาดธรรมชาติติดประดับไว้ไว้

บูมกับทิวเดินไปด้วยกันแล้วก็ตั้งท่าถ่ายรูป บีมถ่ายไปได้สองสามรูปแล้วก็ดูเหมือนจะยังไม่ค่อยถูกใจ

"เอางี้ดีกว่า ท่าพวกนี้มันดูธรรมดาไป ทำยังไงก็ได้ให้คนเขารู้ว่าเราสองคนน่ะ...เป็นแฟนกัน" บีมยิ้มทีเล่นทีจริง

ทิวดูตกใจมากทีเดียวเพราะไม่คิดว่าบีมจะรู้เรื่องนี้ด้วย บูมต้องบอกพี่ชายแล้วแน่ๆ เลย

"ให้ทำยังไงล่ะครับ" บูมถามด้วยน้ำเสียงอายๆ

บีมกวักมือเรียกให้น้องชายมาหาแล้วก็กระซิบเบาๆ

"อย่ามัวแต่ชักช้า พี่รู้นะว่าเรากำลังทำอะไรอยู่ กล้าๆ หน่อย เอางี้ละกัน กอดทิวก็ได้ ผู้ชายกอดกันไม่น่าเกลียดหรอก"

เอาล่ะสิ บูมคิดในใจ แต่คิดไปคิดมาก็ดีเหมือนกัน จะว่าไปบูมก็คิดไม่ผิดเลยที่ยอมเปิดเผยเรื่องนี้กับพี่ชาย พอเดินกลับมาหาทิวแล้วบูมก็เขยิบไปข้างหลังทิวเล็กน้อย แล้วก็ตัดสินใจกอดทิวไว้จากทางด้านหลัง

"อ้าว ยิ้มหน่อยครับ" พี่บีมส่งเสียงให้สัญญาณ

"ยิ้มสิทิว" บูมบอกเบาๆ เมื่อเห็นทิวทำท่าอึ้งๆ อยู่ แต่สุดท้ายก็ยอมยิ้มอย่างงงๆ เสียงชัตเตอร์ดังขึ้นมาพอดี

"อีกภาพนะ กันเหนียว"

บีมบอกแล้วก็ยกกล้องขึ้นมาถ่ายอีก เสียงพูดของบีมทำให้คนอื่นๆ หันมามองทิวกับบูมด้วยความสนใจทันที น่าแปลกที่ดูเหมือนเพื่อนๆ หลายคนไม่ทำหน้าสงสัยหรือรู้สึกว่าแปลกเหมือนเดิมอีกแล้ว

"บูมคะ แพรวมาแล้วค่ะ ขอโทษทีที่มา...." พอแพรวเห็นภาพที่อยู่ตรงหน้าเท่านั้น กระเป๋าที่เธอถือไว้ในมือก็หล่นหลุดมือลงไป

"บูม!"

นี่มันอะไรกัน แพรวไม่เคยเห็นเพื่อนกันที่ไหนถ่ายรูปด้วยการกอดกันอย่างนี้เลย นี่ตกลงบูมกับทิวเป็นอะไรกันแน่!

TBC

ขอรณรงค์ให้คนอ่านสละเวลา 1 วินาทีบวกเป็ดเป็นกำลังใจให้ 'นักเขียนทุกคน' ทุกเรื่อง ทุกตอนนะครับ สร้างสรรค์ชุมชนแห่งการแลกเปลี่ยนแบ่งปัน
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02-09-2015 17:31:42 โดย sarawatta »

Mc_ma

  • บุคคลทั่วไป
 :really2:ดีใจมากกกก..... คนเขียนมาแล้ว  :z2: :z2: :z2:
โดยส่วนตัว แต่งนิยายไม่เป็น ได้แต่อ่านอย่างเดียว แต่ก็พอจะเข้าใจถึงความรู้สึกคนแต่งนิยายบ้างเล็กๆน้อยๆนะคะ
เลยตั้งใจเม้นท์ให้ทุกครั้งที่เข้าไปอ่าน  เพราะอย่างน้อย คิดว่าเม้นท์แต่ละเม้นท์อาจจะช่วยเป็นกำลังใจให้คนแต่งได้บ้างค่ะ  :กอด1: :กอด1:

ยังไง ขอเป็นกำลังใจให้เสมอนะคะ
วิ่งไปอ่านก่อน   ฟิ้ววววววววววววววววว......
-------------------------------------------------------

กำลังอ่านสนุกเพลินๆ จบตอนซะแล้ว ว๊าาาาา.....
แถมทิ้งท้ายให้ค้าง...(เบาๆ)ด้วย ต้องลุ้นอีกแล้วว่าแพรวจะว่ายังไง (ขอให้เข้าใจง่ายๆทีเถอะนะ เพี้ยงงง...  เพี้ยงงง...)
จริงๆ ก็ไม่เห็นมีอะไรเลย  ก็แค่......"ผู้ชายกอดกันถ่ายรูป".......แค่นั้นเอง  :o8: :-[ :impress2:
พี่บีมรู้ใจอ่ะ ตอนนี้ ยกให้พี่บีมเป็นผู้ช่วยมือหนึ่งของพระเอกเลย
ช่วงนี้คู่นี้เค้าหวานกันมาก น่ารักดีอ่ะ ไม่หวือหวาแต่อบอุ่น และเต็มตื้นในหัวใจมาก อุปสรรคที่เจอก็สู้ๆนะบูม เอาใจช่วยอยู่
ส่วนต้อง ก็สงสารเหมือนกันนะ หากรักแล้วรอได้..ก็คงต้องรอต่อไป(มั้ง) แต่ดูทีท่าแล้วบูมกับทิวคงไม่พรากจากกันอีกแล้ว


รอลุ้นตอนต่อไปนะคะ มาม่าหม้อใหญ่จะมาแล้วใช่มั้ยเนี่ย รอค่ะ รอออ...
 :L2: :L2: ขอบคุณมากค่ะ +1 และ+เป็ดน้อย เป็นกำลังใจให้เสมอค่ะ  :กอด1: :กอด1:

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 09-04-2012 20:32:17 โดย Mc_ma »

yayee2

  • บุคคลทั่วไป
"..แต่พอได้กลับมาเขียน ก็รู้สึกว่า...ก็ยังอยากเขียน ก็ยังมีความสุขที่จะเขียน.."
ดีใจจังที่ได้ยินผู้เขียนบอกแบบนี้ การได้ทำในสิ่งที่เราเป็นสุขและมีความพอใจ นั่นแหละจ้ะสำคัญที่สุด


มาถึงตรงนี้อะไรจะเกิดก็ให้เกิดไปเถอะนะบูม
ให้กำลังใจบูมกับทิวจ้ะ
เราว่าแพรวได้รู้ความจริงตอนนี้แหละดีที่สุดแล้วนะแพรว
ดีกว่าได้รู้หลังแต่งงานกันไปแล้วชีวิตแต่งงานล่ม แบบนั้นแพรวยิ่งจะเจ็บมากนะ

ออฟไลน์ yeyong

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5857
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +917/-26
นิยายที่คุณ sarawatta เขียนสำหรับเราถือว่าเป็นเรื่องเครียดเกือบทุกตอนเลยค่ะ :เฮ้อ:
เนื่องจากมันมีความขัดแย้งของตัวละครเกี่ยวโยงกันหมดเลย และเป็นความขัดแย้งที่หาทางออกลำบาก
กระทบใจคนอ่านอย่างเราเยอะ  ดังนั้นเราก็เลยใช้วิธีรออ่านหลายๆตอนทีเดียว จะได้จิตหดหู่ทีเดียว
บางครั้งก็เม้นท์ไม่ออก  บางครั้งก็ไม่ได้เม้นท์ แบบว่าอารมณ์ยังไม่ลง
แต่ยังยืนยันว่าตามอ่านอยู่น๊า :กอด1:

ออฟไลน์ z-Time

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 295
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
 :man1: พี่บีม ทำดีมากค่ะ  สมเป็นพี่ชายที่แสนดี o13

ต้องกล้าๆอย่างนี้แหละบูม  จัดการให้ไวก่อนจะสายเกินแก้

แพรวเห็นเค้ากอดกันขนาดนี้แล้ว  ยังถาม คงเป็นพี่กอดน้องมั้ง  :z2:


Mc_ma

  • บุคคลทั่วไป
:m22:
:m22:
:m22:

มาส่อง บูมทิว

คิดถึงบูมกับทิว (อีกแล้ว) ค่ะ

 :กอด1: :กอด1: :กอด1:

icyblue

  • บุคคลทั่วไป
แพรวรู้ตัวให้ไวเลย   เป็นก้างอยู่ได้  :เฮ้อ:

ให้ต้องคู่ใครดีเนี่ย  อุตส่าห์ซุ่มมานาน 

 :กอด1:  :L2:นักแต่งนะค่ะ  สงกรานต์ก็ขอให้มีความสุข สนุกสนานเด้อ  :z2:

ออฟไลน์ sarawatta

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 714
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +300/-10
♥♥♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (Re-written Version)
CHAPTER 28 ✦ ความจริงที่ยากเกินรับได้



บูมค่อยๆ ปล่อยมือออกจากทิวและพยายามปรับสีหน้าให้เป็นปกติ ถ้าไม่ติดว่ากำลังทำงานอยู่ก็คงไม่ขัดข้องที่จะคุยกับแพรวในตอนนี้หรอก ยังไงก็ต้องพักอย่างอื่นไว้ก่อนเพื่อให้งานส่วนรวมลุล่วงไปตามแผน บูมพยายามยิ้มแล้วเดินไปหาแพรวราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น ก้มหยิบกระเป๋าของเธอที่ตกลงบนพื้นขึ้นมาแล้วก็ส่งให้

"มาทันเวลาพอดีเลยแพรว เดี๋ยวเรามาซักซ้อมกันอีกซักรอบก่อนไหม"

"ไม่เป็นไรค่ะ แพรวจำได้" แพรวตอบเสียงห้วนแล้วก็ดึงกึ่งกระชากกระเป๋าจากมือบูมมาถือไว้เอง

"เราต้องคุยกันนะคะบูม"

แพรวบอกแล้วก็เดินลิ่วออกไปข้างนอกเพื่อสงบสติอารมณ์ ถ้าไม่ติดว่าต้องทำงานเธอก็อาจจะโวยวายไปแล้ว อีกอย่างคงไม่เป็นผลดีนักถ้าเธอจะตีโพยตีพายหรือทะเลาะกับบูมให้คนอื่นเห็น

บูมหันไปสบตากับทิว เห็นแววตาหวาดหวั่นของทิวแล้วก็รู้สึกสงสารไม่น้อย ยิ่งทำให้บูมตระหนักแต่ใจว่าจะต้องรีบสะสางปัญหาทุกอย่างให้จบโดยเร็วที่สุด เพราะยิ่งปล่อยไว้นานวันก็มีแต่จะทำให้ทิวต้องเจ็บปวดมากขึ้น

"เย็นนี้ คุยกับแพรวให้รู้เรื่องนะบูม" พี่บีมเดินมาบอกเบาๆ บีบไหล่น้องชาย ยิ้มแล้วก็เดินไปถ่ายรูปต่อ คนอื่นๆ ที่กำลังยืนมองก็เริ่มหันกลับมาสนใจกับการเตรียมงานของตัวเอง แต่ก็คอยชำเลืองและแอบคุยกันด้วยความสงสัยอยู่บ้าง

พอแพรวกลับมา บูมก็มานั่งคุยด้วยและขอซ้อมพิธีการเล็กน้อย ดูเหมือนสีหน้าของแพรวจะดีขึ้นแต่ก็สังเกตได้ว่าการพูดคุยก็ดูไม่สนิทใจเหมือนก่อน ส่วนทิวก็กลับมาวุ่นวายกับการประสานงานและต้อนรับแขกที่เริ่มทยอยเข้ามาในงาน แต่ไม่ว่าจะอยู่ตรงไหนทิวก็รู้สึกไม่สบายใจเมื่อเห็นสายตาที่คนอื่นๆ มองมา บางครั้งก็เห็นแพรวแอบลอบมอวอยู่บ่อยๆ เอาเถอะนะ ทิวจะอดทน ช่วงที่อะไรๆ ยังไม่คลี่คลายก็คงอึดอัดอย่างนี้แหละ แต่ไม่ว่าจะอึดอัดแค่ไหน ทิวก็ยังต้องทำหน้าที่เพื่อให้งานแนะนำโครงการวันนี้ออกมาดีที่สุด เรื่องส่วนตัวเอาไว้ทีหลังแล้วกัน

เมื่อถึงเวลาเปิดงาน บูมกับแพรวก็เป็นพิธีกรคู่กันตามที่ตกลงกันไว้ ทั้งสองคนกล่าวต้อนรับคนที่มาในงาน บอกที่มาของโครงการและวัตถุประสงค์ของการจัดงานในวันนี้ จากนั้นก็เชิญตัวแทนจากผู้สนับสนุนขึ้นมากล่าวเปิดงานประมาณ 10 นาที แล้วก็ให้ทิวมานำเสนอรายละเอียดของการทำงานในโครงการว่ามีอะไรบ้าง มีความสำคัญอย่างไร จะแก้ปัญหาอะไร ขั้นตอนเป็นอย่างไร ใช้เวลานานเท่าไรและผลที่คาดว่าจะได้รับมีอะไรบ้าง

ดูเหมือนบูมไม่อาจจะห้ามสายตาชื่นชมของตัวเองได้เลยเมื่อมองดูทิวที่กำลังนำเสนองานได้เป็นอย่างดี แม้จะมีติดๆ ขัดๆ ไปบ้างในช่วงแรกๆ เพราะทิวค่อนข้างตื่นเต้น แต่พอเริ่มชินก็สามารถนำเสนอได้อย่างไม่เคอะเขินและเป็นธรรมชาติมากขึ้น แพรวสังเกตสายตาของแฟนหนุ่มแล้วก็ได้แต่เก็บความไม่พอใจไว้ ดูเหมือนบูมจะแสดงออกชัดเจนจนแทบไม่ต้องสงสัยแล้วว่าบูมกับทิวรู้สึกยังไงต่อกัน

เมื่อทิวนำเสนอจบลง บูมกับแพรวก็ชักชวนให้แขกที่มาในงานทำกิจกรรมสั้นๆ ด้วยการวาดรูปที่บ่งบอกความเป็นตัวตนของแต่ละคน เริ่มด้วยการให้วาดภาพทะเลทรายในจินตนาการ จากนั้นก็ให้เติมกล่อง เติมบันได เติมพายุ เติมม้าและเติมดอกไม้ลงไปในภาพตามลำดับ เมื่อผู้เข้าร่วมงานวาดเสร็จแล้วบูมกับแพรวจึงเฉลยว่าขนาดของกล่องก็คืออีโก้ของตัวเรา บันไดเป็นความสัมพันธ์ของเรากับเพื่อน พายุเป็นมุมมองของเราที่มีต่อปัญหา ม้าคือภรรยาหรือสามีและดอกไม้ก็คือลูกๆ ของเราเอง ลักษณะที่แตกต่างกันของสิ่งที่วาดก็จะบ่งบอกความคิดของเราที่มีต่อสิ่งต่างๆ แตกต่างกันไปด้วย จากนั้นจึงเชิญให้ทุกคนทานของว่างที่จัดไว้ตามมุมต่างๆ ในห้องในลักษณะของค็อกเทล เพื่อให้คนที่จะมาทำงานร่วมกันได้มีโอกาสพูดคุยทำความรู้จักกันโดยไม่ต้องมีพิธีรีตรองมาก

พอแขกเริ่มเดินรับประทานของว่างและจับกลุ่มคุยกัน บูมกับแพรวจึงหมดภาระการเป็นพิธีกร ต่างคนต่างแยกย้ายกันเดินไปคุยกับแขกที่มาในงาน ทิวก็ต้องไปคุยกับแขกด้วยเพราะเป็นคนประสานงานหลักและรู้จักทุกคนที่มาในงาน แม้ว่าส่วนมากจะรู้จักแค่ชื่อก็ตาม

แพรวคอยจับตาดูทิวอยู่เกือบตลอดเวลา พอเห็นทิวขอตัวออกไปข้างนอกแล้วเธอก็รีบเดินตามไปทันที พอเห็นทิวเข้าไปในห้องน้ำแพรวก็เลยหยุดยืนรอ จนกระทั่งทิวกลับออกมาจากห้องน้ำอีกครั้งแพรวจึงแสดงตัวให้ทิวเห็น

ทิวหยุดชะงัก แม้ว่าจะรู้สึกหวาดหวั่นแต่ก็พยายามยิ้มให้แพรวไว้ก่อน

"ทิว...บอกแพรวได้ไหม ทิวกับบูมเป็นเพื่อนกันจริงเหรือเปล่า"

น้ำเสียงและท่าทางคาดคั้นนั้นทำให้ทิวรู้สึกหนักใจทีเดียว ทิวกลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็น ไม่คิดว่าแพรวจะมาดักรอถามด้วยตัวเองอย่างนี้

"บอกแพรวมาตรงๆ ได้ไหม แพรวสังเกตมานานแล้วว่าทิวกับบูม...มีความสัมพันธ์ที่ไม่ธรรมดา ใช่ไหมทิว ทิวคิดอะไรกับคู่หมั้นของแพรวอยู่หรือเปล่า"

ทิวได้แต่หลบตาลงต่ำ ไม่กล้าสบตากับแพรวตรงๆ แต่ก่อนที่ืทิวจะตอบคำถามก็มีเสียงเรียกของใครคนหนึ่งดังขึ้นมาเสียก่อน

"แพรว"

แพรวหันไปตามเสียงเรียก พอเห็นว่าเป็นบูมเธอก็เลยต้องหยุด รู้สึกน้อยใจที่เห็นบูมตามมาเพื่อปกป้องทิวโดยเฉพาะ บูมสาวเท้าเดินเข้ามาหาแพรวด้วยสีหน้าไม่ค่อยพอใจนัก

"ถ้าแพรวอยากรู้อะไร ถามบูมดีกว่านะแพรว บูมอยากคุยกับแพรวเย็นนี้เลย ถ้าแพรวพร้อม"

แพรวดูจะตกตะลึงไม่น้อยเมื่อเห็นบูมปกป้องทิว นี่คงจะช่วยตอบคำถามที่เธอสงสัยได้มากกว่าคำพูดเสียอีก

"ค่ะ เราต้องคุยกัน แพรวต้องคุยกับบูมแน่ๆ ค่ะ"

น้ำเสียงของแพรวแฝงด้วยความเสียใจและผิดหวังไม่น้อย มองหน้าของชายหนุ่มสองคนแล้วก็เดินลิ่วกลับเข้าไปในห้องที่จัดงานตามเดิม

พอแฟนสาวลับตาไปบูมก็เดินมาหาทิวพลางถอนหายใจอย่างหนักใจ บีบไหล่ทิวเบาๆ เพื่อเป็นการปลอบใจและให้กำลังใจ ทิวคงจะอกสั่นขวัญแขวนกับสิ่งที่เกิดขึ้นมากทีเดียวเลยล่ะ

"ไม่เป็นไรใช่ไหมทิว"

"ยังไหวอยู่" ทิวยิ้มน้อยๆ

"เราขอโทษนะทิวที่ทำให้นายต้องลำบาก ทิวไม่ต้องตอบคำถามใครนะ ถ้าใครอยากรู้อะไรให้มาถามเรา นายไม่ต้องตอบอะไรทั้งนั้น ขอบคุณมากนะที่นายยังอดทนไปกับเรา อดทนอีกหน่อยนะทิว"

ถ้าไม่ติดว่าอยู่ในที่รโหฐานตอนนี้ บูมคงจะกอดทิวเพื่อปลอบใจไปแล้วล่ะ

ใครที่อยู่ในสถานะแบบเดียวกับทิวคงจะรู้ว่ามันทำใจได้ยากแค่ไหน โดยเฉพาะเวลาที่ถูกคนอื่นๆ มองด้วยสายตามีคำถาม ทิวรู้สึกเจ็บปวดลึกๆ ในใจเพราะใครๆ ก็คงคิดว่าทิวเป็นมือที่สามที่เข้ามาทำให้คู่รักเขาต้องแตกแยกกัน ใครๆ ก็ต้องคิดอย่างนั้น

"เรารู้ว่านายรู้สึกยังไงนะทิว เอาเป็นว่า...เราจะพยายามทำให้มันจบเร็วที่สุด" นั่นคือสิ่งที่ดีที่สุดที่บูมจะทำได้ในตอนนี้

ทิวพยักหน้าเข้าใจ รู้ว่าบูมเองก็คงเครียดและหนักใจมากแค่ไหนเพราะเป็นคนที่จะต้องเจอศึกหนักมากกว่าใคร ไม่มีใครตอบได้หรอกว่ามันจะจบลงยังไง ทิวได้แต่ภาวนาให้ตัวเองสามารถอดทนและต่อสู้ไปกับบูมได้ตลอดรอดฝั่ง

"กลับเข้างานกันเถอะ งานใกล้จะเลิกแล้ว"

ทิวพยักหน้าแล้วก็เดินตามบูมไปอย่างช้าๆ

"เย็นนี้เราคงไม่ได้ไปส่งนายนะ เราจะคุยกับแพรว แต่เดี๋ยวเราจะบอกให้พี่บีมไปส่งนายละกันนะทิว"

ทิวพยักหน้ารับ ในใจก็รู้สึกกลัวแทนบูมเหลือเกิน แพรวจะเข้าใจได้ง่ายๆ หรือเปล่าหนอ ผู้หญิงที่กำลังจะเสียคู่หมั้นไปคงไม่สามารถทำใจได้ง่ายขนาดนั้นหรอก ถ้าเป็นก็คงไม่ต่างกัน

✢ ✣ ✤ ✥ ✦ ✧ ✩ ✪ ✫ ✬ ✭ ✮ ✯ ✰ ★ ✱ ✲ ✳ ✴ ✵ ✶ ✷


ร้านอาหารหรูๆ ยามเย็นอย่างนี้เหมาะกับการที่คู่รักจะมาทานข้าวด้วยกันอย่างหวานชื่นเป็นอย่างยิ่ง ไม่ว่าจะมองไปที่โต๊ะไหนจึงเห็นคู่รักหลายวัยที่ล้วนมาจากครอบครัวที่มีฐานะมาจับจองนั่งทานอาหารมื้อเย็นด้วยกันหลายคู่ แต่ก็ใช่ว่าทั้งร้านจะมีแต่คู่รักทั้งหมด บรรดาคนที่เลิกงานแล้วหรือต้องการสังสรรค์กับเพื่อนต่างก็มาอยู่ที่นี่ด้วยเช่น แทบจะทุกโต๊ะที่มานั่งล้วนแล้วแต่มีรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ ยกเว้นโต๊ะนี้โต๊ะเดียวเท่านั้นที่บรรยากาศดูต่างไป

"แพรว..." บูมเอ่ยขึ้นทำลายความเงียบเมื่อได้นั่งลงและเตรียมตัวเตรียมใจสักพัก สบตากับแฟนสาวเพื่อสังเกตความพร้อมของเธอ

"แพรวฟังดีๆ นะ สิ่งที่บูมจะบอกแพรวต่อไปนี้...เป็นความจริงทุกอย่าง บูมรู้ว่าแพรวคงตกใจ แล้วมันก็อาจจะช้าไปหน่อยที่บูมเพิ่งจะตัดสินใจมาบอกแพรวตอนนี้ แต่บูมคิดว่า...มันยังไม่สายเกินไปที่เราจะตัดสินใจอีกที"

ท่าทางของแพรวบอกให้บูมรู้ว่าเธอเตรียมตัวและเตรียมใจที่จะรับฟังแล้ว จะว่าไปแพรวก็เริ่มทำใจไว้ในระดับหนึ่งแล้วล่ะ หลังๆ มานี้บูมไม่ค่อยไปไหนมาไหนกับเธอ ชวนไปไหนก็ปฏิเสธ เวลาอยู่ที่ทำงานก็มักจะไปขลุกอยู่กับทิวมากกว่าที่จะอยู่กับเธอเสียอีก

"บูมจะบอกแพรวว่า..." บูมก้มหน้าลงสักพัก แล้วก็เงยขึ้นมาสบตากับแพรวใหม่

"บูม...เป็นเกย์!"

"อะไรนะคะ!" แพรวมองคู่หมั้นหนุ่มด้วยสีหน้าตกตะลึงสุดขีด แต่นั่นก็คือสิ่งที่เธอสงสัยมาได้พักหนึ่งแล้ว

"เรื่องบูมกับทิว บูมจะบอกแพรวว่า...เราสองคนรักกันมาตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมปลายแล้ว"

แม้ว่าจะเตรียมใจมาในระดับหนึ่งแต่แพรวก็อดที่จะตกใจไม่ได้ที่ได้ยินเรื่องนี้จากปากของบูมเต็มทั้งสองหู มันเป็นสิ่งที่เธอไม่คาดคิดเลยว่าจะเกิดขึ้นได้ น้ำตาของแพรวค่อยๆ ไหลลงมาอาบสองแก้ม

"บูมพูดว่าอะไรนะคะ" แพรวถามด้วยเสียงสั่นเครือ

แม้ว่าจะสงสาร แต่บูมก็คงต้องพูดความจริง ไม่อยากปิดบังอีกต่อไปแล้ว "บูมกับทิว...รักกัน รักกันมาตั้งนานแล้วนะแพรว รักกันมาก่อนที่บูมกับแพรวจะมาเจอกันซะอีก"

บูมเองก็รู้สึกเจ็บไม่น้อยเมื่อบอกความจริงออกไป ความจริงก็ไม่ได้อยากทำร้ายแพรวเลย น่าสงสารที่เธอกถูกดึงเข้ามาเกี่ยวข้องกับชะตากรรมที่แสนตลกนี้อย่างช่วยไม่ได้

"บูมขอโทษนะแพรว แต่ว่า..." อีกความจริงที่แสนเจ็บปวดที่บูมจะต้องบอกคู่หมั้นสาวไป

"บูมไม่ได้รักแพรว"

แพรวกำมือแน่น รู้สึกเหมือนใครเอามีดมากรีดหัวใจของเธอก็ไม่ปาน แล้วคนที่กรีดนั้นไม่ใช่ใคร คนที่ได้ชื่อว่ากำลังจะเป็นสามีเธอในไม่ช้านี้เอง

"แล้วนี่อะไรคะ" แพรวถามด้วยเสียงสั่นเครือพลางชี้ให้บูมดูแหวนหมั้นที่นิ้วมือของเธอ

"ถ้าไม่ได้รัก...แล้วมันเกิดขึ้นได้ยังไง"

บูมมองที่แหวนหมั้นนั้นแล้วก็ได้แต่สะท้อนใจ

"แพรว...บูมขอโทษ"

เสียงบูมแหบพร่า รู้สึกสงสารแพรวอย่างจับจิตจับใจ เขาเองก็มีส่วนผิดที่ปล่อยให้เรื่องมันเลยเถิดมาจนถึงขั้นนี้ ถ้าตอนนั้นบูมขัดขืนพ่อกับแม่เสียบ้างก็อาจจะไม่เป็นอย่างนี้

"บูมผิดเองแพรว. ทั้งหมดเป็นความผิดของบูมเอง บูมเสียใจที่มันเป็นแบบนี้"

"หยุดพูดว่าเสียใจเถอะค่ะ มันไม่ได้ช่วยทำให้อะไรดีขึ้น บูมช่วยบอกแพรวหน่อยได้ไหมคะว่า...ถ้าไม่ได้รัก แล้วเรามาคบกันได้ยังไง"

นั่นสินะ...แพรวไม่รู้เรื่องอะไรเลย ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าการคบกันของเขากับแพรวเป็นแผนการของผู้ใหญ่ พ่อแม่ของทั้งสองฝ่ายต่างก็รู้เห็นเป็นใจ แล้วบูมก็เป็นฝ่ายที่ถูกกำหนดให้เป็นคนเริ่มต้นก่อน ก็ไม่ผิดหรอกที่แพรวจะเข้าใจอย่างนั้น

"ถ้าแพรวอยากฟัง...บูมก็จะเล่าให้ฟัง" พอเห็นว่าแพรวรอฟังอยู่บูมจึงพูดสืบไป

"พอจบมัธยมปลาย พ่อกับแม่สั่งห้ามบูมอย่างเด็ดขาดว่าไม่ให้ติดต่อกับทิวอีกเพราะเขา...รับไม่ได้ที่บูมกับทิวรักกัน เราสองคนก็เลยต้องจากกันไป ไม่นานหลังจากนั้น ตอนปิดเทอมปีสองที่บูมกลับมาบ้าน พ่อกับแม่ก็..."

"บูมกำลังจะบอกว่า...ที่บูมมาคบกับแพรว...เพราะว่าถูกพ่อกับแม่บังคับอย่างงั้นเหรอคะ มันจะไม่เหมือนละครน้ำเน่าหลังข่าวไปหน่อยเหรอคะบูม"

แพรวแค่นเสียงพูดคล้ายจะประชดประชัน

"แต่มันเป็นเรื่องจริงนะแพรว"

แพรวหยุดชะงัก แม้ไม่อยากจะเชื่อก็คงต้องเชื่อแล้วล่ะเพราะเธอรู้ว่าบูมไม่มีนิสัยชอบล้อเล่นโดยไม่จำเป็น

"แพรว...บูมรู้ว่าแพรวเสียใจมากแค่ไหน บูมเองก็เสียใจที่ปล่อยให้เรื่องมันเลยเถิดมาถึงขั้นนี้ ตอนแรก...บูมก็ไม่คิดจะบอกแพรวหรอกเพราะบูมตัดสินใจแล้วว่า...จะไม่ติดต่อกับทิวอีก ตลอดเวลาที่บูมไปเรียนที่เมืองนอก บูมไม่เคยติดต่อทิวเลย ไม่เคยมาหาทิว แต่...พอบูมได้กลับมาเจอทิวอีกครั้ง บูมก็รู้ว่า...บูมยังรักทิวอยู่เหมือนเดิม ทิวเป็นรักแรกของบูมที่บูมไม่เคยลืมเลย ตอนสมัยเรียน ทิวดีกับบูมมาก...มากจนทำให้บูมเผลอรักผู้ชายด้วยกันได้ บูมไม่อยากถูกใครบังคับอีกแล้วนะแพรว บูมจะขอทำตามหัวใจของตัวเองบ้าง มันอาจจะทำให้แพรวเจ็บปวดในวันนี้ แต่ก็ดีกว่าให้แพรวมารู้ทีหลังว่าบูมเป็นเกย์ แพรวอาจจะเสียใจมากกว่านี้ก็ได้นะแพรว บูมไม่อยากให้มันสายไปก็เลยต้องตัดสินใจบอกตอนนี้ บูมรู้ว่ามันช้าไป บูมเสียใจนะแพรวที่มาบอกเอาป่านนี้ แต่บูมก็ไม่มีทางเลือกที่ดีกว่านี้ ถ้ายิ่งรอช้า...มันก็จะยิ่งสายไป"

แพรวหยิบกระเป๋าถือมาไว้ในมือแล้วก็บอกบูมไปว่า

"พอเถอะค่ะ แพรวไม่อยากฟัง บูมไม่ใช่แพรว บูมไม่ใช่คนที่จะต้องเสียหาย บูมไม่ใช่คนที่ถูกหลอก บูมไม่มีวันรู้หรอกว่าแพรวเจ็บแค่ไหน"

พูดจบแพรวก็ลุกขึ้นแล้วเดินลิ่วออกไปจากร้านอาหารทันทีโดยไม่ฟังเสียงเรียกตามของบูม

จะว่าไปสิ่งที่เกิดขึ้นก็ดูจะโหดร้ายกับแพรวมากทีเดียว ผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่ต้องกลายเป็นเหยื่อความหวังดีของพ่อกับแม่ ผู้หญิงที่หลงเข้าใจผิดว่าคนที่เธอกำลังหมั้นและจะแต่งงานด้วยรักเธอ จนกระทั่งวันนี้จึงได้รู้ว่าทุกอย่างคือแผนการของพ่อกับแม่ ไม่ได้เกิดจากความรักแต่อย่างใด บาปกรรมที่เกิดขึ้นครั้งนี้ใครจะเป็นคนชดใช้ให้เธอ บูมหรือเปล่า

✢ ✣ ✤ ✥ ✦ ✧ ✩ ✪ ✫ ✬ ✭ ✮ ✯ ✰ ★ ✱ ✲ ✳ ✴ ✵ ✶ ✷


ในที่สุดแพรวก็ขอลาออกจากการเป็นเลขานุการของบูมเพราะไม่สามารถทนรับสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้นได้ ในระหว่างที่ยังหาใครมาแทนไม่ได้ ทิวก็เลยต้องกลายเป็นเลขาฯ ของบูมไปพลางๆ ก่อน งานก็ไม่มีอะไรมาก แต่เนื่องจากตอนนั้นแพรวอยากเข้ามาช่วย บูมจึงแบ่งงานของผู้ประสานงานส่วนหนึ่งมาให้แพรวช่วยทำ

แต่เรื่องวุ่นๆ ไม่ได้จบแค่นั้นเมื่อทิวก็มาขอลาออกด้วยอีกคน

"ทำไมล่ะทิว นายจะลาออกทำไม นายกำลังเรียนหนังสืออยู่นะ ถ้านายออกไป นายจะไปทำงานอะไร เราไม่อยากให้นายลำบากอีกนะทิว"

บูมถามอย่างตกใจ นี่ก็เป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้บูมยังไม่กล้าบอกพ่อกับแม่เพราะกลัวว่าทิวจะไม่ได้ทำงานที่นี่แล้วต้องไปตกระกำลำบากอีก

"เรา...มองหน้าใครไม่ติดแล้วบูม" ทิวทำหน้าเหมือนจะร้องไห้"

"ทิว...นายจะไม่อดทนกับเราแล้วเหรอ แล้วนายจะไปอยู่ที่ไหน" แม้จะรู้ว่าการถามอย่างนี้ดูจะบีบคั้นทิวเกินไปหน่อยแต่บูมก็ต้องถาม

"ทิว...ไม่มีใครมองนายอย่างนั้นหรอก ทุกคนเขารู้เรื่องกันหมดแล้ว ไม่เชื่อลองถามเอิร์ธดูสิ"

บูมบอกพลางพยักเพยิดไปทางเอิร์ธที่กำลังหันมามองทิวกับบูมด้วยความสนใจ เนื่องจากเอิร์ธนั่งอยู่ไม่ไกลมากจึงพอได้ยินการสนทนากันของทิวกับบูมอยู่บ้าง

"นายหมายความว่าไง" ทิวถามอย่างงงๆ

"เฮ้ยทิว ไม่ต้องออกหรอก อยู่ช่วยพวกเราทำงานต่อเถอะ คนขยันทำงานอย่างทิวหายากจะตาย อย่าเพิ่งออกเลยนะทิว เรื่องนั้น...พวกเรารู้หมดแล้ว เราคุยกับบูมแล้ว พวกเราเข้าใจ ไม่มีใครคิดว่าทิวเป็นมือที่สามหรอก" เอิร์ธอธิบาย

ทิวมองเอิร์ธแล้วก็หันกลับมามองบูม พอเห็นว่าทิวยังคงงงๆ อยู่ บูมก็เลยให้วิทช่วยอีกแรง

"ว่าไงวิท วิทอยากให้ทิวออกหรือเปล่า"

หนุ่มตี๋หล่อลุกจากโต๊ะทำงานแล้วก็เดินมาหาทิวกับบูมทันทีที่บูมหันไปเรียก วิทตบไหล่ทิวเบาๆ พร้อมกับยิ้มให้กำลังใจ

"อยู่ทำงานกับพวกเราต่อเถอะนะทิว พวกเราเข้าใจความรักของบูมกับทิวนะ ไม่มีใครรังเกียจเลย ไม่มีใครคิดว่าทิวเป็นมือที่สามด้วย ทิวออกไป บูมก็คงเป็นห่วงทิวแย่เลยสิ" วิทหันไปสัพยอกกับบูมในตอนท้าย

"นี่มันอะไรกัน เรางงไปหมดแล้ว"

เอิร์ธลุกจากโต๊ะแล้วก็เดินมาคุยด้วยใกล้ๆ อีกคน

"พวกเราขอโทษทิวด้วยก็แล้วกันที่เคยมองทิวไม่ดี พวกเราสงสัยกันมากก็เลยคุยกับบูม พอบูมเล่าให้ฟัง พวกเราก็เลยเข้าใจเรื่องราวทั้งหมดแล้วล่ะ อยู่ช่วยพวกเราทำงานต่อนะทิว แล้วพวกเราก็จะเอาใจช่วยความรักของทิวกับบูมด้วย"

"ใช่...พวกเราอยากให้ทิวทำตัวตามสบายนะ ไม่ต้องกังวลหรอก ส่วนแพรว...ก็เห็นใจนะ แต่ว่า...ความรักมันบังคับกันไม่ได้ ก็ดีแล้วล่ะที่บูมบอกแพรวเสียตั้งแต่ตอนนี้ ดีกว่าไปบอกทีหลัง"

วิทสำทับอีกคน คราวนี้ทิวหันไปมองบูม เอิร์ธแล้วก็วิทเพื่อให้มั่นใจตัวเองเข้าใจถูกต้องและฟังไม่ผิดจริงๆ

"ขอบคุณทุกคนนะครับที่เข้าใจเราสองคน"

บูมถือโอกาสขอบคุณทุกคนแทนเสียเลย นี่ถ้าเกิดวิทกับเอิร์ธไม่เข้าใจ บรรยากาศการทำงานคงแย่ยิ่งกว่านี้ เผลอๆ สองคนนี้ก็อาจจะลาออกไปพร้อมกับแพรวเลยก็ได้ โครงการของบูมคงมีปัญหาน่าดู

"ทิวเข้าใจแล้วนะ ไม่ลาออกแล้วใช่ไหม" เอิร์ธถามย้ำ

ทิวพยักหน้าน้อยๆ แล้วก็ยิ้มให้กับเพื่อนร่วมงานสองคนด้วยความซาบซึ้งใจ พอทุกคนเข้าใจแบบนี้ก็ช่วยทำให้ทิวรู้สึกคลายความอึดอัดไปได้มากทีเดียว

✢ ✣ ✤ ✥ ✦ ✧ ✩ ✪ ✫ ✬ ✭ ✮ ✯ ✰ ★ ✱ ✲ ✳ ✴ ✵ ✶ ✷


ไม่กี่วันหลังจากนั้น บูมกลับมาถึงบ้านในเย็นวันหนึ่งก็ถูกพ่อเรียกให้ขึ้นไปหา บูมเดาว่าน่าจะเป็นเรื่องของแพรวนั่นแหละเพราะตอนนี้แพรวเงียบหายไปนานจนผิดสังเกต พ่ออาจจะสงสัยอะไรบางอย่างก็ได้

บูมขึ้นมาถึงก็เห็นพ่อยืนเอามือไพล่หลังรออยู่แล้ว พอนั่งลงพ่อก็หันมาคุยเข้าเรื่องทันที

"คุณโฉมศรีเขาโทรมาบอกพ่อว่าหนูแพรวจะขอถอนหมั้นกับบูม บูมมีปัญหาอะไรกับหนูแพรวหรือเปล่า"

ที่บูมเดาไว้ก็ไม่ผิดจริงๆ แต่บูมก็ไม่รู้เรื่องถอนหมั้นเลยเพราะยังไม่ได้คุยกับแพรวหลังจากวันนั้น

"ว่าไงล่ะบูม ทะเลาะกับหนูแพรวหรือเปล่า มีปัญหาอะไรก็บอกพ่อกับแม่สิ ถ้าแก้เองไม่ได้พ่อกับแม่ก็จะได้ช่วย"

คุณลิขิตถามย้ำเสียงดังเมื่อเห็นลูกชายคนเล็กยังเงียบอยู่

"แม่เขายังไม่รู้เรื่องหรอก พ่อยังไม่ได้บอก ว่าไงล่ะบูม มีอะไรก็บอกพ่อมาก่อน"

คุณลิขิตไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะบูมกลัวแม่หรือเปล่าถึงได้ไม่กล้าพูด จึงได้ย้ำไปว่ายังไม่ได้คุยกับภรรยาเรื่องนี้เลย

บูมสบตาผู้เป็นพ่อเพื่อดูอารมณ์ แต่เอาเถอะ เป็นไงก็เป็นกันเพราะยังไงๆ พ่อกับแม่ก็คงต้องรู้เรื่องนี้จนได้

"บูม...บอกแพรว่า...บูมเป็นเกย์ครับพ่อ"

"แกพูดว่าอะไรนะบูม ทำไมแกถึงไปบอกหนูแพรวอย่างนั้น แกเป็นบ้าหรือเปล่า"

น้ำเสียงของพ่อเริ่มดุมากขึ้นจนเกือบจะเป็นตวาด มือไม้ที่เริ่มสั่นเทิ้มนั้นทำให้บูมรู้ว่าพ่อโกรธมากทีเดียว

"มันเป็นความจริงนะครับพ่อ ผมเป็นเกย์ แล้วผมก็ไม่ได้รักแพรว ไม่เคยรักเลย พ่อกับแม่ก็น่าจะรู้ไม่ใช่เหรอครับว่าทำไมผมกับแพรวถึงหมั้นกัน"

บูมเถียงเสียงดังเช่นกัน

"นี่แกย้อนพ่อเหรอบูม" คุณลิขิตมองหน้าลูกชายราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ

"ผมขอโทษครับพ่อ ผมไม่ได้รักแพรว...ไม่เคยรักเขาเลย ไม่อยากแต่งงานกับเค้า ผมบอกแพรวตั้งแต่ตอนนี้ก็ยังดีกว่าที่จะไปบอกตอนที่เราแต่งงานกันไปแล้วนะพ่อ ผมไม่อยากทำร้ายผู้หญิงคนหนึ่งที่เขาไม่รู้เรื่องอะไรด้วย"

"บูม!"

คุณลิขิตตวาดเสียงดัง แต่พอนึกได้ว่าตั้งใจจะไม่ใช้อารมณ์คุยกับบูมในวันนี้จึงพยายามลดท่าทีที่แข็งกร้าวลง

"เอาอย่างงี้ละกัน พ่อจะยังไม่บอกแม่ แต่บูม...ต้องไปเคลียร์กับหนูแพรวให้รู้เรื่อง แล้วพ่อก็หวังว่า...ลูกกับหนูแพรวจะกลับมาเหมือนเดิม"

"พ่อ!"

บูมอุทานอย่างเหนื่อยใจ ขนาดบอกว่าเป็นเกย์และไม่ได้รักแพรวก็ยังจะถูกบังคับให้กลับไปหาแพรวอีก พ่อกับแม่ไม่คิดจะถามบูมสักคำเลยหรือว่าบูมมีความสุขบ้างไหมที่ต้องเดินตามทางที่พ่อกับแม่ขีดเส้นให้

"ออกไปได้แล้ว ก่อนที่พ่อจะโมโหไปมากกว่านี้"

✢ ✣ ✤ ✥ ✦ ✧ ✩ ✪ ✫ ✬ ✭ ✮ ✯ ✰ ★ ✱ ✲ ✳ ✴ ✵ ✶ ✷


"บูมได้ยินมาว่า...แพรวจะขอถอนหมั้น"

สุดท้ายบูมก็ต้องนัดแพรวออกมาเจอกันเพื่อคุยกันอีกครั้งจนได้ แพรวยังนิ่งเงียบ อาหารมาเสิร์ฟแล้วแต่ก็ไม่มีใครแตะต้องแม้แต่คำเดียว

"แล้วบูมไม่ดีใจเหรอคะ"

น้ำเสียงประชดนั้นบ่งบอกว่าเจ้าของน้ำเสียงนั้นยังคงเจ็บปวดกับเรื่องที่เกิดขึ้นมากเพียงใด แม้จะผ่านมาหลายวันแล้วแต่แพรวก็ยังเจ็บอยู่เท่าเดิม

"บูมคะ..." แพรวพูดแล้วก็ทำท่าครุ่นคิดเหมือนกับกำลังชั่งใจอะไรบางอย่าง

"แพรวมาคิดๆ ดูแล้ว แพรวว่า...ไม่เห็นจะเป็นไรเลยถ้าบูมจะเป็นแบบนั้น แพรว...ไม่ถือหรอกค่ะ เรแต่งงานกันเหมือนเดิมเถอะนะคะ"

"แพรว"

บูมดูจะตกใจกับความคิดนั้นไม่น้อย แพรวคิดง่ายไปหรือเปล่าที่คิดว่าแต่งงานกับเกย์แล้วชีวิตจะไม่มีปัญหาอะไร

"บูมไม่ได้รักแพรว แล้วบูมก็เป็นเกย์นะแพรว แพรวจะมาแต่งงานกับบูมแล้วต้องมาเสียใจทีหลังทำไม ยังไงๆ บูมก็เปลี่ยนตัวเองไม่ได้ บูมไม่ได้อยากจะโหดร้ายกับแพรวหรอกนะ แต่บูมคิดว่า...การที่บูมทำให้แพรวเสียใจตั้งแต่ตอนนี้ ก็ดีกว่าทำให้แพรวเสียใจทีหลังนะแพรว"

"แสดงว่า...ยังไงๆ บูมก็จะให้เราถอนหมั้นกันใช่ไหมคะ"

แพรวถามเสียงแข็ง น้ำตาที่รินไหลอาจทำให้บูมรู้สึกสงสารเธอ แต่ก็ไม่มากพอที่จะทำให้บูมรักเธอได้เลย

"มันเป็นทางออกที่ดีที่สุดสำหรับเราสองคนแล้วนะแพรว"

นี่คือความหวังดีสุดท้ายที่บูมจะสามารถหยิบยื่นให้กับคนที่กำลังจะกลายเป็นอดีตคู่หมั้นได้

"คนเรา...ถ้าไม่ได้รักกัน อยู่ด้วยกันไปก็ไม่มีความสุขหรอกแพรว"

"แล้วทำไมเมื่อก่อนไม่เห็นมีปัญหาอะไรนี่คะ" แพรวย้อนถามกลับมาเกือบทันที

"มีสิแพรว บูมแค่ไม่ได้บอกแพรวเท่านั้นแหละ แต่สักวัน...มันก็จะระเบิดออกมา ถึงตอนนั้น...แพรวจะเสียใจยิ่งกว่านี้"

บูมไม่รู้ว่าเขาใจดำเกินไปหรือเปล่า แต่ถ้ามัวประนีประนอมอ้อมไปอ้อมมา แพรวก็อาจจะยิ่งเข้าใจผิด เรื่องก็จะยิ่งเยิ่นเย้อ สู้บอกไปตรงๆ เลยดีกว่า เรื่องเจ็บยังไงก็ต้องเจ็บอยู่แล้ว

แพรวหน้าเสียไปทันทีที่ได้ยิน ไม่คิดว่าบูมจะพูดตรงขนาดนั้น นี่บูมไม่รักษาน้ำใจของเธอเลยหรือนี่

"สรุปว่า...บูมจะไม่เปลี่ยนใจใช่ไหมคะ" แพรวถามย้ำ บูมนิ่งเงียบแทนการตอบคำถาม

"ได้...งั้นบูมคุยกับคุณแม่ทิพย์นภาเองละกันนะคะ!" แพรวกระแทกเสียงแล้วก็ลุกเดินออกไป

TBC

ขอรณรงค์ให้คนอ่านสละเวลา 1 วินาทีบวกเป็ดเป็นกำลังใจให้ 'นักเขียนทุกคน' ทุกเรื่อง ทุกตอนนะครับ สร้างสรรค์ชุมชนแห่งการแลกเปลี่ยนแบ่งปัน
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-09-2015 07:38:13 โดย sarawatta »

Mc_ma

  • บุคคลทั่วไป
สวัสดีปีใหม่ไทยเช่นกันค่ะ เย้ๆ ดีใจที่ได้อ่านเรื่องนี้รับวันสงกรานต์
ตอนนี้มาเที่ยวสงกรานต์อยู่นอกกรุง ต้องเม้นท์บนมือถือก็จะเม้นท์ล่่ะค่ะ

และแล้วแพรวและเพื่อนๆก็รู้เรื่องของทิวบูม แพรวดูเหมือนจะเข้าใจ
 ต้องลุ้นต่อไปว่าแพรวจะยอมขอถอนหมั้นจริงๆรึเปล่า ยอมทีเถอะนะ
 แต่อย่างน้อยก็ยังดีที่เพื่อนๆบูมเข้าใจและยอมรับได้ในความสัมพันธ์ของบูมกับทิว

ไม่ว่าเรื่องนี้จะจบยังไง จบอย่างไรก็จัดมาเลยค่ะ จะรอติดตามนะคะ
เป็นกำลังใจให้คนแต่งเหมือนเดิม +1และ+เป็ดให้ค่ะ
เรื่องราวกำลังเข้มข้น เป็นกำลังใจให้บูมกับทิวด้วย  :กอด1:  :กอด1:




yayee2

  • บุคคลทั่วไป
หลังจากติดกิจกรรมวันปีใหม่ไทยไปหลายวันก็ไก้มาอ่านต่อแล้ว ดีจัง
ความจริงก็น่าสงสารแพรวเหมือนกันนะ เธอเองก็เข้าใจผิดมานานคิดว่าบูมรักเธอ และเธอเองก็คงรักบูมหละ
ต่อไปก็รอเป็นกำลังใจให้บูมตั้งรับมือกับพ่อและแม่ให้ได้ ให้บูมทาทางออกที่ดีที่สุดให้ได้ล่ะกัน

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด