♥♥♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต ✦ [DRAMA] [Rewrite] ▚▚▚
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ♥♥♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต ✦ [DRAMA] [Rewrite] ▚▚▚  (อ่าน 175824 ครั้ง)

ออฟไลน์ yeyong

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5857
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +917/-26
มองไปทางไหนก็ดูจะตันไปหมด
ตอนที่แพรวบอกว่าจะยอมแต่งงานด้วย นี่ก็อึ้งเหมือนกันนะ
แต่ในชีวิตจริงก็คงมีผู้หญิงบางคนที่รับได้หากแฟนจะเป็นแบบนี้

icyblue

  • บุคคลทั่วไป
บูมกล้าขึ้นนะ อย่างน้อย เพื่อนๆร่วมงานก็รู้และเข้าใจทั้งคู่

ทิวก็สบายใจขึ้น 

แต่....... ยัยแพรว ยังกล้าจะให้บูมแต่งงานกับตัวเองอีกเหรอ  เค้าบอกแล้วว่าไม่รักๆๆๆ ยังด้านอีก :เฮ้อ:

แล้วคุณพ่ออีก จะบีบบูมไปถึงไหนเนี่ย 

บูมกล้าๆ ต่อไปนะ เพื่อทิวและความรัก

 :กอด1: :L2: นักแต่ง 

ออฟไลน์ sarawatta

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 714
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +300/-10
♥♥♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (Re-written Version)
CHAPTER 29 ✦ ขาดสติ



วันหนึ่งหลังจากเลิกงานแล้วบูมก็ขับรถมาส่งทิวที่บ้านเหมือนเช่นเคย ช่วงหลังๆ มานี้บูมมาส่งทิวบ่อยขึ้นเพราะไม่ได้ไปส่งแพรวเหมือนแต่ก่อน บางวันก็ค้างกับทิว ความจริงก็อยากมาค้างด้วยทุกวันนั้นแหละ แต่ไม่อยากให้พ่อกับแม่สงสัยมากเกินไปจึงต้องกลับไปนอนบ้านบ้าง

ในขณะที่ทิวกำลังไขกุญแจบ้านอยู่นั้น ก็มีเสียงใครบางคนเรียกมาจากทางด้านหลังด้วยน้ำเสียงที่บูมคุ้นหู

"บูม!"

น้ำเสียงที่ดุและแสดงความไม่พอใจทำให้บูมกับทิวหันไปมองแทบจะพร้อมๆ กัน

"แม่!"

บูมอุทานด้วยความตกใจ ไม่คิดว่าแม่จะตามมาดักรอถึงที่นี่ ทิวเห็นสายตาของคุณทิพย์นภาที่จ้องเขม็งแล้วก็ได้แต่ยืนตัวแข็งด้วยความตกใจกลัว ดูเหมือนคุณทิพย์นภาจะเป็นผู้หญิงเพียงไม่กี่คนที่ทำให้ทิวรู้สึกกลัวได้มากถึงขนาดนี้

"ทำไมทำแบบนี้หา!"

น้ำเสียงของคุณทิพย์นภาเกรี้ยวกราดอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ปกติน้ำเสียงของแม่ก็ดุและน่ากลัวมากอยู่แล้ว แต่ดูเหมือนว่าวันนี้จะน่ากลัวมากเป็นพิเศษ

"นี่ใช่ไหมคือเหตุผลที่บูมกับแพรวจะถอนหมั้นกัน แม่บอกแล้วใช่ไหมว่าให้เลิกคบกับไอ้เกย์นี่ ทำไมไม่ฟังแม่ แม่ผิดหวังในตัวบูมมากรู้ไหม"

คุณทิพย์นภาหันไปชี้หน้าทิวในตอนที่เรียกว่า "ไอ้เกย์"

"กลับบ้านไปเดี๋ยวนี้เลยนะบูม แล้วห้ามมาที่นี่อีก บอกกี่ครั้งกี่หนแล้วทำไมไม่เคยฟัง"

"ผมไม่กลับ" บูมยืนยันเสียงแข็ง แปลกที่วันนี้บูมไม่รู้สึกกลัวแม่เหมือนที่ผ่านมาเลย มันถึงเวลาที่ต้องเข้มแข็งและเรียกร้องชีวิตส่วนตัวของบูมคืนมาบ้างแล้ว

น้ำเสียงแข็งกร้าวของลูกชายคนเล็กทำให้คุณทิพย์นภาอึ้งไปพอสมควร แต่เธอก็ยังคงแสดงอำนาจในฐานะแม่อยู่ดี

"บูม...แม่บอกให้กลับบ้านเดี๋ยวนี้ แม่รับไม่ได้รู้ไหมที่ลูกชายของแม่มาขลุกอยู่กับไอ้เกย์นี่ ทำไมทำตัวแบบนี้ คิดถึงอนาคตของตัวเองบ้างไหม ถ้าคนอื่นรู้เข้าจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน คุณโฉมศรีเขาไม่เอาเราตายเหรอ หา!"

บูมรู้สึกเจ็บแปลบในหัวใจทุกครั้งที่ได้ยินแม่เรียกทิวว่า "ไอ้เกย์" ทำไมแม่จะต้องจิกด่าทิวถึงขนาดนั้น ตอนนี้ทิวหน้าซีดและตกใจกลัวอย่างยิ่ง บูมเห็นแล้วก็แทบจะทนไม่ไหว

"เธอก็เหมือนกัน" คุณทิพย์นภาหันมาเล่นงานทิวอีกคน ชี้หน้าทิวแล้วก็พูดต่อไป

"ลูกชายฉันกำลังจะมีอนาคต กำลังจะแต่งงานมีครอบครัว แต่เธอกลับมาหลอกล่อลูกชายของฉัน เธอเคยรู้บ้างไหมว่าหัวอกของคนที่เป็นแม่อย่างฉันจะรู้สึกยังไง วิปริตผิดเพศยังไม่พอ ยังมาทำลายอนาคตของคนอื่นอีก สมควรแล้วที่สังคมเขาจะรังเกียจคนอย่างพวกเธอ เลิกยุ่งกับลูกชายของฉันได้แล้ว ได้ยินไหม ไอ้เกย์!"

คุณทิพย์นภาตวาดเสียงดัง ไม่น่าเชื่อว่าความโมโหจะทำให้คุณทิพย์นภาที่ได้ชื่อว่าเป็นอาจารย์สอนหนังสือในมหาวิทยาลัยชื่อดังจะสามารถด่าทอด้วยคำหยาบคายเช่นนี้ได้

ทิวได้แต่ยืนตัวสั่นงันงก น้ำตาเริ่มรินไหลที่ถูกแม่ของบูมด่าว่ารุนแรงถึงขนาดนั้น ทิวพูดไม่ออกสักคำ จริงสินะ บูมจะอยู่ในวงสังคมอย่างนั้นได้ยังไงถ้าบูมเป็นแฟนกับทิว อนาคตของบูมจะเป็นยังไงถ้าเกิดไม่มีใครยอมรับได้ ทิวไม่เคยคิดเรื่องนี้มาก่อนเลย ในโลกนี้คงไม่มีแม่ที่ไหนอยากให้ลูกชายของตัวเองเป็นคนไม่มีที่ยืนในสังคมอย่างแน่นอน

"แม่! บูมโตแล้วนะครับ ไม่มีใครหลอกบูม ที่บูมมาหาทิวก็เพราะบูมมาของบูมเอง แล้วที่บูมมา...ก็เพราะว่าบูมรักทิว แม่เข้าใจไหมครับ บูมรักทิว"

บูมพูดย้ำด้วยเสียงสั่นเครือ สงสารทิวเหลือเกินที่ต้องมาเจอชะตากรรมที่แสนลำบากอย่างนี้

"อะไรนะบูม เมื่อกี้บูมพูดว่าอะไร"

คุณทิพย์นภาแทบจะกรีดร้องเมื่อเห็นลูกชายของเธอบอกได้อย่างเต็มปากเต็มคำว่ารักผู้ชายด้วยกัน

"บูมรักทิวครับแม่" บูมย้ำเสียงดังฟังชัดอีกครั้ง

เพี้ยะ!

เสียงฝ่ามือของผู้บังเกิดเกล้าฟาดลงไปบนใบหน้าของลูกชายคนเล็กอย่างเหลืออด เธอรับไม่ได้จริงๆ ยังไงเธอก็ไม่มีวันรับเรื่องนี้ได้อย่างเด็ดขาด

"บูม! ทีหลังห้ามพูดคำนี้ให้แม่ได้ยินอีก เข้าใจไหม!" แม่ตวาดเสียงดังอย่างโกรธจัด มือไม้สั่นเทาจนแทบจะควบคุมตัวเองไม่ได้

บูมลูบหน้าของตัวเองเบาๆ ไม่รู้สึกเจ็บมากนักหรอก แม่ไม่เคยตบบูมเลย นี่เป็นครั้งแรกที่แม่โมโหจนต้องทำร้ายร่างกายลูกชายของตัวเอง ทั้งๆ ที่เมื่อหลายปีก่อนแม่เคยโมโหพ่อที่ตบหน้าบูม วันนี้แม่กลับเป็นคนตบหน้าบูมเสียเอง

"บูม!"
 
ทิวร้องอุทานเบาๆ เมื่อเห็นบูมถูกแม่ตบหน้าฉาดใหญ่ ทิวแทบจะทนไม่ไหวแล้ว คงไม่มีใครอยากเป็นตัวการที่ทำให้ครอบของใครต้องแตกแยกอย่างนี้หรอก ทิวได้แต่ท่องในใจไว้ว่าให้อดทนไว้เพื่อความรัก แต่เหตุการณ์นี้กำลังจะทำให้ความอดทนของทิวขาดสะบั้นลงเสียแล้ว

"บูมเป็นผู้ชาย จะไปรักไอ้เกย์นี่ได้ยังไง!" แล้วคุณทิพย์นภาก็หันมาเกรี้ยวกราดกับทิวต่อ

"แกไปทำของอะไรใส่ลูกชายฉันหรือเปล่า บอกมาเดี๋ยวนี้นะ!"

"ทิว! อย่าฟัง! ทิวเข้าไปในบ้านก่อน เดี๋ยวเราตามไป" บูมหันมาออกคำสั่งกับทิว เริ่มทนเห็นทิวถูกแม่ด่าว่ามากกว่านี้ไม่ไหวแล้ว

ทิวยังคงมีท่าทางลังเลจนบูมต้องพูดเสียงดังจนเกือบจะเป็นตวาด

"ทิว! เราบอกให้นายเข้าไปในบ้านไง เข้าไปเดี๋ยวนี้!"

ทิวมองหน้าบูมอย่างตกใจ แต่เมื่อเห็นบูมทำสีหน้าจริงจังอย่างนั้นทิวจึงต้องรีบไขกุญแจเพื่อเปิดประตูบ้าน แต่ก่อนที่จะเข้าไปก็ได้ยินเสียงบูมอุทานว่า

"ไอ้ต้อง!"

ไม่รู้ว่าต้องมาตั้งแต่ตอนไหน สายตาที่ต้องมองมานั้นฉายแววให้เห็นความเจ็บปวดอย่างที่สุด เจ็บปวดที่เห็นบูมปกป้องทิวไม่ได้เลย เจ็บปวดที่เห็นทิวต้องถูกด่าทอด้วยถ้อยคำที่ไม่ต่างจากการด่าสัตว์หลงทางข้างถนนตัวหนึ่ง ถ้าทิวอยู่กับต้อง ทิวจะไม่เจอเหตุการณ์แบบนี้แน่นอน ทำไมทิวไม่เลือกต้องเลย ทำไมถึงได้ไปเลือกคนที่อ่อนแอและปกป้องทิวไม่ได้อย่างนั้น

เมื่อทิวสบตากับต้องและต้องได้เห็นสภาพที่น่าสมเพชของทิวแล้ว ต้องก็หันหลังเดินกลับไปที่รถแล้วก็ขับรถออกไปทันที ทิวพอจะเดาได้ทันทีว่าต้องคิดอะไร เมื่อสบตากับบูม ทิวก็เห็นแววตาที่ดูเศร้าสลดนั้นที่เกิดขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ บูมคงรู้สึกแย่มากที่ไม่สามารถทำอะไรได้มากกว่านี้ แถมต้องก็ยังมาเห็นเสียอีก

ทิวเดินเข้าไปในบ้านอย่างช้าๆ ถึงจะสงสารและรักบูมมากแค่ไหน แต่ตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าจะอดทนได้อีกสักกี่น้ำ แม่ของบูมดูร้ายกว่าที่คิดไว้มากทีเดียว คงไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะทำให้เธอเข้าใจความรักของทิวกับบูมได้

"แม่..." บูมพูดพลางสะอื้น รู้สึกสมเพชตัวเองเหลือทน "แม่รักบูมอย่างที่บูมเป็นได้ไหมครับ มันคือตัวตนของผม ยังไงผมก็เปลี่ยนไม่ได้"

น้ำเสียงเศร้าและอ้อนวอนของลูกชายนั้นทำให้คุณทิพย์นภามีท่าทางอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด เธอเองก็พอจะรู้ตัวว่าบังคับลูกชายคนเล็กมามากแค่ไหน แต่เธอก็เป็นแม่ที่อยากให้ลูกมีอนาคตที่ดี ลูกชายของเธอจะได้รับการยอมรับในวงสังคมของเหล่าคนชนชั้นเดียวกับเธอได้อย่างไรถ้ามีแฟนเป็นผู้ชาย ลูกชายของเธอคิดง่ายเกินไปและคงไม่รู้จักชีวิตดีพอที่จะเข้าใจโลกภายนอกที่มีแรงกดดันและความคาดหวังมากมาย เจตนาของเธอก็มีแค่นี้แหละ ถ้าบูมแค่มีแฟนใหม่เป็นผู้หญิงสักคนหนึ่ง เรื่องมันอาจจะง่ายกว่านี้ก็ได้

"เลิกคบกับไอ้เกย์นี่ซะ อย่าดื้อกับแม่ แล้วอย่าหาว่าแม่ไม่เตือน"

น้ำเสียงที่ต่ำลงและเฉียบขาดนั้นดูน่ากลัวไม่น้อย คุณทิพย์นภาเดินกลับไปที่รถอย่างหัวเสีย คงยังไม่มีประโยชน์ที่จะบังคับให้บูมกลับบ้านตอนนี้ แต่เธอคงไม่ยอมให้บูมคบกับทิวง่ายๆ อย่างแน่นอน ถ้าพูดกันดีๆ แล้วไม่ฟังก็เห็นจะต้องใช้ไม้แข็งดูบ้าง

✢ ✣ ✤ ✥ ✦ ✧ ✩ ✪ ✫ ✬ ✭ ✮ ✯ ✰ ★ ✱ ✲ ✳ ✴ ✵ ✶ ✷

"ทิว...เปิดประตูให้เราหน่อยสิ เปิดประตูหน่อย...ทิว"

บูมพยายามร้องเรียกและขอให้ทิวเปิดประตูให้อยู่หลายรอบ แต่ทิวก็ไม่ยอมเปิดและเอาแต่ร้องไห้ บูมรู้สึกเหมือนตัวเองก็จะพลอยขาดใจตามไปด้วย

"ทิว...เปิดประตูให้เราหน่อยสิทิว" บูมพยามร้องเรียกและเคาะประตูอีกหลายครั้ง แต่ก็ไม่เป็นผล

"นายกลับไปก่อนได้ไหมบูม เราอยากอยู่คนเดียว" ทิวร้องตอบออกมา

"ไม่ได้ทิว เราเป็นห่วงนาย เราทิ้งนายไปตอนนี้ไม่ได้ เปิดประตูให้เราหน่อยนะทิว"

บูมพยายามอ้อนวอน

"เราไม่เป็นไร นายกลับไปก่อนเถอะ" ทิวก็ยังคงยืนยันเช่นเดิม

บูมทรุดตัวลงนั่งพิงประตูอย่างเหนื่อยอ่อน พยายามสะกดกลั้นน้ำตาเอาไว้ ตอนนี้บูมจะอ่อนแอไม่ได้ วันนี้บูมจะต้องเป็นที่พึ่งให้กับทิวทั้งทางกายและทางใจ

"ทิว...เราขอโทษนะที่ทำตามที่นายขอไม่ได้ เราจะไม่ไปไหน เราจะนั่งรอนายอยู่ตรงนี้แหละ ถ้านายต้องการเราเมื่อไรก็เปิดประตูออกมาละกันนะทิว"

สิ้นเสียงพูดของบูมแล้วก็ดูเหมือนเสียงสะอื้นไห้ของทิวจะค่อยๆ เบาลงไป ทำให้บูมพอรู้สึกสบายใจขึ้นมาได้อีกสักหน่อย หยิบมือถือขึ้นมาแล้วก็ค้นหาเพลงที่เคยร้องด้วยกันกับทิวบ่อยๆ สมัยเรียนมัธยมปลาย แม้ว่าตอนนี้จะไม่ค่อยได้ร้องเพลงแต่บูมก็ยังจำเพลงนี้ได้ดีเสมอ

บูมเปิดเพลง "ฉันดีใจที่มีเธอ" พร้อมกับเปิดลำโพงไปด้วย ตอนที่อยู่เมืองนอก บูมเปิดฟังเพลงนี้เสมอๆ เมื่อคิดถึงทิว เพลงนี้นี่แหละที่ช่วยย้ำเตือนให้ความรักและความผูกพันในวันนั้นยังคงอยู่มาจนถึงทุกวันนี้
 
ไม่รู้ว่าตอนนี้ทิวยังไหวอยู่หรือเปล่า บูมกลัวเหลือเกินว่าทิวจะถอดใจไปเสียก่อน บางทีบูมก็รู้สึกกลัวใจของทิวเหมือนกัน แต่ก็นั่นแหละ ถ้าหากทิวจะถอดใจไปจริงๆ บูมก็คงห้ามไม่ได้ การทนเห็นคนรักของตัวเองต้องถูกทำร้ายจนเจ็บปวดอย่างนี้ก็ดูจะเป็นเรื่องที่โหดร้ายสำหรับบูมมากทีเดียว

✢ ✣ ✤ ✥ ✦ ✧ ✩ ✪ ✫ ✬ ✭ ✮ ✯ ✰ ★ ✱ ✲ ✳ ✴ ✵ ✶ ✷

"อ้าวคุณ กลับมาแล้วเหรอ กินข้าวมาหรือยัง คุณมาดูนี่สิ วันนี้ผมพาบีมไปถ่ายรูปคอนโดโครงการใหม่มาด้วย บีมถ่ายรูปสวยเชียวคุณ"

คุณลิขิตทักขึ้นอย่างอารมณ์ดีเมื่อเห็นภรรยาเดินเข้ามาในบ้าน ตั้งแต่บูมไปเรียนเมืองนอก คุณลิขิตก็เริ่มหันมาสนิทกับลูกชายคนโตมากขึ้น ตอนที่บีมอกหักจากแฟนคนก่อนที่คบกันมาหลายปีก็ได้พ่อนี่แหละที่คอยช่วยปลอบใจ พอเห็นผลงานภาพถ่ายของลูกชายคนโตคุณลิขิตก็ดูจะปลื้มอยู่ไม่น้อย

บีมเห็นสีหน้าของแม่แล้วก็ชักใจคอไม่ค่อยดี ถ้าเดาไม่ผิดก็น่าจะต้องมีเรื่องอะไรบางอย่างที่ทำให้แม่มีสีหน้าอย่างนั้น เผลอๆ ก็อาจจะเป็นเรื่องของบูมอีกก็ได้

"ไม่กินไม่เกินอะไรทั้งนั้นแหละค่ะ กินไม่ลง ไปดูลูกชายคนเล็กของคุณสิคะ ทำเรื่องอะไรไว้จนหนูแพรวจะขอถอนหมั้น"

คุณทิพย์นภาพูดพลางกระแทกตัวนั่งลงบนโซฟา ท่าทางกระฟัดกระเฟียดของเธอทำให้สามีและลูกชายคนโตต้องมองหน้ากันด้วยความสงสัย

พอเห็นสามีไม่ได้มีท่าทางตื่นเต้นมากนัก คุณทิพย์นภาก็อดแปลกใจไม่ได้

"อย่าบอกนะว่าคุณกับบีมรู้เรื่องหมดแล้ว"

คุณลิขิตพยักหน้า คุณทิพย์นภาจึงเสียงแหวขึ้นมาทันที

"แล้วทำไมไม่บอกทิพย์ล่ะคะ ไม่ได้อย่างใจเลย"

พอเห็นสามีกับลูกยังทำท่าไม่อนาทรร้อนใจเธอก็จึงต้องค่อยๆ สงบสติอารมณ์ สักพักจึงพูดขึ้นมาอีก

"รู้ไหมวันนี้ทิพย์ไปไหนมา"

"อ๋อ...ไม่ทราบ" คุณลิขิตตอบด้วยท่าทางงงๆ ดูท่าทางแล้วเธอคงจะไปเจอเรื่องที่ไม่สบอารมณ์มาอีกตามเคย

"ทิพย์ไปบ้าน..." คุณทิพย์นภารู้สึกตะขิดตะขวงใจเพราะไม่อยากเอ่ยชื่อนี้เลย

"เพื่อนของบูมที่ชื่อทิวมาค่ะ คุณรู้ไหมว่าลูกชายของเราน่ะ...กลับไปหาไอ้เกย์นั่นอีกแล้ว นี่ไงคะ สาเหตุที่หนูแพรวเขาถึงได้มาขอถอนหมั้น มันน่าอายไหมล่ะคะ"

"จริงเหรอคุณ" คุณลิขิตถามด้วยอาการตกใจ

"ค่ะ" แล้วคุณทิพย์นภาก็หันไปเล่นงานลูกชายคนโตอีกคน

"บีมก็รู้เรื่องนี้ใช่ไหม"

บีมกลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็น มองหน้าพ่อกับแม่แล้วก็พยักหน้าตอบรับ

"แล้วทำไมไม่บอกพ่อกับแม่ เออนะ พี่น้องสองคนนี้มันช่างรักกันดีจริงๆ มีเรื่องร้ายแรงใหญ่โตแบบนี้แล้วยังจะมาปิดพ่อกับแม่อีก ช่วยกันเข้าไป"

"คุณทิพย์ บางทีบูมกับเพื่อนเขาอาจจะไม่ได้คบกันอย่างที่เราคิดก็ได้นะคุณ คุณอย่าเพิ่งคิดมากสิ"

คุณลิขิตพยายามมองโลกในแง่ดี หลังๆ มานี้ก็รู้สึกว่าภรรยาของตัวเองชักจะขี้โมโหมากเกินไปจนเริ่มรับไม่ไหวเหมือนกัน คุณลิขิตเป็นคนเฉียบขาดก็จริงแต่ก็ไม่ดุพร่ำเพรื่อเหมือนภรรยา

"อ๋อเหรอคะ" คุณทิพย์นภาทำเสียงประชดประชัน

"รู้งี้ฉันพาคุณไปด้วยซะก็ดี จะได้ไปฟังว่าบูมมันพูดว่ายังไงบ้าง ลูกชายคุณเขาบอกฉันว่าเขารักไอ้เกย์นั่น ได้ยินไหมคะ ตอนแรกก็นึกว่าฟังไม่ชัด แต่บูมเขาย้ำนักย้ำหนาว่าเขารักของเค้า บอกให้กลับบ้านยังไงก็ยังไม่ยอมกลับ"

คุณลิขิตกับบีมมองหน้ากันอีกครั้ง คราวนี้ดูเหมือนพ่อจะอารมณ์ไม่ค่อยดีไปอีกคนเสียแล้ว บีมได้แต่สงสารน้องชายกับทิวในใจ แต่ตอนนี้บีมคงพูดอะไรมากไม่ได้เพราะแม่กำลังเดือดดาล เดี๋ยวจะกลายเป็นเอาน้ำมันไปราดบนกองไฟ ดูไปดูมา ท่าทางมรสุมลูกนี้ที่เริ่มก่อตัวขึ้นจะน่ากลัวไม่ใช่เล่น

"ทิพย์จะไปอาบน้ำละ"

ว่าแล้วคุณทิพย์นภาก็คว้ากระเป๋าถือของตัวเองเดินขึ้นไปบนบ้านอย่างกระฟัดกระเฟียด คุณลิขิตเองก็ดูจะเครียดด้วยไม่น้อยเช่นเดียวกัน ส่วนบีมได้แต่ลอบถอนหายใจอย่างเหนื่อยใจ ช่วงนี้บูมกับทิวคงต้องอดทนกันมากทีเดียว บีมก็ได้แต่หวังว่าน้องชายและคนที่น้องชายรักจะไม่ขาดสติจนไม่อาจจะทนอารมณ์ของพ่อกับแม่ไปได้เสียก่อน ไม่งั้นแล้วบูมก็คงจะต้องกลับมาอยู่ในสภาพเดิมให้พ่อกับแม่กะเกณฑ์ชีวิตอีกต่อไป

✢ ✣ ✤ ✥ ✦ ✧ ✩ ✪ ✫ ✬ ✭ ✮ ✯ ✰ ★ ✱ ✲ ✳ ✴ ✵ ✶ ✷

ผ่านไปเกือบสองชั่วโมง ในที่สุดทิวก็ยอมเปิดประตูออกมาหาบูม บูมมานั่งรออยู่หน้าห้องไม่ไปไหนอย่างนี้ ทิวจะไม่เปิดมาดูเสียหน่อยก็คงจะใจดำเกินไป พอทิวเปิดประตูออกมาแล้วบูมก็ลุกขึ้นยืนและยิ้มดีใจ

"คนดีของบูม"

พูดแล้วก็กอดทิวไว้เสียแน่น ไม่รู้ว่าบูมไปหัดพูดคำนี้มาจากไหน แต่มันก็ทำให้ทิวถึงกับน้ำตารื้นเลยทีเดียวหลังจากที่หยุดร้องให้ไปแล้วพักใหญ่ อ้อมกอดของบูมยังคงอบอุ่นเหมือนเช่นเคย นั่นเป็นเพราะบูมรักทิวมาก บูมไม่ได้กอดทิวด้วยอ้อมแขนเท่านั้น หัวใจของบูมก็กอดทิวไว้ด้วย มันถึงได้อบอุ่นมากขนาดนี้ นี่คืออ้อมกอดที่ทำให้ทิวต้องยอมแพ้และไม่สามารถขัดขืนอะไรได้เลย

"ทิวไหวไหม ยังพอไหวหรือเปล่า"

ทิวยังไม่ตอบคำถามนั้น ได้แต่กอดบูมไว้ บูมคงสงสัยที่ทิวเงียบไปนานจึงค่อยๆ ปล่อยอ้อมแขนออกแล้วถามทิวอีกครั้ง

"นายยังไหวอยู่นะทิว ไหวอยู่ใช่ไหม"

ทิวทำสีหน้าหนักใจ พอเห็นอารมณ์ที่แสนเกรี้ยวกราดของแม่ของบูมแล้วทิวก็ไม่รู้ว่าจะทนได้นานแค่ไหนกับสถานการณ์เช่นนี้ ดูจากท่าทางของเธอแล้วแม่ของบูมคงไม่หยุดอยู่แค่นี้อย่างแน่นอน แล้วสิ่งที่จะทำให้ทิวทนไม่ได้คงไม่ใช่เพราะความกดดันหรือถูกต่อว่าอย่างเดียว แต่เป็นเพราะทิวกลัวว่าตัวเองจะทำให้บูมต้องเสียอนาคตต่างหาก สิ่งที่แม่บูมพูดมานั้นเป็นความจริงที่ทิวไม่สามารถปฏิเสธได้เลย ทิวไม่อยากเป็นคนเห็นแก่ตัวที่ดึงบูมให้มาจมปลักอยู่กับคนที่ไม่มีอะไรอย่างทิว บูมควรจะมีชีวิตที่ดีกว่านี้เหมือนผู้ชายทั่วๆ ไป

"ถ้าเกิด...เราไม่ไหวขึ้นมาล่ะบูม บูมจะทำยังไง" ทิวไม่รู้ว่ามันเป็นคำถามที่ควรจะถามหรือเปล่าแต่ก็ถามไปแล้ว ดูเหมือนว่าบูมก็คงอึ้งไปเหมือนกัน

"ทิว...ถ้านายไม่ไหวจริงๆ...เราก็เข้าใจนะ เราไม่บังคับนายหรอก เราก็แค่จะกลับไปใช้ชีวิตที่..."

บูมไม่ได้พูดต่อแต่ทิวก็คงรู้ดีว่าบูมหมายถึงอะไร สีหน้าของบูมดูเศร้ามากทีเดียวเมื่อพูดมาถึงตรงนี้ พอรู้ตัวว่าสิ่งที่พูดทำให้คนฟังเสียกำลังใจมากแค่ไหนทิวก็รู้สึกผิด

"เราขอโทษบูม...เราขอโทษ เราจะไม่พูดแบบนี้อีก เราสัญญา เราจะอดทนให้ถึงที่สุด เราจะไม่ยอมแพ้ง่ายๆ อย่างนี้อีกแล้ว เจ็บแค่ไหนเราก็จะทนเพื่อความรักของเรานะบูม"

ทิวรู้สึกละอายใจเหลือเกินที่อยู่ดีๆ ก็คิดจะยอมแพ้ง่ายๆ ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้เคยสัญญาว่าจะไม่ยอมแพ้ มาถึงวันนี้แล้วจะกลัวอะไรอีก เป็นไงก็คงเป็นกัน อย่ามัวแต่อ่อนแออยู่เลยทิว โลกนี้ไม่ได้สวยงามเสมอไป บางทีเราก็ต้องรู้จักเอาตัวรอดและเห็นแก่ตัวบ้าง

บูมกอดทิวไว้อีกครั้ง ไม่โกรธทิวหรอกที่พูดอย่างนั้น อารมณ์ของทิวตอนนี้คงกระเจิดกระเจิงจนเสียศูนย์เมื่อเจอฤทธิ์เดชของแม่เข้าไป คงไม่ได้คิดที่จะปล่อยมือและทิ้งบูมไปจริงๆ หรอก บูมเองก็แทบจะบ้าไปหลายครั้งเหมือนกันเวลาถูกแม่กดดันมากๆ เข้า

"ขอบคุณนะทิว ขอบคุณที่ไม่ทิ้งเราไป เราจะทำให้เรื่องนี้จบให้เร็วที่สุด นายจะได้ไม่ต้องเจ็บปวดนานเกินไป เราไม่อยากเห็นนายเจ็บอย่างนี้อีกเลย"

ทิวค่อยๆ ผละตัวออกมา ยิ้มทั้งน้ำตา ในยามที่เศร้าๆ อย่างนี้ รอยยิ้มแม้เพียงเล็กน้อยก็ดูมีความหมายมากทีเดียว อย่างน้อยก็ทำให้รู้ว่าโลกนี้ยังมีหวัง เมื่อใดที่เรายิ้มโลกก็ยังคงสวยงามอยู่เสมอ แม้จะต้องอยู่ท่ามกลางชีวิตที่แสนยากลำบากเพียงใดก็ตาม

✢ ✣ ✤ ✥ ✦ ✧ ✩ ✪ ✫ ✬ ✭ ✮ ✯ ✰ ★ ✱ ✲ ✳ ✴ ✵ ✶ ✷

"ต้อง"

เมื่อลงจากมอเตอร์ไซค์แล้ว ทิวก็พบว่าต้องมารออยู่หน้าบ้าน ท่าทางต้องดูแปลกๆ ตาแดงก่ำ ชายเสื้อผ้าหลุดลุ่ย ทิวจ่ายเงินแล้วก็เดินเข้าไปหา แต่ก็ต้องผงะเล็กน้อยเมื่อได้กลิ่นเหล้าหึ่งจากตัวต้องที่โชยมาตั้งแต่ยังไม่ทันเดินไปถึงตัว

"นี่มึงกินเหล้ามาเหรอ เมาแต่หัววันเลยนะมึง" ทิวถามพลางทำจมูกฟุดฟิดๆ

"กูขอคุยกับมึงหน่อยได้ไหม" ต้องบอกด้วยเสียงอ้อแอ้ สีหน้าดูเครียดๆ เหมือนมีเรื่องไม่สบายใจบางอย่าง

ทิวพยักหน้า เดินไปไขกุญแจบ้านแล้วก็พาต้องเดินเข้าไปข้างใน

"ไหวไหมเนี่ย ทำไมมึงต้องเมาขนาดนี้ด้วยวะ ให้กูช่วยพยุงไหม" ทิวถามพลางทำท่าจะเข้าไปช่วยพยุง ต้องรีบยกมือห้ามไว้ทันที

"ไม่ต้องหรอก กูเดินเองได้"

"ตามใจเว้ย"

ทิวบอกแล้วก็เดินไปต่อ แต่ก็ยังคอยมองดูต้องที่เดินเซไปมาด้วยความเป็นห่วง วันนี้บูมไม่ได้มาส่งเพราะว่าช่วงนี้ต้องกลับบ้านเพื่อลดความตึงเครียดในครอบครัวลง นึกถึงแล้วทิวก็ชักเป็นห่วงอยู่เหมือนกัน ไม่รู้ว่าบูมจะโดนอะไรบ้างในตอนนี้

พอเข้ามาในบ้านแล้วทิวก็พาต้องไปนั่งที่โซฟารับแขก สีหน้าของต้องยังคงเครียดอยู่เช่นเดิมจนทำให้ทิวรู้สึกอึดอัด

"มีอะไรหรือเปล่าวะต้อง ไม่สบายใจอะไรหรือเปล่า บอกกูได้นะเว้ย"

ทิวถามพลางเอามือแตะไหล่ต้องเบาๆ ยังไงต้องก็เป็นเพื่อนที่ดีที่สุด ถ้าต้องมีปัญหาทิวก็พร้อมที่จะช่วยเสมอ

"มีสิ...เกี่ยวกับมึงด้วย" ต้องตอบโดยไม่หันมามองหน้า

ทิวปล่อยมือออกจากไหล่ต้อง นึกสังหรณ์ใจว่าต้องคงจะเครียดเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดในวันนั้นแน่ๆ

"กูสมเพชมึงว่ะไอ้ทิว...มึงเห็นไหมว่า...ไอ้บูมมันช่วยอะไรมึงได้บ้าง วันนั้นมันก็ปล่อยให้มึงถูกแม่มันด่ายังกับไม่ใช่คน มึงรู้ไหมว่ากูเจ็บแค่ไหนที่เห็นมึงถูกแม่มันด่ามึงแบบนั้น มึงรู้ไหมทิวว่ากูเจ็บแค่ไหน มึงรู้ไหมว่ากูเสียใจแค่ไหน"

เสียงต้องดังขึ้นเรื่อยๆ ในตอนท้าย ดูเหมือนต้องจะเจ็บแค้นกับเหตุการณ์นั้นมากทีเดียว ทิวได้แต่มองหน้าเพื่อนโดยไม่พูดอะไร ปราศจากความคิดที่จะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย รู้สึกอึดอัดทุกครั้งที่ต้องคุยกับทิวเรื่องบูม ดูเหมือนต้องจะไม่ชอบบูมเอาเสียเลย

"ทำไมมึงต้องรักมันวะไอ้ทิว มึงเห็นไหมว่ามันเป็นไปไม่ได้ ครอบครัวมันไม่มีทางยอมหรอก ตัวมันเองก็ยังจะเอาตัวไม่รอด แล้วมันจะช่วยมึงได้ยังไง มึงก็ต้องเจ็บอยู่แบบนี้ สุดท้ายก็จะเสียเวลาเปล่า มึงเชื่อกูสิ ยังไงไอ้บูมมันก็ต้องเชื่อพ่อกับแม่มัน มึงคิดว่ามันจะยอมทิ้งครอบครัวมันมาอยู่ลำบากๆ กับมึงเหรอไอ้ทิว"

ดูเหมือนต้องจะเริ่มควบคุมตัวเองไม่ได้ บวกกับความเมาก็ยิ่งทำให้อารมณ์แปรปรวนมากขึ้น

"ไอ้ต้อง...อย่าพูดเรื่องนี้เลย กูว่ามึงเมาแล้วล่ะ" ทิวพยายามจะตัดบท แต่ต้องกลับตวาดถามเสียงดังกลับมา

"ทำไมมึงต้องรักมันล่ะทิว ทำไมมึงต้องอดทนขนาดนั้น ทำไม...ทำไมมึงต้องรักมันด้วย มึงรู้ไหมว่าถ้าเป็นกู กูจะไม่ให้ใครมาทำร้ายมึงแบบนี้เลย"

ดูท่าทางต้องคงจะเอาไม่อยู่จริงๆ ด้วย ทิวจึงเงียบและไม่ต่อล้อต่อเถียงใดๆ

"บอกกูมาสิทิว ทำไมมึงต้องรักมัน ทำไมมึงรักกูไม่ได้ ทำไมล่ะทิว" ต้องถามพลางจับไหล่ทิวเขย่า

"หรือว่ามึงชอบบทรักของมัน มึงรู้ไหมว่ากูก็ทำได้ไม่แพ้มันหรอก มึงจะลองดูไหมล่ะทิว"

"ไอ้ต้อง" ทิวเริ่มเสียงดังบ้าง

"กูว่ามึงเมามากแล้วนะเว้ย ชักจะเลอะเทอะไปกันใหญ่แล้ว ปล่อยกูเลยนะมึง กูเจ็บนะเว้ย" ทิวร้องบอกด้วยความไม่พอใจเมื่อต้องชักจะล้ำเส้นไปกันใหญ่

"กูไม่ปล่อย กูไม่มีทางปล่อยมึงให้ไปรักกับไอ้คนขี้ขลาดตาขาวอย่างนั้นหรอก"

ต้องพูดพลางเขย่าตัวทิวแรงขึ้น แล้วก็ผลักทิวให้นอนลงบนโซฟา

"ไอ้ต้อง...มึงจะทำอะไรกู อย่านะเว้ย มึงอย่าทำบ้าๆ แบบนี้นะไอ้ต้อง กูเตือนมึงแล้วนะเว้ย"

ทิวขู่ แต่ต้องคงหน้ามืดแล้ว คงไม่ฟังอะไรทั้งนั้นในตอนนี้ ความเมาทำให้ต้องขาดสติสัมปชัญญะเสียสิ้น

"มึงจะต้องเป็นของกู ไอ้ทิว กูจะไม่ให้ไอ้ขี้ขลาดนั่นมาดูแลมึงอีกแล้ว!"

TBC

ขอรณรงค์ให้คนอ่านสละเวลา 1 วินาทีบวกเป็ดเป็นกำลังใจให้ 'นักเขียนทุกคน' ทุกเรื่อง ทุกตอนนะครับ สร้างสรรค์ชุมชนแห่งการแลกเปลี่ยนแบ่งปัน
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-09-2015 07:39:21 โดย sarawatta »

ออฟไลน์ naiin

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2421
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +141/-9
                                          กรรมบังตาสมองมืดบอดเพราะความเมาอนิจจาเพื่อนที่เคยรัก

vi2212

  • บุคคลทั่วไป
ต้อง....ไม่นร้าาา  :a5:

yayee2

  • บุคคลทั่วไป
แล้วต้องจะให้บูมทำยังไง เราว่าบูมที่เป็นกลางนั่นแหละทั้งน่าสงสาร และน่าเห็นใจ
คนนีัก็แม่ คนนั้นก็คนที่เรารัก จะให้บูมหักด้ามพร้าด้วยเข่าได้อย่างไร
ทั้งทิวทั้งบูมคงต้องเข้มแข็งให้มาก และต้องจับมือกันฝ่าฟันอุปสรรคตรงนี้ไปให้ได้
ทำให้แม่เห็นถึงความรักอันบริสุทธิ์จริงจังมั่นคงให้ได้

Mc_ma

  • บุคคลทั่วไป
นึกว่าต้องจะตัดใจไปแล้วซะอีก แค่ลำพังปัญหาของบูมกับทิวก็มากพออยู่แล้ว ต้องยังพยายามจะทำให้มีปัญหาเพิ่มขึ้นไปอีก
ต้องจ๋าาา....อย่าทำอะไรทิวเลย ได้ตัวไม่ได้ใจมันก็เท่านั้น มีแต่จะเจ็บปวดมากขึ้นเปล่าๆ แถมจะเสียเพื่อนที่รักกันมานานไปอีก
เสียดายมิตรภาพดีๆระหว่างเพื่อนอ่ะ

อยากให้แม่บูมเข้าใจบูมบ้างจัง แต่คงเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้ เฮ้ออออ.... นึกแล้วปวดใจ...แทนบูมจริงๆ
เป็นกำลังใจให้บูมยังคงเข้มแข็งแบบวันนี้ แม้จะปกป้องทิวไม่ได้มาก แต่บูมก็พยายามและทำได้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้แล้ว

สำหรับตอนนี้ ชอบหลายประโยคเลยค่ะ เช่น
"แม่รักบูมอย่างที่บูมเป็นได้ไหมครับ มันคือตัวตนของผม ยังไงผมก็เปลี่ยนไม่ได้"
เป็นประโยคในดวงใจเลย ชอบมากกก..บูมต้องพูดประโยคนี้แหละ o13
อีกอันก็ "คนดีของบูม"  :o8: :-[ให้ความรู้สึกอบอุ่นและรู้สึกได้เลยว่าบูมรักทิวมากแค่ไหน ใช่เลย คำนี้ ชอบอีกแล้วว หุหุ 

ตอนต่อไปจะหนักหน่วงแค่ไหน จัดมาค่ะ รอติดตาม
เข้ามาก็เจอว่าลงตอนใหม่แล้ว อยากบอกคนแต่งว่า ดีใจมากกกก...
 :L2: :L2: ขอบคุณค่ะ เป็นกำลังใจให้เหมือนเดิมนะคะ  :กอด1: :กอด1:
+1 และ +เป็ดค่ะ



ออฟไลน์ z-Time

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 295
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
วาย วอดวายกันแน่ คุณแม่ออกโรง พร้อมกลับ เพื่อนต้อง

งานนี้ บูม-ทิว  คงจะแย่แน่  แถมยังจะมีคุณพ่อมาแจมด้วย

แล้วคู่นี้จะฝ่าด่านอรหันต์ได้มั้ยล่ะเนี่ย  คุณเพื่อนต้องก็นะแทนที่จะช่วย

จะมาทำให้วุ่นขึ้นอีก  :เฮ้อ:

icyblue

  • บุคคลทั่วไป
มาม่า มาแล้ว

แม่มาบงการชีวิตอีกแล้ว   

ทิวอดทนไว้นะ  ยังงัยบูมต้องจัดการได้อยู่แล้ว  แต่คงจะเยอะศึกหลายด้าน :เฮ้อ:

ออฟไลน์ sarawatta

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 714
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +300/-10
♥♥♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (Re-written Version)
CHAPTER 30 ✦ มือที่มองไม่เห็น



ต้องจับกดข้อมือทิวไว้บนเบาะโซฟาในลักษณะขึงพืด จากนั้นก็โน้มตัวลงมาไซร้ซอกคอของทิว ถึงทิวจะเป็นเกย์แต่ก็ไม่ใช่คนตัวเล็กๆ ที่ต้องจะเอาชนะแรงได้ง่ายๆ เมื่อก่อนทิวชอบเล่นเตะฟุตบอลจึงทำให้มีกล้ามเนื้อที่แข็งแรง บวกกับขนาดตัวที่สูสีกับต้องจึงไม่ใช่เรื่องง่ายที่ต้องจะขืนใจทิวได้ง่ายๆ

"ไอ้ต้อง กูบอกให้มึงหยุด ได้ยินไหมไอ้ต้อง มึงหยุดเดี๋ยวนี้นะเว้ย มึงเป็นบ้าอะไรของมึงวะไอ้ต้อง"

ไม่ว่าทิวจะร้องห้ามอย่างไรก็ไม่เป็นผล ต้องยังคงพยายามใช้กำลังขืนใจทิวอย่างไม่ลดละและไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่ากำลังทำสิ่งที่ไม่ควรทำอยู่

"อยู่นิ่งๆ สิวะ มึงจะดิ้นอะไรนักหนา เดี๋ยวมึงก็รู้ว่ากูกับไอ้บูมใครมันจะแน่กว่ากัน"

ต้องคุมสติไม่อยู่แล้ว เมื่อเห็นทิวดิ้นไม่หยุดก็เลยต้องคิดหาวิธีที่จะทำให้ทิวหยุดดิ้นให้ได้ ไม่รู้ผีห่าซาตานที่ไหนเข้าสิง ต้องตัดสินใจทำในสิ่งที่ทำให้ตัวเองก็ต้องรู้สึกผิดไปตลอดชีวิต ต้องหันมาใช้มือบีบคอทิว ไม่ได้กะจะให้ทิวตายหรอก แค่จะให้หยุดดิ้นเท่านั้นเพราะทิวแรงเยอะ ถ้าไม่ทำแบบนี้สุดท้ายต้องก็คงจะสู้ไม่ไหว

"ไอ้ต้องมึง แค่กๆๆๆ"

ทิวพูดไม่ออกเพราะต้องบีบคอทิวแน่น ทิวพยายามแกะมือของต้องออกจากคอเพื่อเอาชีวิตรอด เมื่อเห็นว่าไม่เป็นผลบวกกับสัญชาติรักตัวกลัวตาย ทิวจึงรวบรวมกำลังทั้งหมดที่มีตัดสินใจใช้มือผลักหน้าอกต้องสุดแรงจนต้องกระเด็นไปด้านตรงข้าม ข้าวของบนโต๊ะหล่นกระจัดกระจาย เก้าอี้ล้มระเนระนาดไปคนละทิศละทาง

แล้วทุกอย่างก็เงียบไปสักพัก...

ต้องดูเหมือนจะหายเมาเป็นปลิดทิ้งเมื่อรู้เพิ่งทำอะไรลงไป

"ไอ้ต้อง...มึงเป็นบ้าอะไรของมึง มึงจะฆ่ากูหรือไง เสียแรง...ที่กูกับมึงอุตส่าห์เป็นเพื่อนกันมาเป็น 20 ปี ทำไมมึงทำแบบนี้วะไอ้ต้อง"

ทิวพูดไปร้องไห้ไป นี่คงจะเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่หนักหนาในชีวิตของทิวเมื่อเพื่อนรักที่คบกันมาเกือบยี่สิบปีทำร้ายกันเช่นนี้เพราะความขาดสติ

ต้องได้สติแล้วก็ค่อยๆ ยันกายลุกขึ้นเดินมาหาทิวที่กึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนโซฟาและเอามือลูบคอของตัวเองอยู่

"ทิว...กูขอโทษ กูไม่ได้ตั้งใจ" ต้องบอกด้วยเสียงสั่นเทาและสีหน้าที่บอกว่ารู้สึกผิดอย่างที่สุด

"ไม่ได้ตั้งใจเหรอ ถ้ามึงตั้งใจกูก็คงตายไปแล้วใช่ไหมไอ้ต้อง" ทิวถามเสียงดัง ริปฝีปากสั่นระริก

"ทิว...กูขอโทษ มึงอย่าโกรธกูนะเว้ย ต่อไปกูจะไม่ทำแบบนี้อีกแล้วไอ้ทิว มึงจะให้กูทำอะไรก็ได้ กูขอโทษ"

ต้องบอกพลางร้องไห้เช่นกัน นึกโกรธตัวเองที่เมามายจนขาดสติถึงขนาดนี้ ขาดสติจนเกือบจะฆ่าเพื่อนรักของตัวเองตายคามือไปแล้ว

"ตอนนี้อย่าเพิ่งคุยอะไรกันดีกว่าไอ้ต้อง กูไม่อยากเห็นหน้ามึงตอนนี้"

ทิวพูดแบบนี้ก็หมายความว่าให้ต้องออกไปจากบ้านของทิวก่อนนั่นเอง แม้จะเป็นเพื่อนกันมานาน แม้จะรู้ว่าต้องขาดสติและไม่ได้ตั้งใจ ทิวก็ยังทำใจไม่ได้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่ดี ทางที่ดีให้ต้องกลับบ้านไปก่อนดีกว่า

"มึงกลับไปก่อนได้ไหมไอ้ต้อง" ทิวพูดย้ำอีกครั้งเมื่อเห็นต้องยังคงยืนตะลึงอยู่

ต้องพยายามสบตากับทิวเพื่อจะบอกว่าเสียใจแค่ไหน แต่ต้องก็รู้ว่าทิวคงไม่อยากรับรู้ นี่ต้องทำอะไรลงไป ทำไปได้ยังไง ทิวคงไม่ให้อภัยสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้นแน่ๆ เลย ต้องคงทำลายมิตรภาพที่ยาวนานกว่า 20 ปีลงไปเสียสิ้นแล้ว ไม่ต่างจากคนที่เขียนด้วยมือแล้วลบด้วยเท้า

ต้องเดินคอตกออกจากบ้านทิวไปอย่างช้าๆ ได้แต่ขอโทษทิวในใจซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่จะมีประโยชน์อะไร ต้องทำลงไปด้วยตัวเองทั้งหมด ก็คงต้องก้มหน้ายอมรับชะตากรรมและผลที่จะตามมาหลังจากนี้ ถ้าทิวจะไม่ให้อภัยต้องก็คงไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะร้องขอ

เมื่อต้องกลับไปแล้วทิวก็นั่งชันเข่าร้องไห้อยู่บนโซฟาคนเดียว ดูเหมือนชีวิตจะไม่สามารถหนีหายจากเรื่องราวร้ายๆ ไปได้เลย ทุกอย่างดูเหมือนจะดีขึ้นเมื่อบูมกลับมา แต่อีกด้านหนึ่ง...มันคือการก่อตัวของพายุลูกใหม่ต่างหาก แล้ววันนี้ จู่ๆ พายุอีกลูกก็ก่อตัวขึ้นและโถมเข้าเล่นงานทิวแบบไม่ให้ตั้งตัวและไม่คาดคิดมาก่อน เพื่อนเพียงคนเดียวที่เหลืออยู่ตอนนี้กลับเป็นคนที่ทำร้ายทิวเสียเอง ถึงจะรู้ว่าต้องไม่ได้ตั้งใจ แต่เหตุการณ์เสี่ยงต่อความเป็นความตายเมื่อกี้ก็น่ากลัวเหลือเกิน ต้องไม่น่าทำอย่างนี้เลย

ทิวคิดถึงบูมเหลือเกินในเวลานี้ แต่คงจะบอกเรื่องนี้ให้บูมรู้ไม่ได้ ไม่อยากให้บูมกับต้องผิดใจกัน ไม่อยากจะทำให้เรื่องราวมันวุ่นวายมากขึ้น ที่เป็นอยู่ตอนนี้ก็ชักจะวุ่นวายจนชีวิตจะหาความสงบสุขไม่ได้อยู่แล้ว

✢ ✣ ✤ ✥ ✦ ✧ ✩ ✪ ✫ ✬ ✭ ✮ ✯ ✰ ★ ✱ ✲ ✳ ✴ ✵ ✶ ✷

ดูเหมือนเรื่องร้ายๆ สำหรับทิวยังคงไม่หมดเพียงเท่านี้ วันนี้บูมไม่ได้มาทำงานที่สมาคมเพราะต้องไปช่วยพ่อทำงานที่บริษัท พอดีเอิร์ธว่างก็เลยขับรถมาส่งทิวที่บ้านตอนเลิกงาน แต่ก่อนจะกลับเข้าบ้านทิวก็พาเอิร์ธไปหาอะไรกินที่ตลาดโชคชัยสี่ก่อนเพราะเห็นเอิร์ธบ่นหิวมาตั้งแต่ช่วงบ่ายๆ ดูเหมือนเอิร์ธจะชอบมากทีเดียวเพราะมีของกินให้เลือกหลากหลายจึงกินกันเสียเปรม จุกไปตามๆ กัน

เกือบๆ สองทุ่ม เอิร์ธจึงขับรถมาส่งทิวที่บ้าน พอส่งทิวเสร็จแล้วเอิร์ธก็ต้องวิ่งรถเลยไปอีกหน่อยก็จะเจอแยกในซอยที่พอใช้กลับรถได้ เอิร์ธมองกระจกหลังก็บังเอิญเห็นชายสองยืนอยู่แถวๆ หน้าบ้านของทิว แต่เอิร์ธก็ไม่ได้สนใจนักเพราะคิดว่าคงเป็นคนแถวนี้ พอกลับรถได้แล้วและวิ่งขับผ่านมาทางหน้าบ้านทิวอีกครั้ง เอิร์ธก็เห็นทิวนอนทรุดกองอยู่หน้าบ้าน ด้วยความตกใจจึงรีบจอดรถแล้วลงไปดูทันที

"เฮ้ยทิวเป็นไร ใครทำอะไรอะไรทิวน่ะ"

พอเห็นหน้าตาเนื้อตัวของทิวมีแต่รอยฟกช้ำดำเขียวไปหมดเอิร์ธก็ยิ่งตกใจ

"อะไรเนี่ย เกิดอะไรขึ้น"

"ไม่รู้เหมือนกันน่ะเอิร์ธ เรากำลังไขกุญแจบ้านอยู่ดีๆ ก็มีใครไม่รู้วิ่งเข้ามารุมตีเราใหญ่เลย"

"ไอ้สองคนนั้นแน่ๆ เลย เมื่อกี้เราเห็นแวบๆ ทางกระจกหลัง"

เอิร์ธสันนิษฐาน แต่สองคนนั้นก็ขี่มอเตอร์ไซค์หนีไปเสียแล้ว หน้าก็จำไม่ได้ ไม่รู้จะไปแจ้งตำรวจว่ายังไง

"น่าจะใช่"

ทิวตอบพลางพยายามจะลุกขึ้นแต่ก็ลุกไม่ได้เพราะรู้สึกเจ็บไปหมดทั้งเนื้อทั้งตัว เจ็บหลายจุดจนไม่รู้ว่ามีจุดไหนของร่างกายบ้างที่ถูกตี

"เราว่านายไปหาหมอดีกว่า เดี๋ยวเราพาไป"

เอิร์ธบอกแล้วก็ค่อยๆ ช่วยพยุงทิวขึ้นไปนั่งบนรถ คนถูกตีเจ็บเสียจนแทบจะไม่มีแรงเกาะคนที่มาช่วย พอเข้าไปนั่งในรถได้แล้ว เอิร์ธก็หันมาถามทิวที่นั่งโอดโอยอยู่ข้างหน้าด้วยกัน

"ทิวไปมีเรื่องกับใครมาหรือเปล่า"

ทิวพยายามนึก แต่นึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออกจริงๆ ว่าไปมีเรื่องกับใครตั้งแต่เมื่อไหร่ นอกจาก...แพรว หรือว่า...แม่ของบูม คงไม่ใช่หรอก ทิวไม่ควรจะคิดอกุศลอย่างนั้น สองคนนั้นคงไม่ทำเรื่องอย่างนี้หรอก แล้วใครล่ะ หรืออาจจะเป็นแค่การเข้าใจผิดกันเฉยๆ หรือเปล่า หนี้ก็ส่งไปจนหมดแล้วไม่น่าจะเป็นปัญหาได้อีก

"ไม่มี...เขาอาจจะจำผิดคนก็ได้ เราก็เลยซวยไป" ทิวพยายามคิดในแง่นั้นเมื่อไม่รู้ว่าจะสงสัยใครดี

"อืม...อาจจะเป็นไปได้ เดี๋ยวเราโทรหาบูมก่อนนะ" เอิร์ธว่าแล้วก็ขับรถออกไปพร้อมกับหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาบูมไปด้วย

"บูม...เลิกงานหรือยัง ตอนนี้ผมกำลังจะพาทิวไปโรงพยาบาลนะ"

"ทิวเป็นอะไร ทำไมต้องไปโรงพยาบาล" บูมถามมาด้วยน้ำเสียงตกใจ

"ทิวโดนใครก็ไม่รู้ดักตีเมื่อกี้ ที่หน้าบ้าน พอดีเรามาส่งทิวที่บ้าน แล้วตอนที่เราไปกลับรถ...ไม่ถึงนาทีด้วยซ้ำ คนร้ายมันก็ดักตีทิวจนลงไปนอนทรุดเลย"

"อะไรนะเอิร์ธ แล้วทิวเป็นอะไรมากไหม"

เสียงที่ลอดมาทางโทรศัพท์มือถือดังพอที่ทิวจะได้ยินอยู่เหมือนกัน จึงได้รับรู้ความเป็นห่วงเป็นใยของอีกฝ่ายที่มีให้ตนเอง

"ก็ฟกช้ำดำเขียวไปทั้งตัวเลยแหละ แต่ทิวยังโอเคอยู่นะ ผมว่าแขนทิวน่าจะโดนตีหนักสุดเลย" เอิร์ธรายงานไปตามที่เห็น ก็น่าจะเป็นอย่างนั้นเพราะทิวพยายามใช้แขนป้องกันตัวเองไว้

"โอเคๆ เดี๋ยวผมจะรีบออกไปเดี๋ยวนี้เลย ฝากดูแลทิวหน่อยนะเอิร์ธ"

"ครับๆ ได้ๆ ไม่ต้องห่วงหรอก รีบตามมาละกันนะครับบูม"

เอิร์ธพูดจบแล้วก็วางสายไป พอเก็บโทรศัพท์เข้าที่เรียบร้อยก็หันมาคุยกับทิวต่อ

"ทิวโชคดีนะ รู้ไหมว่าบูมเขาเป็นห่วงแล้วก็รักทิวมาก"

ทิวหันไปมองเอิร์ธแต่ไม่ได้พูดอะไร เอิร์ธคงพอสังเกตเห็นความอยากรู้ในแววตาของทิวจึงพูดสืบไปว่า

"รู้ไหมว่าบูมเขากลัวพวกเราเข้าใจทิวผิด ก็เลยนัดพวกเราไปคุยด้วย ลีน่ากับแอนเดอร์สันก็ไปด้วยนะ คุยกันอยู่นานเลยแหละ บูมเขาย้ำตลอดเลยนะว่าทิวไม่ใช่มือที่สาม เพราะว่าบูมรักทิวมาตั้งนานแล้ว ก่อนที่จะมาเจอแพรวเสียอีก แต่ก็ถูกพ่อแม่คลุมถุงชน ไม่น่าเชื่อนะว่าสมัยนี้ยังมีเรื่องแบบนี้อยู่อีก"

เอิร์ธพูดติดตลกในตอนท้ายๆ

"แล้วพวกนาย...ไม่รังเกียจ...คนที่เป็นแบบเราเหรอ"

ทิวถามอย่างกล้าๆ กลัวๆ พูดถึงเรื่องนี้แล้วก็ถึงคำด่าของแม่ของบูมที่แสนจะน่าสยดสยองนั้น

"ไม่หรอก...พวกนายก็เป็นคนดี ทำประโยชน์ให้สังคมได้เหมือนๆ กันนี่หว่า เราควรจะรังเกียจพวกคนที่สร้างปัญหาให้สังคมไม่ดีกว่าเหรอ อย่างพวกดาราที่ชอบมีข่าวฉาวๆ พวกนักการเมืองที่โกงบ้านกินเมือง หรืออะไรพวกนี้ เราว่าคนพวกนี้ต่างหากที่พวกเราสมควรจะรังเกียจ ไม่ใช่มารังเกียจพวกนาย จริงไหม" เอิร์ธย้อนถาม

ทิวพยักหน้าพลางยิ้มน้อยๆ แล้วก็ร้องโอ๊ยเพราะเจ็บปาก เอิร์ธเห็นแล้วก็อดขำนิดๆ ไม่ได้แม้ว่าจะรู้สึกสงสารมากก็ตาม

✢ ✣ ✤ ✥ ✦ ✧ ✩ ✪ ✫ ✬ ✭ ✮ ✯ ✰ ★ ✱ ✲ ✳ ✴ ✵ ✶ ✷

เกือบสามทุ่มบูมก็มาถึงโรงพยาบาล น้ำตาแทบจะร่วงเลยทีเดียวเมื่อเห็นสภาพคนรักมีรอยฟกช้ำดำเขียวตามเนื้อตัวและใบหน้าหลายจุด ไม่รู้ว่าไอ้คนพวกนั้นมันโกรธแค้นอะไรทิวนักหนาถึงจะต้องทำกันเจ็บถึงขนาดนี้

"ใครทำอะไรนายน่ะทิว"

บูมถามพลางย่อตัวลงนั่งข้างๆ บนเตียงของทิว สายตาคอยมองสำรวจร่างกายของทิวด้วยความเป็นห่วงเป็นใย ทิวต้องเข้าเฝือกแขนข้างหนึ่งเพราะค่อนข้างบวมและเจ็บกว่าอีกข้าง

"ไม่รู้เหมือนกัน สงสัยเขาคงจะจำคนผิดมั้ง เราไม่เคยไปมีเรื่องกับใครเลย ถือซะว่าฟาดเคราะห์ไปละกัน"

ทิวบอกด้วยเสียงที่ฟังดูอู้อี้เพราะปากเริ่มบวมเจ่อ

ก็อาจจะเป็นอย่างนั้น ตั้งแต่บูมรู้จักทิวมาก็ไม่เคยเห็นทิวทำตัวเกเรเป็นนักเลงเลย ไม่น่าจะมีเรื่องกับใครจนต้องถูกดักตีอย่างนี้ จะว่าเป็นเจ้าหนี้คนนั้นก็ไม่น่าใช่เพราะบูมก็ช่วยจ่ายเงินส่วนที่เหลือไปหมดแล้ว

"ขอบคุณมากนะเอิร์ธที่ช่วยพาทิวมาโรงพยาบาล"

บูมหันไปบอกเอิร์ธที่ยืนอยู่ข้างหลังเมื่อนึกขึ้นได้ มัวแต่ห่วงทิวเสียจนลืมดูว่ามีใครอยู่บ้าง

"ไม่เป็นไร อ้อ เดี๋ยววิท ลีน่าแล้วก็แอนเดอร์สันจะมาด้วยนะ ใกล้ถึงละ" เอิร์ธบอก

บูมพยักหน้ารับรู้แล้วก็หันมาดูทิวต่อ

"บูมกินอะไรมาหรือยัง" ทิวถามด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง

"ไม่เป็นไร ไม่ต้องห่วงเราหรอก นายห่วงตัวเองเถอะ แล้วหมอจะให้ออกจากโรงพยาบาลเมื่อไร"

"รอดูอีกวันสองวัน ถ้าไม่มีอะไรก็น่าจะกลับไปพักที่บ้านได้"

ดูจากสภาพแล้วคนร้ายคงแค่ต้องการสั่งสอนขั้นต้นเท่านั้น ทิวจึงไม่ถึงกับเจ็บหนักมาก แต่ก็เจ็บตัวไปพอสมควร

"นายพักให้เต็มที่นะ ไม่ต้องห่วงงานหรอก ห่วงตัวเองก่อน เราพอจะหาคนมาช่วยทำชั่วคราวได้"

เหมือนบูมจะนึกอะไรได้ก็เลยถามต่อไปว่า "แล้วพวกนั้นมันจะกลับมาทำร้ายนายอีกหรือเปล่าล่ะทิว นายไปอยู่ที่อื่นชั่วคราวก่อนไหม"

"ก็ดีเหมือนกันนะทิว อย่าเพิ่งวางใจไป ผมมีคอนโดอยู่แถวๆ รัชดา ทิวจะไปพักก็ได้นะ ตอนนี้ผมยังไม่ใช้" เอิร์ธเห็นดีด้วย

จะว่าไปแล้วเพื่อนร่วมงานของทิวแต่ละคนก็ล้วนแต่เป็นคนจิตใจดีกันทั้งนั้นเลย โชคดีจริงๆ ที่ทิวได้มาเจอคนดีๆ อย่างนี้

ยังไม่ทันจะได้ตอบ วิท ลีน่าและแอนเดอร์สันก็เปิดประตูเข้ามาในห้อง พอทุกคนเห็นสภาพของทิวแล้วต่างก็ตกใจกันใหญ่

"เป็นไงบ้างทิว" วิทถามก่อนใครเพื่อน

"Are you okay, Tiew?" แอนเดอร์สันเดินเข้ามาถามด้วยอีกคน

"I'm ok--still alive." ทิวตอบติดตลกว่ายังมีชีวิตอยู่ ไม่ถึงกับตาย

"What happened?  Did they mistake you for someone else?"

ลีน่าถามว่าเกิดอะไรขึ้น พวกนั้นเข้าใจว่าทิวเป็นอีกคนหรือเปล่า ข้อมูลเบื้องต้นเหล่านี้ก็มาจากที่เอิร์ธบอกนั่นแหละ

"I really have no idea but I just guess so."

ทิวตอบพลางพยายามยิ้มเท่าที่พอจะยิ้มได้ เห็นเพื่อนร่วมงานหลายคนเป็นห่วงและอุตส่าห์มาเยี่ยมถึงโรงพยาบาลก็อดตื้นตันใจไม่ได้ ตั้งแต่ออกจากมหาวิทยาลัยมาแล้วทิวก็แทบไม่เคยได้เจอบรรยากาศที่มีเพื่อนๆ หลายคนแบบนี้อีกเลย

"Oh, that's too bad.  I hope you get well soon, friend." แอนเดอร์สันอวยพรให้ทิวหายไวๆ

"Thank you."

ทิวกล่าวขอบคุณด้วยความซาบซึ้งใจ น้ำตาพาลจะไหลให้ได้ที่รู้ว่ามีเพื่อนร่วมงานที่ดีขนาดนี้ ที่ผ่านมาทิวคิดกังวลเสมอว่าเพื่อนร่วมงานคงไม่ค่อยชอบทิวเพราะคิดว่าทิวเป็นมือที่สามระหว่างบูมกับแพรว แต่พอบูมอธิบายให้เข้าใจแล้ว การปฏิบัติตัวของเพื่อนๆ เหล่านี้ต่อทิวก็เปลี่ยนไปในทางที่ดีจนทิวคาดไม่ถึง

"ขี้แยอีกแล้วนะ"

บูมพูดพลางเอามือไปขยี้หัวทิวเล่นด้วยความเอ็นดู ทิวร้องโอ๊ยเพราะหัวของทิวก็โนจากการถูกไม้ตีด้วย

"ขอโทษๆ เราลืมไป"

บูมรีบร้องบอกอย่างตกใจและหน้าเสียที่ทำให้ทิวต้องเจ็บ

"ไม่เป็นไร...ไม่เจ็บมากหรอก"

ทิวบอกพลางยิ้มและขำเล็กน้อย คนอื่นๆ ก็พลอยขำตามไปด้วย ไม่น่าเชื่อว่าเวลาผู้ชายกับผู้ชายอยู่ด้วยกันจะมีภาพน่ารักๆ แบบนี้ให้เห็นได้ด้วย ทิวกับบูมช่วยทำให้เพื่อนร่วมงานได้เปิดโลกทัศน์และเห็นความจริงที่คนทั่วไปไม่ได้เห็นในความรักระหว่างชายกับชายมากขึ้น น่าเสียดายที่เรามักมีอคติจนลืมมองเห็นความสวยงามของสิ่งที่เป็นอยู่ ในจำนวนนั้นก็มีบางคนในครอบครัวของบูมรวมอยู่ด้วย

✢ ✣ ✤ ✥ ✦ ✧ ✩ ✪ ✫ ✬ ✭ ✮ ✯ ✰ ★ ✱ ✲ ✳ ✴ ✵ ✶ ✷

บูมกับเอิร์ธช่วยกันเก็บข้าวของที่ขนมาจากบ้านทิวบางส่วนเข้าที่ ส่วนทิวก็ได้แต่นั่งมองอยู่บนเตียงเพราะตัวเองยังเจ็บอยู่ ช่วยอะไรไม่ได้ หลังจากออกจากโรงพยาบาลแล้วบูมก็ให้ทิวมาพักอยู่ที่คอนโดของเอิร์ธชั่วคราวก่อนเพราะยังไม่ไว้ใจในความปลอดภัยของทิว ตอนแรกทิวจะไม่ยอมแต่บูมกับเอิร์ธก็ขอร้องจนทิวต้องมา

"หมดแล้วนะ" เอิร์ธหันมาถามยืนยันกับทิวหลังจากที่เก็บของเข้าที่เรียบร้อยแล้ว

ทิวพยักหน้าพลางยิ้ม "ขอบใจเอิร์ธมากนะครับ"

"ไม่เป็นไร เดี๋ยวเราขอตัวกลับก่อนละกันนะ พอดีต้องไปธุระกับแม่"

"อ้าว...ไม่อยู่กินข้าวเที่ยงด้วยกันก่อนเหรอ ผมซื้อมาเยอะแยะเลย" บูมร้องถาม

"เอาไว้คราวหน้าละกันครับ ผมติดจริงๆ วันนี้ นี่ไงแม่โทรมาตามละ"

เอิร์ธบอกพลางหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาจากกระเป๋ากางเกง กดรับแล้วก็เดินออกไปพร้อมกับโบกมือให้เป็นสัญญาณว่าต้องไปแล้ว โชคดีเหมือนกันที่ทิวออกจากโรงพยาบาลตรงกับวันหยุดพอดี บูมจึงมีเวลาอยู่ดูแลทิวอย่างเต็มที่ได้ทั้งสองวัน

"หิวหรือยัง" บูมหันไปทิวถามหลังจากเดินไปปิดประตูห้อง

ทิวพยักหน้า

"ไปกินข้าวด้วยกันตรงนั้นดีกว่า"

บูมบอกพลางเดินมาช่วยพยุงทิวไปนั่งตรงโต๊ะที่จัดไว้สำหรับนั่งกินข้าวหรือจะคุยกันก็ได้ ห้องของเอิร์ธดูกว้างขวางทีเดียว ราคาคงจะแพงไม่ใช่น้อย

บูมช่วยแกะกับข้าวแล้วจัดใส่จาน ทิวได้แต่นั่งดูตาปริบๆ เช่นเคยเพราะมือข้างหนึ่งยังต้องใส่ผ้าสามเหลี่ยมคล้องแขนเอาไว้อยู่ บูมเห็นทิวมองด้วยสายตารู้สึกผิดก็อดขำไม่ได้ เกือบจะเอามือไปยีหัวทิวอยู่แล้วเชียว แต่พอนึกได้ว่าทิวยังเจ็บอยู่ก็เลยต้องหดมือกลับ

"อย่าคิดมากน่าทิว เมื่อก่อนนายช่วยเราตั้งเยอะตั้งแยะ ให้เราดูแลนายบ้าง ไม่ต้องกลัวหรอก...เดี๋ยวพอนายหายแล้วเราก็จะใช้นายคืนให้เข็ดเลย ดีไหม" บูมสัพยอกในตอนท้าย

"อ้อ กินข้าวต้มไปก่อนละกันนะ จะได้กินง่ายๆ"

บูมจัดแจงอาหารเสร็จแล้วก็นั่งลงข้างๆ ทิวที่นั่งรออยู่ก่อนแล้ว

"เดี๋ยวเราป้อนนะ"

ทิวทำหน้าตกใจแล้วก็ร้องห้าม

"ไม่เอา...เรากินเองก็ได้"

พอเห็นบูมทำหน้าขอร้องอ้อนวอน ทิวก็เลยต้องยอม

"ก็ได้ แค่วันนี้วันเดียวนะ" มีต่อรองเสียด้วย

บูมหัวเราะชอบใจแล้วก็ค่อยๆ ตักอาหารป้อนทิว

"เป่าก่อนดิ เดี๋ยวก็ลวกปากเราพอดี"

ทิวทักท้วง บูมก็เลยขำแล้วก็เป่าข้าวต้มในช้อนก่อนจะป้อนเข้าปากทิวไป ดูเก้ๆ กังๆ เล็กน้อยเพราะไม่ค่อยได้ทำแบบนี้เท่าไรนัก

"แล้วนายไม่กินข้าวเหรอ"

"เดี๋ยวกิน"

บูมพูดจบก็ตักข้าวป้อนทิวต่อ จนกระทั่งทิวกินข้าวหมดแล้วจึงพาทิวไปนอนที่เตียงแล้วก็กลับมานั่งกินข้าวบ้าง จากนั้นก็จัดการล้างเก็บให้เรียบร้อย แล้วก็มาดูแลทิวต่อ ปกติบูมแทบจะไม่เคยทำอย่างนี้เลยเมื่ออยู่ที่บ้าน แต่ตอนเรียนที่เมืองนอกต้องทำเองทุกวันก็เลยพอทำได้

"เราอยากอาบน้ำ" ทิวทำเสียงอ้อนเมื่อบูมกลับมา รู้สึกไม่ชอบเลยเวลาเจ็บป่วยแบบนี้แล้วอาบน้ำไม่ได้

"อย่าเพิ่งเลย เอางี้ละกัน เดี๋ยวเราเช็ดตัวให้ นายจะเปลี่ยนเสื้อผ้าด้วยไหม"

"ก็ดีเหมือนกัน"

บูมจึงเดินไปเลือกเสื้อผ้าที่คิดว่าทิวน่าจะใส่นอนได้สบายๆ หนึ่งชุดมาเตรียมไว้ หลังจากนั้นก็ไปหาชามใบใหญ่ใส่น้ำและผ้าขนหนูผืนเล็กมาด้วยหนึ่งผืน

"ถอดเสื้อผ้าก่อนนะ" บูมบอก แต่ทิวก็ทำหน้าอิดออด

"ไม่ถอดเสื้อผ้าออกแล้วจะเช็ดตัวยังไงล่ะ จะอายทำไม เราเห็นของนายจนหมดแล้ว"

ทิวจึงต้องยอมให้บูมช่วยถอดเสื้อผ้าออกไป จนเหลือแต่ชุดชั้นในเทาๆ ตัวน้อยๆ พอบูมจะช่วยถอดทิวก็รีบร้องห้าม

"อันนี้เอาไว้ก่อนก็ได้"

บูมขำแล้วส่ายหน้า "นายนี่ เราไม่ทำอะไรนายหรอกน่า เจ็บแบบนี้จะทำได้ยังไง"

แล้วก็หันสบตากับทิวพลางยิ้มกรุ้มกริ่ม "แต่ถ้านายต้องการก็บอกเราได้นะ เราช่วยได้"

บูมจึงถูกมือข้างที่เหลือของทิวหยิกแขนเข้าให้ เจ็บจนร้องอูยเบาๆ แล้วก็หัวเราะแหะๆ หยอกกันพอหอมปากหอมคอแล้วบูมก็ช่วยเช็ดตัวให้ทิวอย่างทนุถนอมเพราะกลัวจะทำให้ทิวเจ็บตัวมากกว่าเดิม

ระหว่างนั้นทิวก็ถามคำถามหนึ่งที่ทิวอยากรู้และสงสัยมานานแล้ว "บูม...นายเคย..." บูมหยุดและสบตากับทิวด้วยความสงสัย

"นายมีอะไรกับแพรวหรือยัง" ทิวกลั้นใจถามออกไปอย่างเขินๆ แต่มันก็อยากรู้จริงๆ นี่นา

บูมยิ้มเล็กน้อยแล้วก็ถามกลับ "แล้วนายคิดว่าไงล่ะ"

"ก็...ถ้าเคยเป็นแฟนกันก็น่าจะ..."

บูมขำแล้วก็ถามกลับไปว่า "ถ้าจะบอกว่าไม่ล่ะ นายจะเชื่อไหม"

"จริงเหรอ" ทิวทำสีหน้าเหมือนไม่อยากจะเชื่อ

"จริงสิ ก็เราไม่ได้รักเขานี่" แล้วบูมก็ยิ้มอย่างมีเลศนัย "แต่ถ้ากับผู้ชายคนอื่น...ไม่แน่"

เห็นทิวตกตะลึงแล้วบูมก็ขำ สักพักทิวก็ทำหน้าม่อย

"ไม่ต้องเช็ดแล้ว เราจะนอน"

ทำเสียงแบบนี้แสดงว่างอนแน่ๆ เลย บูมไม่ได้เห็นทิวงอนมานานแล้ว สมัยเรียนนั้นทิวเคยงอนบูมอยู่บ้าง โดยเฉพาะตอนที่บูมจีบกับน้องแป๋มอยู่ ทิวงอนจนไม่ยอมพูดกันเป็นอาทิตย์ๆ เลย

"งอนเหรอ ยังขี้งอนเหมือนเดิมนะเนี่ย อ้อ...ขี้หึงด้วย" บูมยิ้มชอบใจแล้วก็ก้มหน้าลงไปใกล้ๆ

"ยังไงเราก็รักนายคนเดียวนะทิว คนอื่นๆ ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป แต่กับนาย...เรารักจริงหวังแต่งนะ"

ทิวยิ้มเขิน บูมจึงขโมยหอมแก้มเบาๆ ก็เลยยิ่งทำให้ทิวเขินไปกันใหญ่ คงจะเป็นความสุขเล็กๆ น้อยๆ ที่พอจะมีบ้างในตอนนี้ ขอเวลาพักจากเรื่องร้ายๆ ก่อนละกันนะ

TBC

ขอรณรงค์ให้คนอ่านสละเวลา 1 วินาทีบวกเป็ดเป็นกำลังใจให้ 'นักเขียนทุกคน' ทุกเรื่อง ทุกตอนนะครับ สร้างสรรค์ชุมชนแห่งการแลกเปลี่ยนแบ่งปัน
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-09-2015 07:40:29 โดย sarawatta »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






Ebsilon

  • บุคคลทั่วไป
หวัดดีครับ  นานๆจะเข้ามาที

ผมติดตามตั้งบอร์ดนี้ แล้วก็อีกบอร์ดนึงนะครับ

เข้ามาเป็นกำลังใจให้ครับ เนื้อเรื่องกำลังเข้มข้นเลย มาลงบ่อยๆ นะครับ

ออฟไลน์ SungMinKRu

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 570
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +151/-0
    • https://www.facebook.com/pages/SungMinKRu-Boys-Love/311662138876399



 :o8: :o8: :o8:


ได้กลับมาอ่านแล้ววว


เป็นกำลังใจให้บูม ทิว และคุณคนเขียนคร่าา  :L2: :L2: :L2: :3123:

yayee2

  • บุคคลทั่วไป
เราว่างานนี้แพรวเป็นเจ้าภาพมั้ง มันแค้นนี่นา ลงที่บูมคงไม่มีโอกาส ขอลงที่ทิวล่ะกัน คิดว่าง้้นนะ
เอาใจช่วยบูมกับทิวให้ก้าวผ่านปัญหานี้ไวๆ สงสารทิว ระทมทุกข์มาเกือบจะตลอดเลย

Mc_ma

  • บุคคลทั่วไป
ขอแสดงความยินดีกับคนแต่งด้วยนะคะ ได้เกิน 6000 views แล้วววว... เย้ๆๆๆ :mc4: :mc4: :mc4:

ต้องเอ้ยย ถึุงขั้นบีบคอทิว แรงไปนิดนะ หากทิวดิ้นไม่หลุด ไม่อยากคิดเลย....ว่าจะเกิดอะไรขึ้น
และทิวโดนใครลอบทำร้ายละเนี่ย ใครจ้างมา แพรว???? แม่บูม???? ต้องทำขนาดนี้เลยหรอ ใจร้ายง่ะ
เพื่อนๆบูมเป็นคนดีกันทุกคนเลย โดยเฉพาะอาร์ต ทั้งเข้าใจและช่วยเหลือเป็นอย่างดี ดีมากๆ ซึ้งน้ำใจ
อย่างน้อยทิวกับบูมก็ยังโชคดีนะ ที่มีเพื่อนดีๆอยู่รอบตัวในตอนที่ต้องฝ่าฟันอุปสรรคมากมาย
ผลพลอยได้จากการที่ทิวบาดเจ็บ ก็ํมีข้อดีเหมือนกันนะ ทำให้หวานกันจนมดขึ้นทั้งรังแล้วว  :o8: :-[ :impress2:

เห็นด้วยอย่างยิ่งค่ะที่ "เวลาผู้ชายกับผู้ชายอยู่ด้วยกันจะมีภาพน่ารักๆ แบบนี้ให้เห็น"
จากประสบการณ์ตรงเพื่อนๆรอบตัวก็น่ารักแบบนี้หลายคู่ :m3: มีทั้งคบกันเปิดเผยและไม่เปิดเผย(แต่เพื่อนก็แอบรู้อ่ะนะ คิคิ)
บางคนพ่อแม่ก็ไม่รู้แบบเรื่องนี้เลย ยังไปแนะนำให้เพื่อนหลายคนมาอ่านเรื่องนี้เลยค่ะ เผื่อเอาไปเป็นแนวทางได้บ้าง??

 :L2: :L2: :L2: ขอบคุณและเป็นกำลังใจให้คนแต่งเสมอ รอติดตามพายุลูกใหญ่ค่ะ :กอด1: :กอด1:



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 17-04-2012 23:02:46 โดย Mc_ma »

vi2212

  • บุคคลทั่วไป
เล่นกันเเบบนี้เลยง่ะ...หวังว่าไม่ใช่คุณเเม่สามีนะ o12

ออฟไลน์ Cynthia_Moonlight

  • เมื่อไหร่จะพ้นขีดอันตราย =_=+
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 180
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-1
นับวันเรื่องมันจะยุ่งเหยิงไปกันใหญ่นะเนี่ย... ไม่อยากจะคิดว่าใครเป็นคนมารุมทิว เพราะคิดไปแล้วมันก็มีแค่............ แต่ไม่เอาอ่ะ ไม่คิดดีกว่า อิอิ

งานนี้ต้องระวังหลายคนมากทั้งแพร ทั้งพ่อแม่บูม กลัวที่สุดคือมาลงที่ทิวนี่แหละ ไม่นะ....แค่นี้ก็สงสารทิวสุดๆแล้ว T^T


เป็นกำลังใจให้คนแต่งจ้าาา

เราอาจจะเม้นท์ไม่ค่อยบ่อย แต่ติดตามอยู่เสมอน้าาา^^ สู้ๆๆ

ออฟไลน์ yeyong

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5857
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +917/-26
เสียเพื่อน  แล้วโดนทำร้ายร่างกายอีก :เฮ้อ:


ออฟไลน์ z-Time

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 295
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
สงสารต้องจัง   หวังว่าจะกลับมาเป็นเพื่อนที่ดีของทิวเหมือนเดิมนะ :sad4:

ทิวโดนยำ อย่างนี้ท่าว่าจะฝีมือแพรวแน่ๆ

สู้ๆต่อไปนะ ทิว บูม  :a1:


breath

  • บุคคลทั่วไป
เพิ่งเข้ามาอ่าน
ชอบมากกกกกกกกกกกกกกกกกกก
เป็นรักที่มั่นคงยาวนาน ซาบซึ้ง TT
บูมตอนโตนี่หนักแน่นมาก พระเอกสุดๆ
ปลื้มมมมมมมมมมม

เขียนสนุกมากเลยค่ะ ไหลลื่นไม่ติดขัดเลย
ฉากซึ้ง เศร้าก็ทำเอาน้ำตาไหล
ฉากหวานๆก็อมยิ้มแก้มแทบปริ > <
เป็นกำลังใจให้นักเขียนนะคะ
สู้ ๆ!!

ออฟไลน์ sarawatta

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 714
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +300/-10
♥♥♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (Re-written Version)
CHAPTER 31 ✦ พี่ชายที่แสนดี


"หายไปไหนมาตั้งหลายวัน อย่าบอกนะว่าไปขลุกอยู่กับไอ้เกย์นั่น"

กลับมาถึงบ้านไม่ทันจะได้นั่งพัก แม่ก็เล่นงานบูมเสียแล้ว เล่นเอาคนถูกว่าไม่ค่อยพอใจนัก บูมไม่ชอบเอาเสียเลยที่แม่เรียกทิวว่า "ไอ้เกย์" อีกแล้ว

"ใช่ครับ"

บูมยอมรับไปตามตรง ตั้งใจอยู่แล้วว่าจะกลับบ้านเย็นวันอาทิตย์หลังจากที่ไปอยู่ดูแลทิวถึงสองวันเต็มๆ คิดไม่ถึงว่าแม่จะไม่พอใจถึงขนาดนี้

"แม่อย่าเรียกทิวแบบนั้นได้ไหมครับ"

"ทำไม แม่จะเรียกอย่างนี้นี่แหละ แกมีสิทธิ์อะไรมาสั่งแม่แบบนี้"

"แม่..."

บูมหมดความรู้สึกที่อยากจะต่อล้อต่อเถียงเพราะรู้ว่าไม่มีทางที่จะทำให้แม่เข้าใจได้ จึงเลิกพยายามและทำท่าจะเดินขึ้นห้องไป

"เมื่อไรจะหยุดสร้างปัญหาเสียทีนะบูม รู้ไหมว่าตอนนี้คุณโฉมศรีกับหนูแพรวเขาจะฟ้องเราแล้ว"

บูมหยุด ตกใจเพราะคิดไม่ถึงว่าแพรวจะทำถึงขนาดนี้

"ถ้าแกไม่แต่งงานกับหนูแพรว เขาก็จะฟ้องแกในฐานนอกใจ แล้วเราก็จะไม่ได้ของหมั้นคืน แต่นั่นไม่เท่าไรหรอก ฉันอายคนอื่นๆ เขารู้ไหม ตระกูลของเราไม่เคยมีใครต้องขึ้นโรงขึ้นศาล ก็จะมีแกนี่แหละเป็นคนแรก ถ้าแกไม่อยากให้ครอบครัวเราขายขี้หน้ามากไปกว่านี้ แกก็ต้องแต่งงานกับหนูแพรวซะ แล้วเลิกไปหาไอ้เกย์นั่นเสียที แม่จะบ้าตายอยู่แล้วรู้ไหม แกจะทำให้แม่เสียใจไปถึงไหนหาบูม!"

คุณทิพย์นภาตวาดเสียงดังในตอนท้าย บรรยากาศกลับมาตึงเครียดอีกแล้ว ดูท่าทางแม่คงจะไม่ยอมเลิกราง่ายๆ บูมเองก็ชักจะเหนื่อยใจ สรุปว่าไปๆ มาๆ ความผิดทุกอย่างก็มาตกที่บูมคนเดียวทั้งๆ ที่ไม่ได้เป็นคนเริ่มมันเลย แถมยังจะต้องถูกบังคับให้ต้องรับผิดชอบทุกอย่างอีก

"แม่...บูมขอโทษนะครับที่ทำให้แม่เสียใจ แต่บูมไม่ได้รักแพรว บูมแต่งงานกับเขาไม่ได้ แม่อย่าบังคับบูมเลยนะครับ ให้ผมชดใช้อะไรก็ได้ ผมไม่อยากสร้างเวรกรรมให้กับผู้หญิงคนหนึ่งที่เขาไม่รู้เรื่องอะไรอีก ผมจะไปคุยกับแพรวเรื่องนี้เองครับ"

บูมเปลี่ยนจากการพูดด้วยท่าทีแข็งกร้าวเป็นอ่อนลง หวังว่าแม่คงจะเข้าใจและเห็นใจบ้าง

"แล้วแกคิดว่าเขาจะฟังแกเหรอ"

บูมถอนหายใจอย่างหนักใจ ก็คงจะจริงอย่างที่แม่ว่านั่นแหละ ทางนั้นคงไม่ฟังอย่างแน่นอนเพราะเป็นฝ่ายเสียเปรียบ

"ยังไงๆ ผมก็จะไม่แต่งงานกับแพรวครับ ผมไม่ได้รักเค้า" บูมยืนยันหนักแน่น

"แล้วแกรักใคร รักไอ้เกย์นั่นเหรอ มันจะเป็นไปได้ยังไงบูม คิดบ้างไหมว่าคนอื่นๆ เขาจะรับได้ไหม แล้วแกจะอยู่ในสังคมนี้ได้ยังไง คิดเสียบ้างสิ"

"แม่...บูมเป็นเกย์นะครับ ไม่ได้เป็นหวัดที่กินยาแล้วก็หาย" บูมเถียง

"บูม! อย่าเรียกตัวเองแบบนั้นให้แม่ได้ยินอีก บูมไม่ใช่เกย์ เข้าใจไหม"

แม่ตวาดเสียงดัง เธอรับไม่ได้อย่างยิ่งที่ลูกชายคนเล็กยอมรับว่าเขาเป็นเกย์ คนเป็นแม่เจ็บปวดแค่ไหนที่ลูกที่เฝ้าฟูมฟักเลี้ยงดูมาตั้งแต่เล็กแต่น้อยกำลังจะกลายเป็นคนที่สังคมรังเกียจ

บูมถอนหายใจ รู้สึกเหนื่อยใจจนไม่อยากพูดอะไรอีกแล้ว จึงตัดสินใจเดินขึ้นไปบนห้อง แต่แม่ก็ทำให้ต้องชะงักด้วยความตกใจอีกจนได้

"ดี...แกไม่เชื่อแม่ใช่ไหม อย่าหาว่าแม่ใจร้ายละกัน ไอ้เกย์นั่นมันจะไม่ใช่แค่เจ็บตัวอย่างเดียวเหมือนตอนนี้แน่"

บูมรู้สึกอยากจะร้องไห้และตะโกนให้สุดเสียงให้สมกับความรู้สึกที่มันอัดอั้นอยู่ข้างใน นี่สรุปว่า...ที่ทิวเจ็บตัวขนาดนี้เป็นฝีมือของแม่เองหรือ บูมแทบไม่มีแรงแม้แต่จะก้าวเท้าหรือยืนจนต้องทรุดตัวนั่งลงกับพื้น

"ทำไมแม่ทำแบบนี้ครับ" บูมถามพลางสะอื้นไห้ด้วยความสะเทือนใจ

"แม่ทำได้ทั้งนั้นแหละ เพราะแม่ไม่อยากให้บูมเป็นเกย์ เข้าใจไหมบูม...แม่ไม่อยากให้ลูกชายของแม่เป็นเกย์ แม่รับไม่ได้ บูมจะต้องหาย บูมจะต้องแต่งงานกับผู้หญิงเหมือนผู้ชายทั่วไป เข้าใจไหมบูม เมื่อไรบูมจะเลิกเป็นเกย์เสียทีหา!"

บูมเอามือปิดหูเพราะไม่อยากได้ยินอะไรอีกแล้ว พอแม่พูดจบก็ลุกขึ้นแล้ววิ่งออกไปจากบ้านทันที ถ้าอยู่ตรงนี้ต่อไปอีกแค่นาทีเดียวบูมอาจจะเป็นบ้าได้ อย่าว่าแต่แม่เลยที่รับไม่ได้ที่บูมเป็นเกย์ บูมเองก็รับไม่ได้เหมือนกันที่รู้ว่าแม่ให้คนไปทำร้ายทิวจนเจ็บตัวขนาดนั้น

"บูม...จะไปไหน กลับมาเดี๋ยวนี้!"

คุณทิพย์นภาเรียกตามหลังลูกชาย แต่บูมก็ไม่กลับมาและหายไปพร้อมกับเสียงรถยนต์ เธอได้แต่ร้องไห้และกำมือแน่น บูมดื้อมากและไม่ฟังเธอเลย บูมจะเคยรู้ไหมว่าแม่กำลังเจ็บปวดแค่ไหน เธอเป็นทุกข์มากเหลือเกิน ตั้งแต่ที่รู้ว่าบูมกลับไปหาทิว เธอก็แทบไม่มีกะจิตกะใจจะสอนหนังสือ กินไม่ได้นอนไม่หลับ คิดแต่จะหาหนทางทำให้บูมกลับมาเป็นผู้ชายปกติทั่วไปให้ได้

รายการโทรทัศน์ที่คุณทิพย์นภาเปิดทิ้งไว้ตอนนี้เปลี่ยนเป็นรายการตลกแล้ว ภาพผู้ชายแต่งตัวเป็นผู้หญิงและทำท่าทางวี้ดว้ายกระตู้วู้น่าขบขันในจอโทรทัศน์นั้นทำให้คุณทิพย์นภาถึงกับหวีดร้อง

"ไม่จริง...ลูกของฉันจะต้องไม่เป็นแบบนี้"

"แม่!"

บีมเรียกด้วยสีหน้าตกใจเมื่อเข้ามาในบ้านแล้วก็เห็นแม่ทรุดลงไปนั่งกับพื้นร้องให้ฟูมฟาย คงจะมีเรื่องกับบูมอีกแน่ๆ เลยเพราะเมื่อกี้บีมเพิ่งสวนกับบูมที่ขับรถออกไป

"แม่เป็นอะไรครับ เกิดอะไรขึ้น"

บีมรีบวิ่งไปหาแม่ด้วยความเป็นห่วง พอนั่งลงคุณทิพย์นภาโอบกอดลูกชายคนโตไว้แล้วก็ร้องคร่ำครวญ

"บีม...ช่วยน้องด้วยนะลูก อย่าให้น้องเป็นเกย์ แม่จะไม่ไหวแล้ว แม่ทำใจไม่ได้ นะบีม...ช่วยน้องด้วย"

บีมกอดแม่ไว้แล้วก็น้ำตาซึม แม่เป็นทุกข์เรื่องของบูมมาก ถึงแม้ว่าบีมจะไม่เห็นด้วยที่แม่ยอมรับตัวตนของน้องชายไม่ได้ แต่ก็พอเข้าใจหัวอกของคนเป็นแม่ แม่รักและคาดหวังกับบูมมาก มากเสียจนยากที่จะยอมปล่อยสิ่งที่ยึดมั่นถือมั่นไปได้ง่ายๆ สถานการณ์ตอนนี้ตึงเครียดมาก บีมคิดว่าบูมควรจะต้องถอยและยอมแม่สักหน่อย ยิ่งปะทะใส่กันไม่ยั้งแบบนี้ก็ยิ่งจะสร้างความเจ็บปวดไปกันใหญ่ คนที่จะเป็นอะไรไปคนแรกก็อาจจะเป็นแม่ของพวกเขาเอง บีมไม่อยากให้น้องชายต้องเสียใจทีหลัง

✢ ✣ ✤ ✥ ✦ ✧ ✩ ✪ ✫ ✬ ✭ ✮ ✯ ✰ ★ ✱ ✲ ✳ ✴ ✵ ✶ ✷

บีมพาแม่ขึ้นไปนอนพักผ่อนบนห้องแล้วก็กลับลงมาข้างล่าง พ่อมาถึงบ้านพอดีพร้อมกับลูกน้องอีกสองสามคนที่ตามมาส่ง บีมเข้าไปช่วยพ่อลากกระเป๋าเดินทางเข้ามาในบ้านแล้วก็ถือโอกาสคุยกับพ่อ

"เป็นไงครับพ่อ สัมมนาสนุกไหมครับ"

"ก็งั้นๆ แหละ มีแต่ประชุม ไม่สนุกหรอก เอ...ว่าแต่แม่เขาไม่อยู่บ้านเหรอวันนี้ แล้วบูมไปไหน" คุณลิขิตถามพลางสอดส่ายสายตามองหาภรรยาและลูกชายคนเล็ก

บีมถอนหายใจอย่างหนักใจ ไม่ตอบคำถามพ่อแต่อยากคุยกับพ่อแบบเปิดใจสักครั้งมากกว่า

"พ่อครับ...ผมอยากคุยกับพ่อ ผมมีเรื่องอยากปรึกษาครับ"

เห็นท่าทางหนักใจของลูกชายคนโตแล้วคุณลิขิตก็พอจะเดาออกว่าภรรยากับลูกชายคนเล็กคงจะทะเลาะกันอีก คุณลิขิตพยักหน้า บีมรีบเอากระเป๋าไปเก็บบนห้องแล้วก็ลงมาคุยกับพ่อหลังบ้าน

"พ่อครับ พ่อคิดยังไงครับ...ที่บูมบอกแม่ว่า...เขาเป็นเกย์"

คำถามจากลูกชายคนโตทำให้คุณลิขิตหน้านิ่วคิ้วขมวดด้วยความหนักใจ หลายปีมานี้คุณลิขิตก็เปลี่ยนไปค่อนข้างมาก ยิ่งในช่วงหลังๆ ที่มาสนิทกับลูกชายคนโตมากขึ้นก็ช่วยทำให้ความคิดเปลี่ยนไปหลายอย่าง ส่วนเรื่องของบูมนั้นก็คงเป็นเรื่องที่พ่อแม่คนไหนๆ ก็คงทำใจได้ยาก คุณลิขิตเองก็ยังไม่เคยคุยกับลูกชายคนเล็กเรื่องนี้เลยแม้ว่าจะเจอกันที่ทำงานบ่อยๆ ก็ตาม

"เอางี้ละกัน พ่ออยากฟังก่อนว่าบีมคิดยังไง เผื่อบางที...สิ่งที่บีมคิดอาจจะช่วยให้พ่อได้เห็นอะไรบางอย่างที่พ่อกับแม่ไม่เคยมองเห็นก็ได้"

นั่นก็หมายความว่าพ่อก็คงรับไม่ได้เหมือนกับแม่นั่นแหละที่รู้ว่าบูมเป็นแบบนั้น แต่คุณลิขิตก็อยากฟังดูบ้างว่าเด็กๆ คิดยังไง เป็นครั้งแรกที่บีมได้เห็นสิ่งนี้เกิดขึ้น ที่ผ่านมาพ่อไม่ค่อยฟังลูกๆ นัก บีมเองก็เคยโดนพ่อเคี่ยวเข็ญในฐานะลูกชายคนโตจนแทบจะประสาทเสีย นี่เป็นครั้งแรกที่พ่ออยากฟังว่าบีมคิดอะไร บีมดีใจเหลือเกินและคิดว่าสิ่งนี้น่าจะเป็นนิมิตหมายอันดีที่จะได้เห็นความเปลี่ยนแปลงในครอบครัวบ้าง

"ครับพ่อ" บีมยิ้มดีใจ ดูเหมือนคุณลิขิตก็แอบยิ้มน้อยๆ อยู่เหมือนกัน

"สำหรับผม...ไม่ว่าบูมจะเป็นอะไร บูมก็เป็นน้องชายของผมเหมือนเดิมครับพ่อ ผมก็รักน้องเท่าเดิม และเขาก็เป็นลูกชายของพ่อกับแม่เหมือนเดิม ผมขอแค่ให้เขาเป็นคนดีของครอบครัวของเรา ทำงานและทำประโยชน์ให้สังคมได้ก็พอแล้ว ผมคิดว่า...คุณค่าของบูมไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่าบูมเป็นอะไรหรอกนะครับ บูมเขาก็ยังตั้งใจเรียนจนจบ เขายอมเหนื่อยและอดทนทำเพื่อครอบครัวของเรา เขามีความคิดที่อยากจะช่วยเหลือสังคม แล้วอีกไม่นานบูมก็จะมาช่วยสานต่อกิจการของเราอย่างเต็มตัว สิ่งที่บูมทำอยู่ตอนนี้ล้วนแต่เป็นสิ่งดีๆ นะครับพ่อ เขาเป็นเด็กสมัยใหม่ที่มีคุณภาพคนหนึ่งที่จะทำประโยชน์ให้ทั้งกับครอบครัวและสังคม ผมภูมิใจในตัวน้องชายผมมากนะครับพ่อ และผมก็อยากให้เราทุกคนในครอบครัวภูมิใจกับสิ่งที่บูมทำ ไม่ว่าตัวตนของเขาจะเป็นยังไงก็ตาม"

เมื่อเห็นว่าพ่อยังตั้งใจฟังอยู่ บีมก็พูดสืบไป

"ในมุมมองของผม การเป็นเกย์ของบูม...ไม่ใช่ปัญหาหรอกครับ ปัญหาไม่ได้อยู่ที่ว่าเราเป็นอะไร มีหลายอย่างในชีวิตที่ถูกกำหนดมาแล้วและเราก็เปลี่ยนไม่ได้ ทำได้แค่อยู่กับมันให้ดีที่สุด ผมคิดว่า...ปัญหามันอยู่ที่ว่าเรามองยังไงต่างหากครับ ผมเชื่อว่าบูมหรือคนที่เป็นอย่างบูมสามารถยอมรับและมีความสุขกับชีวิตที่เป็นอยู่ได้ ที่สำคัญ ก็ยังมีอะไรอีกหลายๆ อย่างที่เราเลือกได้ พ่อเห็นไหมครับ บูมเขาเลือกที่จะทำอะไรดีๆ ให้เราตั้งหลายอย่าง ผมว่าครอบครัวของเราโชคดีแค่ไหนแล้วครับที่บูมเป็นคนคิดดี ทำดี สังคมของเราต้องการคนแบบบูมนะครับพ่อ ผมเชื่อว่าทุกคนจะเห็นคุณค่าและความดีที่บูมทำ มากกว่าที่จะสนใจว่าบูมเป็นอะไร"

ดูเหมือนว่าพ่อจะนิ่ง ใช่แล้วล่ะ คุณลิขิตไม่เคยมองเห็นสิ่งนี้เลย

"ผมคิดว่าปัญหาไม่ได้อยู่ที่สิ่งที่บูมเป็นหรอกคับ แต่มันอยู่ที่ความคิดของคนที่มองต่างหาก ผมว่าแทนที่เราจะเอาเวลาและพลังงานไปทุ่มเทกับสิ่งที่เราเปลี่ยนไม่ได้ สู้เรามาช่วยทำให้บูมเป็นคนดีมีคุณภาพดีกว่าครับพ่อ ถึงจะมีคนไม่เข้าใจ เราก็ช่วยทำให้เขาเข้าใจได้ครับ ถึงจะมีคนไม่เข้าใจบ้างก็ไม่เห็นเป็นไรเลยครับ คนอื่นไม่เข้าใจก็ไม่สำคัญเท่ากับว่าครอบครัวของเราเข้าใจบูมหรือเปล่า น้องต้องการให้คนในครอบครัวเข้าใจนะครับพ่อ ถ้าไม่ใช่พวกเรา...ใครล่ะครับพ่อที่จะเข้าใจน้อง"

บีมหยุดพักและสบตากับพ่อ ท่าทางที่ครุ่นคิดนั้นทำให้บีมรู้ว่าสิ่งที่บีมพูดไปคงสะกิดใจพ่อไม่มากก็น้อย

"พ่อครับ ผมคิดว่า...ธรรมชาติของบูมเขาเป็นแบบนั้นครับ เขาเกิดมาพร้อมกับมัน เขาไม่ได้ผิดธรรมชาติเหมือนที่คนทั่วไปชอบพูดกัน บางทีคนเหล่านั้นก็พูดเพราะเขาไม่รู้จริง ตัดสินเอาจากสิ่งที่เห็นแล้วก็เหมารวม ผมเอง...ก็ยังไม่เคยเป็นพ่อหรอกนะครับ แต่ผมคิดว่าคนที่เป็นพ่อเป็นแม่คือผู้ให้ ให้กำเนิด ให้ความรัก ให้ความรู้และอะไรอีกหลายๆ อย่าง แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ...พ่อกับแม่ต้องให้ชีวิตที่เป็นของเขาเองด้วยครับ ผมเชื่อว่า...พ่อแม่ทุกคนอยากเห็นลูกมีความสุข แต่ไม่มีใครหรอกครับที่จะมีความสุขได้...ถ้าเขาไม่สามารถยอมรับตัวเองได้ ผมก็ไม่รู้หรอกครับว่ามันเป็นคำพูดที่เป็นจริงสำหรับพ่อแม่ทุกคนหรือเปล่า ผมอาจจะรู้ก็ต่อเมื่อผมมีลูกเอง หรือผมอาจจะคิดอีกอย่างก็ได้ถ้าผมมีลูกจริงๆ แต่ผมก็อยากเห็นพ่อกับแม่มีความสุข ความสุขที่เกิดจากการยอมรับและเข้าใจตัวตนของลูก แล้วลูกอย่างพวกเราก็จะมีความสุขกับชีวิต มีความสุขกับสิ่งที่เราเป็น มีความสุขที่จะอยู่กับพ่อแม่ มีความสุขที่จะทำงาน มีความสุขที่จะอยู่ในสังคม พวกเราจะทำอะไรได้อีกเยอะครับพ่อ"

เมื่อพูดจบแล้วบีมก็รู้สึกแปลกใจมากที่เห็นพ่อยิ้ม บีมไม่เคยเห็นพ่อยิ้มให้เขาแบบนี้เลย

"บีม เมื่อก่อน...พ่อยอมรับว่า...พ่อไม่เคยภูมิใจเลยที่บีมไปเรียนศิลปะอะไรนั่น แต่วันนี้...พ่ออยากจะบอกว่า...พ่อภูมิใจในตัวบีมมาก พ่อรู้แล้วว่า...ศิลปะมันช่วยให้บีมเป็นคนที่มีความคิดดีแค่ไหน มันช่วยให้บีมมองเห็นอะไรบางอย่างที่พ่อกับแม่ไม่เคยมองเห็นเลย ที่ผ่านมา...พ่อ...ต้องขอโทษบีมด้วยที่พ่อ...ไม่เคยยอมรับและเห็นคุณค่าในสิ่งที่บีมเป็นและพยายามทำเลย ทั้งๆ ที่บีมก็พยายามอย่างเต็มที่แล้ว ตอนนี้พ่อเห็นแล้วว่า...บีมทำทุกอย่างได้ดีที่สุดเสมอ...ถ้าบีมรักมัน พ่อขอโทษนะลูก"

"พ่อ..."

บีมแทบจะไม่เชื่อหูตัวเองว่าจะได้ยินสิ่งนี้จากคนที่เป็นพ่อ รู้สึกดีใจจนน้ำตาไหล ในฐานะลูกคนหนึ่งบีมก็อยากให้พ่อกับแม่ภูมิใจในตัวบีมบ้าง บีมพยายามทำสิ่งที่ดีที่สุดเท่าที่พอจะทำได้เพื่อครอบครัวมาโดยตลอด แต่ก็เหมือนจะไม่มีใครมองเห็น ทำให้บีมเองก็รู้สึกน้อยใจเหมือนกัน แต่วันนี้...พ่อได้เห็นสิ่งนั้นแล้ว บีมดีใจเหลือเกิน ดีใจจนไม่รู้ว่าจะพูดคำไหนออกมา

บีมลงไปนั่งกับพื้นแล้วก้มกราบแทบเท้าพ่อ "ขอบคุณครับพ่อ"

คุณลิขิตย่อตัวลงมาหาลูกชาย แล้วบีมก็กอดพ่อไว้ คุณลิขิตเองก็ดีใจที่วันนี้ได้กอดลูกชายคนโตอีกครั้งเพราะไม่ได้ทำอย่างนี้กับบีมหรือบูมมาเป็นสิบๆ ปีแล้ว

ความสุขของพ่อกับแม่คืออะไรล่ะ ไม่ใช่เพราะว่าได้ช่วยเลี้ยงดูและสนับสนุนให้ลูกได้เติบโต ปลอดภัย พึ่งตัวเองได้และเป็นคนดีของสังคมหรอกหรือ จะคาดหวังอะไรมากกว่านี้ ให้กำเนิดลูกแล้ว ชีวิตก็เป็นของลูกทันทีที่ลืมตาดูโลก ก็คงเหมือนกับที่บีมพูด ปัญหาไม่ได้อยู่ที่ว่าลูกเป็นอะไร แต่มันอยู่ที่ความคาดหวังของพ่อแม่ต่างหาก

"ขอบใจบีมมากที่ช่วยทำให้พ่อคิดได้ พ่อสัญญา...พ่อจะพยายามรักลูกของพ่อทุกคน...ในแบบที่เขาเป็น พ่อจะพยายามนะบีม"

คุณลิขิตเพิ่งตระหนักเดี๋ยวนี้เองว่าความเข้าใจที่พ่อกับแม่มีให้ลูกมันช่วยทลายช่องว่างและความห่างเหินระหว่างกันได้มากเพียงใด

"ผมรักพ่อครับ"

"พ่อก็รักบีมนะลูก รักบูมด้วย" เหมือนพ่อจะกลัวลูกชายอีกคนน้อยใจทั้งๆ ที่บูมก็ไม่ได้อยู่ตรงนี้

การที่บีมกอดพ่อและแสดงความรักอย่างนี้ก็ทำให้คนที่เป็นรู้สึกชื่นใจและมีความสุขอย่างมาก นึกถึงตอนที่บูมกับบีมยังเล็กๆ วิ่งเล่นซุกซนและขี้อ้อน วันไหนที่พ่อมีของเล่นใหม่มาให้ลูกทั้งสองคน ทั้งบีมและบูมจะกระโดดโลดเต้นดีใจกันใหญ่ แล้วก็จะวิ่งมาบอกพ่อว่า "รักพ่อที่สุดในโลกเลย" แค่นี้คนเป็นพ่อก็มีความสุขยิ่งกว่าการมีทรัพย์สมบัติใดๆ ไม่ว่าตอนนี้คุณลิขิตจะมีตำแหน่งใหญ่โตหรือทรัพย์สมบัติมากมายแค่ไหนก็ไมมีความสุขเท่ากับที่ตอนนี้ลูกชายคนโตกำลังกอดและบอกว่ารักพ่ออยู่ นี่คือสัมผัสที่แสนอบอุ่นที่ห่างหายไปจากครอบครัวนี้นานแสนนาน

บีมยิ้มดีใจ อยากให้น้องชายมาเห็นเหลือเกิน ปัญหาหมดไปเปลาะหนึ่งแล้ว ยังเหลืออีกอย่างน้อยสามคนที่บีมจะต้องเข้าไปทำอะไรบางอย่าง บีมพยายามคิดมาตลอดว่าจะช่วยทำให้ครอบครัวกลับมามีความสุขเหมือนเดิมได้ยังไง ดีใจจริงๆ ที่วันนี้บีมทำสำเร็จไปขั้นหนึ่งแล้ว

✢ ✣ ✤ ✥ ✦ ✧ ✩ ✪ ✫ ✬ ✭ ✮ ✯ ✰ ★ ✱ ✲ ✳ ✴ ✵ ✶ ✷

คุณโฉมศรีรู้สึกแปลกใจมากทีเดียวที่แขกที่มาเยือนในวันนี้เป็นคนที่เธอก็ไม่คาดคิดมาก่อน เธอเห็นหน้าก็จำได้ว่าเป็นบีม พี่ชายของบูมและเป็นลูกชายคนโตของคุณลิขิต เพื่อนของสามีเธอนั่นเอง บีมมาที่นี่ทำไม หรือว่าบ้านนั้นจะส่งมาอ้อนวอนให้เธอยกเลิกการฟ้องร้อง ไม่มีทางเสียละ

"สวัสดีครับ" บีมยกมือไหว้คุณโฉมศรีแล้วก็ถามถึงคนที่เขาอยากคุยด้วย

"ผมมาหาแพรวครับ..."

คุณโฉมศรีรับไหว้ด้วยสีหน้างุนงงเพราะนึกไม่ออกว่าบีมมีธุระอะไรกับแพรวจนต้องตามมาคุยถึงที่บ้าน บีมเห็นท่าทางสงสัยนั้นแล้วจึงบอกจุดประสงค์ไปว่า

"ผมอยากจะคุยกับแพรวเรื่องของบูมครับ ผมต้องขอโทษด้วยครับที่ไม่ได้บอกล่วงหน้า"

คุณโฉมศรีชั่งใจอยู่พักใหญ่ก็ตัดสินใจที่จะให้แพรวมาคุยกับบีม บีมไปนั่งรออยู่ในศาลาเล็กๆ ที่จัดไว้ในสวนของบ้าน มีที่นั่งสำหรับให้คนในครอบครัวมานั่งคุยกันได้หลายคนอยู่ บรรยากาศดูร่มรื่นเย็นสบายเพราะมีต้นไม้ใหญ่ๆ คอยให้ร่มเงาทั่วบริเวณ

คนรับใช้เอาน้ำมาเสิร์ฟ ไม่นานนักแพรวก็ลงมา สีหน้าของเธอดูแปลกใจไม่น้อยเพราะบีมไม่เคยมาที่นี่เลยนอกจากบูมที่เคยมาส่งหรือมาคุยกับเธอที่นี่บ่อยๆ ก่อนหน้านี้

แพรวยกมือไหว้ "พี่ชายอดีตคู่หมั้น"  แล้วก็นั่งลงฝั่งตรงข้าม เมื่อสังเกตดีๆ ก็ยังคงเห็นร่องรอยความเศร้าหมองปรากฎบนใบหน้าของเธออยู่ เมื่อบีมเพ่งพิศดูดีๆ ก็เห็นว่าแพรวก็เป็นผู้หญิงที่สวยและน่ารักมากทีเดียว ถ้าไม่ติดว่าน้องชายไม่ชอบผู้หญิง บีมคงจะดีใจมากที่จะมีน้องสะใภ้ที่สวยน่ารักอย่างนี้

"แพรว...พี่อยากจะคุยกับแพรวเรื่องบูม พี่ขอโทษก่อนละกันที่ต้องเข้ามายุ่งในเรื่องนี้ แต่พี่คิดว่าพี่อยากให้แพรวได้รู้อะไรบางอย่างที่สำคัญ"

บีมเกริ่นนำหลังจากที่แพรวนั่งลงได้สักพัก

"ค่ะ"

แพรวตอบด้วยน้ำเสียงที่ยังคงแสดงให้เห็นความเสียใจอยู่ เธอร้องไห้เสียใจมาหลายวันแล้วแต่ก็คิดว่าควรจะต้องหยุดเสียที เพราะยังไงบูมก็ไม่เคยมารับรู้ว่าเธอเสียใจมากแค่ไหน ตั้งแต่คุยกันวันนั้น แพรวรับรู้เพียงว่าบูมต้องการให้เธอยืนยันการถอนหมั้น ด้วยความโมโหทำให้แพรวไปหาคุณทิพย์นภาถึงมหาวิทยาลัยจนเป็นที่มาของการที่ทิวถูกทำร้าย

"พี่รู้จักบูมกับทิวมาตั้งแต่สมัยเขาเรียนมัธยมด้วยกันแล้วล่ะ เมื่อก่อนบูมเป็นเด็กเก็บกดเพราะที่บ้านเราค่อนข้างเข้มงวดเรื่องการเรียน ทำให้บูมเป็นเด็กค่อนข้างมีปัญหา ไม่ค่อยพูด ขี้โมโห แต่พอได้รู้จักทิว พี่ก็สังเกตว่าบูมเปลี่ยนไปมาก บูมดูมีความสุขมากตั้งแต่มีทิวเป็นเพื่อน"

บีมเห็นสีหน้าของแพรวที่ดูงงๆ แล้วก็เลยหยุดพัก แพรวคงสงสัยนั่นเองว่าบีมเล่าเรื่องนี้ให้แพรวฟังทำไม

"บูมไปหัดร้องเพลงกับทิว จนได้เป็นนักร้องนำของวงที่โรงเรียนด้วยกัน เขาใช้ชีวิตด้วยกันมาตลอด ก็เลยผูกพันกันมาก ไม่เคยห่างกันเลย ก็เลยทำให้เขาสองคนรักกัน แต่พอที่บ้านรู้เข้า บูมก็ถูกสั่งให้เลิกคบกับทิว แล้วบูมก็ไปเรียนเมืองนอก ไม่ได้ติดต่อทิวเลย ส่วนทิว...ก็อยู่กับแม่สองคน แต่ไม่นานแม่ก็เสีย ก็เลยไม่ได้เรียนหนังสือต่อ ต้องออกมาตระเวนร้องเพลงหาเงินเลี้ยงตัวเอง แล้วก็ต้องหาเงินใช้หนี้ด้วยเพราะแม่ของทิวไปกู้เงินมาให้ทิวเรียนก่อนจะเสีย ชีวิตของทิวไม่เหลืออะไรเลย แม้กระทั่งบูม...คนที่น่าจะได้มาอยู่กับทิวตอนที่ทิวลำบาก"

"จริงเหรอคะ" แพรวถามด้วยน้ำเสียงเศร้า เธอไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าทิวจะมีชีวิตที่น่าเศร้าขนาดนี้

บีมพยักหน้าแล้วก็เล่าสืบไป

"จนกระทั่งบูมกลับมา บูมก็ไม่เคยติดต่อมาหาทิวเลย พี่เคยบอกบูมหลายครั้งว่าให้มาหาทิวบ้างเขาก็ไม่ยอมมา แต่ยังไงไม่รู้ สุดท้าย...เขาสองคนก็ได้กลับมาเจอกันอีก พี่รู้ว่าบูมคงรู้สึกผิดมากที่ทิ้งทิวไป ไม่เคยติดต่อกันเลย ปล่อยให้ทิวมีชีวิตที่ตกระกำลำบากทั้งๆ ที่เมื่อก่อนทิวคอยช่วยเหลือบูมมาตลอด ตอนแรก...พี่คิดว่าเขาสองคนคงแค่จะกลับมาเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม ไม่ได้คิดว่าเขาจะรักกัน แต่เขาก็กลับมารักกันเหมือนเดิม ทิวกับบูมรักกันมากเพราะผูกพันกันมาตั้งแต่ตอนนั้น มันเป็นสิ่งที่อยู่ในห้วงความคิดของทั้งสองคนตลอด เขาไม่เคยลืมกันและกันหรอกนะแพรว ไม่ว่าเขาจะไปอยู่ที่ไหนหรือมีใคร...เขาก็ไม่เคยลืม ถึงบูมจะไม่เคยติดต่อทิวเลยแต่พี่ก็รู้ว่าเขาคิดถึงกันมากแค่ไหน"

บีมหยุดเพราะสังเกตเห็นสีหน้าของแพรวเริ่มหม่นลง

"ที่พี่บอกแพรวเรื่องนี้...ไม่ใช่จะมาซ้ำเติมแพรว พี่อยากให้แพรว...เข้าใจความรักของเขาทั้งสองคน บูมเขาไม่ได้มาหลอกแพรวหรอก สิ่งที่เกิดขึ้น...ไม่ใช่ความผิดของบูม แล้วก็ไม่ใช่ความผิดของแพรวด้วย"

แล้วบูมก็ถอนหายใจ

"ผู้ใหญ่ของเราทั้งสองฝ่ายต่างก็หวังดี ทำให้บูมกับแพรวได้มารู้จักกัน"

บีมหยุดพูดเพื่อสังเกตอาการของแพรวอีกครั้ง ก็น่าเห็นใจเธออยู่หรอกที่ต้องมาเสียคนรักไปโดยไม่รู้อิโหน่อิเหน่

"พี่รู้ว่าแพรวเสียใจนะ พี่ก็ไม่อยากให้มันเกิดขึ้นหรอก บูมเองก็ไม่ได้อยากทำให้แพรวเสียใจ แต่เขา...แค่อยากจะเป็นในสิ่งที่เขาเป็น เป็นในสิ่งที่เราไม่ยอมรับ สำหรับพี่...ไม่ว่าบูมจะเป็นอะไร เขาก็เป็นน้องชายที่พี่รักเสมอ พี่อยากให้เราทุกคนเห็นใจและเข้าใจบูมบ้าง บูมมีชีวิตที่ต้องถูกบังคับมาตลอด ไม่ว่าจะเรื่องเรียน เรื่องานหรือแม้กระทั่งความรัก บูมไม่เคยได้เลือกเองเลย"

เมื่อเห็นแพรวยังตั้งใจฟังอยู่ บีมก็พูดต่อ

"พี่รู้...ว่าแพรวคงจะโกรธบูมมาก พี่รู้...ว่าแพรวเสียใจมากแค่ไหน แต่พี่ก็ดีใจที่บูม...ยอมบอกให้ทุกคนรู้ความจริงว่าเขาคือใครก่อนที่มันจะสายไป พี่ว่า...เราควรจะขอบคุณบูมเสียด้วยซ้ำที่เขาบอกเราตอนนี้ ดีกว่าที่เขาจะบอกแพรวตอนที่แต่งงานกันไปแล้ว คนเรานะแพรว...ไม่มีใครทนบังคับฝืนใจทำในสิ่งที่เขาไม่ได้เป็นได้นานหรอก นี่คือชีวิตของบูม นี่คือสิ่งที่บูมเป็น เราไม่มีทางเปลี่ยนเขาได้..."

ดูเหมือนสิ่งที่บีมพูดทำให้แพรวได้คิดอะไรหลายอย่าง จริงสิ...เธอควรจะขอบคุณบูมด้วยซ้ำที่ยอมพูดความจริงเสียตั้งแต่ตอนนี้ บูมคงจะไม่สามารถปิดบังตัวเองได้ตลอดไปหรอก รู้เสียตั้งแต่ตอนนี้ก็น่าจะดีแล้ว เอาเข้าจริงๆ แพรวก็รู้ว่าเธอคงจะทำใจรับได้ยาก ถ้าวันหนึ่งแต่งงานกันไปแล้วบูมเดินมาบอกเธอว่า "ผมเป็นเกย์" วันนั้นอาจจะเป็นวันที่เธอต้องเสียใจยิ่งกว่านี้ก็เป็นได้

"แพรวยังไม่จำเป็นต้องเข้าใจที่พี่พูดทั้งหมดในวันนี้หรอกนะ แพรวเก็บไปคิดก่อนก็ได้ พี่ไม่ได้หมายความว่าจะให้แพรวยกเลิกความตั้งใจที่ฟ้องร้องหรอกนะ แพรวเป็นคนเสียหาย พี่เข้าใจ พี่ไม่ได้มาคุยกับแพรวเพราะเรื่องนี้ แต่สิ่งที่พี่อยากจะขอจากแพรวมีอย่างเดียวก็คือ...พี่อยากให้แพรวเข้าใจและให้อภัยบูม ไม่จำเป็นต้องเข้าหรือให้อภัยตอนนี้ก็ได้ แต่วันไหนก็ได้...ที่แพรวคิดและรู้สึกอย่างนั้นจริงๆ"

แพรวได้แต่อึ้ง เธอรู้จักบีมก็จริงแต่ไม่เคยคิดมาก่อนว่าผู้ชายคนนี้จะเป็นคนดี มีความคิด มีเหตุผลและเป็นผู้ใหญ่มากถึงขนาดนี้

"พี่บีม...คงจะรักและเป็นห่วงบูมมากเลยนะคะ"

บีมพยักหน้า

"ใช่...พี่สงสารบูม บูมเขาเหนื่อยและเก็บกดมามาก พี่อยากให้เขาได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข เป็นในสิ่งที่เขาอยากเป็น ถ้าบูมกินยาหรือผ่าตัดแล้วหายได้ พี่คิดว่าบูมก็ยินดีที่จะทำ แต่มันไม่ใช่แบบนั้น ปัญหาไม่ได้อยู่ที่ว่าบูมเป็นอะไร มันอยู่ที่ว่าเรามองและคิดกับเขายังไงต่างหาก ถ้าทุกคนเข้าใจและยอมรับบูม บูมคงมีความสุขมาก ชีวิตเขาจะไปได้อีกไกล การช่วยให้คนๆ หนึ่งมีความสุขและได้เป็นอย่างที่เขาอยากเป็น...เป็นการช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ที่ยิ่งใหญ่มากนะแพรว"

เมื่อค่อยๆ คิดตามแพรวก็เริ่มเห็นด้วยกับที่พี่บีมพูดไม่น้อย บีมได้ช่วยปลดล็อกความคิดหลายอย่างให้กับเธอแล้ว รวมทั้งความคิดที่จะเอาชนะอย่างไม่มีเหตุผลนั้นด้วย

"ขอบคุณนะคะที่เล่าให้แพรวฟัง มันช่วยแพรวได้มากเลยค่ะพี่บีม แพรวเองก็ไม่เคยเข้าใจบูมอย่างที่แพรวกำลังเข้าใจในวันนี้ ที่พี่บีมพูดก็ถูกนะคะ เราคงบังคับบูมไม่ได้ตลอดไปหรอก ทำแบบนั้นก็เท่ากับทรมานชีวิตของบูม เอาเป็นว่า...แพรวเข้าใจนะคะ แต่แพรว...ขอเวลาทำใจอีกสักหน่อย พี่บีมคงไม่ว่าอะไรใช่ไหมคะ"

บีมยิ้มแล้วส่ายหน้า "แพรวใช้เวลาเท่าที่แพรวต้องการเลยครับ ขอแค่ให้แพรวเข้าใจและให้อภัยน้องชายของพี่เท่านั้น เมื่อไรก็ได้"

คนที่สองผ่านไปได้ด้วยดีแล้ว เหลืออีกแค่สองเท่านั้น บีมเริ่มเห็นเค้าลางแห่งความหวังขึ้นมาบ้างแล้ว

TBC

ขอรณรงค์ให้คนอ่านสละเวลา 1 วินาทีบวกเป็ดเป็นกำลังใจให้ 'นักเขียนทุกคน' ทุกเรื่อง ทุกตอนนะครับ สร้างสรรค์ชุมชนแห่งการแลกเปลี่ยนแบ่งปัน
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-09-2015 07:41:39 โดย sarawatta »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ tarkung

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 997
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1
จะติดตามต่อไปนะครับ

ขอเป็นกำลังให้นะครับ

icyblue

  • บุคคลทั่วไป
พี่บีม ตอนนี้คุณหล่อมากกกกกกกกกกกกกกกกกกก o13

ช่วยบูมและน้องสะใภ้ได้เยอะเลย   

เหลือคุณนายแม่อีกด่านหนึ่ง  สู้ๆนะคะพี่บีม

 :กอด1: :L2: ผู้แต่ง

ออฟไลน์ naiin

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2421
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +141/-9
                 ค่อยดูมีความหวังหน่อย ไม่หดหู่ซะทีเดียว มีพลังใจที่จะตามต่อไปอีก  :L1:  :L1:  :L1:

Mc_ma

  • บุคคลทั่วไป
ปลื้มมมมมม........................พี่บีมที่สุด 
ถึงพี่บีมจะไม่ใช่พระเอกของเรื่องนี้ แต่ตอนนี้พี่บีมเป็นพระเอก...มากกกก  o13 o13 o13

แพรวเอง ก็เริ่มเห็นแล้วว่าพี่บีมเป็นคนดี มีความคิดเป็นผู้ใหญ่ และมีความคิดดีแค่ไหน 
(อยากเชียร์ให้พี่บีมจีบแพรวจริงๆ คู่นี้ก็น่าจะได้อยู่นะ น่ารักดี และพ่อแม่ทั้ง2ครอบครัวจะได้ไม่ผิดใจกันด้วย)

แต่ก็เป็นห่วงบูมอยู่นะ หลังจากทะเลาะกับแม่วันนั้นแล้วขับรถออกจากบ้านไป ไปไหน??
หวังว่าคงไปอยู่กับทิว ไปให้ทิวปลอบ >/////<

 :L2: :L2: :L2: ขอบคุณค่ะ รอติดตามตอนต่อไป เป็นกำลังใจให้คนแต่งเสมอค่ะ



 

ออฟไลน์ Cynthia_Moonlight

  • เมื่อไหร่จะพ้นขีดอันตราย =_=+
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 180
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-1
นั่นไง...บอกแล้วว่าไม่อยากจะคิดว่าเป็นฝีมือใคร เพราะคิดแล้วมันก็ถูก เหอะๆ

ตอนนี้พี่บีมเป็นฮีโร่ วิ๊ววววว

เคลียร์ให้เข้าใจไปได้สองคน เหลือคุณแม่อีโก้อีกสอง

บอกตามตรงว่าไม่ชอบแม่ของบูมจริงๆ ไม่ชอบตรงที่รักมากเกินไป หวังดีเกินไป กลัวลูกจะลำบากจนให้ทุกอย่างโดยที่ไม่เคยถามลูกเลยว่าต้องการหรือเปล่า สุดท้ายผลก็อย่างที่เห็น... รักจนกลายเป็นการทำร้ายลูกทางอ้อม...

หวังว่าทุกอย่างจะจบลงด้วยดีในเร็ววัน

คนแต่งสู้ๆ ^^

ออฟไลน์ jubujubu

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 376
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1

vi2212

  • บุคคลทั่วไป

ออฟไลน์ yeyong

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5857
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +917/-26
ฮีโร่กำเนิดแล้ว อยู่ใกล้ตัวนี่เอง
หวังว่าจะผ่านไปด้วยดีนะ

yayee2

  • บุคคลทั่วไป
ตายๆๆ..งานนี้เราเข้าใจผิด เราคิดว่าคนที่อยู่เบื้องหลัง"ทิวโดนยำ" เป็นแพรว
เราไม่นึกว่าคนระดับอาจารย์มหาวิทยาลัยจะทำแบบนั้นได้
ตอนนี้ยกให้บีมเป็นตัวเอกของตอนเลย  บีมแม้จะอายุยังน้อย แต่บีมก็รู้เท่าทันและเข้าใจโลก
แต่คุณทิพย์นภา เธอใจแคบและรักตัวเองมากไปหน่อยมั้ง  เพราะเธอแคร์คนอื่น แคร์หน้าตาตัวเอง มากกว่าลูก
ก็ได้แต่หวังว่าเธอจะไม่ทิฐิจนเกินไป หวังว่าจะฟังลูกฟังสามีบ้างนะ(สามีเธอเข้าใจโลก-เข้าใจลูกแล้วนี่)

ออฟไลน์ sarawatta

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 714
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +300/-10
คนที่เคยอ่านตอนที่ 31 แล้วอยากให้อ่านอีกรอบครับ ผมแก้เยอะเลย คำพูดบางช่วงเป็นวิชาการมากไปนิด
ก็เลยปรับให้มันดูธรรมดามากขึ้นครับ อ้อ...ที่ตัดข้อความบางส่วนออกเพราะมันเกิน 20,000 ตัวอักษรครับ

เหมือนอะไรๆ ก็ดูจะมีความหวังใช่ไหมครับ อิๆ ไม่อยากจะบอกเลยว่า อาจจะมีอะไรให้ช็อคเล่นๆ ครับ รออีดนิดดดดด  :z1:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด