♥♥♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต ✦ [DRAMA] [Rewrite] ▚▚▚
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ♥♥♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต ✦ [DRAMA] [Rewrite] ▚▚▚  (อ่าน 175819 ครั้ง)

ออฟไลน์ sarawatta

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 714
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +300/-10
♥♥♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (Re-written Version)
CHAPTER 34 ✦ คำสัญญาที่หัวหิน


คุณทิพย์นภาต้องนอนให้น้ำเกลืออยู่หนึ่งวันเต็มๆ นับว่าเธอใจกล้ามากทีเดียวที่ยอมลงทุนด้วยการเอาชีวิตของตัวเองเข้าเสี่ยง เธอคงเห็นแล้วล่ะว่าไม่สามารถเอาชนะบูมได้ง่ายๆ เพราะตอนนี้พ่อลูกทั้งสามคนเข้ากันได้ดีเป็นปี่เป็นขลุ่ย เธอไม่มีพลังมากพอที่จะไปงัดคาน จึงได้ปล่อยให้บูมคบกับทิวไปพลางๆ ก่อน แต่เธอก็วางแผนนี้ไว้แล้ว มันอาจจะใช้เวลาหน่อย แต่เธอเชื่อว่ามันจะต้องได้ผลอย่างแน่นอน

ตกเย็นคุณทิพย์นภาก็ออกฤทธิ์ด้วยการไม่ยอมกินข้าวอีก เล่นเอาพยายาลปวดหัวไปตามๆ กัน พ่อลูกสามคนก็ชักจะเริ่มทนไม่ไหวเพราะไม่เข้าใจสาเหตุที่คุณทิพย์นภาเป็นแบบนี้

"คุณทิพย์ คุณเป็นอะไรของคุณ รู้ไหมว่าผมกับลูกๆ น่ะกังวลมากแค่ไหน"

คุณลิขิตพูดด้วยท่าทางของคนอารมณ์เสียเพราะจนปัญญาที่จะเข้าใจแล้ว

"ก็ปล่อยให้ทิพย์ตายไปเลยสิคะ ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข เห็นรักกันนักไม่ใช่เหรอสามคนพ่อลูก ใช่สิ...ทิพย์เป็นคนไม่ดี ขี้โมโห ไม่มีใครอยากอยู่ด้วย"

แม้จะป่วยแต่เรื่องประชดประชันคุณทิพย์นภาก็ยังสามารถทำได้เป็นอย่างดี

"คุณทิพย์"

คุณลิขิตเรียกเสียงดังเพราะชักจะเหลืออดกับภรรยาของตัวเอง บูมกับบีมยืนมองหน้ากันด้วยความตกใจ ไม่คิดว่าแม่จะน้อยอกน้อยใจถึงขนาดนี้

"ทิพย์ก็ไม่อยากอยู่นักหรอกค่ะ มีลูก ลูกก็ไม่รัก แถมลูกอีกคนก็ยังมีแฟนเป็นผู้ชายอีก ปล่อยให้ทิพย์ตายไปเลยดีกว่า ทิพย์ไม่อยากเห็นให้ช้ำใจ ไม่เคยคิดถึงหัวอกคนเป็นแม่เลย"

"แม่!"

บูมเรียกด้วยความตกใจและนึกไม่ถึง นี่สรุปว่าแม่ยังไม่เลิกคิดเรื่องนี้อีกหรือ นึกว่าแม่จะยอมรับได้แล้วเสียอีก

"เรียกทำไม ถ้าแกอยากให้แม่ตาย แกก็อยู่กับไอ้เกย์นั่นต่อไปซะ รักมันมากกว่าแม่ไม่ใช่เหรอ ไม่ต้องมาทำเป็นห่วงแม่เลย ปล่อยให้ฉันตายไปซะ พวกแกจะได้อยู่กันอย่างสบายใจ ไม่ต้องมีฉันเป็นก้างขวางคอ"

คุณทิพย์นภาพูดพลางร้องห่มร้องให้ สามคนพ่อลูกได้แต่มองหน้ากันอย่างเอือมระอา

"แม่ก็...แม่อย่าคิดมากสิครับ ไม่มีใครอยากให้แม่ตายหรอกนะครับ พวกเราทุกคนรักแม่อยู่แล้ว"

บูมบอกพลางเดินลงไปนั่งข้างๆ เตียงของแม่

"รักเหรอ...รักแล้วทำไมทำให้แม่ช้ำใจแบบนี้ รักแล้วทำไมยังไม่เลิกกับไอ้เกย์นั่น ไม่รู้ล่ะ ถ้าบูมไม่เลิกกับมัน...แม่ก็จะตายจริงๆ ด้วย ไม่ต้องพยายามที่จะมาป้อนข้าวป้อนน้ำแม่เลย ยังไงแม่ก็ไม่กิน แม่ได้ขู่เล่นๆ นะบูม แม่จะตายจริงๆ ถ้าบูมไม่เลิกกับมัน คอยดูสิ ภายในวันสองวันนี้แหละ"

หัวใจบูมกระตุกจนชาวาบ หันไปมองหน้าพ่อกับพี่ชายด้วยความรู้สึกที่ยากจะบอกได้ นี่แม่เล่นขู่บังคับด้วยวิธีนี้เลยหรือ

"คุณทิพย์ ทำไมคุณจะต้องบังคับลูกขนาดนั้นด้วย คุณเป็นแม่เขา...ลูกที่ไหนมันจะกล้าปล่อยให้แม่ตาย ทำไมคุณถึงได้ทำขนาดนี้ คุณบ้าหรือเปล่า"

คุณลิขิตพูดอย่างโมโห ถ้าไม่ติดว่าภรรยากำลังป่วยอยู่คงจะไม่มีทางยอมอย่างแน่นอน

"ไม่รู้ล่ะ...ฉันไม่อยากให้ลูกเป็นเกย์ ฉันรับไม่ได้ แต่ในเมื่อบูมมันดื้อ ยังคบกับไอ้เกย์นั่นอยู่ ฉันก็จะตาย เพราะฉันไม่อยากเห็น จะหาว่าบังคับอะไรก็เชิญ แต่ฉันไม่อยากเห็น ได้ยินไหม"

คุณทิพย์นภายังอุตส่าห์มีแรงตวาดเสียงแหวในตอนท้าย สามพ่อลูกได้แต่มองหน้ากันปริบๆ ด้วยความไม่เข้าใจ

✢ ✣ ✤ ✥ ✦ ✧ ✩ ✪ ✫ ✬ ✭ ✮ ✯ ✰ ★ ✱ ✲ ✳ ✴ ✵ ✶ ✷

วันต่อมา อาการของคุณทิพย์นภาก็เริ่มทรุดลงเพราะเธอแอบถอดสายน้ำเกลือออกทุกครั้งที่มีโอกาส ความจริงถ้าหมอจะทำให้เธอกินข้าวนั้นก็ทำได้หลายวิธี แต่นั่นก็ไม่ใช่ทางออกหรอก เพราะยังไงคุณทิพย์นภาก็จะเล่นบทนี้ให้ถึงที่สุด สามพ่อลูกได้แต่อกสั่นขวัญแขวน คราวนี้คุณทิพย์นภาไม่ยอมอ่อนข้อเลยแม้แต่นิดเดียว คุณลิขิตรู้ได้ทันทีว่าเธอจะต้องเอาชนะให้ได้ แล้วถ้าเกิดลูกๆ ยังดันทุรังอยู่แบบนี้ คงจะต้องเกิดโศกนาฏกรรมจริงๆ อย่างที่เธอขู่ ก็มีอยู่ทางเดียวเท่านั้น ทางเดียวที่คนเป็นพ่อก็ต้องเจ็บปวดไปด้วย

"บูม...บูมจะยอมตามใจแม่ก่อนสักครั้งได้ไหมลูก พ่อดูแล้ว...ยังไงแม่เขาก็ไม่มีทางที่จะยอมอย่างเด็ดขาด คราวนี้...แม่เขาเอาชีวิตของเขาเป็นเดิมพัน พ่อกลัวใจแม่เขาจริงๆ พ่อก็ไม่อยากให้ลูกทำแบบนี้หรอกนะบูม แต่เพื่อรักษาชีวิตแม่ไว้ บูมกับทิวยังเด็ก...ยังไงก็ยังมีโอกาสที่จะได้พบกันอีก อีกสองสามปีแม่เขาอาจจะเปลี่ยนใจก็ได้ บูมพอจะทำให้แม่ก่อนได้ไหมลูก พอลูกไปเรียนแล้ว พ่อจะพยายามทำทุกวิถีทางให้แม่เขาเปลี่ยนใจให้ได้ พ่อสัญญาลูก แต่ตอนนี้...ชีวิตของแม่สำคัญที่สุดนะลูก..."

คุณลิขิตบอกลูกชายทั้งน้ำตา รู้สึกเหมือนจะขาดใจที่ต้องบอกลูกอย่างนี้ แล้วบูมล่ะ นี่ก็แม่ นั่นก็คนรัก แต่เมื่อชั่งน้ำหนักแล้วบูมคงไม่ใจดำจนถึงกับจะปล่อยให้แม่ตายไปต่อหน้าต่อตาได้หรอก จะมีลูกที่ไหนที่ทำอย่างนั้นได้...ถ้าไม่ใช่ลูกอกตัญญู

"ครับพ่อ..."

แล้วบูมก็ปล่อยโฮอย่างสุดกลั้น พ่อกับพี่ชายได้แต่ลูบหลังปลอบใจ บูมไม่มีทางเลือกอีกแล้ว...ขอโทษด้วยนะทิว ขอโทษที่มันต้องเป็นแบบนี้อีกแล้ว

พอเห็นบูมเริ่มสงบสติอารมณ์ได้ คุณลิขิตกับบีมก็พาบูมเดินเข้าไปหาแม่ในห้อง คุณทิพย์นภาดูเหนื่อยอ่อนมาก ร่างกายเธอผ่ายผอม ใบหน้าซีดเผือดราวกับจะไม่เลือดเหลืออยู่เลย

บูมนั่งคุกเข่าอยู่ข้างๆ เตียงแม่ คุณทิพย์นภาหันมามองลูกชายคนเล็กอย่างช้าๆ แล้วก็พูดประชดประชันด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง

"ไง...จะมาดูว่าฉันใกล้ตายหรือยังน่ะเหรอ"

น้ำตาของบูมไหลพราก กัดฟันแน่นมองแม่ที่นอนหายใจแผ่วอยู่บนเตียงโรงพยาบาลราวกับคนที่กำลังใกล้จะตายอย่างที่แม่บอก บูมสูดหายใจเข้าปอดลึกๆ รวบรวมทุกพลังใจที่พอจะมีเหลืออยู่ ก่อนจะตัดสินใจบอกแม่ไปอย่างที่แม่อยากได้ยิน

"แม่ครับ...แม่กินข้าวเถอะนะครับ พวกเราไม่อยากให้แม่ตาย เอาเป็นว่า...ผม...




จะยอม...




เลิก...




กับทิว..."




กว่าจะพูดออกมาได้แต่ละคำนั้นบูมก็ต้องกลั้นสะอื้นแล้วสะอื้นอีก พูดจบแล้วก็ฟุบหน้าลงกับเตียงของแม่และร้องไห้โฮอีกครั้ง บูมร้องไห้ราวกับจะขาดใจ พ่อกับพี่ชายที่ยืนดูก็พลอยร้องไห้ตามไปด้วย สงสารบูมก็สงสาร แต่ตอนนี้คุณทิพย์นภาเล่นเอาทุกคนหมดทางเลือก ไม่มีใครที่จะเอาชนะเธอได้เลย

"คุณใจร้ายกับลูกมากนะคุณทิพย์ นี่คุณรักลูกหรือรักตัวคุณเองกันแน่"

คุณลิขิตกัดฟันพูดเพื่อสะกดกลั้นอารมณ์สะเทือนใจ ไม่คิดเลยว่าคนที่เป็นแม่จะใจร้ายใจดำกับลูกในใส้ของตัวเองได้ถึงขนาดนี้

ทำไมคุณทิพย์นภาถึงไม่สงสารลูกบ้าง ลูกร้องไห้ปิ่มว่าจะขาดใจขนาดนี้เธอไม่รู้สึกรู้สาอะไรบ้างหรือไง ทำไมเธอจะไม่รู้สึกล่ะ...ทำไมเธอจะไม่สงสารลูก คนเป็นแม่คงไม่มีใครรู้สึกดีที่เห็นลูกร้องไห้หรอก วันนี้บูมอาจจะเสียใจ แต่สักวัน...บูมจะเข้าใจความหวังดีของแม่เอง คุณทิพย์นภาเอื้อมมือไปลูบผมลูกชายเพื่อปลอบใจ ถึงจะสงสารลูกแค่ไหนแต่เธอก็ตัดสินใจแล้ว ไม่มีทางที่จะถอยกลับอย่างเด็ดขาด ไม่งั้นก็คงไม่ลงทุนถึงขนาดนี้

พอบูมเริ่มสงบสติอารมณ์ได้ก็เงยหน้าขึ้นแล้วหันกลับไปมองหาพ่อและพี่ชาย ทั้งสองคนยังคงยืนมองดูบูมอยู่ แม้ทุกคนจะหยุดร้องไห้แล้วแต่ก็ยังพอมีร่องรอยให้เห็น บูมหันกลับมาหาแม่ ในเมื่อบูมยอมให้แม่ถึงขนาดนี้แล้ว บูมก็ควรจะมีข้อแม้ต่อรองไว้บ้าง

"ผมมีอะไรจะขอแม่ได้ไหมครับ แค่สองอย่างเท่านั้น"

คุณทิพย์นภามองหน้าลูกชายด้วยความสงสัย แต่ก็เอาเถอะ ไหนๆ บูมก็ยอมสัญญาว่าจะเลิกกับทิวแล้ว เธอก็พอใจอย่างหาที่สุดไม่ได้แล้วล่ะ ถ้าบูมจะขออะไรบ้างก็คงไม่มีอะไรที่เธอน่าจะรับได้ยากไปกว่าการที่ลูกชายมีแฟนเป็นผู้ชายอีกหรอก คุณทิพย์นภาจึงพยักหน้าน้อยๆ เพื่อบอกว่าเธอตกลง

บูมจึงเริ่มยื่นข้อแม้ข้อแรกของตัวเอง

"อย่างแรก...ขอให้ผม...ได้อยู่กับทิวจนกว่าจะถึงวันที่ผมเดินทาง"

คุณทิพย์นภาพยักหน้าตกลงโดยไม่ต้องคิดมากนัก เพราะเธอก็ไม่ได้ใจร้ายขนาดนั้นหรอก

"อย่างที่สอง..."

แล้วบูมก็กระซิบกับแม่เบาๆ พอได้ฟังแล้วคุณทิพย์นภาก็ถึงกับอึ้งไปเลยทีเดียว แต่เธอก็ไม่มีทางเลือกเช่นกันนอกจากยอมรับข้อแม้ที่ลูกชายคนเล็กเสนอมา แม้จะไม่เต็มใจนักก็ตาม

✢ ✣ ✤ ✥ ✦ ✧ ✩ ✪ ✫ ✬ ✭ ✮ ✯ ✰ ★ ✱ ✲ ✳ ✴ ✵ ✶ ✷

ดูเหมือนทิวจะตื่นเต้นทีเดียวตลอดระยะทางที่นั่งรถมาด้วยกัน ชี้ชวนบูมดูนั่นดูนี่และคุยไม่หยุด เจออะไรน่าสนใจระหว่างทางก็แวะจอดซื้อ เห็นทิวสดใสร่าเริงอย่างนี้แล้วบูมก็ดีใจและมีความสุขไปด้วย

"เสียดายนะบูม น่าจะชวนเอิร์ธ วิท ลีน่าแล้วก็แอนเดอร์สันมาด้วย"

ทิวยังไม่เลิกบ่นเรื่องนี้เพราะเป็นคนเสนอบูมเองว่าให้ชวนเพื่อนๆ ที่ทำงานมาเที่ยวด้วยกันหลังจากทำรายงานเสร็จแล้ว แต่บูมก็ยืนยันว่าจะมากับทิวเพียงสองคน

"เอาน่าทิว เดี๋ยวเราพาพวกเพื่อนๆ ไปเลี้ยงข้าวเย็นกันอีกที แต่ตอนนี้ เราอยากอยู่กับนายสองคนมากกว่า"

บูมบอกพลางยิ้มอย่างสุขใจ แม้จะมีความทุกข์บางอย่างรออยู่เบื้องหน้าก็ตาม แต่ก็ไม่ใช่แค่บูมหรอก ทิวก็มีความทุกข์รออยู่ข้างหน้าเช่นเดียวกัน

ทิวยิ้มแล้วก็หันมากินขนมที่ซื้อมาระหว่างทางต่อ

"กินไหม" ทิวหันไปถาม บูมพยักหน้าแต่ไม่ได้หันมามองเพราะต้องคอยมองทางเวลาขับรถ

ทิวหยิบขนมในถุงแล้วก็ส่งเข้าปากบูม จากนั้นก็หยิบกินของตัวเองแล้วก็ป้อนบูมสลับไปมาอย่างสนุกสนาน ใช้เวลาเดินทางไม่กี่ชั่วโมงก็มาถึงที่พักในตอนสายๆ ที่ที่บูมเลือกนั้นเป็นรีสอร์ทแบบบูติกที่อยู่ติดกับชายหาดหัวหินพอดี

ทิวดูจะตื่นเต้นยิ่งกว่าเดิมเมื่อเห็นทะเล ไม่ได้มาเที่ยวแบบนี้หลายปีแล้วตั้งแต่แม่เสีย ครั้งนี้นับว่าเป็นครั้งแรกที่ได้ออกมาเปิดหูเปิดตาบ้าง พอจอดรถ ทิวก็รีบวิ่งไปยืนมองดูทะเลที่ด้านหน้าที่พักด้วยความตื่นเต้น หัวหินเป็นชายหาดที่ขึ้นชื่อในความสวยงามอยู่แล้ว แถมอยู่ใกล้กรุงเทพและสามารถมาได้บ่อยๆ เท่าที่ต้องการอีกด้วย

"ทิว...เอาของไปเก็บก่อน เดี๋ยวค่อยมาเล่นน้ำทะเลกัน"

บูมร้องเรียก เห็นทิวชอบแล้วบูมก็มีความสุข แต่คงจะเป็นความสุขครั้งสุดท้ายระหว่างทิวกับบูมสองคนแล้วสินะ

ทิวเดินกลับมาที่รถ เจ้าหน้าที่ของรีสอร์ทมาช่วยยกเอากระเป๋าเข้าไปเก็บในโรงแรม พอได้ห้องพักแล้วบูมก็พาทิวขึ้นไปดูห้องก่อน ห้องของทั้งสองคนเป็นห้องพักพิเศษ มีขนาดห้องค่อนข้างกว้าง โปร่งโล่งสบาย เปิดผ้าม่านออกไปก็จะมองเห็นทะเลพอดี

พอเจ้าหน้าที่โรงแรมเอากระเป๋าขึ้นมาให้แล้ว ทิวก็วิ่งไปตรงเปิดผ้าม่านแล้วก็เลื่อนประตูกระจกออก จากนั้นก็เดินออกไปยืนตรงระเบียงและมองดูทะเลพร้อมกับรอยยิ้มมีความสุข บูมเก็บกระเป๋าเข้าที่แล้วก็รีบเดินออกไปสมทบทันที

"ชอบไหมทิว" บูมถามพลางสวมกอดทิวเบาๆ ทางด้านหลัง

"ชอบสิ...ชอบมากๆ เลย สวยดี มาคราวนี้เรารู้สึกชอบทะเลยังไงก็ไม่รู้ นี่ถ้าไม่มีนายเป็นแฟน...เราก็คงไม่มีโอกาสได้มาหรอก"

"จริงเหรอ" บูมพูดพร้อมกับฝังจมูกลงบนต้นคอของทิว สูดดมกลิ่นกายหอมอ่อนๆ ที่แสนคุ้นเคย

"ไปเล่นน้ำทะเลกันไหม"

มีหรือที่ทิวจะพลาด ที่อยากมาที่นี่ก็เพราะอยากมาเล่นน้ำทะเลนี่แหละ

"ไปสิ"

✢ ✣ ✤ ✥ ✦ ✧ ✩ ✪ ✫ ✬ ✭ ✮ ✯ ✰ ★ ✱ ✲ ✳ ✴ ✵ ✶ ✷

บูมกับทิวเปลี่ยนชุดเป็นกางเกงขาสั้นสำหรับเล่นน้ำแล้วก็วิ่งลงมาที่ชายหาดด้วยกัน สองหนุ่มวิ่งหยอกเย้ากันอย่างสนุกสนาน แกล้งกันไปแกล้งกันมา บางทีก็เปลี่ยนมาเดินเล่นบนชายหาดบ้าง บูมจับมือทิวไว้ตลอด ไม่แคร์สายตาของใครใดๆ ทั้งสิ้นที่มองมา

จากนั้นก็ไปขี่บานาน่าโบ๊ทเพราะทิวบอกว่าไม่เคยขี่ ระหว่างที่เล่นก็กอดบูมแน่นด้วยความหวาดเสียว บูมได้แต่หัวเราะชอบใจ แต่แว่บหนึ่งก็คิดขึ้นมาว่า

"ถ้าเราไม่อยู่...นายจะกอดใครเวลาที่นายต้องการความอุ่นใจล่ะทิว"

แต่บูมก็รีบสลัดความคิดนั้นทิ้งไปทันที ตอนนี้บูมไม่อยากพูดหรือคิดถึงเรื่องเศร้าๆ ขอใช้เวลาให้มีความสุขอย่างเต็มที่กับคนที่บูมรักก่อนเถอะ ก่อนที่จะไม่มีโอกาสได้ทำอย่างนี้อีกแล้ว

พอเล่นจนเหนื่อย บูมกับทิวก็มานั่งๆ นอนๆ เล่นบนเก้าอี้ผ้าใบริมชายหาด มีร่มบังแดดไว้อยู่จึงไม่ร้อนมากนัก แถมลมทะเลที่พัดมาตลอดเวลาก็ให้ความรู้สึกที่เย็นสบาย บูมนอนอ่านหนังสือที่พกมาด้วยอย่างสบายใจ ส่วนทิวก็นอนฟังเพลงกับโทรศัพท์ของตัวเองอย่างมีความสุข แม้จะไม่ได้พูดกันก็ไม่ได้รู้สึกอึดอัด หันมายิ้มให้กันเป็นระยะๆ บ้าง มีใครหลายคนบอกว่าคนที่จะอยู่ด้วยกันได้ต้องไม่รู้สึกอึดอัดที่จะให้คู่ชีวิตมีโลกส่วนตัวเวลาอยู่ด้วยกัน

จนกระทั่งแดดร่มลมตก บูมก็ชวนทิวขึ้นไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วก็ขับรถออกไปกินข้าวเย็นด้วยกันที่ร้านอาหารทะเลริมทะเลแห่งหนึ่ง บูมยังไม่ได้คุยกับทิวเรื่องนั้นเลย ทิวเองก็ยังไม่ได้บอกทิวเรื่องเดียวกันนั้นเหมือนกัน จนกระทั่งกินข้าวเย็นเสร็จแล้วนั่นแหละ

บูมกับทิวมานั่งคุยกันที่ริมทะเลมืดๆ อีกครั้ง ตอนนี้สีท้องฟ้ากับทะเลก็ดำมืดไม่ต่างกันจนแทบแยกไม่ออก แต่ก็รู้ได้ว่าเป็นทะเลเพราะเสียงคลื่น สองหนุ่มนั่งทอดอารมณ์คุยกันบนหาดทรายอย่างสบายอารมณ์ จนทิวรู้สึกว่าคงถึงเวลาแล้วที่จะพูดเรื่องนั้น จึงตัดสินใจเป็นฝ่ายเริ่มต้นก่อน

"บูม...นายจะว่าอะไรไหมถ้านายกลับมา...แล้วไม่เจอเรา" ทิวเริ่มต้นด้วยคำถามที่ทำให้บูมต้องหันมามองอย่างแปลกใจ

"ทำไมล่ะทิว นายจะไปไหนเหรอ"

"ไม่รู้สิ แต่เรามาคิดๆ ดูแล้ว...ชีวิตเรากับนายก็ต่างกันเยอะนะ บางทีก็รู้สึกว่าเหมือนอยู่กันคนละโลกที่ไม่มีทางจะมาเจอกันได้ บางที...เราอาจจะเห็นแก่ตัวมากเกินไป ถ้านาย...ไม่อยู่กับเรา...นายคงจะมีอนาคตที่ดีมากกว่านี้"

น้ำเสียงของทิวเริ่มเศร้าลงจนจับความรู้สึกได้

"เราไม่เคยคิดอย่างนั้นนะทิว เราไม่เคยคิดว่าเราจะเสียอนาคตเพราะเราเป็นแฟนกัน เราก็ยังเป็นคนเดิม มีศักยภาพที่จะทำอะไรได้ตั้งหลายอย่าง คุณค่าในตัวของเราก็ไม่ได้ลดลงไปเพราะเรารักกัน เราก็ยังจะทำงาน เราก็ยังคิดที่จะทำประโยชน์ให้กับสังคมเท่าที่เราจะทำได้เหมือนเดิม มันจะเสียอนาคตยังไงล่ะทิว เราไม่เข้าใจ"

บูมจ้องหน้าทิวเขม็งพร้อมกับขมวดคิ้วสงสัย

"เราจะขี้เกียจขึ้นเหรอ เราจะโง่ลงหรือเปล่าที่เราคบกับนาย ไม่เลยนะทิว...นายไม่ใช่สาเหตุของสิ่งเหล่านี้ เราเลือกเกิดไม่ได้ แต่เราเลือกได้ว่าเราจะทำอะไร เราเลือกได้ว่าเราจะเป็นคนดีหรือไม่ดี เราสองคนไม่ผิดหรอกนะทิวที่เราจะรักกัน แต่คนอื่นเขาไม่เข้าใจเราต่างหาก คนอื่นๆ เขายังมองว่าเราผิดปกติ ผิดธรรมชาติ แต่เรากับนายก็รักกันด้วยความรู้สึกที่เกิดขึ้นจากธรรมชาติ เราก็รักกันด้วยหัวใจเหมือนคนอื่นที่เขารักกัน มันไม่ได้ต่างจากความรักของชายหญิงทั่วไปตรงไหนเลย ถ้าความรักของเราผิดปกติ ความรักของคนทั้งโลกก็คงจะผิดปกติไปด้วย คนส่วนใหญ่นะทิว เวลาที่เขาไปไหน เขาก็มักจะพกไม้บรรทัดส่วนตัวไปด้วย แล้วเขาก็เที่ยวเอาไม้บรรทัดของตัวเองไปวัดคนอื่น คิดว่าคนอื่นจะต้องมีมาตรฐานเดียวกับตัวเอง แต่ไม้บรรทัดของใครก็ใช้ได้เฉพาะกับคนๆ นั้นเท่านั้น ใช้กับคนอื่นไม่ได้หรอก"

ทิวตั้งใจฟังจนแทบจะลืมหายใจ ก็จริงอย่างที่บูมว่านั่นแหละ คนสองคนรักกันมันผิดปกติตรงไหนเพราะเราต่างก็ใช้หัวใจรักกันเหมือนกับคนทั่วๆ ไป แต่ว่า...โลกของเราจะมีสักกี่คนที่คิดแบบนี้

"เราเข้าใจ แต่..." ทิวถอนหายใจแล้วก็พูดต่อ

"แล้วนายเคยคิดไหมว่า...บางที...ความรักของเรามันก็อาจจะมาถึงทางตันแล้วก็ได้"

ทิวค่อยๆ แซะเข้าไปในประเด็นที่ต้องการ เรื่องนี้ไม่ใช่แค่คิดแล้วล่ะทิว แต่มันกำลังจะเกิดขึ้นในไม่ช้านี้ต่างหาก บูมถอนหายใจอย่างหนักใจเช่นกัน หยิบเศษท่อนไม้ขนาดเท่าปากกาย่อมๆ ที่อยู่ใกล้ๆ ขึ้นมาแล้วก็เขวี้ยงลงทะเลไป

"ทิว...ไม่ว่ามันจะเกิดขึ้น ขอให้นายจำไว้เสมอนะว่าเรารักนาย รักมากที่สุดในชีวิต ไม่ว่าโชคชะตาชีวิตเราจะเป็นยัง ไม่ว่าเราจะได้กลับมาเจอกันอีกครั้งหรือเปล่า เราก็รักนาย นายไม่ต้องห่วงนะ ขอแค่ให้มีโอกาสเท่านั้น ยังไงเราก็จะกลับมา แต่ถึงจะไม่ได้กลับมา...ก็ไม่ได้หมายความว่าเราไม่ได้รักนาย นายรู้ไหมทิว...ทั้งชีวิตของเราห่วงก็แต่นายเท่านั้น เรากลัวนายจะเหงา เวลาที่เราไม่อยู่ นายจะกอดใครเวลาที่นายต้องการความอุ่นใจ ใครจะนอนเป็นเพื่อนนาย เวลาที่นายเศร้า นายจะไปหาใคร เวลาที่นายลำบาก ใครจะช่วยนาย เราเป็นห่วงนายมาก...มากจนบางทีเราไม่อยากไปเลย"

น้ำตาของบูมรินไหลลงมาอย่างสุดกลั้น แค่คิดว่าจะจากกันไปและปล่อยให้อีกคนอยู่อย่างลำบากบูมก็แทบจะขาดใจเสียแล้ว

"นายเรียนให้จบนะทิว นายจะได้ไม่ลำบาก พอเราไม่อยู่แล้ว...นายอยู่ได้ใช่ไหมทิว นายอยู่ได้ใช่ไหม"

พูดจบบูมก็ดึงทิวมากอดไว้ ต่างคนต่างร้องไห้และกอดกันด้วยความใจหาย คนเคยอยู่ใกล้ชิด เคยร่วมเรียงเคียงหมอน ความรักและความผูกพันย่อมมีมากเป็นธรรมดา มันคือการจากการกันครั้งที่ทรมานเหลือเกิน ดวงดาวบนท้องฟ้าที่ระยิบระยับในเวลานี้ แม้จะสวยงามแค่ไหนก็ไม่ช่วยผ่อนคลายบรรยากาศให้ดีขึ้นได้เลย

"เราอยู่ได้นะบูม นายไม่ต้องห่วงเราหรอก เราจะรอวันที่นายกลับมา ไม่ว่ามันจะนานแค่ไหน จนตายเราก็จะรอ ขอให้เราได้เจอนายอีกสักครั้งในชีวิต"

"ทำไมนายพูดอย่างนั้นล่ะทิว เราไม่ปล่อยให้นายรอเราจนตายหรอก"

บูมตัดพ้อ แต่ทิวก็คงบอกอะไรมากไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างก่อนหน้าที่แม่ของบูมจะป่วย คำสัญญาที่ทิวให้กับแม่ของบูมไว้นั้นแสนเจ็บปวดทรมานเหลือเกิน

"ทิว...เรารักนายนะ เราไม่อยากจากไปไหนเลย แต่...เราไม่มีทางเลือก เราไม่มีทางเลือกที่ดีกว่านี้เลย นายต้องรอเรานะทิว รอเรานะ"

ทิวพยักหน้าทั้งน้ำตาเพื่อให้คนที่รักสบายใจ แม้ว่าในความเป็นจริงแล้วทิวก็ยังไม่รู้เลยว่าจะมีโอกาสอยู่รอเห็นคนที่รักกลับมาอีกสักครั้งหรือเปล่า

"เราก็รักนายนะบูม รักมากที่สุดในชีวิตของเรา"

ดึกแล้ว บูมพาทิวขึ้นมาบนห้องพัก ในบรรยากาศแปลกใหม่เช่นนี้ ความต้องการของทั้งคู่ก็โหมกระพือขึ้นจนยากที่จะควบคุมได้ ทั้งคู่ป้อนความสุขให้แก่กันอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ราวกับว่าจะไม่มีโอกาสได้ทำอย่างนี้อีกแล้ว จนข้ามคืนไปสู่วันใหม่ พายุนั้นจึงสงบลง ทิวนอนซบอยู่ในอ้อมกอดบนอกที่แสนอบอุ่นของบูมอย่างเหนื่อยอ่อน มีความสุขมากจนแทบจะสำลัก มากจนไม่สามารถที่จะลืมวันเวลาดีๆ เหล่านี้ได้เลยจนกว่าชีวิตจะหาไม่

✢ ✣ ✤ ✥ ✦ ✧ ✩ ✪ ✫ ✬ ✭ ✮ ✯ ✰ ★ ✱ ✲ ✳ ✴ ✵ ✶ ✷

เช้าแล้ว อากาศช่างสดใสเสียจริงๆ ท้องฟ้าโปร่งโล่งและแดดแรงตั้งแต่เช้า บูมกับทิวกินข้าวเช้าที่โรงแรมด้วยกันแล้วก็ลงไปเดินเล่นที่ชายหาด คราวนี้ไม่ได้ใส่ชุดสำหรับเล่นน้ำเพราะตอนบ่ายๆ ก็จะกลับแล้ว ทั้งคู่เดินจับมือกันไป คุยกันไปโดยไม่สนใจว่าแดดจะแรงแค่ไหน ไม่สนใจว่าใครจะมองว่าเหตุใดชายหนุ่มสองคนจึงเดินจูงมือกัน จนกระทั่งถึงตอนหนึ่ง บูมก็หยุดเดินพร้อมกับจับมือทิวขึ้นมากุมไว้ทั้งสองข้าง

"ทิว...เราอยากให้เราสองคนสัญญาอะไรกันบางอย่างได้ไหม"

ทิวมองหน้าคนที่รักตรงหน้าอย่างครุ่นคิด สุดท้ายก็พยักหน้าตกลง ไม่มีอะไรหรอกที่ทิวจะสัญญาไม่ได้ ทิวยินดีทำทุกสิ่งทุกอย่างให้คนที่รักได้ทั้งนั้นในตอนนี้

"เราอยากให้เราสองคนสัญญากันว่า...ตลอดช่วงเวลาที่เราสองคนจะไม่ได้เจอกัน เราจะไม่รักใครคนอื่นอีกเลย เราจะไม่มองใคร จะไม่มอบหัวใจให้ใคร จนกว่า...เราสองคนจะกลับมาที่นี่อีกครั้ง แล้วก็...ยกเลิกสัญญานี้...ด้วยตัวของเราเองเท่านั้น ถ้านายคิดจะรักใครคนอื่นที่ไม่ใช่เรา นายก็จะต้องมาเจอกับเราที่นี่แล้วยกเลิกสัญญานี้ เราก็เหมือนกัน ถ้าเราจะรักใครคนอื่น เราก็จะต้องมาเจอนายที่นี่เพื่อขอยกเลิกสัญญา นายยินดีที่จะสัญญากับเราอย่างนี้ไหม"

ทิวสบตากับบูมแล้วก็ยิ้ม พยักหน้าแล้วก็ตอบตกลง

"เราสัญญา"

บูมยิ้มเศร้าๆ แล้วก็โอบกอดทิวไว้ สักพักก็ปล่อยทิวออกจากอ้อมกอด ก่อนที่จะจับมือทิวไว้ข้างหนึ่ง จากนั้นบูมก็ค่อยๆ พาทิวเดินลงไปในทะเล ลึกลงไปและลึกลงไป เมื่อทั้งสองคนอยู่ด้วยกันแล้วก็ไม่มีอะไรที่น่ากลัว เพราะต่างก็มั่นใจในกันและกัน

เมื่อฟ้า...ไม่ได้ลิขิตให้ทั้งสองคนได้รักกันและใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันอย่างคู่รักทั่วไปก็ไม่เป็นไรหรอก ทั้งสองคนก็ยังสามารถลิขิตชีวิตของตัวเองได้ โอกาสหน้าฟ้าใหม่ก็ยังมี หากความรักที่เกิดขึ้นตลอดหลายปีที่ผ่านมานั้นเป็นรักแท้ ความรักก็จะนำทั้งสองคนให้กลับมาพบกันอีกครั้งจนได้ อาจจะพบกันอีกครั้งบนโลกใบนี้ หรืออาจจะพบกันบนฟ้าที่แสนไกลนั้นอย่างแน่นอน

จบ...ไม่ใช่ชี

ขอรณรงค์ให้คนอ่านสละเวลา 1 วินาทีบวกเป็ดเป็นกำลังใจให้ 'นักเขียนทุกคน' ทุกเรื่อง ทุกตอนนะครับ สร้างสรรค์ชุมชนแห่งการแลกเปลี่ยนแบ่งปัน
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-09-2015 08:00:50 โดย sarawatta »

ออฟไลน์ -~iK@iZ_KunG~-

  • Tomorrow Never Die!!!
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2231
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +220/-2
ตกลงว่า ยังไม่จบชิมิ

ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
สนุกมาก

อ่านแล้วกระแทกกระทั้นใจ..ค่อดดดดด
 :a5:
อยากตะโกนระบายออกมาดังๆ


ดราม่ายังมีอีกมั้ย
เอาอีก ออกมาเยอะๆๆๆๆเลย
เพราะชอบ
..จิตนิดๆ..
ฮ่าฮ่า

 :L2: บวกเป็ด บวกหนึ่ง ครับ

ออฟไลน์ Tifa

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1474
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +417/-2
อ่านเรื่องนี้มัรเศร้ามากค่ะ ทำใจไม่ค่อยได้ ภูมิต้านทาน ดราม่าต่ำเหลือเกิน

อ่านไล่ถึงตอน 22 เเล้วค่ะ เดี๋ยวมาอ่านต่อเเน่นอน

llihc_mrr

  • บุคคลทั่วไป
อะไรไม่ใช่ชี อย่าเพิ่งจบน้า  :sad4:

Mc_ma

  • บุคคลทั่วไป
ติดภารกิจวุ่นวาย มาตามอ่านทีเดียว 2 ตอนรวดเลยค่ัะ
สงสารทิวจับใจอีกแล้ว เมื่อไหร่ทิวจะมีความสุขกับเขาเสียที
ตอนล่าสุดทำเอาน้ำตาไหลไม่หยุด
คนทั่วไปเค้ามัวแต่เอาไม่บรรทัดของตัวเองมาวัดคนอื่นจริงๆนั่นแหละ

บูมลึกซึ้งและฉลาดมากอ่ะ ที่ให้ทั้งทิวและบูมสัญญาร่วมกัน ::
"เราอยากให้เราสองคนสัญญากันว่า...ตลอดช่วงเวลาที่เราสองคนจะไม่ได้เจอกัน เราจะไม่รักใครคนอื่นอีกเลย เราจะไม่มองใคร จะไม่มอบหัวใจให้ใคร จนกว่า...เราสองคนจะกลับมาที่นี่อีกครั้ง...และยกเลิกสัญญานี้...ด้วยตัวของเราเองเท่านั้น นายยินดีที่จะสัญญากับเราอย่างนี้ไหม"
อย่างน้อยหากตอนหลังแม่บูมยอมรับหรือแม่บูมไม่อยู่แล้ว จะได้กลับมารักและอยู่ด้วยกันได้โดยไม่เกิดปัญหาทีหลัง
นับถือนายจริงๆ บูม เอาใจไปเลย...

จริงๆอยากบอกคุณทิพย์นภาว่า ต่ิอให้บูมเลิกกับทิวจริงๆหรือไม่มีทิวอยู่บนโลกนี้แล้ว บูมก็ยังเป็นเกย์อยู่ดี ก็ต้องมีความสัมพันธ์กับผู้ชายคนอื่นๆอยู่ดี เผลอๆหากไม่มีรักแท้แบบที่มีกับทิว บูมอาจจะคบผู้ชายทีละหลายๆคน หรือเปลี่ยนแฟนผู้ชายไปเรื่อยๆ แล้วแฟนคนต่อๆมาของบูมก็อาจไม่ใช่คนดีแบบทิว คุณแม่บูมจะไม่ยิ่งปวดหัว ปวดใจมากกว่านี้หรือคะ???  แม่บูมเค้าคิดอะไรของเค้านะ เป็นถึงอาจารย์มหาวิทยาลัย น่าจะเข้าใจอะไรได้มากกว่านี้

 :L2: :L2: :L2:  ขอบคุณค่ะ   (+1+เป็ด)
ปล. จบ ตัวใหญ่ที่ว่านี่ แค่จบตอนใช่มั้ยคะ ยังไม่ Happy Ending เลย รอตอนต่อไปค่ะ :กอด1: :กอด1: :กอด1:


icyblue

  • บุคคลทั่วไป
ไม่นะค่ะ จบแบบนี้จริงเหรอ  :sad4:

ต้องมีต่อใช่มั้ยค่ะ......... หรือว่าเป็นแผนแกล้งคุณแม่กลับของบูม :z10:


ออฟไลน์ yeyong

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5857
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +917/-26
รักกัน ไม่จำเป็นต้องอยู่ด้วยกัน
แต่ถ้าได้อย่างนั้นมันก็ดีน๊า

ออฟไลน์ IIMisssoMII

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2030
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-2
ยังไงก้อต้อง ผู้ให้กำเนิดสินะ. รอวันที่เเม่ตาย เอ๊ย ไม่ใช่ รอวันที่ ทั้ง สองคนเติบโตมากกว่านี้.
จากกันทั้งที่รักเนี่ย เจ๊บกว่า จากกันเพราะอีกฝ่ายหมดรักไหม

yayee2

  • บุคคลทั่วไป
ยังไม่จบใช่ไหม
ความรักของทิวกับบูมนี่เป็นอะไรที่น่าเห็นใจที่สุด สองคนรักกันมั่นคงจริงๆ แต่ตัวแปรนี่สิ ทำอะไรไม่ได้เลย
"คุณใจร้ายกับลูกมากนะคุณทิพย์ นี่คุณรักลูกหรือรักตัวคุณเองกันแน่"
อ่านไปก็เกิดคำถามนี้ในใจ ครงกับคำถามของคุณลิขิตพอดี
คำตอบนะคิดว่า แม่ทุกคนย่อมรักลูก แต่ทิพย์นภาเธอรักหน้าตัวเองมากกว่าแค่นั้นเอง
 :เฮ้อ:สองปีอะไรๆจะเปลี่ยนทิพย์นภาได้ไหม คนอัตตาสูงยิ่งขนาดนั้น รักหน้าตัวเองขนาดนั้น

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ panari

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 534
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-1
อย่าเพิ่งจบเลย กำลังสนุก  :impress2: อยากให้ทั้งสองคนมีความสุขกันสักที คุณแม่ใจอ่อนหน่อยเถอะ  :monkeysad:

ออฟไลน์ SungMinKRu

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 570
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +151/-0
    • https://www.facebook.com/pages/SungMinKRu-Boys-Love/311662138876399


 :sad4: :sad4: :sad4: :sad4:


จบแล้วเหรออ อะไรไม่ชีอะงง

คุณคนเขียนมาเคลียร์ด่วนๆ

อยากให้คุณแม่ตายไวไว เอิ๊ก  :laugh: :laugh: :laugh:

ออฟไลน์ sarawatta

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 714
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +300/-10
เดี๋ยวเย็นนี้มาเฉลยครับ
ลองถอดรหัส "จบ....ไม่ใช่ชี" ไปพลางๆ ก่อน ใบ้ให้ก็ได้ว่า ถ้าไม่ใช่ชีแล้วจะเป็นอะไร
มีภาษาอังกฤษด้วย อิๆ  :jul3:

ถามนิดนึงครับ เวลาที่เราจะตอบ reply ของคนอื่นๆ แล้วมี quote คำพูดของเขาด้วยทำยังไงครับ
เห็นคนอื่นๆ ทำแต่ทำไม่เป็นครับ

llihc_mrr

  • บุคคลทั่วไป
เดี๋ยวเย็นนี้มาเฉลยครับ
ลองถอดรหัส "จบ....ไม่ใช่ชี" ไปพลางๆ ก่อน ใบ้ให้ก็ได้ว่า ถ้าไม่ใช่ชีแล้วจะเป็นอะไร
มีภาษาอังกฤษด้วย อิๆ  :jul3:

ถามนิดนึงครับ เวลาที่เราจะตอบ reply ของคนอื่นๆ แล้วมี quote คำพูดของเขาด้วยทำยังไงครับ
เห็นคนอื่นๆ ทำแต่ทำไม่เป็นครับ

กดอ้างถึง ตรงมุมบนขวาของคอมเม้นนั้น ๆ อะครับ

ไม่ใช่ชี ก็ต้องเป็นฮี He=ผู้ชาย
ไม่ใช่ She ผู้หญิง แต่เป็น ผู้ชาย
อะไรผู้ชาย ผู้หญิงครับ โอย งง 5555  :really2:
 :กอด1: :กอด1: :กอด1:

icyblue

  • บุคคลทั่วไป
เดี๋ยวเย็นนี้มาเฉลยครับ
ลองถอดรหัส "จบ....ไม่ใช่ชี" ไปพลางๆ ก่อน ใบ้ให้ก็ได้ว่า ถ้าไม่ใช่ชีแล้วจะเป็นอะไร
มีภาษาอังกฤษด้วย อิๆ  :jul3:


มา  :really2: :m28: o2

ออฟไลน์ jimmyFG

  • Ich Liebe dich.
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2276
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +203/-4
    • @Facebook
ขอโทษนะดราม่าได้แค่นี้หรอ.......แน่จริงจัดมาอีก....เอาอีกๆ....

ไม่ใช่ชีงั้นก็............................พระสิ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-04-2012 13:13:10 โดย jimmyFG »

ออฟไลน์ tarkung

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 997
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1
จะติดตามต่อไปนะครับ

ongongong

  • บุคคลทั่วไป
จบ...ไม่ใช่ชี
จบ...พระ
จบ...monk
จบ...มั้ง :serius2:

ออฟไลน์ sarawatta

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 714
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +300/-10
♥♥♥ รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต (Re-written Version)
CHAPTER 35 ✦ ปืนกระบอกนั้น


"พบศพสองหนุ่มคู่รักเกย์เกยตื้นชายหาดหัวหินในสภาพกอดกันกลม"

คุณทิพย์นภาขมวดคิ้วเมื่อเจอข่าวนี้ในหนังสือพิมพ์ในตอนเช้าก่อนที่เธอจะออกไปทำงาน อ่านหัวข้อแล้วก็ทำสีหน้าไม่ค่อยสบอารมณ์นัก อดค่อนขอดเบาๆ ไม่ได้ว่า

"จะรักอะไรกันนักกันหนา"

เธอวางหนังสือพิมพ์ลงแล้วก็ไม่หยิบมาอ่านต่ออีก ปกติเธอก็จะอ่านบ้างก่อนออกไปทำงาน แต่พอเห็นข่าวนี้แล้วก็พาลทำให้ไม่อยากอ่านหนังสือพิมพ์วันนี้ไปเลย จึงหันมานั่งจิบกาแฟที่เสิร์ฟมาพร้อมกับชุดอาหารเช้าแบบอเมริกัน

"อ้าวบูม...จะไปทำงานแล้วเหรอลูก กินอะไรก่อนไหม แม่พิน...จัดชุดอาหารเช้าให้คุณบูมชุดหนึ่ง"

คุณทิพย์นภาถามลูกชายคนเล็กที่กำลังเดินลงมาแล้วก็หันไปเรียกคนรับใช้ให้ยกชุดอาหารเช้ามาให้บูม

"แล้วพ่อล่ะ ยังไม่ลงมาอีกเหรอ" คุณทิพย์นภาถามพลางเมียงมองหา

บูมนั่งลงที่โต๊ะอาหารแล้วก็ตอบสั้นๆ โดยไม่มองหน้าแม่ไปว่า

"เดี๋ยวลงมาครับ"

จนถึงวันนี้บูมกับแม่ก็ยังคงมีช่องว่างระหว่างกันที่ทำให้บูมไม่รู้สึกสนิทใจกับแม่ หลังๆ มานี้เหมือนแม่จะพยายามเอาใจลูกชายคนเล็กมากขึ้น แต่สิ่งที่ผ่านมานั้นก็ทำให้บูมเจ็บปวดจนเกินที่จะทำใจได้ง่ายๆ

บูมหยิบหนังสือพิมพ์ที่แม่ทิ้งไว้บนโต๊ะมาอ่านระหว่างรอชุดอาหารเช้า พอเห็นข่าวเดียวกับที่แม่เพิ่งเห็นบูมก็นั่งนิ่งเหมือนกำลังคิดอะไรบางอย่าง คุณทิพย์นภาเองก็ลอบสังเกตดูด้วยความสนใจเหมือนอยากรู้ว่าลูกชายของเธอกำลังคิดอะไรอยู่เมื่อได้เห็นข่าวนั้น

แน่นอน...เมื่อเห็นแล้วบูมจะนึกถึงใครไปไม่ได้เลยนอกจาก...คนที่บูมเฝ้าตามหามาตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมา บูมพยายามเรียนอย่างหนักเพื่อให้จบภายในสองปีเศษๆ เรียนหนังสืออย่างเดียว ไม่ทำอย่างอื่นเลยเพราะบูมอยากจะกลับมาหาทิวให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

ตอนที่เรียนอยู่บูมไม่สามารถติดต่อทิวได้ไม่ว่าจะด้วยวิธีใด โทรศัพท์ก็ไม่ติด อีเมล์ก็ไม่ตอบ เฟสบุ๊คก็เงียบเหมือนทิวหยุดอัปเดตไปนานแล้ว พอกลับมาก็ได้รู้ว่าทิวขายบ้านหลังนั้นไปแล้ว ไม่รู้ว่าย้ายไปอยู่ที่ไหน เบอร์โทรศัพท์ก็เปลี่ยน ที่มหาวิทยาลัยก็ไม่มีใครรู้ว่าทิวไปทำงานที่ไหนหลังจากเรียนจบแล้ว บูมพยายามสืบหาจากคนที่คิดว่าน่าจะรู้ข่าวคราวของทิวบ้างก็ไม่มีใครรู้ว่าทิวอยู่ที่ไหนเลยสักคน แม้แต่ต้องเองก็ยังไม่รู้ ทิวหายไปอย่างไร้ร่องรอย ไม่รู้ว่าเป็นตายร้ายดียังไง

กว่าหนึ่งปีแล้วที่ชีวิตในแต่ละวันของบูมมีแต่งานกับงาน งานเทานั้นที่จะทำให้บูมไม่ฟุ้งซ่านกับชีวิต ปีนี้บูมอายุย่าง 26 ปีแล้ว ก็ถือว่าโตเป็นผู้ใหญ่แล้วล่ะ เป็นช่วงเวลาของชีวิตที่กำลังจะสร้างความสำเร็จกับงาน แต่เมื่อขาดสิ่งสำคัญในชีวิตไปแล้วก็พลอยทำให้บูมขาดแรงจูงใจอื่นๆ ในชีวิตไปด้วย หลังๆ มานี้บูมจึงมีอาการคล้ายๆ คนเป็นโรคซึมเศร้าจนพ่อกับแม่เริ่มวิตกกังวล

"อ้าวหนูแพรว ตื่นแล้วเหรอ จะกินอะไรเลยไหม" คุณทิพย์นภาร้องทักลูกสะใภ้ที่เดินลงมากับลูกสาวคนเล็กพลางยิ้ม

"ยังหรอกค่ะ คงสายๆ หน่อย พอดีน้องพีมเขาอยากมาหาบูมน่ะค่ะคุณแม่ แพรวก็เลยพามา" แพรวบอกพลางยิ้มเช่นกัน

บูมวางหนังสือพิมพ์ลงแล้วก็อุ้มหนูน้อยที่เดินมาเมียงมองอยู่ข้างๆ ขึ้นมานั่งบนตัก อารมณ์เปลี่ยนไปเกือบจะทันทีเมื่อได้เห็นความน่ารักเด็กหญิงตัวน้อย

"ว่าไงครับน้องพีม วันนี้กวนคุณแม่แต่เช้าเลยนะครับ" บูมพูดแล้วก็หันไปยิ้มกับแพรว

"ร้องหาบูมตั้งแต่เช้าเลยค่ะ" แพรวบอกพลางยิ้ม

บูมเล่นกับน้องพีมสักพักคุณลิขิตก็ตามลงมาสมทบ

"คุณปู่มาแล้ว" เสียงใสร้องทักอย่างดีใจ

บูมจึงปล่อยน้องพีมให้วิ่งไปหาคุณปู่ คุณลิขิตอุ้มหลานสาวแล้วก็ยิ้มอย่างอารมณ์ดี

"คุณปู่ขา ไปทำงานกับปู่"

ได้ยินอย่างนั้นแล้วคนเป็นปู่ก็หัวเราะชอบใจ ตั้งแต่มีน้องพีมเข้ามาเป็นสมาชิกใหม่ในครอบครัว บ้านหลังนี้ก็มีความสดใสมากขึ้น น้องพีมกลายเป็นจุดสนใจและความรักของทุกคนในบ้าน โดยเฉพาะบูม ว่างเมื่อไรเป็นต้องมาเล่นด้วยหรือไม่ก็พาไปเที่ยวบ่อยๆ จนน้องพีมติดแจ ไปไหนก็ถามหาตลอด

"กินอาหารเช้าก่อนไหมคะ" คุณทิพย์นภาถามสามี

"ไม่เป็นไร เดี๋ยวผมต้องรีบไป มีประชุมแต่เช้า บูมพร้อมหรือยังลูก" คุณลิขิตหันมาถามลูกชาย

"ครับพ่อ ไปเลยก็ได้ครับ" บูมบอกพลางลุกขึ้นเตรียมตัว

"อ้าว...แล้วไม่กินข้าวเช้าก่อนล่ะบูม" แม่ร้องถามอย่างเป็นห่วง

"เดี๋ยวไม่ทันประชุมครับ" บูมตอบเสียงเรียบ

คุณทิพย์นภาหน้าเจื่อนเล็กน้อย บูมเงียบขรึมกับเธอมากตั้งแต่ที่เกิดเรื่องคราวนั้นเมื่อสามปีก่อน ลูกชายคนเล็กคงจะโกรธเธออยู่ในใจบ้างไม่มากก็น้อย ยิ่งนึกถึงข้อแม้ข้อที่สองของบูมที่ขอเธอไว้ตอนอยู่โรงพยาบาลแล้วก็ยิ่งทำให้คนเป็นแม่อย่างเธอเริ่มรู้สึกผิด ถึงบูมจะเลิกคบกับทิวไปแล้ว แต่เธอก็ไม่เห็นว่าชีวิตของบูมจะมีอะไรแตกต่างไป สิ่งที่เธอคาดหวังว่าจะได้เห็นก็มีแต่ริบหรี่ๆ ลงเรื่อยๆ

คุณลิขิตอุ้มหลานสาวมาส่งให้ลูกสะใภ้ พอร่ำลากันพอหอมปากหอมคอแล้วสองพ่อลูกก็รีบไปทำงานทันที

✢ ✣ ✤ ✥ ✦ ✧ ✩ ✪ ✫ ✬ ✭ ✮ ✯ ✰ ★ ✱ ✲ ✳ ✴ ✵ ✶ ✷

"เป็นไงมั่งบูม ได้ข่าวคราวของทิวบ้างไหมลูก"

คุณลิขิตถามขึ้นขณะนั่งรถไปทำงานด้วยกัน เมื่อก่อนต่างคนต่างแยกกันไป เดี๋ยวนี้บูมขับรถไปทำงานกับพ่อเป็นประจำ ยกเว้นวันไหนที่มีธุระคนละที่จึงค่อยไปคนละคัน

"ยังเลยครับพ่อ เห็นเจ้าของบ้านคนใหม่บอกว่าเขาเคยจดเบอร์โทรศัพท์ของทิวไว้อยู่ แต่ก็จำไม่ได้ว่าเอาไปไว้ตรงไหน ผมก็ขอให้เขาช่วยหาให้อีกทีแต่ก็ยังหาไม่เจอครับ วันเสาร์นี้ผมว่าจะลองไปหาอีกสักรอบ"

สีหน้าบูมเริ่มเครียดเมื่อพูดถึงการหายตัวไปของทิว

"พ่อขอโทษจริงๆ นะลูก วันนั้น...พ่อไม่น่าบอกให้ลูก..." แล้วคุณลิขิตก็ถอนหายใจ รู้สึกผิดทุกครั้งที่นึกถึงวันนั้น

"พ่ออย่าพูดถึงมันเลยครับ ไม่ใช่ความผิดของพ่อหรอกครับ ถ้าไม่ทำแบบนั้น...แม่ก็คง..." แล้วบูมก็ไม่รู้จะพูดอะไรต่อ

"บูม...พ่อว่าแม่เขาเริ่มอ่อนลงแล้วล่ะ อีกไม่นานนี้เราจะได้เห็นความเปลี่ยนแปลง แต่ว่าตอนนี้...เราต้องช่วยกันตามหาทิวให้เจอก่อน พ่ออยากเห็นลูกมีความสุข ไม่อยากให้ลูกเป็นแบบนี้เลย"

"เป็นแบบนี้" ที่คุณลิขิตพูดถึงก็คืออาการเศร้าซึมของบูมนั่นเอง พอไม่ได้ทำงานแล้วบูมก็ขลุกตัวอยู่แต่ในบ้าน ไม่ออกไปหาเพื่อน ไม่คบใคร อย่างมากก็พาพีมออกไปเที่ยวหรือซื้อของบ้าง เห็นลูกชายคนเล็กเก็บเนื้อเก็บตัวแล้วก็ยิ่งเป็นห่วง ถ้าปล่อยไว้ให้เป็นอย่างนี้เรื่อยๆ บูมคงเป็นโรคซึมเศร้าเข้าจนได้

พอพูดถึงแม่แล้วบูมก็เงียบ

"บูมยังโกรธแม่อยู่เหรอลูก..."

บูมไม่รู้ว่าจะตอบว่าอย่างไรเหมือนกัน ความจริงก็รู้สึกว่าโกรธ แต่อีกใจหนึ่งก็รู้ว่านั่นคือแม่ จะชั่วดีอย่างไรก็มีความผูกพันทางสายเลือด แต่บูมก็ยังทำใจไม่ได้ที่แม่ทรมานชีวิตลูกชายคนนี้มากเหลือเกิน แม่จะรู้ไหมว่าการพลัดพรากจากคนที่รักกันมากๆ เป็นอย่างไร ไม่ว่าจะกี่ปีผ่านไปบูมก็ไม่เคยลืมช่วงเวลาที่ได้ใช้ชีวิตอยู่กับทิว บูมยังคงทำตามสัญญานั้นที่บูมกับทิวให้กันไว้เสมอ แม้จะมีคนมาชอบหลายคนแต่บูมก็ไม่เคยเล่นด้วย กลายเป็นคนเก็บตัวเงียบจนดูเหมือนว่าแทบจะไม่มีสังคมไปแล้ว นอกจากสังคมในงานที่มีเท่าที่จำเป็น

"พ่อเข้าใจนะลูก แต่เชื่อพ่อ อีกไม่นานนี้แม่จะเข้าใจ"

คุณลิขิตพูดเสียเองเมื่อเห็นบูมนิ่งเงียบ

✢ ✣ ✤ ✥ ✦ ✧ ✩ ✪ ✫ ✬ ✭ ✮ ✯ ✰ ★ ✱ ✲ ✳ ✴ ✵ ✶ ✷

ดูเหมือนบรรยากาศในการกินข้าวเย็นด้วยกันดูกร่อยๆ ชอบกล คนที่นั่งอยู่ตรงหน้าไม่รู้ว่ามีความสุขหรือเปล่าที่มานั่งอยู่ตรงนี้ สีหน้าเหมือนกับถูกบังคับให้มาเสียมากกว่า คนชวนก็เลยชัดหงุดหงิดและอึดอัด

"พี่ทิว...เมื่อไรพี่จะใจอ่อนกับผมเสียที ผมรอมานานแล้วนะ" อยู่ๆ แต๋งก็ถามเรื่องนี้ขึ้นหลังจากที่เคยเลิกถามไปได้หลายเดือนแล้ว

ทิวใช้หลอดดูดเขี่ยแก้วน้ำผลไม้ไปมาพลางเลิกคิ้วมองคนที่นั่งอยู่ตรงหน้า ความจริงวันนี้ก็ไม่ได้อยากออกมาซื้อของหรอก แต่ทนแต๋งรบเร้าไม่ไหวก็เลยต้องยอมมาเป็นเพื่อน ทิวรู้สึกว่ายิ่งใช้เวลาอยู่กับแต๋งมากเท่าไรก็จะยิ่งกลายเป็นการสร้างความหวังให้แต๋งมาขึ้นเท่านั้น แต่ในความเป็นจริง ทิวรักใครไม่ได้อีกแล้ว ไม่ว่าแต๋งจะพยายามแค่ไหนก็ไม่มีประโยชน์หรอก สัญญาที่ให้ไว้กับบูมนั้นทิวรักษามันไว้เป็นอย่างดี ไม่เคยคิดจะผิดสัญญา ไม่เคยคิดที่จะขอให้เจอกับบูมเพื่อยกเลิกสัญญานั้น

"พี่..."

จะบอกยังไงดีหนอ จะบอกว่าไม่รักก็ดูจะทำร้ายจิตใจกันเกินไป จะบอกว่ายังไม่พร้อม ก็ไม่ไช่เรื่องนั้น ทิวไม่อยากโกหกแต่ก็ไม่อยากให้แต๋งมีความหวังใดๆ อีก ทิวอยากอยู่คนเดียว รู้สึกอึดอัดเหลือเกินที่มีคนมาคอยตามอย่างนี้

"ถ้าไม่อยากตอบก็ไม่เป็นไรหรอกพี่ ผมก็ถามไปงั้นแหละ ไม่มีอะไรหรอกครับ"

แต๋งบอกพลางหัวเราะกลบเกลื่อนเมื่อรู้ว่ากำลังสร้างความลำบากใจให้กับทิวอยู่

"อยากรู้จังว่า...คนนั้นที่พี่ทิวชอบเป็นใคร มีดีอะไรนักหนาพี่ถึงไม่เคยลืมเขาเลย" แต๋งก็ยังไม่วายที่จะพูดกระเง้ากระงอดอีกจนได้

สาเหตุหนึ่งที่ทำให้ทิวไม่ใจอ่อนง่ายๆ ก็เป็นเพราะแต๋งยังเด็กนี่แหละ แต๋งไม่สามารถทำให้ทิวรู้สึกอบอุ่นใจเหมือนเวลาที่อยู่กับบูม อ้อมกอดของบูมเท่านั้นที่ทิวเฝ้าโหยหา อ้อมกอดที่เต็มไปด้วยความรัก ความห่วงใยและความอบอุ่น กลิ่นกายที่หอมอุ่นๆ นั้นไม่เคยจางหายไปจากความทรงจำของทิวเลย แต่ทิวก็จำใจต้องจากมาด้วยความทรมาน ตัดช่องทางการติดต่อทุกอย่างที่บูมจะติดต่อได้เพราะแม่ของบูมได้ขอแกมบังคับเอาไว้

พอบูมไปแล้วทิวก็ยังถูกแม่ของบูมตามรังควานอยู่พักใหญ่เพราะยังไม่ไว้ใจว่าทิวได้ตัดขาดการติดต่อกับบูมไปจริงหรือเปล่า พอทิวได้งานทำจึงตัดสินใจขายบ้านและย้ายมาอยู่ที่นี่เสียเลย ครอบครัวของบูมจะได้สบายใจว่าทิวจะไม่กลับไปทำลายอนาคตของบูมอีก แล้วก็ได้มาเจอแต๋งที่ทำงานอยู่ที่เดียวกัน

"พี่ว่าเรากลับกันดีไหม ห้างใกล้จะปิดแล้ว"

ทิวรีบเปลี่ยนเรื่อง หลีกเลี่ยงที่จะสบตากับแต๋งเพราะกลัวว่าจะแสดงความไม่พอใจให้แต๋งเห็น แต๋งเเหมือนจะรู้ตัวว่าทำให้ทิวรู้สึกอึดอัดจนเกินไปจึงต้องยอมหยุด แล้วก็ยอมกลับบ้านแต่โดยดี

แต๋งขับรถมาส่งทิวถึงที่พัก แล้วก็จะขอช่วยถือของขึ้นไปส่งทิวที่ห้องพักด้วย

"เดี๋ยวผมช่วยถือขึ้นไปส่งละกันครับพี่ทิว"

แต๋งว่าพลางฉวยของใช้ส่วนตัวที่ทิวถืออยู่มาถือเสียเอง พอทิวจะร้องห้ามแต๋งก็รีบดักไว้

"ให้ผมช่วยเถอะนะพี่ อย่าปฏิเสธผมบ่อยๆ อย่างงี้สิครับ ผมรักพี่นะ พี่ไม่รักผมตอบผมก็ไม่ว่าหรอก ให้ผมทำอะไรให้พี่หน่อยไม่ได้เลยเหรอ"

ทิวก็เลยต้องยอม แต๋งล็อกรถแล้วก็เดินตามทิวขึ้นมาบนห้องพัก แล้วแต๋งก็ทำสิ่งที่ทิวคาดไม่ถึง เมื่อแต๋งเอาของวางไว้แล้วแต๋งก็วิ่งเข้ามกอดทิวจากทางด้านหลัง

"แต๋งจะทำอะไรครับ" ทิวร้องด้วยความตกใจพลางพยายามจะแกะมือนั้นออก

"พี่ทิว...ให้ผมกอดพี่บ้างได้ไหม พี่รู้ไหมว่าผมทรมานใจแค่ไหนเวลาที่อยู่ใกล้ๆ พี่แล้วทำอะไรไม่ได้ ทำไมพี่จะต้องคอยปฏิเสธผมอยู่ตลอดเวลา พี่ไม่เห็นใจผมบ้างเหรอ ผมขอแค่ได้กอดพี่บ้างเท่านั้น ผมไม่ทำอะไรมากกว่านี้หรอก นะพี่นะ อย่าปฏิเสธความรักของผมอย่างนี้สิครับพี่ทิว"

แต๋งพยายามร้องขอความเห็นใจสุดฤทธิ์ ทิวอึ้งกับคำขอร้องนั้นแล้วก็ปล่อยให้แต๋งกอด ที่ต้องคอยปฏิเสธนั้นเป็นเพราะว่าทิวไม่อยากพาตัวเองเข้าไปพัวพันกับความยุ่งยากโดยไม่จำเป็น แค่ที่เป็นอยู่นี้ก็ยุ่งยากมากพอแล้ว แต๋งไม่เคยลดละและพยายามที่จะเอาชนะใจทิวเลย ไม่ว่าทิวจะปฏิเสธยังไงก็ตาม

พอเห็นทิวนิ่ง แต๋งก็เริ่มได้ใจ ค่อยๆ เลื่อนมือลงต่ำจนถึงขอบกางเกงของทิว ทิวรู้สึกตกใจรีบจับมือนั้นไว้ทันทีก่อนที่มันจะเลื่อนลงต่ำไปมากกว่านั้น

"แต๋ง...อย่าทำแบบนี้นะครับ พี่ไม่ชอบ" ทิวบอกด้วยเสียงดุ

แต๋งรีบหดมือกลับ ปล่อยทิวแล้วก็ทำหน้าจ๋อยๆ

"ผมขอโทษ"

แต๋งบอกเสียงห้วนๆ คล้ายๆ กับเด็กเอาแต่ใจที่รู้สึกไม่พอใจเมื่อไม่ได้อย่างที่ต้องการ แต่นั่นก็คือนิสัยของแต๋งล่ะ จากนั้นก็ทำหน้าง้ำหน้างอ เดินไปหยิบรองเท้ามาใส่ แล้วก็เดินออกไปจากห้องทิวโดยไม่พูดกับทิวอีก

ทิวถอนหายใจยาวด้วยความโล่งใจเมื่อแต๋งไปแล้ว ต่อไปนี้คงจะต้องหลีกเลี่ยงการอยู่ตามลำพังกับแต๋งสองต่อสองแล้วล่ะ ไม่ไว้ใจเด็กคนนี้เลย มือไวใจเร็วอย่างนี้อาจจะทำให้ทิวพลาดท่าเสียทีได้

ทิวเดินไปที่เตียงนอนแล้วก็หยิบรูปที่หัวเตียงนั้นมาถือไว้ รูปที่ทำให้น้ำตาไหลแทบจะทุกครั้งที่นั่งมองและหวนคิดถึงความทรงจำเก่าๆ รูปนี้พี่บีมเป็นคนถ่ายให้ตอนงานเปิดตัวโครงการ บูมกอดทิวไว้จากข้างหลังแล้วก็ยิ้มสดใส ใครที่เห็นรูปนี้แล้วก็จะรู้ได้ทันทีว่าสองคนในรูปนี้มีความสัมพันธ์กันที่ดีต่อกันมากแค่ไหน

ความคิดถึงแล่นเข้าไปจนสุดขั้วหัวใจ แทบจะไม่มีวินาทีไหนที่ทิวไม่คิดถึงผู้ชายคนนี้เลย ยิ่งได้เห็นรูปนี้หรืออะไรก็ตามที่ทำให้นึกถึง ทิวก็ยิ่งคิดถึงมากขึ้น เบอร์โทรศัพท์ของบูมก็ยังจำได้ไม่เคยลืม บางทีอยากจะโทรหาใจจะขาดก็ไม่สามารถทำได้ ป่านนี้บูมคงจะกลับมาจากเมืองนอกแล้ว คงจะกลับมาช่วยพ่อทำงาน เป็นความหวังและอนาคตของครอบครัว อนาคตที่แม่ของบูมกลัวว่ามันจะดับลงถ้าบูมยังรักทิวอยู่

ป่านนี้แล้ว...บูมจะยังรักษาสัญญานั้นไว้หรือเปล่านะ บูมกำลังรอทิวอยู่หรือเปล่าหนอ ไม่รู้ว่าจะมีโอกาสได้เจอกันในชาตินี้อีกหรือเปล่า บางครั้งทิวก็อยากจะไปหาบูมที่บ้านเหลือเกิน แค่ขอให้ได้เห็นหน้า ได้รู้ว่าสบายดี ไม่หวังว่าจะต้องกลับมารักกัน แค่อยากเห็นว่าคนที่ทิวรักที่สุดมีชีวิตที่สุขสบาย ไม่เจ็บไข้ได้ป่วย แค่นี้ทิวก็พอใจแล้ว ขอแค่นี้เอง ไม่รู้ว่าครอบครัวของบูมจะกีดกันอะไรกันนักหนา

✢ ✣ ✤ ✥ ✦ ✧ ✩ ✪ ✫ ✬ ✭ ✮ ✯ ✰ ★ ✱ ✲ ✳ ✴ ✵ ✶ ✷

"ผมไม่ไปครับแม่" บูมตอบสั้นๆ แล้วก็ท่าทางจะเดินออกไปจากห้องที่แม่เรียกเข้ามาคุยด้วย

"บูม...ลูกจะอยู่แบบนี้ได้ยังไง บูมควรจะคิดถึงการมีครอบครัวไว้บ้างนะลูก พี่บีมเขาก็แต่งงานแล้ว ก็เหลือแต่บูมนี่แหละที่แม่ยังเป็นห่วงอยู่ แม่ไม่สบายใจเลยที่บูมเอาแต่เก็บตัวแบบนี้"

บูมถอนหายใจแล้วก็หันกลับไปบอกแม่ว่า

"แม่ครับ เราเคยสัญญากันไว้แล้วไม่ใช่เหรอครับ"

คุณทิพย์นภาชะงักและอึ้งไป มันเป็นสัญญาที่เธอเองก็ไม่เต็มใจนักแต่ก็ต้องยอมสัญญาเพื่อแลกกับการที่บูมยอมเลิกกับทิว เธอก็ไม่คิดว่าบูมจะจริงจังกับสัญญานั้นขนาดนี้ คนวัยหนุ่มอย่างบูมไม่น่าจะทนอยู่เหงาๆ ได้นาน ไม่นานบูมก็คงอยากจะมีใครสักคน แต่ก็กลับไม่เป็นเช่นนั้นเมื่อบูมเอาแต่เก็บตัว ไม่ยอมออกไปพบเจอใครถ้าไม่จำเป็น ทำงานเสร็จแล้วก็กลับบ้าน เล่นกับหลานบ้าง อ่านหนังสือบ้าง หรือไม่ก็ทำงานอยู่ในห้อง เห็นบูมเป็นอย่างนี้เธอก็อดสงสารและเป็นห่วงลูกชายคนเล็กไม่ได้

"แม่รู้...แต่ว่า..."

"แม่จะเอายังไงกับผมอีกครับ ที่ผ่านมาผมยังทำให้แม่ไม่พออีกเหรอ แม่จะเอาชีวิตผมไปด้วยไหมครับ ไหนๆ ชีวิตนี้ผมก็ไม่เคยมีอิสระที่จะเลือกอะไรได้ด้วยตัวเองเลย แม่รู้บ้างไหมครับว่าผมทรมานแค่ไหน ทุกวันนี้...ที่ผมเป็นแบบนี้...ก็เป็นเพราะผมยังรักทิวอยู่ ผมจะทำให้แม่เห็นว่า...จนตายผมก็จะยังรักเขา"

บูมระเบิดอารมณ์ออกมาจนได้เมื่อรู้ว่าแม่คิดจะจับคู่ให้อีกทั้งๆ ที่เคยขอแม่ไว้แล้วว่าให้เลิกทำอย่างนี้ บูมอดทนและทำตามที่แม่ต้องการมามากพอแล้ว แม่ควรจะพอใจกับสิ่งที่ได้ไป การสูญเสียคนรักมันก็มากเกินไปด้วยซ้ำ บูมก็ยังอุตส่าห์ยอมทำให้

"ผมสูญเสียคนที่ผมรักไปแล้ว แม่เห็นไหมครับว่าชีวิตผมเป็นยังไง ผมรู้ว่าแม่หวังดี แต่แม่เห็นไหมครับว่ามันเกิดอะไรขึ้น แม่คิดว่าผมจะลืมเขาได้ง่ายๆ เหรอครับในเมื่อเรารักกันมากขนาดนั้น ทิวเขาดีกับผมมากขนาดไหน ตั้งแต่เรียนหนังสือด้วยกัน ถ้าผมไม่ได้เจอเขา ผมก็คงไม่รู้หรอกว่าความสดใสในชีวิตเป็นแบบไหน ที่ผมรักเขาเพราะเขาช่วยเปลี่ยนแปลงชีวิตผม เขาช่วยทำให้ผมได้รู้ว่าคนที่รักผมจริงๆ เป็นแบบไหน เขาคอยดูแลผม เป็นห่วงผม ช่วยผมทุกอย่าง เขารักผมมาก และผมก็รักเขามาก ผมลืมเขาไม่ได้ ผมคิดถึงเขาทุกลมหายใจ แค่ผมรู้ว่าทิวอยู่ที่ไหน ผมจะไปหาเขาทันที ผมจะไปอยู่กับเขา ชีวิตผมอยู่กับเขา หัวใจผมอยู่กับเขา ผมเอาไปให้คนอื่นที่ผมไม่รักไม่ได้ แม่รู้จักความรักไหมครับ แม่รู้จักมันหรือเปล่า ถ้าแม่รู้จักความรัก แม่ก็จะเข้าใจผม"

นี่คงเป็นครั้งแรกที่บูมพูดกับแม่ด้วยอารมณ์สะเทือนใจมากขนาดนี้ คุณทิพย์นภาได้แต่อ้าปากค้างด้วยอย่างคาดไม่ถึง สิ่งที่บูมพูดก็ทำให้เธอได้คิดอะไรหลายอย่าง เธอต้องคิดได้สิเพราะเธอก็เห็นอยู่ว่าชีวิตของลูกชายคนเล็กตอนนี้เป็นยังไง บูมอยู่เหมือนคนไม่มีชีวิตจิตใจ เธอคิดว่าจะเปลี่ยนใจบูมได้ แต่บูมก็ได้ทำให้เธอเห็นว่าไม่ง่ายขนาดนั้น เธอคิดผิดที่คิดว่าอะไรก็คงจะไม่ยาก แต่มันก็ยากกว่าที่เธอคิดไว้มากทีเดียว

ตอนนี้บูมกำลังจะทำให้เธอเห็นว่า "แม่" คือคนที่พรากชีวิตและอนาคตที่สดใสไปจากลูกเสียเอง

บูมหันหลังกลับแล้วเดินกลับขึ้นไปทำงานบนห้องนอนต่อ ทิ้งให้คุณทิพย์นภายืนตกตะลึงแล้วก็ร้องไห้ สิ่งที่เธอเรียกว่า "ความหวังดี" กำลังส่งผลและย้อนคืนกลับมาหาเธอแล้ว ความหวังดีนั้นได้ทำให้ลูกชายที่เธอรักต้องกลายเป็นคนซึมเศร้า เก็บตัวและไม่คิดจะแต่งงานมีครอบครัว เธอไม่เคยคาดคิดมาก่อนจริงๆ ว่าเธอกำลังทำให้ลูกของตัวเองต้องมีชีวิตแบบนี้ เธอบังคับได้แต่ตัว แต่หัวใจของลูกเป็นสิ่งที่เธอได้ตระหนักแก่ใจแล้วว่าเธอไม่สามารถเปลี่ยนได้

✢ ✣ ✤ ✥ ✦ ✧ ✩ ✪ ✫ ✬ ✭ ✮ ✯ ✰ ★ ✱ ✲ ✳ ✴ ✵ ✶ ✷

"คุณทิพย์คะ แม่พินเจออันนี้ในห้องของคุณบูมค่ะ"

แม่พินที่เป็นคนรับใช้ในบ้านหลังนี้มาอย่างยาวนานเดินมารายงานทิพย์นภาทันทีที่เธอกลับมาถึงบ้าน พอเห็นสิ่งที่คนรับใช้เอามาให้ดูแล้วเธอก็เบิกตากว้างด้วยความตกใจ

บูมเอาปืนมาทำไม ทำไมในห้องของบูมถึงมีปืน ลูกชายคนเล็กของเธอคิดจะทำอะไรกันแน่ ในบ้านของเธอไม่เคยมีสิ่งของแบบนี้เลย บูมเองก็ไม่มีศัตรูที่ไหนจนถึงกับต้องพกปืน หรือว่าบูมกำลังคิดที่จะ...

พอคิดมาถึงตรงนี้คุณทิพย์นภาก็แทบจะทรงตัวไม่อยู่

"แม่พินเอาปืนมานี่"

แม่พินยื่นปืนที่ห่อผ้าสีขาวให้ตามที่คุณทิพย์นภาบอก จากนั้นคุณทิพย์นภาก็รีบเดินลิ่วขึ้นไปบนห้องของตัวเอง วางปืนของลูกชายคนเล็กไว้บนโต๊ะในห้องแล้วก็รีบโทรหาสามีที่ยังคงอยู่ที่ทำงาน

"คุณคะ แม่พินเจอปืนในห้องของบูม ฉันกลัวค่ะ ฉันกลัวว่าลูกจะฆ่าตัวตัวตาย"

คุณทิพย์นภาพูดไปร้องไห้ไป

"จริงเหรอคุณ"

"ค่ะ ตอนนี้ปืนของบูมอยู่กับทิพย์แล้ว ฉันจะทำยังไงดีคะคุณ ฉันกลัว..."

คุณลิขิตเงียบไปนานพอสมควร ช่วงนี้อาการของบูมน่าเป็นห่วงมากเพราะเข้าข่ายเป็นโรคซึมเศร้าแล้ว ถ้าถึงขั้นมีปืนติดตัวไว้อย่างนี้ก็อาจจะนำไปสู่โศกนาฏกรรมที่คาดไม่ถึง คนที่เสียใจที่สุดก็คงจะเป็นคนที่หวังดีต่อลูกอย่างผิดๆ นั่นแหละ

"คุณทิพย์ คุณรู้ใช่ไหมว่าบูมกำลังเป็นโรคซึมเศร้า"

"ค่ะ" คุณทิพย์นภาตอบสั้นๆ

"แล้วคุณรู้ไหมว่าทำไม..."

คราวนี้คุณทิพย์นภาเป็นฝ่ายเงีบบบ้าง เธอคงรู้ดีอยู่แก่ใจว่าทำไมลูกชายคนเล็กถึงได้กลายเป็นเช่นนั้น

"แล้วทิพย์ควรจะทำยังไงดีคะ ทิพย์กลัวเหลือเกิน ทิพย์กลัวลูกจะ..."

คุณทิพย์นภาร้องไห้อีกคำรบ ยิ่งรู้ว่าสิ่งที่เธอทำทำให้ลูกเป็นหนักถึงขนาดนี้ก็ยิ่งรู้สึกผิด

"คุณเก็บปืนไว้ก่อน เดี๋ยวผมจะคุยกับลูกเอง แต่คุณ...คุณต้องเปลี่ยนตัวเองแล้วนะคุณทิพย์ ไม่อย่างงั้น...คุณจะเป็นคนที่ฆ่าลูกที่คุณรักเสียเอง คุณทำร้ายลูกมาเยอะแล้ว ผมก็ไม่อยากซ้ำเติมคุณหรอกนะคุณทิพย์ ผมแค่อยากให้คุณตะหนักว่าคุณกำลังทำร้ายลูก ไม่ใช่รักลูก ถ้าคุณยังไม่ยอมเปลี่ยนแปลงตัวเอง ผมกับคุณก็อาจจะต้องทำใจ ลูก...เราเลี้ยงเขาได้แต่ตัว ชีวิตมันเป็นของเขาตั้งแต่วันที่เขาเกิดมาแล้ว ผมรู้ว่าคุณหวังดี กลัวลูกจะเสียอนาคต กลัวคนจะไม่ยอมรับ แต่บูมไม่เคยเห็นกลัวเรื่องนั้นทั้งๆ ที่มันเป็นปัญหาของเขาเอง แต่พ่อแม่อย่างเรากลับตีตนไปก่อนไข้ กลัวไปสารพัด ต่อให้ลูกเจอปัญหาอย่างนั้นเข้าจริงๆ เขาก็ต้องเรียนรู้ที่จะแก้ปัญหา แล้วผมก็เชื่อว่าลูกจะแก้ปัญหาได้ สุดท้ายลูกเราก็จะได้รับการยอมรับเพราะเขาจะพิสูจนต์ตัวเองให้คนอื่นเห็นว่าเขาก็เป็นคนที่มีคุณค่า หน้าที่ของพ่อแม่อย่างเราก็คือสนับสนุนลูกให้ต่อสู้ชีวิตได้ ไม่ใช่ไปคิดแทน ชี้นำหรือครอบงำความคิด ถ้าลูกไม่มีความสุข พ่อแม่อย่างเราจะมีความสุขได้เหรอคุณทิพย์ คุณปล่อยลูกซะทีเถอะนะคุณทิพย์"

คุณทิพย์นภาอึ้งไปอีกรอบ ที่ผ่านมาสามีเคยคุยกับเธอเรื่องนี้อยู่บ่อยๆ แต่เธอก็ไม่เคยฟังและไม่เข้าใจ จนกระทั่งเกิดเหตุการณ์อย่างนี้เธอถึงได้รู้ว่าที่สามีพยายามจะบอกเธอมาตลอดคืออะไร เธอเป็นคนดื้อและหัวแข็ง ใครๆ ก็รู้กันดี ลูกชายคนเล็กของเธอก็คงจะได้นิสัยดื้อๆ อย่างนี้ไปจากเธอบ้างไม่มากก็น้อย แต่บูมก็ดื้อรั้นเพื่อพิสูจน์ให้แม่เห็นว่าแม่เปลี่ยนสิ่งที่บูมเป็นไม่ได้

ตอนนี้ก็ขึ้นอยู่กับเธอแล้วว่าเธออยากจะเห็นลูกเป็นอย่างที่เธออยากให้เป็น หรืออยากจะเห็นลูกมีความสุขและมีชีวิตตามธรรมชาติและตัวตนของลูกเอง การตัดสินใจของเธอครั้งนี้สำคัญมากเพราะมันหมายถึง "ชีวิต" ของลูกที่เธอรักแสนรักนั่นเอง

TBC

ขอรณรงค์ให้คนอ่านสละเวลา 1 วินาทีบวกเป็ดเป็นกำลังใจให้ 'นักเขียนทุกคน' ทุกเรื่อง ทุกตอนนะครับ สร้างสรรค์ชุมชนแห่งการแลกเปลี่ยนแบ่งปัน
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-09-2015 08:31:01 โดย sarawatta »

ออฟไลน์ eern

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 615
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-5
เป็นแม่คนที่ใจ :z3:ร้ายมากทำอย่างนี้รักตัวเองมากก่วารักลูกบูมน่าสงสารทีสุด :m15:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Gapompom

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 136
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
ยังดีนะว่าคิดได้ว่าลูกตัวเองไม่มีความสุข

llihc_mrr

  • บุคคลทั่วไป
กว่าจะคิดได้ นานเกินไปหรือเปล่า  :m16:

Mc_ma

  • บุคคลทั่วไป
  :laugh: :laugh: ฮากับมุข จบ.....ไม่ใช่ชี

นั่นไง พี่บีมแต่งงานกับแพรว แล้วมีลูกสาวชื่อ พีม
เป็นคู่ที่เหมาะสมมากกกกกกกกกก.......ลุ้นอยู่เลยค่ะ คู่นี้

บูมกับทิวต่างก็รักษาสัญญาที่ให้แก่กันไว้เป็นอย่างดี
รอก็แต่คุณแม่บูมนี่ล่ะ ยอมรับความรักของ 2 คนนี้เถอะนะคะ ก่อนที่อะไรๆจะสายเกินไป

จะมีบททดสอบไหนมาทดสอบทิวอีกล่ะเนี่ย ที่ผ่านมาทิวก็น่าสงสารที่สุด....แล้ว
ตอนนี้เริ่มสงสารบูมอีกคน  การถูกแยกจากคนรักทั้งที่รักกันมาก มันทรมานจริงๆ
เอาใจช่วยทิวกับบูมให้แม่บูมยอมรับเรื่องนี้ในเร็ววันนะคะ  :กอด1: :กอด1:

 :L2: :L2: :L2: ขอบคุณค่ะ  :กอด1: :กอด1:
เป็นกำลังใจให้คนแต่งเสมอค่ะ (+1+เป็ด)


ออฟไลน์ Cynthia_Moonlight

  • เมื่อไหร่จะพ้นขีดอันตราย =_=+
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 180
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-1
คิดได้แล้วเหรอ บทจะนึกถึงใจคนอีกออกก็ง่ายเหลือเกินนะคะคุณนายขา ไอ้ที่เขาพูดกันปากเปียกปากแฉะไม่รู้จักฟัง พอโดนลูกพลั่งพรูความในใจใส่ก็ทำเป็นคิดได้ ช้าไปกี่ปีคะเนี่ย

ยิ่งตอนนี่ทิวดันมีคนจ้องจะเสียบอยู่

อ๊ากกกกก ขออภัยที่เราอินเกินไป




ออฟไลน์ SungMinKRu

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 570
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +151/-0
    • https://www.facebook.com/pages/SungMinKRu-Boys-Love/311662138876399


ฮากับมุข จบไม่ใช่ชี ฮาตัวเองที่ไม่เก็ท  :laugh3: :laugh3: :laugh3:


เมื่อไหร่หนอ ที่คุณหญิงแม่จะเปิดอกรับหนูทิวเป็นเขยสะใภ้สักที  o9 o9 o9


ง่า เป็นกำลังใจให้คนแต่งนะค่ะ  :กอด1: :L2: o13

ออฟไลน์ z-Time

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 295
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
ต๊กกะจาย นึกว่าบูมแต่งงานกับแพรว

ที่แท้พี่บีม ก็มาปิ๊งซะเอง  :o8:

คุณแม่ก็ปล่อยวาง เห็นแก่ความสุขของลูกซะทีเถ๊อะ

2 คนเค้าทรมานมามากแล้วนะค่ะ :sad4:

ออฟไลน์ naiin

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2421
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +141/-9
                              โครตสมน้ำหน้าคุณนายเลย ลูกด่าทางอ้อมแล้วนิ สมองอันน้อยนิด กับจิตที่มืดบอดมองความต้องการของตัวเองเป็นใหญ่มันจะสะเทือนมั้ยน้อ สร้างลูกมากับมือแล้วก็ฆ่าลูกทั้งเป็น อนิจจาความรักของแม่แบบนี้มีด้วยหรือ

ออฟไลน์ IIMisssoMII

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2030
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-2
อย่าให้เจอกันง่ายนะขอร้อง

ออฟไลน์ tarkung

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 997
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1
จะติดตามต่อไปนะครับ

ขอเป็นกำลังใจให้นะ

yayee2

  • บุคคลทั่วไป
สงสัยอาจารย์ทิพย์นภาเธอจะจงใจลืมคำสุภาษิตโบราณที่ว่า "ปลูกเรือนตามใจผู้อยู่ ผูกอู่ตามใจผู้นอน"
เลยกลายเป็นว่าเธอคือผู้ที่ "พรากความสุข พรากความมีชีวิตชีวา" ไปจากลูก
นานเกินไปหรือเปล่านี่กว่าที่เธอจะคิดได้
อ่านตอนที่บูมพูดกับแม่ด้วยแรงอารมณ์ที่เก็บกดแล้วน้ำตาซึม :monkeysad: สงสารบูมจัง


 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด