▙▜ รักนี้มีล้อ ◯ น้องเก้า VS พี่แตซอง ▛▟CHAPTER 04 ☯ พี่ชายใจดี
ผมว่าความรักของผมครั้งนี้ ส่วนหนึ่งเกิดจากความใกล้ชิด เพราะการทำงานเป็น PA นั้น ต้องมีการถึงเนื้อถึงตัว สัมผัสกัน ใกล้ชิดกันอยู่แทบตลอดเวลา ทุกครั้งที่ผมอุ้มหรือช่วยยกพี่แตซอง แน่นอนว่ามันต้องสัมผัสกัน กอดกัน ทำให้ผมรู้สึกอุ่นใจทุกครั้ง ไม่เคยรู้สึกเหนื่อยเลยที่ได้ช่วย ช่วงต่อไปนี้ผมจะขอเล่าเหตุการณ์ที่ประทับใจนะครับ เพราะไม่สามารถจำรายละเอียดทั้งหมดได้ทุกวัน
วันต่อมาที่ผมไม่ได้ไปเป็น PA นั้น ผมก็รู้สึกไม่ค่อยสบายใจอย่างบอกไม่ถูก รู้สึกเป็นห่วงพี่แตซองมากจนอยากจะไปหาเสียเดี๋ยวนั้นเลย ไม่รู้ว่า PA อีกคนที่มาทำงานจะช่วยพี่แตซองได้ดีไหม แล้วตอนเย็นพี่แตซองจะอาบน้ำหรือจะขึ้นเตียงนอนยังไง ผมรู้สึกกระวนกระวายใจจนในที่สุดก็ทนไม่ไหวจนต้องโทรไปหาพี่แตซองครับ พี่แตซองกำลังกินข้าวเย็นอยู่พอดี
"พี่แตซอง เป็นไงบ้างครับวันนี้"
"อ้อ เก้าเหรอ ก็โอเคครับ" เสียงตามสายตอบมา แค่ได้ยินเสียงพี่แตซองผมก็ดีใจแล้วครับ
"พี่อาบน้ำหรือยัง ต้องการคนช่วยไหมครับ" ผมถามหยั่งเชิง
"อ๋อ กำลังกินบะหมี่อยู่ครับ แต่วันนี้พี่ว่าจะไม่อาบน้ำ"
"ให้ผมไปช่วยไหมพี่ พี่จะได้อาบน้ำไง จะได้นอนสบายๆ"
"อย่าเลยเก้า เก้าอยู่กับครอบครัวไปเถอะ อย่าทำให้พี่เคยตัวสิ ยังไงๆ เก้าก็ต้องมาอยู่แล้ว พี่ไม่อยากรบกวนเก้ามากจนเกินไป"
"ไม่รบกวนหรอกครับ ผมอยากไปช่วยพี่จริงๆ ผมไม่เอาค่าจ้างหรอกครับ พอดีผมเองก็อยู่ว่างๆ ไม่รู้จะทำอะไรเหมือนกัน" ผมต่อรอง
พี่แตซองเงียบไปเหมือนคิดอะไรบางอย่าง
"นะพี่ เดี๋ยวผมก็กลับประเทศไทยแล้ว ผมอยากเรียนรู้งานนี้ให้เก่งๆ ครับ เผื่อจะได้เอาไปใช้ที่ประเทศไทยบ้าง"
"เก้า พี่ว่าอย่าดีกว่านะ พี่เกรงใจ เดี๋ยวเกาจะเหนื่อยเกินไป" พี่แตซองยังคงยืนกรานปฏิเสธ
"ให้ผมไปเถอะครับพี่แตซอง ผมเป็นห่วงพี่ครับ ผมไม่เหนื่อยหรอก งานไม่ได้หนักอะไรเลย"
พอเจอคำว่าเป็นห่วงเข้าไปพี่แตซองก็คงอึ้งไปเหมือนกัน
"ผมไม่ได้ไปในฐานะ PA นะครับ ให้ผมไปหาพี่แตซองในฐานะน้องชายได้หรือเปล่าครับ"
พี่แตซองเงียบไปอีก คงคิดหนักเลยทีเดียว แต่สุดท้ายก็ตอบตกลง
"แล้วแต่เก้าละกัน"
ผมร้องเย้ดีใจจนแม่กับน้าสาวที่นั่งคุยกันอยู่ต้องหันมามองด้วยความสงสัย ผมก็เลยได้แต่หัวเราะแหะๆ อ้อ คนที่ผมจะต้องเจรจาต่อก็คือแม่ผมเองนี่แหละครับ ตอนนี้เย็นแล้วไม่รู้ว่าแม่จะยอมให้ผมไปหรือเปล่า
"แม่ครับ...พอดีพี่แตซองไม่มีใครช่วยอาบน้ำให้เลย ผมว่าจะไปช่วยพี่เขาหน่อย ไปแป๊บเดียวครับแม่ ไม่เกินสามทุ่มก็จะกลับครับ"
แม่ผมทำหน้าครุ่นคิด แต่ผมรู้ว่าแม่ผมน่ะเป็นคนใจดี แม่ไม่ขัดข้องหรอกถ้าผมจะไปช่วยพี่แตซอง
"แล้วเก้าไม่เหนื่อยเหรอลูก พรุ่งนี้ก็ต้องไปอีกนะลูก"
"ไม่หรอกครับแม่ เก้ายังวัยรุ่นอยู่นะครับ แรงผมเยอะจะตาย ผมขี้เกียจอยู่เฉยๆ น่ะครับ อีกอย่าง...ผมก็ทำแค่สองเดือนเองครับแม่ กลับไปก็ไม่ได้ทำแล้ว"
"อือๆ อย่ากลับดึกละกัน"
✢ ✣ ✤ ✥ ✦ ✧ ✩ ✪ ✫ ✬ ✭ ✮ ✯ ✰ ★ ✱ ✲ ✳ ✴ ✵ ✶ ✷
ผมใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมงก็มาถึงห้องพี่แตซอง พอเจอหน้ากันเราต่างก็ยิ้มดีใจให้กัน ผมว่าพี่แตซองคงจะเหงาบ้างแหละ พอมีคนมาหาก็เลยดูมีความสุขมากขึ้น ผมเองก็เริ่มมีความรู้สึกผูกพันกับพี่แตซองเสียแล้ว อยากมาช่วย อยากสัมผัสไออุ่นเวลาที่ได้กอด อยากเห็นแววตาที่แสนอบอุ่นคู่นั้นที่ผมมองไม่เคยเบื่อ
"กินข้าวหรือยังครับ" พี่แตซองถาม
"ยังเลยครับ พอดีรีบมา" ผมบอกกึ่งขำ
"กินบะหมี่ไหม พี่ซื้อเตรียมไว้เยอะเลย มีหลายรส"
พี่แตซองชวนแล้วก็เข็นนำผมไปที่ห้องทำอาหาร ผมเดินตามไปพร้อมช่วยเข็นด้วย
"ให้ผมช่วยเข็นนะครับ พี่จะได้ไม่ต้องเหนื่อย" พี่แตซองหันมายิ้มแล้วก็พยักหน้า
พี่แตซองซื้อบะหมี่หรืออาหารสำเร็จรูปไว้หลายอย่างเลยครับ มีทั้งบะหมี่ ซุปสาหร่าย กิมจิที่เป็นของโปรดของผมเลยล่ะ แล้วก็อีกหลายอย่าง ผมเลือกบะหมี่รสกิมจิ พร้อมกับกิมจิแบบซองครับ
"ให้ผมช่วยนะครับ" ผมรีบร้องบอกเมื่อเห็นพี่แตซองจะกดน้ำร้อนใส่ชามบะหมี่ให้ผม
"ไม่เป็นไร เก้าเป็นแขกของพี่นะคืนนี้ เดี๋ยวพี่บริการเอง"
ผมก็เลยต้องยอมให้พี่แตซองบริการครับ ก็ดีเหมือนกัน ผมเองก็จะได้เรียนรู้ด้วยว่าเวลาอยู่กับคนพิการไม่จำเป็นต้องตั้งหน้าตั้งตาช่วยเสมอไป ให้เขาช่วยทำบางอย่างให้เราบ้างก็ได้
"ขอบคุณครับพี่ อ้อ...ตอนที่ผมโทรมาพี่กินบะหมี่อยู่หรือเปล่าครับ"
ผมถามอย่างนั้นเพราะสงสัยว่าทำไมน้ำร้อนจึงพร้อมสำหรับใช้งานเลย แสดงว่าพี่แตซองน่าจะเพิ่งเสียบปลั๊กต้มน้ำไปเมื่อไม่นานนี้นี่เอง
พี่แตซองหัวเราะเบาๆ "ครับ อะ...เดี๋ยวเก้าเอาจานมาปิดถ้วยไว้หน่อยนะ อีกสามนาทีค่อยกิน"
"ครับพี่" ผมบอกแล้วก็เดินไปหยิบจานมาปิดถ้วยบะหมี่ไว้
"พี่อิ่มหรือยังครับ กินเป็นเพื่อนกันดีไหมพี่" ไม่ใช่อะไรหรอก ผมไม่อยากกินคนเดียว มันเขินๆ ยังไงไม่รู้
"อ้อ...ก็ดีเหมือนกันครับ เมื่อกี้ยังไม่อิ่มเลย" พี่แตซองตอบตกลงพลางขำ
"คราวนี้ให้ผมบริการพี่นะครับ" ผมรีบดักไว้ก่อน พี่แตซองหัวเราะอย่างเอ็นดูแล้วก็พยักหน้า
ผมก็เลยหยิบชาม จานและตะเกียบมาให้พี่แตซองชุดหนึ่ง
"พี่จะกินรสอะไรครับ"
"เหมือนเก้านั่นแหละ"
นั่นแน่ะ ชอบกินรสเดียวกับผมเสียด้วย พอใส่น้ำร้อนและรอจนได้ที่แล้ว พี่แตซองกับผมก็นั่งกินบะหมี่ด้วยกัน ผมรู้สึกว่ามันเป็นช่วงเวลาที่ผมมีความสุขมาก ผมชอบฟังเสียงพี่แตซอง ชอบฟังที่พี่แตซองเล่าเรื่องต่างๆ ในชีวิตให้ฟัง ช่วงแรกๆ พี่แตซองไม่ได้เล่าเรื่องที่ลึกมากนัก ส่วนมากก็เป็นเรื่องทั่วๆ ไปอย่างเช่น เกิดที่ไหน เรียนที่ไหน ทำงานที่ไหน เคยทำอะไรมาบ้าง ฟังแล้วก็เพลินดีแถมได้ข้อคิดเยอะด้วย
"พอพี่เป็นคนพิการแล้ว พี่แตซองคิดว่ามันลำบากไหมครับ" ผมถามด้วยความอยากรู้ คิดว่าหลายๆ คนก็คงอยากรู้ด้วยเช่นกัน
"อืม...พูดตรงๆ มันก็ลำบากนะ เพราะพี่เคยเดินได้สะดวกมาก่อน เมื่อก่อนอยากทำอะไรมันก็ง่ายกว่านี้ อยากจะไปไหนก็ไม่ต้องวางแผนมาก แต่เดี๋ยวนี้พี่ก็ต้องวางแผนเยอะขึ้น ต้องคิดมากขึ้น หลายๆ อย่างที่พี่เคยทำได้ง่ายๆ พี่ก็ต้องพยายามมากขึ้น ทำวิธีเดิมไม่ได้ก็หาวิธีใหม่ บางอย่างที่เคยทำได้แต่ตอนนี้ทำไม่ได้เลยก็มีเหมือนกัน แต่สุดท้ายพี่ก็คิดว่า...พี่ก็อยู่ได้นะ ถึงมันจะไม่สะดวกเหมือนเมื่อก่อนก็ช่างเถอะ พี่ก็จะสู้ต่อไป ระบบที่รัฐบาลมีอยู่ตอนนี้ก็พอช่วยให้พี่อยู่ได้อิสระมากขึ้นนะ อย่างบริการ PA ก็ช่วยพี่ได้เยอะเลย"
พี่แตซองยิ้มอย่างมีความหวัง คนเราขาดน้ำขาดอาหารอาจจะอยู่ได้เจ็ดวัน แต่ถ้าขาดความหวังแล้วก็อาจจะตายได้ในเจ็ดวินาทีด้วยซ้ำ
"แล้วเก้าล่ะ เก้าคิดยังไงกับคนพิการ"
"ผมเหรอ..." ผมทำท่านึก "เมื่อก่อนก็คิดว่าคนพิการน่าสงสารครับ แต่ก็ได้แค่สงสาร ไม่รู้จะช่วยยังไง คนพิการที่ประเทศไทยน่าสงสารมากเลยนะครับพี่ เขาไม่มีบริการ PA เหมือนที่เกาหลีหรอกครับ หลายคนก็ต้องอยู่กับบ้าน ไม่ได้ออกไปไหน อย่างรถไฟหรือรถเมล์ คนพิการก็ยังขึ้นไม่ได้ครับ ทางลาดตามฟุตบาททางเท้าก็ยังน้อย บางที่ไม่มีเลย ออกไปไหนก็ยากครับ แต่ว่า...พอผมได้มารู้จักกันพี่แตซอง ผมก็มองคนพิการต่างไปจากเดิมเยอะเลยครับ ไม่รู้สึกว่าน่าสงสารเหมือนเมื่อก่อน ผมคิดว่าถ้ามีระบบสนับสนุน มีสิ่งอำนวยความสะดวกที่เพียงพอ คนพิการก็น่าจะอยู่ได้ด้วยตัวเองมากขึ้นนะครับ"
พี่แตซองยิ้มอย่างพอใจ
"อ้อ...ผมมีอีกเรื่องหนึ่งที่ผมเพิ่งรู้เกี่ยวกับคนพิการครับ" ผมยิ้มอย่างมีเลศนัย
"อะไรเหรอ"
"เพิ่งรู้ว่ามีคนพิการที่หล่อๆ อย่างพี่แตซองนี่แหละครับ"
ผมกับพี่แตซองหัวเราะพร้อมกัน ดูเหมือนพี่แตซองจะมีความสุขมากทีเดียว
กินบะหมี่เสร็จแล้ว ผมจึงได้ช่วยพี่แตซองอาบน้ำ แล้วพาพี่แตซองขึ้นเตียงนอน ทำให้ผมได้กอดพี่แตซองตัวหอมๆ อุ่นๆ เหมือนเคย นี่ผมคิดอกุศลกับพี่เขาได้ถึงขนาดนี้เลยหรือนี่ เฮ้อ...แต่ก็คิดไปแล้ว
"ผมกลับก่อนนะครับพี่แตซอง แล้วเจอกันพรุ่งนี้ครับ"
"ขอบคุณมากนะครับเก้า"
ผมย่อตัวลงนั่งข้างๆ เตียง มองหน้าพี่แตซองให้ซึ้งที่สุดเท่าที่ผมจะทำได้
"ไม่เป็นไรครับพี่ ผมยินดีที่ได้รู้จักกับพี่ชายใจดีอย่างพี่แตซองนะครับ"
พี่แตซองเอามือมาลูบหัวผมเบาๆ
"พี่ก็ดีใจนะที่มีน้องที่น่ารักอย่างเก้า"
ผมยิ้มดีใจจนแก้มแทบปริเลยล่ะครับที่ได้ยินพี่แตซองบอกอย่างนี้
"พี่อย่ามัวแต่ดูทีวีจนนอนดึกนะครับ"
พี่แตซองหัวเราะใหญ่เลยครับ
"ครับ ขอบคุณที่เป็นห่วงครับ"
"นอกจากเป็น PA แล้วก็น้องชาย ผมก็เป็นอย่างอื่นอีกได้นะครับ"
พี่แตซองทำหน้าฉงน แต่ผมก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ ปล่อยให้พี่แตซองคิดไปเองก่อนละกัน
"ผมกลับแล้วนะครับ ราตรีสวัสด์ครับ" ผมบอกแล้วก็ค่อยๆ ลุกขึ้น
"ครับเก้า เดินทางกลับบ้านดีๆ นะครับ แล้วพรุ่งนี้เจอกัน"
เสียงพี่แตซองบอกตามมาก่อนที่ผมจะไปถึงประตู ผมหันมายิ้มให้พี่แตซองแล้วก็เปิดประตูเดินออกไป หัวใจเป็นสุขอย่างบอกไม่ถูก กลิ่นตัวหอมๆ นั้นยังติดอยู่ที่ปลายจมูกผม คืนนี้ผมคงนอนหลับฝันดีอีกคืน
"เจอกันพรุ่งนี้นะครับพี่ชาย"
TBCขอรณรงค์ให้คนอ่านสละเวลา 1 วินาทีบวกเป็ดเป็นกำลังใจให้ 'นักเขียนทุกคน' ทุกเรื่อง ทุกตอนนะครับ สร้างสรรค์วัฒนธรรมแลกเปลี่ยนแบ่งปัน