▙▜ รักนี้มีล้อ ◯ น้องเก้า VS พี่แตซอง ▛▟CHAPTER 08 ◉☥ แม่ซูซานคนสวย
เรามาถึงประเทศฟิลิปปินส์ตอนเช้าพอดีครับ มีคนมารับเราที่สนามบินด้วย เข้าใจว่าคงมารอกันตั้งแต่เช้ามืดแล้ว แล้วก็มีผู้หญิงคนหนึ่งเป็นผู้ประสานงาน ไม่รู้ว่าชื่ออะไรกันแน่ครับ เห็นเขาเรียกกันว่า "ซูซาน" ที่มารอรับด้วย ผู้หญิงคนนี้นี่แหละครับที่เข้ามาสร้างความยุ่งยากให้กับงาน PA ผมพอสมควรเลยทีเดียว
เมื่อเจอกันแล้วซูซานก็พาเราขึ้นรถมาที่โรงแรมแห่งหนึ่ง อยู่ติดๆ ทะเล ผมก็เพิ่งรู้นี่แหละครับว่ากรุงมะนิลา เมืองหลวงของประเทศฟิลิปปินส์ติดทะเลด้วย แต่ก็เป็นทะเลที่ไม่สวยหรอกครับ ทะเลหน้าโรงแรมเป็นที่จอดเรือยอชเสียเป็นส่วนใหญ่
พอได้ห้องแล้ว พี่แตซองกับผมก็ขอตัวขึ้นไปนอนครับ ลงมาอีกทีก็เกือบบ่ายสอง แล้วก็พากันออกไปหาอะไรกินแถวๆ โรงแรม ค่อนข้างทุลักทุเลพอสมควรเนื่องจากสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับคนพิการในประเทศนี้มีค่อนข้างน้อย ผมก็เลยต้องเหนื่อยพอสมควร
"ประเทศไทยมีสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับคนพิการหรือเปล่าเก้า คงไม่แย่เหมือนที่นี่หรอกใช่ไหม"
พอพี่แตซองถามมาอย่างนั้นผมก็ได้แต่หัวเราะแหะๆ เรื่องของเรื่องคือผมไม่เคยสังเกตเลยเพราะไม่เคยสนใจคนพิการก่อนหน้านี้ ก็ผมไม่ค่อยเห็นคนพิการในชีวิตประจำวันเท่าไหร่นี่นา
"ไม่รู้เหมือนกันครับพี่ แต่ถ้าวันไหนพี่แตซองไปเยี่ยมผมที่กรุงเทพนะ พี่แตซองไม่ต้องห่วงหรอกครับ ผมพาพี่ไปได้ทุกที่แน่นอน"
พี่แตซองหันมามองแล้วก็ยิ้ม "ครับ เก่งจังนะน้องพี่"
ผมหัวเราะเบาๆ สายตาคอยมองไปข้างหน้าเพราะทางที่ผมเข็นรถพี่แตซองไปนั้นค่อนข้างขรุขระ เกิดล้อหน้าของวีลแชร์สะดุดก้อนหินเข้า รถวีลแชร์อาจจะหยุดกะทันหัน คนที่นั่งอยู่ก็อาจจะหล่นไปกองกับพื้นได้
พอกลับมาถึงโรงแรมก็เจอคุณซูซานที่เคาน์เตอร์โรงแรมครับ คงกำลังติดต่อประสานงานเรื่องโรงแรม ที่พัก ห้องประชุมหรืออะไรทำนองนี้อยู่ พอหันมาเห็นเรา เธอก็รีบเดินมาหาผมกับพี่แตซองทันที หน้าตายิ้มระรื่นทีเดียว
"คุณคิมคะ อย่าลืมไปทานอาหารเย็นตอนหกโมงครึ่งนะคะ เราจะมี welcome dinner สำหรับแขกที่มาในงานทุกคนค่ะ"
พี่แตซองคนฟังออกไม่หมด ผมก็เลยต้องแปลเป็นภาษาเกาหลีให้พี่แตซองฟังอีกที พอเข้าใจแล้วพี่แตซองก็พยักหน้าพร้อมกับยิ้มให้ซูซานไปด้วย
"โอเค" พี่แตซองตอบเป็นภาษาอังกฤษสั้นๆ เพราะให้พูดยาวกว่านี้คงลำบากพอดู
"ร้านอาหารเย็นของเราเป็นร้านอาหารจีนนะคะ อยู่ใกล้ๆ โรงแรมนี่แหละค่ะ คุณคิมออกจากโรงแรมไปแล้วก็เลี้ยวซ้าย ตรงไปอีกหน่อยก็จะเห็นร้านเลยค่ะ หาไม่ยากเพราะว่าเป็นร้านอาหารจีนร้านเดียวที่มีอยู่แถวนี้"
ซูซานสาธยายพลางยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ผมชักจะรู้สึกว่าเธอมองพี่แตซองแปลกๆ ยังไงไม่รู้ครับ แต่เอาเถอะ ตอนนั้นผมไม่อยากคิดมาก คงไม่น่ามีอะไรหรอก เธอก็คงยิ้มแย้มแจ่มใสเพื่อต้อนรับแขกบ้านแขกเมืองไปตามมารยาทเท่านั้น
"ขอบคุณครับ" พี่แตซองขอบคุณซูซานเป็นภาษาอังกฤษหลังจากที่ฟังผมแปลให้ฟังแล้ว
แม่ซูซานยิ้มใหญ่เลยคราวนี้ แค่พี่แตซองขอบคุณตามมารยาททำไมจะต้องยิ้มขนาดนี้ด้วยนะ ผมแอบสงสัยแต่ก็ยังใจร่มๆ ได้อยู่ในตอนนั้น จากนั้นพวกเราก็ขอตัวขึ้นมาบนห้องพักเพื่อพักผ่อนอีกสักหน่อยก่อนจะออกไปทานอาหารเย็นตามคำเชิญ
"อาหารประเทศนี้ไม่ค่อยถูกปากเลยนะเก้า จืดไปหน่อย" พี่แตซองบ่นแล้วก็ขำเบาๆ นอนดูทีวีบนเตียงอย่างสบายอารมณ์
"ผมก็ว่างั้นแหละครับ วันหลังเราเอากิมจิซองไปด้วยดีกว่า ว่าน่าจะช่วยได้เยอะเลย"
พี่แตซองซื้อกิมจิซองเตรียมเผื่อไว้ด้วยครับเพราะเดากันว่าอาหารที่นี่อาจจะไม่ค่อยถูกปาก เมื่อกลางวันนี้ก็ว่าจะพกไปด้วยแล้วล่ะแต่กลัวเจ้าของประเทศเสียใจ แต่หลังจากที่ได้กินไปแล้วคราวนี้คงไม่กลัวเสียใจแล้วล่ะครับ จืดชืดเสียจนแทบจะกินไม่ลงเลย อย่างนี้จะน่าเสียใจมากกว่า
"อืม...เก้าว่า...ซูซานเขาเป็นยังไงบ้าง"
อยู่ดีๆ พี่แตซองก็เปลี่ยนมาคุยเรื่องนี้เสียอย่างนั้น ผมขมวดคิ้วสงสัยเล็กน้อย
"ก็ดีมั้งครับ" ผมตอบห้วนๆ โดยไม่หันไปมองพี่แตซอง
"พี่ว่าเขาก็น่ารักดีนะ"
อ้าว...ทำไมพี่แตซองชมแม่ซูซานซะแล้วล่ะ ผมกลัวจะน้อยหน้าก็เลยลุกจากโซฟาไปนั่งคุกเข่าข้างๆ เตียง ทำหน้าเง้าหน้างอนิดๆ
"แล้วผมไม่น่ารักเหรอ"
พี่แตซองหันมามองอย่างแปลกใจ
"อะไร อิจฉาเหรอ"
ผมนิ่วหน้า ไม่ตอบคำถาม
"ครับ เก้าก็น่ารักครับ น้องของพี่น่ารักจะตาย"
พี่แตซองลูบผมผมเบาๆ ในขณะที่พูด ผมก็เลยยิ้มออก เรื่องอะไรจะยอมให้แม่ซูซานมาแย่งตำแหน่งนี้ไป
✢ ✣ ✤ ✥ ✦ ✧ ✩ ✪ ✫ ✬ ✭ ✮ ✯ ✰ ★ ✱ ✲ ✳ ✴ ✵ ✶ ✷
พอถึงหกโมงผมกับพี่แตซองก็ลงมาอีกครั้ง จากนั้นก็พาพี่แตซองเข็นไปที่ร้านอาหารที่ว่านั้นซึ่งอยู่ไม่ไกลจากโรงแรมมากนัก พอไปถึงก็ปรากฎว่ามีคนมาเกือบครบแล้ว มีการจองโต๊ะไว้อยู่สามสี่โต๊ะใหญ่ๆ ผมก็พาพี่แตซองไปที่โต๊ะหนึ่งที่บังเอิญมีที่ว่างเหลืออยู่สองที่พอดี ผมดึงเก้าอี้ออกตัวหนึ่งเพื่อให้พี่แตซองเข็นรถเข้าไปนั่งตรงโต๊ะอาหารได้สะดวก พอช่วยจัดรถเข็นแล้วผมจึงเอ่ยปากขอตัว
"เดี๋ยวผมไปห้องน้ำแป๊บเดียวนะครับ พี่จะไปด้วยไหมครับ"
พี่แตซองส่ายหน้า ผมก็เลยต้องรีบไปเพราะปวดฉี่ พอกลับมาอีกครั้ง ก็ต้องแปลกใจที่คุณซูซานกลับมานั่งที่ที่ผมจะนั่งกับพี่แตซองเสียอย่างนั้นครับ เข้าใจว่าพี่แตซองแกพูดภาษาอังกฤษไม่ค่อยเก่งก็อาจจะสื่อสารกับคุณซูซานเรื่องที่นั่งไม่เข้าใจกัน เธอก็เลยไปนั่งตรงนั้นเสียเลย ครั้นจะบอกให้ลุกไปก็ดูจะน่าเกลียด พี่แตซองก็เลยพยักเพยิดให้ผมไปนั่งที่อื่นก่อน พอดีผมได้ยินเสียงคนพูดภาษาไทย ก็เลยไปนั่งด้วย เป็นคนไทยที่มางานนี้ด้วยครับ มีคนพิการไทยมาด้วยคนหนึ่งพร้อมกับ PA และล่ามแปลไทย-อังกฤษ พอได้คุยกันผมจึงได้รู้ว่าประเทศไทยกำลังจะเริ่มทำระบบ PA เหมือนกัน เห็นว่ากฎหมายทำเสร็จแล้ว จะเริ่มใช้ปีหน้า อะไรประมาณนั้น ทางฟิลิปปินส์ก็เลยเชิญตัวแทนของคนพิการไทยมาเป็นวิทยากรแลกเปลี่ยนประสบการณ์การทำงานด้วย
พออาหารเริ่มมา แม่ซูซานก็ดูจะเอาใจพี่แตซองของผมเป็นพิเศษ ตักนั่นตักนี่ให้ตลอด แม้ว่าจะสื่อสารกันได้บ้างไม่ได้บ้างแต่ดูเธอก็มีความสุขมากทีเดียว หัวเราะร่าเริงกับพี่แตซองของผมแทบตลอดเวลา ผมเองก็ชักเซ็งๆ กินข้าวก็ไม่ค่อยจะลง ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะอาหารไม่อร่อยด้วยนั่นแหละ ตอนแรกก็ดีใจที่ได้ยินว่าเป็นร้านอาหารจีน แต่ก็เป็นอาหารจีนที่รสชาติประหลาดสิ้นดี จืดชืดจนไม่น่าจะเรียกว่าอาหารจีนได้
ผมนั่งกินไปก็มองพี่แตซองกับแม่ซูซานไป บางทีพี่แตซองก็เหลียวหันมามองผมบ้าง คล้ายๆ จะสงสัยว่าผมอยู่ตรงไหน พอเห็นแล้วก็หันกลับไปตามเดิม อีกสักพักก็หันมาทางผมอีก แล้วก็กวักมือเรียกผมไปหา ผมจึงเดินไปหาพี่แตซองด้วยสีหน้าเซ็งๆ แม้จะไม่แสดงออกมากแต่พี่แตซองก็คงดูรู้แล้วล่ะ อยู่ด้วยกันมาหลายวันจนเริ่มรู้นิสัยกันพอสมควรแล้ว
"พี่จะไปห้องน้ำครับ" พี่แตซองบอก
ผมจึงเข็นรถพี่แตซองถอยหลังออกมาจากโต๊ะอาหารแล้วก็พาไปห้องน้ำ ทางเดินในร้านค่อนข้างแคบ แถมยังไม่มีห้องน้ำคนพิการอีก ผมก็ใช้วิธีคล้ายๆ เดิมครับ คือพอไปถึงหน้าห้องน้ำ ก็ช่วยให้พี่แตซองยืนขึ้น แล้วก็ค่อยๆ เคลื่อนตัวพี่ซองเข้าไปในห้องน้ำ พอไปถึงโถก็ให้พี่แตซองนั่งลง จากนั้นผมก็ออกมาปิดประตู พอเรียบร้อยก็พาพี่แตซองออกมาจากห้องน้ำด้วยวิธีการคล้ายๆ เดิม ไม่ได้คุยอะไรกันเลยครับ แล้วผมก็พาพี่แตซองไปล้างมือ ออกมาจากห้องน้ำแล้วก็พากลับมานั่งที่เดิมกับแม่ซูซาน ดูๆ ไปเธอก็สวยอยู่นะครับแม้ว่าผิวจะคล้ำๆ ไปหน่อย
จากนั้นผมก็แยกกลับมานั่งกับกลุ่มคนไทยเหมือนเดิม แม่ซูซานแย่งเก้าอี้ผมไปถาวรเสียแล้วล่ะคืนนี้ ผมได้แต่แอบค่อนขอดในใจว่าทำไมไม่รู้จักเดินไปคุยกับโต๊ะอื่นบ้าง แขกของเธอมีตั้งเยอะตั้งแยะทำไมมาคุยกับพี่แตซองคนเดียวอยู่ได้
ก็สรุปว่าผมก็ไม่ได้อยู่กับพี่แตซองอีกเลยจนถึงตอนกลับ ผมกำลังเข็นพี่แตซองอยู่ดีๆ แม่ซูซานก็วิ่งตามมาจากไหนไม่รู้
"ให้ฉันลองเข็นมั่งได้ไหมคะ ฉันไม่เคยเข็นเลย ให้ฉันช่วยนะคะ"
ผมกับพี่แตซองมองหน้ากัน พี่แตซองทำสีหน้าเหมือนกับจะบอกว่าโอเคผมก็เลยถอยออกให้แม่ซูซานเข้ามาเข็นแทน เข็นไปคุยกันไป อันไหนที่พี่แตซองไม่เข้าใจก็จะหันมาถามผม ให้ผมแปลให้ ผมก็แปลไปอย่างแกนๆ
"เอ๊ ทำไมคุณดูไม่เหมือนคนเกาหลีเลยนะคะ" จู่ๆ แม่ซูซานก็หันมาคุยกับผม
"อ๋อ ผมเป็นคนไทยครับ" ผมตอบพลางเดินก้มหน้าก้มตา
"จริงเหรอคะ แล้วมากับคุณคิมได้ยังไงคะ"
"พอดีผมไปเยี่ยมญาติที่เกาหลีครับ แล้วก็ไปสมัครเป็น PA ก็เลยได้มาที่นี่"
ผมพยายามตอบให้สั้นที่สุด รู้สึกไม่ค่อยอยากเสวนากับผู้หญิงคนนี้เท่าไรนัก เธอคงจะสัมผัสความรู้สึกไม่ค่อยอยากคุยของผมได้มั้งครับก็เลยเลิกสนใจผมไป แล้วก็หันไปคุยกับพี่แตซองเหมือนเดิม ส่วนผมก็เดินตามไปอย่างเงียบๆ
ตกลงเธอก็มาส่งพี่แตซองของผมถึงหน้าห้องเลยครับ ยิ่งทำให้ผมชักสงสัยใหญ่ว่าแม่ซูซานคนนี้คงต้องคิดอะไรกับพี่แตซองแน่ๆ เลย
พอแม่ซูซานไปแล้ว ผมจึงได้มีโอกาสอยู่กับพี่แตซองตามลำพังเหมือนเดิมเสียที
"ซูซานนี่เขาก็น่ารักดีนะ ขนาดพี่พูดภาษาอังกฤษไม่ค่อยได้ ก็ยังอดทนคุยกับพี่ได้ตั้งนานแน่ะ" พูดพลางหัวเราะ
"ครับ" ผมตอบสั้นๆ
"ถ้าตอนนั้นพี่ตั้งใจเรียนภาษาอังกฤษก็น่าจะเก้า เดี๋ยวกลับไปพี่ไปหาคอร์สเรียนภาษาอังกฤษดีกว่า พี่ว่าพี่น่าจะได้ใช้บ่อยขึ้นแน่ๆ เลย"
"ครับ"
ผมตอบสั้นๆ อีกเหมือนเคย แล้วก็แอบค่อนขอดในใจว่าจะฝึกมาพูดกับแม่ซูซานหรือไงนะ หลังจากนั้นก็ไม่ได้คุยอะไรมากครับ ผมพาพี่แตซองไปอาบน้ำ เสร็จแล้วผมก็อาบมั่ง แล้วก็นอนครับ นอนกันคนละเตียง พี่แตซองแอบชำเลืองมองผมอยู่เหมือนกันที่เห็นผมเงียบๆ ไป แต่ผมก็ไม่ได้พูดอะไรกับพี่แตซองอีกจนหลับไปเลยครับ
✢ ✣ ✤ ✥ ✦ ✧ ✩ ✪ ✫ ✬ ✭ ✮ ✯ ✰ ★ ✱ ✲ ✳ ✴ ✵ ✶ ✷
เช้าวันต่อมา พี่แตซองของผมดูหล่อเป็นพิเศษเลยครับ เพราะใส่สูทผูกไทด์เตรียมตัวสำหรับการเป็นวิทยากร พี่แตซองไม่ได้พูดช่วงเช้าหรอกครับ คิวบรรยายจริงๆ เป็นช่วงบ่าย
ผมสังเกตว่ามีสาวๆ ทั้งพิการและไม่พิการของประเทศฟิลิปปินส์มาขอถ่ายรูปกับพี่แตซองหลายคน จริงๆ ประเทศนี้ก็บ้าเกาหลีไม่แพ้บ้านเราหรอกครับ พอมาเจอคนเกาหลีหล่อๆ ก็เลยพากันคลั่งไคล้ ถึงจะเป็นคนพิการก็เถอะ ผมก็แอบคิดในใจว่าถ้าพี่แตซองเจอแบบนี้บ่อยๆ คงไม่รอดแน่เลย แต่ก็แปลกอย่างหนึ่ง ตอนอยู่ที่เกาหลี ผมไม่ค่อยเห็นสาวๆ เกาหลีสนใจพี่แตซองเท่าไหร่ พอมาอยู่ที่นี่กลับมีคนให้ความสนใจเสียเยอะเลย
ตอนบ่าย พี่แตซองก็ขึ้นนำเสนอครับ นำเสนอได้ดีเลยทีเดียว พี่แตซองเคยไปดูงานที่ญี่ปุ่นมาด้วยครับสมัยที่พิการใหม่ๆ พอได้เรียนรู้แนวคิดก็เลยทำให้ฟื้นสภาพจิตใจและยอมรับความพิการได้ค่อนข้างเร็ว
พี่แตซองนำเสนอความเป็นมาว่าแนวคิดการดำรงชีวิตอิสระเกิดขึ้นที่เกาหลีได้อย่างไร และเริ่มระบบบริการ PA ได้อย่างไร มีผมคอยแปลให้ พอพี่แตซองพูดจบประโยคหรืออาจจะซักไม่เกินสองสามประโยค ผมก็จะแปลเป็นภาษาอังกฤษอีกที ก็ใช้เวลาพอสมควรครับ ภาษาอังกฤษของผมสู้ภาษาเกาหลีไม่ค่อยได้เท่าไหร่หรอกครับ ดีที่ว่าซ้อมกันมาก่อนหน้านี้แล้วก็เลยพอเอาตัวรอดกันไปได้
พอตกเย็น แม่ซูซานก็มาชวนพี่แตซองกับผมไปกินข้าวข้างนอกด้วยกันครับ แล้วก็ชวนคนพิการที่ประเทศฟิลิปปินส์รวมทั้งของไทยไปด้วย แล้วเธอก็ทำเหมือนเดิมครับ คือแย่งหน้าที่ PA ไปจากผมเสียอย่างนั้น ทำให้ผมอารมณ์เริ่มขุ่นเคืองพอสมควร ผมไม่รู้ว่าพี่แตซองสังเกตเห็นหรือเปล่า ผมเริ่มเงียบอีกแล้ว รู้สึกว่าการมาประเทศฟิลิปปินส์ของผมชักจะไม่ค่อยสนุกเสียแล้วสิ แม่ซูซานนะแม่ซูซาน ฮึ่ม!
TBCขอรณรงค์ให้คนอ่านสละเวลา 1 วินาทีบวกเป็ดเป็นกำลังใจให้ 'นักเขียนทุกคน' ทุกเรื่อง ทุกตอนนะครับ สร้างสรรค์วัฒนธรรมแลกเปลี่ยนแบ่งปัน