▙▜ รักนี้มีล้อ ◯ น้องเก้า VS พี่แตซอง ▛▟CHAPTER 10 ◉☥ แฟนเก่าของพี่แตซอง
หลังจากที่กลับมาจากประเทศฟิลิปปินส์แล้ว ผมกับพี่แตซองก็เริ่มเข้าใจกันมากขึ้นครับ ส่วนหนึ่งก็ต้องขอบคุณพี่แตซองจริงๆ ที่คอยสอน ถ้าเป็นคนอื่น ผมอาจจะโดนไล่ออกไปแล้วก็ได้ครับเพราะทำผิดจรรยาบรรณของ PA ไปหลายอย่าง โดยเฉพาะตอนที่ผมห้ามพี่แตซองไม่ให้ออกไปกินข้าวเย็นเพราะฝนตก โดยหลักการแล้วคนที่เป็น PA จะไม่เตือน ไม่ห้าม ไม่หวังดี ไม่อะไรทั้งนั้น ปล่อยให้คนพิการทำอย่างที่อยากทำไปเลย จะป่วยหรือเป็นอะไรก็ไม่ต้องสนใจ ไม่ใช่ความผิดของ PA
ในขณะที่ PA ก็สามารถเลือกได้ว่าจะทำหรือไม่ทำด้วยครับ ถ้าเห็นว่าทำไปแล้วจะเกิดอันตรายหรือเจ็บป่วย PA สามารถปฏิเสธได้และไม่มีความผิด แต่การคิดแทนถือเป็นความผิดร้ายแรงครับ เพราะแนวคิดการดำรงชีวิตอิสระนั้นต้องการให้คนพิการคิดและตัดสินใจด้วยตัวเอง แน่นอน คนพิการอาจจะได้รับอิทธิพลจากเพื่อน ครอบครัวหรือใครก็ตามที่อยู่รอบตัวก่อนที่จะตัดสินใจ แต่ต้องไม่ใช่ PA ครับ ยกตัวเอย่างเช่น ถ้าเพื่อนพี่แตซองจะห้ามพี่แตซองไม่ให้ไปข้างนอกเพราะฝนตกก็สามารถทำได้ พี่แตซองจะเป็นคนตัดสินใจเองว่าจะเชื่อเพื่อนหรือเปล่า แต่ PA ไม่สามารถทำอย่างเพื่อนพี่แตซองได้ครับ
✢ ✣ ✤ ✥ ✦ ✧ ✩ ✪ ✫ ✬ ✭ ✮ ✯ ✰ ★ ✱ ✲ ✳ ✴ ✵ ✶ ✷
ผมมีโอกาสได้พบกับแฟนเก่าของพี่แตซองด้วยครับ แต่ไม่ใช่บังเอิญเดินมาเจอกันนะครับ ผมเจอเธอคนนั้นในงานแต่งงานของเพื่อนพี่แตซอง หลังจากที่กลับมาจากประเทศฟิลิปปินส์ไม่กี่วัน เพื่อนพี่แตซองคนหนึ่งก็จัดงานแต่งงาน พี่แตซองไปร่วมงานด้วย แล้วงานนี้ผมก็ขอพี่แตซองไปด้วยครับ ไม่ได้ค่าจ้างเพราะเกินเวลาทำงานแล้วก็ไม่เป็นไร น่าแปลกที่คราวนี้พี่แตซองอนุญาต
คนพิการไปงานแต่งงานของเพื่อนเป็นภาพที่ผมไม่เคยเห็นจริงๆ ครับ ไม่ใช่แค่สำหรับผม แม้กระทั่งคนที่มางานแต่งงานวันนั้นก็คงสงสัยเหมือนกันว่าพี่แตซองมาทำไม เพราะหลายคนมองด้วยสายตาแปลกๆ เพื่อนพี่แตซองก็ต้อนรับดีครับ ผมไม่ค่อยได้คุยกับพี่แตซองมากนักหรอก ทำหน้าที่เป็น PA อย่างเดียวเลย ส่วนพี่แตซองก็ดูเหมือนจะสนุกที่ได้คุยกับเพื่อนที่ไม่ได้เจอกันนานมากทีเดียว จนทำให้งานแต่งงานดูเหมือนเป็นงานรวมศิษย์เก่าไปเลย ที่สำคัญ แฟนเก่าของพี่แตซองก็มางานนี้ด้วยครับเพราะว่าแฟนเก่าพี่แตซองก็เป็นเพื่อนสมัยเรียนกันนั่นแหละครับ
พี่แตซองนั่งคุยกับเพื่อนอยู่นานพอสมควร จู่ๆ ก็มีผู้หญิงคนหนึ่งเดินเข้ามาทักกลุ่มเพื่อนๆ ของเธอที่โต๊ะที่พี่แตซองนั่งอยู่ด้วย เธอดูกสวยทีเดียวครับ คงตั้งใจมาทักทายเพื่อนที่รู้จักกันแต่อาจจะไม่รู้ว่าพี่แตซองอยู่ตรงนั้น พอเธอหันมาเห็นพี่แตซองเท่านั้นแหละครับ ต่างคนต่างก็อึ้งไป โดยเฉพาะผู้หญิงคนนั้นที่ตอนแรกพูดจ้อยๆ ก็หยุดชะงักไปเลย
ตอนนั้นผมแค่สงสัยครับว่าทำไมอยู่ดีๆ ผู้หญิงคนนั้นหยุดพูดไปเลยและมีสีหน้าตกใจ จากนั้นก็ค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีหน้าเจื่อนๆ พอสังเกตเห็นทิศทางของสายตาของผู้หญิงคนนั้นก็เห็นว่าเธอมองพี่แตซองอยู่
ไม่นานนักเธอก็แสร้งยิ้มเหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น "ขอตัวก่อนนะ"
แล้วเธอก็ก้าวเดินหนีฉับๆ ไป ผมสังเกตุเห็นว่าคนอื่นๆ ก็มีอาการไม่ต่างกันมากนัก ดูอึ้งๆ กันไปหมด จากนั้นก็ดูเหมือนว่าบรรยากาศในการสนทนาก็เปลี่ยนไป
"เฮ้ย แตซองกูขอโทษว่ะ ไม่รู้ว่าเขาจะมาด้วย"
เพื่อนคนที่ถูกผู้หญิงคนเมื่อกี้มาทักขอโทษพี่แตซองด้วยสีหน้าเจื่อนๆ ทำให้ผมสงสัยมากยิ่งขึ้นว่า "เขา" ในนี้คือใคร แต่ผมก็ไม่กล้าถามหรอกครับเพราะคงไม่เหมาะนักที่จะล้ำเส้นการเป็น PA ตรงนี้ เอาไว้กลับไปค่อยลองถามพี่แตซองดีกว่า เดี๋ยวพี่แตซองจะดุเอาอีก
"ไม่เป็นไร มันจบไปแล้ว ไม่มีอะไรหรอก"
แม้จะบอกไปอย่างนั้นผมก็สังเกตเห็นสีหน้าของพี่แตซองดูเศร้าไปถนัดตา เท่านั้นแหละผมก็เริ่มจะพอเดาได้แล้วว่าผู้หญิงคนเมื่อสักครู่นี้น่าจะเป็นใคร พอรู้แล้วก็อดสงสารพี่แตซองไม่ได้เลย สงสารอย่างจับจิตจับใจเลยล่ะ ผมว่าคนอย่างพี่แตซองเป็นคนที่รักใครรักจริงนะครับ ความรักที่จบไปแล้วคงทำให้พี่แตซองเจ็บหนักเลยทีเดียว ผมยังจำที่พี่แตซองบอกผมตอนที่ผมถามเรื่องแฟนได้เลยครับ
"ไม่รู้จะฝืนไปทำไม ก็เขาไม่ได้รักเราแล้ว"
ถ้าเป็นผมเจออย่างนี้ก็คงเจ็บไม่น้อยเหมือนกัน ผมอยากจับมือให้กำลังใจพี่แตซองเหลือเกินครับ แต่ด้วยหน้าที่ PA แล้วก็คงไม่สามารถทำอะไรได้มากกว่านั่งดูพี่ชายที่น่ารักของผมเศร้าซึมหงอยเหงาอยู่อย่างนี้
แล้วทุกคนก็เปลี่ยนไปคุยเรื่องอื่นกัน แต่ผมก็ยังสังเกตุเห็นอาการไม่ค่อยร่าเริงของพี่แตซองได้อยู่ครับ
"เก้า เดี๋ยวพี่จะไปตักอาหารมากินเพิ่มนะ"
พี่แตซองบอกเมื่ออาหารที่กินอยู่หมดไปแล้ว ผมหยุดกินอาหารของตัวเองแล้วก็พาพี่แตซองไปเลือกอาหารที่จัดไว้แบบบุบเฟต์ พี่แตซองจะเป็นคนเลือกว่าจะกินอะไร มากแค่ไหน ส่วนผมก็ช่วยตักให้ตามที่พี่แตซองบอกครับ
แล้วเราก็เจอกับผู้หญิงคนนั้นอีกครั้ง เธอกำลังตักอาหารถัดออกไปไม่ไกลนัก พอหันมาเห็นพี่แตซองเธอก็หยุดยิ้มและหัวเราะ ทำให้ผมนึกถึงเพลงไทยเก่าๆ เพลงหนึ่งที่ร้องว่า "คนที่รักร้างไกลมันเจ็บไม่นาน คนไม่รักใกล้กันช้ำใจยิ่งกว่า"
ผู้หญิงคนนั้นที่ผมรู้จักแค่หน้าแต่ไม่รู้จักชื่อค่อยๆ หันไปตักอาหารอีกเล็กน้อย แล้วเธอก็รีบเดินจากไป ไม่แม้แต่จะเดินเข้ามาทักหรือถามไถ่อดีตคนรักเลย จะว่าไปเธอก็ใจดำน่าดู คนเคยรักกันมาตั้งนาน เคยแต่งงานใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน ไม่น่าเชื่อว่าเธอจะไม่เหลือแม้กระทั่งความเป็นเพื่อนให้ผู้ชายคนหนึ่งที่เคยรักเธอมาก
พี่แตซองดูเงียบไปอีกแล้วครับ เลือกอาหารสองสามอย่างแล้วก็ให้ผมพากลับไปนั่งกับเพื่อนเหมือนเดิม แม้ว่าจะพยายามพูดคุยหัวเราะกับเพื่อนๆ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ผมก็รู้ดีว่าข้างในหัวใจของพี่แตซองคงเจ็บไม่น้อย
"ไม่รู้จะฝืนไปทำไม ก็เขาไม่ได้รักเราแล้ว"
คำพูดนั้นของพี่แตซองดังก้องอยู่ในหัวผมอีกครั้ง โธ่...พี่ชายของผม ถ้าผมสามารถทำอะไรให้พี่หายเศร้าได้ตอนนี้ผมยินดีจะทำทุกอย่างเลย ถ้าคนอย่างผมสามารถช่วยรักษาบาดแผลในใจของพี่ได้ ผมก็จะไม่ปล่อยโอกาสนั้นให้หลุดมือไปอย่างแน่นอน
✢ ✣ ✤ ✥ ✦ ✧ ✩ ✪ ✫ ✬ ✭ ✮ ✯ ✰ ★ ✱ ✲ ✳ ✴ ✵ ✶ ✷
ผมกับพี่แตซองกลับจากงานแต่งงานกันค่อนข้างดึกครับ ในระหว่างที่นั่งอยู่ในรถแท็กซี่ พี่แตซองก็ยังคงดูเงียบๆ อยู่ ผมก็นั่งเงียบๆ เหมือนกันครับเพราะไม่อยากถามเซ้าซี้ให้พี่แตซองต้องคิดมากกว่าเดิม
"เก้ารู้ใช่ไหมว่า 'เขา' เป็นใคร" อยู่ดีๆ พี่แตซองก็ถามผมขึ้นระหว่างอยู่ในรถ
ผมหันไปมองพี่แตซองพร้อมกับยิ้มน้อยๆ "พอเดาได้ครับ"
"ไม่คิดว่าจะได้เจอกันอีก แต่พี่ก็คิดอยู่เหมือนกันว่าเขาจะมา"
"เขารู้จักกับเพื่อนพี่คนที่แต่งงานด้วยหรือครับ"
"ใช่ พวกเราเรียนมหาลัยด้วยกัน ทั้งกลุ่มนั้นก็เป็นเพื่อนๆ กันหมดนั่นแหละ"
ผมพยักหน้าเข้าใจพร้อมกับยิ้มให้กำลังใจพี่แตซองไปด้วย
"พี่รู้จักเขานานหรือเปล่าครับ"
"ก็นานหลายปีนะ น่าจะสิบปีได้ ตั้งแต่เรียนมหาลัยจน...แต่งงานกัน"
ก็น่าแปลกเหมือนกันนะครับ คนเรารู้จักกันมาตั้งเป็นสิบๆ ปี รู้จักนานขนาดนั้นทำไมถึงเลิกรักกันได้ง่ายดายเพียงนี้ ถึงพี่แตซองจะพิการแต่ผมว่าพี่แตซองก็ยังเป็นคนเดิมอยู่ แต่อย่างว่าแหละครับ ผู้หญิงคนนั้นคงจะมีเหตุผลบางอย่างที่เราอาจจะไม่รู้ก็ได้
"ถามจริงๆ นะครับ" ผมเว้นจังหวะไปเล็กน้อย ไม่แน่ใจว่าจะถามดีหรือเปล่า แต่ผมก็อยากรู้จริงๆ นี่ครับ
"พี่แตซอง...ยังรักเขาอยู่หรือเปล่าครับ" ผมถามเบาๆ เพื่อไม่ให้คนขับได้ยิน
พี่แตซองเงียบไปเลยครับ นานพอสมควรก่อนจะถอนหายใจยาว หันหน้ามามองผม
"ถ้าเป็นเมื่อก่อนก็คงรัก...รักมาก แต่พี่ก็ตัดใจไปแล้ว อาจจะไม่ได้รักเหมือนเมื่อก่อน แต่ก็ไม่ได้เกลียดเขาหรอก"
ผมก็ยังคงรู้สึกว่าพี่แตซองไม่ได้ตอบคำถามผมจริงๆ เท่าไหร่ เดาเอาว่าพี่แตซองน่าจะยังรักผู้หญิงคนนั้นอยู่ หรือไม่ก็คงรู้สึกอะไรบางอย่างจากการที่ได้เห็นผู้หญิงคนนั้นอีกครั้ง
"พี่แตซองเข้มแข็งจังเลยนะครับ ถ้าเป็นผม ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าผมจะทนได้หรือเปล่า" ผมพูดพลางขำเบาๆ
พี่แตซองมองหน้าผมด้วยสีหน้าและแววตาที่ผมเองก็อธิบายไม่ถูกเหมือนกัน
"ถ้าไม่เข้มแข็งก็คงตายไปแล้ว"
พี่แตซองพูดแค่นี้ครับ แล้วเราก็เงียบไปไม่ได้คุยกันจนกระทั่งถึงคอนโด
พอมาถึงห้อง ผมก็ช่วยพี่แตซองอาบน้ำก่อนเหมือนเช่นเคย แล้วผมจึงค่อยอาบทีหลัง วันนี้ผมเอาเสื้อผ้าพี่แตซองมาใส่ด้วยครับเพราะผมไม่ได้เตรียมมาจากบ้านน้าสาว ก็พอใส่ได้อยู่แม้ว่ามันจะตัวใหญ่ๆ ไปหน่อย
พอนอนลงข้างๆ พี่แตซองแล้วผมก็หันไปคุยกับพี่แตซองที่นอนคิดอะไรเงียบๆ อยู่คนเดียว ผมไม่อยากเห็นพี่แตซองเศร้าอย่างนี้อีกแล้วครับ
"พี่แตซองไปบ้านน้าสาวผมไหมครับ เดี๋ยวผมจะให้น้าสาวกับแม่ผมทำอาหารไทยให้กิน"
พี่แตซองค่อยๆ หันหน้ามามองผม แววตาและสีหน้าที่ครุ่นคิดเปลี่ยนเป็นยิ้มจางๆ "อืม...ก็น่าสนใจนะ รบกวนหรือเปล่าล่ะ"
"ไม่หรอกครับ แม่ผมเขาชอบทำอาหารครับ ผมเล่าให้แม่กับน้าสาวฟังว่าพี่แตซองใจดีกับผมมาก เหมือนพี่ชายเลย แม่ผมกับน้าก็เลยอยากเจอพี่ครับ ไปนะครับ"
ผมพูดด้วยน้ำเสียงและท่าทางรบเร้า
พี่แตซองพยักหน้า "อืม...ก็ดีเหมือนกัน พี่อยากลองกินอาหารไทยดูบ้าง อยากรู้เหมือนกันว่าจะเผ็ดแค่ไหน"
เห็นพี่แตซองยิ้มขึ้นมาได้บ้างผมก็ค่อยใจชื้นหน่อย หวังว่าน้องชายตัวเล็กๆ น่ารักๆ อย่างผมจะพอช่วยให้พี่ชายคนนี้หายเศร้าได้บ้าง
"เก้าคิดว่าพี่เป็นคนใจดีจริงเหรอ บางทีพี่ก็ดุเก้าบ่อยเหมือนกันนะ" พี่แตซองถามขึ้นมาหลังจากที่เงียบไปสักพัก
"ใจดีสิครับ ถ้าไม่ใจดีป่านนี้ผมโดนไล่ออกไปแล้วล่ะ ผมทำผิดตั้งหลายเรื่องแน่ะ"
ผมบอกพลางขำ พี่แตซองยิ้ม สีหน้าและแววตาของพี่แตซองช่างดูอบอุ่นเหลือเกิน
"เพราะเห็นว่าเป็นเก้าหรอกนะพี่เลยไม่ฟ้องศูนย์ ถ้าเป็นคนอื่น ป่านนี้ศูนย์คงเรียกไปเตือนแล้วล่ะ"
ผมกับพี่แตซองยิ้มและหัวเราะด้วยกัน ก็จริงนั่นแหละ เท่าที่ผมรู้มา ที่ศูนย์มีการร้องเรียนเรื่อง PA ทำผิดจรรยาบรรณบ่อยๆ นอกจากนี้ก็ยังมีกรณีที่คนพิการใช้ PA ทำงานผิดประเภทด้วย บางคนใช้ PA ทำงานบ้านจนเหมือนเป็นคนใช้ไปเลยก็มี
"ขอบคุณนะครับที่ยังกรุณาผมอยู่"
"จริงๆ ชีวิตพี่ก็มีความสุขนะเวลามีเก้ามาอยู่เป็นเพื่อน พี่อาจจะดุเก้าบ้าง เก้าไม่โกรธพี่ใช่ไหม"
ผมส่ายหน้าทันที
"ที่พี่ดุไม่ใช่เพราะพี่ไม่ชอบเก้านะ พี่อยากให้เก้าได้เรียนรู้การเป็น PA อย่างมืออาชีพ คนเราถ้าทำอะไรเป็นมืออาชีพแล้วก็จะไม่มีใครมาว่าเราได้ เก้าจำไว้นะ"
ผมยิ้มพลางพยักหน้า แล้วพี่แตซองก็ลูบหัวผมเบาๆ ด้วยความเอ็นดู
"เก้ารู้ไหมว่าพี่..."
พี่แตซองทำท่าเหมือนจะพูดอะไรบางอย่างแล้วก็หยุดไป
"อะไรเหรอครับ"
"ไม่มีอะไรหรอก นอนดีกว่า เดี๋ยวพรุ่งนี้พี่ต้องไปอบรมคอมพิวเตอร์แต่เช้า"
อยู่ๆ พี่แตซองก็เปลี่ยนใจไม่พูดซะอย่างงั้น แต่ผมก็สงสัยจริงๆ นะครับว่าพี่แตซองกำลังจะพูดอะไร ต้องมีอะไรสักอย่างแน่ๆ เลย แต่ผมก็ไม่เซ้าซี้ครับ ไม่อยากบอกตอนนี้ก็ไม่เป็นไร สักวันพี่แตซองก็คงจะบอกเพราะพี่แตซองเป็นคนพูดตรง คิดอะไรก็พูดอย่างนั้น
"ครับ อันยองฮีจูมูฮาเซโยะ"
TBCขอรณรงค์ให้คนอ่านสละเวลา 1 วินาทีบวกเป็ดเป็นกำลังใจให้ 'นักเขียนทุกคน' ทุกเรื่อง ทุกตอนนะครับ สร้างสรรค์วัฒนธรรมแลกเปลี่ยนแบ่งปัน