▙▜ รักนี้มีล้อ ◯ น้องเก้า VS พี่แตซอง ▛▟CHAPTER 14 ◉☥ ความในใจของพี่แตซอง
วันนี้เป็นวันที่สามแล้วครับที่พี่แตซองอยู่โรงพยาบาล หมอบอกว่าหากไม่มีอะไรแล้ววันนี้ก็น่าจะกลับบ้านได้ หลังจากกินข้าวเช้าและกินยาแล้ว พี่แตซองก็เรียกให้ผมไปหา
"เก้า หาซองจดหมายหรือซองอะไรก็ได้ให้พี่หน่อยได้ไหมครับ"
ผมก็รับคำแล้วไปขอซองจดหมายที่ใช้แล้วของโรงพยาบาลมา แล้วก็เอามาให้พี่แตซอง แล้วแกก็เอาเงินจำนวนหนึ่งใส่ซองแล้วก็ยื่นให้ผม
"เงินเดือนของเก้าครับ"
"ขอบคุณครับ"
ผมรับมาพร้อมกับกล่าวขอบคุณ รู้สึกตื่นเต้นอย่างไรไม่รู้ครับ นี่เป็นเงินเดือนแรกในชีวิตผมเลยก็ว่าได้ แต่พอนับดูแล้วก็รู้สึกว่ามันเยอะเกินกว่าจำนวนวันที่ผมทำงาน เยอะกว่าที่ผมคำนวณไว้พอสมควรเลยครับ
"พี่ให้เงินผมผิดหรือเปล่าครับ ผมว่ามันเยอะเกินกว่าจำนวนวันที่ผมทำงานนะครับ"
"ไม่ผิดหรอก เงินส่วนที่เกิน พี่ให้เพราะว่าเก้าเป็นคนดีและช่วยพี่หลายอย่าง ทำงานเกินชั่วโมงทำงานก็หลายครั้ง ถือว่าเป็นการขอบคุณละกันนะครับ"
พี่แตซองบอกพลางยิ้ม แต่ผมรู้สึกไม่อยากรับไว้เลยครับเพราะรู้ว่าพี่แตซองเองก็ยังไม่มีงานทำ เงินที่เคยเก็บไว้ก็ค่อยๆ ร่อยหรอลงเรื่อยๆ แล้วอีกอย่าง ที่ผมทำไม่ใช่เพราะต้องการเงินซะหน่อย
"ผมรับไว้ไม่ได้หรอกครับ พี่แตซองจ่ายให้ผมเฉพาะวันที่ผมมาทำงานดีกว่า ส่วนวันอื่นๆ ที่ผมอาสามาเองพี่ไม่ต้องให้ก็ได้ ผมยินดีทำให้ด้วยความเต็มใจนะครับพี่แตซอง"
"พี่รู้ว่าเก้าเต็มใจ แต่พี่ก็เต็มใจที่จะให้เก้าเหมือนกันนะ พี่ให้เงินน้องใช้ก็เป็นเรื่องธรรมดาไม่ใช่เหรอ" พี่แตซองแย้ง
ผมรู้สึกตื้นตันใจจนน้ำตาปริ่ม "แต่มันมากไปครับพี่ พี่อย่าว่าผมนะครับ ผมรับไม่ได้จริงๆ ครับพี่ รับมาผมก็ไม่สบายใจ"
พี่แตซองเงียบไปเหมือนครุ่นคิดอะไรบางอย่าง
"เก้ารู้ไหม ตั้งแต่พี่เกิดมา พี่ยังไม่เคยเจอใครที่ทำดีกับพี่ถึงขนาดนี้เลย แม้แต่คนที่พี่เคยแต่งงานด้วยเขาก็ยังไม่ห่วงพี่ขนาดนี้"
พี่แตซองหยุดพูดไปสักพัก ผมสังเกตุเห็นว่าพี่แตซองเหมือนจะร้องให้อยู่
"ตั้งแต่พี่กลายเป็นคนพิการ พี่รู้สึกเหมือนไม่มีใคร เหมือนอยู่ตัวคนเดียวในโลก ทุกคนหนีหายกันไปหมด ไม่เว้นแม้กระทั่งแฟนที่พี่เคยคิดว่าเรารักกันมาก เขาก็เป็นอีกคนที่จากพี่ไป พอได้เจอกับเก้าแล้ว พี่รู้สึกว่าชีวิตของพี่ไม่โดดเดี่ยวเหมือนเมื่อก่อน ไม่เหงา หัวเราะได้ ยิ้มได้ มีความสุขมากขึ้น ทำให้พี่รู้สึกว่าพี่ยังมีใครสักคนที่จริงใจกับพี่อยู่"
ผมถึงกับยิ้มทั้งน้ำตาเลยครับ เป็นใครก็คงตื้นตันใจไม่แพ้ผมอย่างแน่นอน
"เหลืออีกแค่สัปดาห์เดียว เก้าก็ต้องไปแล้ว พี่คงไม่มีโอกาสได้อยู่ใกล้ชิด อาจจะไม่มีโอกาสได้ให้อะไรกับเก้าอีก เพราะฉะนั้น พี่อยากให้เก้ารับไว้ พี่ให้เพราะพี่อยากให้ เก้าไม่ต้องห่วงพี่เรื่องนั้นหรอก พี่อยากให้เก้า อยากตอบแทนเก้าเท่าที่พี่พอจะให้ได้ รับไว้นะครับ น้องชายคนดีของพี่"
พอพี่แตซองพูดจบ ผมก็โผเข้ากอดพี่แตซองทั้งๆ ที่นอนอยู่ พี่แตซองก็กอดผมตอบเช่นกัน
"ขอบคุณมากครับพี่ ผมจะใช้เงินนี้อย่างคุ้มค่าที่สุดครับ"
"ขี้แยนะเรา เห็นไหม...ทำเสื้อพี่เปียกเลย"
พี่แตซองสัพยอก ผมทำเสื้อพี่แตซองเปียกจริงๆ ครับ เปียกน้ำตาผมนั่นแหละ
"ก็พี่ทำให้ผมร้องไห้ทำไมล่ะ เดี๋ยวผมเอาทิชชู่มาเช็ดให้ครับ"
"ไม่ต้องหรอก" พี่แตซองรีบห้าม
"เก้าอย่าลืมกินข้าวเช้านะ อย่ามัวแต่ดูแลพี่จนลืมตัวเอง"
"ครับ พี่แตซองก็เหมือนกัน ผมว่าพี่ไม่ค่อยได้ออกกำลังกายแน่เลย เชื้อโรคมันก็เลยถามหา พี่น่าจะออกกำลังกายบ้างนะครับ ให้ผมช่วยก็ได้ เดี๋ยวผมไปหาวิธีมาให้ พี่จะได้แข็งแรง"
"อืม คงจะใช่ ตั้งแต่พิการมา พี่ไม่เคยออกกำลังกายเลย เข็นรถก็แทบจะไม่ได้เข็นเอง" พี่แตซองเห็นด้วย
"ดีครับ อ้อ แล้วก่อนที่ผมจะกลับ พี่แตซองต้องไปบ้านน้าสาวผมนะ พี่แตซองสัญญากับแม่ผมแล้ว"
"ครับ ไปพรุ่งนี้เลยไหม"
"ก็ดีนะครับ ว่าแต่พี่หายดีแล้วเหรอ" ผมถามอย่างไม่แน่ใจ
"ยัง ใจร้อนจังเลยนะเรา อีกสักสองสามวันก่อนดีกว่า ว่าแต่ว่า ตั้งแต่เก้ามาเกาหลี ได้ไปเที่ยวที่ไหนบ้างหรือยัง ที่ไม่ใช่ประชุมนะ"
"ก็...ไปหลายที่อยู่ครับ ก่อนจะมาเป็น PA แล้วก็...ไปตึกหกสิบสามกับพี่แตซองไงครับ"
"อ้อ ถ้างั้น...เราไปเที่ยวกันก่อนกลับดีไหม เก้าเป็น PA พี่ก็จะเป็นไกด์ให้ อ้อ แล้วชวนแม่กับน้าสาวของเก้าไปด้วย"
"อืม ก็ดีเหมือนกันครับ ผมยังมีอีกหลายที่ที่อยากไปแต่ยังไม่ได้ไป"
ผมตอบรับพลางยิ้มดีใจจนแก้มแทบจะปริ แล้วคุยกันต่ออีกนิดหน่อยผมก็ขอตัวออกไปหาอะไรกินข้างนอก
ตอนเย็นๆ พี่แตซองก็สามารถกลับบ้านได้แล้วครับ มีแม่กับพี่สาวมารับเพราะน้องชายไม่ว่างมา ตอนอยู่ในรถ พี่แตซองบอกแม่ด้วยครับว่ามีน้องชายเพิ่มอีกคน ช่วยทำให้ผมเข้ากับคนอื่นๆ ได้ง่ายขึ้น เมื่อดูแลสารทุกข์สุกดิบกันเรียบร้อยแล้ว แม่กับพี่สาวของพี่แตซองก็กลับไปราวๆ สองทุ่มกว่า พอทุกคนกลับไปมหดแล้ว ผมก็รีบเดินมาบอกพี่แตซอง
"วันนี้ผมไม่กลับ ห้ามบอกให้ผมกลับบ้านนะครับ"
พี่แตซองก็ขำใหญ่เลยครับที่ผมรู้ทัน
"ใครว่าล่ะ วันนี้พี่ไม่ให้กลับหรอก ยังต้องการคนดูแลอยู่" พี่แตซองตอบกลับพร้อมกับยิ้มกว้าง
"ก่อนจะอาบน้ำ ออกกำลังกายก่อนไหมครับ" ผมเสนอ พี่แตซองทำหน้างง
"อะไรนะ ออกกำลังกายเหรอ ทำยังไงครับ"
"เดี๋ยวก็รู้ครับ ผมมีวิธี"
แล้วผมก็ช่วยพาพี่แตซองขึ้นไปนอนบนเตียง ผมขึ้นไปนั่งบนเตียงด้วย แล้วก็อธิบายว่าผมจะทำอะไรบ้าง เริ่มด้วยการออกกำลังกายขาด้วยการจับปลายขาพี่แตซองยกขึ้นลง รวมทั้งจับงอแล้วเหยียดตรง ผมก็คิดของผมเองครับ ไม่ได้เชี่ยวชาญมาจากไหนหรอก แค่อยากช่วยให้พี่แตซองแข็งแรงขึ้นเท่านั้นเอง แต่ไม่ใช่เพราะต้องการให้หายพิการนะครับ
ผมช่วยพี่แตซองออกกำลังกายอยู่ประมาณสิบกว่านาที เหงื่อของผมเองก็เริ่มออกเหมือนกัน ก็เหนื่อยเอาการอยู่แต่ก็กลั้นใจทำ แล้วผมก็สังเกตุเห็นว่าพี่แตซองมองผมด้วยสาตาแปลกๆ เหมือนคอยสังเกตุและคิดอะไรบางอย่างอยู่
"เหนื่อยหรือเปล่าเก้า พักก่อนดีไหม" พี่แตซองบอก
"ไม่เป็นไรครับ" แต่ก่อนที่จะพูดอะไรต่อ พี่แตซองก็บอกด้วยเสียงที่เข้มขึ้นว่า
"พอก่อนเถอะ"
ผมก็เลยต้องหยุดครับ วางขาของพี่แตซองลง พี่แตซองใช้มือสองข้างยันตัวลุกขึ้นนั่ง สายตาเราอยู่ในระดับเดียวกัน และที่สำคัญคือเรานั่งในตำแหน่งใกล้กัน จนผมสัมผัสได้ถึงกลิ่นแห่งความอบอุ่น ผมรู้สึกประหม่าอย่างบอกไม่ถูกเมื่อพี่แตซองสบตาผมและจ้องมองเหมือนค้นหาอะไรบางอย่าง
"เก้า..." พี่แตซองเรียกชื่อผม แล้วเงียบไปสักพักเหมือนกำลังตัดสินใจอะไรบางอย่าง
"พี่มีอะไรบางอย่างจะบอกเก้า พี่คิดมานานแล้ว และพี่คิดว่าพี่ควรจะบอกก่อนที่เก้าจะกลับไป"
คราวนี้ใจผมเต้นไม่เป็นส่ำเลยครับ ผมเดาไม่ออกจริงๆ ว่าพี่แตซองจะบอกอะไรหรือคิดอะไรอยู่ในตอนนั้น แต่แววตาและท่าทางแปลกๆ อย่างนี้ทำให้ผมหวั่นไหวมากเลยล่ะ
"พี่กำลังรู้สึกว่า...เอ่อ...พี่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับพี่ แต่พี่ โอย...จะบอกยังไงดี"
เรายังคงสบตากันอยู่ แล้วจู่ๆ สิ่งที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นครับ เมื่ออยู่ดีๆ พี่แตซองก็ใช้มือโอบคอผมแล้วดึงผมเข้าไปจูบ ผมตกใจมากในตอนแรก แต่ก็ตอบสนองด้วยดีในตอนหลัง ไม่นานนักพี่แตซองก็ปล่อยผมเป็นอิสระ ตอนนั้นผมทั้งอาย เขินและตกใจ ถูกจูบเข้าไปแล้วก็ได้แต่นั่งอ้าปากค้าง
"พี่ขอโทษ พี่ไม่รู้ว่ามันคืออะไร พี่สับสนมาก แต่นี่คือสิ่งที่พี่อยากบอกเก้า"
พี่แตซองบอกด้วยเสียงสั่นๆ ปนกับเสียงหอบหายใจ
"เวลาที่อยู่กับเก้า ความรู้สึกมันเหมือนกับเวลาที่พี่เคยอยู่กับแฟนเก่าของพี่ พี่ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม แต่พี่คิดว่าพี่รู้สึกแบบนั้นจริงๆ พี่ไม่ได้คิดไปเอง"
ผมลึงมากกว่าเก่าอีกครับเมื่อได้รู้ถึงความรู้สึกของพี่แตซองที่มีต่อผม จนคิดว่าตัวเองหูฝาดไป
"พี่รู้ว่าเก้าอาจจะรับไม่ได้ พี่เองก็ทำใจลำบากมาก คิดไปมาอยู่หลายครั้งว่ามันคืออะไรกันแน่ ทำไมพี่รู้สึกแบบนี้ พี่เป็นผู้ชาย ทำไมพี่ต้องรู้สึกแบบนี้กับเก้า บางวันพี่เครียดมากจนแทบไม่ได้นอนเพราะคิดเรื่องนี้ พี่ถามตัวเองอยู่หลายครั้งว่ามันคืออะไร ถามแล้วถามอีก จนวันนี้พี่คิดว่าพี่พอจะรู้แล้วว่ามันคืออะไร เก้าน่าจะรู้ใช่ไหมว่าพี่เป็นคนตรงและซื่อสัตย์กับความรู้สึกของตัวเอง สิ่งที่พี่จะพูดต่อไปนี้ก็เป็นความจริง...ที่พี่เองก็ปฏิเสธไม่ได้"
พี่แตซองเว้นจังหวะไปสักพัก กลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่เหมือนกับว่ากำลังจะพูดเรื่องที่สำคัญมาก
"พี่คิดว่า...พี่กำลังชอบเก้าอยู่"
ผมอ้าปากค้างเป็นรอบที่สอง แต่ก็ไม่มีคำพูดใดๆ หลุดออกมาจากปาก
"บางครั้งพี่ก็เคยสงสัยว่าเก้าคิดอะไรกับพี่หรือเปล่า เก้าดีกับพี่มาก มากจนเกินกว่า PA เกินกว่าน้องชายหรือเพื่อน เก้าคิดอะไรกับพี่อยู่หรือเปล่า"
พี่แตซองย้อนมาถามผมบ้าง แต่ผมก็มัวแต่อึ้งอยู่ครับ จนเหมือนฟังไม่ได้ยินคำถาม
"บอกพี่มาตามตรง พี่บอกความรู้สึกของพี่ไปแล้ว เก้าก็ต้องบอกพี่ด้วย"
คราวนี้ผมจึงค่อยๆ รู้ตัว มองหน้าพี่แตซอง จ้องตาและค่อยๆ เผยอยิ้มให้
"ผมก็ชอบพี่ครับ ชอบตั้งแต่วันแรกที่ได้รู้จักกันแล้วครับ"
แล้วผมก็โผเข้ากอดพี่แตซอง น้ำตาผมไหลพรากลงมาด้วยความตื้นตันใจ ในที่สุดผมก็ได้พูดในสิ่งที่ผมอยากพูดเสียทีหลังจากที่รอมาเกือบๆ สองเดือน
"ขอบคุณนะครับที่เก้าไม่รังเกียจพี่"
"ขอบคุณพี่แตซองด้วยครับที่รู้สึกดีกับผม ผมเองก็ไม่คาดคิดว่ามันจะมีวันนี้"
พี่แตซองกอดตอบพลางเอามือลูบหลังผมไปด้วย
"เก้า พี่ไม่รู้ว่าพี่จะจัดการตัวเองยังไง ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วมาก ตอนนี้พี่ก็ยังสับสนกับตัวเองอยู่ อีกไม่กี่วันเก้าก็จะไปแล้ว พี่คงคิดถึงเก้ามาก รู้ไหมว่าพี่เคยคิดถึงเก้ามากแค่ไหน พี่อยากคุยกับเก้ามาก ตอนที่อยู่ซกโช จำได้ไหมว่าเราออกมาคุยกันตอนดึกๆ วันนั้นพี่เองก็ไม่ค่อยสบายหรอก แต่พี่อยากคุยกับเก้ามาก เวลาคุยกับเก้าแล้วพี่สบายใจแล้วก็...มีความสุขมากที่ได้คุยกันหรือเจอกัน พี่มีความสุขเวลาเก้ามาอยู่ใกล้ๆ พี่ อ้อนพี่ เล่นกับพี่"
"จริงๆ วันนั้นผมก็คิดถึงพี่แตซองมาก พี่รู้ไหม...แค่คุยกันน้อยลง ทั้งๆ ที่อยู่ในงานเดียวกัน เจอกัน ผมยังคิดถึงพี่เลย" ผมถือโอกาสบอกบ้าง
"พี่เห็นแล้ว เห็นสายตาที่เก้ามองพี่ พี่ก็พอดูออกว่าเก้ารู้สึกยังไง" พี่แตซองพูดพลางขำ แล้วเราก็ค่อยๆ ปล่อยอ้อมแขนออกจากกัน
"ทำไมเก้าถึงชอบพี่ล่ะ"
พี่แตซองถามพลางจ้องหน้าผม จับไหล่ทั้งสองข้างของผมไว้เหมือนจะไม่ให้หลบสายตาไปไหน ถึงว่าล่ะ ทำไมก่อนพิการถึงได้มีสาวๆ เยอะ เชี่ยวชาญและคารมดีแบบนี้นี่เอง สาวคนไหนหลงติดกับก็คงหนีไปไม่ได้
"ไม่รู้เหมือนกันครับ ตอนแรกที่เห็น รู้สึกว่าพี่เป็นคนพิการที่หล่อมากในสายตาผม ผมไม่เคยเห็นคนพิการแบบนี้มาก่อนเลยครับ คนพิการที่ผมเจอมีแต่น่าสงสาร มอมแมมหรือยากจน แล้วพอได้รู้จักกันมากขึ้น ผมก็รู้สึกว่าพี่แตซองเป็นคนดี เป็นพี่ชายที่น่ารัก แม้ว่าบางครั้งจะดุผมบ้าง แต่ผมก็ไม่โกรธพี่หรอก เพราะพี่ไม่ได้ดุผมเพราะว่าไม่ชอบผม แต่ดุเพราะว่าพี่อยากสอนผม ที่สำคัญ ผมว่า...พี่แตซองเป็นผู้ชายที่น่ารักมาก ผมก็เลยชอบพี่"
พูดถึงตรงนี้พี่แตซองก็ขำแล้วก็เอามือลูบหัวผมเล่น
"รู้ไหมครับว่าเวลาพี่ทำอย่างนี้ ผมมีความสุขแล้วก็รู้สึกอบอุ่นใจมาก"
"จริงๆ เก้าเป็นคนน่าเอ็นดูนะ พี่รู้สึกอย่างนั้นจริงๆ เก้าเป็นเด็กน่ารัก จนพี่...."
แล้วพี่แตซองก็ทิ้งตัวลงนอน
"อา...เก้า พี่รู้สึกโล่งใจมากที่พี่ได้พูดสิ่งที่พี่อยากพูด พี่เครียดมาหลายวันแล้ว วันนี้พี่มีความสุขมาก มีความสุขจริงๆ"
"ผมก็มีความสุขเหมือนกันครับพี่แตซอง"
ผมตอบพลางยิ้มดีใจอย่างมีความสุข แล้วพี่แตซองก็ดึงมือผมลงไปนอนข้างๆ พี่แตซองครับ ผมก็ดันเหลือบมองไปเห็นตรงนั้นของพี่แตซองมัน...ขึ้นมาจนสังเกตุเห็นได้ครับ แสดงว่ายังใช้การได้อยู่ เพราะพี่แตซองไม่ได้พิการรุนแรงมาก เพียงแต่มีปัญหาในการทรงตัวนั่นเอง เอ...พี่แตซองจะทำอะไรผมเนี่ย ผมเขินอายจนหน้าแดงเลยครับ
"พี่ไม่บังคับอะไรเก้าหรอกนะ แค่ได้อยู่ใกล้ๆ กันพี่ก็มีความสุขแล้ว เก้าไม่ต้องฝืนใจหรอกถ้าเก้าไม่ต้องการ"
พี่แตซองบอกเหมือนรู้ทัน ผมล่ะเชื่อเลยครับ มิน่าล่ะถึงได้คุยนักคุยหนาว่ามีสาวๆ มาชอบเยอะ เจอคารมแบบนี้เข้าไปก็คงอ่อนระทวยกันหมด แล้วผมจะเหลือเหรอครับ
"ถ้าผมเต็มใจจะทำให้พี่มีความสุขล่ะครับ" ผมถามกลับด้วยสายตาเป็นประกาย พี่แตซองยิ้มแล้วค่อยๆ เลื่อนศีรษะเข้ามาใกล้ๆ ผมแล้วก็พูดเบาๆ ว่า
"ก็แล้วแต่เก้าละกัน"
TBC