▙▜ รักนี้มีล้อ ◯ น้องเก้า VS พี่แตซอง ▛▟CHAPTER 16 ◉☥ วันแห่งการจากลา
เหตุผลหนึ่งที่ผมนำเรื่องนี้มาเผยแพร่ก็เป็นเพราะว่าผมอยากให้ทุกคนได้มีมุมมองใหม่ๆ ต่อคนพิการ เรามักมีภาพคนพิการที่น่าสงสาร ไร้ความสามารถ ไม่หล่อ ไม่สวย ยากจนหรืออะไรทำนองนี้ ก็เลยอยากช่วยให้เห็นมุมมองอื่นๆ บ้าง คิดว่าเสียงเล็กๆ ของผมคงจะช่วยให้ทุกคนได้เข้าใจคนพิการและปรับเปลี่ยนมุมมองต่อคนพิการได้บ้างไม่มากก็น้อยนะครับ✢ ✣ ✤ ✥ ✦ ✧ ✩ ✪ ✫ ✬ ✭ ✮ ✯ ✰ ★ ✱ ✲ ✳ ✴ ✵ ✶ ✷
หลังจากที่อาบน้ำเสร็จแล้ว ผมก็มาหาพี่แตซองที่กำลังนั่งรออยู่บนเตียงนอน ปกติถ้าผมลืมเอาเสื้อผ้ามา ผมก็จะใช้เสื้อผ้าของพี่แตซองนี่แหละเพราะแกมีเสื้อผ้าเยอะมาก ซื้อไว้สมัยที่ยังทำงานมีเงินเดือน ผมนั่งลงใกล้ๆ กับพี่แตซองแล้วก็ล้มตัวลงนอนบนขา พี่แตซองยิ้มละไม แลดูอบอุ่นเหมือนเช่นเคย
"พี่คงคิดถึงเก้ามากๆ เลยถ้าเก้ากลับไป" พี่แตซองพูดพลางใช้มือลูบผมแถวๆ หน้าผากผมเล่น
"ผมก็เหมือนกันครับ ถ้าเป็นไปได้ ผมก็ไม่อยากกลับเลย" ผมตอบด้วยเสียงอ้อนๆ
"เดี๋ยวเรามาคุยกันดีกว่านะ เหลือเวลาอีกไม่เยอะแล้วที่เราจะได้คุยกันแบบนี้"
ผมหันไปมองแล้วก็พยักหน้าตกลง
"เริ่มเลยครับ วันนี้ผมคุยกับพี่แตซองทั้งคืนก็ยังได้เลย"
พี่แตซองถอนหายใจยาวเหมือนกำลังคิดหนัก
"เก้าชอบหรือว่า...รักพี่"
"รักครับ" ผมตอบโดยที่แทบจะไม่ต้องใช้เวลาคิด
"แล้วพี่แตซองล่ะ" ผมถามบ้าง
"อืม...พี่เคยเจ็บกับความรักมาก่อน อาจจะบอกไม่ได้ตอนนี้หรอกครับ แต่พี่ก็ยอมรับว่ารู้สึกดีมากๆ ที่มีเก้าอยู่ใกล้ๆ"
"พี่ไม่เชื่อว่าผมรักพี่เหรอครับ หรือว่าพี่ไม่เชื่อใจผม" ผมถามพลางลุกขึ้นนั่ง ตอนนั้นเริ่มรู้สึกงอนนิดหน่อย
"ไม่ใช่อย่างนั้น เก้าอาจจะยังเด็กอยู่ มีอะไรหลายอย่างที่เก้าอาจจะยังไม่เคยเจอเหมือนที่พี่เจอ"
"ถึงผมจะยังเด็ก แต่ผมก็โตพอที่จะมีความรักได้แล้วนะครับ แล้วผมก็รักพี่จริงๆ นะพี่แตซอง"
"พี่รู้ เก้ารู้ไหม เมื่อก่อน...พี่กับแฟนเก่าก็เคยคิดแบบนี้ เราคิดว่าเรารักกันมาก เราจะไม่พรากจากกันไปไหน เราจะดูแลกันไปตลอดชีวิต เราจะไม่เปลี่ยนแปลง และอีกหลายอย่างที่เราสัญญากันไว้ แต่พอมีอะไรเปลี่ยนแปลงไป เรากลับไม่สามารถรักษาสัญญาที่เราให้กันไว้ได้เลย"
พอได้ฟังอย่างนี้แล้วผมก็เลยเข้าใจสิ่งที่พี่แตซองพยายามจะบอก
"ตอนที่เราสัญญากัน ในตอนนั้นพี่ก็เชื่อว่าเราพูดด้วยใจจริง พูดจากความรู้สึกจริงๆ และคิดจะทำอย่างนั้นจริงๆ แต่พอมีเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันขึ้น อาจจะเป็นสิ่งที่เหนือจากความคาดหมายของเรา ความรู้สึกของเราก็อาจจะเปลี่ยนไป เมื่อก่อนพี่เคยเสียใจมากนะ เสียใจมากจนเหมือนคนเสียสติ พี่เอาแต่โทษเขา ต่อว่าเขา โกรธเขาที่ไม่รักษาสัญญาแล้วก็ทอดทิ้งพี่ไปในเวลาที่พี่ต้องการใครสักคน แต่พอเวลาผ่านไป พี่ก็เริ่มคิดใหม่ เขาไม่ผิดหรอกที่ไม่รักษาสัญญา เพราะเขาก็ไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นในวันข้างหน้า บางครั้งคำสัญญาก็เป็นสิ่งผูกมัดที่ไม่จำเป็นหรอก สำหรับพี่ พี่เข็ดกับการสัญญากับสิ่งที่เป็นอนาคตที่เราไม่รู้หรือคาดเดาไม่ได้ พี่ไม่อยากเจ็บอย่างนั้นอีก ไม่อยากคาดหวังให้ใครต้องทำตามคำสัญญาที่ให้ไว้กับพี่ แล้วพี่ก็ไม่อยากให้ใครรู้สึกผิดที่ทำผิดสัญญาด้วย"
พี่แตซองอธิบายยาวเลย แต่ก็เข้าใจชัดเจนดีครับ
"แฟนเก่าของพี่แตซองรู้สึกผิดด้วยหรือครับ" ผมสงสัย
"เก้าสังเกตหรือเปล่าตอนที่เราเจอกับเขาที่งานแต่งงาน เขาไม่กล้าแม้แต่จะมองหน้าหรือสบตากับพี่เลย จริงๆ พี่รู้อะไรมามากกว่านั้น แต่ช่างมันเถอะ ตอนนี้เราก็ถือว่าขาดจากกันโดยสมบูรณ์แล้ว สำหรับพี่ เราไม่มีเยื่อใยอะไรต่อกันอีก พี่คิดว่าพี่ให้อภัยเขาได้"
ผมยิ้มจางๆ ให้กับพี่แตซองเมื่อฟังจบ
"พี่แตซองเป็นคนดีมากนะครับ ผมภูมิใจมากที่ได้รักพี่"
"พี่ไม่ใช่คนดีขนาดนั้นหรอกเก้า เมื่อก่อนพี่ก็ทำตัวไม่ดีเยอะ" บอกพลางขำแล้วถอนหายใจอีก
"เรากลับมาที่เรื่องของเราดีกว่า เรามาตกลงกันหน่อยดีไหม พี่หมายถึงอนาคตของเรา...สองคน"
ผมพยักหน้าตกลง ก็ไม่รู้หรอกครับว่าพี่แตซองจะพูดอะไรบ้างแต่จะตั้งใจฟังอย่างดีที่สุด
"พี่เชื่อแล้วก็ไม่สงสัยอะไรเลยที่เก้าบอกว่าเก้ารักพี่ อาจจะรักวันนี้หรือแม้กระทั่งในอนาคต แต่จะนานแค่ไหนพี่ไม่ก็รู้ แล้วพี่ก็ไม่อยากให้เก้าสัญญา ไม่ใช่เพราะว่าพี่ไม่เชื่อใจว่าเก้าจะทำได้นะครับ พอคนเปลี่ยน เวลาเปลี่ยน สถานที่เปลี่ยน เหตุการณ์เปลี่ยน อะไรๆ ก็เกิดขึ้นได้ อีกสามเดือนเราอาจจะพบเจออะไรใหม่ๆ สิ่งแวดล้อมใหม่ๆ คนใหม่ๆ เราอาจจะเจออะไรที่ดีกว่า ความรู้สึกของเราอาจจะเปลี่ยนไป แต่...ส่วนหนึ่งก็ขึ้นอยู่กับใจของเราด้วยว่าเรามั่นคงแค่ไหน ถ้าเรามั่นคงและยังรักษาความรักของเราไว้ได้ ก็เป็นสิ่งที่ดี แต่ถ้าทำไม่ได้ พี่ก็อยากให้เรายอมรับความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น อีกหนึ่งปี สองปี สามปี หรือหลายปีจากนี้ไป เราไม่มีทางรู้ได้เลยว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับชีวิตเรา"
ในขณะที่พี่แตซองพูด น้ำตาผมก็เริ่มปริ่ม พี่แตซองเป็นคนดีจริงๆ ครับ ผมรู้ความหมายของสิ่งที่พี่แตซองพยายามจะบอกแล้ว พี่แตซองไม่อยากให้ผมรู้สึกผิดถ้าเกิดวันใดวันหนึ่งผมเกิดไม่ได้รักหรือเกิดมีการเปลี่ยนแปลงขึ้น ผมก็คงเถียงไม่ได้เพราะผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าในวันข้างหน้าเราจะพบอะไรบ้าง ถึงวันนั้น ใจเราจะยังเหมือนเดิมหรือเปล่าก็ไม่รู้
"เก้าอย่ารู้สึกผิดเลยนะถ้าวันใดเก้าเปลี่ยนไป ถ้าเก้าเจอคนที่ดีกว่าพี่ เก้าอย่าปิดกั้นตัวเองเลย อย่าปิดโอกาสตัวเองที่จะได้พบเจออะไรใหม่ๆ ที่ดีกว่า"
พอถึงตอนนี้ผมก็ปล่อยโฮเลยครับ พร้อมกับโผเข้ากอดพี่แตซองแน่น
"เก้าไม่ต้องห่วงพี่ พี่อยู่ได้ อย่ากลัวว่าพี่จะเสียใจถ้าเก้าจะเปลี่ยนไป พูดตรงๆ ละกันนะ พี่เองก็ยังสับสนกับสิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้อย่างมาก ในอนาคตพี่อาจจะหายสับสนก็ได้ พี่อาจจะรู้สึกอะไรก็ไม่รู้เหมือนกัน พี่ก็บอกไม่ได้ แต่สิ่งหนึ่งที่พี่บอกกับเก้าได้ก็คือ เราจะทำความรักครั้งนี้ให้ดีที่สุด พามันไปให้ไกลที่สุดเท่าที่เราจะทำได้ เก้าสัญญากับพี่แบบนี้ได้ไหม"
พี่แตซองถามแล้วจับไหล่ผมให้ผมมองหน้าพี่แตซองตรงๆ
"ได้ครับ" ผมบอกทั้งน้ำตา
"ดีมากครับ เก้าทำให้ดีที่สุด พี่ก็จะทำให้ดีที่สุด เราพามันไปให้ไกลที่สุดเท่าที่เราจะทำได้ ได้แค่ไหนก็แค่นั้น ที่สำคัญ เก้าอย่ารู้สึกผิดเป็นอันขาดนะครับ"
ผมพยักหน้าน้อยๆ เป็นเชิงตอบรับ พี่แตซองก้มมาจูบผม สักพักความรู้สึกบางอย่างก็ค่อยๆ กระพือขึ้นทีละน้อย มือไม้ของเราเริ่มอยู่ไม่สุข สักพักผมก็ถอนปากออกอย่างช้าๆ
"พี่แตซอง ก่อนที่ผมจะกลับไป ผมอยากทำให้ความรักของผมครั้งนี้สมบูรณ์แบบแล้วก็มีความหมายมากที่สุด พี่พอจะให้ความร่วมมือกับผมได้หรือเปล่าครับ"
ผมถามพร้อมกับเสียงที่หอบด้วยความตื่นเต้น
"อะไรครับ"
"ความรักของเราอาจจะเกิดในเวลาสั้นๆ แต่ผมก็อยากให้มันเป็นความรักที่สมบูรณ์แบบสำหรับผม ผมอยากทำให้ความรักครั้งนี้เป็นความรักที่ดีที่สุดที่ผมจะจดจำไว้ตลอดไป"
ผมไม่รู้ว่าผมพูดได้ความหมายชัดเจนหรือเปล่า ดูเหมือนพี่แตซองเองก็เข้าใจว่าผมหมายถึงอะไร
"ก็แล้วแต่เก้าละกันครับ ถ้าเก้าต้องการอย่างนั้นจริงๆ พี่ก็ไม่ขัดข้อง"
พอพูดจบ พี่แตซองก็ดึงตัวผมลงนอนพร้อมกัน คงไม่ต้องบอกนะครับว่าจะทำอะไร คราวนี้ของจริงครับ
✢ ✣ ✤ ✥ ✦ ✧ ✩ ✪ ✫ ✬ ✭ ✮ ✯ ✰ ★ ✱ ✲ ✳ ✴ ✵ ✶ ✷
รุ่งเช้า พี่แตซองตื่นก่อนผมครับ พอผมตื่นขึ้นมาก็เห็นพี่แตซองนอนจ้องมองผมอยู่ พอผมลืมตาพี่แตซองก็ยิ้มให้ ผมก็ยิ้มตอบ คิดถึงเหตุการณ์เมื่อคืนแล้วผมก็เขินเหมือนกัน
"พรุ่งนี้กลับกี่โมงครับ" พี่แตซองถาม จริงๆ ก็ถามแล้วล่ะแต่คงกลัวลืมก็เลยถามอีก
"จำเวลาไม่ได้แน่นอนครับ แต่ต้องไปสนามบินแต่เช้าเลย" ผมบอกแล้วทำหน้าเศร้า
"ผมไม่อยากกลับเลยครับพี่แตซอง"
"พี่เองก็ใจหายไม่แพ้เก้าหรอก แต่เราก็ต้องยอมรับความจริง"
เรายิ้มเศร้าๆ ให้กัน ต่างคนต่างก็รู้สึกใจหาย
"ขอบคุณสำหรับทุกสิ่งทุกอย่างนะครับพี่แตซอง ผมคิดว่าผมโชคดีมากๆ ที่ได้มาเจอพี่ ได้มาเป็น PA เป็นน้องชาย แล้วก็...ได้รักพี่ ผมดีใจมากที่พี่เองก็รู้สึกดีๆ กับผม ผมจะจดจำทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นเอาไว้ พี่แตซองไม่อยากให้ผมสัญญา แต่ผมก็อยากสัญญาว่า...ผมจะกลับมาหาพี่อีกครั้งอย่างแน่นอน อย่างน้อยๆ ถ้าผมเรียนจบ มีงานทำ เก็บเงินได้ ผมจะมาหาพี่ครับ ไม่ว่าตอนนั้นเราสองคนจะเป็นยังไงก็ตาม ผมจะกลับมาหาพี่ให้ได้"
"พี่เชื่อเก้านะครับ"
พี่แตซองบอกด้วยเสียงอบอุ่น ผมสังเกตุเห็นพี่แตซองน้ำตาซีมๆ ก็เลยเอื้อมมือไปจับมือพี่แตซองไว้
"เชื่อไหมเก้า พี่ไม่เคยเสียน้ำตาให้ใครเลย ตอนที่พี่เลิกกับแฟนเก่า พี่ก็ไม่มีน้ำตาเลยแม้จะเสียใจมากแค่ไหน แต่ครั้งนี้ พี่รู้สึกตื้นตันใจในความดีแล้วก็ความรักของผู้ชายคนหนึ่งที่มีต่อพี่ เก้าคงจะเป็นผู้ชายคนเดียวในโลกนี้ที่พี่จะรู้สึกดีๆ อย่างนี้ด้วย พี่ก็รักเก้าเหมือนกันนะครับ พี่แน่ใจว่ามันคือความรัก ไม่ใช่แค่ความเหงาที่ทำให้พี่สับสน ไม่งั้นพี่ก็คงรัก PA คนอื่นไปนานแล้ว"
พูดจบแล้วเราสองคนก็กอดกัน ผมดีใจจนสุดจะบรรยายเมื่อรู้ว่าพี่แตซองก็รักผมเช่นเดียวกัน
✢ ✣ ✤ ✥ ✦ ✧ ✩ ✪ ✫ ✬ ✭ ✮ ✯ ✰ ★ ✱ ✲ ✳ ✴ ✵ ✶ ✷
พอ PA อีกคนมาที่บ้านพี่แตซอง ผมก็ถือโอกาสลากลับบ้านน้าสาว วันนี้ผมต้องกลับไปใช้เวลาอยู่กับแม่ น้าสาวและน้าเขยก่อนกลับ แต่ว่าก็มีนัดกินข้าวกับพี่แตซองตอนเย็นๆ ด้วยกันอีกสักครั้งก่อนจะจากกันไป
ตอนอยู่บ้านน้าสาว ผมไม่ค่อยมีสมาธิเลย นึกห่วงแต่พี่แตซองว่าจะกินอยู่ยังไงหรือทำอะไรอยู่ตลอดเวลา พอตอนเย็น เราก็ไปที่ร้านอาหารกัน พี่แตซองมาพร้อมกับ PA คนที่ผมเจอเมื่อเช้า คิดๆ แล้วก็ใจหายที่รู้ว่าจะไม่มีโอกาสได้ทำหน้าที่ PA ให้พี่แตซองอีกแล้ว
พอกินข้าวเย็นเสร็จ ผมก็ขออนุญาตมาส่งพี่แตซองที่คอนโด ให้ PA อีกคนกลับบ้าน ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายจริงๆ ที่ผมจะได้ทำหน้าที่ PA ให้กับพี่แตซอง ผมช่วยพี่แตซองอาบน้ำ ช่วยพี่แตซองใส่เสื้อผ้าแล้วก็ขึ้นไปนอนบนเตียง เป็นครั้งสุดท้ายที่ผมได้กอดพี่แตซอง ได้สัมผัสกลิ่นตัวหอมๆ และไออุ่นของพี่แตซองอีกครั้ง
พอนั่งบนเตียงได้แล้วพี่แตซองก็หยิบถุงอะไรสักอย่างบนหัวเตียงมาแล้วส่งให้
"ของขวัญจากพี่ครับ พี่รู้ว่าเก้าต้องชอบ" พี่แตซองบอกพลางยิ้มน้อยๆ
ผมรับมาแล้วกล่าวขอบคุณ
"เป็นร้องเท้าแบบเดียวกับที่เก้าใส่อยู่นั่นแหละ พี่เห็นเก้าชอบใส่ ใส่จนเก่าเลย พี่ก็เลยซื้อให้ใหม่ หวังว่าเก้าจะชอบนะครับ พี่มั่นใจว่าเก้าใส่ได้เพราะพี่จำเบอร์รองเท้าของเก้าได้ สีก็เหมือนกันเลยเห็นไหม"
น้ำตาเจ้ากรรมผมไหลอีกแล้วครับ ผมตื้นตันใจเหลือเกิน กอดพี่แตซองแล้วร้องให้สะอึกสะอื้นเหมือนเด็ก พูดแต่คำว่าไม่อยากไปซ้ำไปซ้ำมา นึกโมโหตัวเองนิดหน่อยที่มัวแต่เศร้าใจจนลืมไปหาซื้อของให้พี่แตซองบ้าง แต่ก็ตั้งใจว่าพอกลับถึงประเทศไทยแล้วผมจะซื้อของส่งไปรษณีย์มาให้อย่างแน่นอน
พอได้เวลาอันสมควรแล้วผมก็ลาพี่แตซองกลับ
"พรุ่งนี้เจอกันที่สนามบินนะครับ" พี่แตซองบอก ผมพยักหน้ารับรู้
"ดูแลตัวเองดีๆ นะครับพี่แตซอง"
ผมบอกด้วยเสียงสั่นเครือ พี่แตซองยิ้ม ช่างเป็นรอยยิ้มที่เศร้าเหลือเกิน ผมค่อยๆ เดินไปที่ประตูแล้วก็ค่อยๆ เปิดออกไป หันหน้ามามองพี่แตซองเป็นครั้งสุดท้าย พี่แตซองยังคงมองมาด้วยรอยยิ้มและดูเหมือนจะมีน้ำตาไหลลงมาจากสองตานั้นด้วย แล้วผมก็ตัดใจปิดประตูเดินจากไปพร้อมกับน้ำตาที่รินไหลลงมาอย่างสุดกลั้นเช่นเดียวกัน
✢ ✣ ✤ ✥ ✦ ✧ ✩ ✪ ✫ ✬ ✭ ✮ ✯ ✰ ★ ✱ ✲ ✳ ✴ ✵ ✶ ✷
พอถึงตอนเช้า น้าสาวกับน้าเขยก็มาส่งผมกับแม่ที่สนามบินอิ๋นชอนด้วย ในระหว่างที่เช็คอินผมก็คอยมองหาพี่แตซองตลอดเวลา แต่ก็ไม่เห็นมาเสียที ทำให้ผมร้อนใจเหมือนกัน พอเช็คอินเสร็จพี่แตซองก็มาถึงพอดี มากับ PA คนเดิมที่เจอเมื่อวานนี้เพราะทางศูนย์สามารถหา PA ประจำให้พี่แตซองได้แล้ว แค่เห็นเท่านั้นแหละครับ ผมก็ปราดเข้าไปหาพี่แตซองพร้อมกับนั่งย่อตัวลงข้างๆ วีลแชร์พี่แตซอง
"พี่แตซอง ผมนึกว่าพี่จะไม่มาแล้วเสียอีก" ผมตัดพ้ออย่างใจหาย
"มาสิครับ พี่ต้องมาส่งเก้าอยู่แล้ว" พี่แตซองตอบแล้วก็หันไปทักทายกับแม่ น้าสาวและน้าเขยของผมที่เดินมาหา
"พี่แตซองดูสิครับ ผมใส่รองเท้าที่พี่ซื้อมาให้ด้วยครับ" ผมตอบพลางลุกขึ้นให้พี่แตซองดูรองเท้าที่ผมใส่
"ผมชอบมากเลย ขอบคุณพี่มากเลยร ผมอยากจะซื้อใหม่ตั้งนานแล้ว"
พี่แตซองมองผมที่อวดรองเท้าแล้วก็ยิ้มอย่างชื่นชม
"เท่ห์ดีนะ"
พวกเราคุยกันสักพักก็ถึงเวลาที่จะต้องไปเสียที พี่แตซองมาส่งผมตรงก่อนเข้าไปยังตรวจหนังสือเดินทาง ตอนนั้นใจคอผมเริ่มไม่ดีแล้ว หันมามองพี่แตซองแล้วก็น้ำตาซึม
ผมย่อตัวลงข้างๆ แล้วก็กอดพี่แตซองไว้ ร้องให้โฮๆ เลยครับ ทุกคนดูตกใจกันมาก รวมทั้งคนที่เดินผ่านไปผ่านมาด้วย แต่ตอนนั้นผมไม่สนใจใครทั้งนั้น ร้องให้งอแงเหมือนเด็กๆ เลย ผมจำไม่ได้หมดว่าพูดอะไรบ้างเพราะอารมณ์ตอนนั้นมันเศร้ามาก แต่ก็คงประมาณว่า
"พี่แตซอง ผมไม่อยากไปเลย ผมอยากอยู่กับพี่"
พูดไปร้องให้ไป พูดวนไปวนมา เล่นเอาคนอื่นน้ำตาซึมตามไปด้วย พี่แตซองลูบหลังพร้อมกับพูดปลอบใจ โชคไม่ดีเลยที่ผมจำไม่ได้จริงๆ ครับว่าพี่แตซองพูดอะไรบ้าง
ตอนเด็กๆ ผมก็เคยเป็นคล้ายๆ แบบนี้แหละครับ แม่พาไปเที่ยวบ้านญาติที่ต่างจังหวัด ตอนกลับผมก็ร้องให้โฮๆ ไม่อยากกลับเพราะมีเพื่อนเยอะ ก็เด็กๆ ที่เป็นญาติกันนั่นแหละครับ ผมก็เลยไม่อยากกลับไปเหงาที่บ้านอีก แม่ผมก็เลยเข้าใจไปว่าที่ผมไม่อยากกลับก็เป็นเพราะเหตุผลคล้ายๆ กัน
ผมร้องให้โฮๆ อยู่นานจนแม่ต้องเดินมาบอกว่าใกล้เวลาขึ้นเครื่องแล้ว ผมถึงได้ยอมปล่อยพี่แตซอง พอปล่อยแล้วผมก็ได้เห็นว่าพี่แตซองก็น้ำตาไหลเช่นเดียวกัน
"พี่แตซองดูแลตัวเองดีๆ นะครับ แล้วผมจะมาหาพี่ พี่ต้องรอผมนะครับ" ผมบอกพลางค่อยๆ ลุกขึ้น พาลจะร้องไห้อีกให้ได้
"ครับ...เก้าก็เหมือนกันนะ ดูแลตัวเองดีๆ นะครับ ตั้งใจเรียนหนังสือ ถ้าคิดถึงพี่ก็โทรมาหาพี่ได้ ส่งอีเมล์มาคุยกันบ้าง มีอะไรให้พี่ช่วยก็บอกนะครับ"
นั่นคือประโยคสุดท้ายที่พี่แตซองพูดก่อนที่ผมจะเข้าไปในจุดตรวจหนังสือเดินทาง
"ครับพี่แตซอง"
ผมบอกแล้วก็เดินเข้าไปข้างในกับแม่ พี่แตซอง น้าสาวและน้าเขยโบกมือลาให้ ผมกับแม่ก็โบกมือตอบ พอตรวจเอกสารเสร็จแล้ว ผมก็วิ่งมาอ้อมมาตรงที่กั้นระหว่างที่เช็คอินกับทางเดินไปที่เกต โบกมือให้พี่แตซองอีกครั้งแล้วตะโกนบอกพี่แตซองเสียงดัง
"พี่แตซอง ผมไปแล้วนะครับ พี่แตซองดูแลตัวเองดีนะครับ"
พี่แตซองยิ้มพร้อมกับน้ำตาที่ซึมออกมา โบกมือลาให้ผมกับแม่เป็นครั้งสุดท้าย ผมสูดหายใจลึกๆ มองหน้าพี่แตซองเป็นครั้งสุดท้ายแล้วก็ตัดใจเดินกลับไปหาแม่เพื่อไปขึ้นเครื่อง ใกล้เวลาที่จะต้องขึ้นเครื่องแล้วแต่ในใจผมนั้นคิดถึงและเป็นห่วงพี่แตซองมากเหลือเกิน แม้จะรู้ว่าพี่แตซองสามารถอยู่ได้แต่ก็อดเป็นห่วงไม่ได้อยู่ดี
"พี่แตซอง แล้วผมจะกลับมาหาพี่อีกนะครับ"
ผมสัญญากับตัวเองในใจ และผมก็มั่นใจว่าผมจะทำอย่างนั้นได้อย่างแน่นอน รอผมนะครับพี่แตซอง
- จบบริบูรณ์ -
เป็นอีกเรื่องที่ผมประทับใจมาก ตอนจบนั้นก็ทำให้รู้สึกทรมานใจมากทีเดียว สงสารพี่แตซองจริงๆ ครับ ไม่รู้ว่า PA คนอื่นๆ จะดูแลพี่แตซองได้ดีเท่ากับเก้าหรือเปล่า แต่ในความเศร้า อีกด้านหนึ่งผมก็มองเห็นชีวิตของเราเองที่ต้องได้พบเจอและผูกพันกับคนมากมาย บางคนผ่านมาแล้วก็ผ่านไป บางคนอาจจะอยู่นานหน่อย แต่สุดท้ายเราก็ต้องจากกันอยู่ดี ชีวิตก็ยังคงต้องไปต่อ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นอีกสักกี่ครั้งบนโลกใบนี้ ถ้าเรายังหายใจอยู่ เราก็คงต้องอยู่และเรียนรู้ที่จะอยู่และก้าวเดินต่อไป