ตอนที่ 6
พระโอรส ในที่สุดท่านก็เสด็จกลับมา รู้ไหมว่าข้าพระองค์จักอกแตกตายอยู่แล้ว” เสียงทุ้มของเจ้าเต่ายักษ์เอ่ยกับผู้เป็นาย
“พี่จักอกแตกตายหรือท้องแตกตายกันแน่พี่ต้วมเตี้ยม เราเห็นว่าพี่กำลังเพลิดกับการกินมากกว่าเป็นห่วงเราเสียอีก”
“ข้าพระองค์เป็นห่วงพระโอรสนะพระเจ้าค่ะ แต่ของกินมากมายนี้เสด็จพ่อของพระองค์ประทานมาถ้าหากมันเหลือจักเป็นที่สงสัยได้นะพระเจ้าค่ะ”
“เราเชื่อแล้ว พี่ช่างเป็นห่วงเราเสียจริง แล้วเสด็จพ่อเล่าเหตุใดเรามิเห็นพระองค์เลย”
“ท่านกนธี เสด็จไปที่ทะเลตะวันออกพระเจ้าค่ะ”
“แล้วเสด็จพ่อสงสัยอันใดหรือไม่”
“ฝีมือระดับข้าพระองค์มิอาจมีใครสงสัยได้ดอกพระเจ้าค่ะ”
เจ้าเต่าตัวอ้วนเอ่ยอย่างภูมิใจ ก่อนจะตบอกเป็นการใหญ่เพื่อยืนยันกับผู้เป็นนาย
วรองค์เล็กมิใคร่อยากสนใจเจ้าเต่าอ้วนนักจึงดำเนินออกมาด้านนอก เงาจันทร์สะท้อนลงมาในมหานทีทำให้จิตใจกระหวัดถึงอีกองค์ที่อยู่แสนไกล คำว่ารักที่ฝากไว้จักอยู่ได้ยาวนานเพียงใดหนอ
…………………………………………………………….
นานนับเดือนที่สองขัตติยะลักลอบพบกันแม้นทุกครั้งเวลาที่พบพักตร์จักแสนสั้นแต่หากเติมเต็มหัวใจสองดวงให้อิ่มเอมยิ่งนัก
“พี่ฤทธิรุทร” สุรเสียงเล็กตรัสเรียกวรองค์สูงที่ประทับเบื้องหน้า
“เจ้ามาแล้วหรือ แสงสุรีย์” วรองค์สูงตรัสก่อนจักโอบกอดเจ้าร่างบางของพระองค์เข้าสู่อ้อมพาหา
“รู้หรือไม่ว่าพี่คิดถึงเจ้ามากเหลือกิน”
“อันว่าชาติยักษาช่างเจ้าชู้ยิ่งนักคำหวานที่เอ่ยมันจักเป็นจริงเพียงใดกัน”
“เพลานับเดือนที่ผ่านมาเจ้ายังไม่รับรู้ถึงใจพี่อีกหรือ” ทรงตัดพ้อร่างในอ้อมพาหา
“น้อง น้อง….”
“ถ้าเช่นนั้นพี่จักพิสูจน์เอง ดีหรือไม่” วรองค์สูงตรัสก่อนจักเคลื่อนพระพักตร์เข้าใกล้น้องน้อยของพระองค์
“อะ อืม” สุรเสียงหวานดังลอดผ่านจุมพิตที่แสนอ่อนโยน จากวรองค์สูง ช่างเป็นการพิสูจน์ที่มีแต่ได้เสียจริง
พระโอรสแสงสุรีย์ทรงคิด แต่ก็ปล่อยทุกอย่างให้เป็นไปตามที่ใจปรารถนา เพราะพระองค์เองก็โหยหาอ้อมพาหานี้เหลือเกิน
สองร่างเกี่ยวกระวัดส่งหมอบความรักแลความสุขให้แก่กันอย่างไม่รู้เบื่อแม้นจักรู้ว่าการทำเยี่ยงนี้เป็นสิ่งต้องห้าม
แต่กลับมิมีผู้ใดหยุดความหวาบหวามที่แสนอ่อนโยนนั้นได้ ต่างตกอยู่ในห้วงแห่งความปรารถนาที่หอมหวานทั้งสององค์
“เจ้าช่างหวานนัก” ทรงเอ่ยเย้าวรองค์บางที่เปลือยเปล่าในอ้อมพาหา หลังจากไฟแห่งความปรารถนามอดดับลง
“ท่าน อย่าพูดนะ” วรองค์เล็กตรัสอย่างเขินอาย ก่อนจักซุกพระพักตร์กับพระอุรของอีกองค์
“เจ้าอายหรือ เหตุใดต้องอายกัน เราสองคนแค่เพียงแสดงความรักต่อกันเท่านั้นหรือเจ้ามิชอบ แต่พี่ก็ได้ยินเสียงแห่งความสุขสมของเจ้าตลอด หรือพี่ฟังผิดกัน”
“ทะ ท่าน น้องบอกว่าอย่าพูดอย่างไรเล่า” วรองค์เล็กตรัสพลิกไปอีกด้านอย่างแง่งอน
“พี่ไม่พูดแล้ว น้องอย่าโกรธ ที่พี่ทำทั้งหมดเพราะพี่รักเจ้านะแสงสุรีย์ รักมาก รักยิ่งกว่าชีวิตของพี่แล้วเจ้าเล่ารักพี่หรือไม่”
“หากน้องไม่รักคงมิทำเช่นนี้ดอกเพียงแต่น้องกลัว กลัวเหลือเกิน ” วรองค์บางตรัสเสียงแผ่ว พระองค์ทรงรู้ตลอดเวลาว่าสิ่งที่ทำนั้นไม่ถูก
ต้องแต่ก็มิอาจห้ามจิตใจได้ ได้แต่เพียงหวังว่าความอยู่เช่นนี้จักอยู่กับพระองค์ตลอดไป
“อย่ากลัวไปเลย ไม่ว่าวันข้างหน้าจักต้องพบเจอกับสิ่งใด ขอให้รู้ไว้ว่าพี่รักเจ้า แม้นเราจักต้องห่างกันไกลแค่ไหนพี่สัญญาพี่จักตามหาเจ้าให้พบให้ได้ เราสองจักไม่มีวันพรากจากกัน”
ทรงตรัสก่อนจักกอดกระชับร่างบางในอ้อมพาหาของพระองค์แน่นส่งต่อความรักที่พระองค์มีแลยืนยัน
ว่าพระองค์ทรงรักเจ้าร่างบางนี้มากเพียงใด
เวลาพลบค่ำพระโอรสแสงสุรีย์จึงเสด็จกลับก็พบเจ้าเต่ายักษ์รออยู่แล้วด้วยท่าทีร้อนรน
“พระโอรส แย่แล้วพระเจ้าค่ะ แย่แล้ว ” เจ้าเต่ายักษ์โวยวายลั่น
“แย่อันใดหรือพี่ต้วมเตี้ยม หรือว่า เสด็จพ่อจักทรงทราบเรื่องแล้ว” ตรัสถามอย่างร้อนรนไม่แพ้พระพี่เลี้ยง
“ไม่ใช่พระเจ้าค่ะ เรื่องนั้นยังมิทรงล่วงรู้ แต่เรื่องนี้มันเรื่องใหญ่กว่านั้นอีกพระเจ้าค่ะพระโอรส”
“เรื่องอันใดหรือพี่”
“ก็เรื่อง…”
“ต้วมเตี้ยม!!” สุรเสียงหวานตวาดลั่นก่อนจักใช้สายพระเนตรปรามเต่าเจ้าปัญหาให้เงียบ
“ท่านกนธี เอ่อ กระหม่อนขอประทานอภัยพระเจ้าค่ะ”
“แสงสุรีย์ เจ้าตามพ่อมา” วรองค์บางเดินนำหน้าพระโอรสเข้าไปในถ้ำแก้วโกมล ก่อนจักประทับนั่งบนบังลังก์แก้ว
“ปีนี้เจ้าอายุเท่าไหร่แล้วแสงสุรีย์”
“15ย่าง16 พระเจ้าค่ะ”
“ถึงเวลาที่เจ้าต้องมีคู่ครองแล้วสินะ”
“คู่ครอง เสด็จพ่อหมายถึงลูกจักต้องแต่งงานหรือพระเจ้าค่ะ” ตรัสถามเสียงแผ่วในพระทัยร้อนรนยิ่งหนัก
“ใช่ พ่อจักให้เจ้าแต่งงานกับ ธิดาแห่งเจ้านครบาดาลทางใต้”
“เสด็จพ่อแต่ลูกอายุยังน้อยนะพระเจ้าค่ะ ลูกเห็นว่าเรื่องนี้ยังมิถึงเวลา” ทรงอ้อนวอนพระบิดา กลัว กลัวเหลือเกินว่าจักต้องสูญเสียคนรักไป
“แสงสุรีย์ อย่าได้ขัดพ่อ พ่อบอกให้เจ้าแต่งเจ้าก็ต้องแต่ง”
“เสด็จพ่อ ลูกไม่แต่งพระเจ้าค่ะ ลูกไม่แต่งเด็ดขาด!!!”
“เจ้ากล้าขัดคำสั่งพ่อหรือ!!!” สุรเสียงหวานตวาดลั่น น้อยครั้งนักที่โอรสจักขัดพระประสงค์
“ลูกมิกล้า เพียงแต่…”
“เพียงแต่กระไร เจ้าจักโกหกอะไรพ่ออีก เจ้าอย่าคิดว่าพ่อมิรู้ว่าตอนนี้เจ้าแอบลักลอบทำในสิ่งที่มันผิดหรือ แสงสุรีย์”
สุรเสียงหวานตรัสก่อนที่สายพระเนตรจักจับจ้องที่โอรสขององค์เอง
“เสด็จพ่อทรงทราบ”
“พ่อรักเจ้านะ แสงสุรีย์ ที่พ่อทำไปก็เพราะมิอยากให้เจ้าต้องทำผิดอีก จงรับคำพ่อแล้วแต่งงานเสียเถิด”
“แต่ลูกกับพี่ฤทธิรุทร รักกันด้วยใจจริงนะพระเจ้าค่ะ เหตุใดความรักจึงเป็นสิ่งที่ผิด เสด็จพ่อเอาอะไรมาตัดสินว่าความรักของลูกนั้นผิด” ว
รองค์เล็กกล่าวพร้อมกับอสุชลที่หลั่งริน เหตุใดหนอพระบิดาที่พระองค์ทรงเคารพรักจึงมิเข้าใจพระองค์เลย
“เจ้าอย่าดื้ออีกเลย จงเลิกคิดเรื่องความรักของเจ้าแล้วเตรียมตัวแต่งงานในอีก 15 ราตรีเถิด”
“ลูกมิยอม หากเสด็จพ่อทรงบังคับลูกอีก ลูกจักฆ่าตัวตาย!!!” ตรัสด้วยสุรเสียงแข็งกร้าวก่อนจักล้วงกริชจ่อพระศอขององค์เอง
“แสงสุรีย์!!” วรองค์บางตรัสก่อนจักบริกรรมคาถา
พลัน!!! ปรากฏนาคาขึ้นสองตน ตนหนึ่งใช้หางตวัดจนกริชในพระหัตบางตกลงก่อนที่อีกตนจักรัดวรองค์เล็กไว้แน่นจนมิอาจขยับวรกายได้
“จงนำลูกของเราไปขังไว้ในห้องอย่าให้ผู้ใดเข้าไปได้เด็ดขาด จนกว่าจักถึงพิธีอภิเษก”
ตรัสสั่งนาคาแปลงก่อนจักหลับพระเนตรลง ทรงมิอยากเห็นเนตรกลมโตนั้นตัดพ้อพระองค์อีกแล้ว
“เสด็จพ่อพระทัยร้าย ทรงพระทัยร้ายเหลือเกิน ” สุรเสียงเล็กตรัสก่อนจักถูกพาออกไป
“แสงสุรีย์เอ๋ย พ่อมิอาจเห็นเจ้าทำความผิดอีกแล้ว พ่อมิอยากให้เจ้าต้องรู้สึกผิดบาปไปชั่วชีวิตเยี่ยงพ่อ ความรักนั้นเจ็บปวดเหลือเกิน เจ้าจงอย่าได้เผชิญกับมันอีกเลย”
รับสั่งแผ่วเบาเพียงลำพัง ต่อให้พระองค์ต้องถูกพระโอรสโกรธเกลียดไปจนตลอดพระชนชีพพระองค์ก็จักทำ
เพื่อปกป้องคนที่พระองค์รักให้ออกห่างจากความเจ็บปวด
นครเวหล
วรองค์สูงประทับนิ่งเหนือแท่นบรรทม สายพระเนตรเหม่อมองออกไปบนท้องฟ้าที่ประดับด้วยแสงดาวระยิบระยับพลางคิดถึงเจ้าร่างบางของพระองค์เหตุใดหนอ ในพระทัยของพระองค์จึงทรงว้าวุ่นเช่นนี้ สามราตรีที่มิอาจข่มพระเนตรหลับได้มันเกิดจากสาเหตุอันใดกัน
“แสงสุรีย์ คืนนี้เจ้าจะหลับฝันดีหรือไม่หนอ” ทรงตรัสคล้ายละเมอ อยากเหลือเกินที่จักโอบกอดร่างบางนั้นเอาไว้ในอ้อมพาหาตลอดคืน
อยากได้กลิ่นหอมอ่อนจากเรือนกายที่พระองค์ทรงหลงใหล
“พระโอรส ทรงบรรทมเถิดพระเจ้าค่า” ต้นห้องคนสนิทเอ่ย เพราะเวลาล่วงเลยเข้าสู่ยามสามแล้วแต่พระโอรสกลับทรงประทับนิ่งมิมีวี่แววว่าจักทรงบรรทมเลย
“เรานอนไม่หลับน่ะพี่ไวย เราคิดถึง แสงสุรีย์”
“อีกไม่กี่ราตรีก็จักได้พบ พระโอรสแสงสุรีย์แล้วนะพระเจ้าค่ะ เหตุใดต้องทรงกังวล”
“เราก็ไม่รู้ว่า แต่จิตใจของเราเพลานี้มันไม่ยอมอยู่เป็นสุขสักที หรือเราจักไปหาแสงสุรีย์ที่นครใต้บาดาลกันดี”
“มิได้พระเจ้าค่ะ พระองค์ก็ทรงทราบว่าองค์เหนือหัวห้ามมิให้ชาวนครเวหลทุกตน คบค้ากับชาวนครใต้บาดาลหากใครฝ่าฝืนจักต้องอาญาแผ่นดินนะพระเจ้าค่ะ”
“เรารู้พี่ไวย แต่เรามิอาจข่มตาหลับลงได้ หากใจเรายังเป็นเช่นนี้” ตรัสจบก็ทรงดำเนินออกจากพระแท่น เพื่อออกตามหาเจ้าร่างบางของพระองค์
...............................................
กลับมาแล้วค่า คิดถึง ทุกคนจังเลย
ช่วงนี้เป็นช่วงลูกผี ลูกคน เทอมสุดท้ายของการเป็น
นักศึกษา อาจจะยุ่งนิดหน่อยนะคะ
แต่ยังไงก็จะไม่ทิ้ง แน่นอน ^______^