แสงสุรีย์ แนวจักรๆวงศ์ จร้า ตอนจบ 4/9/12 P 3 ^_^
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: แสงสุรีย์ แนวจักรๆวงศ์ จร้า ตอนจบ 4/9/12 P 3 ^_^  (อ่าน 41333 ครั้ง)

ออฟไลน์ pita

  • ขอเพียงกล้าทำตามฝัน จะล้มบ้าง ลุกบ้าง ช่างมันปะไร
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2370
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +328/-13
สปอยๆๆๆๆ ตอน 11  :impress2:

เจอกัน เพราะ.....วาสนา

จากกัน เพราะ.....โชคชะตา

กลับมา เพราะ .... ฟ้าลิขิต


เฝ้าตามหาความรักมาตลอดทั้งชีวิตแต่ยิ่งพยายามตามหากลับยิ่งพบเพียงความว่างเปล่า ไม่มีใครสามารถเติมช่องว่างที่อยู่ในหัวใจได้เลย เหมือนเขาเฝ้ารอใครสักคนมานานแสนนาน มันนานซะจนในใจมีแต่ความเจ็บปวดและคำว่าคิดถึง


http://youtu.be/fwp0VWEbk_M อยากลงเพลงแต่ลงไม่เปน เอาแบบนี้แล้วกันเนาะ  :sad4:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11-07-2012 13:23:11 โดย pita »

ออฟไลน์ Nus@nT@R@

  • Life is Investment
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5591
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +456/-11
ง่ะ อย่ามาสปอยล์ เอามาต่อด่วนๆเลยจ้า

ออฟไลน์ CarToonMiZa

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6338
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +820/-41
มาแบบนี้
ฆ่ากันเลยดีกว่า o18

ออฟไลน์ pita

  • ขอเพียงกล้าทำตามฝัน จะล้มบ้าง ลุกบ้าง ช่างมันปะไร
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2370
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +328/-13
ตอน 11


เจอกัน ....... เพราะ วาสนา

จากกัน ....... เพราะโชคชะตา

กลับมา ...... เพราะฟ้าลิขิต




 ปี 2555 กรุงเทพ ประเทศไทย


ร่างบางยืนชะเง้อมองที่ช่องผู้โดยสารขาเข้าอย่างใจจดใจจ่อ วันนี้แล้วสินะที่เขารอคอยมา 5 ปี ในที่สุด เขาก็จะได้เจอคนที่คิดถึงเสียที

“ที ไม่ต้องชะเง้อขนาดนั้นหรอก เดี๋ยวลูกก็มาแล้ว” เสียงทุ้มจากชายร่างสูงที่อยู่ข้างหลังเอ่ยเย้า พลางกลั้นหัวเราะกับท่าทีของคนตัวบางที่ดูจะตื่นเต้นเหลือเกิน

“นี่คุณ ฤทธิ์ อยู่เฉยๆก็ไม่มีใครว่าอะไรนะ” เสียงหวานนั้นหันมาเอ็ดก่อนจะชะเง้อมองต่อไป

ร่างสูงของ ฤทธิ์  อัศวาพิพัตร ได้แต่สายหน้าให้คนรักเบาๆไม่น่าเชื่อว่าคนตรงหน้านี้จะเป็นผู้ชายและอายุ 42 เข้าไปแล้วเพราะรูปร่างบอบบางที่มองยังไงๆก็เหมือนกับสาววัยสามสิบต้นๆ นั้นยังดูสวยเหมือนวันแรกที่เจอไม่มีผิด หากจะย้อนกลับไปในวันแรกที่เขาเจอกับร่างบางๆนี้มันก็คงนานโข เพราะเป็นช่วงเรียนมหาวิทยาลัยของทั้งคู่ เขาเป็นคนนึงที่เฝ้าตามหาความรักมาตลอดทั้งชีวิตแต่ยิ่งพยายามตามหากลับยิ่งพบเพียงความว่างเปล่า ไม่มีใครสามารถเติมช่องว่างที่อยู่ในหัวใจได้เลย เหมือนเขาเฝ้ารอใครสักคนมานานแสนนาน มันนานซะจนในใจมีแต่ความเจ็บปวดและคำว่าคิดถึงอยู่แน่นไปหมด

แต่วันนั้น วันที่เขาพบกับร่างบางตรงหน้า ความรู้สึกเต็มตื้นที่เอ่อล้นในหัวใจ ไม่รู้ว่ามาจากไหนเพียงได้พบคล้ายกับช่องว่างในหัวใจมันถูกเติมเต็ม เขาเองก็ไม่เคยคิดว่าจะรักผู้ชายด้วยกันมาก่อนแต่กลับรักผู้ชายร่างบางๆคนนี้อย่างเต็มหัวใจ
มันคงแปลกสำหรับคนทั่วไปที่จู่ๆ ผู้ชายที่เพิ่งพบกันครั้งแรกสองคนโผเข้ากอดกันเหมือนโหยหามานานแสนนาน ไม่อยากจะบอกว่า วีรกรรมของเขากับคนรักเป็นตำนานของมหาวิทยาลัยมาจนถึงวันนี้

“เจ้าพี่ ท่านกลับมาแล้ว ท่านกลับมาหาน้องแล้ว”

“พี่กลับมาแล้ว พี่กลับมาเจ้าแล้วนะยอดดวงใจของพี่”

คำพูดลิเกๆ ที่ทั้งสองบอกกันชวนให้คนอื่นสงสัย แต่มันไม่ใช่กับ ฤทธิ์และนที เพราะมันเป็นคำที่ออกมาจากใจ เขาก็ไม่รู้ว่าตัวเองพูดมันออกไปได้ยังรู้แค่ว่า ต้องพูดเท่านั้น ตั้งแต่วันนั้น นาย นที ธาราลัย ก็กลายเป็น นาย นที อัศวาพิพัตร โดยพฤตินัยทันที และเป็นโดยนิตินัยหลังจากนั้นเพียงสี่ปี  เขาสองคนผ่านอะไรต่างๆมาด้วยกันมากมาย ทั้งการยอมรับจากครอบครัว การปรับตัวให้ชินกับสายตาแปลกๆที่ถูกมอง แต่ ทั้งคู่ก็ผ่านมันมาได้อย่างไม่ยากเย็น  เพราะ ความรักที่มีให้กัน ทำให้คนรอบข้างเริ่มมองพวกเขาในแง่ดีขึ้น เขาไม่สนว่าโลกจะมองยังไง คนเดียวที่เขาสนใจ คือร่างบางที่อยู่ตรงหน้าต่างหาก จะมีประโยชน์อะไรถ้าเราแคร์คนอื่นแล้วทำให้คนที่เรารักต้องเจ็บปวด สังคมเป็นแค่องค์ประกอบของชีวิต แต่ นที คือชีวิตทั้งชีวิต ของเขา

“คุณๆ เหม่ออะไรเล่า ช่วยกันมองหาลูกสิ”

“ครับๆ คุณภรรยา” เสียงทุ้มตอบก่อนจะได้ค้อนวงใหญ่จากคนรัก

“ตะวันๆ ทางนี้ลูก ตะวัน ” เสียงหวานตะโกนโหวกเหวก พลางชูไม้ชูมือเรียกคนที่กำลังเดินออกมาจากเกท

“คุณพ่อ คุณป๋า” ร่างเล็กของใครคนนึงวิ่งมาหาทั้งสองก่อนจะโผเข้ากอด นทีเสียเต็มรักให้สมกับความคิดถึงที่ไปเรียนต่อเมืองนอกเมืองนานานหลายปี

“คิดถึงจังเลยครับ” เสียงเล็กๆเอ่ยบอก ตะวัน อัศวาพิพัตร คือพยานรักของเขาและนที ที่ตอนนี้อายุ 22 ปีแล้วและเหตุที่เขากับคนรักต้องมารับลูกชายหัวแก้วหัวแหวนที่นี่เพราะว่าเจ้าลูกชายตัวดี ดันเรียนเก่งจนได้ทุนไปเรียนต่อปริญญาที่อเมริกา

“ปากหวานนะเรา ไปอยู่โน่นตั้งนานสงสัยจะคุณป๋าไปแล้วมั้ง” เสียงทุ้มเอ่ยเย้าลูกชายที่เอาแต่กอดอีกคนจนอดน้อยใจไม่ได้

“แหม คุณป๋า อ่า ตะวัน คิดถึงคุณป๋าที่สุดเหมือนกันคร้าบบบบบบ” ลูกชายยิ้มน่ารักก่อนจะโผเข้ากอดแน่น

“กลับเถอะลูก รู้ไหมว่า พ่อของลูกน่ะ เขาเตรียมทำกับข้าวรอเราตั้งแต่ตีสามแน่ะ” ฤทธิ์บอก

“เชอะ ใครบอกว่าพ่อคนเดียว คุณป๋าเราน่ะ เตรียมของขวัญรับขวัญตั้งแต่เดือนที่แล้ว” ร่างบางได้ทีแขวะบ้าง

“พอๆ เถอะคร้าบ กลับบ้านกันดีกว่าตะวันคิดถึงบ้านจะแย่แล้วครับ” เด็กหนุ่มห้ามทัพ ก่อนจะดุนหลัง พ่อกับคุณป๋าสุดที่รักให้กลับบ้าน
ถึงจะผ่านมานานแค่ไหนแต่ ตะวัน ก็รับรู้ได้ถึงความรักที่อบอวลอยู่รอบๆตัว ทุกครั้งที่เขา มอง คุณพ่อ กับ คุณป๋า อยู่ด้วยกันเด็กหนุ่มมักเห็นประกายแห่งความรักที่ทั้งคู่สื่อถึงกันแทบตลอดเวลา มันทำให้เขามีความสุขที่ได้อยู่บ้านหลังนี้ ถึงเขาจะไม่ใช่ลูกแท้ๆ แต่ นที กับ ฤทธิ์ ก็ไม่เคยรักเขาน้อยลงเลย เขาไม่แคร์ว่าใครจะมองว่าครอบครัวเขาแปลกประหลาด เพราะ คุณป๋า สอนเสมอว่า ให้ใส่ใจกับความรู้สึกของคนที่อยู่ข้างๆ ตัวก่อน ก่อนที่จะมองคนอื่นๆรอบตัว

“เฮ้อ เราจะโชคดีแบบ คุณพ่อ กับ คุณป๋าไหมนะ” เด็กหนุ่มพึมพำกับตัวเอง ก่อนจะเดินตามผู้มีพระคุณทั้งสองไป

ปึก ตุ๊บ !!!


โอ้ย!!!!


เสียงเล็กอุทานหลังจากที่ชนกับแผงอกของใครสักคนเข้า

“เป็นอะไรไหมหนู” เสียงทุ้มเอ่ยถาม ก่อนที่มือหนาจะพยุงร่างเล็กให้ลุกขึ้น

“ไม่หรอก แต่ว่าคุณเรียกใครว่าหนู” ตะวันบอกก่อนจะจ้องที่แผงอกของร่างสูงที่ดูๆไปน่าจะสูงกว่าเขาเกือบ 20 เซ็นต์ ตอนเด็กๆแม่ให้กิน
นมยีราฟหรือไงนะ ถึงโตมาสูงขนาดนี้

“เอ๋า ก็หนูไง ยังอยู่มัธยมอยู่ล่ะสิ ใช่ไหม หลงกับพ่อแม่เหรอ” เสียงทุ้มยังถามอย่างห่วงใย แต่ตะวันไม่ซึ้งสักนิด ไอ้ยาวนี่มันกล้าเรียกเขาว่าเด็กประถมเหรอ

“นี่ นายกล้าดียังไงมาว่าฉันเป็นเด็กมัธยมห่ะ ………………….เอ๊ะ”

ตะโกนบอกก่อนจะเงยหน้ามองไอ้คนตาถั่วให้ชัดๆ แต่ก็ต้องแปลกใจ เพราะไอ้คนตรงหน้า ทำไม มันคุ้นเหมือนเคยเจอที่ไหนมาก่อนนะ

“เอ่อ เราเคยเจอกันมาก่อนหรือเปล่า” ร่างสูงถามทันทีที่เห็นหน้า เขาไม่รู้ว่าความรู้สึกนี้มันคืออะไร รู้แค่ว่าเขา คุ้นเคยกับร่างเล็กๆตรงหน้าเหลือเกิน เหมือนโหยหา และคิดถึงมานานแสนนาน แต่มันจะเป็นไปได้ยังไงในเมื่อเขาเพิ่งเจอ คนตรงหน้าเป็นครั้งแรก

“มะ  ไม่ เคย หรอก อย่ามาเปลี่ยนเรื่องนะ คุณขอโทษผมมาซะดีๆ ที่เรียกผมว่าเด็กมัธยม” เสียงเล็กยังคงโวยวาย จนคนทั้งสนามบินหันมามองเป็นตาเดียว

“มีอะไรกันเหรอลูก ตะวัน ” เสียงหวานเอ่ยถามลูกชาย ทันทีที่มาถึง นึกว่าหลงทางที่แท้ก็มาแผลงฤทธิ์แย้วๆอยู่นี่เอง

“ก็ เขามาชนตะวันแล้วไม่ยอมขอโทษแถมยังเรียกตะวันว่าหนูอีกอ่ะ พ่อ” เสียงเล็กบอกอ้อน จนร่างสูงตรงหน้าได้แต่ค่อนขอดในใจ เหอะ นี่มันนิสัยเด็กชัดๆ เฮ้อ จะทันประชุมไหมว่ะเนี่ย  ร่างสูงถอนใจอย่างระอา

“เอ่อ ขอโทษนะครับ มีอะไรกันเหรอ” เสียงทุ้มเอ่ยถาม ลูกชายและคนรัก

“คือ ตะวันมีเรื่องนิดหน่อยน่ะคุณ”

“หืม มีเรื่องกับใครเหรอ”  ฤทธิ์ถามพลางมองไปรอบๆตัว ก่อนสายตาจะปะทะกับร่างสูงที่น่าจะสูงพอๆกับเขายืนอยู่ สูทราคาแพงบวกกับบุคลิกน่าเกรงขามทำให้คนตรงหน้าดูมีอำนาจอย่างบอกไม่ถูก

“โทษนะครับ ไม่ทราบว่าจะโอ๋กันอีกนานไหมครับ พอดีผมรีบ” ร่างสูงบอกก่อนจะมองภาพของผู้ชายสองคนที่ทำท่าโอ๋ คนตรงหน้ายังกับโดนรถสิบล้อชน ก็แค่เดินชนนิดๆหน่อย

“นี่นาย พูดแบบนี้ก็สวยซิว่ะ” ร่างเล็กว่า พลางทำตาขวางราวกับโกรธคนตรงหน้ามาสักสิบชาติ

“ตะวัน พอแล้วลูกเดี๋ยวป๋าคุยเอง เราน่ะอยู่เงียบๆได้แล้ว”

“ป๋าอ่ะ ” ร่างเล็ก ทำหย้ายู่ใส่คนที่ถูกเรียกว่าป้า ก่อนจะสะบัดหน้างอนๆ
น่ารัก  คำสองคำนี่ผุดขึ้นมาในหัวของคู่อริ จนต้องสะบัดไล่ความคิดแปลกๆออกจากสมอง ไอ้เด็กผอมนี่มันจะน่ารักได้ไง เขาต้องบ้าไปแล้วแน่ๆที่คิดแบบนั้น

“เอ่อ ไม่ทราบว่าคุณ”  ฤทธิ์หันมาถามกับคู่กรณีของลูกชาย

“อ้อ ผม  อนิรุทร อัศวาพิพัตร ครับ” ร่างสูงแนะนำตัว

“หา!!!!”
แต่เขาก็ต้องแปลกใจเมื่อคนสามคนทีอยู่ตรงหน้า ทำหน้าอย่างกับเห็นหนอนไม้ไผ่กลายเป็นมังกร ล่ะห่ะ

“คุณบอกว่าคุณนามสกุลอะไรนะครับ” ฤทธิ์ถามเพื่อความแน่ใจ ไม่แน่ว่าเขาอาจจะฟังผิด

“อัศวาพิพัตร ครับ” ชายหนุ่มตอบฉะฉาน

“คุณเป็นอะไรกับ ราชัน อัศวาพิพัตร์”

“คุณรู้จักพ่อผมด้วยเหรอครับ”

“เจ้ารุทร จำอาได้ไหม ” ฤทธิ์เอ่ยถามร่างสูงตรงหน้า ก่อนที่อนิรุทรจะมองเขาด้วยแววตาพิจารณา



“อาฤทธิ์!!!” ชายหนุ่มอุทานเสียงดังลั่น จนคนทั้งสนามบินต้องหันมามองอีกครั้ง คราวนี้เป็นเขาบ้างที่ต้องเป็นฝ่ายเบิกตากว้างแทน
ตะวันมองดูคู่กรณีคุยกับป้าวยความ งง สรุปว่า ไปๆมาๆ เขากับไอ้ยาว นี่เป็นญาติกันเหรอ ไม่นะ อะไรมันจะ บังเอิญขนาดนั้น นี่ไม่ใช่ละครหลังข่าวนะเว้ยเห้ย

“ป๋า นี่มันอะไรกันครับ”

“เอาเป็นว่าไปคุยกันที่บ้านแล้วกันนะ ว่าแต่ รุทร ว่างไหม วันนี้”

“ที่จริงผมมีประชุมตอน 10 โมงแต่ตอนนี้ก็ 9 โมง 45 แล้ว คงไม่ทันหรอกเอาเป็นว่า ผมว่างแล้วกันครับคุณอา”
ชายหนุ่มตอบผู้เป็นอา ก่อนจะโทรไปเลื่อนนัดประชุม ดีนะที่ไม่ใช่ประชุมสำคัญอะไรไม่งั้นเขาคงโดนหาว่าเป็นพวกไม่ได้เรื่องเพราะโดดประชุมหลังจากรับตำแหน่ง กรรมการผู้จัดการเพียงสามเดือน แน่ๆ
รถคันหรูทั้งสองคันขับเข้าจอดในบริเวณบ้านเดี่ยวสองชั้นที่ดูร่มรื่นด้วยสวนสวยดูไปดูมาคล้ายรีสร์อทในป่ามากกว่าบ้าน ใจกลางกรุง อืม สงสัย คนออกแบบสวนจะชอบตนไม้เอามากๆนะ เนี่ย

“เข้ามาๆๆ” เจ้าของบ้านร่างบางเชื้อเชิญอย่างเป็นกันเอง เพราะถึงยังไงชายหนุ่มตรงหน้าก็เป็นหลานแท้ๆของคนรัก ผิดกับร่างเล็กที่เดินหน้างอลงจากรถพลางมองค้อนให้คนตัวสูง

“เป็นอะไรคุณ ตกใจเหรอที่ผมกลายเป็นพี่ชายคุณน่ะ” ร่างสูงกระซิบ

“ผมเป็นลูกคนเดียว ไม่มีพี่ ไม่มีน้อง หลีก จะเข้าบ้าน” ร่างเล็กบอกอย่างไม่สบอารมณ์ คนตรงหน้านี่กวนโมโหเกินไปแล้วนะ

“เดี๋ยวสิ” มือหนาคว้าแขนเล็กไว้แน่น

“เอ๊ะนี่คุณ…”
กระแสบางอย่างที่ไหลผ่านร่างทำให้ตะวันหยุดชะงัก ไม่ต่างจากฝ่ายที่รั้งไว้เท่าไหร่ ความรู้สึกอบอุ่นที่แผ่ซ่านเข้ามาในใจมันคืออะไรกันแน่นะ ทั้งสองเหมือน ตกอยู่ในภวังค์ จนไม่สามารถขยับได้ ความรู้สึกเต็มตื้นเอ่อล้น จนคับอก นี่มันอะไรกัน ร่างเล็กบอกกับตัวเองในใจ ทำไมเหมือนอยากร้องไห้นะ

“ตะวัน ร้องไห้ทำไม ลูก” นทีเดินออกมาตามลูกชายแต่กลับพบว่า ลูกชายกับหลานชายกำลังจ้องกันอยู่ หนำซ้ำลูกชายตัวเล็กของเขายังร้องไห้อีกด้วย นี่มันอะไรกันเนี่ย

“ปะ เปล่า ครับพ่อ พอดี ตะวันแสบตาน่ะ สงสัยจะฝุ่นเข้า ตะวันขอตัวไปพักผ่อนนะครับ”
ร่างเล็กเลี่ยงเข้าบ้านก่อนที่จะสลัดแขนออกจากการเกาะกุม

“เข้าบ้านเถอะครับ คุณรุทร”

“เรียกผมว่า เจ้ารุทรเหมือน อาฤทธิ์ ก็ได้ครับ อาที” ชายหนุ่มบอกก่อนจะเดินตามร่างบางของ อาสะใภ้?? เข้าบ้านไป



..........................................................

เอาตอน 11 มาลงแล้วนะ ^_^
 เดาออกกันไหม อ่า ว่า จะออกมาในรูปนี้ กิกิ
พอเขียนๆไปมันรู้สึกว่าเหมือนเพลงนี้ ยังไงก็ไม่รู้
http://youtu.be/B6ZTc6qJyyk

honeystar

  • บุคคลทั่วไป
เจอกันเเล้วว
แต่เอ ==' นทีกับคุณป๋าเรา =[]= มีตะวันได้ไงอ่ะ
อยากรู้ๆ

ออฟไลน์ frenzy19

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 122
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0

ออฟไลน์ Nus@nT@R@

  • Life is Investment
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5591
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +456/-11
โอ๊ะ,,,กลับชาติมาเจอกัน

ออฟไลน์ sukaz

  • I Will Love You Unconditionally
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1431
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-3
กลับมาแล้ว    กลับมาเจอกันแล้ว  :m15: :m15: :m15:



 o13 o13 o13

 :กอด1: :กอด1:

ออฟไลน์ pita

  • ขอเพียงกล้าทำตามฝัน จะล้มบ้าง ลุกบ้าง ช่างมันปะไร
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2370
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +328/-13
ตอน 13  The End

ปริ๊นๆๆๆๆๆ

เสียงคุ้นหูที่ร่างเล็กได้ยินมาตลอดทั้งเดือนทำให้ต้องผละจากงานที่ทำค้างอยู่ ออกไปที่หน้าบ้าน

“มาทำไมอีกเนี่ย” เสียงบ่นไม่พอใจดังขึ้นทันทีที่คนตัวสูงเดินเข้ามาในบ้าน

“ถ้าจะบอกว่า มาเพราะใจเรียกร้องล่ะครับ” เสียงทุ้มบอก ก่อนจะได้ค้อนวงโตจากร่างเล็กๆ ตรงหน้า

“เสี่ยวชะมัด ไอ้ยาวเอ้ย” เหวใส่คนร่างสูง ก่อนจะรีบหลบเข้าห้องทำงานไป

“บ้าเอ้ย ยิ้มทำไมเนี่ย ไอ้ตะวัน ” บ่นกับตัวเองเบาๆ ก่อนจะจับหน้าที่เริ่มร้อนเพราะคำพูดของใครบางคน ตั้งแต่เจอกันจนถึงวันนี้ร่างสูงก็มาบ้านเขาแทบทุกวันจนเรียกว่าเป็นกิจวัตรประจำวันไปแล้ว

“บ้านตัวเองไม่มีให้กลับหรือไงนะ มาบ้านคนอื่นเขาได้ทุกวัน ชิ”

“ก็ที่บ้านอ่ะ มันไม่มีอะไรน่าสนใจนิครับ” เสียงทุ้มกระซิบที่ข้างหู

“เฮ้ย !!! เข้ามาทำไมเงียบๆเนี่ยคุณ”  ตะวันเหวใส่คนตัวโตก่อนจะผลักร่างสูงออกห่าง

“พี่รุทร”

“อะไรเนี่ยคุณ พูดอะไรให้มันมีประธาน กริยา กรรม หน่อยได้ไหม ห่ะ”

“ก็รู้จักกันมาตั้งเดือนแล้ว ยังเรียกคุณๆอยู่ได้ บอกแล้วไงว่ามัน ห่างเหิน”

เหอะ อีตาบ้านี่ ชักเอาใหญ่พอไม่ว่าเข้าหน่อย หยอดใหญ่เลยนะ

“แล้วใคร สนิทกับคุณไม่ทราบ แล้วก็ไม่ได้อยากให้มาเลยเหอะ”

“แหมๆ ก็บอกแล้วไงว่าหัวใจมันเรียกร้อง”

“เสี่ยว!!”

“อ่า ถึงเสี่ยวก็จริงใจนะคร้าบ”

“นี่ถามจริงเถอะคุณ อะไรดลใจให้คุณพูดจาอะไรแบบนี้ห่ะ”

“อ้าว คุณไม่ชอบเหรอ ไหนไอ้เซ้นส์มันบอกว่า มุขนี้ใช้จีบได้ตลอดกาลไงหว่า”   ถามอีกคนอย่างแปลกใจ

สงสัยคงต้องกลับไปตบกระบาลไอ้เซ้นส์ อีกสักหลายดอกซะแล้วไหนบอกว่ามันใช้มุขนี้จีบเมียมันจนติดไง ทำไมคนหน้างอ ตรงหน้าเนี่ยยังขยันไล่เขาอยู่เลย

“กะ  ก็   …………..  ไม่ชอบ”

ร่างเล็กตอบไม่เต็มเสียงนัก เพราะเอาเข้าจริงใจ แล้วก็ต้องยอมรับกับตัวเองว่า บางครั้งไอ้คนพูดเสี่ยวๆบ้าๆ นั่นมันก็ทำเอาใจสั่นเหมือนกัน

“หึหึ ตอบไม่เต็มเสียงแบบนี้ ไม่สมกับเป็นน้องตะวันคนเก่งเลยนะ” อนิรุทร เอ่ยล้อ

“อะ  อะไรเล่า  คุณออกไปเลยนะ ผมจะทำงาน”

“ไม่ออกครับ เมื่อกี้พี่บอกให้เรียกว่ายังไง ถ้าไม่ยอมเรียกดีๆพี่ก็ไม่ออก”

“ไหนลองพูดสิครับ ……. พี่รุทรออกไปก่อนนะ ตะวันจะทำงานนะครับ” ร่างสูงพูดนำก่อนจะกอดอกนิ่ง

“ถ้าพูดแล้วต้องออกไปตกลงไหม”

“ครับ พี่ไปแน่ แต่ไปรอกินข้าวนะ”

“พี่รุทรคร้าบ ออกไปเถอะคร้าบ ตะวันจะทำงานนะคร้าบบบบบบบบ”

“อย่างนี้สิครับถึงจะน่ารัก” ร่างสูงบอกก่อนจะยิ้มน่าระรื่น ออกจากห้องไป

ร่างเล็กได้แต่ถอนหายใจกับผู้ใหญ่ดื้อ ตรงหน้า อย่างขำๆ ไม่รู้ว่ามันเดินมาถึงจุดนี้ได้ยังไง ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าที่ผ่านมามันคืออะไร รู้ตัวอีกที คนตัวสูงแปลกหน้าก็กลายเป็นคนที่เข้ามากวนใจได้ทุกวัน


Rrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrr

“ว่าไงครับมึง” ร่างเล็กรับโทรศัพท์เสียงใส

(เสียงสดใสเชียวนะครับคุณตะวัน) คนในสายเอ่ยตอบ

“แล้วนี่ โทรมาทำไมมิทราบคร้าบ คุณเคน ว่างโทรหาเพื่อนด้วยเหรอ นึกว่าขลุกอยู่กับแฟน”

(เหอๆ ใครกันแน่ที่มัวขลุกอยู่กับแฟนน่ะ ไม่น่าจะใช่กูนะครับ)

“มึงหมายถึงใครว่ะ คนๆนั้นไม่น่าจะใช่กูนะ”

(อ้าว นี่มึงกับพี่ชายสุดหล่อของมึง ยังไม่ตกลงปลงใจอยู่กินกันอีกเหรอว่ะ) คนในสายถามทีเล่นทีจริง จนร่างเล็กอดที่ค้อนเพื่อน
ไม่ได้ ทั้งๆที่ค้อนไปก็ไม่มีใครเห็นสักนิด

“พูดไรว่ะ กูกับพี่รุทรไม่ได้เป็นอะไรกันเว้ย”

(โห น่าสงสารพี่ชายมึงว่ะ นี่ตามจีบมาเป็นเดือนแล้วมึงยังไม่ใจอ่อนอีกเหรอเนี่ย)

“มึงไม่คิดว่ามันเร็วไปเหรอเคน ถ้ากูจะเอ่อ…….ใจอ่อนกับพี่รุทร”

 เอ่ยถามเพื่อนเสียงแผ่ว สำหรับตะวันนอกจากพ่อกับป๋าแล้วคนที่ไว้ใจที่สุดคงหนีไม่พ้นเพื่อนสนิทสมัยมัธยมคนนี้ เรียกว่าเคนเป็นที่ปรึกษาและผู้รับฟังปัญหาของร่างเล็กมาแต่ไรแต่ไรถึงแม้ว่าบางครั้งวิธีแก้ปัญหาของไอ้เพื่อนสนิทนี่มันจะออกแนวบ้าๆบอๆไปบ้างก็ตาม

(ไอ้ตะวัน เพื่อนรัก มึงเชื่อเรื่อง พรหมลิขิตไหม)

“ทำไมว่ะ พรหมลิขิตเกี่ยวอะไร”

(มึงนี่แมร่งไม่มีความโรแมนติกเล๊ยยยยย  ก็มึงไม่คิดบ้างเหรอว่าการที่มึงเจอกับพี่รุทรวันนั้นมันอาจจะเป็นพรหมลิขิตก็ได้นะมึง )

“เหอะ พรหมลิขิตที่มึงว่าต้องไปเจอที่ต้นมะม่วงด้วยหรือเปล่า”

(อย่ามาทำเป็นเล่นนะครับเพื่อน ถึงกูกับแมทจะเจอกันที่ต้นมะม่วงจริงๆ แต่ก็คบกันมาได้จนถึงวันนี้ก็แล้วกัน ตะวันกูอยากจะบอกมึงสักหน่อยนะ สำหรับความรักมันไม่มีเร็วไปหรือช้าไปหรอกนะ แค่รู้ว่าวันนี้หัวใจมึงอยู่ที่ใครก็พอ )

“แต่กูว่ามันเร็วไป”

(เฮ้อ) เสียงปลายสายทอดหายใจระอากับความดือของเพื่อน

(มึงครับ มึงแน่ใจได้ยังว่าพรุ่งนี้มึงจะยังหายใจอยู่ ถามหน่อย แน่ใจได้ยังว่าถ้าปล่อยให้ถึงวันที่เรียกว่า “เหมาะสม” แล้วมันจะไม่
สายเกินไป ตะวันทำตามใจตัวเองซะบ้างเถอะน่า อย่ามัวคิดโน่นคิดนี่อยู่เลย เชื่อกูสักครั้ง ทำตามที่ใจมึงเรียกร้องซะ)

“อืม ขอบคุณมากนะเคน”

“อืม มึงก็คิดดีๆล่ะ จะได้มีสามีเป็นตัวเป็นตนสักที กูอยากอุ้มหลานแล้วฮ่าๆๆๆ ”

ปลายสายบอกเสียงร่าเริงก่อนจะวางสายไป ร่างเล็กได้แต่นั่งเหม่อจมอยู่ในความคิดของตัวเอง ไม่ใช่ไม่รู้ว่า ใจเต้นทุกครั้งที่ถูกมอง ใจทุกครั้งที่เห็นหน้า เจ็บปวดทุกครั้งที่เห็น เขาคนนั้นใสใจคนอื่นมากกว่า แต่หัวใจกลับเต็มไปด้วยความกลัว  ความกลัวที่ไม่มีที่มา ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองกำลังกลัวอะไร





ก๊อกๆๆๆ

“ตะวัน ทานข้าวได้แล้วนะ” อนิรุทรเอ่ยเรียกร่างเล็กที่อยู่ในห้องทำงาน เบาๆ

“อืม ได้ยินแล้ว” คนในห้องขานรับก่อนจะเปิดประตูออกมา


อนิรุทรได้แต่นั่งมองคนที่ดูท่าทางเหมือนคิดอะไรในใจตลอดเวลาอยู่เงียบๆ ตะวันที่เคยร่าเริงวันนี้ดูร่างเล็กไม่ค่อยจะคุยเหมือนเดิมเท่าไหร่ ถึงเขาจะแกล้งแหย่บ้าง ล้อบ้างตลอดเวลาที่ทานข้าว ร่างเล็กก็ดูเหมือนจะแค่นยิ้มบางๆเท่านั้น แม้แต่กับคุณอาทั้งสอง ร่างเล็กก็แทบจะไม่คุยด้วยเลย

“ตะวัน อิ่มแล้ว ขอตัวนะครับ” ร่างเล็กบอกก่อนจะเดินออกไปที่สวนหลังบ้าน

อนิรุทรมองตามร่างเล็กๆจนลับตา ความกังวลเริ่มก่อกวนจนอยู่ไม่สุข แววตาหม่นๆของคนร่างเล็กทำเอามื้ออาหารที่ควรจะครึกครื้น
เหมือนมุกวันดูกร่อยลงไปถนัดตา พาลเอาอีก 3 คนคอแข็งเอาดื้อๆ

“รุทร ไปดูน้องหน่อยสิลูกไม่รู้เป็นอะไรหรือเปล่า” นทีเอ่ยบอกร่างสูงด้วยแววตาเป็นกังวล

“ครับอา”







ร่างสูงของอนิรุทรทรุดนั่งข้างๆร่างเล็กบนชิงช้าในสวนพลางเอ่ยถามอย่างเป็นห่วง

“ตะวัน เป็นอะไรบอกพี่ได้ไหม”

“ไม่มีอะไรหรอกครับ”

“ตะวัน พี่ขอล่ะนะ ถ้าไม่เห็นแก่พี่ก็เห็นแก่คุณอาได้ไหม พ่อกับป๋าของตะวันเป็นห่วงมากเลยนะ”

“ผมไม่เป็นอะไรจริงๆครับคุณรุทร” เสียงเล็กเอ่ยบอกก่อนจะเหม่อมองไปอีกทาง

 ร่างสูงถอนหายใจเสียงดังก่อนจะมองเสี้ยวหน้าของคนตัวเล็กด้วยหัวใจที่หนักอึ้ง  ไม่ชอบเลยที่คนตัวเล็กแสนร่าเริงดูหงอยแบบนี้  มันเหมือนหัวใจโดนทับด้วยอะไรสักอย่างก็ไม่รู้ อนิรุทรเฝ้าถามตัวเองเสมอว่า ทำไมถึงยังคงมาที่นี่ทุกวัน ทั้งๆที่ถูกไล่ทุกวัน  เขาเองก็ตอบคำถามตัวเองไม่ได้สักที รู้แค่ว่า  คิดถึง  อยากเจอคนๆนี้มากเหลือเกิน มันเหมือนเขารอคนๆนี้มานาน อาจจะฟังดูงี่เง่าไร้สาระแต่เขาคิดกับคนที่นั่งข้างๆแบบนี้จริงๆ ตั้งแต่วันแรกที่เดินชนกันที่สนามบิน หัวใจที่ไม่เคยรักใครของเขาเหมือนมันหาเจ้าของเจอแล้ว คนที่ไม่เคยแคร์หรือห่วงใคร กลับเก็บเอาร่างเล็กๆตาหวานๆ พร้อมกับเสียงตวาดแว๊ดๆๆ ของใครบางคนมานอนฝัน คิดแล้วก็น่าหัวเราะเหมือน 

“ตะวันคิดมากเรื่องพี่เหรอ” ตัดสินใจเอ่ยถามคนตัวเล็ก

“ทำไมคุณคิดแบบนั้น”

“ไม่รู้สิ ทุกครั้งที่พี่มาที่นี่ เหมือนตะวันจะไม่ค่อยอยากคุยกับพี่เท่าไหร่ พี่ทำให้ตะวันลำบากใจหรือเปล่า”


ร่างเล็กไม่ยอมตอบ แต่สำหรับอนิรุทร ความเงียบของคนข้างๆมันน่ากลัวกว่าคำพูดร้อยพันเป็นไหนๆ

“อ่า  นี่ก็ดึกแล้ว พี่ว่าพี่กลับก่อนดีกว่า ตะวันเองก็อย่าเอาแต่ทำงานนะ พี่ไปล่ะ ฝากลาคุณอาทั้งสองด้วยนะ”

เอ่ยบอกกับคนตัวเล็กก่อนจะเดินไปที่รถของตัวเอง




ตะวันเฝ้ามองรถยนต์คุ้นตาค่อยๆขับห่างออกไปจากบ้าน พลางถอนหายใจอย่างเหนื่อยล้า
ขอเวลาตะวันหน่อยนะพี่รุทร ตะวันยังไม่พร้อมจริงๆ



ร่างเล็กนอนกระสับกระส่ายตลอดทั้งคืนแต่ก็ไม่สามารถข่มตาหลับได้สักที

“โอ้ย แกเป็นอะไรของแกเนี่ย ไอ้ตะวัน ทำไมนอนไม่หลับว่ะ” บ่นกับตัวเองเบาๆเพราะไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไร ทั้งๆที่วันนี้มันก็
เหมือนกับทุกๆวันไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมวันนี้ถึงนอนไม่หลับล่ะ  ไม่สิ วันนี้ มันขาดไปจริงๆด้วย มันขาดเสียงโทรศัพท์จากใครบาง
คนที่ต้องโทรมาตอนสี่ทุ่มของทุกวัน แต่วันนี้ปาเข้าไปเกือบเที่ยงคืนแล้วแต่ทำไมเสียงโทรศัพท์ยังไม่ดังสักนิดนะ

“โอ้ยๆๆๆ ไอ้ตะวัน นอนเดี๋ยวนี้นะ แกจะรอทำไมห่ะ  นอนได้แล้ว”  บอกตัวเองอย่างหงุดหงิดแต่ทำไมตามันไม่ยอมปิดสักทีเนี่ย





ร่างเล็กนั่งโงนเงนอยู่บนโต๊ะอาหารจน ฤทธิ์อดที่จะขำลูกชายไม่ได้

“วันนี้เป็นอะไรห่ะ ตะวันทำเหมือนไม่ได้นอน”

“เปล่าหรอกป๋า ตะวันแค่นอนไม่ค่อยหลับน่ะ”

“มีอะไรหรือเปล่า เห็นเราไม่ค่อยร่าเริงตั้งแต่เมื่อวานแล้ว” นทีที่เพิ่งเดินออกมาจากครัวพร้อมกับข้าวต้มหอมฉุยเอ่ยถามขึ้น

“เปล่าครับพ่อ ตะวันไม่เป็นอะไร” เอ่ยบอกบุพการี ก่อนจะลงมือกินข้าต้มเงียบๆ

ตะวันเองก็ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไร รู้แค่ว่าน้ำเสียงตัดพ้อของใครบางคนกำลลังทำให้หวั่นไหว มันเป็นความหวั่นไหวที่ตะวันกลัวมา
ตลอด ความหวั่นไหวจาก “ความรัก”






สามวันแล้วที่ร่างเล็กคอยเงี่ยหัวฟังเสียงรถยนต์ที่คุ้นเคยแต่ก็ไม่มีวี่แวว ว่าร่างสูงคุ้นตาจะมาสักที  สามวันที่ผ่านมาร่างเล็กที่เคยร่าเริงกลับดูหงอยลงจนคนรอบข้างรู้สึกได้ ตั้งแต่วันที่ร่างสูงหายไป ก็เหมือนกับว่ารอยยิ้มของร่างเล็กหายไปด้วยเหมือนกัน

ปริ๊นๆๆๆๆ   เสียงแตรรถยนต์ปลุกให้ร่างเล็กรีบวิ่งออกมาที่หน้าบ้านหวังเหลือเกินว่าจะเป็นใครคนนั้น

“ตะวันเพื่อนเลิฟ” เสียงห้าวๆของเจ้าของรถทักเจ้าของบ้านเสียงใส ก่อนจะวิ่งเข้าไปสวมกอดเพื่อนทันที

“ไอ้เคน มาได้ไงว่ะ”

“มึงก็เห็นว่ากูนั่งรถมา” เคนตอบกลับกวนๆ ก่อนจะสังเกตว่าสีหน้าเพื่อนไม่สู้ดีนัก

“ตะวันเป็นอะไร ใครทำอะไรมึงว่ะ บอกท่าเคนมาดิ เดี๋ยวกูไปจัดการให้”

“เก่งตลอดอ่ะมึง ไม่มีใครทำอะไรกูหรอก กูคงบ้าของกูเอง” บอกเพื่อนเสียงแผ่ว

“ตะวัน มึงกับกูเป็นเพื่อนกันมา 10 กว่าปีแล้วนะ มึงคิดว่ากูดูมึงไม่ออกรึไงห่ะ”

“ไปคุยที่ห้องกูได้ไหม”





“เอาล่ะไหนคุณตะวัน บอกเพื่อนสิว่าเป็นอะไรอะไร”  เคนเอ่ยถามทันทีที่มาถึงห้องของเพื่อนตัวเล็ก

“เคน กู คิดถึง เขา ว่ะ” ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะต้องปิดบัง ระยะเวลาสามวัน มันทำให้เขาเข้าใจอะไรๆมากขึ้น เขาใจ ว่าตัวเอง
ต้องการอะไร แต่เขาไม่ว่าเขาเข้าใจ มันสายไปหรือเปล่า

“อ้าว พี่ชายสุดหล่อ ถอดใจแล้วเหรอ”

“ไม่รู้ แต่เขาไม่มา สามวันแล้ว”

“นางเอกจริงเพื่อนกู เฮ้อๆๆ” บ่นกับตัวเองเสียงไม่เบานักจนอีกคนแทบอยากจะตบกะโหลกสักสองป๊าบ

“กูบอกมึงแล้วไม่ใช่เหรอ ว่าให้ซื่อสัตย์กับหัวใจตัวเองน่ะ ถามจริงเถอะ มึงเคยโทรหาพี่เขาสักครั้งยัง เคยถามไหมว่าเขาหายไปไหน ”

“ไม่เคย”

“เฮ้อ นางเอกหนังไทยสุดๆ อ่ะโทรซะ ให้ว่องครับเพื่อน” เอ่ยกับเพื่อนตัวเล็กก่อนจะยื่นโทรศัทพ์ให้

“กู….”

“เลือกเองนะ ถ้าไม่อยากเสียใจก็คว้ามันไง้ซะ ถ้าอยากเสียใจก็ปล่อยมันไว้แบบนี้แหล่ะ แต่กูจะบอกว่ามันไม่ง่ายนะที่เจอใครสัก
คนที่รักเราจริงๆ ”

ร่างเล็กทำหน้าลำบากใจก่อนจะหยิบโทรศัพท์ไปโทรหาร่างสูงอย่างเสียไม่ได้   เสียงสัญญาณโทรศัพท์ทำเอาร่างเล็กใจสั่นอย่างห้ามไม่อยู่ มันตื่นเต้นซะยิ่งกว่าดูผลสอบเข้ามหาลัยอีกนะเนี่ย

(สวัสดีค่ะ) เสียงหวานรับสายทำเอาร่างเล็กใจสั่น

“เอ่อ ขอสายคุณรุทรหน่อยครับ” ตะวันเอ่ยบอก แต่ทำไมรู้สึกว่าเสียงตัวเองมันสั่นแปลกๆนะ

(เอ๋  ตะวันเหรอ) เสียงปลายสายถามกลับทำเอาคนที่โทรไปได้แต่อึ้งเพราะไม่นึกว่าคนปลายสาบจะรู้จักเขา

“คะ….. ครับ”

(พี่ก็นึกว่าใคร อิอิ เพราะน้องชายพี่ไม่ได้เมมชื่อเราไว้น่ะพี่เลยไม่รู้)

“ระ   เหรอ  ครับ     ละ  แล้ว  เอ่อ…”

(รุทรนะเหรอ อ่า ตอนนี้รุทรไม่สบายน่ะจ๊ะ ไม่รู้ว่าเกิดบ้าอะไรขึ้นมา ไปยืนตากฝนทำพระเอกซะอย่างนั้น)

“แล้วพี่รุทรเขาเป็นอะไรมากหรือเปล่าครับ” เอ่ยถามคนในสายเสียงเครียด

(อาการป่วยกายน่ะพี่ว่าไม่เท่าไหร่หรอก แต่ป่วยใจเนี่ยสิ ท่าจะหนัก พี่ไม่รู้นะว่า ตะวันกับน้องชายพี่ทะเลาะอะไรกัน แต่พี่แค่
อยากจะบอกว่า รุทรไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อนนะ พี่รู้จักน้องชายพี่ดี มีเรื่องอะไรกันก็รีบเคลียร์นะ พี่ไม่อยากเห็นน้องของพี่สองคนงอนกันนาน)

“ตะ  แต่”

(มาเถอะนา เดี๋ยวพี่เมจเซสที่อยู่คอนโด รุทรไปให้นะ รีบๆมาล่ะ น้องชายพี่รอตะวันมานานแล้วนะ)











สัมผัสชื้นจากจากผ้าชุบน้ำทำให้ร่างสูงที่นอนอยู่บนเตียงรู้เริ่มสึกตัวขึ้น

“อื้อ พี่นีเหรอครับ” ร่างสูงถามเสียงแผ่ว แต่กลับไร้เสียงตอบรับจากพี่สาว จนต้องพยายามลืมตาที่หนักอึ้งขึ้น ช้าๆ แต่คนที่อยู่ตรง
หน้ากลับทำให้ เขาต้องขยี้ตาทันที

เหอๆๆ นี่ไข้สูงจนหลอนเลยเหรอเนี่ย

“พี่รุทร เป็นอะไรหรือเปล่าครับ” เสียงเล็กถามยิ่งทำเอาคนป่วย ลืมตาโพรงด้วยความตกใจ

“ตะวัน” 

“ครับ”

“นี่พี่ไม่ได้ เป็นไข้จนเพ้อใช่ไหม ตะวันจริงๆใช่ไหม” ถามพลางโอบอีกคนแน่น จนพยาบาลจำเป็นต้องก้มหน้าซ่อนความอายหรือจะเป็นเพราะมือร้อนๆคู่นี้นะ ที่ทำเอาเขาน่าร้อนไปด้วย

“พะ   พี่รุทร ปล่อยตะวันก่อนนะ เดี๋ยวเช็ดตัวก่อน”

คนตัวเล็กบอกอย่างประหม่าเพราะตอนนี้โดนคนป่วยกอดเอาซะจนแทบหายใจไม่ออก

“พี่ขอโทษครับ พี่แค่ดีใจมากไปหน่อย ดีใจที่ตะวันเป็นห่วงพี่    แต่  นี่ตะวันยอมเรียกพี่ว่าพี่แล้วเหรอ” คนป่วยที่เพิ่งรู้ตัวว่า
สรรพนามเปลี่ยนไปยกยิ้มกว้างส่งให้ร่างเล็ก

“เพิ่งรู้ตัวรึไงเล่า ไอ้เสาไฟฟ้าเอ้ย”

คนป่วยยิ้มร่าเพราะคนตัวเล็กแสร่าเริงของเขากลับมาแล้ว ถึงจะชอบท่าทาง ของตะวันเวลาอายแค่ไหนแต่ว่าตะวันที่เขารู้จักต้องปากจัดแบบนี้ตะหาก


“ตะวันครับ พี่ขอเข้าข้างตัวเองได้ไหมว่าตะวันยอมคบกับพี่แล้ว”

“เหอะ พี่เคยขอตะวันคบหรือยัง ล่ะ ถ้ายังก็แปลว่าตอนนี้เราก็เป็นคนรู้จักกันเหมือนเดิมนะครับ”  คนตัวเล็กว่างอนๆ

“อ่า นั่นสิเนาะ  งั้น   ตะวันครับ พี่รักตะวันเป็นแฟนกับพี่นะครับ”

“ครับ”

เสียงตอบรับหนักแน่นจาดร่างเล็กทำให้อนิรุทรกอดอีกคนไว้แน่น ในที่สุดสิ่งที่รอคอยก็เป็นจริงถึงใครจะมองว่าเวลาเพียงแค่หนึ่งเดือนมันดูจะเร็วเกินไปแต่สำหรับ คนสองคนแล้ว มันเหมือนพวกเขารอคอยกันและกันมานานแสนนาน แต่ไม่ว่าจะรออีกนานแค่ไหน พวกเขาก็พร้อมที่จะรอ ไม่ว่าสิ่งที่นำทางให้พวกเขามาพบกันจะเป็น เวรกรรมหรือพรหมลิขิต มันก็ไม่ได้มีความหมายอะไร เพราะสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่านั้นคือ “ความรักไม่มีวันตาย” ต่อให้ต้องรออีกนานแสนานแค่ไหน ก็เพียง…………………………………………………………


ขอให้เราสอง ครองรักกันทุกชาติไป


ปล่อยความคิดถึงปลิวไปในอากาศ
ล่องลอยหัวใจสะอาด ปล่อยไปแสนไกล
กรุ่นกลิ่นบุหงาพัดมาด้วยรักจากใจ
เพียงหวังให้ถึงใคร คนที่รอคนนั้น
ส่งความคิดถึงปลิวไปในอากาศ
คิดถึงใจจะขาด เธออาจไม่เข้าใจ
แค่อยากให้รู้ ไม่ได้ต้องการสิ่งใด
เธอไม่ต้องขืนใจ ถ้าเธอไม่ต้องการ

ฝากเป็นเพลง ให้ลอย เล่นลมไป ล่องลอย ผ่านไปถึงเธอ

แม้จะเนิ่นนาน ยังรักเธอ ตราบนาน อสงไขยเวลา

หากเพลงคิดถึงที่ปลิวไปในอากาส
เพียงถ้ามันพลั้งพลาด ไปไม่พบเธอ
ให้บทเพลงนี้ล่องลอยไปเสมอ
รอสักวันที่เจอ คนที่เขาต้องการ

ฝากเป็นเพลง ให้ลอย เล่นลมไป ล่องลอย ผ่านไปถึงเธอ

แม้จะเนิ่นนาน ยังรักเธอ ตราบนาน อสงไขยเวลา

แม้จะเนิ่นนาน ยังรักเธอ ตราบนาน อสงไขยเวลา




............................................ END....................................................


ปล เพลงอสงไขย เดอะซิส

ถึงเวลาที่ต้องจบแล้วค่ะเรื่องนี้
ไม่มีเวลาแต่งเลย มันออกมาขาดๆยังไง
ก็ไม่รู้ ขอโทษ นะคะ  :z6:

แล้วก็ขอบคุณทุกคนที่ติดตาม นะคะ
รักนะม๊วฟๆๆๆ  :sad11:

ออฟไลน์ PetitDragon

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4126
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +343/-5
สุดท้ายก็มาเจอกันจนได้นะ

แถมได้คู่มา 1 คู่แน่ะ


 :กอด1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ sukaz

  • I Will Love You Unconditionally
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1431
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-3
 อร๊ายยยย จบแย้ววววววว

น่ารักที่ซู๊ดดดด กว่าจะได้เจอกัน นานมากกก :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:

สมหวังกันซะทีเน๊อะ  :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:

ออฟไลน์ nunnan

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2275
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-6
จบแล้ววววว ดีใจด้วยยย :-[ :pig4:

ออฟไลน์ aorpp

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1276
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +250/-3
ดีใจที่ได้อ่านเรื่องนี้ สนุกค่ะถึงบางช่วงดูจะรวบลัดไปหน่อย
แต่ก็สนุก ซึ้งกินใจมากค่ะ
ขอบคุณมากนะคะ
+1  :กอด1:

honeystar

  • บุคคลทั่วไป
จบเเย้วววว ;w; เป็นตอนจบที่น่ารักมากกเลยค่ะ :)

เจอกัน เพราะ.....วาสนา

จากกัน เพราะ.....โชคชะตา

กลับมา เพราะ .... ฟ้าลิขิต

ชอบประโยคนี้อ่ะ

ออฟไลน์ moredee

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1589
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +205/-8
ขอแค่สมหวัง :L2:

rakna

  • บุคคลทั่วไป
คนแต่งเรื่องนี้เก่งมาก o13 แหวกแนวสุดๆ สนุกด้วย

ออฟไลน์ CarToonMiZa

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6338
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +820/-41
สมหวังกับการรอคอย :L1:

ออฟไลน์ donutnoi

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2187
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-7
เพิ่งได้อ่าน แอบน้ำตาซึม สนุกค่ะ   o13

ออฟไลน์ pita

  • ขอเพียงกล้าทำตามฝัน จะล้มบ้าง ลุกบ้าง ช่างมันปะไร
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2370
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +328/-13
ดันจั๊กกะหน่อย

ออฟไลน์ sinyou

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 105
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
เรื่องนี้แหวกแนวมาก ไม่เคยอ่านแนวจักรๆวงศ์ๆอะไรแบบนี้มาก่อน สนุกดีค่ะ น่ารักด้วย

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ natalee22

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +86/-3
พล็อตเรื่องแหวกแนวดีค่ะ เราก็เป็นคนชอบละครจักรๆวงศ์ๆเหมือนกัน

เมื่อก่อนติดมากกกกกกกกกก ต้องดูทุกเสาร์อาทิตย์ แต่ช่วงนี้ไม่ค่อยได้ดูเพราะไม่ค่อยชอบที่มีแอฟเฟกซ์เยอะเกินไป ชอบแบบสมัยก่อนมากกว่า

พอมาเจอนิยายแนวจักรๆวงศ์ๆแบบนี้ก็ถูกใจเลย คนแต่งก็แต่งได้สนุก ชวนติดตามดีด้วย

ขอบคุณสำหรับนิยายสนุกๆนะคะ ^_______________^

IWacKEE

  • บุคคลทั่วไป
ชอบค่ะ สนุกมาก
อ่านแล้วให้ความรู้สึกแตกต่าง แต่ลงตัวมากๆค่ะ  :o8:

ออฟไลน์ tomodaging

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
รักมากเลยเรื่องนี่!!!

ออฟไลน์ kamikame

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 708
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1
แอร๊ย ขอบอกว่าชอบแนวนี้มากมาย น่ารักสุด ๆ ขอบคุณสำหรับเรื่องราวสนุก ๆ นะฮ๊าฟฟฟ

lovely1714

  • บุคคลทั่วไป
สนุกเว้ยเห้ย

Made

  • บุคคลทั่วไป
เล็งเรื่องนี้ไว้นานแล้วว แต่พึ่งได้เข้ามาอ่าน อยากบอกว่าชอบแนวนี้มากกกกกก สนุกมากเลยค่ะ
เรื่องในอดีตชาติแบบว่าเศร้า สลด รันทดได้อีก สงสารคุณพ่อกนทีสุดใจ ค่อยยังชั่วที่ชาตินี้ได้รักกัน ไม่งั้นเศร้าใจกันไปอีกนานนเลย คาแรคเตอร์แสงสุรีย์น่ารักมาก และพี่รุทธกับพี่ราพย์ก็ช่างงง :impress2: เป็นชายในฝันจริงจริ๊งงงง
ปล.ชอบเพลงมากเลย 555 เพลงอสงไขยเราก็โหลดมาเก็บไว้แว้ววว
 :pig4: ขอบคุณสำหรับนิยายสนุกๆค่ะแล้วก็ขอโทษที่ไม่ได้ติดตามให้กำลังใจแต่แรกๆนะคะ

ออฟไลน์ mint_852

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 735
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-1
เฮ่อ ในที่สุดก็ได้ครองคู่กันซะที
แถมยังสมหวังทั้งสองคู่อีก
สนุกมากๆอ่ะ
จะรอเรื่องต่อไปนะจ้า

ออฟไลน์ lovely2min

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 268
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
 o13
เย้ จบอย่างมีความสุข ดีจัง
ชอบนิยายแนวนี้มากเลยคะ
เขียนอีกเรื่อยๆนะคะรอติดตามอ่านคะ

ออฟไลน์ charapin

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 161
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
อ่านเพลินเลย จนซะแล้ว  สนุกมากๆค่ะ

ออฟไลน์ loveview

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1915
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-10
ไม่สมหวังชาติก่อนแต่สมหวังชาติปัจจุบันก็ยังดีนะคะ :mc4:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด