สายชล Another side of the story... (02/11/55)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: สายชล Another side of the story... (02/11/55)  (อ่าน 62906 ครั้ง)

ออฟไลน์ yeyong

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5857
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +917/-26
Re: สายชล (ลงแว้ว เมา1 02/04/55)
«ตอบ #30 เมื่อ02-04-2012 23:52:35 »

พี่ภูเป็นแบบพระรองเกาหลีแล้วกันเนอะ
เพราะยังไงใจน้ำก็เต้นกับคี อิอิ

ออฟไลน์ Smirnoff

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-1
Re: สายชล (ลงแว้ว เมา1 02/04/55)
«ตอบ #31 เมื่อ03-04-2012 01:22:41 »

เอิ้กกกกกกก  อิคี หมาหวงก้างจิงเว้ยยยยยย  หึหึหึ
พี่ภูเท่อ่าาาา  ชอบเพลงมากกก
ถ้าีมีคนมาร้องเพลงนี้จีบนี่ เอาเป็นแฟนแบบไม่ต้องคิดเลยเหอะ
น้ำจะว่าไงน้าาาา
มาอัพไวๆนะค้าาาา รอลุ้นๆๆๆ

tonkhaw

  • บุคคลทั่วไป
Re: สายชล (ลงแว้ว เมา1 02/04/55)
«ตอบ #32 เมื่อ03-04-2012 21:49:26 »

โอ้วววว โนวววว รักที่สุดพี่ภู

คีมาเสือกไรด้วยเนี๊ย นับวันยิ่งน่ารำคาญ


น้ำตอบตกลงซิ ให้คีมันดิ้น

Made

  • บุคคลทั่วไป
Re: สายชล (ลงแว้ว เมา2 03/04/55)
«ตอบ #33 เมื่อ03-04-2012 23:54:59 »

เมา2

“ใครจะจีบน้ำห้องสิบต้องมาขอนุญาตเพื่อนผมก่อนนะคร้าบบบ” เสียงโจกับแซ็กตะโกนขึ้นหลังจากเสียงโห่

“ฮะๆ เพื่อนน้องน้ำบอกไม่ให้จีบ แล้วน้องน้ำล่ะครับ” ฮือออ อายครับอาย เกิดจากท้องพ่อท้องแม่มาอายที่สุดก็วันนี้แหละ

“เพื่อนภู ใจว่ะ 555” พี่ๆเพื่อนพี่ภูนัดกันตะโกนเชียร์เสียงดัง

ผมไม่รู้ทำไงเลยลุกเลยครับ เดินไปตรงที่พี่ภูนั่งร้องเพลง คว้าแขนพี่เค้าแล้วก้มหน้าก้มตาลากออกไปหาที่เงียบๆคุยดีกว่า

“พี่ภูครับ ตามมานี่หน่อยได้มั้ย” ขนาดไม่ได้มองรอบๆนะเนี่ย ยังรู้สึกได้ถึงสายตาที่จับจ้อง ทุกคนต่างพร้อมใจกันเงียบ เงียบจนได้ยินเสียงหายใจของตัวเอง อ่า หน้ามันร้อนๆเนอะ

พี่ภูเองก็รีบวางกีตาร์เพราะผมที่ยืนยื้อข้อมือของพี่เค้าอยู่ ตอนลากแขนเค้ามารู้สึกว่าพี่ภูจะสะดุดสายไฟด้วย

ผมลากพี่ภูเดินไปเรื่อยๆจนถึงบริเวณหลังบ้านของพี่อาร์มก็ปล่อยแขนพี่เค้า อดรู้สึกอึดอัดนิดๆไม่ได้

“น้องน้ำครับ ตกลงว่ายังไง พี่อยากรู้” เสียงพี่ภูดังมาจากข้างหลัง

ผมสูดหายใจลึกเข้าปอดแล้วหันหน้าไปหาพี่ภู ไม่กล้าสบตาเลยครับ

“คือน้ำหน่ะ ไม่ได้ชอบพี่ภูหรอกนะครับ” ผมตอบออกไปพลางเอามือกุมกันแน่น

“เรื่องนั้นพี่รู้แล้วครับ” หืม ผมเงยหน้ามองพี่ภูทันทีเลย รู้แล้วทำไม...

“พี่เลยขอจีบอยู่นี่ไงครับ” ง่า แพ้ร้อยยิ้ม ทำไมถึงพูดแบบนี้ออกมาได้หน้าตาเฉยเลยอ่ะ 

“ว่าไงครับ ตกลงพี่จีบน้ำได้มั้ย” พี่ภูถามซ้ำ ผมที่พึ่งตั้งสติได้แต่มองพี่ภูตาปริบๆ

“คือ น้ำ น้ำเป็นผู้ชายนะครับ” มันไม่รู้จะตอบยังไงหน่ะสิครับ ผมหน่ะ ไม่เคยมีใครเข้ามาจีบ พี่ภูเป็นคนแรกเลยนะครับ แล้วพี่ภูก็เป็นผู้ชายด้วย

“พี่ก็เป็นผู้ชายครับ แต่พี่ชอบน้ำ” ง่ะ ออร่าที่ออกมาพร้อมกับรอยยิ้มนี้นี่มันหมายความว่ายังไงกันเนี่ย เคยมั้ยครับแบบว่ามีคนพูดตรงจนเราทำอะไรไม่ถูก ผมพึ่งเจอกับตัวเองวันนี้แหละคร้าบบ

“แต่ น้ำ น้ำ...ไม่รู้”

“อืม งั้นเอางี้ พี่ขอถามอะไรน้ำได้มั้ยครับ” พี่ภูยืนกอดอกแล้วมองเข้ามาในตาของผม

“น้ำรู้สึกรังเกียจพี่รึป่าว”

ผมนิ่งนึกซักครู่แล้วส่ายหัว คือพี่ภูดีกับผมมาก ผมจะรังเกียจพี่เค้าได้ยังไง

“พี่บอกน้ำไปแบบนี้แล้วน้ำไม่โกรธพี่ใช่มั้ยครับ” พี่ภูถามผมด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูอ่อนลง

“โธ่ พี่ภู น้ำจะไปโกรธพี่ได้ยังไงล่ะครับ” ผมพูดพร้อมกับยิ้มให้พี่ภูที่ยิ้มรับทันทีที่ได้ฟังคำตอบจากผม

“อืม งั้นน้ำช่วยรับพี่ไว้พิจารณาด้วยนะครับ” พี่ภูพูดพร้อมกับยื่นมือมาดึงแก้มผมเหมือนที่ชอบทำ

“อ่า เอี๋ยวแอ้มอ้ำอานอด(เดี๋ยวแก้มน้ำยานหมด)”

“ฮึๆ” แน่ะยังหัวเราะอีก

“น้ำ” เสียงเรียกชื่อผมดังขึ้นข้างหลัง พี่ภูเองก็ปล่อยมือจากแก้มผม

“หือ ว่าไงเหรอคี” ผมหันไปก็เห็นคีครับ

“เอ่อ จอมให้มาตามหน่ะ” คีเข้ามายืนข้างๆแล้วยกมือพาดไหล่ผม

“ไปเถอะ เพื่อนมาตามแล้ว” พี่ภูพูดพร้อมกับยกมือขยี้หัวผม

“เจอกันในงานนะพี่” คีบอกพี่ภูพร้อมกับกอดคอผมเดินกลับเข้าไปในงาน

พอผมเดินกลับเข้าไป ก็เห็นว่างานคึกครื้นขึ้น จากสนามหญ้าที่มีเก้าอี้กับกีตาร์กลายเป็นฟลอร์เต้นไปแล้ว หลายคนกำลังออกสเต็ปกันอย่างเมามัน พอผมกลับไปนั่งบนเสื่อ เพื่อนๆหลายคนที่นั่งอยู่ก็เงียบแล้วมองครับ

“เพื่อนน้ำครับ คือว่าเพื่อนๆอยากทราบว่าที่หายไปนานสองนานนี่มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นบ้างครับ” ป็อบถือตะเกียบแล้วทำท่าผู้สื่อข่าวถามคำถามผม

“ก็...ก็ ไม่มีอะไรหรอก คุยกันธรรมดา” ผมก็คุยกับพี่ภูเหมือนปกตินี่นา

“แล้วเอ่อ จากเหตุการณ์ที่พึ่งผ่านไป ตกลงแล้วเพื่อนน้ำให้โอกาสพี่ภูสุดหล่อจีบรึป่าวครับ”

“เออ...น้ำก็...”

“พอเลยมึง เล่นไรไร้สาระ” “ผั๊ว” คีพูดตัดบทขึ้นมาแล้วตบหัวป็อบไปหนึ่งที

“โหย ไอ้คีจะได้เรื่องแล้วเชียว” “หวงก้างว่ะ” หลายเสียงบ่นเข้ามาให้ได้ยิน

“กูอุตส่ารอถาม ไปแด๊นซ์ดีกว่า” ป็อบพูดจบก็ถือแก้วเหล้าเดินออกไป

“เฮ้ย กูไปด้วย” หลายคนก็ทยอยเดินตามไป คีกับฟิวก็เดินตามออกไปเหมือนกันครับ ตอนนี้ในวงเหล้ามีแค่จอม เต้ โจและผมที่ยังนั่งอยู่

“อ่ะ น้ำ มะม่วง กินให้หมด” จอมยื่นจานมะม่วงให้ผมแล้วหันไปจิบเหล้าต่อ

ผมเลยนั่งเคี้ยวมะม่วงมองนั่น มองนี่ไปเรื่อยๆ ในวงที่เริ่มกรึ่มๆ พูดไม่หยุดเลยครับ ฟังคนเมาเล่าแล้วฮาดีเนอะ

“แก๊งๆๆ” จู่ๆโจก็เอาตะเกียบเคาะจาน

“มึง รู้รึป่าว หน้าหนาวแล้วไปกินหมูกระทะบ้านกูกัน” ถ้าจะเคาะเพื่อบอกสิ่งนี้

“กินหน้าร้อนไม่ได้เหรอวะ” เต้ถามขึ้น

“ไม่ด้ายย กินหน้าหนาวมันอร่อยนะมึ๊งง” สงสัยจะอร่อยกว่าจริงๆ เหอๆ

“วันก่อนฝนตกฟ้าร้องดังมาก กูกลับบ้านแล้วตกใจ ผ่านมาสิบปีไม่มีครั้งไหนดังเท่าครั้งนี้เลยนะเว้ย” โจพูดขึ้น

“อ้าว วันนั้นหม้อแปลงไฟฟ้าระเบิดไม่ใช่เหรอ” เอ่อ เต้ ได้ข่าวว่าบ้านโจอยู่คนละจังหวัดนะ

“เหรอ กูก็ว่า ทำไมเสียงดัง” อ้าว โจ ตกลงก็รู้เรื่องไปกับเค้าเรอะ

เฮ่อ ฟังแล้วปวดจิต

“จอม น้ำง่วง” ผมบอกจอมที่นั่งดื่มเงียบๆ คือจอมนี่เป็นคนชอบนั่งกินเหล้าเงียบๆ นิ่งๆ แต่น่าแปลกนะครับ ผมไม่เคยเห็นจอมเมาเลย

“ไปตามคีกับฟิวดิ มันเต้นอยู่กลางวงนั่นไง” จอมพูดพร้อมกับยืดตัวมองหาคีกับฟิว

“เออ จริงด้วย เดี๋ยวน้ำวิ่งไปตาม” ผมพูดแล้วลุกขึ้นเลยครับ เดินแหวกฝูงชนเข้าไป เสียงเพลง Danza Kuduro ที่ประกอบหนังเรื่อง Fast and Furious 5 ดังกระหึ่ม

“น้องน้ามมมมม” ขณะที่ผมกำลังมองหาคีกับฟิวอยู่นั้น พี่พลอยเซเข้ามาทักพร้อมกับจับแขนผมไว้

“ครับ พี่พลอยเมาแล้วนะ ไปนั่งพักก่อนมั้ย” ผมถามเมื่อเห็นท่าทางยืนไม่อยู่ของพี่แก

“ไหวค่า” พี่พลอยพูดพร้อมกับชูแก้วเหล้าขึ้น

“คือน้ำ ตามหาคีกับฟิวอยู่ พี่พลอยเห็นบ้างรึป่าว”

“เห็น... แต่ม่ายยบอก” อ้าวเป็นงั้นไป

“งั้นพี่พลอยปล่อยน้ำก่อนนะ น้ำขอเดินไปหาคีกับฟิวแล้วเดี๋ยวกลับมา” ผมบอกพี่พลอยที่ยังไม่ยอมปล่อย แถมยังยืนเต้นแบบโงนเงนไปด้วย สามารถจริงๆครับคนเรา

“ง้าน กินนี่หมดแก้วก่อน แล้วพี่จาบอก” พี่พลอยพูดพร้อมกับยัดแก้วเหล้าใส่มือผม

“จะดีเหรอครับ” ผมมองเหล้าที่เหลืออยู่ครึ่งแก้วแล้วคิดหนัก เพราะคีสั่งว่าห้ามดื่มเหล้าเด็ดขาด

“ถ้าไม่โหมด พี่ไม่ปล่อยปายจริงๆด้วย” พี่พลอยพูดแล้วใช้สองมือจับแขนผมไว้แน่นกว่าเดิม

ผมมองเหล้าครึ่งแก้วนั้นอย่างชั่งใจ เอาวะ ครึ่งแก้วเอง ผมกลั้นหายใจแล้วกระดกหมดแก้วเลยครับ

รู้สึกถึงรสชาติเฝื่อนและร้อนในคอ แล้วโลกทั้งหมดก็กลับหัว

“ตุบ”

<จอมทัพ> พิเศษเฉพาะกิจ

ผมรู้สึกว่าน้ำไปนานเกินไปละ ให้ไปตามหากลับหายไปกับเค้าอีกคน ไม่น่าให้ไปเองเล้ยย

และขณะที่ผมกำลังเดินหาทั้งสามคนอยู่นั้นก็เหลือบไปเห็นน้ำกำลังดื่มอะไรบางอย่าง พริบตาเดียวเท่านั้นแหละครับ ลงไปกองกับพื้นเฉยเลย

“เฮ้ยย” เสียงคนที่อยู่แถวๆนั้นตกใจพากันเขยิบออกไป

ผมก็รีบวิ่งเข้าไปสิครับ

“น้ำๆ” ผมวิ่งเข้าไปประคองพร้อมกับเรียกชื่อเจ้าตัวไปด้วย

“จอมมม พื้นเอียงๆเนอะ” งานเข้าแล้วไงกู

“ลุกไหวมั้ยเนี่ย กลับไปนั่งกับจอมเถอะ” ผมบอกน้ำพลางพยุงให้ลุกขึ้น

“น้ำอยากกินอีกแก้วอ่ะ” ยืนยังเอียงๆยังจะเอาอีกแก้ว

“ไม่กินแล้ว น้ำเมาแล้ว กลับไปนั่งเร็ว”

“ไม่เอาจะเอาอีกแก้ว” ไม่พูดเปล่าครับ สะบัดตัวแล้ววิ่งหนีด้วย ผมจะดูเฉยๆเรอะ วิ่งไปคว้าสิครับ

“จอม น้ำไม่เมา เอาอีกแก้ว” คราวนี้ผมไม่ชะล่าใจ รัดมันพร้อมกับออกแรงลากให้กลับไปนั่งด้วย น้ำก็ขืนตัวสุดแรงแหละครับ แต่มีเรอะ คนเมาแถมตัวเล็กแบบนี้ผมจะเอาไม่อยู่

“จอม น้าจอม นะๆ” อ้อนไปก็ดิ้นไป ผมเลยรวบแขนแล้วลากเอวออกมาเลย

“เอางี้ กลับไปนั่งกินด้วยกันป่ะ”

“โอเค” เออ คราวนี้ยอมเดินไปดีๆแฮะ แต่ผมยังจับแขนเจ้าตัวไว้แน่นอยู่ครับ เดี๋ยววิ่งไปอีกแล้วแย่เลย

“เอ้า ถึงแล้ว นั่ง” พอถึงปุ๊บ น้ำทิ้งตัวนั่งลงไปเลย ผมเห็นสภาพโงนๆเงนๆเลยจับมันพิงไหล่ไว้ก่อน

“จอม อีกแก้วไง” เออ ให้มันได้ยังงี้ ผมเลยจัดการชงแบบจางๆให้ พอน้ำรับแก้วไปก็ดื่มเลยครับ

“จอม ทำไมสีมันจาง น้ำจะผสมเอง” เอ๊า เมาแล้วยังเสือกรู้อีก

“ไม่ได้ จะกินไม่กิน” ผมพูดแล้วคว้าแก้วเหล้าที่อยู่ในมือน้ำออกมาถือไว้ น้ำก็เอนตัวจะคว้าคืนแต่แขนมันไม่ถึง

“อือ กินนน” ผมเลยยื่นแก้วคืนให้

“น้ำ โชนนน” เชี่ยโจกับเชี่ยเต้ เห็นน้ำเมาแล้วเอาใหญ่ครับ

“โชนนน คิกๆ” เออ เอาเข้าไป เพื่อนกู

น้ำหันไปชนแก้วกับพวกโจกับเต้ไปเรื่อยๆ ผมก็นั่งมองมันไป

“จอมมม นั่งเหยียดขาดิ๊” จะเล่นอะไรละเนี่ย

ผมก็ทำตามที่น้ำบอกนะครับ พอผมเหยียดขาเท่านั้นแหละ มันจับขาผมแยกออกแล้วซุกตัวเข้ามานั่งพิงอกผมทันทีเลย

“น้ำ นั่งดีๆ” ผมเลยปรามเสียงเข้ม

“ไม่อาว นั่งแบบนี้สบายดีนะ” น้ำก็นั่งพิงอกผมไปกินเหล้าไป พอเหล้าหมดมันก็ส่งแก้วให้ผมเติมให้

ผมเองก็มองหาไอ้คีกับฟิวครับ หายหัวไปทั้งคู่นะพวกมึง

เห็นไอ้ฟิวแล้วครับ ไอ้นี่ก็เต้นแบบลืมโลก จะไปเรียกยังไงเนี่ย

มองๆไปก็เห็นไอ้คีที่มองมา นึกว่าไปไหน ที่แท้ยืนคุยอยู่กับพี่ภู คีหัวเสียมากครับกับการกระทำของพี่ภูวันนี้ คือมันดูแลน้ำเหมือนลูก ผมที่เป็นเพื่อนกับคีมาตั้งแต่อนุบาลหนึ่งก็พึ่งเคยเห็นมันห่วง หวงเพื่อนขนาดนี้ อาจเป็นเพราะน้ำมันตัวเล็กๆ ซื่อๆ น่าตาก็น่ารัก ที่สำคัญน้ำเป็นคนมีน้ำใจครับ ใครบอกอะไรทำหมด ผมกับฟิวที่เฉยๆเลยติดนิสัยต้องคอยดูแลน้ำแทนไอ้คีไปโดยปริยาย เพราะโดยส่วนตัวแล้วน้ำเป็นเพื่อนที่ดีนะครับ คอยพูดคอยอ้อนให้กลุ่มมีสีสัน เวลาได้แกล้งมันก็สนุก อารมณ์เดียวกับเวลาเราเห็นอะไรน่ารักแล้วรู้สึกหมั่นเขี้ยวอยากเข้าไปฟัดอ่ะครับ หึๆ

ที่ผ่านมาอย่าคิดนะว่าไม่มีใครเข้ามาจีบน้ำ มีเป็นโขยง แต่คุณคิดว่าใครจะรอดมาได้ วาเลนไทน์กี่ปีๆที่ผ่านมา ไอ้คีก็นั่งเฝ้าทำตาขวาง บางคนฝากดอกไม้พวกผมมา ไอ้คีรู้ก็สั่งให้ทิ้ง ถ้าเป็นพวกขนมมันก็แจกพวกเพื่อนในห้องกิน ใครที่เริ่มเข้ามาตีสนิท มันก็บอกเค้าไปตรงๆว่าห้ามจีบน้ำ ใครไม่ฟัง หรือหมั่นไส้ไอ้คี เค้าก็ท้าตีนะครับ บางครั้งผมเลยต้องพาน้ำกลับบ้านไง ไอ้คีอ้างกับน้ำว่าไปส่งแฟน แต่ความจริงไปตีกับคนที่เข้ามาจีบน้ำนั่นแหละ ไม่ค่อยแปลกใจครับว่าทำไมพราวบอกเลิกไอ้คีแล้วพาน้ำไปตบ พราวนี่ไอ้คีไปส่งบ้านนับครั้งได้ แต่มันตัวติดกับน้ำทั้งวันทั้งคืน ผู้หญิงคนไหนทนได้ก็ทนไป จะว่าคีชอบน้ำ ผมก็ไม่แน่ใจ เพราะเห็นมันจีบสาวเรื่อยๆ เลยคิดว่าคงแค่หวงเพื่อน แต่พี่ภูนี่ผมยอมรับเลยครับว่าแน่ พี่เค้าดีกับพวกผมมากครับ รู้จักกันมาก่อนจะมีกีฬาสีแล้ว บางครั้งไปกินเหล้าหรือตีกันก็เจอพี่แก บางทีมีโจทก์คนเดียวกันก็เคยมีมาแล้ว ไอ้คีเลยไม่กล้าพูดไปตรงๆ ผมเห็นมันฮึดฮัดเข้าไปขวางเค้าทุกที

“น้องน้ำ ไปนั่งทำอะไรตรงนั้นครับ” พี่อาร์มที่เดินผ่านมามองพวกผมแล้วทักขึ้น

“พี่อาร์ม หวัดดีคร้าบ” เออ ตอบไม่ตรงคำถามซะงั้น

“มันเมาพี่” ผมเลยหันไปบอกพี่เค้าแทน

“ไม่เมา จอมมั่ว” นี่ขนาดมึงไม่เมานะน้ำ

“ครับๆ ไม่เมาก็ไม่เมา” พี่อาร์มเออออไปกับมันแล้วก็เดินผ่านไป

“น้ำ ไปเต้นกัน” รายต่อไป ไอ้ปอม(ต่อมามันเปลี่ยนชื่อให้ตัวเองว่าป๋อมแป๋ม)วิ่งมาชวนน้ำกลับเข้าฟลอร์

“อ๊ะ ป๋อมแป๋ม ชนแก้วก่อน” น้ำหันหน้าเข้าอกผมแล้วพยายามยืนเข่ายื่นแก้วไปชนไอ้ปอมใหญ่เลยครับ ผมก็รีบล็อกเอวมันไว้ ไม่งั้นเดี๋ยวล้มหรือวิ่งพรวดไปอีก

“โชน” เออ กูจะไม่ให้มึงกินเหล้าอีกเลย

“ไปเร็วแก กำลังมันส์เลย” พอไอ้ปอมพูดจบ น้ำดิ้นใหญ่เลยครับ ประมาณว่ามันจะลุกไปให้ได้อ่ะ แต่ผมรัดตัวไว้อยู่ไง

“จอม ปล่อยก่อน น้ำไปกับป๋อมแป๋มแป๊บเดียว เดี๋ยวมา” มีต่อรองวุ้ย ถ้าให้ไปก็ต้องวิ่งจับกลับมาอีกสิ ปล่อยให้โง่เหรอ

“แป๋ม มึงไปเลยไป มาชวนเพื่อนมึงใจแตกอีก” ผมเลยตัดปัญหาโดยการไล่ไอ้ปอมไปแทน

“เออ กูไปก็ได้ น้ำ เดี๋ยวแกไปเต้นด้วยกันนะ” ไอ้ปอมพูดกับน้ำแล้วเดินสะบัดหน้าไปที่ฟลอร์

ไอ้คนในอ้อมแขนนี่เกาะไหล่มองตาละห้อยเชียวครับ ทำเหมือนกับหมาถูกทิ้งเลย

“จอมใจร้าย” แน่ะ มีนั่งน้ำตาซึม

“โอ๋ๆ อยู่เป็นเพื่อนจอมหน่อยนะ” ผมเลยกอดแล้วเอามือลูบหัวน้ำเบาๆครับ คราวนี้นั่งนิ่งเชียว ผมลูบไปเรื่อยๆตามันก็ปรอยๆ เลยเวลาหลับมันแล้วไง

“Boys call you sexy (What's up, sexy)
And you don't care what they say
See, everytime you turn around
They scream your name”

“จอม น้ำรู้จักเพลงนี้” นึกว่าเคลิ้มแล้วเชียว

“หืม ชื่อเพลงอะไร” ตามน้ำไปก่อนครับ อย่างน้อยน้ำก็ยังยอมอยู่นิ่งๆ

“เดี๋ยวน้า ขอน้ำคิดก่อน อืม... When I Grow Up ของ The Pussycat Dolls”

“สนุกดีเนอะ น้ำร้องได้ด้วยนะ”

“ร้องให้ฟังหน่อยสิ” รู้สึกเหมือนกำลังพูดกับเด็กอยู่เลย

“When I grow up
I wanna be famous
I wanna be a star
I wanna be in movies
When I grow up
I wanna see the world
Drive nice cars
I wanna have groupies
When I grow up
Be on TV
People know me
Be on magazines
When I grow up
Fresh and clean
Number one chick when I step out on the scene” เสียงใสๆร้องคลออยู่ตรงอก ผมเองก็นั่งลูบหัวน้ำไปเรื่อยๆ เห็นไอ้คีมันทำบ่อยๆตอนช่วงแรกๆที่น้ำโดนพราวตบ มันลูบหัวจนน้ำหลับไปทุกวัน ผมเลยรู้ว่าน้ำชอบให้คนลูบหัวก่อนนอน

“จอม น้ำร้อนอ่ะ” ไม่พูดปล่าวครับ น้ำจับชายเสื้อจะถลกขึ้นเลย แต่ถอดไม้ได้ครับเพราะผมกอดเอวมันอยู่

“มันร้อนอ่ะ ร้อน” น้ำพูดแล้วเริ่มดิ้น พยายามจะแกะมือผมใหญ่เลย ขามันเลยไปโดนใส่ขวดเบียร์ที่เปิดอยู่ล้มหกโดนกางเกงที่มันใส่อยู่

“โอ๊ะ เปื้อนหมดเลย” เออ เปื้อนเพราะมึงดิ้นนั่นแหละ

คราวนี้น้ำเลยถอดกางเกงออกเหลือแต่บ็อกเซอร์แล้วขว้างออกไปกองนอกเสื่อ

ผมเลยอุ้มมันย้ายไปนั่งมุมอื่นให้ห่างจากพวกขวดเหล้า

นั่งกันท่าเดิมแหละครับ เวลามันดิ้นจะได้จับอยู่

“จอม ร้อน ฮึกๆ” เอาแล้วไง ไม่ให้ถอดเสื้อมันจะเป่าปี่แทน

“อยู่นิ่งๆก่อน น้ำดิ้นก็ร้อนสิ เดี๋ยวจอมเช็ดตัวให้” ผมพูดจบก็ถอดเสื้อตัวเองแล้วคว้าถังน้ำแข็งที่วางใกล้ๆจุ่มเสื้อลงไปแล้วบิดมาเช็ดหน้าให้ไอ้คนที่นั่งนิ่งๆหน้าแดงๆ น้ำตายังคลออยู่เต็มตาเลยวุ้ย

“น้ำห้ามถอดนะ เดี๋ยวโป๊” ผมบอกน้ำที่นั่งนิ่งยอมให้ผมเช็ดตัว ถ้าไอ้คีหันกลับมาดูซักนิดก็คงจะเห็นสภาพลูกมันนอนโชว์ขาขาวอยู่เพราะบ็อกเซอร์ร่นขึ้นมา ตายห่า เดี๋ยวมันได้เคืองผมพอดี

“ฮื่อ” น้ำพ่นลมออกจากจมูกโดยยอมนอนนิ่งๆแล้วเอาผ้าชุบน้ำปิดหน้าไว้

“น้ำ กลับบ้านไปนอนมั้ย เดี๋ยวจอมไปส่ง” ผมถามเมื่อน้ำนอนซบหน้านิ่งอยู่กับไหล่ผม

“ไม่เอา น้ำรอคีก่อน คีไปไหน” อ้าว กูไปกระตุ้นต่อมความจำมันซะงั้น

“เดี๋ยวคีก็ตามกลับไป เราไปรอที่บ้านก่อนไง ดีมั้ย” ผมพยายามกล่อมน้ำที่กำลังชะโงกหน้ามองหาไอ้คีอยู่

“ไม่เอา คีบอกคืนนี้จะนอนกับน้ำ น้ำจะกลับพร้อมคี” ทำไมมึงเมาแล้วดื้อวะ

“จอม เราไปตามหาคีกัน” น้ำเงยหน้ามาคุยกับผม มันมองตาแป๋วเชียวครับ

“นั่งรอนี่แหละ เดี๋ยวคีมันก็กลับมาแล้ว”ผมพูดแล้วกระชับกอดลูบหัวมันไปด้วย เผื่อจะได้เคลิ้มๆหลับไปได้ซะที

“นะจอมนะ คีบอกจะนอนกับน้ำ ไปหาคีนะ” เอาแล้วไง เรียกหาพ่อมันแล้ว ไอ้คีมึงมาเอาลูกมึงคืนไปเร้ว

“น้องน้ำ ยังไม่กลับอีกเหรอครับ” พี่อาร์มที่เดินตรวจดูความเรียบร้อยทักน้ำที่ดิ้นอยู่กับอกผม ใครที่เมากลับไม่ไหว พี่ๆหลายคนที่ไม่เมาก็ลากขึ้นไปนอนบนบ้าน คือบ้านพี่อาร์มหลังนี้เป็นบ้านเช่าครับ ไม่ใช่บ้านที่พี่เค้าใช้อยู่จริงๆ วันนี้พวกเราเลยกินเลี้ยงกันได้เต็มที่

“พี่อาร์ม หวัดดีคร้าบ” เออ ตอบไม่ตรงคำถามอีกแล้วนะมึง ได้ข่าวว่าเมื่อกี้มึงก็พึ่งไหว้พี่เค้า

“พี่ๆ ผมวานช่วยไปตามไอ้คีกับไอ้ฟิวให้ทีเถอะ บอกพวกมันว่าน้ำเมานะพี่” พี่อาร์มพยักหน้ายิ้มๆแล้วเดินจากไป

“จอม คนดี๊ คนดี พาน้ำไปตามหาคีเถอะนะ” น้ำจับหน้าผมให้หันมาสนใจพร้อมกับรบเร้าให้ไปตามหาไอ้คีต่อ

“พี่อาร์มไปตามให้แล้ว เดี๋ยวคีก็มา มานอนนับแกะตรงนี้เร็ว” ผมบอกแล้วรั้งให้หัวมันซบกับไหล่ น้ำก็ยอมอยู่นิ่งนะครับ

“แกะหนึ่งตัวกระโดดข้ามรั้ว แกะสองตัวกระโดดข้ามรั้ว...แกะสิบเอ็ดตัวกระโดดข้ามรั้ว...” น้ำนอนซบไหล่นับแกะเบาๆอยู่ข้างๆหูผม มือผมก็คอยลูบหัวมัน

ไอ้คีเดินหน้ายุ่งเข้ามาเชียวครับ พี่ภูก็เดินมาพร้อมกันด้วย ผมรีบเอานิ้วชี้แตะปากบอกให้ไอ้คีเงียบเพราะสงสัยน้ำจะหลับแล้ว
คีค่อยๆคุกเข่าข้างผมแล้วเอามือลูบหัวน้ำ

“หลับนานรึยังมึง” ไอ้คีถามผมเบาๆ

“พึ่งหลับเนี่ย เรียกหาแต่มึงนั่นแหละ” ผมเองก็พูดกับมันเบาๆ

ส่วนพี่ภูยืนมองยิ้มๆ

ผมค่อยๆคลายอ้อมกอดแล้วส่งน้ำให้ไอ้คีอุ้มไปที่รถ วันนี้ผมเอารถจากบ้านมาเพราะกลัวว่าจะมีใครเมา แล้วเป็นไง แน่ยิ่งกว่าแช่แป้ง

พอไอ้คีอุ้มแล้วเริ่มเดิน น้ำก็รู้สึกตัว มันปรือตาน้อยๆ หาววอดเลยครับ

“คี น้ำง่วง คีไปไหนมา” น้ำถามคีไปมันก็เอามือขยี้ตาไปด้วย

“คีก็อยู่แถวนี้แหละ” อยู่แถวนี้แต่ไม่มาช่วยกูดูเลยนะมึง

น้ำเริ่มหันมองรอบๆก็เห็นพี่ภูที่เดินอยู่ข้างๆคี หิ้วกางกางที่มันถอดทิ้งไว้มาด้วย มันยิ้มให้พี่เค้าแต่ไม่พูดอะไร

พอถึงรถ ไอ้คีก็นั่งเบาะหลังให้น้ำนอนตัก  พี่ภูก็เดินมายื่นกางเกงให้ผมที่เปิดประตูไปนั่งข้างที่นั่งคนขับ

ส่วนไอ้ฟิวก็กำลังสตาร์ทรถอยู่

จู่ๆน้ำก็โผล่หน้าเอี้ยวตัวมาทางผมที่นั่งอยู่ ไอ้คีนี่ตกใจคว้าไว้ไม่ทัน

“พี่ภู กางเกงน้ำ” น้ำรับกางเกงจากพี่ภูไปครับ

“ไม่ง่วงแล้วเหรอครับ” พี่ภูถามน้ำยิ้มๆหลังจากมันเอี้ยวตัวกลับไปนั่งเบาะหลังแล้วลดกระจกคุยกับพี่ภูที่ยืนก้มตัวคุยกับมันอยู่

“ง่วงครับ น้ำจะกลับไปนอนแล้ว” บอกไปมันก็หาวไปด้วย

“ฮะๆ โอเคครับ” พี่ภูหัวเราะน้อยๆพร้อมกับลูบหัวน้ำ

“ฝันดีนะครับ”

“สัญญานะ” น้ำยื่นนิ้วก้อยไปตรงหน้าพี่ภูเฉยเลย เค้าบอกมึงว่าฝันดี ไม่ใช่สัญญา

“ครับ สัญญา พี่ภูก็จะฝันดีเหมือนกัน ดีมั้ย” พี่ภูพูดพร้อมกับเกี่ยวก้อยกับน้ำ

“ครับ” ยิ้มหวานเชียวนะมึง พ่อมึงนั่งทำหน้าโหดมองอยู่ข้างหลังแล้ว

“น้ำ กลับบ้านกันได้แล้ว” มาเสียงนิ่งเลยครับ

น้ำหันกลับไปมองคี แล้วโบกมือลาพี่ภูที่ผละออกไปยืนโบกมือให้เช่นกัน

“บ๊าย บาย” เค้าจะได้ยินมึงมั้ยนั่น ไอ้ฟิวขับถึงประตูรั้วแล้ว น้ำเกาะเบาะมองกระจกหลังพร้อมกับโบกมือค้างให้พี่ภูอยู่อย่างนั้น

“น้ำมานอนนี่มา” คีเรียกน้ำให้นอนครับ

น้ำก็ว่าง่าย เขยิบไปนั่งใกล้ๆแล้วซบอกไอ้คีที่นั่งพิงกระจกรถอยู่ ซักพักคีก็จัดท่าทางให้น้ำนั่งบนตักแล้วกอดไว้ทั้งตัว ไอ้คีนั่งลูบหัวน้ำที่ค่อยๆหลับตาลง

คีมันกระซิบอะไรซักอย่างให้น้ำฟัง ผมเลยหันกลับมามองไปข้างหน้า แล้วรถก็ตกอยู่ในความเงียบ ผมมองกระจกหลังอีกทีเพื่อให้แน่ใจว่าไอ้ตัวแสบสิ้นฤทธ์แล้วจริงๆ แต่กลับเห็นไอ้คีก้มจูบตรงกลุ่มผมของน้ำ สายตาที่มันมองน้ำดูทั้งรักทั้งห่วง

ผมเลื่อนสายตาให้กลับมาตรงหน้าอีกครั้ง

ผมเริ่มไม่แน่ใจแล้วสิครับ ตกลงว่าคีมันยังมองน้ำแบบที่เพื่อนมองอยู่รึป่าว

จบบทเฉพาะกิจ <จอมทัพ>

ฮ่าๆๆ อยากจะลงตอนของวันนี้ตั้งแต่เมื่อวานแล้วค่ะ แต่ต้องหลับก่อนเพราะเดี๋ยวไม่ยอมตื่นไปเรียน
(คนแต่งชื่ออิ๋งอิ๋งนะคะ ขออนุญาติใช้แทนตัวเองได้มั้ยคะ)

@ คุณ atblueann ตอนที่ผ่านมายอมรับว่าพี่ภูเท่จริงๆค่ะ อิ๋งแต่งเองกรี๊ดเอง  :o8:

@ คุณ yeyong ประเด็นมันอยู่ตรงนี้แหละค่า  o13

@ คุณ smirnoff อิ๋งชอบทั้งเพลงทั้งนักร้องเลย เพลง what make you beautiful ก็สนุกนะคะ ถ้าใครมาร้องเพลงนี้ให้เราแล้วไม่หวั่นไหวให้มันรู้ไป เป็นอิ๋งก็ตกลงแบบไม่คิดเหมือนกันเนอะ  :impress2:

@ คุณต้นข้าว อ่านตอนใหม่แล้วคิดว่าไง อิ๋งเริ่มสับสนว่าตกลงจะให้ใครเป็นพระเอกดี

ตอนหน้าน่าจะมาลงช้าหน่อยนะคะ พอดีเพื่อนนัดให้ช่วยทำการบ้าน ยังไงก็อย่าพึ่งลืมพี่ภู น้องคี น้องน้ำไปนะคะ ขอบคุณทุกคอมเมนต์ที่คอยเป็นกำลังใจค่ะ (เห็นแล้วมันคึก ดึกแค่ไหนก็อยากลงให้จบตอน)

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13-04-2012 23:27:22 โดย Made »

ออฟไลน์ yeyong

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5857
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +917/-26
Re: สายชล (ลงแว้ว เมา2 03/04/55)
«ตอบ #34 เมื่อ04-04-2012 00:08:20 »

คีดูแลน้ำแบบนี้ จะว่าหวงเพื่อนก็ไม่ใช่แล้วม้างงง

ออฟไลน์ Ipatza

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 932
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-7
Re: สายชล (ลงแว้ว เมา2 03/04/55)
«ตอบ #35 เมื่อ04-04-2012 00:22:50 »

น๊อล๊อคอะ
น๊อลีอคมากๆ
อยากจะล๊อคแล้วพากลับบ้านหงะ555+
จอมไม่คิดจะหวั่นไหวเลยหงะ
555+
ตอนแรกนึกว่าฟิวจะมีบ้างไรบ้างโห
ไรแว๊
มีแค่พี่ภูมาหลงผิด555+
เซงเบย
คีหวงเกินไปละ
ทำไมไม่ไห้พี่ภูมีโอกาสบ้าง
ตอนต่อไปขอฉากที่คุยกันนะพี่ภูกะคีอะ555+
มาต่อเร็วๆนะ (ยื่นเวลาไห้)55+

ออฟไลน์ iforgive

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-80
Re: สายชล (ลงแว้ว เมา2 03/04/55)
«ตอบ #36 เมื่อ04-04-2012 00:23:19 »

ชอบพี่ภูอ่ะ

atblueann

  • บุคคลทั่วไป
Re: สายชล (ลงแว้ว เมา2 03/04/55)
«ตอบ #37 เมื่อ04-04-2012 01:20:07 »

น้ำน่ารักอ่ะ พี่ภูก็แสนดี อบอุ่น คีเมื่อไรจะชัดเจน จอมแสนดีจัง อบอุ่นมาก น้ำเมาแล้วอ้อนน่ารักอ่ะ สมควรแล้วที่ใครๆๆจะหวงขนาดนี้
นานไหมอ่ะกว่าจะมาต่ออ่ะ กลัวคิดถึงเรื่องนี้อ่ะ จะทนคิดถึงน้ำไหวไหมน้าาาาา

ออฟไลน์ kasarus

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1780
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-3
Re: สายชล (ลงแว้ว เมา2 03/04/55)
«ตอบ #38 เมื่อ04-04-2012 09:29:45 »

เหนื่อยใจกับนายคี ท่าทางกว่าจะรู้ใจตัวเองคงอีกนาน สงสัยต้องให้พี่ภูรุกหนักกว่านี้อีกหน่อย
จะได้ช่วยเร่งให้อะไรอะไรมันไม่ค้างค้างคาคาแบบนี้

เม้นเรื่องคำที่ใช้แต่งหน่อยนะครับ รู้สึกว่าคนแต่งจะใช้คำว่า "มัน" เยอะเกินไปอะครับ
จนนึกว่านายเอกของเราชื่อ "น้ำมัน" ไปแล้วซะอีก

tonkhaw

  • บุคคลทั่วไป
Re: สายชล (ลงแว้ว เมา2 03/04/55)
«ตอบ #39 เมื่อ04-04-2012 11:18:31 »

เปิดเรื่องมาตอนเเรกข้าวคิดว่าเป็นคีที่เป็นพระเอก

เเต่ที่พี่ภูเข้ามาเพื่อให้คีได้รู้ตัวเองมากขึ้น


ถึงจะเชียร์พี่ภูเเต่ก็อยากให้คีเป็นพระเอกอยู่ดีครับ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: สายชล (ลงแว้ว เมา2 03/04/55)
« ตอบ #39 เมื่อ: 04-04-2012 11:18:31 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ bulldog17

  • ❤GOT7
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3689
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +265/-12
Re: สายชล (ลงแว้ว เมา2 03/04/55)
«ตอบ #40 เมื่อ04-04-2012 11:58:51 »

ห่วงเกินเพื่อนไปแล้วมั้ง
มันไปในทางหวงและหึงมากกว่า
 :m14:

Made

  • บุคคลทั่วไป
Re: สายชล (ลงแว้ว เมา2 03/04/55)
«ตอบ #41 เมื่อ06-04-2012 23:40:15 »

เมา(รัก) 3

คุณเชื่อในรักแรกพบรึปล่าวครับ ผมไม่เคยเชื่อ จนกระทั่ง....

“ครืน ครืน” ให้ตายเถอะ วันนี้มันเป็นวันซวยอะไรกันวะ

เช้าวันนี้ผมไปโรงเรียนสายเพราะนาฬิกาปลุกถ่านหมด เลยต้องถูกทำโทษให้วิ่งรอบสนามสิบรอบ พอเรียนภาษาไทยคาบแรก ผมพึ่งรู้ว่าลืมหยิบรายงานที่นั่งทำทั้งคืนใส่กระเป๋ามาด้วย เลยโดนหักสิบคะแนน(เต็มยี่สิบ) ตอนพักเที่ยง ผมหากระเป๋าเงินไม่เจอ นั่นแสดงว่ามันหาย ในคาบสอบย่อยฟิสิกส์ตอนบ่ายผมทำข้อสอบได้ศูนย์คะแนนเพราะกาผิดช่อง และตอนนี้ผมพึ่งนึกได้ว่าลืมหนังสือเคมีไว้ในห้องแล็บตอนเรียนคาบสุดท้าย ผมคงจะไม่ร้อนใจเท่านี้หากพรุ่งนี้ไม่มีสอบย่อยเคมีคาบแรก

ผมตัดสินใจขับรถไปโรงเรียนเพื่อไปเอาหนังสือเคมีที่ลืมไว้ พอผมก้าวลงจากรถ สายฟ้าแลบแปลบปลาบและเสียงคำรามจากฟากฟ้าทำให้อารมณ์ผมขุ่นมัวเหมือนสีก้อนเมฆในเวลานี้

ผมเปิดประตูรถเพื่อหาร่มที่เก็บไว้ตรงเบาะหลังแต่กลับพบกับความว่างเปล่า

“ภู กูยืมร่มหน่อยนะเว้ย” ภาพไอ้อาร์มที่ยืมร่มผมไปเมื่อสองอาทิตย์ก่อนฉายเข้ามาในห้วงคำนึง

ผมได้แต่ปิดกระแทกประตูรถเพื่อระบายความหงุดหงิด ก่อนจะวิ่งเต็มฝีเท้าเข้าโรงเรียนไปที่ตึกวิทย์ ห้องแล็บที่ผมเรียนคาบสุดท้ายของวันนี้อยู่ชั้นสี่ ผมไม่เคยนึกลำบากใจเวลาเดินมาเรียนซักครั้ง แต่ตอนนี้ผมกลับนึกอยากให้ห้องแล็บอยู่บริเวณชั้นหนึ่งของอาคาร

พอผมเปิดประตูเข้าไปในห้อง ก็เห็นหนังสือเคมีของตัวเองวางไว้บนตู้เก็บหลอดทดลองที่อยู่ติดกับหน้าต่าง ผมเดินหอบหายใจเข้าไปหยิบหนังสือแล้วรีบวิ่งลงบันได ในใจภาวนาขอให้ฝนอย่าพึ่งตก และเมื่อผมก้าวลงบันได้ขั้นสุดท้าย ผมก็รู้ว่าคำขอของผมคงไม่เป็นผลเพราะฝนห่าใหญ่เทลงมาอย่างไม่ลืมหูลืมตา

ผมได้แต่นั่งขยี้หัวอย่างหงุดหงิดอยู่ตรงบันได เงยหน้ามองสายฝน พลางนึกประเมินว่าหากวิ่งฝ่าฝนไปจะมีทางไหนไม่ให้ตัวเปียกโชกหรือจะทำยังไงไม่ให้หนังสือที่อยู่ในมือเปื่อยเพราะน้ำฝนเม็ดโตที่ตกลงมา พอมองไปรอบๆก็ได้แต่ทอดถอนใจเพราะโรงเรียนในเวลานี้ปราศจากผู้คน จะให้หาคนรู้จักแล้วขอหยิบยืมร่มคงไม่มีหวัง

ผมนั่งอยู่ซักพักก็ได้ยินเสียงฝีเท้าคนเดินลงบันไดใกล้เข้ามาเรื่อยๆ แต่ผมไม่ได้นึกสนใจหันไปมอง

“เอ่อ พี่ครับ ผมพกร่มมาด้วย ถ้าไม่รังเกียจ พี่จะเดินไปด้วยกันมั้ยครับ” เสียงที่ดังขึ้นข้างตัวทำให้ผมหันหน้าไปมองคนพูดในทันที

และในตอนนั้น ผมก็ได้เห็นรอยยิ้มที่ดูละมุนละไมเย็นตาอย่างที่ไม่เคยเจอมาก่อนในชีวิต ความรู้สึกอุ่นซ่านแผ่เข้ามาในอกจนเผลอยิ้มตอบกลับไป

ใบหน้าเรียวตอบรับกับตาโตๆสองชั้นที่ดูโศกสลด จมูกเล็กๆที่เป็นสีแดงน้อยๆ แผ่ไปถึงแก้มใส ชุดนักเรียนชายม.ปลายกับกระเป๋าเป้สะพายหลังสีน้ำเงิน มือข้างขวาถือร่มสีเหลืองและมือข้างซ้ายถือกระดาษทิชชู่  ถุงเท้าสีขาวที่พับไว้ตรงข้อเท้าเล็ก และ...

“ผมจะเดินไปตรงหลังโรงเรียน พี่จะไปไหนเหรอครับ ฮะ ฮะ ฮัดชิ้วว” ปากบางที่ขยับพูดและการหันหน้าไปจามอีกทางของคนตรงหน้าทำให้ผมหลุดออกจากภวังค์

“พี่จะเดินไปตรงหลังโรงเรียนเหมือนกัน รบกวนด้วยนะครับ” ผมพูดพลางสบตากับ ‘น้อง’ ที่กำลังใช้กระดาษทิชชู่ปิดตรงปากและจมูกไว้

“ขอโทษครับ พอดีผมเป็นหวัด” น้องเค้าพูดแล้วยิ้มแห้งๆให้กับผม

มือเล็กปลดกระดุมร่มและยื่นแขนไปข้างหน้าเพื่อกางร่ม

“พี่ว่า พี่ถือร่มให้ดีกว่านะ” ผมพูดพร้อมกับยื่นมือไปจับมือเล็กที่ถือร่มอยู่

“งั้น ผมถือหนังสือให้พี่แล้วกันเนอะ”  ผมคลายมือให้มือเล็กข้างนั้นที่ยื่นมารับหนังสือจากผมไปถือไว้

กลิ่นแป้งเด็กจากคนข้างๆแตะจมูกเมื่อเราเดินเงียบๆภายใต้ร่มคันเดียวกัน เสียงสูดน้ำมูกของน้องเจ้าของร่มดังเป็นระยะ เสียงฝนที่ตกกระทบร่มและลมที่พัดพาละอองเล็กๆปลิวมาโดนแขนขาวๆ ทำให้แขนสองข้างกอดกระชับหนังสือเคมีเข้ากับตัว ไหล่เล็กที่ห่อเข้าหากัน ทำให้ผมรู้ว่าคนตรงหน้าคงรู้สึกหนาว

เราเดินไปเรื่อยๆจนกระทั่งถึงประตูหลังโรงเรียน

“น้องจะกลับบ้านรึป่าวครับ ให้พี่ไปส่งมั้ย” ผมหยุดเดินและถามคนข้างตัว

“ไม่เป็นไรครับ ผมนัดเพื่อนให้มารับตรงนี้” น้องตอบแล้วยิ้มให้ผม

“พี่ล่ะครับจะกลับยังไง” คิ้วของคนถามขมวดน้อยๆเมื่อเงยหน้าถาม

“รถพี่จอดอยู่ฝั่งตรงข้าม ฝนเริ่มซาลงแล้ว ขอบคุณน้องมากนะครับ” ผมพูดพร้อมกับส่งร่มคืนเจ้าของ

“ให้ผมเดินไปส่งเถอะครับ แค่ฝั่งตรงข้ามนี้เอง” ยิ้มบางๆของคนตรงหน้าทำให้ผมไม่กล้าปฏิเสธ

ผมพยักหน้ารับพร้อมกับแตะหลังน้องเค้าเพื่อให้ข้ามถนน

“ขอบคุณมาก ไม่เปลี่ยนใจให้พี่ไปส่งแน่ๆใช่มั้ย” ผมบอกขอบคุณและถามน้องอีกครั้ง

“ไม่เป็นไรครับ อ๊ะ เพื่อนผมมาพอดี ไปก่อนนะครับ” น้องส่ายหน้าปฏิเสธ และรีบยื่นหนังสือในมือให้ผมเมื่อมองเห็นรถ Nissan March สีขาวขับมาจอดตรงประตูหลังโรงเรียน ก่อนจะวิ่งข้ามถนนไป

ผมปิดประตูรถและนั่งมองหนังสือเคมีที่วางอยู่ตรงเบาะข้างคนขับแล้วยิ้มให้กับตัวเอง ‘บางทีวันนี้อาจไม่ได้มีแต่เรื่องแย่ๆเสมอไป’

@ คุณ yeyong นั่นหน่ะสิ แล้วเมื่อไหร่คีจะรู้ตัวซักทีว่าไม่ได้มองน้ำเป็นแค่เพื่อน

@ คุณ Ipatza วันนี้มาต่อแล้วค่ะ แต่สั้นไปหน่อย(เอ๊ะ รึว่าสั้นไปมาก) ตอนหน้าสัญญาว่ายาวกว่านี้แน่นอน(อยากยื่นมือรับเวลาจริงๆ) ฉากที่ขอน่าจะมีตอนหน้านะคะ แค่มีพี่ภูเป็นผู้ท้าชิงคนเดียวทั้งคีทั้งน้ำก็เหนื่อยแย่แล้วล่ะค่ะ

@ คุณ iforgive อ่า มาสั้นๆแต่ได้ใจความ หวังว่าคงชอบตอนนี้นะคะ

@ คุณ atblueann มาลงแล้วนะคะ หายคิดถึงกันรึยังเอ่ย

@ คุณ kasarus อ่านแล้วตลกตัวเอง มีคำว่าน้ำมันเยอะจริงๆด้วย ขอบคุณที่ช่วยดูให้นะคะ แก้เรียบร้อยแล้วค่ะ มาช่วยลุ้นกันต่อดีกว่าเนอะ

@ คุณต้นข้าว ช่วงนี้ทำงานหนักใช่รึป่าวคะ อิ๋งเองก็ไม่ได้แวะไปอ่านเรื่องของน้องมัคต่อเลย(สัปดาห์นี้เหมือนเป็นสัปดาห์รวมเพื่อน เพื่อนมาหาที่บ้านเกือบทุกวัน วันนี้เพื่อนพึ่งกลับตอนสามทุ่ม คุณต้นข้าวยุ่งเรื่องงาน แล้วเรายุ่งเรื่องอาไรเนี่ย) วันก่อนได้แต่เข้าไปดูที่ต้นข้าวบอกว่าจะหยุดลงเรื่องรักแรงก่อน ยังไงก็สู้ๆนะคะ

@ คุณ bulldog17 นั่นหน่ะสิเนอะ แล้วเมื่อไหร่เจ้าตัวเค้าจะรู้ใจตัวเองน้าาา ขอบคุณที่เข้ามาเป็นกำลังใจให้กันนะคะ

อยากบอกว่าคิดถึงคนอ่านมากๆเลย บางวันเข้ามาอ่านคอมเมนต์ก่อนนอนแล้วได้แต่คิดว่า เมื่อไหร่จะได้แต่งต่อน้าา ในที่สุดวันนี้ก็ว่างซักที ขอโทษที่ให้รอนะคะ  :กอด1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-04-2012 23:46:35 โดย Made »

atblueann

  • บุคคลทั่วไป
Re: สายชล (ลงแว้ว เมา(รัก)3 06/04/55)
«ตอบ #42 เมื่อ06-04-2012 23:49:47 »

มาน้อยจัง ไม่หายคิดถึงเลย คิดถึงน้องน้ำอ่ะ คิดถึงน้องน้ำๆๆๆๆๆๆๆๆ งือ งือ

ออฟไลน์ yeyong

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5857
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +917/-26
Re: สายชล (ลงแว้ว เมา(รัก)3 06/04/55)
«ตอบ #43 เมื่อ07-04-2012 00:44:47 »

น้องน้ำไปทำให้พี่ภูประทับใจแบบนี้นี่เอง
แต่รักคี เชียร์คีอยู่น๊า ถึงจะทึ่มๆไม่รู้ตัวเองก็เหอะ

ออฟไลน์ ♠DekDoy♠

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4514
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +421/-8
Re: สายชล (ลงแว้ว เมา(รัก)3 06/04/55)
«ตอบ #44 เมื่อ07-04-2012 01:52:18 »

รักแรกพบ(สบตา) อิอิ

tonkhaw

  • บุคคลทั่วไป
Re: สายชล (ลงแว้ว เมา(รัก)3 06/04/55)
«ตอบ #45 เมื่อ07-04-2012 23:00:24 »

เฮ้อออ โล่งอกไปที พี่ภูก็มีคู่เหมือนกันนะนี่ เเต่จะลืมน้ำได้ง่ายๆเลยหรอ

ประกาศต่อหน้าเพื่อนๆซะขนาดนั้น

อยากรู้จักน้อวร่มเหลือง เป็นใครกันนะ

ขอบคุณสำหรับกำลังใจครับ สู้ๆเหมือนกันครับ ^^

Made

  • บุคคลทั่วไป
Re: สายชล (ลงแว้ว เมา(รัก)4 08/04/55)
«ตอบ #46 เมื่อ08-04-2012 21:42:20 »

เมา(รัก) 4

หลังจากวันนั้น ผมไม่ได้เจอ ‘น้อง’ อีกเลย ทั้งๆที่อยู่โรงเรียนเดียวกันแท้ๆ

ผมพยายามจะลบภาพใบหน้าและรอยยิ้มละมุนตาออกไปจากหัว แต่ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมทุกครั้งที่ห้วงคำนึงว่างเปล่า ภาพวันฝนตกกลับคอยวนเวียนอยู่ในหัวเหมือนถูกกดรีเพลอยู่เรื่อยไป

“...เหี้ยภู” เสียงตะโกนข้างหูทำให้ผมหลุดออกจากภวังค์

“นั่งใจลอยไปถึงดาวอังคารรึยังวะ” ไอ้อาร์มเดินมาทิ้งตัวนั่งทำหน้ากวนส้นอยู่ฝั่งตรงข้าม

“มีอะไรมึง” ผมถามออกไปด้วยน้ำเสียงเนือยๆ ลมเย็นๆที่พัดมาแบบนี้นี่มันน่านอนสุดๆ

“จะมีอะไร วันนี้เจอเชรี่ยพี่มอสห้องหกสวนหลังโรงเรียนไง” จะว่าไปไอ้อาร์มมันทำตัวเหมือนเลขาผมเข้าไปทุกวัน ผิดกันก็แต่เรื่องที่มันคอยเตือนไม่ใช่การเข้าประชุมหรือนัดลูกค้า กลับเป็นนัดมีเรื่องกับชาวบ้าน

“ทำไมอีกวะ คราวที่แล้วกูก็ว่ากูเคลียร์ไปแล้วนะ” ผมเลิกคิ้วถามเชิงแปลกใจ เพราะพึ่งมีเรื่องกันไปเดือนก่อน เรื่องแบบนี้น่าสนุกก็จริง แต่บางครั้งมันก็น่าเบื่อ

“ไอ้พี่มอสไปยุ่งกับเด็กไอ้คี” ไอ้อาร์มหรี่ตาเมื่อพูดถึงชื่อนี้

อัคคี ใจร้อนสมชื่อ กล้าได้กล้าเสีย มุทะลุ แต่สิ่งที่ผมถูกใจและคบหากับรุ่นน้องคนนี้เรื่อยมาคือสัญญาลูกผู้ชายและน้ำใจที่มีให้กันมา

ผมกับไอ้คีเจอกันได้ยังไงหน่ะเหรอ เรื่องมันไม่พ้นเรื่องศักดิ์ศรีและสวนหลังโรงเรียน

“ไอ้ภูมึงมายุ่งกับตาลทำไมวะ” ตรงหน้าผมคือไอ้กรห้องสามที่ตะโกนใส่ผมด้วยความเดือดดาล

“กูไม่ยุ่งกับใครก่อนถ้าเค้าไม่ยอม” ผมได้แต่ตอบออกไปนิ่งๆ มีผู้หญิงมาเชิญชวนในผับ ใครจะปล่อยไป เราตกลงกันแค่คืนเดียวจบ และที่สำคัญตาลบอกกับผมว่าโสด ใครจะไปรู้ว่าตาลคบกับไอ้กรอยู่

“มึงหาว่าตาลยอมนอนกับมึงงั้นเหรอ ตาลไม่ใช่คนใจง่าย มึงอย่ามาหน้าตัวเมียโยนความผิดให้คนอื่น” พูดจบไอ้กรก็พุ่งเข้ามาทันที

“เดี๋ยวพี่” ไอ้กรที่พุ่งเข้ามาและผมที่ตั้งการ์ดรอต่างชะงัก

 คนของฝั่งไอ้กรเข้ามาขวางไว้ ดูจากเครื่องแบบแล้วเป็นแค่เด็กม.ต้น

“ไอ้คี มึงห้ามกูทำไมวะ เห็นๆกันอยู่ว่าไอ้ภูมายุ่งกับเมียกู” ไอ้กรต่อว่ารุ่นน้องคนนั้นแล้วสะบัดแขนข้างที่ถูกจับไว้

“ผมว่า พี่โทรให้พี่ตาลมาเคลียร์เถอะ ดูๆไปแล้วเพื่อนพี่คนนี้คงไม่ได้โกหกหรอก” น้ำเสียงนิ่งๆของคนพูดและแววตาที่หรี่ลงคล้ายกำลังวัดใจผมอยู่

ไอ้กรล้วงมือถือออกมาโทรอย่างเสียไม่ได้  จากสายตาที่มันมองมายังคงเคืองผมอยู่มาก

พอตาลมาถึง ไอ้กรรีบจูงมือตาลเข้ามา

“ไง ตาล” ผมทักตาลยิ้มๆ

“ภู” ตาลดูอึ้งๆที่เห็นผม

“ตาลไอ้ภูบอกกรว่ามันไม่ได้ปล้ำตาล มันโกหกใช่มั้ย” ไอ้กรที่เห็นตาลชะงักหน้าซีด เอ่ยถามขึ้นมา ปลายน้ำเสียงที่ผมได้ยินแผ่วลงเหมือนคนหมดแรง

“ตาล เอ่อ...” ตาลได้แต่หลุบตาลง

“ตาล บอกกรสิว่ามันโกหก” ไอ้กรจับไหล่ตาลทั้งสองข้างให้หันไปสบตา

“ปล่าวหรอก ภูไม่ได้โกหก ตาลชอบภูมานานแล้ว” สิ้นเสียงตาล ไอ้กรแทบล้มทั้งยืน แขนทั้งสองข้างตกลงข้างตัว  ตามันแดงก่ำเหมือนจะร้องไห้

“ขอโทษนะตาล” คำพูดของผมทำให้ตาลที่มองมาอย่างรอคอยคำตอบเดินจากไปเงียบๆ ถ้าผมรู้ว่าตาลไม่ได้คิดว่าเราแค่สนุกกัน ผมคงไม่ตอบรับเธอในคืนนั้น

“กร กูขอโทษว่ะ กูไม่รู้ว่า...”

“เฮ้ย กูสิต้องขอโทษ กูน่าจะเชื่อมึงตั้งแต่แรก...โทษทีว่ะภู” ไอ้กรฝืนยิ้ม มันตบบ่าผมเป็นเชิงขอโทษแล้วเดินจากไป

พวกห้องสามพากันทยอยเดินกลับไปเช่นกัน

“น้อง ขอบคุณมากนะ” ผมตะโกนบอกรุ่นน้องคนที่มาห้ามไอ้กร

ไอ้เด็กม.ต้นไม่ตอบอะไร นอกจากใช้นิ้วชี้และนิ้วกลางข้างซ้ายแตะตรงหัวคิ้วเป็นเชิงตอบรับ

นับจากวันนั้น ผมก็ได้รู้จักรุ่นน้องคนนั้น มันชื่อว่าอัคคี

คุณคงเข้าใจใช่มั้ยครับว่าเราไม่ได้เป็นนักเลง แต่บางครั้งเรื่องมันวิ่งเข้ามาหาโดยที่เราหลีกเลี่ยงไม่ได้ การรวมกลุ่มเพื่อน รุ่นพี่ รุ่นน้องคอยช่วยเหลือกันจึงเป็นเรื่องจำเป็น

“เด็กคนไหนของไอ้คี ได้ข่าวว่ามันพึ่งเลิกกับแฟนไม่ใช่เหรอ” เพราะเมื่อสามวันก่อนผมพึ่งไปนั่งกินเหล้าฉลองเป็นโสดกับมันมา

“ไม่รู้ว่ะ ได้ข่าวว่าคนนี้ใครก็ห้ามแตะ” แปลก เวลาไปเที่ยวผมไม่เห็นมันคอยหึงหวงเด็กในสต็อกคนไหน กระทั่งน้องพราวที่มันบอกว่าเป็นแฟน มันยังเฉยสนิท

“ออดดดดด” เสียงสัญญาณสิ้นสุดคาบสุดท้ายของวันทำให้นักเรียนหลายๆคนเก็บกระเป๋าและพุ่งตัวออกจากห้อง ผมและไอ้อาร์มก็เช่นกัน เราเดินไปสวนหลังโรงเรียนด้วยความรวดเร็ว

“กูไม่ให้ มึงจะทำไม” ผมได้ยินเสียงไอ้คีก่อนจะเห็นหน้ามันซะอีก

“มึงเป็นอะไรกับน้องเค้าวะ มึงมันก็แค่เพื่อน มีสิทธิ์อะไรมาห้ามกู”  สิ้นเสียงไอ้พี่มอส มันกระโจนเข้าใส่ไอ้คีที่ยืนอยู่อย่างไม่ทันตั้งตัว

ไอ้คีเลยล้มลง มันตวัดขาเตะ ไอ้พี่มอสเสียหลักนอนหงายกับพื้น คีเตะอัดเข้าที่ท้องไอ้พี่มอสที่คู้ตัวนอนอยู่

เพื่อนไอ้พี่มอสเห็นท่าไม่ดีจะเข้ามาช่วย แต่พวกไอ้กร ไอ้ฟิวและพวกผมขยับเข้าขวาง ทั้งสองฝ่ายเลยได้แต่มองกันนิ่งๆ

“น้ำเป็นของกู ถ้าแค่นี้มึงยังแพ้ ก็อย่าสะเออะมายุ่งกับคนของกูอีก” ไอ้คีปัดฝุ่นกางเกงแล้วเดินตรงมาทางพวกผมที่ยืนอยู่

“ขอบคุณครับพี่” ไอ้คียกมือไหว้ก้มหัวน้อยๆ

“เออ ไม่เป็นไร ดูแลเด็กมึงดีๆแล้วกัน” ไอ้กรโอบบ่าไอ้คีให้เดินไปพร้อมกัน

พวกผมพากันเดินไปตรงฟุตบาทหลังโรงเรียนเพราะหลายคนจอดรถอยู่ตรงนั้น

“ไง จอม ทำไมวันนี้มาช้าวะ” ไอ้อาร์มทักไอ้น้องจอม เพื่อนกลุ่มเดียวกับไอ้คีที่พึ่งขี่มอไซต์มาจอดตรงข้างฟุตบาท

“ไปส่งเพื่อนมาพี่” 

“เพื่อนหรือแฟนวะ” ผมถามมันยิ้มๆ

“หึๆ นู่น ลูกไอ้คี” ไอ้น้องจอมหัวเราะน้อยๆพลางพยักเพยิดไปทางไอ้คีที่กำลังคุยโทรศัพท์อยู่

“น้ำ อยากกินอะไร”
“โอเค ล็อคบ้านด้วยนะ คีกลับดึก”
“อืม แล้วจะบอกมันให้”

“จอม น้ำฝากบอกมาว่าพรุ่งนี้เอาข้าวต้มกุ้ง” ไอ้คีวางสายแล้วหันมาบอกไอ้น้องจอมที่พยักหน้ารับ

คนปลายสายคงสำคัญไม่น้อย เท่าที่ได้ยิน คงเป็นเด็กไอคีที่ไอ้พี่มอสมันไปจีบ แต่ช่างเถอะ เพราะคืนนี้เราจะไปตั้งวงที่บ้านไอ้อาร์มกัน

ชีวิตผมเรื่อยๆ เฉื่อยๆจนกระทั่งถึงช่วงกีฬาสี ช่วงนี้เด็กม.ห้าวิ่งวุ่นเตรียมงานกันใหญ่ ผมเองที่เป็นหัวหน้าห้องจับพลัดจับผลูกลายเป็นประธานสีไปซะอย่างนั้น ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมไม่เลือกไอ้หน่องห้องแปด

คิดแล้วขี้เกียจ ผมเลยชวนไอ้อาร์มเดินไปรอประชุมเด็กม.สี่ที่ห้องห้า

พอเที่ยงยี่สิบ น้องม.สี่ก็เริ่มทยอยเข้ามาในห้องกันมากขึ้น พวกผมนั่งปรึกษางานกันเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่จะคุยกับน้องๆ

ผมพยักหน้าให้กับไอ้น้องจอมกับฟิวที่ยกมือไหว้เมื่อเห็นผม ไม่ยักรู้เหมือนกันว่ามันอยู่สีเดียวกัน ไอ้คีเองก็ยกมือไหว้ผมก่อนจะแตะไหล่คนข้างๆที่หันไปอีกทางให้เดินไปนั่งริมหน้าต่าง

ผมกวาดสายตาเพื่อประมาณจำนวนน้องๆ ไอ้อาร์มที่ก้มมองนาฬิกาสะกิดบอกให้ผมเริ่มประชุม

ผมพูดแนะนำเรื่องกิจกรรมตามที่ได้เตรียมไว้ พอผมพูดจบสายตาผมดันไปสะดุดเข้ากับ ‘น้อง’ คนที่อยู่ในห้วงคำนึงเสมอมา

ความรู้สึกซ่านในอกทำให้ผมอดยิ้มไม่ได้

‘อยากรู้จัก’ ยิ่งมองผมก็ยิ่งอยากเข้าใกล้

“ภู มึงบ้าป่าววะ จู่ๆก็นั่งยิ้ม”

“อาร์ม กูอยากรู้จักน้องคนนั้นว่ะ”  ผมหันไปพูดกับไอ้อาร์มที่หรี่ตามองอย่างจับผิด

“เออ เดี๋ยวกูจัดการให้” ไอ้อาร์มยิ้มมุมปากแล้วผละไป

ผมนั่งมอง ‘น้อง’ ที่กำลังคุยอยู่ในกลุ่มไอ้คี

แปลก ถ้าอยู่กลุ่มเดียวกับไอ้พวกนี้แล้วทำไมไม่เคยเห็น บางทีอาจจะเป็นเพื่อนห้องเดียวกัน

ขณะที่ ‘น้อง’ กำลังขมวดคิ้วทำหน้าคิด สีหน้าค่อยๆเปลี่ยนเป็นอาการแปลกใจเมื่อไอ้สิน(ซินนี่) เดินเข้าไปกลางวง

ตากลมจ้องมองอย่างตั้งใจ มือที่ยกขึ้นมาปิดปากแต่ดวงตากลับปิดไม่มิดว่าเจ้าตัวกำลังยิ้ม และ‘น้อง’ต้องตกใจอีกครั้งเมื่อจู่ๆไอ้สินเข้าไปจับมือจับหน้าให้หันซ้ายขวา

สีหน้าสลดชวนให้นึกเอ็นดูเมื่อไอ้สินหันไปพูดกับไอ้คี

และในวันนั้น ผมก็ได้รู้ว่าเจ้าของรอยยิ้มละมุนตาในวันฝนตกชื่อ ‘น้องน้ำ’

ความรู้สึกอุ่นๆที่แผ่ตรงหัวใจกลายเป็นเคว้งคว้างว่างเปล่าเมื่อผมได้รับรู้ว่าเด็กไอ้คีที่ไอ้พี่มอสจีบในวันนั้นคือน้องน้ำ

‘น้อง’ มีเจ้าของแล้ว

ทั้งๆที่รู้อย่างนั้น แต่ใจผมกลับไม่ยอมรับ

“จอม เด็กไอ้คีที่ไอ้พี่มอสจีบคือคนนี้รึป่าว”

“คนนี้แหละพี่ ทำไมเหรอ”

“พึ่งคบกันเหรอวะ ไม่เคยเห็น”

“เป็นเพื่อนกันตั้งแต่ม.หนึ่งแล้ว อ้อ พูดให้ถูกเป็นลูกไอ้คีมากกว่า” ไอ้น้องจอมพูดแล้วหัวเราะ

“ทำไมวะ”

“พี่ของมันสองคนเป็นเพื่อนสนิทกัน ไอ้น้ำมันดูเด็กๆหน่อยไง ไอ้คีเลยต้องคอยช่วยดู”

“แสดงว่าอยู่กลุ่มเดียวกับพวกมึงตั้งแต่ม.หนึ่ง แล้วทำไมกูไม่เคยเจอ”

“เรื่องแถวสวนหลังโรงเรียนไอ้น้ำมันไม่เข้าไปยุ่งหรอกพี่ ไอ้คีมันก็ห่วง ตัวเล็กแบบนั้น ถ้าเห็นมันต้องเจ็บ ผมก็คงทนไม่ได้”

“แล้วน้องน้ำมีแฟนรึยังวะ”

“มันจะมีได้ไง พี่ไม่เห็นพี่มอสเป็นตัวอย่างเหรอ ใครเข้ามา พ่อมันก็ดักยิงทุกราย”

“ขอบใจว่ะจอม”

อย่างน้อยน้องน้ำก็ยังไม่มีเจ้าของ

เวลาเล่นบาสผมมักจะแกล้งขว้างลูกบาสไปตกตรงทางที่น้องน้ำนั่งอยู่เสมอ

“น้องน้ำ เก็บบอลให้หน่อยครับ” แม้ว่าผมจะจงใจขว้างบอลมาตกตรงนี้บ่อยๆ แต่น้องน้ำกลับไม่เคยเอะใจ น้องวิ่งไปเก็บบอลให้ผมที่ยืนคอยอยู่ทุกครั้ง ผมอยากจะหยุดแววตาที่จ้องมองรอคอยให้ผมรับลูกบอลคืนให้คงอยู่อย่างนั้น อยากให้นัยตาสีน้ำตาลเข้มสะท้อนแค่เพียงภาพของผม

แก้มเนียนถูกผมดึงแก้เขินทุกครั้งไป

ผมไม่สนใจคนที่เข้ามาหา ผมอยากให้คนตรงหน้ารู้ว่าผมแคร์เค้ามากกว่าใครๆ

“เฮ้ย ไอ้พี่ภู อย่าอู้ กลับเข้าสนามมาได้แล้ว”

แต่ผมก็รู้ว่าระหว่างเรามีอุปสรรคกั้นอยู่ตรงกลาง

“พวกมึง น้ำไปเข้าห้องน้ำนานว่ะ กูต้องไปทำฉากต่อ พวกมึงดูของๆตัวเองแล้วกัน” น้องผู้หญิงคนหนึ่งเดินเข้ามาพูดกับพวกไอ้คีขณะเรากำลังซ้อม

“แป้ง น้ำไปนานรึยังวะ” ไอ้น้องฟิวถามน้องแป้งด้วยท่าทางร้อนรน

“ซักครึ่งชั่วโมงได้แล้วมั้ง” น้องแป้งก้มมองนาฬิกาแล้วเงยหน้าขึ้นมาตอบพวกผมที่ชะงักมองอยู่

สิ้นเสียงน้องแป้ง ไอ้คีวิ่งออกไปทันที ทั้งไอ้น้องจอมและฟิวไปหยิบกระเป๋าเตรียมวิ่งตามไปแต่ผมรั้งมันไว้ก่อน

“ฟิว ทำไม เกิดอะไรขึ้น”

“น้ำไม่ค่อยสบาย มันเป็นโรคกระเพาะ ไม่รู้ป่านนี้มันเป็นไงบ้าง วันนี้พวกผมขอเลิกก่อนเวลานะพี่” ไอ้น้องฟิวพูดจบก็รีบวิ่งตามพวกเพื่อนมันไป

อกมันหวิวๆ ความรู้สึกกลัวและเป็นห่วงแล่นเข้ามาจับใจ

“อาร์ม กูฝากกระเป๋าด้วย”

ผมรู้ว่าเรื่องนี้อาจไม่เกี่ยวกับผม แต่ถ้าไม่เห็นกับตาว่า‘น้อง’ไม่เป็นไร ผมคงนอนไม่หลับ

พอผมวิ่งไปถึงห้องน้ำก็เห็นไอ้คีเดินหัวเสียออกมา

“กูหาน้ำไม่เจอ”

“มึงโทรหารึยัง” ไอ้น้องจอมถามพร้อมกับล้วงมือถือในกระเป๋ากางเกงขึ้นมา

“โทรแล้ว น้ำไม่รับสายว่ะ”

“เฮ้ย น้ำไม่ได้เอามือถือไปด้วย” ไอ้น้องฟิวค้นกระเป๋าใบสีน้ำเงินที่ผมจำได้ว่าเป็นของน้องน้ำแล้วล้วงมือถือเครื่องหนึ่งออกมากดดู

“พวกมึง ไอ้กุ้งบอกว่าตอนมันล้างแปรงทาสีมันเห็นพราวมาบอกไอ้น้ำว่าพวกมึงมีเรื่องอยู่สวนหลังโรงเรียน” น้องแป้งวิ่งท่าทางกระหืดกระหอบเข้ามาบอกพวกผมที่กำลังจะออกตามหาน้องน้ำ

สิ้นคำน้องแป้งพวกผมก็วิ่งไปทางสวนหลังโรงเรียน

“จะร้องไห้อ้อนวอนกูเหรอ มึงไม่ต้องมาบีบน้ำตา มึงมันมารยาร้อยเล่มเกวียน แย่งพี่คีมาจากพี่พราวไม่พอ ยังจะอ่อยพี่ภูของกูอีก” อารมณ์ผมปะทุขึ้นเมื่อภาพที่เห็นตรงหน้าคือ‘น้อง’ที่กำลังถูกทำร้าย

“พี่จำไม่ได้ว่าเคยเป็นของน้องตั้งแต่เมื่อไหร่นะครับ” ผมจ้องมองคนที่กำลังทำท่าจะต่อยน้องน้ำด้วยสายตาเย็นชา

ผมคงจะปราดเข้าไปช่วยน้องน้ำออกมาถ้าไอ้อาร์มไม่รั้งไว้

“น้ำ” เสียงไอ้คีทิ่วิ่งพรวดออกไปแต่ต้องชะงักเมื่อน้องพราวใช้มีดคัตเตอร์จ่ออยู่ตรงคอน้องน้ำ

“เข้ามาอีกสิคี” ผู้หญิงหน้าตาสะสวยแต่ยิ้มร้ายกาจที่ยืนอยู่ตรงหน้าทำให้ผมต้องกลั้นหายใจเมื่อเธอกดใบมีดลงตรงผิวเนื้อขาวๆนั้น

“พราวคิดจะทำอะไรหน่ะ วางมีดลงซะ” ไอ้น้องจอมที่เดินไปจับไหล่เพื่อนมันไว้ตะโกนด้วยน้ำเสียงร้อนรน แต่ใจผมคงจะร้อนรนกว่า

“วางให้โง่หน่ะสิ”

สีหน้าที่ปิดไม่มิดว่ารู้สึกเจ็บปวด ทำให้ผมที่กำลังคิดหาทางต้องโพล่งบางอย่างออกไป

“น้องพราวครับ พี่ว่าใจเย็นๆก่อนดีกว่านะครับ มีอะไรก็ค่อยๆพูดจากัน” ผมพูดพร้อมกับค่อยๆเดินไปยืนข้างๆพวกไอ้คีที่อยู่ใกล้กับน้องพราวมากที่สุดในเวลานี้

หน้าของน้องซีดลงเรื่อยๆ ท่าทางที่พยายามประคองสติไม่ให้ล้มลงกับพื้น และริมฝีปากที่เม้มแน่น ยิ่งเห็นผมก็ยิ่งเจ็บ

“พราวปล่อยน้ำเดี๋ยวนี้” เสียงไอ้คีคำรามด้วยความโมโห

“รักมันมากใช่มั้ย งั้นแค่กรีดคอศพคงเละไม่พอ ต้องกรีดหน้ามันก่อนสินะ” น้องพราวพูดแล้วกดใบมีดตรงแก้มของน้อง

ความหึงหวงทำให้คนเราทำได้ถึงขนาดนี้ ผู้หญิงคนนี้คงบ้าไปแล้ว

น้องที่ท่าทางโงนเงนทำท่าจะอาเจียนออกมา

“พราว ใจเย็นๆนะ พราวอยากได้อะไรบอกพี่” ผมรีบเดินไปกั้นตรงกลางระหว่างไอ้คีและน้องพราวที่กำลังเผชิญหน้ากันอยู่ ถ้าหากเราแรงกลับ คนที่เจ็บตัวคงไม่พ้นน้องน้ำ

“ดี แบบนี้ค่อยพูดกันง่ายหน่อย” น้องพราวแสดงสีหน้ายินดีเหมือนรอคำนี้มานาน ผมคิดว่าเธอคงต้องการบางอย่าง เพราะสิ่งที่เราต้องทำตอนนี้คือทำยังไงก็ได้ให้เธอปล่อยน้องน้ำให้เร็วที่สุด

“พราวต้องการให้ทุกคนที่อยู่ที่นี่ทำเหมือนว่าเหตุการณ์นี้ไม่เคยเกิดขึ้น ห้ามใครแพร่งพรายเรื่องนี้เป็นอันขาด และต้องปล่อยพราวไป ห้ามแจ้งความ ห้ามกลับมาลอบกัดหรือยุ่งเกี่ยวกับพราวและเพื่อนๆของพราวที่อยู่ในที่นี้”

“มันชักจะมากไปแล้วนะ พราว” ไอ้คีคำราม แล้วกำมือแน่น ไอ้น้องจอมกับฟิวรีบเข้ามาล็อกตัวมันให้กลับไปยืนข้างหลังผมตามเดิม

ใช่ สิ่งที่ผู้หญิงคนนี้ทำมันมากไป มากเกินกว่าที่จะให้อภัย

“ทำไม ทำไม่ได้เหรอ” น้องพราวกดมีดลงกับแก้มใส แก้มที่ผมจับอยู่ทุกวัน เลือดที่ไหลซึมออกมากัดกร่อนใจของผมให้แสบร้อนจนแทบทนไม่ไหว

“ได้ แต่พราวต้องปล่อยน้ำก่อน” ในเวลานี้ สิ่งที่น้องพราวต้องการทุกอย่าง ผมจะหามาให้ ถ้าสิ่งนั้นจะทำให้ ‘น้อง’ ปลอดภัย

“ดี งั้นรับปากสิ” รอยยิ้มที่แสยะขึ้นอย่างพึงใจ แต่ในสายตาผมกลับน่ารังเกียจมากขึ้นทุกที

“ได้ พี่สัญญา”

ผมหันไปส่งสายตาคาดคั้นให้ทุกคนตอบตกลง

“กู จะพยายามทำให้ได้ สัญญา” ไอ้น้องจอมพยักหน้าน้อยๆให้ผมก่อนจะรับปาก

.....

 “กูจะเอาหูไปนา เอาตาไปไร่แล้วกัน” ผมไม่ทันสังเกตมาก่อนว่าน้องแป้งก็ตามมาด้วย

“พี่รับปาก รีบปล่อยน้องน้ำเถอะครับ” จากสายตาไอ้อาร์ม ทำให้ผมหันไปมอง ภาพน้องที่ทรงตัวไม่อยู่กับอาการพยายามลืมตาขึ้นอย่างยากเย็น ผมเจ็บลึกๆในอกจนต้องขบกรามแน่น

“เออ กูรับปาก ต่อไปนี้กูกับมึงอย่าได้มายุ่งเกี่ยวกันอีกเลย”

สิ้นเสียงไอ้คี น้องพราวกับพวกหิ้วปีกน้องน้ำผ่านหน้าพวกเราที่ถอยให้เธอผ่านไปแต่โดยดี

“ปล่อย”

ร่างของน้องที่ร่วงลงกับพื้นเหมือนกับภาพช้า

ผมรีบวิ่งเข้าไปดูน้อง แต่คงช้ากว่าไอ้คีที่นั่งกอดน้องไว้แนบอก

“น้ำ น้ำ ได้ยินคีรึปล่าว” ไอ้คีเรียกน้องน้ำพลางเขย่าตัวน้อยๆ แต่ท่าทางน้องคงไม่ได้สติ

“จอมมึงบอกไอ้คีให้อุ้มน้องน้ำตามมา กูจะขับรถพาไปหาหมอ”

คราบเลือดบริเวณแก้มและคอของน้องทำให้ผมลนลานไม่มีสมาธิจะทำอะไรทั้งนั้น รู้ตัวอีกที ผมก็ขับรถมาจอดหน้าบ้านของตัวเอง

“ไอ้พี่ภู ทำไมไม่ขับไปโรงบาลวะ” ไอ้คีถามผมที่กำลังบีบขมับเรียกสติ

“พ่อ แม่กูเป็นหมอ รีบพาน้ำเข้าไปเถอะ”

ไอ้คีรีบเปิดประตูแล้วช้อนตัวน้องน้ำเดินตามผมเข้าไปทางคลินิก คนไข้ที่นั่งรอคิวต่างจ้องมองพวกเราด้วยท่าทางอยากรู้อย่างปิดไม่มิด

“พี่อ้อ ภูขอลัดคิวก่อนได้มั้ยครับ” ผมหยุดถามพี่พยาบาลที่ประจำอยู่ตรงเคาเตอร์

พี่อ้อเอี้ยวตัวมองไอ้คีที่อุ้มน้องน้ำอยู่ทางด้านหลังของผมและเดินผลักประตูบานพับเล็กๆสองบานที่กั้นระหว่างเคาเตอร์และห้องตรวจเข้าไป

“คุณแม่บอกให้พาไปรอในบ้านเลยค่ะ” พี่อ้อบอกผมแล้วผละไปจัดยาตามใบสั่งยาให้กับลูกค้าที่มายืนรอรับ

“ขอบคุณครับ” ผมยกมือไหว้ขอบคุณแล้วเดินนำไอ้คีผ่านตัวคลินิกเข้าไปในบ้าน

ผมให้ไอ้คีวางน้องน้ำบนเตียงในห้องนอนสำหรับแขก

ใบหน้าขาวซีดเหมือนกับกระดาษ คราบเลือดแห้งเกรอะกรัง คราบน้ำตา และรอยช้ำตามตัว ทำให้หัวตาผมรู้สึกอุ่นๆขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้

ยิ่งมองผมก็ยิ่งร้อนใจจนต้องเดินออกมาตามพ่อกับแม่ที่คลินิก

“ภู พาเพื่อนไปรอแม่ที่ห้องรับแขกใช่มั้ยลูก” ผมเปิดประตูเข้าไปในห้องตรวจก็เห็นแม่กำลังเตรียมกล่องอุปกรณ์

“ครับ แม่รีบไปดูน้องให้ภูเถอะนะครับ” ผมบอกแม่แล้วฉวยกล่องอุปกรณ์จากมือแม่มาถือไว้

“ใจเย็นๆนะภู ถึงมือแม่แล้ว น้องไม่เป็นอะไรหรอก” แม่ลูบไหล่ผมที่กำลังสั่น

ใช่ มือผมสั่นไปหมด ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ผมกลัว กลัวว่าน้องจะไม่ลืมตา

แม่และพี่พยาบาลไล่พวกผมออกมารอนอกห้อง

“โหย พี่ จะขับกลับบ้านตัวเองทำไมไม่บอกวะ พวกผมขับไปโรงบาลโน่น นี่ ถ้าไอ้จอมไม่โทรหาไอ้คีจะรู้มั้ยเนี่ยว่าอยู่บ้านพี่” ไอ้น้องฟิวบ่นแล้วนั่งลงกับพื้นตรงทางเดินหน้าห้อง

“เออ โทษที กูลืมคิดว่ะ” ผมพึ่งนึกได้ว่าคนอื่นๆคงจะตามมาด้วย ทุกคนที่ตามไปที่สวนหลังโรงเรียนต่างอยู่รอดูอาการน้องน้ำ

“เป็นไงบ้างวะ” ไอ้อาร์มเดินเข้ามายืนพิงพนังถามผมนิ่งๆ

“แม่กูดูให้อยู่”

“พูดแล้วก็แค้นนะมึง ไว้พรุ่งนี้กูไปดักตบมันดีมั้ยเนี่ย” น้องแป้งพูดเสียงสูงด้วยอารมณ์เดือดดาล

“มึงจะสู้แรงเค้าไหวเหรอวะ” ไอ้น้องจอมถามท่าทางระอา

“โอ๊ะ นี่ใครคะ คุณไม่รู้จักน้องแป้งเหรอคะ กูจะไปกลัวไรมัน มึงก็ไปยืนเป็นแบ็คให้กูดิ”

“สาดดด กูนึกว่ามึงจะแน่”

“แน่ไม่แน่ กูก็ขอถีบมึงซักทีเถ๊อะ”

และก่อนที่มวยคู่เอกจะเกิดขึ้น แม่ก็เดินออกมาจากห้อง

“คุณน้า น้ำเป็นยังไงบ้างครับ” ไอ้คีปรี่เข้าไปถามแม่ผมทันที

“ไม่เป็นอะไรมากหรอกจ้ะ เดี๋ยวไปเอายาที่เคาเตอร์ก็พากลับบ้านได้” รอยยิ้มของแม่ทำให้ผมรู้สึกอุ่นใจเสมอ

ผมขับรถพาน้องน้ำกลับบ้าน โดยมีไอ้คีนั่งอยู่เบาะหลังกับคนป่วย ส่วนคนอื่นๆต่างแยกย้ายกันกลับบ้าน พวกไอ้น้องจอมกับฟิวจะกลับไปเอาเสื้อผ้าก่อนจะพากันมานอนบ้านน้องน้ำในคืนนี้

ไอ้คีที่นั่งอยู่เบาะหลังคอยบอกทางไปบ้านน้องน้ำให้กับผม

“เลี้ยวซ้ายข้างหน้ารึป่าว”

“ครับ”

“น้ำ ฟื้นแล้วเหรอ เป็นยังไงบ้าง” ผมหันขวับทันทีที่ได้ยินว่าน้องฟื้นแล้ว

แต่ผมกลับรู้สึกหน่วงในใจเมื่อเห็นภาพตรงหน้า

“น้ำ เป็นอะไร เจ็บตรงไหน บอกคีสิ” เสียงสะอื้นของน้องและแววตาห่วงใยที่ทั้งคู่มีให้กันทำผมจุกจนพูดไม่ออก

“น้ำ อย่าเงียบสิ คีใจไม่ดีเลย พูดกับคีหน่อยได้มั้ย”

“อย่าร้องไห้เลยนะน้ำ ไม่เป็นไรแล้วนะ น้ำปลอดภัยแล้ว คีอยู่ตรงนี้แล้ว คีไม่ให้ใครมาทำอะไรน้ำหรอก”

ผมไม่มั่นใจเลยซักนิดว่าสิ่งที่ไอ้น้องจอมพูดจะเป็นความจริง ในเมื่อท่าทางและแววตาของไอ้คีที่มีให้กับน้องน้ำเป็นแบบเดียวกับผม

“หลังข้างหน้านี้แหละครับ ตรงรั้วสีขาว” เสียงใสเครือเล็กน้อยจากการร้องไห้ รอยยิ้มกับตาโศกสลดคู่นั้นกลับทำให้ผมรู้สึกเศร้ายิ่งกว่าตอนที่ได้ยินเสียงร้องไห้

“น้องน้ำไม่เป็นไรใช่มั้ยครับ”

“ครับ” จะให้ผมเชื่อได้ยังไงว่าไม่เป็นไร เพราะเจ้าตัวพยักหน้าด้วยท่าทางหงอยๆ

ผมจอดรถตรงลานหน้าบ้านของน้องแล้วหยิบปากกากับกระดาษที่มีอยู่แถวๆคอนโซลรถจดเบอร์โทรตัวเองให้กับคนที่นั่งมองอยู่

“นี่เบอร์พี่ ถ้าเจ็บตรงไหนก็โทรหาพี่ได้นะครับ”

ผมยังไม่กล้าขอเบอร์น้องเค้าเพราะไม่แน่ใจ แต่ผมยังอยากเป็นคนที่น้องนึกถึงเวลามีเรื่องเดือดร้อน

ยิ่งมองสบตา ผมยิ่งถอนสายตาไม่ได้

“ขอบคุณครับ ถ้าไม่ได้พี่ภูพาไปหาหมอน้ำคงแย่” น้องพูดกับผมแล้วยกมือไว้ ผมเลยนึกได้ว่าถุงยาวางอยู่บนเบาะข้างคนขับ

“เรื่องแค่นี้เอง เออ จริงสิ นี่ยาแก้ปวดกับยาทาแผล”

ท่าทางตั้งใจฟังผมอธิบาย ดูจริงจัง ตากลมที่จ้องเป๋งกระพริบปริบๆและคิ้วขมวดน้อยๆเหมือนมีคำถามในใจ

“พี่ภูครับ แล้วค่ารักษากับค่ายาเท่าไหร่เหรอครับ” เจ้าตัวถามไปพลางลนลานล้วงกระเป๋ากางเกงเพื่อหากระเป๋าเงิน

“อ๋อ ไม่มีหรอกครับ” ผมยิ้มให้กับท่าทางซื่อๆนั้น

“เอ๋ คลีนิคนี้ไม่ต้องจ่ายตังค์เหรอครับ”

“ไม่ต้องครับ คลินิกพ่อพี่เอง ไม่ต้องจ่ายหรอก” หน้าตางงๆทำให้ผมยิ้มกว้างกว่าเดิม

“ง่า จะดีเหรอครับ” น้องน้ำก้มมองถุงยาสลับกับมองชื่อที่ปักอยู่ตรงหน้าอกข้างซ้ายบนเสื้อนักเรียนของผม

“ดีสิครับ ไม่ต้องเกรงใจหรอก” ผมรู้สึกเขินจนต้องแกล้งขยี้หัวน้อง

ความรู้สึกพองคับอกต้องแฟ่บลงเมื่อผมต้องกลับมาเผชิญกับโลกของความจริงที่ว่าคนที่อยู่ข้างๆน้องไม่ใช่ผม

“เดี๋ยว คี เอ่อ น้ำอยากยืนส่งพี่ภูก่อน”

“ไม่เป็นไรหรอก ไอ้พี่ภูมันกลับเองได้ ไม่ต้องรอส่งมันหรอก”

“ไปนอนพักเถอะครับน้องน้ำ เดี๋ยวพี่ก็ขับกลับแล้ว”

ผมต้องตัดใจ

“พี่ภูครับ วันนี้ น้ำขอบคุณมากๆเลย ขับรถกลับดีๆนะครับ”

“ไม่เป็นไรครับน้องน้ำ พี่เต็มใจ”

ผมจะถลำลึกไปมากกว่านี้ไม่ได้

แต่หัวใจไปเร็วกว่าความคิดเสมอ

“เอ่อ น้องน้ำครับ”

“ฝันดีนะครับ”

“เหมือน....” “แต่กูขอให้มึงฝันร้ายโว้ย”

“หึๆ” น่าสมเพชใช่มั้ยล่ะ รักคนมีเจ้าของมันก็สมควรต้องเจ็บ

อิ๋งรู้สึกว่า ความในใจพี่ภูมันเยอะจัง ยิ่งแต่งยิ่งยาว คนอ่านคิดว่าไงบ้างคะ

@ คุณ atblueann ว๊ากกก ใจเย็นๆ วันนี้มาเยอะแล้ว หายคิดถึงกันนะคะ

@ คุณ yeyong ฝากเชียร์พี่ภูอีกตอนนะคะ อิอิ

@ คุณ iamnan หลังๆมาพี่ภูเค้าแอบสบตาหลายครั้งแล้วค่ะ

@ คุณต้นข้าว น้องร่มเหลืองคือน้องน้ำค่ะ เอ่อ มันอ่านแล้วงงๆป่าวคะ อ่านตอนนี้แล้วเคลียร์รึยังเอ่ย

คาเรกเตอร์รักเค้าข้างเดียวของพี่ภูนี่แต่งยากจริงๆ มีอะไรก็แนะนำกันได้นะคะ  :กอด1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13-04-2012 23:26:09 โดย Made »

tonkhaw

  • บุคคลทั่วไป
Re: สายชล (ลงแว้ว เมา(รัก)4 08/04/55)
«ตอบ #47 เมื่อ08-04-2012 22:10:13 »

แอบคิดมาตลอดว่าพี่ภูเพอร์เฟ็คไม่ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องต่อยตีที่ไหนได้ ตัวพ่อเลย

อ่านตอนนี้เเล้วเข้าใจหมดละครับ

รอ ร๊อ รอ เมื่อไรคีมันจะรักหับน้ำจริงๆจังๆสักที ทำตัวเป็นคุณพ่อห่วงก้างไปได้ โ่ด่

ออฟไลน์ yeyong

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5857
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +917/-26
Re: สายชล (ลงแว้ว เมา(รัก)4 08/04/55)
«ตอบ #48 เมื่อ08-04-2012 22:23:58 »

หาคนมาดามใจพี่ภูเถอะค่ะ จะได้มีอีกคู่
น้องน้ำต้องเป็นของคีเท่านั้น

ออฟไลน์ NY_JK

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 639
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-0
Re: สายชล (ลงแว้ว เมา(รัก)4 08/04/55)
«ตอบ #49 เมื่อ08-04-2012 23:21:43 »

ไม่อยากให้ใครเจ็บเลยทั้งสามคน  :m15: อยากอ่านตอนต่อไป รู้สึกปวดตับขึ้นมานิดๆ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: สายชล (ลงแว้ว เมา(รัก)4 08/04/55)
« ตอบ #49 เมื่อ: 08-04-2012 23:21:43 »





ออฟไลน์ Ipatza

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 932
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-7
Re: สายชล (ลงแว้ว เมา(รัก)4 08/04/55)
«ตอบ #50 เมื่อ09-04-2012 00:47:25 »

ก็ว่าแล้วละว่านี้เป้นความในใจของภู
ตอนที่เจอน้ำครั้งแรก
ภูคงจะไม่ตัดใจจากน้ำง่ายๆหลอก
ก็ชอบไปขนาดนั้นแล้วนิ 555+
ยังไงก็เชียร์พี่ภู สุดพลังหงะ

ออฟไลน์ kasarus

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1780
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-3
Re: สายชล (ลงแว้ว เมา(รัก)4 08/04/55)
«ตอบ #51 เมื่อ11-04-2012 13:05:10 »

สงสารพี่ภู อย่าลืมหาคนมาดามใจให้พี่ภูนะครับ

Made

  • บุคคลทั่วไป
Re: สายชล (ลงแว้ว เมา(รัก)5 13/04/55)
«ตอบ #52 เมื่อ13-04-2012 22:56:08 »

เมา(รัก) 5

ผมจะทำยังไงต่อไป

“เอ่อ พี่ครับ ผมพกร่มมาด้วย ถ้าไม่รังเกียจ พี่จะเดินไปด้วยกันมั้ยครับ”

“น้ำเป็นของกู ถ้าแค่นี้มึงยังแพ้ ก็อย่าสะเออะมายุ่งกับคนของกูอีก”

“แล้วน้องน้ำมีแฟนรึยังวะ”

“มันจะมีได้ไง พี่ไม่เห็นพี่มอสเป็นตัวอย่างเหรอ ใครเข้ามา พ่อมันก็ดักยิงทุกราย”

“อย่าร้องไห้เลยนะน้ำ ไม่เป็นไรแล้วนะ น้ำปลอดภัยแล้ว คีอยู่ตรงนี้แล้ว คีไม่ให้ใครมาทำอะไรน้ำหรอก”

“เดี๋ยว คี เอ่อ น้ำอยากยืนส่งพี่ภูก่อน”

“ไม่เป็นไรครับน้องน้ำ พี่เต็มใจ”

“ปี๊นนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน”

“เอี๊ยดดดดดดดดดดดดด”

“ขับรถภาษาอะไรวะ” เจ้าของรถกระบะลดกระจกตะคอกผมเสียงดังก่อนจะขับออกไป

ผมซบหน้ากับพวงมาลัยรถก่อนเอามือกุมตรงหน้าอกตัวเอง

เกือบไป...


“ภูกินข้าวมารึยังลูก” แม่ถามเมื่อเห็นผมก้าวเข้าบ้าน

“ยังครับ” ผมยิ้มเนือยๆให้แม่ก่อนเลื่อนเก้าอี้นั่ง

“ขอบคุณครับ” ผมบอกขอบคุณป้าแม่บ้านที่จัดชุดจานชามและตักข้าวให้

“เพื่อนเป็นยังไงบ้าง” พ่อดันกรอบแว่นแล้วเงยหน้าขึ้นมาถามผม

“รู้สึกตัวแล้วครับ”

“รุ่นน้องเราไปทำอะไรให้เจ็บตัวขนาดนั้นล่ะลูก” แม่ถามผมที่กำลังตักข้าวเข้าปาก

“มีคนดักทำร้ายน้อง...” ผมรู้สึกไม่อยากอาหารขึ้นมาทันที

“อย่างน้อยภูก็ไปช่วยน้องทัน” แม่พูดแล้วยิ้มให้ผม

“ครับ”  ผมเองก็ยิ้มตอบกลับไป

“ภูอิ่มแล้ว ขอตัวก่อนนะครับ” ผมรวบช้อนแล้วลุกจากโต๊ะ

“ทำไมทานน้อยล่ะลูก ไม่อร่อยเหรอ”

“ปล่าวหรอกครับ พอดีภูไม่ค่อยหิว” ผมตอบแม่ก่อนผละออกมา

“ซ่า!!” น้ำเย็นที่ไหลจากฝักบัวพอจะทำให้ผมรู้สึกดีขึ้นมาบ้าง

ผมมองสายน้ำที่ไหลจากตัวลงสู่พื้น

‘น้ำ’ พอสัมผัสผิว รู้สึกเย็น ชุ่มฉ่ำ สายน้ำมีมาไม่ขาด แต่ไหลไปรวดเร็ว เร็วเหลือเกิน เร็ว จนคว้ากลับมาไม่ทัน

“โธ่โว้ยยยยยยยยยยย”

ผมมองมือที่พึ่งถอนออกมาจากผนังห้องน้ำ รู้สึกเจ็บ แต่คงไม่เท่า...ใจ

พออาบน้ำเสร็จ ผมออกมานั่งตรงระเบียง ไม่ลืมจะหยิบไฟแช็กกับบุหรี่ติดมือมาด้วย

ถนนหน้าบ้านเงียบสงัด เสียงแมลงกลางคืนและกลิ่นดอกราตรีลอยมาตามลม ผมนั่งมองพระจันทร์ คืนนี้จันทร์เต็มดวง นานเท่าไหร่แล้วนะที่ไม่ได้สังเกต

ผมใช้มือข้างหนึ่งคีบบุหรี่ ส่วนอีกมือจุดไฟแช็ก

“ก๊อก ก๊อก ก๊อก” พอผมหันไปตามเสียงก็เห็นพ่อใช้หลังมือเคาะประตูกระจกก่อนจะเปิดออกมายืนพิงระเบียง

“ยังไม่นอนอีกเหรอ”

“ครับ นอนไม่หลับ”

“นั่งใจลอยไปถึงไหนแล้วล่ะ พ่อเคาะประตูห้องตั้งนาน”

“...”

“พ่อกับแม่เจอกันได้ยังไงเหรอครับ”

“หืม ทำไมจู่ๆถึงอยากรู้”

“ไม่รู้สิครับ”

“วันรับน้อง ตอนนั้นพ่ออยู่ปีสาม พวกพ่อก็ตีกลองร้องเพลงกันอยู่ใต้ตึก รุ่นน้องทยอยมารวมกันเรื่อยๆ จนถึงเวลาทำกิจกรรม รุ่นน้องปีนั้นมียี่สิบคน แต่นับได้สิบเก้า คนนับจำนวนน้องกำลังจะนับอีกครั้ง ถ้าไม่มีน้องผู้หญิงคนหนึ่งวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามา ผู้หญิงคนนั้นแหละแม่แก”

“แล้วทำไมพ่อถึงรักแม่”

“ความรักไม่จำเป็นต้องมีเหตุผลหรอก รักก็คือรัก พ่อแค่รู้สึกว่าอยากดูแลคนๆนี้ไปจนกว่าจะจากกันไป”

“ว่าแต่แกเถอะ ถามแบบนี้ ไปหลงรักใครเข้าล่ะ”

“ก็...น้องคนเมื่อตอนหัวค่ำ”

“แล้วยังไงต่อ”

“พ่อจะไม่ตกใจหน่อยเหรอครับ คนที่ผมรักเป็นผู้ชายนะ”

“ไอ้ตกใจมันก็ตกใจอยู่หรอก ถ้าตกใจแล้วจะทำอะไรได้ บอกให้แกเลิกรักงั้นสิ”

“ผมเองก็พยายามอยู่ แต่ก็...ทำไม่ได้”

“รักเค้าข้างเดียวรึไง”

“...”

“แกพยายามรึยังล่ะ ถ้าคิดว่าทำให้เค้ารักแกได้ แกก็รักต่อไป แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่ทนไม่ไหว ก็ให้ถอยออกมาหนึ่งก้าว แล้วค่อยคิดว่าจะทำยังไงต่อไป”

“เรื่องของหัวใจหน่ะ จะให้ใครมาตัดสินแทนไม่ได้หรอกนะ ไม่มีใครรู้ใจเราดีไปกว่าตัวเราเอง พ่อกับแม่เลี้ยงแกมาก็เลี้ยงได้แต่ตัว เมื่อไหร่ที่รู้สึกเหนื่อยกาย ก็กลับมาพัก แต่ถ้าเหนื่อยใจ มันขึ้นอยู่กับตัวแกแล้วล่ะภู ว่าอยากสั่งให้ใจพักรึยัง”

“ก๊อก ก๊อก ก๊อก”

“แม่เข้าไปได้มั้ยลูก”

“ครับ” ผมเดินไปเปิดประตูแล้วโอบเอวแม่ให้มานั่งบนเตียง

“คุยอะไรกันอยู่จ๊ะ บอกให้แม่รู้ได้รึปล่าว” แม่พูดพร้อมกับลูบหัวผมที่นอนอยู่บนตัก

“คุยกันเรื่องหาลูกสะใภ้ให้แม่ไงครับ”

“ตายจริง ลูกเต้าเหล่าใครกันจ๊ะ” แม่ชะงักมือที่ลูบหัวผมแล้วถามด้วยน้ำเสียงตกใจ

“แม่พึ่งเจอไปเมื่อตอนหัวค่ำนี่เอง”

“หืม น้องผู้หญิงที่นั่งรอรุ่นน้องลูกที่หน้าห้องเหรอ” แม่ทำท่าแกล้งคิดแล้วถามยิ้มๆ

“โธ่ แม่ ภูรู้ว่าแม่รู้แล้ว”

“ชื่อน้องอะไรล่ะ”

“ชื่อน้ำครับ น้องน้ำ” ผมอดยิ้มน้อยๆไม่ได้

“น่าเสียดายที่วันนี้น้องไม่สบาย วันหลังพาน้องมาเที่ยวบ้านนะลูก” แม่พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

“ครับ”

“ภูรักแม่นะครับ”

“จ้า วันนี้พ่อลูกชายกินอะไรผิดสำแดงรึป่าวเนี่ย”

ผมได้แต่ยิ้มบางๆตอบไป

“ไปนอนเถอะคุณ ดึกแล้ว”

“ราตรีสวัสครับ” ผมหอมแก้มแม่ก่อนปิดประตูห้อง

ผมจะพยายาม...จนกว่าน้องน้ำจะรัก


หกโมงเช้าวันนี้ผมขับรถไปรอน้องที่บ้าน ผมไม่ใช่คนตื่นเช้า แต่คงเป็นเพราะผมอดตื่นเต้นไม่ได้

 “ก๊อกๆๆ”

“พี่ภู พี่ภูครับ” อ่า ผมเผลอหลับไปเมื่อไหร่เนี่ย ผมหันหน้าไปตามเสียงที่มาจากกระจกฝั่งเบาะข้างคนขับ แล้วก็เห็นน้องน้ำทำหน้ายุ่งน้อยๆ

“อรุณสวัสครับ” ผมเลื่อนกระจกลงพร้อมกับยิ้มกว้างให้กับคนตรงหน้า

“เอ่อ อรุณสวัสเหมือนกันครับ พี่ภูมาตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำไมไม่กดกริ่งเรียกน้ำล่ะครับ” มือข้างขวาที่ใช้เคาะกระจกกำค้างไว้ คาดว่าเจ้าตัวคงลืมลดมือลงเนื่องจากกำลังใส่ใจกับคำถามเมื่อครู่

“ไม่นานหรอกครับ พี่มารอรับน้ำ”

“เอ๋ ความจริงไม่ต้องลำบากก็ได้ครับ คือเดี๋ยว...” น้องน้ำทำหน้าลังเลและหันไปมองตัวบ้าน

“ไปโรงเรียนด้วยกันนะ” ผมพูดพร้อมกับยิ้มบางๆ

“งั้น รอเดี๋ยวนะครับ น้ำขอวิ่งไปบอกคีก่อน” น้องทำท่าคิดแล้ววิ่งกลับเข้าประตูรั้วไป

ผมมองตามก็เห็นไอ้คีเดินถือหมวกกันน็อคออกมาจากประตูบ้าน น้องน้ำหยุดคุยพร้อมกับหันหน้าพยักเพยิดมาทางผม เมื่อเห็นผมที่มองอยู่น้องก็ยิ้มให้ และหันหน้ากลับไปฟังไอ้คีที่วางหมวกกันน็อคกับเบาะรถแล้วค้นกระเป๋านักเรียนและยื่นถุงยาให้ น้องทำหน้ายุ่งนิดหน่อยก่อนเอื้อมมือไปจดกระดุมเสื้อนักเรียนเม็ดเกือบบนสุดให้กับไอ้คีก่อนอุ้มกระเป๋านักเรียนวิ่งมาเปิดประตูรถนั่งข้างๆผม

“ขอโทษที่ให้รอนะครับ” น้องพูดพร้อมกับคาดเข็มขัดไปด้วย

“ไม่เป็นไรครับ”

ผมขับรถไปเรื่อยๆ เช้านี้รถติดเหมือนทุกวัน บรรยากาศควรจะน่าเบื่อ แต่ผมกลับรู้สึกอยากให้รถติดนานขึ้น

“น้องน้ำยังเจ็บตรงไหนอยู่รึป่าว” ผมถามขึ้นเพื่อทำลายความเงียบ

“ยังปวดแผลแล้วก็รู้สึกตึงๆอยู่นิดๆครับ” น้องตอบพร้อมกับลูบเบาๆตรงผ้าที่ปิดแผลไว้

“ว่าแต่พี่ภูทานข้าวมารึยังครับ” คนถามทำหน้าเหมือนพึ่งนึกออก

“ทานมาแล้วครับ น้องน้ำล่ะ” ความจริงผมยังไม่ได้ทานหรอก แต่กลัวน้องคิดว่าผมไม่ได้ทานข้าวเพราะต้องมารอ

“น้ำก็ทานแล้ว วันนี้จอมต้มโจ๊กใส่ฟักทองให้น้ำกิน อร่อยมากเลย ถ้ารู้ว่าพี่ภูจะมา น้ำจะชวนมาทานด้วยกัน” น้องพูดด้วยท่าทางยิ้มๆ ตาที่ฉายแววความสุขทำให้ผมอดยิ้มตามไม่ได้

“ไอ้น้องจอมทำกับข้าวเป็นด้วยเหรอ”

“โห พี่ภูไม่รู้อะไร จอมอ่ะฝีมือสุดยอด หมึกแดงยังต้องชิดซ้าย” น้องน้ำพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง ก่อนก้มเปิดซิบช่องเล็กๆตรงข้างหน้ากระเป๋านักเรียนแล้วหยิบบางอย่างออกมา

“นี่ไง จอมทำกาละแมใส่ขวดโหลไว้ให้น้ำด้วย น้ำแบ่งมาโรงเรียน นี่ยอมเสียสละให้พี่ภูชิมเลยนะเนี่ย” น้องพูดพร้อมกับแกะห่อใบตองแล้วยื่นกาละแมมาจ่อตรงปากผม

ผมมองไล่ไปตั้งแต่มือเรียวจนถึงใบหน้าที่ยิ้มน้อยๆเมื่อผมอ้าปากงับกาละแมไปจากมือ

“อร่อยรึป่าวครับ” ตากลมที่จ้องมองรอคอยคำตอบจากผมที่กำลังเคี้ยวขนมหวานเหนียวหนึบหนับอยู่ในปาก

“อืม...ก็...”

“อร่อยใช่ม๊า น้ำชอบมากเลยล่ะ” เจ้าตัวชิงตอบเองแล้วยิ้มตาหยี

“ฮะๆ ครับ” ผมหัวเราะน้อยๆเพราะความจริงผมรู้สึกว่ามันหวานไปหน่อย

“ดีจัง ไว้น้ำจะเอามาแบ่งอีกนะ ทั้งคี จอมแล้วก็ฟิวหน่ะ ไม่มีใครชอบกินขนมหวานกันซักคน น้ำนั่งกินคนเดียวตลอดเลย”  น้ำเสียงบ่งบอกว่าดีใจมากแต่กลับเปลี่ยนเป็นประชดน้อยๆตอนท้าย ทำให้ผมนึกเอ็นดูจนต้องเอื้อมมือไปโยกหัวน้องเบาๆ

“คุณแม่ของพี่ชอบทำของหวานอยู่เหมือนกัน ไว้ไปทานบ้านพี่นะ”

“ครับ น้ำจะได้ถือโอกาสไปขอบคุณคุณแม่ของพี่ภูด้วย”

ผมขับรถมาจอดรถไว้ข้างรั้วโรงเรียนตามเดิม ภาพวันฝนตกหวนเข้ามาในห้วงคำนึงอีกครั้ง

ผมหวังอยู่ลึกๆว่าน้องจะจำได้

“น้ำไปก่อนนะ ขอบคุณครับ” น้องพูดพร้อมกับปลดเข็มขัดแล้วเปิดประตูรถ

“น้ำ เดี๋ยว” ผมคว้าท้องแขนน้องไว้ได้ก่อนที่จะลงจากรถ

“คือ พี่ขอเบอร์น้ำได้รึป่าว”

“เอ่อ ไว้เผื่อจะนัดไปทานขนมบ้านพี่ไง” ผมบอกน้องที่ชะงักมองอยู่

“อ๋อ จริงด้วย งั้นน้ำยิงไปนะ เบอร์พี่ภูเบอร์อะไรนะครับ” น้องพยักหน้าน้อยๆก่อนล้วงมือถือจากกระเป๋ากางเกงมาถือไว้

“08X-XXXXXXX” ผมมองน้องที่ก้มเมมเบอร์มือถือ แก้มเนียนใสมีเลือดฝาดอย่างคนสุขภาพดีกลับต้องถูกปิดไว้ด้วยผ้าก๊อส
“น้ำ ดูแลตัวเองด้วยนะ พี่เป็นห่วง”

“...Hello Seattle, I am a mountaineer
In the hills and highlands...” ผมหยุดมือข้างที่กำลังจะเอื้อมไปแตะตรงแก้มน้องเมื่อได้ยินเสียงเรียกเข้าจากมือถือของคนตรงหน้า

“ถึงแล้ว น้ำอยู่ตรงประตูหลังโรงเรียน”
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวน้ำเดินไปเอง”
“อ๊ะ น้ำเห็นคีแล้ว”  น้องรีบสะพายกระเป๋าลงจากรถไปโบกมือให้กับคนที่ยืนอยู่อีกฟากถนนตรงประตูโรงเรียน

“พี่ภู ขอบคุณมากครับ” น้องหันมาบอกผมที่กำลังปิดประตูรถ ก่อนวิ่งไปหาไอ้คีที่เดินข้ามถนนมายืนรอตรงฟุตบาท

มันพยักหน้าทักผมก่อนโอบไหล่น้องน้ำเดินเข้าโรงเรียนไป


งานกีฬาสีที่ใกล้เข้ามาทำให้พักเที่ยงที่เคยสงบสุขของผมต้องกลายเป็นเวลาประชุมไปโดยปริยาย

“...ของชั้นต้องของบเยอะหน่อยนะยะ เสื้อผ้าส่วนมากตัดเองทั้งนั้น”

“อ้าว ตัดเองแล้วทำไมต้องเอางบไปเยอะ งั้นไปเช่าที่ร้านไม่ดีกว่าเรอะ”

“มันจะดีกว่าได้ไงล่ะ กูไปสำรวจราคามาแล้วได้มะ บางชุดมันคล้ายๆกัน ทำเองประหยัดกว่าหน่ะสิ”

“ถ้าตัดเองประหยัดกว่าแล้วจะทันวันงานรึป่าว”

“ทันไม่ทันก็ต้องทัน เร่งกันสุดชีวิตแล้วเนี่ย”

“โอเคๆ ต่อไปแสตนว่าไง”

“ถ้าเป็นฉากกับอุปกรณ์ได้พ่อน้องแซ็คห้องม.4/5 เป็นสปอนเซอร์ให้แล้ว แต่ข้าวกับขนมของน้องที่ขึ้นแสตนนี่ต้อง…”

หลังจากทานข้าวกลางวัน พวกผมนัดนั่งประชุมกันตรงซุ้มหลังอาคารคหกรรม ใกล้กับโรงอาหาร และขณะที่กำลังหารือเรื่องงบประมาณอยู่นั้น ผมก็เหลือบไปเห็นน้องน้ำนั่งกินข้าวอยู่

ไวเท่าความคิด ผมวิ่งออกไปทันที

“เฮ้ย ไอ้ภู มึงฟังที่กูพูดมั้ยเนี่ย”

“คุยกันไปก่อน เดี๋ยวกูมา”

ผมเดินไปตรงโต๊ะก็เห็นน้องน้ำนั่งทานข้าวต้มอยู่คนเดียว ส่วนไอ้คี ไอ้น้องจอมกับไอ้น้องฟิวคงนั่งรอเพื่อนกินข้าว

“น้องน้ำเป็นไงบ้างครับ ปวดตรงไหนรึป่าว เดี๋ยวเย็นนี้รอพี่นะ พี่จะไปส่ง” ผมถือวิสาสะนั่งลงข้างๆน้องน้ำที่เคี้ยวข้าวอยู่

“ง่า ไม่เป็นไรครับ น้ำกลับกับเพื่อนได้” น้องรวบช้อนส้อมแล้วหันมาบอกผมด้วยท่าทางเกรงใจ

“ไม่ต้องเกรงใจหรอก วันนี้เดี๋ยวตอนเลิกซ้อมบาสพี่แวะไปส่ง” ผมพูดแล้วยิ้มให้น้อง

“โห พี่ ไม่ต้องลำบาก วันนี้จอมมันเอารถมาเหมือนกัน” ไอ้คีที่นั่งมองอยู่พูดแทรกเข้ามา

“อ้าวเหรอ งั้นถ้าน้ำมีอะไรก็โทรหาพี่แล้วกัน” ผมที่คิดไม่ตกว่าจะชวนน้องยังไงดีได้แต่บอกออกไปอย่างนั้น เพราะผมเองก็กลัวว่าตัวเองจะก้าวก่ายกับชีวิตของน้องมากเกินไป

“ครับ ขอบคุณมากนะครับ” น้องพูดแล้วยิ้มให้ เห็นรอยยิ้มนี้ทีไรผมต้องยิ้มตามทุกครั้งไป

“เฮ้ย ไปๆอีกสิบนาทีจะเข้าเรียนแล้ว”

ผมได้แต่มองน้องที่ลุกจากเก้าอี้ ไอ้คีหันมาสบตากับผมก่อนจะโอบไหล่น้องน้ำให้เข้าไปชิดตัว

หึ หวงจริงๆด้วย

“น้ำไปเรียนก่อนนะครับ”

“ไง ไอ้ภู พลอยโวยวายใหญ่แล้ว อะไรของมึงฮะ จู่ๆก็วิ่งออกมา งานไม่เดินซักที รอให้มึงตัดสินใจอยู่เนี่ย” ผมที่กำลังจะตอบน้องน้ำกลับต้องชะงักเมื่อไอ้อาร์มวิ่งเข้ามาล็อกคอไว้

“เอ่อ น้องน้ำ ไว้เจอกันตอนเย็นนะครับ” ผมบอกน้องยิ้มๆพร้อมกับขืนตัวหยุดไอ้อาร์มที่ลากผมอยู่

“ไปให้ไวพี่ หนีมาอู้งานนี่หว่า” ไอ้คียิ้มมุมปากน้อยๆก่อนโอบน้องน้ำเดินผ่านผมไป

“มีแววได้กินแห้วตั้งแต่เริ่มเลยเว้ย” ไม่ช่วยแล้วยังแดกดันนะมึง

“เออ ช่างกู” ผมปัดมือมันออกแล้วเดินกลับไปที่ซุ้ม


ผมยุ่งกับงานกีฬาสีจนแทบไม่มีเวลานอน และวันแรกของงานที่จะมีการเดินขบวนในตอนเช้าทำให้ผมต้องวิ่งวุ่น

“พลอยๆ วันนี้ยังไม่มีสแตน กูวานมึงช่วยไปคุมขบวนได้รึป่าว” ผมสะกิดพลอยที่กำลังแต่งหน้าให้กับน้องๆในขบวนอยู่

“กูกะว่าจะไปช่วยไอ้สินมันอยู่แล้ว”

“มึงต้องคุมขบวนไหนโดยเฉพาะรึป่าววะ”

“ไม่นี่ กูเดินข้างๆขบวนคอยดูน้องๆเฉยๆ”

“ถ้างั้น กูฝากไปดูขบวนผักเพื่อสุขภาพหน่อยดิ”

“ทำไมวะเพื่อนภู ขบวนนี้มีดีอะรายยย” พลอยหันขวับมาจ้องผม ทำหน้าตาประมาณว่ากูรู้นะมึงคิดอะไรอยู่

“รู้แล้วยังเสือกถามนะมึง” ผมได้แต่ทำหน้าเอือมๆใส่มันไป

“อะไร ไอ้ภู พูดจาไม่ไพเราะเลย เดี๋ยวกูฟ้องน้องน้ำหรอก” พลอยชี้หน้าคาดโทษผม ก่อนสะบัดหน้ากลับไปแต่งหน้าให้กับน้องต่อ

“ตกลงมึงช่วยดูให้ได้มั้ยวะ” ผมที่ยังงงๆว่าตกลงมันจะทำให้รึป่าวได้แต่ถามไปอีกครั้ง

“ข้าวกลางวันสามมื้อขาดตัว” พลอยหันมาชูสามนิ้วพร้อมกับต่อรอง

“ตกลง”

“จัดไป”


พอขบวนเริ่มออกเดินผมที่รับหน้าที่จราจรต้องปั่นจักรยานไปดักตามแยกต่างๆเพื่อหยุดรถให้ขบวนของสีตัวเองเดินผ่าน

“แยกอนุบาล เคลียร์” ผมหยุดรถก่อนใช้วิทยุสื่อสารบอกกับไอ้สินที่นำขบวน

ผมปั่นจักรยานไปเรื่อยๆจนถึงบริเวณหลังโรงเรียน ผมเลยได้โอกาสยกกล้องที่คล้องคอถ่ายรูปขบวน

น้องๆหลายคนเหงื่อออกโชก น้องผู้หญิงบางคนที่ใส่ส้นสูงถึงกับต้องเดินเท้าเปล่าหิ้วรองเท้า ส่วนบางคนหันมายิ้มและทำท่าชูไม้ชูมือให้กล้อง พวกไอ้คี ไอ้น้องจอม ไอ้น้องฟิวนัดกันหันมาทำหน้าเข้มใส่กล้อง

“ถ้าถ่ายออกมาไม่หล่อ แสดงว่าไม่มีฝีมือนะพี่” ไอ้น้องฟิวตะโกนก่อนปั่นจักรยานผ่านหน้าผม

ผมได้แต่ชูนิ้วกลางกลับไป

ผมถ่ายรูปไปเรื่อยๆ จนกระทั่งเห็นน้องน้ำที่ใส่ชุดมะเขือเทศจูงมือเด็กผู้ชายตัวเล็กๆเดินมา ผมยกกล้องซูมถ่ายน้องที่กำลังคุยอยู่กับเด็กผู้ชายคนนั้น

“ไอ้ภู ทำอะไรอยู่วะ ไปเชิญธงได้แล้ว” ไอ้ต๋องตะโกนเรียกผมพร้อมกับเอามือชี้ตรงนาฬิกาข้อมือไปด้วย

ผมจึงต้องผละจากภาพตรงหน้าด้วยความเสียดาย

เมื่อพิธีเปิดจบลง ผมต้องรีบวิ่งไปเปลี่ยนชุดเพราะมีแข่งบาสเป็นรายการแรกของสนาม

ผมหันไปชูสองนิ้วและยิ้มให้กับน้องน้ำที่นั่งมองอยู่ข้างสนามเมื่อชู้ตลูกแรกได้ แต่ดูเหมือนน้องไม่ได้สนใจมอง

ในตอนพักครึ่ง ผมและนักกีฬาในทีมเดินกลับไปตรงสแตนเชียร์ฝั่งของสีตัวเอง ผมหยุดมองน้องน้ำที่ยืนคุยกับไอ้น้องจอม ก่อนเดินเข้าไปเพื่อขอผ้าซับเหงื่อกับน้ำเปล่า ผมผละออกมาขณะจะชวนน้องน้ำคุย แต่ก็ต้องชะงักเมื่อไอ้คีเดินเข้าไปหาน้องแล้วก้มให้น้องเช็ดเหงื่อให้

ผมเบือนหน้าหนีด้วยความปวดใจ

“ลำบากหน่อยนะพี่” ไอ้น้องจอมตบไหล่ผมแล้วเดินเอาขวดน้ำกับผ้าไปยื่นให้รุ่นน้องที่ยืนข้างๆน้องน้ำ

ผมมองผ้าและขวดน้ำที่อยู่ในมือแล้วเดินเอาไปยื่นคืนให้น้องน้ำ

น้องยื่นมือข้างขวามารับของจากผมเพราะมือข้างซ้ายถูกไอ้คีกุมเอาไว้

“ขอบคุณครับน้องน้ำ” ผมตอบขอบคุณน้องที่ยิ้มให้ก่อนดึงแก้มน้องเล่นด้วยความหมั่นเขี้ยว

“ง่า พี่ภูอ่ะ แก้มน้ำยานหมดแล้ว” ผมได้แต่หัวเราะแล้วผละออกมาเมื่อรู้สึกได้ว่าไอ้คีจ้องมองอยู่นิ่งๆ

ผมพยายามข่มอารมณ์ร้อนรุ่มในอกขณะเล่นบาสต่อ ความรู้สึกแสบร้อนแล่นเข้ามาจนแทบหายใจไม่ออก


Made

  • บุคคลทั่วไป
Re: สายชล (ลงแว้ว เมา(รัก)5 13/04/55)
«ตอบ #53 เมื่อ13-04-2012 22:57:06 »

งานกีฬาสีผ่านไปด้วยความวุ่นวาย ผมทำนู่นทำนี่จนหัวหมุน และวันนี้เป็นวันสุดท้ายที่มีการแข่งขันกรีฑาและสแตนเชียร์

ผมลงวิ่ง 200 เมตร กว่าจะถึงรายการของผมก็เกือบเที่ยง หันมองลู่วิ่งข้างๆก็เจอแต่เพื่อนๆกันทั้งนั้น ทั้งไอ้กรจากสีเขียว ไอ้บอลสีแดง ไอ้นับสีแสดและไอ้ไกรสีฟ้า

“ไงมึง” ผมทักไอ้กรที่ยืนสะบัดมืออยู่ข้างๆ

“แม่ง แข่งวิ่งกี่ปีๆก็ยังตื่นเต้นว่ะ”

“เข้าที่” เสียงจากกรรมการเทคนิคเรียกให้ผมทำท่าเตรียมออกตัว

ผมกวาดตาไปมองทางสแตนเชียร์

‘น้องไปไหน’

“ระวัง” ผมจำต้องหันกลับมามองลู่วิ่ง

หวังว่าน้องคงคอยเชียร์ผมอยู่

“ปั่ง”

ผมออกวิ่งเต็มฝีเท้า และเหมือนทุกปี อันดับหนึ่งยังคงเป็นของผม

หลังจากรับเหรียญแล้วผมเดินตรวจดูความเรียบร้อยต่างๆ ทั้งยังคอยช่วยเพื่อนยกข้าวยกน้ำมาแจกน้องๆที่ขึ้นสแตน

ประมาณบ่ายแก่ๆ ผมพักกินข้าวแล้วนึกได้ว่ายังไม่ได้ไปดูแถวเต็นท์พยาบาล

“อาร์ม กูฝากดูสแตนแป๊บ”

“รีบๆกลับมานะมึง ขาดแรงงานว่ะ”

ผมได้แต่มองตอบมันด้วยสีหน้าเอือมๆก่อนเดินไปทางเต็นท์พยาบาลที่อยู่ใกล้กับลู่วิ่ง

พอผมเข้าไปถึงก็กวาดตาเห็นน้องที่กำลังเหม่อมองบางอย่าง และเมื่อผมมองตามสายตานั้นก็เห็นไอ้คียิ้มให้กับน้องผู้หญิงคนหนึ่งทางฝั่งสีแดง น้องผู้หญิงปิดปากทำหน้าเขินๆเมื่อไอ้คียื่นขวดน้ำให้ ไม่รู้ทำไมเหมือนกันนะ จู่ๆผมก็รู้สึกโมโห

“น้องน้ำยังไม่ไปเปลี่ยนชุดวิ่งอีกเหรอครับ” ผมเอ่ยถามน้องน้ำที่ยังคงไม่รู้ว่าผมเข้ามายืนในเต็นท์ เจ้าตัวกัดปากน้อยๆอย่างคนคิดหนัก

“อ๋อ เดี๋ยวจะไปแล้วครับ ว่าแต่พี่ภูแข่งแล้วเหรอครับ” น้องหันมาพูดกับผมด้วยท่าทางงงๆ

“โห น้อยใจนะเนี่ย พี่นึกว่าน้ำจะคอยเชียร์ซะอีก” ผมอดตัดพ้อน้อยๆไม่ได้ ทั้งๆที่ผมคอยมองน้องอยู่ตลอดเวลาแท้ๆ แต่ในสายตาน้องกลับไม่เคยมีผมอยู่เลย

“อ่า โทษทีครับ แล้วชนะรึป่าวครับ” หน้าน้องสลดลงทันที ผมเลยยิ้มเพื่อให้น้องสบายใจพร้อมกับชูเหรียญที่อยู่ในมือข้างขวา

“เฮ้ย ภู ไม่มีใครตีกลองว่ะ” ไม่ต้องหันไปมองก็รู้ว่าไอ้ไทมาตามผมกลับ

“เออๆ เดี๋ยวกูไป”

“น้ำ พี่คอยเชียร์อยู่นะครับ” ผมหันกลับมาบอกน้องที่นั่งจ้องผมอยู่แล้วยิ้มกว้างเพื่อบอกให้รู้ว่าผมจะคอยเป็นกำลังใจก่อนจะเดินกลับไปที่สแตนเชียร์

และแล้วการแข่งขันกีฬาสีก็ผ่านไปด้วยดี ดีมากๆด้วยล่ะครับ พวกผมในฐานะรุ่นพี่ที่ทำงานหนักหายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้งเมื่อประกาศผลรางวัล และตามธรรมเนียมที่ปฏิบัติกันมาในหมู่นักเรียนคือการกินเลี้ยงขอบคุณน้องๆม.4 ที่คอยช่วยงาน

“เย็นนี้เจอกันที่บ้านไอ้อาร์มนะน้อง” ผมตะโกนบอกน้องๆม.4 ที่มารวมตัวกันหลังเลิกงาน

จากนั้นเป็นเวลาของการเก็บกวาดทำความสะอาด ทั้งเพื่อนๆและน้องๆต่างอยู่ช่วยกันเก็บสแตน

พอหกโมงครึ่งทุกอย่างก็เรียบร้อย ผมรีบขับรถไปบ้านเช่าไอ้อาร์มที่หลายคนล่วงหน้ามาเตรียมงานกันก่อน

เมื่อผมไปถึงก็พบว่างานเสร็จเกือบร้อยเปอเซนต์แล้ว ผมเลยได้โอกาสแวปไปอาบน้ำ ก่อนมาช่วยไอ้เดียวต่อไฟ

ยิ่งฟ้ามืดลงเท่าไหร่ จำนวนคนในงานยิ่งเพิ่มขึ้น โต๊ะ เก้าอี้ที่จัดไว้ไม่พอ แต่โชคดีที่ไอ้สินคาดการไว้ล่วงหน้า เลยมีเสื่อไว้ปูเพิ่ม

ขณะที่ผมกำลังเดินเอาสายไปให้ไอ้เดียวตรงฟากสนามก็เจอกับน้องน้ำที่ถือจานมะม่วงเดินผ่านมา

“น้องน้ำ มาเมี่อไหร่ครับ พี่ไม่เห็นเลย” น้องชะงักมองผมก่อนยิ้มน้อยๆ

“ซักทุ่มกว่าๆครับ พี่ภูกินข้าวรึยัง”

“ยังเลยครับ ต่อไฟเสร็จพี่ว่าจะไปกินอยู่เหมือนกัน น้ำล่ะ กินรึยัง”

“เรียบร้อยแล้วครับ พี่ภูกินมะม่วงมั้ย” น้องพูดพร้อมกับยื่นจานมะม่วงมาตรงหน้าผม

“ตามสบายเลยครับ พี่ขอตัวก่อน” ผมจำต้องผละออกมาเพราะนึกได้ว่าไอ้เดียวคงกำลังรอสายไฟอยู่

ซักพักไอ้กันก็เดินถือกีตาร์มานั่งร้องเพลง ไอ้นี่เสียงดีครับ มันฟอร์มวงอยู่กับเพื่อนห้องเก้า เป็นนักร้องนำและเล่นกีตาร์ไปในตัว
ผมเองนั่งคุยกับเพื่อนไป จิบเหล้าไปพลางๆ ผ่านไปซักชั่วโมงไอ้ต๋องก็เดินมาบอกผมว่าไอ้กันจะไปเข้าห้องน้ำ ให้ผมช่วยร้องเพลงแก้ขัดไปก่อน ผมเลยลุกไปตรงอีกฟากของสนาม

“เอ่อ ขอโทษนะครับ พอดีผมขอมาทำหน้าที่นักร้องจำเป็นซักหน่อย คงไม่ว่ากันนะครับ” ผมพูดใส่ไมค์แล้วเริ่มดีดกีตาร์
ผมร้องเพลงไปก็มองไปรอบๆ เห็นน้องน้ำนั่งกินมะม่วง จิบน้ำแดงและหัวเราะอยู่กับเพื่อน

ผมนั่งตัดสินใจอยู่นานว่าจะถือโอกาสนี้บอกชอบน้องไปดีรึป่าว เพราะน้องดูท่าทางไม่รับรู้เลยว่าผมหลงรักเค้าเข้าแล้ว
ถ้าปล่อยให้เป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ ผมก็คงเจ็บ และถ้าถูกปฏิเสธ ผมก็คงเจ็บ เพราะฉะนั้น...

“คือ เพลงต่อไปที่จะร้อง ผมขอมอบให้กับน้องคนหนึ่งครับ ผมก็จีบเค้ามาได้ซักเดือนกว่าๆแล้วครับ แต่ไม่รู้ว่าน้องเค้ารู้รึป่าวว่าผมสนใจเค้าอยู่”

“ฮิ้วววววววว” เสียงโห่ดังมาจากทางพวกเพื่อนๆผม

“เค้าคนที่ไม่รู้คือหนูใช่มั้ยคะ” เสียงตะโกนตอบกลับมา ทำให้ผมที่รู้สึกเขินนิดๆ และอดขำตัวเองไม่ได้

ผมมองไปที่น้องน้ำตลอดเวลาที่ร้องเพลง อยากให้น้องรู้ว่าผมคอยมองอยู่ตลอดและผมไม่อาจถอนสายตาตั้งแต่ครั้งแรกที่เราได้พบกัน น้องอาจจำมันไม่ได้ แต่ไม่เป็นไร ต่อจากนี้ ผมอยากให้เราได้เริ่มต้นอีกครั้ง

“น้องน้ำครับ คือพี่ชอบน้องน้ำ ขอจีบได้มั้ยครับ” ทั้งสนามที่เหมือนพร้อมใจกันเงียบ หรืออาจเพราะใจผมที่กำลังเต้นแรง เหมือนเวลาผ่านไปอย่างช้าๆ ผม...กลั้นหายใจเพื่อรอคำตอบ

“กูไม่ให้จีบ”

“ฮิ้วววววววววววววววววว”

“ใครจะจีบน้ำห้องสิบต้องมาขอนุญาตเพื่อนผมก่อนนะคร้าบบบ”

เสียงที่ตอบกลับมาทำให้ผมหัวเราะขื่นๆให้กับตัวเอง

ลองผมได้รักแล้ว ลองตัดใจแล้ว แต่ทำไม่ได้ สิ่งที่ทำได้ตอนนี้คือเดินหน้าต่อไปเท่านั้น

“ฮะๆ เพื่อนน้องน้ำบอกไม่ให้จีบ แล้วน้องน้ำล่ะครับ” ผมจ้องน้องที่นั่งก้มหน้าน้อยๆบีบมือตัวเองแน่น แต่หูสองข้างแดงก่ำ ปิดไม่มิดว่าคงรู้สึกเขิน

“เพื่อนภู ใจว่ะ 555” ผมได้แต่นั่งยิ้มเมื่อได้ยินเสียงตะโกนเชียร์จากเพื่อน แต่ใครจะรู้ว่าเหงื่อผมออกเต็มฝ่ามือ ใครจะรู้ว่าผมแทบจะหยุดหายใจ

น้องไม่ตอบอะไรแต่ลุกพรวดเดินจ้ำมาหาผมแล้วจับแขนผมไว้

“พี่ภูครับ ตามมานี่หน่อยได้มั้ย” น้องไม่ยอมสบตาแต่จากการยื้อแขนน้อยๆก็ทำให้ผมรู้ว่าต้องทำตามคำขอนี้เท่านั้น

ผมรีบวางกีตาร์แล้วเดินตามน้องที่ก้มหน้าก้มตาลากแขนผมไป

น้องเดินไปจนถึงสวนหลังบ้านก็ปล่อยแขนผม แต่ยังคงยืนหันหลังไม่พูดอะไร

ผมทนกับความรู้สึกอึดอัดนี้ไม่ได้จึงเผลอพูดสิ่งที่คิดออกมา

“น้องน้ำครับ ตกลงว่ายังไง พี่อยากรู้”

น้องค่อยๆหันมาและยังคงก้มหน้าอยู่

“คือน้ำหน่ะ ไม่ได้ชอบพี่ภูหรอกนะครับ” แม้จะรู้อยู่แก่ใจ แต่พอได้ฟังจากปากของเจ้าตัวตรงๆ ผมก็ยังรู้สึกโหวงๆในอก

“เรื่องนั้นพี่รู้แล้วครับ” น้องเงยหน้าขึ้นมามองผมด้วยอาการอึ้งๆ

“พี่เลยขอจีบอยู่นี่ไงครับ” ผมไม่ยอมแพ้หรอกนะ ตราบใดที่น้องไม่บอกปฏิเสธ ผมไม่มีวันปล่อยโอกาสนี้ไปอีกเป็นอันขาด

“ว่าไงครับ ตกลงพี่จีบน้ำได้มั้ย” ผมยิ้มกว้างให้กับน้องที่ทำตาปริบๆอยู่ตรงหน้า ถึงแม้จะรู้สึกอึดอัดน้อยๆ ทว่ากลับรู้สึกโล่งใจอย่างน่าประหลาด

“คือ น้ำ น้ำเป็นผู้ชายนะครับ” น้องทำหน้าคิดก่อนพูดออกมาอย่างตะกุกตะกัก

“พี่ก็เป็นผู้ชายครับ แต่พี่ชอบน้ำ” เพราะเรื่องที่น้องกังวลไม่ใช่ว่ามีใครอีกคนอยู่ในใจ หัวใจจึงเต้นแรงอีกครั้ง

“แต่ น้ำ น้ำ...ไม่รู้” น้องน้ำมองผมด้วยท่าทางตะลึง ก่อนหลบตาอ้อมแอ้มตอบ

“อืม งั้นเอางี้ พี่ขอถามอะไรน้ำได้มั้ยครับ”

“น้ำรู้สึกรังเกียจพี่รึป่าว”

น้องไม่ตอบแต่กัดปากแล้วสั่นหัว น้องไม่รังเกียจหรือว่า...ไม่กล้าตอบ

“พี่บอกน้ำไปแบบนี้แล้วน้ำไม่โกรธพี่ใช่มั้ยครับ” เสียงผมแผ่วลง เพราะลึกๆแล้ว ผมกลัว

“โธ่ พี่ภู น้ำจะไปโกรธพี่ได้ยังไงล่ะครับ” ยิ้มละมุนตาตรงหน้าทำให้ผมยิ้มกว้าง

 “อืม งั้นน้ำช่วยรับพี่ไว้พิจารณาด้วยนะครับ”

ให้ตายเหอะ ผมเขินว่ะ

“อ่า เอี๋ยวแอ้มอ้ำอานอด(เดี๋ยวแก้มน้ำยานหมด)”

“ฮึๆ”

“น้ำ” เสียงเรียกชื่อน้องทำให้เราผละจากกัน

“หือ ว่าไงเหรอคี” ผมมองตรงไปก็เห็นไอ้คีเดินเข้ามา

“เอ่อ จอมให้มาตามหน่ะ” ไอ้คีเกาหัวน้อยๆก่อนดึงน้องน้ำเข้าไปชิดตัว ผมได้แต่มองนิ่งๆ

“ไปเถอะ เพื่อนมาตามแล้ว” ผมไม่มีทางยอมแพ้ ต่อให้ไอ้คีไม่ยอม ผมจะไม่ถอย

“เจอกันในงานนะพี่” ผมพยักหน้ารับรู้ ก่อนมองแผ่นหลังของทั้งคู่ที่เดินห่างออกไป

“เป็นไงบ้างวะ” ไอ้อาร์มยื่นแก้วให้กับผมทันทีที่เดินกลับเข้าไปในงาน

ผมไม่ตอบ ได้แต่ยิ้มมุมปาก

เรานั่งดื่มเงียบๆมองบรรยากาศภายในงาน

สักพักไอ้คีก็เดินตรงมา

“คุยกันหน่อยมั้ยพี่”

ผมพยักหน้าให้มันก่อนเดินนำออกมาหยุดคุยตรงมุมขวาสุดของบ้าน

“พี่คิดจะทำอะไร” ไอ้คีถามพร้อมกับจ้องผมนิ่ง

“กูชอบน้ำ” ผมสบตามันแล้วตอบออกไปตรงๆ

“ไม่ได้” ไอ้คีตวาดผมก่อนหันหน้าไปอีกทาง มันยกมือขึ้นมาบอกให้ผมเงียบ

“โทษทีพี่” มันจัดการกับอารมณ์ตัวเองก่อนหันกลับมา

“มึงคิดยังไงกับน้ำ”

ไอ้คีนิ่งไป  มันมองไปตรงเสื่อที่น้องน้ำนั่งอยู่

“น้ำเป็นคนสำคัญ”

“ถ้าพี่ไม่จริงจัง ผมขอให้หยุด”

“กูมั่นใจ กูไม่เคยรู้สึกแบบนี้กับใคร”

เราต่างจมอยู่กับความเงียบ ทั้งผมและมันเหม่อมองน้องที่อยู่ในอ้อมกอดไอ้น้องจอม

“น้ำไม่เหมือนใครนะพี่ ใจดีกับชาวบ้านไปทั่ว มันไม่รู้หรอกว่าใครเข้าหาแบบจริงใจรึป่าว”

“น้ำไม่ได้อ่อนแอ แต่ผมต้องปกป้อง ผมต้องดูแล พี่เข้าใจใช่มั้ย”

“แล้วถ้ามีซักวันที่มึงดูแลไม่ได้ ถ้ามึงต้องมีครอบครัวเป็นของตัวเอง มึงจะทำยังไงต่อไป”

“....”

“มึงกับกูรู้จักกันมาปีกว่า มึงก็รู้ว่ากูพูดคำไหนคำนั้น”

“กูจะไม่บังคับน้องน้ำ ถ้าน้องบอกว่าไม่ กูจะหยุด ถ้าน้องปฏิเสธ กูจะไป กูจะไม่ทำให้น้องเสียน้ำตา”

“คี ไอ้จอมฝากมาบอกว่าน้องน้ำเมา” ไอ้อาร์มเดินตรงเข้ามาบอกพวกผม

“เดี๋ยวผมไป” ไอ้คีหันไปตอบก่อนหันมาพูดกับผมต่อ

“พี่จำคำพูดวันนี้ไว้แล้วกัน ถ้าวันไหนพี่ทำน้ำเจ็บ ผมจะมาเอาคืน”

ไอ้คีพูดทิ้งท้ายแล้วเดินไปตรงที่น้องน้ำนั่งอยู่ ผมเองก็เดินตามไป

พอเข้าไปใกล้ ผมเห็นน้องนอนหลับซบหน้าอยู่กับไหล่ไอ้น้องจอม เสื้อยืดลายการ์ตูนเลิกขึ้นน้อยๆ ผิวขาวตัดกับบอกเซอร์ลายตารางสีเขียวอ่อน

ไอ้คีเข้าไปพูดบางอย่างกับไอ้น้องจอมแล้วลูบหัวน้องเบาๆ ก่อนอุ้มน้องแนบอก

ผมก้มไปหยิบกางเกงน้องที่ถอดทิ้งไว้

น้องขยี้ตาน้อยๆเหมือนคนหลับไม่เต็มตื่น

“คี น้ำง่วง คีไปไหนมา”

“คีก็อยู่แถวนี้แหละ”

ผมมองน้องด้วยความเอ็นดู น้องยิ้มน้อยๆเมื่อเห็นผม

ผมเดินตามไปส่งน้องเงียบๆเมื่อเห็นน้องหลับตาลงซุกอกไอ้คี

ไอ้คีวางน้องบนเบาะแล้วค่อยๆยกหัวน้องวางบนตัก ผมเองยื่นกางเกงของน้องให้กับไอ้น้องจอมที่เปิดประตูนั่งข้างคนขับ

“พี่ภู กางเกงน้ำ” ผมตกใจนิดๆเมื่อน้องเอี้ยวตัวยื่นมือมาจับกางเกงไปจากมือผม

น้องรับกางเกงไปแล้วลดกระจกโผล่หน้ามองผมตาปรือๆ

“ไม่ง่วงแล้วเหรอครับ” ผมก้มตัวถาม

“ง่วงครับ น้ำจะกลับไปนอนแล้ว” เจ้าตัวไม่พูดเปล่าแต่ปิดปากหาวเพื่อยืนยันว่าง่วงจริงๆ

“ฮะๆ โอเคครับ” ผมหัวเราะให้กับท่าทางน่ารักนั่น

“ฝันดีนะครับ”

“สัญญานะ” น้องยิ้มให้ผมแล้วยื่นนิ้วก้อยมาตรงหน้า

ผมขำกับอาการของคนเมาก่อนเกี่ยวก้อยตอบ

“ครับ สัญญา พี่ภูก็จะฝันดีเหมือนกัน ดีมั้ย”

“ครับ” น้องยิ้มตาหยีแล้วแกว่งมือที่เกี่ยวก้อยเบาๆ

“น้ำ กลับบ้านกันได้แล้ว”

น้องคลายนิ้วแล้วหันกลับไปมองหน้าไอ้คีก่อนหันมาโบกมือให้ผม

ไอ้คี ไอ้น้องจอมและไอ้น้องฟิวยกมือไหว้ผมแล้วขับรถออกไป

ผมมองตามไปจนสุดสายตา

…I won’t let you go…


@ คุณต้นข้าว คือในสายตาน้องน้ำพี่ภูเค้าแสนดีไง คึๆ แต่ความจริงพี่ภูเขาซุ่มเงียบค่ะ แล้วเมื่อไหร่คีจะรู้ใจตัวเองซักทีน้าาา

@ คุณ yeyong ว้าว ขอบคุณที่คอยเชียร์พ่อพระเอกของเรานะคะ ส่วนคนมาดามใจพี่ภูจะมีรึป่าวนี่ต้องติดตามต่อไปค่ะ

@ คุณ NY_JK ทำใจร่มๆค่า อย่าพึ่งปวดตับไปเนาะ นิยายเราออกจากุ๊กกิ๊ก หวานแหวว ขอบคุณที่แวะเวียนเข้ามาอ่านค่ะ  :กอด1:

@ คุณ Ipatza โห เชียร์พี่ภูสุดพลังเลยเหรอ พระเอกเราเหงื่อตกแน่ๆ :m29:

@ คุณ kasarus ต้องรอดูค่ะว่าจะมีใครมาดามใจพี่ภูรึป่าว

ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านและติดตามนะคะ

วันนี้วันสงกรานต์ไปเล่นน้ำกันมารึยังเอ่ย อิ๋งเดินคูเมืองเชียงใหม่จนปวดช่วงล่างไปหมด ขอให้สนุกกับวันหยุดยาวนะคะ :mc3:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13-10-2012 22:15:12 โดย Made »

ออฟไลน์ Ipatza

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 932
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-7
Re: สายชล (ลงแว้ว เมา(รัก)5 13/04/55)
«ตอบ #54 เมื่อ15-04-2012 07:18:41 »

โอเข้าใจพี่ภูมากขึ้นไปอีก
หลงรักพี่ภูเพิ่มขึ้น 80% เอิ๊กๆ
ว่าแต่แอบเสียใจนะเนี้ยที่ คนแต่งบอกว่า "พระเอกเราเหงื่อตกแน่ๆ"
ชัดเบยว่าพี่ภูไม่มีหวัง คีคนเดียวชิมิ
อดกันความฝันจะหลาย P 555+(ตลอด)
ไงก็มาต่อเร้วๆนะ
หาเวลาว่างมาแต่งไห้เราอ่านสะดีดี 555+
ปล.เล่นน้ำตัวดำเหมือนกัน จากขาวๆมากตอนนี้มาขาวปกติเหมือนชาวบ้านละ555+(เซงเบย)

ออฟไลน์ iforgive

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-80
Re: สายชล (ลงแว้ว เมา(รัก)5 13/04/55)
«ตอบ #55 เมื่อ15-04-2012 10:47:04 »

ก็ยังชอบพี่ภูเหมือนเดิม

ออฟไลน์ ♠DekDoy♠

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4514
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +421/-8
Re: สายชล (ลงแว้ว เมา(รัก)5 13/04/55)
«ตอบ #56 เมื่อ15-04-2012 12:15:04 »

ทำไมคีไม่บอกพี่ภูว่าจะไม่มีครอบครัว น้ำต้องเสียใจแน่ๆ
พี่ภูแหละเป็นพระเอกแลดูมีอุปสรรคดี

tonkhaw

  • บุคคลทั่วไป
Re: สายชล (ลงแว้ว เมา(รัก)5 13/04/55)
«ตอบ #57 เมื่อ15-04-2012 13:50:58 »

ฮึกพ่อเเม่เขาเปิดทาง ไฟเียวให้ลูกแล้ว

ก็เหลือเเต่พี่ภูจะเอาชนะใจน้ำได้หรือเปล่า

ส่วนคี ไม่มีคำอธิบาย เพราะยังไม่ค่อยเคลียร์

แอบจิ้นจอมให้คู่กับพี่ภูอ่าาา

ออฟไลน์ takara

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4145
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +379/-13
Re: สายชล (ลงแว้ว เมา(รัก)5 13/04/55)
«ตอบ #58 เมื่อ15-04-2012 17:07:44 »

สงสารพี่ภูอะ คีจะหวงน้ำไปถึงไหน เมื่อไหร่จะรู้ตัวล่ะนั่น จอมน่ารักอะชอบตอนที่ดูแลน้ำตอนเมานี่แระ อิอิ

Made

  • บุคคลทั่วไป
Re: สายชล (ลงแว้ว ไม่เข้าใจ1 19/04/55)
«ตอบ #59 เมื่อ19-04-2012 22:45:16 »

ไม่เข้าใจ1


“จิ๊บๆๆ”

เสียงนกร้องปลุกผมให้ลืมตาตื่นขึ้นมาด้วยความรู้สึกมึนๆ สิ่งแรกที่อยู่ตรงหน้าผมคือเสื้อยืดสีเทา ผมกระพริบตาน้อยๆแล้วก้มมองมือตัวเองที่กำเสื้อไว้จนแน่น  ผมค่อยๆคลายมือออก ความรู้สึกหนักๆตรงเอว พอก้มไปมองก็เห็นแขนพาดอยู่ ผิวสีนี้ มือแบบนี้ มือของคี ความรู้สึกตรงคอไม่ใช่หมอน แต่เป็นแขนของคนตรงหน้า ผมค่อยๆยกแขนที่พาดตรงเอวและหยิบตุ๊กตาน้องผสมมาแทนที่ ก่อนเขยิบออกมานั่งมองรอบๆห้อง ผมนอนริมสุดติดกับเตียง ถัดไปเป็นคี ที่นอนว่างเปล่าและฟิวที่นอนแผ่อยู่ มองไปตรงระเบียง ยังคงเห็นผ้าม่านสีเหลืองอ่อนที่มีแสงลอดเข้ามาเล็กน้อย จอมไปไหน แล้วเมื่อคืน เรากลับมาบ้านได้ยังไงนะ

ภาพเหตุการณ์เมื่อคืนผุดขึ้นมาในหัวทีละน้อย

อ๋อยยย เมื่อคืนทำอะไรน่าอายออกไปเยอะแยะ ที่สำคัญจอมลำบากมากๆแน่ๆเลย แล้ว แล้ว พี่ภูที่บอกว่า...

“งั้นน้ำช่วยรับพี่ไว้พิจารณาด้วยนะครับ”

โอยยยย ผมได้แต่นั่งเอามือขยี้หัวตัวเอง

“น้ำ มานอนนี่มา” เสียงคนข้างๆทำให้ผมหันไปมอง คีปรือตาน้อยๆแล้วตบที่ว่างข้างตัว

“น้ำ น้ำ ไม่ง่วงแล้ว” จู่ๆหน้าก็ร้อนขึ้นมา ผมตอบคีก่อนวิ่งเข้าห้องน้ำไป

หัวใจ หยุดทำเสียงดังเดี๋ยวนี้นะ แล้วทำไมหน้าถึงร้อนไปหมดเนี่ย

ผมสะบัดหัวน้อยๆก่อนจะถอดเสื้อเพื่ออาบน้ำ มองเสื้อที่อยู่ในมือแล้วยกขึ้นมาดม กลิ่นตุๆแฮะ

พออาบน้ำเสร็จผมเปิดประตูตู้อาบน้ำและมองไปที่ราววางผ้าเช็ดตัว

ว่างเปล่า

ลืมเอาผ้าเช็ดตัวเข้ามาด้วย ทำไงดี

ผมเดินไปตรงประตู ค่อยๆหมุนลูกบิดแง้มประตูน้อยๆและโผล่หน้าออกไป

ฟิวยังนอนอยู่เลย คีหายไปแล้ว สงสัยลงไปข้างล่าง

ผมลูบน้ำที่อยู่บนตัวแล้วได้แต่ถอนหายใจ ถ้าวิ่งไปเอาผ้าเช็ดตัว พื้นก็เปียกหมดหน่ะสิ แต่ว่าช่างเถอะ แป๊บเดียวเอง

ผมค่อยๆโผล่หน้าไปตรงประตูและกวาดตามองไปรอบๆอีกครั้ง

โอเค ทางสะดวก

“น้ำ ทำอะไรหน่ะ”

“เฮ้ย” “ปั่ง”

“น้ำ เป็นอะไรรึปล่าว” เสียงที่ดังมาจากอีกฝากของประตูห้องน้ำ เรียกสติผมที่กำลังตกใจ

“ปล่าวหรอก น้ำลืมผ้าเช็ดตัว”

“เดี๋ยวคีหยิบให้ อยู่ตรงไหนล่ะ”

“ในตู้เสื้อผ้า มองซ้ายมือข้างล่างที่เป็นลิ้นชักอ่ะ อยู่ตรงลิ้นชักที่สามนับจากข้างบนนะ”

“เจอรึป่าว” ผมตะโกนถามเมื่อได้ยินแต่เสียงเปิดตู้และเสียงกุกกัก

“เจอแล้ว ผืนไหนก็ได้ใช่มั้ย”

“อื้ม” ผมแง้มประตูน้อยๆแล้วยื่นมืออกไป

“ขอบคุณนะ” ผมรีบชักมือกลับเมื่อรู้สึกถึงสัมผัสของผ้าขนหนู

ผมเช็ดตัวและพันผ้าไว้รอบเอวก่อนเปิดประตูห้องน้ำ

ความเย็นของอากาศในห้องที่กระทบผิว ทำให้ผมลูบแขนน้อยๆ

“จอมทำข้าวผัดอยู่ข้างล่าง เดี๋ยวน้ำกินก่อนเลยนะ ไม่ต้องรอ” คีบอกผมก่อนถอดเสื้อและหยิบผ้าเช็ดตัวพาดบ่าเดินผ่านผมที่กำลังค้นเสื้อผ้าในตู้

“ติ๊ดๆ” เสียงกดรีโมทแอร์ดังขึ้นตามมาด้วยเสียงปิดประตูห้องน้ำ

กลิ่นหอมที่ลอยมาจากในครัวทำให้ผมยิ้มน้อยๆ

“จอมตื่นนานแล้วเหรอ” ผมเลื่อนเก้าอี้นั่งพร้อมกับถามจอมที่กำลังขะมักเขม้นกับการผัดข้าว

“นานไม่นานก็ซื้อของมาทำข้าวเช้าจนเกือบเสร็จแล้วล่ะ”

“วันนี้จอมทำข้าวผัดอะไร”

“ข้าวผัดกุนเชียง”

“เย่ น้ำชอบกุนเชียง”

“เห็นชอบทุกอย่าง” จอมปิดไฟกระทะแล้วเดินไปหยิบจาน

“ที่ไม่ชอบก็มีเหมือนกัน อย่างเช่น ข้าวคลุกกะปิ หลนเต้าเจี้ยว แล้วก็...”

“นี่กะให้ทำกับข้าวให้กินทุกวันใช่มั้ยเนี่ย” จอมวางจานข้าวบนโต๊ะแล้วเอื้อมมือมาบีบจมูกผม ก่อนผละไปตักข้าวให้ตัวเองและหยิบช้อนส้อมมาสองคู่

ผมได้แต่ทำหน้ายุ่งแล้วใช้มือลูบจมูก

“ป่าวซะหน่อย แค่แบบว่า ถ้าจอมมีเวลาว่างค่อยทำให้ก็ได้”

“จริงอ่ะ” จอมทำหน้าตาเหมือนไม่เชื่อ

“จริงซี้” “แต่ว่าจะดีมากถ้าทำให้กินทุกวัน” ผมพยักหน้ายืนยัน

“งั้นย้ายมาอยู่นี่เลยดีมั้ย”

“ดีสิ อยู่ด้วยกันเยอะๆสนุกดีนะ”

“ประชดหน่ะประชด”

“อ่าวเหรอ แหะๆ”

เรานั่งกินข้าวไปคุยกันไป ซักพักคีก็เดินลงบันไดมา

“คีจะไปไหนเหรอ” ผมถามขึ้นเมื่อเห็นคีนั่งลงใส่รองเท้าผ้าใบตรงหน้าประตูบ้าน

“หืม นัดเพื่อนไว้หน่ะ”

“กินข้าวก่อนมั้ย” ผมเดินไปทิ้งตัวนั่งข้างๆคี

“เดี๋ยวไปกินกับเพื่อน”

“ตอนเย็นอย่าลืมนะ” เรานัดกันไว้ว่าเย็นนี้จะเอาต้นโมกข์ที่ซื้อมาลงดิน

“ไม่ลืมหรอก ไว้จะซื้อขนมมาฝาก”

ผมพยักหน้าก่อนเดินเข้าครัวไป

ตะวันกำลังจะลับขอบฟ้า แต่ว่า ยังไม่ได้ลงต้นโมกข์เลย ผมไกวชิงช้าเบาๆ ลมอุ่นๆในตอนเย็นๆและท้องฟ้าที่แปรเปลี่ยนเป็นสีส้มทำให้ผมตัดสินใจปลูกต้นไม้เอง

“...Hello Seattle, I am a mountaineer
In the hills and highlands...”

ผมปัดดินออกจากมือก่อนวิ่งไปหยิบโทรศัพท์ที่วางอยู่ตรงชิงช้า

พี่ภู

“สวัสดีครับ”

“น้องน้ำทำอะไรอยู่”

“น้ำปลูกต้นไม้อยู่ครับ”

“ให้พี่ช่วยมั้ย”

“ไม่เป็นไรครับ น้ำทำได้ นิดเดียวเอง”

“แต่พี่อยากช่วยนะ”

“เอ่อ ไม่เป็นไรหรอกครับ”

“งั้น พี่ไปนั่งดูได้รึป่าว”

“คือ ค่ำแล้ว อย่าลำบากขับรถมาเลยนะครับ”

“ไม่ลำบากหรอก เพราะพี่อยู่หน้าบ้านน้องน้ำแล้วล่ะครับ”

ผมหันขวับทันที

“พี่ภู”

“ครับ” ผมลดโทรศัพท์ลงพร้อมกับวิ่งไปเปิดประตูรั้วให้กับพี่ภูที่ยืนพิงมอเตอร์ไซค์มองตรงมายิ้มๆ

“มานานรึยังครับเนี่ย” ผมถามพี่ภูที่เดินจูงรถเข้ามาในบ้าน

“ไม่นานหรอก ตอนที่โทรหาน้องน้ำนั่นแหละ”

“เข้าไปนั่งในบ้านมั้ยครับ”

“นั่งตรงชิงช้านี่ได้รึป่าว” พี่ภูถามแล้วเดินไปนั่งตรงชิงช้า

“เดี๋ยวยุงกัดนะ” ผมเอ่ยเตือนเสียงแผ่ว เพราะตอนเย็นแบบนี้ยุงเยอะจริงๆนะครับ ตอนเด็กๆเวลาผมวิ่งเล่นไม่ยอมเข้าบ้าน แม่ชอบขู่ว่าเดี๋ยวยุงจะหามไปดูดเลือด ผมเห็นจำนวนยุงแล้วนึกหวาดจนต้องยอมเข้าบ้านเรื่อยเลย

“ยุงกัดพี่ก็กัดน้องน้ำด้วยสิ” พี่ภูพร้อมกับเลิกคิ้วยิ้มๆ

“ยุงเบื่อดูดเลือดน้ำแล้ว ไม่กัดน้ำหรอก” ผมทำหน้างอตอบพี่ภู

“มีงี้ด้วย”

ผมไม่ตอบแต่ก้มหน้าก้มตาตัดถุงดำ

“ให้พี่ช่วยนะ จะได้เสร็จไวๆ” เสียงพี่ภูเดินมานั่งยองๆข้างตัวพร้อมกับหยิบต้นโมกข์อีกต้นขึ้นมา

“ขอบคุณครับ” ผมยิ้มให้พี่ภู

เราสองคนช่วยกันปลูกต้นโมกข์จนเสร็จ พี่ภูกำลังใช้สายยางรดน้ำต้นไม้ ส่วนผมล้างและเก็บอุปกรณ์

“พี่ภู เดี๋ยวน้ำรดน้ำต้นไม้เอง” ผมบอกพี่ภูพร้อมกับยื่นมือไปจับสายยาง

“น้องน้ำดินติดแก้ม” พี่ภูใช้หลังมือเช็ดตรงแก้มผม

ผมมองมือเปื้อนดินที่ผละออกไปแล้วถลึงตาใส่พี่ภูทันที

“พี่ภูแกล้งน้ำ”

“อ้าว ถึงว่า เช็ดไม่หมดซักที” พี่ภูพูดพลางทำหน้ากลั้นยิ้ม

“งั้นเดี๋ยวเปิดน้ำล้างแล้วกัน”

“ซ่า”

“พี่ภู หยุดเลยนะ” ผมร้องเสียงหลง เมื่อพี่ภูหันสายยางมารดผมแทนต้นไม้

“55 ก็ล้างดินออกไง”

“น้ำเปียกหมดแล้ว” ผมทำหน้าบูดแล้วหันหลังเดินเข้าบ้าน

“น้ำโกรธพี่เหรอ” พี่ภูคว้าแขนผมไว้

ผมไม่ตอบแต่ก้มแกะมือพี่ภูออกแล้ววิ่งไปหยิบสายยางทันที

“ซ่า”

“เฮ้ย”

“555 ล้างมือไงพี่ภู จะได้สะอาดๆ” ผมยืนฉีดน้ำหัวเราะพี่ภูที่ยืนทำหน้าตกใจ

“เล่นแบบนี้เหรอ” พี่ภูเอามือลูบหน้ายิ้มมุมปากแล้วพุ่งเข้ามา

“อย่าเข้ามานะ” ผมถือสายยางวิ่งหนี

“จับได้แล้ว” แต่พี่ภูคว้าเอวผมไว้ได้

“แฮ่ก แฮ่ก พี่แกล้งน้ำก่อนอ่ะ” ผมหอบหายใจพยายามดิ้นหนี

“เป็นน้องแกล้งพี่ได้ไง” พี่ภูดึงผมเข้าหาตัว ก่อนก้มกระซิบข้างหู

“ง่า หายกันนะ” ผมเอี้ยวตัวเงยหน้ามอง

“หึๆ โอเคครับ ไปอาบน้ำเถอะ เดี๋ยวไม่สบาย” พี่ภูพูดพร้อมกับคลายมือที่รัดเอวผมออก

“พี่ภูอาบน้ำบ้านน้ำก็ได้นะครับ เดี๋ยวน้ำไปเอาผ้าเช็ดตัวให้” ผมพูดยิ้มๆให้กับคนตรงหน้า

“รบกวนรึเปล่า”

“ไม่หรอกครับ น้ำอยู่คนเดียว”  ผมตอบแล้วลากแขนคนตรงหน้าเข้าบ้าน

“แล้วคนอื่นๆล่ะ”

“อ๋อ ฟิวกับจอมกลับไปตั้งแต่ตอนบ่ายๆแล้วล่ะครับ ส่วนคี...บอกว่ามีนัดกับเพื่อน”

“งั้น เดี๋ยวอาบน้ำเสร็จแล้วออกไปกินข้าวกันมั้ย” พี่ภูหยุดเดินแล้วถาม

“ครับ น้ำหิวแล้วเหมือนกัน” ผมพยักหน้าพร้อมกับเอามือลูบท้องตัวเอง

“แล้วน้ำมีชุดให้พี่ยืมก่อนรึป่าวล่ะ”

“อืม มีสิ เดี๋ยวน้ำให้พี่ยืมชุดคีใส่ไปก่อนก็ได้”

“รีบไปอาบน้ำเถอะ” พี่ภูพูดพร้อมกับดันหลังผมให้เดินเข้าไปในบ้าน

พอผมอาบน้ำเสร็จและเดินลงบันไดมาก็เห็นพี่ภูนั่งเช็ดผมอยู่ตรงพรมหน้าทีวี

“ไปกันเลยมั้ยครับ”

พี่ภูพยักหน้าแล้วก้มหยิบกระเป๋าเงินก่อนเดินนำออกไปสตาร์ทรถรอผมล็อคบ้าน

“น้ำอยากกินอะไร” พี่ภูถามก่อนออกรถ

“อะไรก็ได้ครับ แล้วแต่พี่ภูเลย”

“งั้นไปกินผัดไทยกันมั้ย แถวๆบ้านพี่มีเจ้าอร่อยอยู่”

“ครับ”

ระหว่างซ้อนมอเตอร์ไซค์ ผมนึกได้ว่าน่าจะโทรบอกคีก่อนว่าออกมากินข้าวกับพี่ภู ถ้าคีกลับบ้านไปไม่เจอจะได้ไม่ตกใจ แต่พอล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกง ผมเลยรู้ว่าลืมเอามือถือมาด้วย

คง...ไม่เป็นไรหรอกมั้ง

แป๊บเดียวเอง

บางทีคีอาจยังไม่กลับมา

 :m13: พึ่งได้มาลงให้หลังจากผ่านไปหลายวัน ตอนนี้อาจไม่เยอะเท่าตอนที่แล้วแต่ก็อย่าพึ่งลืมกันนะคะ :monkeysad:

@ คุณ Ipatza วันนี้หาเวลาว่างมาแล้วค่ะ แหม อิจฉาคนขาวเนอะ อิ๋งเกรียมจนไม่รู้จะเกรียมยังไง :sad4: ตอนนี้ฝากเชียร์พี่ภูอีกตอนน้า

@ คุณ iforgive มาสั้นๆ แต่อิ๋งอ่านทีไร จุกเบาๆทุกที

@ คุณ iamnan ง่า คีเค้าก็มีมุมน่ารักๆเหมือนกันน้า

@ คุณต้นข้าว พ่อแม่พี่ภูเป็นคาแรกเตอร์ที่น่ารักมากๆเลยค่ะ อิ๋งคิดว่าคนเป็นคุณหมอเข้าใจคนไข้ ลูกตัวเองก็น่าจะเข้าใจเนอะ จะเป็นยังไงต่อไปต้องรอติดตามค่ะ

@ คุณ takara นั่นหน่ะสิ คีจะหวงน้ำไปถึงไหนกันน้า ตอนน้ำเมาจอมน่ารักใช่ม้า คาแรกเตอร์ของจอมอิ๋งเอามาจากคนจริงๆใกล้ตัวนี่แหละค่ะ ฝากติดตามด้วยนะคะ

มีแต่แฟนคลับพี่ภูเนอะ  :m29:
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะคะ :pig4:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด