ตอนที่ 74 Part TAR
“ต้าร์”
“ต้าร์”
“ต้าร์โว้ยยยย”
“โอ้ย เกล หูจะแตกตะโกนทำไมเนี่ยะ”ผมละสายตาจากสนามบอล ที่มีเด็กถา’ปัต กับ เด็ก ศิลป์ เล่นกันอยู่
“ก็น่าจะแตกหรอก เกลเรียกตั้งนาน”เกล เพื่อนสาวในกลุ่มคนเดียว ค้อนใส่ก่อนจะนั่งลงข้างๆ ตามด้วยเสียงกวนๆอีกหนึ่งเสียงจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก ไอ้นัมเบอร์ ที่ไม่มีตัวเลขต่อท้าย ลูกเสี้ยวอังกฤษ ตัวพอๆกับผม มันมีแฟนแล้วอยู่นิเทศฯ ไม่ต้องบอกมั้งครับว่าเพศไหน
“เกล แกล้งโง่เหรอ เดี๋ยวนี้เพื่อนเราเขาญาติดีกับเด็กวิด’วะ แล้ว ใจเขาก็อยู่โน่นน่ะสิ”มันพูดประชดแต่ออกแนวล้อเลียนมากกว่าจะแขวะจริงจังใส่
“อ้อ ฉันลืมอ่ะ ขอบใจนะกังนัมที่เตือน”เกลทำแอ๊บแกล้งลืม ก่อนจะหันไปทำท่าขอบอกขอบใจ ไอ้นัมเบอร์
“ไม่เป็นไร เลว เอ้ย เกล”มันก็ทำหน้าตอบรับ แหย่กันแบบนี้เป็นประจำ
“ไม่ใช่สักหน่อย แค่คิด”ผมตีแขนมันสองคน พร้อมกับแก้ตัว เอ้ย บอกพวกมัน แต่ยังไม่จบดี
“คิดถึง ทั้งที่เมื่อเช้าเขาเพิ่งมาส่งเนี่ยะนะ”ไอ้กังนัมทำตาโตพูดกลับมาซะก่อน
“ใช่ บ้าผู้ชายนะเรา คิกคิก”ไอ้เลว พูดและหัวเราะ
“แกสองคนน่ะสิคิดแบบนั้น”ผมส่ายหน้าอย่างระอากับความคิดพวกมัน
“ล้อเล่นน่า ว่าแต่คิดอะไรเหรอ”เกลพูดยิ้มๆก่อนจะถามพร้อมกับหยิบลิปมันมาทาปาก
“ถ้าคิดจะถอนตัว ไม่ทันแล้วมั้ง”ไอ้กังนัมแซวผมก่อนจะหันไปดึงกระจกในมือเกลมาส่องมั่ง
“บ้าเหรอ ถอนตอนนี้พวกมันได้ตามยันบ้านแน่”ผมพูดอย่างรู้ฤทธิ์ไอ้แฟนแฝดสองตัวดีหลังจากตกลงและคบกันมาได้สามอาทิตย์แล้ว พวกมันรับส่งผมแทบจะทุกวัน ไอ้ฝิ่นกับออยแซวให้ผมอายจนเลิกอายแล้ว แรกๆก็ระแวงสายตาคนอื่นเหมือนกันที่มองมา เหมือนผมเป็นคนสองใจยังไงไม่รู้ มันอดคิดไม่ได้ แต่เวลาที่พวกมันอยู่ด้วยไม่ว่าจะมารับไปกินข้าว ดูหนัง หรือเดินเที่ยว ผมกลับไม่เคยกลัวสายตาคนอื่นเลย รู้สึกอุ่นใจเหมือนได้รับการดูแลอย่างดี ผมคิดเว่อร์ไปหรือเปล่านะ แต่ผมรู้สึกอย่างนั้นจริงๆ
“ก็รู้นิ แล้วยังจะคิดอะไรอีกล่ะ”เกลถามก่อนจะปัดแก้มเบาๆพอมีสีสัน
“ยังคิดเรื่องคนมองอีกเหรอ”นัมเบอร์ถามออกมา มือก็กดไอโฟนไปด้วย แต่หูก็ให้ความสนใจ
“ก็นิดหน่อย”ผมบอกออกไป
“คิดทำไมล่ะ”เกลพูดหน้าตาเฉย
“นั่นสิ จะคิดไปทำไม คนอื่นก็คือคนอื่นมันใช่คนที่มาใช้ชีวิตกับเราซะที่ไหน เออ ถ้าครอบครัวหรือเพื่อนอย่างเราสองคนรับไม่ได้ก็ไปอย่าง”ไอ้นัมเบอร์เห็นด้วยกับเกลก่อนจะพูดอย่างไม่แคร์ และมันเป็นอย่างนั้นจริงๆ
“รู้แล้วว่าเพื่อนรับได้ แต่เมื่อเช้า”ผมพูดเบาๆก่อนจะเงียบไป
“เมื่อเช้า มีอะไร ใครว่า บอกมา”เกลถามทันที เห็นหน้าตาท่าทางเรียบร้อยแบบนี้ เกลเอาเรื่องเหมือนกัน ในกลุ่มมีผมนี่แหละที่ปากไม่ค่อยจะทันกับใครเขา ไม่งั้นไม่โดนไอ้ฝิ่นตอกกลับบ่อยหรอก สงสัยต้องไปฝึกวิชากับมันบ้าง คริคริ
“เล่ามาสิ เงียบอีกแล้ว”ไอ้นัมเบอร์เร่งผมยิกๆ ผมก็เลยเล่าให้มันฟังถึงเรื่องเด็กเก่าไอ้แฝดที่ชื่อ กาย เมื่อเช้าหลังจากไอ้แฝดส่งผมที่คณะแล้ว กายก็โผล่มาทางไหนไม่รู้มองผมด้วยสายตาที่ไม่เป็นมิตรเอาซะเลย ปากเหยียดใส่ ก่อนจะเดินไป
“ก็แค่นี่แหละ”ผมบอกคร่าวๆก่อนจะมองไอโฟนที่โชว์ข้อความ ยิ้มหน่อยๆกับไอคอนตลกๆที่ถูกส่งมาให้ แต่ไม่ให้สองคนนี้จับได้หรอก เดี๋ยวแซวอีก
“คงจะอิจฉาและเสียดายล่ะมั้ง แต่ก่อนเห็นเขาว่า โอมกับอาร์มสหลงจะตาย อยากได้อะไรก็หาให้ แต่ตัวเองกลับเหลิงได้ใจคิดว่าของตาย แรดไปหาคนใหม่ก็ไม่ใช่ใครดันเป็นเพื่อนห้องเดียวกัน”ไอ้นัมเบอร์ออกความเห็นและพูดถึงกายอย่างไม่ชอบใจ
“ใช่ ต้าร์อย่าไปใส่ใจเลย คนแบบนั้น หน้าตาดีแต่ทำตัวไม่ดีเอง ตอนนี้สนใจแค่ตัวเองกับแฟนทั้งคู่ก็พอแล้ว”เกลเห็นด้วยจับไหล่และพูดใส่ยิ้มๆ
“บ้า”ผมว่าอย่างเขิน แต่รู้สึกได้ว่าปากบานทั้งที่อมยิ้ม
“แล้วจะบอกแฟนไหมล่ะ”ไอ้นัมเบอร์เสียบมาอีก
“ไม่ล่ะ เรื่องเล็กน้อย พูดไปจะหาว่าเป็นคนขี้ฟ้องและใส่ร้ายเขาได้”ผมส่ายหน้าก่อนจะบอกต่อ แต่อดคิดไม่ได้ว่าทั้งคู่มันลืมกายได้หรือยัง ตอนที่เขาเป็นแฟนกันผมก็รู้นะแต่ไม่ได้สนใจ ก่อนหน้านั้นกายก็เคยหาเรื่องผม จนผมพาลโกรธไอ้สองคนนั้นไม่หายมันก็ตามมาง้อมาอธิบายถึงบ้านเลยนะทั้งที่ตอนนั้นยังไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย แต่ลึกๆผมก็ปลื้มอ่ะนะ หุหุ
“แต่ก็อย่าวางใจให้มากนัก”เกลเอ่ยเตือน
“ใช่ ร้ายใช่เล่น”นัมเบอร์ย้ำอีกคน
“อืม”ผมรับคำ เราคุยอะไรกันอีกนิดหน่อย ก็แยกกันกลับ แต่ผมยังนั่งอยู่ที่เดิม เล่นเกมฆ่าเวลาไปด้วย กว่าสองคนนั้นจะเลิกก็เกือบชั่วโมง กำลังเพลินๆเหมือนมีคนมานั่งข้างๆ และก็ใช่จริงๆ
“พี่แม็กซ์”ผมเรียกออกไป นึกอยากจะถามเหมือนกันว่าไปพูดอะไรเอาไว้ แต่ดูหน้าแล้วไม่ดีกว่า ยังไงก็ผ่านมาแล้ว รื้อฟื้นขึ้นมาจะกลายเป็นตะเข็บชายแดนเอาซะได้
“นึกว่าลืมชื่อพี่ไปซะแล้ว”พี่แม็กซ์พูดเหมือนตัดพ้อ ผมเกือบจะถอนหายใจด้วยความเซ็งแล้วนะ นี่เห็นเป็นรุ่นพี่หรอกนะถึงได้เกรงใจไม่อยากพูดอะไรไม่ดีออกไป เลี่ยงได้ผมก็เลี่ยง ยิ่งเวลามีกิจกรรมคณะหรือมหาลัย พี่เขาจะป้วนเปี้ยนอยู่กับผมทุกที บางทีก็ตื้อจะไปส่งให้ได้แต่ผมปฏิเสธทุกครั้ง แกชอบจับตัวผมอยู่เรื่อย แรกๆก็ไม่คิดอะไร แต่หลังๆมีจับมือจะลามมาจับแก้ม ผมเลยต้องผละออกก่อน ชื่อเสียงพี่เขาเรื่องเจ้าชู้ก็รู้กันทั่ว นั่นยังไม่เท่ากับนิสัยอวดเบ่งที่ชอบทำเป็นประจำโดยเฉพาะกับรุ่นน้องหรือคนที่ด้อยกว่า ซึ่งผมไม่ชอบเลย
“รุ่นพี่นี่ครับ จะลืมได้ไง”ผมยกยิ้มพูดเฉยๆ
“แค่รุ่นพี่เองเหรอต้าร์”แกทำเสียงอย่างนี้อีกแล้ว
“ก็รุ่นพี่สิครับ หรือพี่อยากเป็นรุ่นน้องล่ะ”ผมพูดทีเล่นทีจริงออกไป หวังจะให้แกคลายสีหน้าหม้อผมสักที
“พี่ไม่อยากเป็นทั้งสองอย่าง พี่อยากเป็นมากกว่านั้น ต้าร์ก็รู้”แกก็ตอบกลับมาแถมจ้องหน้าผมอีก เอาล่ะสิทีนี้ผมกลายเป็นฝ่ายเงียบซะแล้ว
“ผมรู้แค่ว่า พี่แม็กซ์เป็นรุ่นพี่เท่านั้น”ผมยังยืนยันตำแหน่งเดิมของแก ตอบด้วยหน้ามึนๆอย่างนี้แหละ
“กับพี่เป็นแค่รุ่นพี่ แล้วไอ้สองคนนั่นล่ะเป็นอะไร”พี่แม็กซ์ไม่พูดตัดพ้อแล้วครับ พูดด้วยน้ำเสียงหาเรื่องเหมือนหน้าตาไม่มีผิด ผมชักเริ่มไม่พอใจเหมือนกันแล้ว
“มันเรื่องส่วนตัว ถ้าพี่แม็กซ์ไม่มีอะไรแล้ว ขอตัว”ผมบอกแกไป เก็บไอโฟนลงกระเป๋าลุกหนี แต่โดนดึงแขนไว้ซะก่อน ไม่แรงมากนักแต่ก็ทำให้ผมนั่งลงมาได้
“เรื่องส่วนตัวหรือตอบไม่ได้ว่าเป็นอะไร งั้นจะบอกให้ก็ได้”พี่แมกซ์แสยะยิ้มใส่ ผมดึงแขนออกแต่กลับกระชับยิ่งกว่าเดิม
“อย่ามาหาเรื่องกัน ปล่อย”ผมว่าพลางแกะมือออก แต่ยิ่งแกะก็ยิ่งแน่นขึ้น ผมตวัดตามองอย่างไม่พอใจแล้ว
“ทำไม ทนฟังไม่ได้เหรอคุณหนูต้าร์ผู้เรียบร้อย แต่กลับมีผัวทีเดียวสองคน ไม่ยักรู้ว่าชอบแบบนี้ ถึงใจไหมล่ะ”แกยื่นหน้ามาพูดใกล้ๆ เยาะทั้งน้ำเสียงและหน้าตา ให้เรียบร้อยสุภาพยังไงเจอคนสถุลแบบนี้ไป คงต้องพับกิริยาดีๆไว้ก่อน เปลี่ยนเป็นงัดสากมายัดปากมันแทนดีกว่า ในเมื่อไม่อยากเป็นรุ่นพี่ก็ไม่ต้องเกรงใจกันแล้ว
“ไม่น่าถามอะไรโง่ๆ ถ้าไม่ถึงใจกูจะเลือกเหรอ ไอ้แม็กซ์”ผมบอกออกไป ทั้งที่รู้สึกกระดากปากเหมือนกัน แต่พูดดีๆก็ไม่ฟังกันแถมยังมาว่าอีก ผมรู้ว่ามันไม่ใช่ประโยคที่รุนแรงเท่าไรนัก แต่ทำเอามันอึ้งไปเหมือนกันเพราะไม่เคยเห็นผมพูดจาแบบนี้ใส่ ก็ใช่นะสิอยู่ดีๆจะให้ไปพูดใส่ได้ไงล่ะถ้าไม่ปากเสียก่อน มันคงนึกได้พอหายอึ้งก็ตาลุกวาบใส่
“หึ ปากเก่งขึ้นนิ ขอลองหน่อยสิว่าเก่งจริงหรือเปล่า”มันทำเสียงก่อนจะกระชากผมเข้าไปใกล้ ๆ แต่ผมระวังอยู่เหมือนกันเลยเอาขวดน้ำที่เหลืออยู่ครึ่งขวดฟาดเต็มๆกลางหน้ามันเลย”โอ้ยยย”มันร้องเสียงหลงก่อนจะปล่อยมือออกเอาไปกุมหน้า ผมฟาดกลางกบาลซ้ำไปอีกที ก่อนจะวิ่งหนีจากตรงนั้น เอาไว้คิดทีหลังว่าจะจัดการยังไง และก็ไม่รู้เป็นวันอะไรวันนี้ถึงไม่ค่อยมีคนอยู่แถวนี้เลย เมื่อมาได้ไกลผมหยุดวิ่งและหันไปมองก็ไม่เห็นมันตามมา เลยยืนพักและเดินต่อ หยิบไอโฟนมากดส่งข้อความเปลี่ยนจุดนัดใหม่ กำลังจะเก็บแต่โดนกระชากแขนซะก่อน และถูกผลักอย่างแรงจนหลังติดกำแพง
“เก่งนักนะ ดูสิจะทำอะไรได้”มันตามผมมาตั้งแต่เมื่อไรวะ หน้ามันแดงเพราะโดนฟาด ผมเตะขาหยิกมันให้มั่วไปหมด
“ปล่อย บอกให้ปล่อย ชะ”ผมบอกพร้อมกับร้องแต่มันอุดปากซะก่อน หันไปเห็นเพื่อนมันอีกสองคนยืนยิ้มอยู่ มันลากผมเข้าไปในห้องกิจกรรมของคณะที่ตอนนี้ไม่มีใครอยู่เลย ก่อนจะเหวี่ยงไปที่โต๊ะตัวใหญ่ที่เอาไว้ใช้ประชุม แต่ตอนนี้มันคงอยากประชุมเพลิงผมแน่ หน้ามันบอกอย่างนั้น ผมมองซ้ายมองขวาไม่เห็นอาวุธที่จะใช้ป้องกันตัวได้เลย มันเดินเข้ามาช้าๆ ผมก็หลบไปอีกทางทั้งที่ยังจุกอยู่ไม่น้อย แต่ต้องอดทนเอาไว้
“ดูสิทีนี้จะหนียังไง”มันแสยะยิ้มใส่ หยุดเดินเอามือกอดอกมองผมที่วนไปมาหาทางออกไม่เจอ ถึงหาเจอก็ออกไม่ได้เพราะมีไอ้สองคนนั้นดูต้นทางอยู่
“..................”ผมเงียบแต่ก็ใช้ความคิดไปด้วย อย่าให้หลุดไปได้นะ จะให้ป๊ามาจัดการให้ นึกว่ามึงคนเดียวหรือไงที่มีอิทธิพล ผมคิดอย่างเจ็บใจที่โดนทำแบบนี้ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยมีใครทำอย่างนี้กับผมมาก่อน
“ร้องสิ ร้องดังๆ ร้องไปให้ถึงไอ้เด็กเหี้ยะสองตัวนั่นเลยนะ”มันพูดจาเยาะเย้ยใส่ผม
“ถ้ามันรู้ มึงเจ็บตัวแน่”ผมบอกมัน อะไรไม่รู้ทำให้ผมมั่นใจว่าถ้ามันสองคนรู้ไอ้คนตรงหน้าผมเละแน่นอน
“ฮ่าๆๆๆๆ”มันหัวเราะก่อนจะพูดต่อด้วยประโยคน่าโดนตีนสุดๆ”กูกลัวมาก”มันเลิกคิ้วใส่
“มึงต้องกลัวอยู่แล้ว ที่ตอนนี้ไม่กลัวเพราะมันยังไม่มาไง ถ้ามันมาเมื่อไรมึงเตรียมตัวได้เลย”ผมว่ามันกลับ ทั้งที่ยังไม่รู้เลยว่ามันจะรู้ไหม ผมไม่ใช่ฝาแฝดที่จะสื่อไปถึงได้ แต่ตอนนี้ผมเป็นแฟนพวกมันฉะนั้นขอให้มันรับรู้ด้วยว่ากำลังจะเกิดอะไรขึ้นกับผม
“ไม่ต้องทำมาเป็นพูดดีไป ยังไงวันนี้มึงต้องเป็นของกูแน่ บอกไว้เลย กูจะส่งตัวมึงในห้องนี้แหละ”มันเดินเข้ามา ผมถอยหนีถึงจะไม่เคยชกต่อยกับใครมาก่อนแต่ก็ขอสู้ดีกว่ายอมให้มันข่มเหง แต่ในใจผมนึกถึง โอมกับอาร์มส
“เข้ามาอีกก้าวเดียว มึงเจ็บตัวแน่”ผมพูดออกไปทั้งที่เสียเปรียบและถ้าผมตัวเท่ามันคงไม่ใช่เรื่องตลกกับประโยคที่ขู่ มันหัวเราะเยาะจนสะใจ ผมหลบมันไปอีกฝั่งเมื่อมันจะเข้ามาตะครุบตัว
“ไม่เจียมตัวเอาซะเลย แล้วไม่ร้องวะ ร้องสิ ป่านนี้ไอ้พวกนั้นมันวิ่งแจ้นมาแล้วมั้ง หืม”มันยกยิ้มพูดใส่ผม ก่อนจะกระโดดข้ามโต๊ะมาจนเกือบถึงตัวผม แต่โดนขวางด้วยเก้าอี้ซะก่อน แต่คงจะกันมันได้ไม่นานผมยกเก้าอี้เท่าที่กำลังจะยกได้ทุ่มไปสุดตัวแต่มันหลบทัน
“เล่นเครื่องทุ่นแรงนะ ผัวสอนมาหรือไง เอาไว้ไปบอกพวกมันด้วยนะว่า คนเดียวก็เสียวได้ไม่ต้องสองคนหรอก หึหึ”มันยังไม่หยุดพูดจาหยาบคายดูถูกผมและลามไปถึงไอ้แฝดด้วย
“กูว่ามึงไม่ต้องฝากหรอก เดี๋ยวมันก็มา”ผมยังมั่นใจในกระแสจิตตัวเองว่ายังไงพวกมันต้องมา เวลาไม่ใช่เครื่องยืนในความเชื่อมั่นเสมอไป
“ยังหวังอีกเหรอวะ ไหนล่ะ ไอ้แฝด ไอ้เหี้ยะ โผล่มาสิวะ เร็วๆ กูอยากเจอ”มันเลิกคิ้วใส่ ก่อนจะทำหน้าทำตาส่งเสียงเรียกล้อเลียนใส่ผม กูขอให้มึงเจอ ขอให้มาเดี๋ยวนี้ มันพุ่งมาจับแขนผมทันที ก่อนจะจับบิดไพล่หลัง
“โอ้ยยย ปล่อยนะโว้ย”ผมร้องออกมา เอาเท้าถีบมันแต่โดนมันกดลงไปอีก ก้มหน้าลงมาใกล้ แล่บลิ้นออกมาเลียใบหู ผมหันหลบด้วยความขยะแขยงกับสัมผัสหยาบๆที่ขัดกับหน้าของมัน ถ้ามึงทำตัวดีได้สักเสี้ยวหน้าผากมัน ผมอาจจะชอบมันบ้างก็ได้ แต่นี้ไม่เลย
“หึหึ หนีไม่พ้นหรอก ต้าร์”มันกระซิบก่อนจะเอื้อมมือมาปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตของผมลงไปเรื่อยๆ มันเอามือไล้ตรงปาก
“อ๊าคคคค”มันร้องสุดเสียงเมื่อผมกัดมือมันอย่างแรง กัดๆๆๆๆจนได้กลิ่นและรสชาติความคาวที่เรียกว่าเลือด อยากจะคายออกด้วยความสะอิดสะเอียน แต่ต้องทนกัดมันไปก่อน นี่ๆๆๆๆๆๆ”ปล่อยนะโว้ย ไม่งั้น อ๊าคคคค”มันขู่เอามือบิดแขนผมอีกจนปากเกือบคายออก แต่ผมกดย้ำลงไปสุดแรง
ปัง ปัง ปึง โครม โครม
“โอ้ย โอ้ย ไอ้แม็กซ์”
“ไอ้แม็กซ์ ชะ อ๊าคคค”
เสียงเอะอะตึงตัง ตามด้วยเสียงเคาะประตู บวกเสียงเรียกเข้า เอ้ย เสียงเรียกชื่อไอ้เวรที่ผมยังไม่ปล่อยปากจากมือมัน
“ต้าร์ๆ”
“เรามาแล้ว”
เสียงนี้แหละที่ผมอยากได้ยินและอยากตั้งเป็นเสียงรอเข้าเฉพาะเลย แต่กูไม่ปล่อยหรอก เชี่ยะเอ้ย
“มึงปล่อยแฟนกูเดี๋ยวนี้นะ”เสียงพูดที่พร้อมกันตะโกนออกมาในมือทั้งคู่หิ้วซากคน ที่คงใช้ตีนการ์ดไปรูดเอามา
“มึงบอกแฟนมึงให้ปล่อยมือกูก่อนสิโว้ย แม่ง โอ้ยยยย”มันตะโกนกลับก่อนจะร้องเมื่อผมย้ำลงไปอีก จนสุดท้ายมันปล่อยแขนผม ๆ ก็ปล่อยมือมันก่อนจะถีบส่งๆไม่รู้โดนอะไรทำเอามันร้อง แต่ผมไม่มองหรอกวิ่งไปหาคนหน้าเหมือนกันที่เหวี่ยงของที่ไปจ่ายมาทิ้งอย่างไม่ไยดี กอดรับผมไว้ทั้งสี่แขน มองสำรวจไปทั่ว
“ไม่เป็นไรนะ”โอมเอามือลูบหัวลูบหน้า
“เจ็บตรงไหน บอกอาร์มส”อาร์มสเอามือเช็ดเลือดตรงปากออกให้ “สัด นี่มึงตบปากแฟนกูเหรอ”อาร์มสพูดจบก็เดินไปต่อยปากไอ้คนที่ยังไม่ได้ตั้งตัวเอามือกุมเป้า
“ผลั่วะๆๆ นี่ ไอ้เหี้ยะ”อาร์มสต่อยซ้ำไปอีก ด่าไปด้วยก่อนจะถีบส่งมาให้อีกคนที่ยืนรอรับ ด้วยส้นตีนเสยเข้ากลางลำตัวพอดี
“ผลั่กๆๆ มึงทำกูได้ อย่าทำแฟนกู”โอมเตะซ้ำอีกสองที เพื่อนมันที่จะลุกขึ้นมาช่วย แต่โดนถีบหน้าคว่ำซะก่อน ผมหันไปมองไม่ใช่พี่จาพนม หรือ ไอ้มดแดง แต่เป็นพี่ไผ่กับพี่บลูที่จัดการ ก่อนจะเดินไปปิดประตู ยังไม่หมดครับ ข้างหลังมี ออย พี่พาย พี่หวาย พี่เจย์ ส่วนไอ้ฝิ่นเดินไปใกล้ๆเพื่อนไอ้แม็กซ์ที่ชื่อเป้ที่พยุงตัวจะลุกขึ้น
“วันนั้นขอบคุณนะครับที่ย้ำว่าผัวผมอยู่คณะนี้ หนักดีไหมครับตีนน่ะ”ไอ้ฝิ่นพูดยิ้มๆใส่ ไอ้พี่เป้ถลึงตาแต่โดนพี่ไผ่กันไว้ซะก่อน
“ไอ้ไผ่ ไหนมึงบอกเราไม่เคยมีเรื่องกันไง”มันยังปากดีถามพี่ไผ่
“แต่มึงมีกับเมียกู”พี่ไผ่ตอบเรียบๆ ก่อนจะได้ยินเสียงโครมคราม หันไปไอ้แม็กซ์ที่ตั้งตัวได้ต่อยโดนโอม และอาร์มส หลายหมัดเหมือนกัน จนหงายพร้อมกับยกเก้าอี้ทุ่มใส่
“ระวัง”ผมตะโกนสุดเสียง ทั้งสองคนหลบไปคนละทาง แกจะซ้ำแต่โดนสองตีนสกัดไว้จนหงายเหมือนกัน สองคนลุกขึ้นเช็ดเลือดตรงมุมปาก
“พวกมึงหมาหมู่นี่หว่า รุมกู”เสียงไอ้แม็กซ์พูดเยาะใส่
“กูไม่ได้รุม”โอมพูดใส่ด้วยหน้ากวนๆ
“กูผลัดกันต่างหาก”อาร์มสยกยิ้ม
“ไอ้เด็กเหี้ยะ อย่าอยู่เลยมึง”ไอ้แม็กซ์พูดจบ เหวี่ยงเก้าอี้อีก แต่ต้องชะงักเมื่อเจอเสียงดักไว้ก่อน
“ไอ้แม็กซ์ มึงทำเกินไปแล้ว”เสียงพี่หวายตะโกนใส่ ก่อนจะเดินเข้าไปหา แกวางเก้าอี้ลง
“ทำเรื่องเล็กเป็นเรื่องใหญ่ ไอ้เหี้ยะ”พี่เจย์เดินไม่ห่างจากพี่หวายเท่าไร
“พวกมึงพูดอย่างกับมันไม่ทำกูอย่างนั้นแหละ”ไอ้แม็กซ์เอ่ยออกมาบ้าง มองหน้าพี่ทั้งสองคนอย่างไม่ยอมรับความผิด
“แต่มึงเริ่มก่อน ไอ้ห่า ปีสุดท้ายแล้วนะมึง แล้วไอ้ต้าร์มันไม่ได้เป็นแฟนมึงสักหน่อย มันเลือกไอ้แฝด มึงก็น่าจะยอมรับอย่างลูกผู้ชายสิวะ”พี่หวายพูดใส่หน้ามันไปอีก
“แต่มันหยามกู”มันยังพูดอย่างไม่ยอม
“มันหยามมึงตอนไหน ไอ้แม็กซ์ ตั้งแต่แรกกูเห็นพวกมึงหาเรื่องน้องมันก่อน กูพูดไม่ใช่จะเข้าข้าง ก็เห็นๆกันอยู่”พี่เจย์ออกตัวบ้างแกเดินไปตบไหล่ไอ้แม็กซ์
“ของอย่างนี้มันบังคับกันไม่ได้หรอก ไอ้แม็กซ์ ถ้าต้าร์มันชอบมึงมันคงชอบไปนานแล้วล่ะ”พี่พายเอ่ยออกมา
“และเนี่ยะเหรอคือสิ่งที่มึงทำกับคนที่ชอบ พอไม่ได้ก็ใช้กำลัง มึงแน่ใจเหรอว่าชอบ มึงจะเอาชนะมากกว่ามั้ง”พี่บลูบอกก่อนจะดึงไอ้สองคนให้ลุกขึ้นดันไปนั่งตรงเก้าอี้ พี่ไผ่ไม่ได้พูดอะไรได้แต่มองอย่างเดียวตามสไตล์แก
“กูว่ามึงจบเถอะว่ะ มึงก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าพวกมันทำไมไม่มองคนที่เขาเต็มใจวะ”พี่หวายพยายามพูดไกล่เกลี่ยให้จบเรื่องนี้ซะ ผมก็ใช่ว่าจะสบายใจเท่าไรที่เป็นต้นเหตุให้มีเรื่องกัน แถมเป็นรุ่นพี่ในคณะอีก ไอ้แม็กซ์เงียบปรายตามองผมที่โดนประกบซ้ายขวาอย่างไม่หลุดจากสายตา มันยกยิ้มส่ายหน้าก่อนจะพูดออกมา
“ไม่เข้าใจ ทำไมเป็นแบบนี้วะ ต้าร์ชอบมันทั้งคู่เหรอ ไม่คิดว่ามันแปลกหรือคนอื่นจะมองด้วยสายตาแบบไหนเลยเหรอ”พูดจบก็ถุยเลือดออกปาก ถุยไม่เป็นที่เลย
“…………………”
“เงียบทำไม เมื่อกี้บอกเองไม่ใช่เหรอว่าพวกมันถึงใจ”อ้าว ไอ้แม็กซ์จะพูดออกมาทำบ้าไรวะ ผมหน้าแดงอีกแล้ว เมื่อเจอสายตาของทุกคนที่จับจ้องมา แต่ไม่เท่าสองคนที่ยืนข้างๆหรอก ปากอมยิ้มอย่างพอใจ อย่ามาทำหน้าหื่นตอนนี้นะโว้ย เขากำลังเครียดกันอยู่
“ที่เงียบเพราะกำลังเรียบเรียงคำพูดอยู่ ไม่ได้กลัว”ผมตัดสินใจพูดออกไป จะได้จบๆไม่คาราคาซัง”มาถึงตอนนี้คงเป็นคำตอบได้ว่าผมชอบทั้งคู่หรือเปล่า เรื่องสายตาคนมองผมแปลกๆ ผมสนใจ แต่ไม่ได้ใส่ใจนั่นคือความคิดของคนอื่นที่ไม่ได้เป็นอะไรกับผม ๆ ตัดสินใจเลือกแล้วไม่ว่าจะถูกหรือผิด ครั้งหนึ่งในชีวิตเราก็ต้องมีเรื่องให้เผชิญอยู่แล้ว”ผมมองหน้าทั้งสองคนที่ยืนอยู่ข้างยิ้มให้ ก่อนจะหุบเมื่อโดนกอดแนบแน่น
“เฮ้ยๆๆๆ เกรงใจหน่อยโว้ย”พี่หวาย
“นอกหน้าไปและ”พี่เจย์
“หย่อนทั้งตัวเลยมึง”ออย
“เสร็จเพื่อนกูจนได้”ไอ้ฝิ่น
“ยังสักหน่อย”ผมหันไปบอกไอ้ฝิ่น ทำเอาหัวเราะกันกระจาย ทำเอานึกขึ้นได้ว่าพูดไปทำไมวะ
“ไปบอกเขาทำไม”มันสองคนกระซิบถามผมที่ยังเขินไม่หาย
“ก็มันเรื่องจริงนิ”ผมก็เผลอพูดซื่อๆออกไปอีก
“กูไม่ได้ว่าสักหน่อย แค่หมายถึงว่า หลงเสน่ห์เพื่อนกูเข้าให้แล้ว มึงคิดไปไหนวะ คิกคิก”ไอ้ฝิ่นยื่นหน้ามาพูดแหย่ผมหัวเราะคิกคัก อดหมั่นไส้ไม่ได้เลยหยิกไปทีแต่มันหลบทันซะก่อน
“เฮ้ย เดี๋ยวค่อยแซวกัน ตอนนี้จะทำยังไงกับห้อง เละเป็นขี้เลยตอนนี้”เสียงพี่หวายเอ่ยขัดความสนุกเอาไว้ ทำให้ทุกคนมองรอบห้อง
“ใครก่อเรื่องก็รับไปแล้วกันในส่วนที่เสียหาย เก้าอี้ขาหักไปสองตัวมึงซื้อมาซะ ไม่มีปัญหาใช่ไหม”พี่พายสรุปหันไปพูดกับพี่แม็กซ์ ที่ยืนหน้านิ่ง ก่อนจะพยักหน้าทำตาม เพราะพี่พายเป็นหนึ่งในคณะกรรมการเหมือนกันนอกจากพี่กราฟกับพี่เทรนด์แล้ว
“ส่วนเรื่องนี้พวกมึงควรจบซะ ปีสุดท้ายแล้วนะมึง คิดมั่งสิวะ”พี่บลูพูดย้ำกับพี่แม็กซ์และเพื่อนมันอีกครั้ง
“เออ ไอ้เหี้ยะกูรู้แล้ว ย้ำอยู่ได้”พี่แม็กซ์สบถอย่างหัวเสียก่อนจะมองมาทางพวกผม”ไอ้เด็กเวร กล้ามากนะมึง ทำกับกูแบบนี้”แกพูดพร้อมชี้หน้าไอ้คนข้างๆ
“กูกล้ามากกว่านี้อีก”โอมตอบกลับไปทันควัน
“ถ้ามึงยังไม่เลิกยุ่งกับแฟนพวกกู”อาร์มสพูดต่อทันที่โอมพูดจบ
“กูไม่ได้อยากทำกับต้าร์หรอก แต่กูหมั่นไส้พวกมึง ไอ้เด็กไม่มีสัมมาคารวะ ไม่เคารพรุ่นพี่”พี่แม็กซ์ยังว่าไม่เลิก
“ก็มึงเสือกทำตัวไม่น่าเคารพนี่หว่า”อาร์มสแสยะยิ้มบอก พี่แม็กซ์เริ่มหน้าแดงด้วยความโมโหอีกแล้ว พอกันกวนตีนทั้งสองฝ่าย แต่ไอ้รุ่นพี่นั่นก็ผิดหาเรื่องมันกับผมก่อน
“พอแล้ว ไอ้ฉิบหายให้เคลียร์กันไม่ใช่สานต่อ สัด”พี่หวายเอ่ยขัดทันทีที่พี่แม็กซ์จะด่าต่อ
“มึงจะจบไม่จบ ไอ้แม็กซ์”พี่เจย์พยักหน้าถามแก
“.............”พี่แม็กซ์
“ว่าไง”พี่หวายถามซ้ำ
“เออ กูจะยกให้ ถ้าคราวหน้าพวกมึงสองตัวกวนส้นตีนกูเมื่อไร มึงตายแน่”สุดท้ายแกยอมจนได้
“เหมือนกันแหละ”มันพูดพร้อมกันกระชับตัวผมอย่างแน่น อย่างกับจะมีใครมาฉุดไปงั้นแหละ พี่แม็กซ์หรี่ตา ก่อนจะมองผมเอ่ยปากออกมา
”พี่ขอโทษนะต้าร์ที่ทำแบบนี้ พี่ชอบต้าร์ ชอบมานานแล้ว”แกพูดกับผมอีกครั้ง แววตาอ่อนลง ทำไมผมจะไม่รู้ว่าแกชอบผมแต่ไอ้เรื่องจริงจังหรือเปล่าผมไม่รู้และคงไม่อยากรับรู้แล้วในตอนนี้
“อย่าทำแบบนี้กับผมอีก ไม่ใช่คำขอร้องแต่เป็นคำเตือน ไม่ใช่ว่าเพราะผมมีสองคนนี้คอยดูแล ถึงไม่มีผมก็มีวิธีที่จะเอาคืนพี่ได้ ที่บ้านผมคงไม่ปล่อยคนที่ทำกับลูกเขาแบบนี้อยู่อย่างเป็นสุขแน่ และถ้าเป็นไปตามที่พี่พูด พี่ก็ยังเป็นรุ่นพี่ผมตามเดิม”ผมบอกแกด้วยสีหน้าแบบไหนไม่รู้ แต่ทำให้ทุกอย่างในห้องเงียบลงไม่มีเสียงเอ่ยอะไรออกมา พี่แม็กซ์ยิ้มหงอยๆต่างจากตอนที่กระทำลิบลับ
“พี่ขอโทษ”แกบอกอีกครั้ง ก่อนจะเดินออกไป ตามด้วยเพื่อนแกอีกสองคน ผมคิดว่าแกน่าจะเป็นคนรักษาคำพูดนะ จบคือจบ อย่างน้อยก็เพื่อนร่วมคณะเดียวกันไม่น่าที่จะมีปัญหาอะไร
“เหี้ยะแม็กซ์ ทิ้งซากไว้ให้กูอีก”พี่พายด่าตามหลัง ก่อนจะเก็บของในห้อง ที่เหลือจะทำอะไรล่ะครับ พี่พายพูดขนาดนี้ยืนเฉยได้โดนแน่ ก็ต้องช่วยสิครับ ดูพี่บลูเป็นตัวอย่างรีบไปดึงเก้าอี้จากมือพี่พายเก็บให้ทันที ไอ้ฝิ่นกับออย ก็เข้ามาคุยกับเพื่อนมันและผม มือก็เก็บไปด้วยแต่ไม่มากหรอกเพราะพี่ไผ่บอกกูเก็บเองดีกว่าคงรำคาญพวกผมที่คุยกันซะมากกว่า พี่เจย์กับพี่หวายเดินไปดูสถานการณ์ข้างหน้าและไม่รู้แกโทรหาใครบอกว่าทุกอย่างเรียบร้อยดี กว่าจะแยกกันได้ก็เกือบชั่วโมง
*
*
*
*
ต่อข้างล่าง
:pig4:ขอบคุณคะที่ช่วยดูคำผิดให้ เห็นอีกบอกได้นะคะ