1st Day : The day we met again[1/2] ..อักษร อัครมณฑา.. ลูกชายเจ้าของบริษัทนำเข้าจิลเวอรี่ชั้นนำของเอเชีย เลขานุการกรรมการนักเรียนผู้เปี่ยมไปด้วยไหวพริบและสติปัญญา ว่าที่นักเรียนคนแรกของโรงเรียนที่ได้รับโล่เกียรติคุณเรียนดี5ปีซ้อน ซ้ำยังเป็นที่รักและที่ไว้วางใจของเพื่อนๆซะจนไม่น่าเชื่อว่าเรือนร่างเล็กๆนั่นจะรับหน้าที่ทั้งหมดไหว..
....นี่ผมตกหล่นเกียรติคุณพวกนั้นตรงจุดไหนบ้างรึเปล่า?
......ไม่เห็นเคยรู้มาก่อนเลยว่า...หมอนั่น...จะชอบผู้ชายด้วยกัน...? ผมถอนหายใจพลางเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง เสียงเอะอะโวยวายของชมรมฟุตบอลดังข้ามมาถึงตัวตึกเรียน ครึกครื้น..แต่ก็วังเวงเช่นกัน..
..กับห้องเรียนที่โล่งและเงียบสนิทขนาดนี้..
ถ้าไม่นับเครื่องปรับอากาศที่ส่งเสียงดังหึ่งๆละก็นะ...
แล้วเมื่อกี้ผมนึกถึงไหนแล้วนะ? อื้อ..ใช่..เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไวเหมือนโกหก เหมือนเป็นภาพลวงตา เหมือนฝัน เหมือนปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่เรียกง่ายๆว่าการ 'คิดไปเอง' แบบนั้น..
หนำซ้ำ..จะแปลกใจขนาดไหนกันเชียวถ้าเรื่องทั้งหมดเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อราวๆ24ชั่วโมงที่แล้ว!
...และที่น่าตื่นตะลึงกว่านั้นคือการที่คนอย่าง 'ผม' เก็บเอาเรื่องไร้สาระแบบนั้นมาขบคิดถึงหนึ่งวันเต็มๆ! "เฮ้ออ..." ลอบผ่อนลมหายใจออกมากระทบมือที่เท้าคางอยู่ หลุบตาลงดูร่องวงกบหน้าต่างกระจกใสที่เริ่มมีฝุ่นจับบางๆ..บอกให้รู้ว่า 'โรงเรียนเกษรวิทยา' แห่งนี้มีความเอาใจใส่กับทุกอณูเล็กๆน้อยๆจริงๆ..
...แต่นั่นไม่ใช่ประเด็น...
ขึ้นชื่อว่า 'หัวกะทิ' ของโรงเรียนนี้..ก็ไม่น่าจะหลงผิดขนาดมาเป็นเกย์ ไม่สิ..โรงเรียนนี้คนเป็นเกย์มันก็เยอะอยู่...แต่ว่านะ...
......ชอบคนอย่าง 'ผม' เนี่ยนะ?
.........เหลวไหลจริงๆ... "เฮ้ออ..." ถ้าการถอนหายใจคือการบั่นทอนชีวิตตัวเองลงหนึ่งปี ผมคงจะตายในอีกไม่กี่วินาทีข้างหน้านี้แหละ..
เมื่อคิดได้ว่าการมานั่งปลงตกอยู่คนเดียวแบบนี้ไม่ได้มีอะไรดีขึ้นสักนิด ผมก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้..คว้ากระเป๋าเตรียมเดินออกนอกห้อง ส่วนอีกมือก็คว้าโทรศัพท์มือถือกดไล่หาเบอร์สักเบอร์...เผื่อจะสามารถคลาย 'เหงา' ในเวลาแบบนี้ได้..
..ถ้าจำไม่ผิดวันนี้พี่แคลร์มีประชุมกรรมการนักเรียน..
..น้องหมิวก็น่าจะเรียนพิเศษ..เอ..น้องเจนก็ด้วยนี่..
..มดแดง..เออ เห็นว่าปั่นมิดเทอมโปรเจคยังไม่เสร็จ..
..โยเกิร์ตก็อ่านหนังสือเตรียมสอบอีกแน่ๆ..
ปิ๊บๆๆ.. ผมเกือบจะได้ถอนหายใจออกมาอีกรอบแล้วละ แต่ยังดีที่มีลิสต์รายชื่อเหลืออยู่
'KaoFang' ปิ๊บ
'..เห็นใจฉันมั้ย ใจฉันหาย แบบว่าหาเท่าไหร่ไม่เห็น..แค่เธอจ้องตา..ก็เป็น...' ผมน่ะอยากอ้อนวอนขอให้เด็กสาวเปลี่ยนเพลงรอสายสักครั้งหนึ่ง ถึงแม้ว่าผมจะไม่ค่อยได้ฟังเพลงอะไรมากนักก็ตามแต่ความบาดหูสุดจี๊ดนี่มันชักน่ารำคาญทุกทีที่โทรหาจริงๆ..แต่หล่อนก็ไม่ปล่อยให้ผมรอนานนักหรอกครับ...
กริ๊ก ((หวัดดีค่ะพี่เทียน!))
ผมผละหูตัวเองออกจากโทรศัพท์นิดหน่อยตอนได้ยินเสียงแหลมปรี๊ดดังออกมาราวกับว่าเจ้าหล่อนตื่นเต้นมาก แต่นั่นแหละ..นั่นก็เป็นหนึ่งในข้อเสียเพียงเล็กน้อยของลูกคุณหนูสุดไฮโซคนนี้
"ครับ พี่เอง...วันนี้ฟ่างว่างรึเปล่า? ไปหาอะไรทานกันมั้ย?"
((ว่างค่ะ! ฟ่างว่างมากๆๆๆเลยวันนี้!)) น้ำเสียงกระตือรือร้นสุดๆจนอดจะหลุดขำไม่ได้ ((เจอกันที่ไหนดีคะพี่เทียน? พี่เทียนยังอยู่โรงเรียนรึเปล่าคะ?))
"ครับใช่ แล้ว..ฟ่างล่ะอยู่ไหน?"
((ฟ่างกลับบ้านแล้วน่ะค่ะ แต่ไม่เป็นไร..เดี๋ยวฟ่างแต่งตัวออกไปเดี๋ยวนี้แหละค่ะ แหะๆ))
"เอ ถ้ากลับบ้านแล้วก็ไม่เป็นไรนะครับ พี่ไม่อยากรบกวน...."
((ไม่-รบ-กวน-สัก-นิด-เลย-ค่ะ-!!!)) เจ้าหล่อนยืนยันหนักแน่นจนผมเกือบจะหลุดขำออกมา แต่ก็ตัดสินใจตอบรับไป
"..อ่อ โอเคจ้ะ งั้นเดี๋ยวพี่ไปรับฟ่างหน้าบ้านเลยดีกว่าครับ เด็กผู้หญิงออกมาคนเดียวมันอันตราย"
((ค่ะ! ฟ่างจะรอนะคะ!! ดีใจจังเลยที่พี่เทียนเป็นฝ่ายชวนก่อน))
ผมยิ้มกับตัวเอง แล้วเอื้อมไปเปิดประตู "ฮะๆ ก็พี่ว่างน่ะ....อะ..."
((คะ?))
"อ๋อ.."
ด้านหน้าห้องมีร่างโปร่งเล็กยืนอยู่..เขาสะดุ้งนิดๆที่ผมเป็นฝ่ายเปิดประตูมาเจอเขาก่อน ผมไม่รู้หรอกว่า 'เขา' ยืนอยู่ตรงนี้มีนานแค่ไหนแล้ว แต่ที่มั่นใจคือวันนี้เขาไม่ได้หนีไปไหนเหมือนเมื่อวาน..ยังยืนอยู่ที่เดิม ก้มหน้างุดกอดกระเป๋าทั้งๆที่ยืนกันท่าไม่ให้ผมออกไปไหนแท้ๆ
..ไม่ว่าจะเพราะเซลล์สมองผมมันเริ่มงี่เง่าเสื่อมประสิทธิภาพ หรือเพราะผมกำลังตัดสินใจทำเรื่องบ้าๆ แต่บทสรุปก็เหมือนกันที่คำพูดที่ผม..ปฏิเสธ..ออกไป..
"ขอโทษทีนะฟ่าง พี่มีงานด่วนเข้ามาพอดีอ่ะ" ((เอ๋…)) หล่อนลากเสียงยาวต่ำลง แล้วนิ่งไปวูบนึงก่อนจะกลับมาสดใสเหมือนเดิม ((งั้นก็ไม่เป็นไรค่ะพี่เทียน แต่คราวหลังถ้าพี่เทียนว่างก็อย่าลืมชวนฟ่างอีกนะคะ!))
..ดวงตากลมดำใต้แว่นกรอบบางเงยหน้าขึ้นมามองผม ก่อนจะผ่อนไหล่ที่เกร็งตัวอยู่ให้คลายลงเป็นท่วงท่าปกติ..
ผมพยักหน้า กรอกเสียงลงไปตามสาย "จ้ะ ไม่ลืมแน่ๆ"
..รอยสีแดงจางๆแปะอยู่ทั้งสองข้างแก้มขาวจนไม่เหลือเค้าซีดเซียวแบบที่เคยเป็น พร้อมๆกับเอียงหน้ามองเผยลำคอซีกหนึ่ง..เล็ก..เนียน..ดูงามระหงจนเผลอมองนานเกินไป..
((ฟ่างจะรอค่ะ!!))
"บายนะครับ"
ปิ๊บ.. "รบกวนรึเปล่า?" คำถามที่ถูกยิงเข้าใส่ทันทีที่ผมเก็บโทรศัพท์มือถือ ทำให้ผมต้องพิจมองร่างตรงหน้าอีกครั้งว่าเป็นคนเดียวกับคนที่เขินอายม้วนเมื่อวานแน่รึเปล่า
ผมไหวไหล่ "เปล่านี่"
"..ก็เหมือนกำลังนัดคนอื่นอยู่.."
"อย่างที่เห็น..แคนเซิลไปแล้วไง"
พอเห็นผมพูดสั้นๆ เรียวคิ้วบางก็ขมวดเข้าหากันเหมือนพยายามทำความเข้าใจ ก่อนจะร้องอ๋อ
"ต้องรีบไปทำธุระสินะ! ขอโทษครับที่ขวางทาง..."
...ไอ้หมอนี่มัน 'อันดับ1' ของชั้นปีผมจริงๆรึเปล่าฟะ... "ธุระกับคุณน่ะแหละ"
เขาหยุดถอยหลัง แล้วยกนิ้วชี้มาที่ตัวเอง "กับผม?"
"ใช่" ผมยักไหล่รับคำ
"ก็ไหนบอกว่าชอบ..." คำพูดนั้นทำให้ 'อักษร' หน้าแดงขึ้นมาอีกครั้ง ก่อนจะเม้มปาก "ก็ใช่..แต่.."
“แต่อะไร?”
“..ก็ทำไมอยู่ๆถึงจะไปกับผมล่ะ?”
“ก็ว่าง" ผมไหวไหล่ สะพายเป้ขึ้นบนบ่า "สรุปจะไปไม่ไป?”
“...ถ้าบอกว่าไม่ไปนี่คือผมพลาดแล้วสินะ...” “เดี๋ยวก่อนนะ..ถ้าคุณจะไม่ไปกับผมแล้วคุณมายืนรออะไรตรงนี้ล่ะ?!”
“เอ๊ะ!? ผม..ผมก็แค่....แวะมา" เขากระพริบตาปริบๆ ดูลนลานนิดนึงตอนที่ตอบ
“แวะมาอะไร?”
“แวะมาดูหน้าคุณ"
..เหมือนกันเลย.. จริงอยู่ที่สัมผัสได้ถึงกระแสตื่นตระหนกแบบเมื่อวาน แต่คำพูดแต่ละคำของเขาถูกเอื้อนเอ่ยออกมาอย่างไม่มีลังเล..ใช่...มันไม่มีความลังเลที่จะตอบเลย...เหมือนเมื่อวานเด๊ะๆ! เขาไม่ใช่คนขี้อายแน่ๆ...เขาแค่... 'ประหม่า' ..แล้วก็ติดจะมั่นใจนิดหน่อยด้วยซ้ำ
..เพียงแค่..
ก่อนหน้านี้..เราคุยกันน้อยครั้ง..น้อยครั้งมากๆ..ก็เท่านั้นเอง... ผมยกมือเสยผม "แล้วคุณจะเอายังไง?”
“เอาอะไรยังไง?”
“สรุปจะไปรึเปล่า?”
“ไปไหน?”
“นี่! ...หลังเลิกเรียนเค้าไปไหนกันล่ะ! ไปทานข้าวยังไงถามมาได้"
“ทานข้าวหรอ!?”
“เออ”
“กับผม?”
“เออ”
“จริงหรอ?”
เอาละ..ผมบอกตรงนี้ไว้ก่อนละกันว่าผมไม่ใช่คนที่อารมณ์ขึ้นๆลงๆหรือหงุดหงิดง่ายอะไรเทือกนั้นหรอกนะ..แต่คนตรงหน้านี่แสดงความสามารถพิเศษของเขาออกมาอีกอย่างหนึ่งนอกจากบรรดาเกียรติคุณเรียนดีมีความรับผิดชอบของเขา..ก็คือ...
เทคนิคในการยั่วประสาทผมแบบขั้นเทพ.. “เอาล่ะ" ผมพยายามสะกดอารมณ์ แล้วหยิบมือถือขึ้นมาอีกครั้ง
"ถ้าคุณจะไม่ไป..ผมจะชวนคนอื่นแล้วนะ" “เดี๋ยว!!”
ได้ผลชะงัด มือผอมเล็กรีบคว้าแขนผมไว้มั่น..ก่อนที่เขาจะลดมือลงช้าๆ
“เอ่อ...คือว่าผมมีประชุมคณะกรรมการนักเรียน...”
สิ่งที่อีกฝ่ายกำลังทำอยู่...คือการทำให้ผมไม่ก็เขาดูเป็นคนโง่สุดๆไปเลยล่ะ..
"...แล้วประชุม" ผมเกริ่น
"...โดดได้รึเปล่า?" "เอ๋?"
..นั่น..ทำหน้างงอีกแล้ว..คุณเลขานุการคนเก่งท่าจะ 'โก๊ะ' กว่าที่คิดแหะ ผมยิ้ม..มั่นใจว่าเป็นรอยยิ้มที่มัดใจสาวๆมานับต่อนับแล้ว ไม่มากและไม่น้อย..เพื่อนผมเคยบอกว่าแบบนี้เรียกว่ายิ้ม 'กรุ้มกริ่ม' ..มันมักจะทำให้คนมองลังเลใจได้เสมอ
"...ไปทานข้าวกัน...ไม่ได้เหรอ?" คำว่า 'ไม่ได้เหรอ?' ที่ตามมาในประโยคท้ายมักจะทำให้ผู้ฟังฉุกใจคิดหนัก และแสดงอาการกระอักกระอ่วนออกมาก่อนจะตอบ 'ตกลง' ในตอนท้าย ประกอบกับแอคติ้งที่ตุ๊กตาทองยังชิดซ้ายจะทำให้โอกาสสำเร็จมีสูงมากขึ้น..
ผมไม่ได้กำลังดีใจกับชัยชนะของตัวเองหรอก จริงๆนะ เพียงแค่นึกไม่ออกเลยว่าเขาจะกล้าปฏิเสธผมได้ยัง....
"ไม่ได้หรอก" ....ไง.. "ผมต้องประชุมกรรมการนักเรียนจริงๆ คุณจะรอแปปนึงได้มั้ยครับ? ไม่น่าเกินชั่วโมงนึงก็จะจบแล้ว หรือถ้าไม่จบ..ผมจะบอกพี่สิญจน์ว่ามีธุระแล้วขอออกมาก่อน.." ประโยคพูดฉะฉานราวได้รับการเตรียมการมาดีแบบนั้นทำเอาผมต้องยิ้มแหย นึกสมเพชการกระทำทั้งหมดของตัวเองขึ้นมาดื้อๆอย่างเสียมิได้
แถมด้วยท่าทางกระตือรือร้นสุดจะใสซื่อขนาดนั้นยิ่งทำให้เลือดในกายพลันเย็นเฉียบนึกอยากชะงักค้าง
แต่ก็ต้องเรียกสติกลับคืนมาเพื่อโต้ตอบบทสนทนาว่า
"...บอกว่ามีธุระ แล้วออกมาเลยไม่ได้หรอ?"
พอฟังดังนั้นอีกฝ่ายก็เริ่มมีปฏิกิริยาตอบสนองบ้างแล้ว แต่ก็ยังคงส่ายหน้า "ไม่ได้จริงๆครับ มันเป็นหน้าที่....."
"...แล้วถ้าผมบอกว่า 'ไม่รอ' ล่ะ?" ลองใช้ไพ่ตายสุดท้ายดูสักตั้ง ให้ตาย..ต่อปากต่อคำน่ารำคาญแบบนี้..แต่ทำไมผมถึงนึกว่ามัน 'สนุก' ได้ละเนี่ย..
เขาไม่ใช่คนตัวเตี้ย แต่เพราะความใกล้ในระยะหนึ่งเมตรบวกกับเชื้อสายต่างชาติครึ่งหนึ่งที่ไหลเวียนในตัวผมทำให้เขาสูงเพียงปลายจมูก อักษรเงยหน้าขึ้นช้อนดวงตาสีดำขลับนั้นขึ้นมาสบกับผม แล้วเผยอกลีบปากสีโอรสขึ้นเพื่อเอื้อนเอ่ยประโยคต่อกรที่ว่า...
"...รอ...ไม่ได้จริงๆหรอครับ?" โดนย้อนเลยไงละมึง.. ..เพราะอะไรบางอย่างมันทำให้ผมรับรู้ได้ว่า..ไอ้อาการซื่อบริสุทธิ์ดังกล่าว..ถูกกระทำขึ้นราวกับเป็น 'แผนการ' ของคนตรงหน้าชอบกล..
.....หรือผมคิดไปเองคนเดียว ไม่เคยมีใครบอกว่าอักษร อัครมณฑาเป็นมนุษย์สปีชีส์ที่รับมือยาก ยิ่งไปกว่านั้น..นี่ผมเป็นฝ่าย 'ถูกชอบ' ก่อนไม่ใช่หรอ? ทำไมถึงรู้สึกเหมือนตัวเองถือไพ่ต่ำกว่าชอบกลล่ะ? ตามธรรมดาแล้วควรจะตามใจผมไม่ใช่เรอะ? และโดยส่วนมากผมก็ไม่ใช่พวกที่ชอบเรียกร้องอะไรเว่อร์อยู่แล้วด้วย เพราะงั้นไม่ว่าจะเป็นใครก็จะทำตามข้อเสนอง่ายๆไม่ต้องคิดอะไรมาก..
…ก็แค่โดดประชุม..
…..ทำไม่ได้รึไงนะ? หรือเพราะนี่จะเป็นเหตุผลที่เขาคนนั้นเป็นที่ไว้วางใจของคนอื่นขนาดนี้?
..ว่าแต่.. ....ทำไมผมถึงมานั่งรอหน้าห้องประชุมได้ละเนี่ย... นาฬิกาบนข้อมือบอกเวลาหกโมงกว่า เสียงเพลงเคารพธงชาติจบไปหลายนาที พอผมขยับตัวหวังจะหาอะไรทำ ประตูคู่สองบานตรงหน้าก็พลันเปิดออกก่อน
แต่บรรดากลุ่มคนแต่งตัวเนี๊ยบผูกไทเรียบร้อยเหล่านั้น มีน้อยคนนักที่จะสังเกตถึงการมีอยู่ของผมที่หน้าประตูห้อง(นอกจากสาวๆนะครับ~ พวกนั้นน่ะโบกมือบ๊ายบายผมเกลียวกลาว) จนกระทั่งพวกเขาเดินออกไปเกือบหมด..
..แต่ผมก็ยังไม่เจอหน้าของคนที่ผมรออยู่.. ผมเตะฝุ่นเล่น2-3ที แล้วตัดสินใจชะโงกหน้าเข้าไปดูในห้องประชุมโล่งกว้าง จึงเห็นเครือข่ายสูงสุดของคณะสภานักเรียนยังคงง่วนอยู่กับกองเอกสาร..
..ร่างเล็ก..จะเรียกว่าเล็กนักก็ไม่เชิง เพราะหมอนั่นไม่ได้อรชรเหมือนผู้หญิง เพียงแค่ผอมจนเหมือนโครงกระดูกเดินได้ และทุกสัดส่วนราวกับจะหักได้ง่ายๆแบบนั้น..นั่นแหละ..กำลังจดยิกๆๆๆลงในสมุด พร้อมๆกับพี่พิงค์(รองประธานนักเรียน)กับพี่สิญจน์(ประธานนักเรียน)กำลังพร่ำพูดถกเถียงกันเรื่องอื่นๆ..ผมจึงได้รู้ว่าอักษรสรุปคำพูดไม่ได้สรรพเหล่านั้นลงสมุดนั่นเอง
นั่นคืองานของเลขา..
..แต่ก็เป็นแค่ส่วนน้อยจากที่เขาทำทั้งหมด.. "อ้าว เทียน" และคนที่สังเกตเห็นผมก่อนคือพี่สิญจน์ ผมเลยโบกมือยิ้มแย้มทักทายนิดหน่อย
ส่วนคนที่ผมรอน่ะสะดุ้งเฮือกขึ้นมาจากโต๊ะ แล้วร้องเสียงดัง
"ขอโทษครับ! จะรีบไปเดี๋ยวนี้ละครับ!"
..ท่าทางตื่นๆแบบนั้นก็..ไม่ได้..น่าเกลียดอะไรนี่หว่า.. "อา..ไม่ต้องรีบๆ รอได้" ผมยิ้มบางๆให้กับท่าทางกระตือรือร้นนั้น เขารีบโค้งขอโทษแล้วก้มหน้าก้มตาจดต่อไป
"เข้ามารอข้างในสิ"
พี่สิญจน์ยังคงครองตำแหน่งผู้ชายที่น่าหมายปองที่สุดได้ เขายิ้มหวาน..แต่ไม่ได้หวานแบบยั่วยวน ทว่ากลับดูดีมีสง่าราศี แล้วก็ติดจะเกินเอื้อมนิดๆ..แต่ไม่ได้หมายถึงผมไม่ชอบเค้าหรอกนะ ผมนับถือเค้าด้วยซ้ำ..เพราะเขาเป็นคนที่ใช้รอยยิ้มนั้นทำสิ่งต่างๆได้มากมายเกินกว่าที่คุณคิดได้เยอะนัก..
"ฮะ ขอบคุณครับ"
ผมก็ถือวิสาสะตามคำชวน เดินเข้าไปชะโงกหน้ามองกองงานเหล่านั้นใกล้ๆ
"อีกแปปเดียวครับ จะเสร็จแล้ว" อักษรรีบเงยหน้าขึ้นมาบอกผม แล้วคว้าๆกระดาษมาจดยิกๆด้วยความเร็วแบบที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อนในชีวิต
"นัดจะไปเที่ยวไหนกันหรอ?"
ดูเหมือนงานของพี่สิญจน์จะจบลงแล้วเลยหันมาถามผม
"ทานข้าวเย็นน่ะฮะ"
"...แปลกแหะ...สาวหมดแล้วรึไงเทียน?" พี่พิงค์ถามพลางเป่าหมากฝรั่งออกเป็นลูกโป่งลูกใหญ่ๆ คำถามที่เหมือนไม่ต้องการคำตอบเท่าไหร่แบบนั้นทำให้ผมทำได้แค่ฉีกยิ้มบางๆ
แต่คนที่โพล่งขึ้นมาก่อนกลายเป็นคนที่นั่งทำงานงุดๆจนถึงเมื่อครู่
"เปล่าฮะ เย็นนี้ผมเซ้าซี้เองละ!" ..แล้วนายจะประจานความสัมพันธ์ของเราตอนนี้ไปทำไมกันเนี่ย... คนฟังทุกคนในที่นั้นเงียบสนิท ไม่มีใครพูดอะไรเลยสักคำ...มีแต่ผมเนี่ยแหละที่ยืนปาดเหงื่อทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น ส่วนคนพูดก็ดูท่าทางจะไม่ทุกข์ร้อน...นั่งทำงานต่อไปจนถึงประโยคสุดท้าย
“โอเค แบบนี้เป็นไงฮะพี่สิญจน์"
เจ้าของนามรับกระดาษแผ่นนั้นมาดู "อา...เยี่ยมมากสมเป็นเธอจริงๆนะ งั้นรบกวนพิมพ์ให้พี่หน่อยสิ"
“แล้วซีกี่ชุดดีฮะ?”
“...สัก100ละกัน"
“ผมว่า150ดีกว่าครับ เพราะน่าจะต้องแจกอาจารย์ด้วย...ใช่มั้ยฮะ?”
“โอ้ เอาตามนั้นแหละ"
“เอ่อ...ษร...แล้วอาหารกลางวันของแขกล่ะ..?”
“เรียบร้อยแล้วครับพรุ่งนี้อาหารจะมาส่งก่อนเข้าคาบแรก แต่ผมยังไม่ได้ไปคุยกับอาจารย์.....”
แว่บหนึ่ง..ที่พี่สิญจน์เหลือบมามองผม แล้วหันไปพูดกับคนตัวเล็ก "รีบไปเถอะ เรื่องเล็กน้อยแค่นั้นเดี๋ยวพี่ทำต่อเองก็ได้....เอ้า เก็บของๆ!”
“อ...ขอบคุณครับ!”
อักษรรีบค้อมศีรษะให้อีกฝ่าย2-3ครั้งจนผมนึกขัน แล้วก็ใช้แขนเล็กๆนั่นกวาดข้าวของทั้งหมดลงกระเป๋าของตัวเอง เขาดูลนลานขึ้นมาดื้อๆเล่นเอาพี่พิ้งค์กลั้นหัวเราะแทบไม่ทัน
“ไม่ต้องเร่งขนาดนั้นก็ได้ ษร! เทียนมันจะหนีไปไหนได้ล่ะ..ใช่มั้ย?”
“ผม...เอ่อ...กลัวเค้าเปลี่ยนใจ..”
..นี่เขามองผมเป็นคนใจโลเลขนาดนั้นเลยเรอะ.. หลังจากรอเข้าเก็บของอยู่สักพักในใจก็นึกสงสัยว่าเขาจะหอบเหี้ยอะไรมาโรงเรียนเยอะแยะกันนะ..ห้องเด็กเส้นก็มีล็อคเกอร์อันใหญ่ไว้เก็บของแบบโคตรจะสบายแล้วไม่ใช่หรอ ขนาดพวกผมไม่มีล็อคเกอร์ยังยัดหนังสือเรียนทั้งหมดไว้ในเก๊ะเลย...แล้ว... กระเป๋าโน้ตบุ๊คอีก!? อะไรกันเนี่ย..!?
“เอ้า"
ผมเดินไปช่วยเขาหิ้วขึ้นมาใบหนึ่ง เขาทำตาเป็นประกายเหมือนกับว่าผมเป็นนักบุญชั้นสูงอะไรเทือกนั้นเลยล่ะ..
“รีบไปได้แล้ว"
“ครับ!..อะ! พี่สิญจน์พี่พิ้งค์บ๊ายบายครับ!”
“เออ กลับบ้านดีๆนะษร เทียน"
“อย่าโดนแมงดามันหลอกหมดตัวนะษร!” ..อูย..เจ็บจี๊ดเลยกู.. พอผมหันไปมองก็เจอพี่พิ้งค์แลบลิ้นใส่ ใช่ครับ..หล่อนเคยเป็นหนึ่งในบรรดาสาวๆที่พร้อมจะบริการผม..แต่ก็นั่นแหละ หล่อนรู้ตัวก่อนที่มันจะสายเกินไป และความฉลาดนั้นเองก็ทำให้พี่เค้าเป็นได้ถึงรองประธานนักเรียนของโรงเรียนนี้
บริการน่ะหรอ... “ทานข้าวเย็นใช่มั้ยครับ?”
อักษรถามผม ผมพยักหน้า
“อื้อ"
“คุณอยากกินอะไรเป็นพิเศษรึเปล่า?”
“อะไรก็ได้"
“คุณจะว่ายังไงถ้าจะกินพวก..อาหารญี่ปุ่น"
“แล้วแต่คุณเลย" ผมขยับยิ้ม หมุนตัวหันมาสบตา..พร้อมเลือกที่จะเดินถอยหลังออกนอกประตูโรงเรียน
“อย่าลืมสิ...ยังไงคุณก็ต้องเลี้ยง"TBC========================
ตามสัญญาฮว๊าฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟ
เนื่องจากเรื่องนี้จะแบ่งตอนแบบประหลาดนิดหน่อย(คือลงทีละ1/2น่ะค่ะ

)
ซึ่ง..อาจจะดูว่าอัพรึยังยากกว่าเรื่องอื่น 555
และก็ค่อนข้างจะเป็น...เอิ่ม..เรื่องสั้น
สำหรับเรื่องอื่นๆในซีรี่ย์นะคะ (เพราะเชื่อว่าถ้าคลิกเข้ามาคงต้องถามหาแน่ๆ 5555)
สีครามกานดาเอ็กซ์ไวน์(ม.ต้น)ปีใหม่กลอนฝากเรื่องใหม่ด้วยนะคะ

ขอบคุณสำหรับทุกคอมเม้นท์ค่ะ
ozaka*
