1st Day : The day we met again[2/2] ถ้าชอบ..ถ้าอยากอยู่ด้วย..ถ้าอยากจะใช้เวลาร่วมกันแม้เพียงชั่วเสี้ยววินาทีหนึ่ง..
..ก็ต้องมีอะไรมาแลก นั่นเป็น...สโลแกนของผมในตลอดเวลาที่ผ่านมา.. และ...สิ่งที่ผมแอบประหลาดใจนิดหน่อยก็ตรงที่ว่า..
..คนตรงหน้า..ดูเหมือนจะศึกษาเรื่องพวกนั้นมาอย่างดีเชียวละ..
“คุณอยากทานอะไร..สั่งได้ตามสบายเลยนะ!” 'อักษร' ฉีกยิ้มกว้างให้ผมระหว่างที่เขากำลังกางเมนู แล้วโบกมือเรียกพนักงานมาจดสั่งรายการอาหารแพงหูฉีกชนิดที่ว่าผมได้แต่นั่งนิ่งๆ เพราะนั้นเป็นทางที่ดีที่สุดที่จะไม่ออกอาการกระโตกกระตากเกินพอดี
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ผมมาทานอาหารโดยที่มีคนเลี้ยง..แต่เพราะทิวทัศน์ห้องกระจกเกือบจะส่วนตัวบนชั้นสูงสุดของโรงแรมหรูที่มองทอดออกไปเห็นวิวใจกลางเมืองยามค่ำคืนของกรุงเทพมหานครได้อย่างชัดเจนแบบนี้..อีกทั้งระดับการบริการและการตกแต่งภายในที่ออกไปทางญี่ปุ่นชั้นสูงขนาดนี้! ผมไม่ต้องย้ำสายตาลงมาที่ป้ายบอกราคาอาหารที่ยังไม่รวมภาษีกับเซอร์วิสชาร์จแบบนั้นหรอก..
และนี่เป็นหนึ่งในสิ่งที่ทำให้ผมรู้สึกว่า 'เขา' ต่างจากคนอื่นๆที่ผมเคยคั่วด้วย..สมแล้วที่เป็นเด็กเส้นลูกเศรษฐีอันดับต้นๆของโรงเรียนเกษรวิทยา...
ว่าแล้วก็ก้มมาดูเมนูอาหารที่มีแต่ปลาชั้นดีชิ้นบางๆ5-6ชิ้นในราคาครึ่งพัน...
..ให้ตาย..
..พวกคุณหนูนี่..ทำไมถึงได้กระเดือกอะไรแบบนี้กันได้ลงคอนะ.. “...ไข...เทียนไข"
เสียงเรียกของเขาทำให้ผมได้สติจากการคิดด่าตัวเลขหรือพ่อครัวพวกนั้นในทันที
“อืม?”
“เป็นอะไรน่ะ? ไม่ชอบอาหารญี่ปุ่นเหรอ? เปลี่ยนร้านมั้ย?”
เขาถามผมด้วยท่าทางลนลานนิดหน่อย นั่นทำให้ผมนึกขำ
“ไม่หรอก เอ่อ..คุณสั่งตามสบายเถอะ..”
“เรียบร้อยแล้วล่ะ" เขาดันเมนูไปวางไว้ที่ขอบโต๊ะ "เอาไข่ตุ๋นมั้ย? เราชอบมากเลย..สั่งให้แล้วล่ะ"
“อ้อ ขอบใจ"
"...เอ่อ....แปลกมั้ย? มันดูไม่ดีรึเปล่า?” “ไม่ดียังไง?”
“..ขอโทษนะผมไม่รู้ว่าจะทำยังไงดี ผมเคยศึกษาเรื่องออกเดทมาบ้างแต่ก็..” เขาผ่อนลมหายใจก่อนจะระบายยิ้มออกมา "..ไม่รู้เหมือนกัน..พอได้มาลองปฏิบัติแล้วตื่นเต้นนิดๆเนอะ..”
ผมพยักหน้าช้าๆ ไม่ค่อยใส่ใจที่เขาพยายามอธิบายเท่าไหร่
“..อาจจะเพราะผมชอบคุณมากมั้ง..” พรูดด!! ..จะมาเก็ทก็ประโยคสุดท้ายเนี่ยแหละ.. สำลักชาเขียวเย็นจนต้องหยิบทิชชู่มาเช็ดปาก พอเงยหน้าขึ้นมองคนตรงหน้าที่กลั้นขำทั้งหน้าแดงๆแบบนั้นก็รู้สึกแค้นอย่างบอกไม่ถูก..ให้ตายสิ..ผมโดนเลขานุการคนเก่งเล่นอีกแล้วใช่มั้ยเนี่ย..
“อย่างนั้นเหรอ..”
ผมพยายามตอบกลับไปเหมือนไม่ใส่ใจ เช่นกัน..อีกฝ่ายก็พร่ำเพ้อต่อโดยไม่สนใจผมเหมือนกัน..
“คุณคงไม่เข้าใจความรู้สึกนี้หรอกใช่ม๊า คุณเคยออกเดทกับผู้หญิงครึ่งโรงเรียนมาแล้วนี่..แต่ว่านะ..ผมเคยคิดมาตลอดว่าเดทแรกของเราจะต้องสร้างความประทับใจให้คุณมากๆ..แต่ครั้งนี้มันฉุกละฮุกไปหน่อยผมเลยไม่ได้เตรียม...ทั้งช่อดอกไม้สวยๆ ทั้งเปียโนหรือไวโอลิน..”
..นี่เขา..เห็นผมเป็นสาววัยทำงานรึไงกันวะ...
“ร้านนี้มีของแบบนั้นด้วยหรือ?”
“ไม่มีหรอก"
“อ้าว..”
“..ก็วันนี้ผมเปรี้ยวปากอยากกินซาชิมิน่ะครับ เรื่องโรแมนติกเว่อร์ๆแบบนั้นไว้ครั้งหน้าเนอะ"
..แล้วเอ็งจะพูดพร่ำมาทำไม!? เขายังไม่หุบยิ้มแม้ผมจะทำหน้าแบบ..คนระอาโลกสุดๆออกไปแล้วก็ตาม ดวงตาใต้แว่นกรอบบางยังคงเป็นประกายสดใสคล้ายกับว่าเขาไม่เคยมีความทุกข์อะไรมาก่อนในชีวิต..เหมือนเด็กๆแรกเกิด..และความสดใสนั่นทำให้ผมทนมองต่อไปได้ไม่นานนัก..
และเขาก็ถามต่อ
“คุณคง..ไม่เคยมีผู้ชายมาสารภาพรักใช่มั้ยครับ?” คำถามง่ายๆ..แต่ทำไมผมกลับรู้สึกเหมือนโดนหมิ่นเกียรติชอบกล..ที่จริง...การมีผู้ชายมาสารภาพรักไม่ใช่เรื่องที่จะเอามาโอ้อวดหรืออะไรทำนองนั้นก็เหอะ..
ผมกรอกตา “..ก็...ประมาณนั้น..”
“นั่นสิ เพราะผมไม่เคยเห็นคุณควงผู้ชายคนไหนมาก่อนเลยนี่นา"
..แค่คิดว่าต้องควงผู้ชายด้วยกันผมก็รู้สึกพะอืดพะอมแล้วแหะ.. “คุณไม่ใช่เกย์ แต่ผมก็คิดว่าถ้ามีผู้ชายมาบอกรักคุณก็คงไม่เป็นไร..เพราะว่า
'ไม่ปฏิเสธคนที่เข้ามา ไม่โหยหาคนที่จากไป' เป็นคติประจำใจของคุณนี่นา ไม่ว่าจะเพศไหนก็ตามจริงๆด้วย!"
“...มั่นใจขนาดนั้นเลยเหรอ?”
“แน่สิ"
“ถ้าผมปฏิเสธคุณขึ้นมาจะทำยังไง?”
“คุณไม่ทำแบบนั้นหรอก" วูบหนึ่ง..ที่ดวงตาคู่นั้นดูเหมือนจะเจาะเข้ามาในตัวผมได้
"คุณไม่ใช่คนแบบนั้น" ..แปลกใจมาตั้งแต่หลายประโยคก่อนหน้านั้นแล้ว..
.....เขา..ไปเอาความมั่นใจทั้งหมดทั้งมวลนี่มาจากไหนกันนะ... ผมตัดบทสนทนาด้วยการก้มหน้าเต๊าะตะเกียบเตรียมรออาหาร สาวบริกรในชุดพื้นเมืองของญี่ปุ่นที่เรียกว่าอะไรสักอย่างคลานเข่าเข้ามาวางชุดปลาดิบขนาดใหญ่ที่กลางโต๊ะ ที่จริงกินอาหารแพงขนาดนี้ในชุดนักเรียนมัธยมปลายผมว่ามันดูแปลกๆ แต่อีกฝ่ายก็ไม่ได้ยี่หระอะไร..
“ผมชอบซาชิมิของที่นี่ที่สุดเลยรู้มั้ย คิดว่าคุณต้องชอบมันด้วยแน่ๆ"
ผมไม่ได้ตอบอะไรเหมือนเคย เพียงแต่ใช้อาวุธหยิบเนื้อรสดีนั้นขึ้นมาชิม แล้วพยักหน้ารับเป็นอันจบ
เขายิ้มจนแก้มแทบปริด้วยหน้าแดงๆนั่น
“อร่อยใช่มั้ย?”
ผมพยักหน้าอีกครั้ง..ยังต้องให้ย้ำอีกทำไมเนี่ย..
“คนอื่นเลี้ยงคุณแต่ของหวานพวกเค้ก ขนมปัง ไอศครีมใช่มั้ยครับ? อ๊ะจริงสิ พวกสเต็กกับเนื้อย่างด้วยนี่นา ผมว่าแบบนี้ก็เปลี่ยนบรรยากาศไม่เลวเนอะ ถ้าคุณชอบผมสั่งให้อีกก็ได้นะ..”
..ไม่รู้ว่าคิดไปเองรึเปล่า ทำไมตอนนี้ผมรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นพวกพริตตี้สาวพราวสเน่ห์ที่มีเสี่ยหน้าเด็กคอยป้อเลี้ยงยังไงชอบกล..
อาหารมากมายละลานตาเรียงคิวกันเข้ามาเสิร์ฟจนเต็มโต๊ะอาหาร แต่ละอย่างประดับตกแต่งมีลูกเล่นพริ้งพรายสายงามน่าทานสมกับเป็นอาหารระดับภัตราคารห้าดาว..จะว่าประทับใจกับ 'เดทแรก' ครั้งนี้อย่างที่เขาวาดหวังมั้ย..แน่นอนว่าใช่..เพราะปกติก็ไม่ได้มีคนกระเป๋าหนักขนาดนี้เดินเข้ามาหาผมสักเท่าไหร่..
“ทานไม่หมดเก็บกลับบ้านได้นะครับ เดี๋ยวผมสั่งห่อให้เลย.....
น้องก้านธูปน่าจะชอบนะ"
..กึก.. “คุณรู้จัก...น้องชายผม?” “อ้อออ!” เขากรอกตาเหมือนตั้งใจจะหาข้อแก้ตัว "ผมเป็นหนึ่งในคณะกรรมการนักเรียนครับ แค่ข้อมูลผู้อยู่อาศัยเบื้องต้นในบ้านของนักเรียนแต่ละคนน่ะผมจำได้อยู่แล้ว หนึ่งในงานของเลขาน่ะ...”
“.....จริงเหรอ?”
“จริงสิครับ ถ้าไม่เชื่อก็ยกตัวอย่างใครสักคนมาได้เลย!”
ผมหลุบตาลงพยายามนึกชื่อใครสักคนมาอ้างกับเขา คนแรกที่วิ่งเข้ามาเลยก็คือ.. “กลอน..ล่ะ?”
“โห่ย คุณจะยกตัวอย่างบุคลากรแสนง่ายอย่างนั้นไปทำไมล่ะครับ ล้อผมเล่นรึเปล่า?”
“เอาน่า บอกมา..เท่าที่คุณรู้"
เขาวางตะเกียบ ยกมือเคาะเบาะๆบนโต๊ะเพียง3ทีก็เริ่มบรรยาย
“กลนวิทย์ สิงขรอาจ..เรียนอยู่ชั้นเดียวกับพวกเราห้องความสามารถพิเศษ ซึ่งห้องเดียวกับคุณและบังเอิญเหลือเกินที่นั่งด้านหน้าคุณพอดี..เพราะงั้นผมไม่แปลกใจนักที่คุณจะพูดชื่อนี้ออกมาเป็นชื่อแรกเพราะปอยผมหางเต่ายาวๆนั่นเป็นทิวทัศน์เดียวที่คุณจะเห็นในคาบเรียน..."
..รู้ขนาดตำแหน่งที่นั่งเลยแหะ.. "อ่า...กลอนเข้ามาด้วยความสามารถ 'เสียง' ที่อาจารย์มดพาตัวเข้ามาเมื่อ5ปีที่แล้ว และด้วยรูปร่างหน้าตาความสามารถดังกล่าวทำให้ทะยานขึ้นเป็นอันดับ4ของ 'รักร้าย รุ่น17' ได้ในปีแรกทันที กลอนมีพี่สาวคนเดียวชื่อ พี่กาพย์ หรือ กัญยภา สิงขรอาจ..ดาวคณะนิเทศน์ม.C ชื่อดังที่รับจ็อบเป็นนางแบบให้นิตยสารวัยรุ่นมากมาย พ่อแม่ทำงานเมืองนอกด้วยกันทั้งคู่..ส่วนอาชีพค่อนข้างจะอธิบายให้เข้าใจยากนิดนึง ปัจจุบันกลอนยังไม่ได้สังกัดอะไรเป็นพิเศษ...ที่จริงมีเรื่องเลวร้ายในอดีตแต่ผมคิดว่าไม่ควรพูดให้คนฟังมากมายนักดังนั้น....”
..กลอนมีพี่สาวคนนึงพอจะรู้บ้าง แต่เรื่องพ่อแม่ทำงานอะไรเนี่ยไม่เคยถาม..
..รู้..มากกว่าที่ผมรู้จักเพื่อนคนนี้ด้วยซ้ำ.. ก็เข้าใจหรอกนะว่าผมเองไม่ค่อยได้ใส่ใจคนรอบตัวมากมายเท่าไหร่ แต่ความจริงที่ว่าไอ้ข้อมูลเหล่านั้นมันขุดมาจากไหนก็ทำให้ผมต้องต่อคำ
“...ข้าวฟ่างล่ะ?”
“นั่นเป็นหนึ่งในกิ๊กคุณนี่นา!”
..ก็..ไม่รู้ว่าจะเอาใครแล้วนี่หว่า.. อักษรไม่ได้ว่ากล่าวอะไรต่อ เขาจิบน้ำชา..แล้วพ่นข้อมูลเหมือนประจุในคอมพิวเตอร์
“ชุติมา เลิศมงคล..ลูกสาวคนสุดท้องของสมาชิกวุฒิสภาชัยเกียรติใช่มั้ยครับ? ม.3ห้องเด็กทุน..มีพี่ชาย3คน แต่ละคนก็เซี้ยวๆทั้งนั้น อาจจะเพราะถูกเลี้ยงมาค่อนข้างตามใจกระมังเลยค่อนข้างเอาแต่ใจ มาโรงเรียนสายบ่อยๆจนขี้เกียจจดชื่อแล้วล่ะ..เท่าที่ผมจำได้คือคุณคั่วน้องเข้ามาตั้งแต่ปีที่แล้วและยังไม่มีแนวโน้มว่าจะเบื่อ หรือก็คือคุณยังไม่ได้กับน้องเค้า เพราะคุณถือคติว่าต้องเปลี่ยนจากเด็กหญิงเป็นนางสาวก่อน ดังนั้นต่อให้เธอยั่วยวนคุณมากแค่ไหนคุณก็ไม่แลเลย...แต่...เธอก็จัดเป็นเด็กสาวที่โตเร็วมากนะครับจากสัดส่วนรูปร่าง ถึงกระนั้นถ้าพลาดพลั้งเสียทีให้คนอย่างคุณได้เนี่ยคุณโดนท่านสว.จับเชือดชัวร์ป้าบ..! มีดาร์คไซด์..พึงระวัง”
..ข้าวฟ่างนี่..เป็นคุณหนูขนาดนั้นเชียว..? “น้องเค้าชอบพาคุณไปกินเค้กร้านน่ารักๆใช่มั้ยครับ? พวกที่มีลูกไม้เยอะๆสีชมพูๆน่ะ ดูหวานแหววเหมาะกับคู่รักมาออกเดทมากเกินไปหน่อย...แต่คุณก็เป็นคนประเภทที่ว่าไม่บ่นหรอกเพราะมันเป็นของฟรี ดังนั้น...”
“พอแล้วล่ะ ช่างมันเถอะ..”
“เอาใครต่อมั้ยครับ?”
“ไม่แล้วล่ะ..พูดต่อไปฉันคงได้ชื่อปู่ย่าตาทวดของข้าวฟ่างมาครบแน่ๆ”
ผมโบกมือปลงๆ แต่ก็อดทึ่งในความสามารถนั้นไม่ได้..
ใช่..มองปราดแรกก็รู้ได้ทันทีแล้วล่ะว่าคนตรงหน้าเป็นพวกเด็กเรียนจ๋า แล้วก็มีไอคิวฉลาดล้ำเป็นเลิศ..และถ้ามองรอยยิ้มนั้นดีๆจะรู้ว่าเขาก็เป็นพวกอัธยาศรัยดีและมีลูกเล่นในการพูดการจา แต่ต่อให้มองปราดดูทั้งตัว..ผมก็ไม่เห็นจะเข้าใจเลยว่าเขาเอาความจำเรื่องแบบนั้นไปเก็บในเมมโมรี่ส่วนไหน...
..หรือบางทีเขาอาจจะทำงานเป็นเครื่องจักรกลเลยก็ได้..
ผมได้ยินมาว่าพวกคณะกรรมการนักเรียนชุดนี้เป็นผู้วิเศษ เป็นซูเปอร์ฮีโร่..หนึ่งคือพวกเขาสามารถจัดการปัญหาทุกอย่างที่เกิดขึ้นภายในโรงเรียนได้เพียงแค่กระพริบตา ผมเองก็ยอมรับในความสามารถนั้นจากท่ีอยู่ภายใต้การปกครองมาเป็นปี...
ถึงแม้ว่าจะไม่เคยเห็นใครเข้าไปเปลี่ยนชุดในตู้โทรศัพท์ก็เถอะ.. ...คนตรงหน้า...ที่ภายนอกดูเหมือนเป็นแค่เด็กแว่นตัวขาวผอมโกรกเหมือนถั่วงอกไม่โดนแสงแดดแบบนั้น...ก็คงมีอะไรบางอย่างซ่อนอยู่เช่นกัน...
“ไข่ตุ๋นที่นี่พิเศษมากเลยล่ะครับ ผมรู้ว่าคุณไม่แพ้อาหารทะเลเลยคิดว่าไม่มีปัญหา อร่อยใช่มั้ยฮะ?”
“อืม ก็ดี"
“แล้วของหวาน..ผมชอบโมจิไอศครีมชาเขียวกับถั่วแดงร้อนมากเลยล่ะ เมนูแนะนำเลย! คุณต้องชอบแน่ๆ”
“หวานรึเปล่า?”
“หวานกลมกล่อมกำลังดี ไม่เลี่ยนเหมือนพวกเค้กหรอกครับ"
“อ่าฮะ"
“ผมรู้จักที่นี่เพราะเป็นโรงแรมของเพื่อนในห้องน่ะ คุณรู้จัก 'สีคราม' ใช่มั้ย? เป็นหนึ่งในรักร้ายรุ่น17เหมือนกันเลย แต่ผมมาทานครั้งแรกกับพ่อแม่น่ะนะ ท่านไม่ค่อยชอบอาหารญี่ปุ่นเท่าไหร่..."
“นี่" “ครับ?”
“ปกติแล้ว..คุณพูดมากแบบนี้รึเปล่า?” ผมยิงคำถามที่ค้างคาใจมานานตั้งแต่เราก้าวเท้าเข้ามาในร้านแล้วล่ะ เขากระพริบตาปริบๆก่อนจะยกมือกลั้นขำ แล้วค่อยตกลงอธิบาย
“ก็แบบนี้แหละครับ แค่คิดว่าถ้าเงียบเกินไปคุณอาจจะเบื่อ...ก็เลยคิดว่าพูดมากๆไว้ก่อนดีกว่า...คุณเป็นคนไม่ค่อยพูดด้วย น่าจะชอบคนพูดมากๆนะ"
“แล้วถ้าผมรำคาญล่ะ..”
“ผมว่าผมไม่ได้พูดถึงระดับที่คุณจะรำคาญ...แต่ถ้าคุณอยากให้ผมเงียบก็พูดขึ้นมาคำเดียวได้เลย! ผมไม่ถือนะ..!”
“ก็ไม่ได้รำคาญอะไรหรอก..”
..แก้เบื่อ..ได้ไม่เลวเชียวล่ะ.. ยอมรับได้ในเสี้ยววินาทีที่เขาเป็นมนุษย์ที่สามารถพูดจ้อเรื่องจิปาถะต่างๆโดยไม่สนใจเลยว่าผมจะฟังเขาอยู่รึเปล่า อย่างไรก็ดี..อย่างน้อยเขาก็ไม่เรียกร้องให้ผมตอบรับหรือปฏิเสธในเรื่องต่างๆแบบผู้หญิงคนอื่น..ที่พอเห็นว่าผมไม่ฟังพวกหล่อนก็จะวี๊ดๆไม่พอใจ
“คุณ...คาดหวังอะไรจากผมรึเปล่า?” ..ผมถามเพื่อความแน่ใจ มันควรเป็นหนึ่งในข้อตกลงก่อนที่เราจะเริ่มความสัมพันธ์แบบนี้กัน...
เขาขยับยิ้มกว้าง ยื่นหน้าเข้ามาใกล้
"ผมน่ะ..จะไม่เป็นหนึ่งในกิ๊กของคุณหรอกนะ...” ผมเลิกคิ้ว รู้สึกรักตัวเองที่ไม่หลุดคำบ้าๆอย่าง 'อ้าว' หรือ 'เอ๋' ออกไปให้น่าขัน
“ผมไม่ชอบอยู่ในบทบาทที่ซ้ำใคร ดังนั้นผมจะไม่เป็นหนึ่งในกิ๊กของคุณแน่นอนไม่ต้องห่วง...คิดดูละกันถ้าคาสโนว่าสุดหล่ออย่างคุณเกิดเดินควงกับผู้ชายจริงๆเรตติ้งไม่ตกงั้นหรือ? เพราะงั้นคุณไม่จำเป็นต้องเสียเวลาคิดว่าต้องทำอะไรเพื่อคนอย่างผมเลย..โทรศัพท์ คำพูดหวานๆ การเอาอกเอาใจ..ไม่จำเป็นเลยแม้เพียงสักนิด..”
เขาอธิบายขึ้นมาตรงกับที่ผมต้องการจะบอกเขาโดยไม่พูดทุกประการ
..และเป็นความจริงที่ว่าผมก็เผลอนั่งฟังและคิดตามสิ่งที่เขาพล่ามมาแทบจะทุกประโยค..
“...แค่เพียงให้ผมได้อยู่เคียงข้างคุณ...” แว่บแรก..ผมคิดว่าสิ่งที่เขาบอกว่าชอบผมมันอาจจะเป็นเพียงคำลวง..
แต่อาจจะเป็นเพราะดวงตาคู่นั้นใสแจ๋วและส่องประกายเหมือนนัยน์ตาของเด็กทารกแรกเกิดกระมัง..ที่ทำให้ผมมีความรู้สึกคล้อยตามอย่างไม่น่าเชื่อเลยจริงๆ..
ดวงหน้าขาวเจือรอยสีชมพูจางๆที่ข้างแก้มขณะระบายยิ้มหวาน แล้วก้มหน้าหลบตาเพื่อกระซิบแผ่ว
“........นั่นเป็น... 'ความรัก' ที่ผมปรารถนาล่ะ...”TBC================
สั้นเนอะ วี๊ดดด บูม!
คือว่าจะลงเป็นวันๆไปค่ะ(ถึงได้ชื่อว่าวันแรกไง..) ทีนี้คิดว่ามันจะยาวเกินไปเลยตัดครึ่งวัน
ปรากฏ....สั้นซะงั้น! 55555555555555555555555555
ไม่เป็นไร ครั้งหน้าเราจะอัพเต็มวันแล้ว ไม่เสี่ยงทิ้งช่วงแบบนี้ดีกว่า ;_; ขอโทษนะคะ!! ฮือออ
มาช้าดีกว่าไม่มา
มาน้อยดีกว่าไม่อัพ
ไม่ได้ดองนะเอ้อ!! ;[];
ขอบคุณสำหรับทุกคอมเม้นท์ค่ะ
ozaka*

ปล. อย่าทวงเอ็กซ์ไวน์ในนี้จะเป็นการดีมากค่ะ...;;__;; สงสารน้องเทียนน้องษร...