__________, ปรารถนา "รัก" . . เป็นดั่งใจ ,__________ [ จบแล้วจ้า ]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: __________, ปรารถนา "รัก" . . เป็นดั่งใจ ,__________ [ จบแล้วจ้า ]  (อ่าน 570892 ครั้ง)

ออฟไลน์ Monkey D lufy

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +245/-4
อักษรยังน่ารักเหมือนเดิม  อิอิ

ว่าแต่เทียนมีปัญหาอะไรกับแม่กันน่ะ 

winewind

  • บุคคลทั่วไป
ติดตามมาหลายเรื่องแล้ว ชอบพี่โอมากกกกกกก เป็นกำลังใจให้น้า  :D   o13

ออฟไลน์ runma

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 169
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
เทียนครับ แล้วก็ถึงวันที่เทียนได้ตกหลุมของอักษรจนหมดใจซะแล้ว
หลับก็เห็นหน้า ตื่นก็คิดถึงกันขนาดนี้ บอกความในใจให้รู้กันเลยดีมั๊ยครับ
อยากเห็นอักษรยิ้มหน้าแดงอย่างมีความสุข ที่คนที่ตัวเองหลงรักคิดเหมือนกัน
 :m4:

faratellll

  • บุคคลทั่วไป
   “ได้ไปหมดแล้วล่ะ..”. ได้ไปหมดแล้วจริง จริง หัวใจเจ๊เนี่ย :laugh:
อย่างงี้ เขาเรียกว่า"แคร์". ได้ป่าวเทียนไข :-[ นู๋อักษรเค้ามีดีจริงนะเอ่อ

P.S. เทียนไขมันช่างไม่มีแสงสว่างจริง จริง จนได้เจอนู๋ษรของเจ๊

ออฟไลน์ ordinary_girl

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 57
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
อักษรรรรรรรรรรรรรร น่ารักไปมั้ยค่ะ
แรงเบาๆนะคะ ชอบอ่ะ
เทียนก็เริ่มจะรู้ตัวเองมากขึ้นทุกที
อ๊ายยย อ่านแล้วเขินค่ะ
เป็นนิยายที่เรื่อยๆแต่น่ารักมากกกกกกกกกก
มาต่อเร็วๆนะคะพี่โอ

ออฟไลน์ ozaka

  • ตัว "โอ" เป็นอะไรได้มากกว่าที่คุณคิด
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 200
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1818/-38
    • ozaka's blog







9th Day : It's a Long, Long night [1/2]











   ..พรุ่งนี้วันอีฟ..


   ผมรู้สึกบาปชะมัดที่หลงลืมวันแบบนี้ทั้งที่มันค่อนข้างสำคัญในศาสนาตัวเอง  และสาเหตุที่ทำให้ผมจำได้น่ะหรือ..ก็คือการที่เห็นเจ้าต้นไม้ยักษ์ถูกรถบรรทุกขนเข้ามาในโรงเรียนต่อหน้าต่อตาแบบนี้น่ะสิ...

   เมื่อเช้ายายไม่ได้พูดอะไร  ท่านคงเหนื่อยมาก..จากสภาวะกดดันทั้งทางโรงพยาบาลทั้งความกังวลในอกอีก  และถึงแม้จะร่วมด้วยช่วยกันประกาศแจ้งหาไปทุกภาคทุกสน.แล้วก็ใช่ว่าจะวางใจได้ง่ายๆ  ทางตำรวจบอกว่านี่เป็นหนึ่งในหน้าที่รับผิดชอบของพวกเขา..สำหรับผมน่ะคิดๆอยู่แล้วว่าจะปล่อยๆไป  ตามมีตามเกิด..แต่ดูเหมือนยายจะไม่ใช่แบบนั้น  ก็ลูกในไส้ทั้งคนนี่นะ..



   เอาเถอะ  หลักๆของเรื่องนี้ก็คือผมก็แค่เป็นหนึ่งในบรรดานักเรียนอีกหลายๆคนที่ต้องเข้าร่วมงานฉลองแบบนี้  ทั้งเหล่าบรรดาพุทธศาสนิกชนทั้งหลายก็ได้อานิสงค์มาปาร์ตี้กันด้วย  ผมไม่แคร์เท่าไหร่..แต่การจะฝืนธรรมเนียมปฏิบัติก็ดูจะใช่ที่  เอาล่ะ..เย็นนี้ผมต้องรีบกลับบ้าน  พาก้านธูปไปโบสถ์..อืม..แปลกใจชะมัดว่าทำไมยายถึงตั้งชื่อพวกเราซะไทยแท้แลละม้ายกำลังเข้าวัดเข้าวาขนาดนี้นะ...เทียนไข  ก้านธูป  ดอกบัว..
   ....ดอกบัว....
   คิด  แล้วก็ถอนหายใจออกมายาวเหยียด  จริงอยู่ที่ผมแอบยินดีกับงานฉลองพวกนั้นไม่น้อย  แต่เรื่องบางเรื่องมันก็ชวนให้ละเหี่ยใจ...เสียเกินจะแก้...


   “เทียน!!  อย่าอู้ดิวะ! มาช่วยกันหน่อย!”

   ใครสักคนร้องเรียกชื่อผมออกมา  จะมีก็แต่พวกเด็กห้องทุนที่ไม่ค่อยจะรู้อะไรกับเขาเท่านั้นแหละที่เรียก...พวกเด็กเรียนดี..แต่เบ๋อไบ๋กันทั้งคณะ...
   ผมกลอกตาอย่างเหนื่อยหน่าย  แต่ก็ยอมลุกขึ้นจากอัฒจรรย์เดินไปตามทางที่พวกมันเรียก
   “มึงตัวสูงอ่ะ  ติดให้หน่อย  เอาสูงๆ"
   เด็กสาวผิวแทนยื่นกระดิ่งสีแดงอันโตให้ผม  เธอเป็นหนึ่งในผู้หญิงไม่กี่คนที่กล้าเข้ามาใกล้ผมขนาดนี้โดยปรารถนาจะเป็นแค่เพื่อน  ซึ่งเป็นการดี..จิ๊บไม่ใช่ผู้หญิงที่รู้จักวางตัวอะไรนักก็จริง  แต่ก็พูดได้ไม่เต็มปากว่ามันเป็นผู้หญิง
   ผมถอนหายใจออกมาหนึ่งเฮือกใหญ่ๆเลยโดนมันถองให้หนึ่งที  แล้วก็จำใจต้องเอื้อมมือไปติดตามที่มันต้องการ
   “มึงเป็นคริสต์เหรอ?”
   “เปล่า"
   “แล้วมาช่วยทำไม?”
   “เลขอ่ะ  กูไม่อยากเรียน"
   ..สาบานได้นี่มันคำพูดเด็กห้องทุน..

   ผมยังไม่ทันจะพูดอะไรต่อใครอีกคนก็ยัดเยียดบันไดมาให้ผมถือ  ไอ้ครั้นจะหิ้วมันไว้เฉยๆก็ดูโง่เกินไปนิด  ผมยอมเสียสละกางแล้วส่งสัญญาณให้จิ๊บปีนขึ้นไป  มันไม่ได้ว่าอะไรแถมยังขอบอกขอบใจเสียดิบดี..เพราะฉะนั้นหน้าที่ผมต่อจากนี้ก็เป็นแค่ลูกมือมันเท่านั้นแหละ..สบาย
   ไม่นานผมก็ได้ยินเสียงพี่สายสิญจน์เอ่ยสั่งงานมาตลอดทางที่เดินเข้ามา  ความเคยชินทำให้ผมหันไปมอง...ร่างสูงพูดอะไรสักอย่างที่ผมฟังไม่ทัน  โดยมีใครอีกคนที่ผมจำได้ว่ามาจากห้องทุนเหมือนกันคอยตามจดต้อยๆ

   “เช็ครายชื่อแขกผู้มีเกียรติทั้งหมดรึยัง? บัตรเชิญแจกหมดแล้วนะ”
   “เอ่อ...ขาดประธานสมาคมศิษย์เก่าครับ  คนเดียว...เค้าย้ายบ้า..."
   ร่างสูงกว่าไม่รอให้พูดจบ “ไปจัดการให้เรียบร้อย"
   “ครับพี่สิญจน์"

   “ลัษ  พี่ไม่คาดหวังจะให้เธอทำได้ทุกอย่างเหมือนอักษรหรอกนะ...แค่นี้ก็เก่งมากแล้ว  ขอบใจนะ"

   ..บอกผมที...ว่านั่นเป็นคำขอบคุณไม่ใช่คำด่าเคลือบน้ำตาล..ภายใต้ใบหน้ายิ้มๆแบบนั้นน่ะ..


   ผมไม่รู้หรอกว่าสิ่งที่พี่สายสิญจน์ต้องการจากเลขานุการจะเป็นแบบไหน  แต่ที่รู้คืออักษรดูเหมือนจะมีสิ่งเหล่านั้นครบครันอย่างไม่น่าประหลาดใจเท่าไหร่  ผมพนันหมดตัวเลยว่าตั้งแต่เกิดมาเขาคงไม่เคยทำให้ใครผิดหวังด้วยซ้ำ..

   “เทียน ขอดาว...ดาวเฟ้ยดาว!”
   เสียงจิ๊บเรียกอีกครั้งให้ผมได้สติ “อันไหน?”
   “สีทองย่ะ"
   “อ่ะ"
   “เทียน  จิ๊บ  เหนื่อยหน่อยนะ"
   “เหนื่อยหน่อยนะฮะ/คะพี่สิญจน์"
   เราหันไปตอบพร้อมกัน  พี่แกเพียงแค่ส่งยิ้มมาแล้วเดินจากไป  ก่อนที่ไอ้จิ๊บจะกระซิบว่า
   “โอ้ยยย อย่าให้พี่แกจับได้เลยว่ากูโดดเรียน"
   ผมไหวไหล่ "..กูว่าเค้ารู้แล้วแต่ไม่พูด"
   “ฮึ้ยยยย  อย่าพูดแบบนั้นดิ"
   การพูดตอกย้ำต่อไปดูเหมือนจะไม่ใช่วิสัยผมนัก  ผมยื่นดาวสีทองอีกอันให้จิ๊บต่อขณะปราดสายตามองไปรอบๆโรงยิม  จึงได้เห็นบรรดานักเรียนในชุดพละมาร่วมด้วยช่วยกันปูผ้าจัดไฟเสียเรียบร้อย..อาจเพราะห้องบางห้องที่เรียนพละในคาบนี้แต่โรงยิมใช้ไม่ได้เลยจำเป็นต้องมาช่วยงานก็ได้กระมัง

   ผมไม่ได้ใส่ใจจริงๆจนกระทั่งเหลือสายตามาเห็นนายสีคราม โกสินทร์วิตรมในชุดพละที่ช่วยคนอื่นๆขนโต๊ะ

   แรกทีเดียวผมคิดจะหันไปถามจิ๊บว่าวันนี้ห้องเด็กเส้นเรียนพละเหรอแต่ก็ไม่กล้ากระโตกกระตาก  ผมไว้ใจเพื่อนสาวคนนี้ไม่ได้...ถ้าหากมันจับอะไรได้สักอย่างล่ะก็รู้ไปทั่วโรงเรียนแน่ๆ  ดังนั้นมันไม่คุ้มเสี่ยง...
   ทางเลือกเดียวที่เหลืออยู่คือหาคำตอบด้วยการพิจารณาเด็กพละพวกนั้นเรียงตัว  จึงได้บทสรุปตามข้อสันนิษฐานแรก..

   ..คาบวิชาพละของห้องเด็กเส้น..


   และเชื่อว่าต่อให้ผมไม่พยายามหา  ผมก็ต้องเอะใจบ้างแหละ...แต่เหมือนเดิมคือผมคงไม่คิดจะไปถามหา 'อักษร' เอากับไอ้จิ๊บแน่ๆ...


   “เฮ้  เหม่อไรของมึงวะ!”
   จิ๊บทักอีกครั้ง  ผมพูดทันที
   “เดี๋ยวกูมา"
   “อู้เหรอไอ้เทียน!”
   “เดี๋ยวกูมาน่า"
   ผมวางตะกร้าใส่ของประดับไว้บนขั้นบันไดถัดลงมาจากที่ไอ้จิ๊บนั่งอยู่  มันดูกระฟัดกระเฟียดมิใช่น้อยแต่ก็ยอมตะโกนเรียกคนอื่นมาใช้แรงงานแทน  ความอัธยาศรัยดีเป็นเอกลักษณ์ของยัยนั่น...ถึงมันจะค่อนไปทางคำว่า 'เสือก' แต่ก็ไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกแย่เท่าไหร่  ดังนั้นไม่ถือแน่นอน..

   สีครามหันมาทางผมโดยที่ไม่ต้องให้ผมตะโกนเรียกด้วยซ้ำ  นั่นเป็นข้อดี..เพราะผมจะได้ไม่ต้องเสียหน้าด้วยการทักอะไรเขาก่อน  มันดูมีพิรุธเกินไป

   “ไง เทียน"
   เขาทักทายด้วยใบหน้ายิ้มแย้มเหมือนคนที่มีความสุขที่สุดในโลกกับผม..ที่ยกมือทักตอบแล้วกระแอมกระไอ
   “เรียนพละเหรอ?”
   ..ถามทั้งๆที่รู้อยู่แล้ว  อีกฝ่ายพยักหน้า
   “ใช่  แบดน่ะ...แต่เห็นโรงยิมจัดงานอาจารย์ก็เลยให้มาช่วยๆกัน"
   “อ้อ"
   ผมพยักหน้าหงึกหงักมองไปรอบๆ  เคราะห์ดีที่ไม่ค่อยมีใครอยู่ในรัศมี5เมตรนี้เท่าไหร่  สีครามเป็นคนที่ไว้ใจได้..คือ..อย่างน้อยผมก็ว่าเขาเก็บความลับอะไรทำนองนี้เก่งพอสมควร  หรือเอาให้ถูกก็คือสีครามคิดว่าเรื่องแบบนี้พูดไปก็ไม่ได้ประโยชน์อะไรซะมากกว่า..ดังนั้น...
   “..มีอะไรรึเปล่า?”
   เขาชิงถามก่อนซะงั้น  ผมถอนหายใจ “มี"
   “อ่าฮะ" สีครามพยักหน้า แล้วเอียงคอยิ้ม "อะไรล่ะ?”
   “.........”

   ..เรื่องดำเนินมาถึงจุดที่ยากที่สุดแล้วครับ..

   ก้อนอะไรบางอย่างวิ่งขึ้นมาจุกอยู่ที่คอผม  มันทำให้สถานการณ์ดูอึกอักแบบแปลกๆ  ผมไตร่ตรองอยู่เพียงครู่เดียวเพื่อหาคำถามที่อ้อมที่สุด..คำถามที่ทำให้ผมเขินน้อยที่สุด

   “เอ่อ...พวกนาย...ห้องนายน่ะ...อยู่ที่นี่กันทุกคนรึเปล่า?”

   คู่สนทนากระพริบตาปริบๆ มองไปรอบๆ "ก็..ไม่มั้ง  บางคนก็ไปหอสมุดน่ะ  บางคนก็โดด"
   “อ้อ  อย่างนั้นเหรอ"
   “จะหาใครเหรอ?”
   ผมหลุบตาลง เอาล่ะ..ท่าทางจะไม่มีเวลามาคิดมุขตายๆอะไรอีกแล้วล่ะ..


   “............อักษร..อยู่มั้ย?”


   “อ้ออออออ" เท่านั้นแหละ  รอยยิ้มสว่างๆที่อยู่บนใบหน้าอีกฝ่ายกลับเหมือนมีนัยอะไรขึ้นมาฉับพลัน  ผมไม่กล้าสบกับนัยนต์ตาพราวระยับคู่นั้นจึงได้แต่เสมองไปเรื่อย  ระหว่างที่เขาอธิบาย "ไม่อยู่หรอก  ปกติแล้วอักษรก็ไม่ต้องเข้าคาบพละอยู่แล้วน่ะ...คิดว่าน่าจะอยู่ที่ห้องพยาบาล...."
   “ห้องพยาบาล?”
   ผมทวนคำทันทีอย่างไม่เข้าใจคำพูดนั้น  สีครามมองหน้าผม..ก่อนจะหลบตาทันควัน
   “เราเผลอพูดอะไรผิดไปสินะ....”
   “อะไร?”
   “เปล่า  ก็แค่คิดว่าบางทีนี่อาจไม่ใช่เรื่องที่เราสมควรเป็นคนพูด.....”
   “พูดอะไร?”

   อกที่นิ่งสงบอยู่จนถึงเมื่อครู่พลันขยายแน่นขึ้นมาจนอัดอึด  ผมรู้ได้เลยว่าตัวเองหายใจได้ลำบากขึ้น..อย่างมีสาเหตุ...

   อีกฝ่ายพยายามยิ้มกลบเกลื่อน..แบบที่มันทำเป็นปกติ
   “...เราต้องไปแล้วล่ะ"

   “ไอ้สีคราม"


   “ห้องพยาบาล  เทียนไข  ห้องพยาบาล"
   เขาเอื้อมมือมาตบไหล่ผมปุๆ  คล้ายกับว่ากำลังให้กำลังใจ..หรือเท่าที่ผมเข้าใจมันคือการตัดบทกลายๆ..

   “ไปห้องพยาบาล"











----------










   แอด..

   การเปิดประตูอย่างร้อนใจแบบนี้ทำให้อาจารย์เจ้าของแว่นตากรอบบางและผมยาวรวบตึงประจำห้องพยาบาลตกใจไม่น้อย  เจ้าหล่อนหันมามองหน้าผม..เช่นกัน..ผมก็มองหน้าเธอ  ก่อนจะพูด
   “.....ปวดหัว...ครับ”

   ..ไม่เข้าใจตัวเอง...ทำไมเวลาแบบนี้ถึงพูดตะกุกตะกักได้ขนาดนี้กันนะ..

   อาจารย์ขยับยิ้มคล้ายจับได้  ในขณะที่ผมเริ่มวางตัวไม่ถูก
   “แพ้ยาอะไรมั้ย?”
   “ไม่ครับ  เอ่อ...” ผมกลอกตา  สูดลมหายใจเข้าลึกๆ "ผมทานแล้ว  แค่...อยากจะ เอ่อ นอนพัก....สักคาบ....”
   “อ่าฮะ"
   “....หรือบางทีอาจจะสองคาบ"
   เธอหลุดขำออกมา  ก่อนจะลุกขึ้นจากเก้าอี้หน้าโต๊ะทำงานเดินมาจนถึงหน้าประตู  เปิดสมุดบันทึกที่วางอยู่แล้วเลื่อนมาตรงหน้าผม
   “กรอกชื่อนะ  แล้วเข้าไปนอน..ผู้ชายประตูขวา  มีนักเรียนคนอื่นนอนอยู่ด้วยอย่างเสียงดังล่ะ"
   “ครับ"

   ผมหยิบปากกาด้วยมือสั่นเทา  เลยต้องใช้อีกข้างจับมันไว้ดีๆ..ให้ตายสิ  ร้อยวันพันปีผมแทบไม่เคยต้องทำอะไรแบบนี้  ไม่สบายเหรอ? อยากนอนพักเหรอ? ก็แค่หาห้องว่างๆสักห้องไว้โดดเรียนหรือนอนเล่นกับพวกผู้หญิง..ไอ้เรื่องทำถูกทำนองคลองธรรมแบบนี้เคยปฏิบัติซะที่ไหน


   ..โป๊ะเชะ..

   ชื่อ 'อักษร อัครามณฑา' ..ถูกบันทึกไว้ก่อนหน้าผมคนนึง...



   ผมวางปากกา  เหลือบสายตามองอาจารย์ที่กำลังพิมพ์อะไรสักอย่างใส่คอมพิวเตอร์..เธอไม่ได้สนใจผม  ถือว่าโชคดี..

   ประตูห้องนอนพักเป็นบานผลักเพียงครึ่งเดียวเหมือนประตูในหนังคาวบอย  เพื่อที่อาจารย์จะสามารถสอดส่องดูแลนักเรียนได้อย่างทั่วถึงโดยไม่ต้องเข้ามาในห้อง  อย่างไรก็ดี..ผ้าม่านที่กั้นอยู่ระหว่างเตียงแบบนี้ก็สร้างความเป็นส่วนตัวให้ไม่น้อย  ผมมองปราดไปเรื่อย..ทั้งห้องมีเพียง3เตียง  เตียงริมหน้าต่างถูกจับจองเรียบร้อยแล้ว...และผมไม่ต้องเดาเลยว่าใคร


   การแหวกม่านเข้าไปอย่างถือวิสาสะแบบนี้โคตรจะเสียมารยาท  แต่ผมก็ทำ

   ดวงหน้าขาวจนเกือบซีดมุดลงแทบจะจมลงไปกับปลอกหมอนสีเขียวอ่อนจนเห็นเพียงเสี้ยวหน้า  อักษรหลับตาพริ้มด้วยริมฝีปากหยักที่มุมนิดหน่อยคล้ายกับว่ากำลังยิ้มอยู่แม้ในขณะหลับ...ผ้าห่มสีเข้าชุดกันกระเพื่อมขึ้นลงตรงหน้าอกที่มีมือข้างหนึ่งวางอยู่  อีกฝ่ายเป็นคนหายใจเร็วและสม่ำเสมอ...นั่นไม่ได้ทำให้ผมแปลกใจนัก


   ผมเลือกที่จะเดินเข้าไปใกล้เขา  เอื้อมไปดึงผ้าม่านกันแดดที่สาดส่องลงมาให้ปิดสนิท  เขาจะได้ไม่ร้อน..ดูจากเหงื่อซึมชื้นที่ไรผมสีดำนี่ก็รู้แล้ว...
   ......มีเรื่องมากมายที่อยากจะถาม...
   ......แต่การปลุกคนที่กำลังหลับสนิทนี่ดูจะไม่ดีเท่าไหร่...


   ผมทิ้งตัวนั่งลงบนขอบเตียงเขา  แล้วหันไปมองเสี้ยวหน้านั้นชัดๆนานๆอีกสักหน..อักษรไม่ใช่ผู้ชายที่เตี้ยอะไรเลย..แต่เพราะปริมาณกล้ามเนื้อที่น้อยเหลือเกินนี่กระมังทำให้เขาดูตัวเล็กนิดเดียว...ข้อมือบางโผล่พ้นแขนเสื้อนักเรียน...มีสีขาวจนเหมือนกระดูก..ตามต้นคอนี่ก็เหมือนกัน...


   รู้สึกตัวอีกทีปลายนิ้วผมก็ไล้ตั้งแต่ใบหูนิ่มนั่นลงมาจนถึงซอกคอขาวๆนั่นซะแล้ว..


   ..บางที...

   ...ผม..อาจจะมองข้ามอะไรบางอย่างไป...



   เข็มวินาทีเหมือนจะหยุดอยู่ตรงนั้น  ตอนที่อักษรลืมตาขึ้นมาช้าๆ..อาจจะเพราะอุณหภูมิของผิวของเราต่างกันเล็กน้อย..ไม่ตัวเขาเย็นเกินไปก็เป็นเพราะมือผมเนี่ยแหละที่ร้อนผ่าว  แต่เอาเป็นว่าผมไม่ได้ละมือออกมาเหมือนที่ควรจะเป็น..
   ...ซ้ำร้าย..กลับค่อยๆเชยคางของอีกฝ่ายขึ้นมาเสียอย่างนั้น...

   ผมมองเข้าไปในดวงตาคู่นั้น...ที่ภายในใสแจ๋วจนสะท้อนภาพของผมชัดเจน...ชัดทุกวินาทีที่ผมค่อยๆโน้มลงไปใกล้...จนกระทั่งเห็นดวงตาคู่นั้นปรือลงช้าๆ.....



   “ผม...ฝันไปรึเปล่า...”



   เสียงของเขาดังแผ่วเหมือนติดขัดตอนที่ปลายจมูกของเราชนกัน  ผมเผยอริมฝีปาก..รู้สึกลำคอแห้งผากแต่ก็จำเป็นต้องตอบออกไป..
   “..ไม่ใช่......”




   กริ๊งงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง.........~




   เฮือก!!

   เสียงมือถือที่ร้องขึ้นมานั่นไม่ได้ดังลั่นจนน่าตกใจ  แต่ก็ทำให้หัวใจที่แทบจะหยุดเต้นเมื่อครู่กลับระรัวขึ้นมาตูมๆจนผมทำอะไรไม่ถูกนอกจากดันตัวให้ให้ลุกขึ้นมานั่งตัวตรงแล้วเสยผมแก้เก้อ
   อีกฝ่ายก็ดูจะลนลานไม่แพ้กัน  เขารีบคว้าเจ้ามือถือที่วางอยู่ข้างหมอนมากดตัด  แล้วอธิบาย
   “ขอโทษครับ  ผม..ผมตั้งปลุกไว้..”
   ..อะไรมันจะพอดีขนาดนั้น..
   ผมถอนหายใจออกมาทอดหนึ่ง  สาเหตุประการแรกเพราะหงุดหงิดใจอยู่มิใช่น้อย  ส่วนสาเหตุประการที่สอง...คือไม่รู้จะทำอะไรดีนอกจากนั่งเก๊กขรึมแล้วถอนหายใจฆ่าเวลา
   “คุณ....เอ่อ...มาทำ....?”
   “ผมไม่สบาย" ผมสวนควับ "ว่าจะมา...นอน"
   เขาตาโต “เอ๊ะ?  เป็นอะไรมากรึเปล่าครับ!?”
   “ไม่หรอก  นอนสักตื่นก็คงหาย"
   “แล้วยา...”
   “กินแล้ว" ผมโกหกเรื่องเดียวกันสองครั้งในเวลาไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง..น่าชื่นชมชะมัด "คุณล่ะ  เป็นอะไร?”
   “ผมก็...ปวดหัวนิดๆ"
   “โกหก"
   “เปล่านะ!”


   “สีครามบอกว่าคุณไม่ต้องเข้าเรียนพละ"

   ผมยิงคำถามตรง  คิดว่าถ้านั่งนิ่งๆต่อไปบรรยากาศมันคงจะเป็นใจให้อะไรๆมันเลยเถิดกว่าเดิมแน่ๆ

   “มันหมายความว่ายังไง?”


   ข้ออ้างสารพัดสารพันที่ผมเชื่อว่าคนอย่างอักษรคงคิดมันออกมาได้ง่ายๆแน่ๆผุดขึ้นมาเต็มไปหมดในหัว  ไม่ว่าจะเป็นคำโกหกหรืออะไรก็ตาม..ผมพร้อมจะฟัง  บางทีคนเราก็จำเป็นต้องโกหกเพื่อให้ใครอีกหลายๆคนสบายใจ  ทั้งนี้อยู่ที่ทักษะความชำนาญในการโป้ปดของคนพูดด้วย...ว่าจะเนียนมากน้อยแค่ไหน

   ผมภาวนา..ให้เขาพูดอะไรสักอย่าง...
   ....แต่ความเงียบที่ผมไม่ต้องการกลับเกิดขึ้น

   มันง่ายชะมัด  เพียงแค่ไม่มีใครพูดอะไรก็สร้างความอึดอัดได้ขนาดนี้...ง่ายเกินไปแล้ว..



   ผมหันไปมองหน้าเขา  อีกฝ่ายไม่ได้หลบตาเหมือนที่ผมคิด..เขามองหน้าผมด้วยแววตานิ่งงัน..ไม่มีแม้กระทั่งการกระพริบตาหรือกลบเกลื่อนใดๆทั้งนั้น..
   ในที่สุดเขาก็เอ่ยออกมาจนได้..
   “สีคราม..บอกว่าอะไรนะครับ?”
   ผมไม่รู้ว่าเขาต้องการอะไรจากคำถามนั้น "บอกว่าคุณไม่ต้องเข้าเรียนพละ  และอยู่ที่นี่"
   “เขาบอกอะไรอีกรึเปล่า?”
   “...อย่างน้อยก็ไม่ได้บอกในเรื่องที่คุณสมควรบอกผม"
   “งั้นผมไม่บอก"
   “อย่ามียียวนน่า"
   “ผมไม่ได้ยียวน  เพียงแค่..ผมไม่เห็นสาเหตุอะไรที่ต้องบอก"
   “คุณเป็นอะไร?”
   “ผมไม่ได้เป็นอะไรนี่"
   “ผมถามว่าคุณเป็นอะไร?”
   “ผมก็บอกแล้วไงว่าผมไม่ได้เป็นอะไร"
   คำพูดแถสีข้างถลอกขนาดนั้นทำให้ผมฉุนขึ้นมาดื้อๆ "นี่  อย่ามาชวนทะเลาะได้มั้ย?”
   “...ผมไม่ได้ชวนคุณทะเลาะ"
   “แล้วที่ทำอยู่เรียกว่าอะไร?”
   “เทียน  ผมไม่เข้าใจ...ผมก็แค่ตอบคำถามของคุณแต่คุณกลับมาหาว่าผมชวน....”
   “เงียบน่ะ"
   “เทียน...”
   “แค่บอกผมมาว่าคุณเป็นอะไร..”
   “หอบ" เขาสวนควับ “โรคตลาดของลูกคุณหนู  คุณก็รู้..เด็กในเมืองใครก็เป็นได้ทั้งนั้น"
   ผมมองหน้าเขา  เขาหลบตาผม
   “ให้ตาย...คุณโกหก"
   “ผมเปล่า"
   “บอกความจริงมา"
   “ผมเป็นหอบ  นั่นเป็นความจริงทั้ง....”


   ตึง!!

   ..อาการฉุนจัดแบบนี้ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยนัก  อย่างน้อยก็ไม่ได้เกิดตั้งแต่ที่ผมมีเขาเข้ามาเกี่ยวข้องในชีวิต...และขนาดที่ต้องใช้กำลังรุนแรงเพื่อผลักเขาจนติดชนักเตียงนี่ก็ดูไม่ใช่ที่เท่าไหร่  เป็นหนึ่งในไม่กี่ครั้งที่ผมปล่อยให้อารมณ์มีอำนาจเหนือการตัดสินใจแบบนี้..
   ...แย่ชะมัด...
   เขาเงยหน้ามองผมทันทีที่ตั้งสติได้  แม้จะมีท่าทีเจ็บปวดกับต้นแขนที่ถูกผมบีบไม่น้อย...แต่ดวงตาคู่นั้นดูไม่ยอมแพ้ทีเดียว  และให้ตายสิ..วินาทีนี้มันกลับดูกวนตีนสิ้นดี..

   ผมข่มอารมณ์ฉุนให้อยู่ในระดับกลาง  ขณะกดเสียงต่ำ "อยากโดน...นักใช่มั้ย?”

   คู่สนทนาเชิดหน้าพร้อมรอยยิ้ม


   “อยากทำก็ทำเลย  ไม่ต้องขู่..ผมพร้อมมานานแล้วล่ะ"


   ..เป็นอีกครั้ง..ที่เขาทำให้หัวใจอันร้อนรุ่มของผมสงบลงได้ในประโยคเดียว..
   ผมปล่อยมือจากแขนของเขาแล้วถอนหายใจ  อีกฝ่ายยังคงนิ่งอยู่ตรงนั้นนิ่งๆคล้ายกับว่ากำลังดูสถานการณ์  ซึ่งมันดีแล้ว..อย่างน้อยไอ้คำพูดหยอดไม่รู้จักกาลเทศะแบบนั้นก็ทำให้ผมยิ้มออก...แบบนิดๆน่ะนะ

   เขายิ้มตามผม "ขอบคุณครับที่เป็นห่วง  ผมไม่เป็นไรจริงๆ"
   “ใครบอกกันว่าผมเป็นห่วงคุณ"
   “อันนั้นผมคิดเข้าข้างตัวเองเองล่ะ"
   บ้าชะมัด..เราสองคนเริ่มต้นเถียงกันเมื่อไหร่ผมแพ้ทุกทีสิน่า "ผม...จะนอน"
   “งั้นผมจะอยู่เงียบๆนะ"
   “ตามใจคุณสิ"
   ผมหันหลังถอดรองเท้าหนังสีดำวางไว้ไม่เป็นระเบียบก่อนทิ้งตัวนอนลงบนเตียง  พอหันไปก็สบกับนัยน์ตาใสแจ๋วที่อยู่ในท่านอนตะแคงมองหน้าผมพร้อมเสร็จสรรพ..ด้วยรอยยิ้ม..รอยยิ้มที่ทำเอาผมเขินอย่างบอกไม่ถูก..เลยได้แต่พลิกตัวหันหนีอย่างกระฟัดกระเฟียด....เหมือน...เด็กๆ....
   ...แย่ชะมัด...
   ...ไอ้ความรู้สึกแบบนี้มันทำให้คนอย่างผมกลายเป็นคนงี่เง่าได้ในทันทีสิน่า...

   พอกันที  ยิ่งคิดยิ่งสับสน..ดูผมสิกลายเป็นไอ้บ้าปัญญาอ่อนยังไงก็ไม่รู้  แต่ทำไมทุกการกระทำของอักษรไม่เห็นจะงี่เง่าเหมือนที่ผมกำลังทำอยู่สักนิดกันนะ? หรือนี่คืองี่เง่าของเขาแล้ว? ไม่น่าเป็นไปได้แหะ...


   “ฝันดีนะครับเทียน"


   เขาพูดออกมาคำหนึ่ง..เสียงไม่ได้ดังอะไรเลยด้วยซ้ำถ้าเทียบกับเสียงหัวใจของผมเอง  แต่มันกลับทำให้รู้สึกเหมือนเขาอยู่เพียงแค่ผมพลิกหน้าไป  ใกล้เพียงแค่เอื้อมมือ...
   สิ่งสุดท้ายที่ผมเห็นก่อนจะตัดสินใจหลับตาคือมือของผมเอง..มือที่ยังมีสัมผัสนุ่มละมุนของอีกฝ่ายอยู่จางๆ  ไม่สิ..ที่จริงมันไม่ได้นุ่มละมุนหรอก..ติดจะแข็งซะด้วยซ้ำ...คำว่ากระดูกดูจะมากไปหน่อยสำหรับร่างกายนั้น...แต่มันก็คือกระดูกจริงๆซะด้วย  ผิวหนังนุ่มๆที่ห่อหุ่มกระดูกต้นคอนั้นให้ความรู้สึกดีใช่เล่น...และ...
   ....และอะไรอีก......
   ผมหลับตาลง  กลั้นใจหยุดความคิดสุดจะคุกคามทางเพศพวกนั้นซะให้เกลี้ยง



   นี่มันชักจะ...มากไปแล้ว...









« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 17-09-2012 18:27:33 โดย ozaka »

ออฟไลน์ ozaka

  • ตัว "โอ" เป็นอะไรได้มากกว่าที่คุณคิด
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 200
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1818/-38
    • ozaka's blog








----------










   ..ฮะ ฮะ..


   ได้ยินเสียงใครบางคนหัวเราะ...ดังมากจากที่ไกลแสนไกล..


   ..ฮะ ฮะ ฮะ ฮะ ฮะ ฮะ..



   เสียงเล็กแหลมสูงปรี๊ดไม่ได้ยาวต่อเนื่อง..ที่ค่อยๆทวีความดังขึ้นเรื่อยๆในโสตประสาท  ผมหลับตาแน่นพร้อมยกมือปิดหู...ผมโคตรเกลียดเสียงนี้  เสียงหัวเราะแบบเสแสร้ง...ไม่ได้มีความจริงใจหลงเหลืออยู่เลยสักนิด...
   ใช่..เสียงหัวเราะนั้นดังสลับกับน้ำคำสบถด้วยอารมณ์ภาษาฝรั่งเศสที่ผมฟังไม่รู้เรื่อง..ไม่รู้เรื่องเลยสักนิดแต่ก็ยังติดอยู่ในความทรงจำ  น้ำเสียงที่แสดงความหยาบโลนของเนื้อหาออกมาอย่างชัดเจนแบบนั้นแทบไม่ต้องเสียเวลาเดาเลยด้วยซ้ำ  ผมเกลียดคำพูดพวกนั้น..เกลียดทั้งๆที่ไม่รู้ว่ามันหมายความว่ายังไง...


   ตุบ!

   ตุบ!



   มือเรียวเล็กที่กำจนแน่น..แน่นขนาดที่ทำให้เล็บที่ไว้จนยาวสวยหักทิ่มเข้ามาบาดเนื้อบนฝ่ามือ  ก่อนที่เจ้าของกำปั้นทั้งสองจะออกแรงทุบลงไปบนหน้าท้องกลมกลึงที่นูนออกมาผิดปกติ

   ..ฉันไม่ต้องการแก!
   ภาษาไทย..ใช่  ดังและชัดมาก..
   ....ฉัน...ไม่ต้องการแก..!!

   หยุดเถอะ..พอที...


   ผมประสานมือแน่น  เฝ้าสวดภาวนาให้เสียงทุกอย่างจบอยู่แค่ตรงนั้น..แต่ดูเหมือนมันจะไม่เป็นผลเอาซะเลย..ในเมื่อเสียงกรีดร้องโหยหวนที่ดังลั่นจนแทบจะบาดหัวใจของผมให้แตกออกเป็นเสี่ยงๆอย่างนั้นยังดังตามมา...และดูเหมือนจะยิ่งดังขึ้นเรื่อยๆด้วยซ้ำ.......

   ...อย่า...พอที...
   ...อย่าทำน้อง...




   ......ได้โปรด....อย่าทำน้อง.....!!





   “...ยน...เทียน!”


   เฮือก!!
   ผมลืมตาขึ้นมาอีกครั้งเมื่อเสียงเรียกชื่ออันคุ้นเคยดังขึ้น...ใกล้มากพอที่จะเอื้อมมือไปสัมผัสได้  ชั่ววูบนั้นเองที่ความดำมืดเข้าครอบงำสายตา..ผมลืมตาขึ้นมาทั้งๆที่มองไม่เห็นอะไร...มืด...สนิท...
   ...มืด...ไปหมด...

   “..เทียนครับ"

   อีกครั้งหนึ่ง..ที่เหมือนมีใครจุดไฟขึ้นมา...
   เงาดำมืดที่บดบังคลางสายตาค่อยๆเลือนหายไปช้าๆ  ฝ้าเพดานสีขาว..ม่านกั้นสีเขียวอ่อน..ผมกระพริบตาถี่ๆไล่ความรู้สึกเมื่อครู่นี้ไปสิ้น..ก่อนจะตัดสินใจหลับตาลงอีกครั้งเพื่อรวบรวมสติ
   ..ผม..อยู่ที่ห้องพยาบาล..

   “เทียนครับ?”
   “...ครับ"

   “คุณเป็นอะไรรึเปล่า?”

   คำถามนั้นทำให้ผมสัมผัสได้ถึงความเย็นชื้นที่หางตา..ผมน้ำตาไหลนิดๆตอนหลับ  และเชื่อว่าเป็นกันได้หลายคนเนื่องจากการทำงานอัตโนมัติของต่อมน้ำตาที่ไม่ได้มาจากความเศร้าเสียใจหรืออะไร  ตาแห้ง..และนั่นคือกลไกอันน่าพิศวงของร่างกายมนุษย์ที่ขับสารออกมาเพื่อขจัดสิ่งผิดปกตินี้..

   “สบายดี"
   ผมรู้ตัวว่าทิ้งช่วงนานเกินไปกว่าจะตอบ  มือเล็กเอื้อมมาแตะหน้าผากผม
   “คุณตัวร้อนนิดๆนะครับ"
   “..มือคุณเย็นเกินไปต่างหากล่ะ"
   สวนควับ..ก่อนจะยันกายขึ้นช้าๆเพื่อมองอีกฝ่ายที่นั่งอยู่ข้างๆเตียง  อักษรยิ้มให้ผม..ที่จริง..หน้าเขาตอนไม่มีแว่นนี้เกลี้ยงนัก...คนทั่วไปคงทักว่าหน้าจืด  แต่ผมไม่เห็นว่าเป็นอย่างนั้น...
   เขาหยิบแว่นมาสวมทันทีที่เห็นว่าผมจ้อง "คาบเรียนเลิกแล้วล่ะครับ"
   “อา...” ผมพยักหน้า..นี่ผมหลับไปนานใช้ได้เลยนะเนี่ย.. “คุณ...อยู่ตรงนี้ตลอดเหรอ?”
   “ครับ ก็นอนข้างๆคุณ" อักษรพยักหน้า  ก่อนจะส่ายหน้ารัว "ไม่ใช่นะ  ผมหมายถึง  เอ่อ  เตียงนี้..เตียงข้างๆคุณ!”
   อะไรบางอย่างทำให้ผมยิ้มออกมา “ผมเข้าใจ"
   “คุณไม่เข้าใจหรอก...”
   ผมไม่ได้ใส่ใจคำพูดนั้น "คุณโดดเรียนหรือ?”
   “ครับ  แต่ก็คุ้มอยู่นะ"
   ..เอาเข้าไป..
   ก่อนที่เขาจะพล่ามเรื่องปริมาณความสุขที่วัดไม่ได้จากการแอบมองหน้าผมตอนหลับ(นี่ผมคิดเข้าข้างตัวเองแบบสุดๆแล้วล่ะนะ...)  ผมก็ตัดสินใจลุกขึ้นจากเตียงเพื่อจัดเครื่องแต่งกายให้เรียบร้อย  สวมรองเท้า..อา..ไม่ได้ปลดเนคไทนี่เองมิน่าถึงอึดอัดพิกล..

   ...ฝันร้ายอีกต่างหาก...

   ผมไม่ใช่เด็ก  ไม่ได้ฝันร้ายมานานแล้ว..หรือพูดให้ถูกคือผมไม่ได้ฝันมานานแล้ว  'ฝัน' คือบทสรุปของการนอนหลับไม่สนิทที่จะทำให้พักผ่อนไม่เพียงพอ  ไม่ว่าจะฝันดี ฝันร้าย หรือฝันเฟื่องก็เถอะ  อะไร..ผมก็คิดว่ามันไร้สาระทั้งนั้น  เอาละ  ที่นี้ทุกคนคงสรุปได้ว่าผมมันช่างมืดมนไร้อนาคตโดยไม่มีข้อกังขาแล้วสินะ..

   พอผมหันไปมองอีกฝ่ายที่..กลับไปนั่งจุมปุ๊กบนเตียงอีกรอบ  เลยต้องเอ่ยออกมา
   “ไม่ไปเหรอ?”
   เขาเงยหน้าขึ้นมายิ้ม "ครับ  กำลังไป"
   บรรยากาศในวินาทีนั้นดูเหมือนจะเงียบงันลงทันตา  ผมมองเขา..ที่ไม่ได้มีท่าทีจะทำตามอย่างที่ตั้งใจสักนิด...

   ..ทำไม..ถึงหน้าซีดได้ขนาดนั้น..

   ...หน้ามืด?


   ผมสันนิษฐานได้ถึงอะไรบางอย่าง..บางทีมันอาจจะมากไป..แต่ผมก็ไม่ควรมองข้าม  และถึงจะเอะใจแค่ไหนแต่จิตใต้สำนึกของผมกลับบอกว่าไม่ควรพูดนัก..ตราบใดที่อีกฝ่ายยังใช้พลังทั้งหมดเพื่อปกปิดมันเอาไว้ล่ะก็...

   เนื่องจากความเงียบไม่ใช่ตัวช่วยที่ดีนัก  ผมจึงตัดสินใจทำลายมันด้วยเสียงรองเท้าของผมกระทบกับพื้นกระเบื้องหินอ่อน  เขากำลังยกหลังมือเช็ดหน้าผากตอนที่ผมเดินไปถึงตรงหน้า  พร้อมมีท่าทีตกใจมิใช่น้อยที่เห็นผมนั่งยองๆลงไปแทบเท้าเขา..
   แรกทีเดียวผมนึกไปเองว่าเขาจะพูดอะไรสักอย่างเพื่อแก้อาการเขิน  แต่กลับกัน..เขาไม่ได้พูดอะไรเลย  และการที่เป็นอย่างนั้นทำให้ผมไม่กล้าเงยหน้าขึ้นไปมองเขาด้วยซ้ำ  แถมยังทำเอาลมหายใจติดขัดอย่างบอกไม่ถูก..ทั้งๆที่ผมทำแค่ประคองเท้าเขาให้สวมในรองเท้าหนังดีๆเท่านั้นเอง...

   ไม่นานผมก็ลุกขึ้นยืนแสร้งทำเป็นว่าไอ้เรื่องเมื่อครู่ช่างปกติธรรมดานัก  และพอมองเขา...ที่ใช้ดวงตาคู่นั้นทอดมองผม

   “...ขอบ..ขอบคุณครับ...”




   ...ผมคิดว่า...ผมกำลังถลำลึก...

   .....จน..ยากจะถอนตัวออกมาได้...





   แกรก

   “อ้าว..ยังไม่ไปกันอีก  โรงเรียนเลิกแล้วนะ"



   อาจารย์ห้องพยาบาลเดินเข้ามาพอดีกับจังหวะนั้น  ผมลนลานมากพอจะก้าวออกมาจากรัศมีของม่านกั้นเตียง..พยายามทำสีหน้าท่าทางให้กลายเป็นปกติมากที่สุดทั้งๆที่รู้..ว่ายากนัก..
   อักษรลุกขึ้นยืน "กำลังจะไปครับอาจารย์"
   ผู้สูงวัยกว่ามองเขา  แล้วยิ้มให้โดยที่ไม่พูดอะไรเลย..ผมไม่ใช่คนช่างสังเกต..แต่รอยยิ้มนั้นดูมีอะไรบางอย่างชอบกล..บางอย่างที่ผมเข้าไม่ถึงและคงไม่เข้าใจมันในเร็วๆนี้..

   พวกเราทั้งคู่ยกมือไหว้อาจารย์ก่อนเดินออกจากห้องพยาบาล  เราไม่ได้พูดอะไรเลยจนกระทั่งไปถึงตึกเรียน..ผมตัดสินใจลาเขาเพื่อขึ้นไปเก็บกระเป๋าที่ห้องก่อนตึกเรียนจะปิด  อักษรไม่ได้ค้าน..และทำแบบที่ทำเหมือนปกติก็คือยิ้มให้พร้อมโบกมือ  หรือบางที..หัวใจเขาอาจจะเต้นแรงพอๆกับหัวใจผมตอนนี้ก็เป็นได้..





   ผมคิดว่าเรื่องที่อั้นอยู่ในอกนี้ไม่จำเป็นต้องพูดให้เขาฟัง  และคิดว่าในสถานการณ์ที่ความหวั่นไหวเข้ามามีอำนาจทางจิตใจเช่นนี้ก็ควรจะควบคุมมันให้อยู่  ไม่ใช่..ปล่อยให้เลยตามเลย..




   ...ใจเย็นก่อน...

   ...เรื่องแบบนี้ไม่จำเป็นต้องรีบ...ค่อยๆคิดก็ได้...






   ผมหยุดยืนอยู่หน้าประตูโรงเรียน  มองกลับไปอีกครั้งเพื่อตัดสินใจว่าจะอยู่รอเขาดีรึเปล่า.......







   หมับ!!



   วินาทีนั้นเองที่สัมผัสได้ถึงใครบางคนที่วิ่งเข้ามากอดผมหมับจากด้านหลัง  มันชวนตกใจพอๆกับหนังสยองขวัญสักเรื่องที่คนไทยเป็นคนสร้าง..ทว่าผมตั้งสติได้นิ่งกว่าพระเอกในหนังมากนัก..
   เพราะความอ่อนนุ่มของทรวงอกทำให้ผมสันนิษฐานได้ทันทีว่าเป็นผู้หญิง  พวกนั้นชอบเล่นอะไรแบบนี้แล้วให้ผมเดา  แต่ตอนนั้นผมไม่อยากไล่รายชื่อทายว่าใครอีกต่อไปแล้ว..สิ่งที่ผมต้องทำคือแกะมือหล่อนออกให้เร็วที่สุด  อย่างน้อยก็ก่อนที่อักษรจะมา...

   “ปล่อย....”



   “...ฮะ ฮะ ฮะ"


   ..เสียงหัวเราะแหลมสูง...ทำเอาหัวใจผมแทบจะหยุดเต้น..



   “hide and seek...~”



   พี่ยามหน้าประตูตกใจถึงขนาดต้องลงมาจากป้อมเพื่อเดินตรงมาทันที  ผมยืนเกร็ง..ความตกตะลึงยังมากกว่าความเจ็บแปลบบนแผ่นอกที่ถูกปลายเล็บแหลมจิกกรีดลงทะลุเสื้อราวกับต้องการกระชากเครื่องในผมออกมาให้หมด  ผมมองตรงไปด้านหน้า..กระจกสีดำของห้องปกครองที่อยู่ไกลออกไปไม่มากสะท้อนออกมาฉายภาพของคนที่อยู่เบื้องหลัง..

   ภาพนั้นทำให้ผมรู้สึกเหมือนมีใครบางคนเอาหินแข็งๆมาวางไว้บนคอ..ไม่อาจทำให้ผมขยับไหวติงจนกระทั่งลมหายใจอุ่นร้อนกระทบลงบนใบหู..





   “......I found you~”









TBC




===================

ครึ่งตอนค่ะ! ตอนนี้มันยาวจ้า






อัพเร็วเนอะ 555 ที่จริงไม่เรียกว่าเร็วหรอกค่ะแต่ปกติแม่งอัพเดือนละครั้ง..
คิดว่าไม่อยากให้รอกันนานเพราะเรื่องนี้มันหน่วงมาก ดีเทลเยอะด้วย ;v;'' ถ้าไม่ติดอะไรจริงๆก็แต่งเรื่อยๆนะคะ
ตอนนี้กำลังตัดสินใจอะไรหลายๆอย่างอยู่ เรื่องนิยายเนี่ยแหละค่ะ
ยังตกลงปลงใจไม่ได้ ต้องรอดูสถานการณ์กันต่อไป

ตอนนี้คงเฉลยอะไรหลายๆอย่างแล้ว(ล่ะมั้ง) หลายๆอย่างที่หลายๆคนคงรู้สึกแบบเดียวกับเทียน..อึดอัดเนอะ
เคยบอกไปแล้วใช่มั้ยว่า อักษร คือตัวละครที่โอชอบมากที่สุด และอยากให้ชอบกันเยอะๆน้า :D


ขอบคุณสำหรับทุกคอมเม้นท์ค่ะ


ozaka*


 :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:

MoD

  • บุคคลทั่วไป
จิ้มมมมมมมมมมมมมมมมมมม

ออฟไลน์ เก๋ไก๋เจ้าค่ะ

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 210
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-0
นี่มันนิยายรักหวานแหววหรือนิยายสยองนิคุณโอ
ฉากสุดท้ายทำเอาเราสยองตามเทียนไขเลย
บรือออออออออออออออ

ออฟไลน์ bamee_wspb

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 33
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
กรี้ดดดดดดดดดดดดดด

ทำไมมันหวานปนหลอนล่ะคะพี่โอ๊!!!!!!!!!!!!!!!  :o12:

ตอนจะจุ๊บๆกันนี่มันหายใจลำบากแท้  :m25:
เขินมวากกกก
อักษรหนูพลาดจริงจังนะลูก 5555

ทิ้งท้ายหลอนนะ T______T

รอตอนต่อไปค่ะ !!!

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






MoD

  • บุคคลทั่วไป
อ๊ากกกกกกกกกกกกกกก ไม่เข้าใจ T[]T

สงสัยต้องรอตอนต่อไป
ถ้าอ่านตอนต่อไปแล้วยังไม่เข้าใจมดจะอ่านใหม่ทั้งเรื่องTT

ฮะ ฮะ ฮะ มันทำให้รู้สึกโรคจิตอะแงงงงง
นาฬิกาปลุก ตั้งทำม๊ายยยยยยยยยยย

อัดอั้นนนนนนน TT

maii

  • บุคคลทั่วไป
 ดอกบัวคือน้องของเทียนหรอ??

แล้วอักษรเป็นอะไรเนี้ย??


โอ้ย ค้างๆ   รีบมานะคะ  :call:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-08-2012 03:14:29 โดย maii »

ออฟไลน์ Kire-i

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 35
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
ยิ่งอ่านก็ยิ่งน่าติดตาม
หลงรักเทียน  :impress2:

ว่าแต่..อยากรู้จังว่าอักษรป่วยเป็นอะไรน้อ..

cotone

  • บุคคลทั่วไป
โอ๊ะ อักษรรรรรรร มีความลับจังนะ!
ใครมากอดเทียนหว่า..แลดูน่ากลัว=w=

ออฟไลน์ -i z e l i z e-

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 129
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-0
    • ไอซ์ ไม่กินผัก

ลึกลับ ซับซ้อน ซ่อนเงื่อน จริงๆ

ออฟไลน์ TONG

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2535
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-4
ยิ่งอ่านย่ิงลุ้น อยากอ่านตอนต่อไปใจจะขาด

ออฟไลน์ Raccoooon

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 298
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +185/-2
เขินนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน  :o8:
และ สงสัยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย

ออฟไลน์ phoenixa

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 569
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-1
ไม่ใช่แค่เทียนไขที่สงสัย
เราก็สงสัยเช่นกัน อักษรเป็นอะไร แข็งแรงดีอยู่ใช่ไหม
อย่าร้ายแรงนะ เรากลัวจะเสียอักษรไป

เทียนไขน่าสงสารมาก ถูกอดีตหลอกหลอน ทำร้ายจิตใจ
ที่ดูจะเข้มแข็งมาตลอด คงเพราะแค่ซุกซ่อนได้นิดหน่อย
ท่าทางจะรักษาหายยาก คงจะพอๆ กับโรคปริศนาของอักษรเลยมั้ง

ฉากในห้องพยาบาล กรีดร้อง อยากจะปามือถือทิ้ง (แต่ไม่มีปัญญาจะซื้อคืน)
เกือบจะจูบกันแล้ววววววว
แต่แค่เกือบ ก็หวานซะ

mercutery

  • บุคคลทั่วไป
อ่ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
//เขย่าคนแต่ง

ฉากในห้องพยาบาลไม่ไหวแล้วครัฟ เขิน! เขินมากกกกกกกกกกกกกกก
อ่านไปก็ลุ้นไป //มือจิกเม้าส์แน่น
โดนคนแต่งให้ความหวังแล้วจากไป ฮือออออออ

น้องอักษร เลิฟฟฟฟฟ สุดที่รัก~ น่ารักที่สุดเป็นว่าจะทำอะไรก็ตาม
อีกหน่อย เทียนไม่รอดแ่น่ๆ

ฉากใส่รองเท้าให้นี่ไม่ไหวแล้ววววว อ่ากกกกกกกกกกก มันสื่อถึงอะไรหลายๆอย่างจริงๆ
เทียนก็ควรจะต้องรู้ตัวเองแล้วล่ะ ณ จุดนี้ ยอมทำให้อัำกษรถึงขนาดนั้น

อยากรู้ทั้งอดีตเกี่ยวกับแม่ของเทียนและเรื่องอาการป่วยของอักษรเลย ... ตอนนี้ได้แต่มโนไปต่างๆนานา ฮา

อยากอ่านตอนต่อไปมากๆ
//ลงไปดิ้น

ออฟไลน์ pp4

  • คนที่ 'ชอบ' ไม่ได้แปลว่าคือคนที่ 'ใช่'
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1447
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +75/-6
ลางสังหรณ์บอกว่า....อักษรป่วยอ่ะ (เหมือนจะ)หนักด้วย
ดราม่าลอยมาแต่ไกลๆ.....แต่ดราม่ากว่านั้น....คือ....อัพอืดอ่ะ หนูค้างนะพี่~ T0T
เทียนเริ่มลงหลุมแล้วคร๊าฟพี่น้องงงงงงงง~ สีครามโผล่ เอร๊ยยยย หล่อ! (ฮะ!?)
รอตอนต่อไปค่าาาาาาาา

ปล.ฉากในตำนานมาแล้ววววววว ฉากในห้องพยาบาล อุกรี๊สสสสส
ตอนจะจูบก็ว่ากรี๊ดแล้ว แต่กรี๊ดอิตอนใส่รองเท้าฮ่ะ ฟินอ่ะ~ เอร๊ยยยยย ล้ม~
โหวตให้ชนะสีครามไปเลย เป็นสันดารน้ำเน่ามากอ่ะอิเทียน! 555555555

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ nokkie

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 322
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +56/-0
รอวันที่อักษรจะช่วยทำให้เทียนหายฝันร้ายน้า ~~~

yolp

  • บุคคลทั่วไป
อ่านตอนนี้แล้วแอบอึดอัด มีหลายอย่างที่อยากรู้แล้วยังค้าง 555
แต่อึดอึดในแบบที่ดีน้า เผลอค้างไปหลายวิตอนเสียงกริ๊งขีดเหมือนกัน 5555

เทียนตอนใส่รองเท้าให้มันละมุนจังเลย โอ๊ยย แอบรู้สึกว่าตอนนี้สถานะมันกลับกันนะเนี่ย ท่าทางคนที่ควบคุมหัวใจตัวเองไม่ไหวจะเป็นเทียนซะแล้ว 55

ออฟไลน์ ThE_PaRaN

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 123
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
อึดอัดแทนเทียนจริงๆ ประมาณอารมณ์

เมิงรู้เรื่องกรุทุกอย่าง แต่พอกรุถามกลับบ้าง ดันไม่บอกอะไรเลย ประมาณนั้น
(ขอโทษที่ไม่สุภาพนะคะ แต่อารมณ์ตอนอ่านเป็นแบบนี้จริงๆ)

เจ๊ย ผญ. คนนั้น มาหาเทียนอ่ะ  ทำไมบรรยากาศมันแลดูสยองๆ

ปล. อักษร เป็นอะไรมากไหมนั่น

ออฟไลน์ Dwammy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 89
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
อย่าบอกนั่นแม่เทียน อย่างหลอน :z10:
อักษรเป็นอะไร!! อย่าบอกโรคหัวใจไรงี้ มันดูร้ายแรงอะ :z3: :z3:
ถึงเราจะชอบตัวละครป่วยอ่อนแอก็เหอะ แต่ไม่อยากให้เป็นไรไปนะ :z3:
ค้างอีกแล้วอะพ่่ีโอ  :sad4:  รอตอนต่อไปป :o12:

ปล.พี่สิญจน์กับสีครามหล่อมาก :-[  :-[  (จริงๆ นายก็หล่อนะเทียน แต่พี่สิญจน์กับสีครามหล่อกว่า555)

ออฟไลน์ กฤษณ์

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 649
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-0
หลอนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน


-/นั่งร้องไห้มุมเล้า

ออฟไลน์ P.PAN

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 116
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด ตอนแรกมาอย่างหวาน!
แต่รถน้ำตาลคว่ำลงทะเลไปแล้วเรียบร้อย
ตอนจบถึงได้น่ากลัวแบบเน้
โอ้ยยยยยยยยยยยยย ย ไหนว่าความปลอดภัยเป็นเลิศไงละ
อกสวยๆ(?)ของเทียนจะเป็นไงมั่งเนี่ย โฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮ ฮ TT

Aeterna

  • บุคคลทั่วไป
ไม่รู้ทำไมนะคะ อ่านเองก็รู้สึกเหมือนกัน เวลาทีมีความมืดๆของดราม่าเข้ามาหาเทียน
อักษรจะเป็นแสงอ่อนๆที่ไม่ได้สว่างจนแสบตาแต่ทำให้ความมืดทุเลาลง
ง่ายๆว่าอบอุ่นกับท่าทางแล้วก็คำพูดของน้องอักษรมากเลยค่ะ
รู้สึกว่าเทียนโชคดีจังที่น้องมาตกหลุมรัก 555555 และตอนนี้เหมือนอักษรจะชนะใจเทียนแล้ว สินะ สินะ

โดยส่วนตัวชอบเรื่องที่มีเรื่องราวแบบนี้มากเลยค่ะ
อ่านแล้วคอยลุ้นอยู่เสมอว่าต่อไปจะเป็นยังไง เป็นนิยายที่ดราม่านะ
แต่ไม่ได้ให้ความรู้สึกกดดันจนเกินไป เวลาที่อักษรโผล่มา อ่านแล้วอบอุ่นค่ะ
อยากจะบอกว่า อักษรเป็นตัวละครในดวงใจมากๆเลยค่ะ
อธิบายเป็นคำพูดไม่ได้ แต่มันชอบอะ โฮวววว ชอบบบ

ขอบคุณที่แต่งมาให้อ่านกันนะคะ ชอบมากๆ
 เวลาอ่านแต่ละตอนอิ่มใจไปพักใหญ่เลยค่ะ ฮ่าๆ
แล้วก็ ดีใจนะคะที่ได้อ่านนิยายดีๆที่ทำให้รู้สึกมีความสุขแบบนี้
เป็นกำลังใจให้นะคะ จะรออ่านตอนต่อไปค่ะ

ออฟไลน์ NOoTuNE

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3255
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +317/-15
 :-[ :-[


แอร๊ยยยยยยยยยยยยยย ตอนนี้ช่างสมกับเป็นนิยายหวานวัยรุ่นหวานแหววแต๋วจ๋า  :z3: :z3: :z3:


คุณพระ!!!  o22 คุณหลอกดาว ตรูไม่สงสัยแล้วว่าทำไม เทียนของพี่ ใจของน้องถึงได้อยู่ในหลุมดำที่มันลึกนัก แล้วพี่ก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่า อักษร แสงที่จะมาจุดเทียนไขเล่มนี้ ให้สว่างไสวขึ้นมา จะไม่เป็นอะไรมากนะ เพราะถ้าไม่มีแสงนี้ เทียนไขเล่มนี้มังคงจะดับตลอดไป

หลอนมากคุณแม่น้องเทียนขร๋าาาาา  :sad3: :sad3:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05-08-2012 21:59:43 โดย NOoTuNE »

ออฟไลน์ BeeRY

  • ❤。◕‿◕。ยิ้มเข้าไว้นะ。◕‿◕。❤
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 9404
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +897/-8
ผู้หญิงคนนั้นจะเป็นใครก็ช่าง แต่เธอให้บรรยากาศน่าขนลุกชะมัดเลย :z3:
อักษรไม่สบาย เป็นอะไรไปคะ นี่คงเป็นอีกเหตุผลสำคัญที่ทำให้ต้องเลิกเป็นเลขาฯคนเก่งสินะ :monkeysad:

ออฟไลน์ KilGharRah

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 856
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +169/-0
อักษรเป็นอะไรอ่า ไม่ว่ายังไงก็ต้องอยู่กับเทียนนะ กว่าเทียนจะเจอคนที่ตัวเองอยากอยู่ด้วยจริงๆก็เกือบแย่
สงสารเทียนนะ เหมือนผ่านเรื่องร้ายๆมาเยอะมาก อยากให้ชีวิตต่อไปของเทียนมีความสุขกับน้องอักษร  :m15:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด