__________, ปรารถนา "รัก" . . เป็นดั่งใจ ,__________ [ จบแล้วจ้า ]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: __________, ปรารถนา "รัก" . . เป็นดั่งใจ ,__________ [ จบแล้วจ้า ]  (อ่าน 570988 ครั้ง)

ออฟไลน์ milkshake✰

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 817
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-3
นี่คือช่วงลมสงบก่อนพายุเข้าสินะคะ
ไม่นะ ขออย่าให้เป็นอย่างที่คิด

ออฟไลน์ Monkey D lufy

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +245/-4
สั้นเกิ๊น!!!!

ลุ้นเกิ๊น!!!!

เลยไม่รู้ว่าอักษรเป็นโรคอะไรเลยอ่ะ

Windiizz

  • บุคคลทั่วไป
ตามคำบอกเล่าของพี่โอว่านิยายเรื่องนี้เป็นเรื่องละมุนละไม ชวนน้ำตาลในเลือดพุ่ง
เขินจนตัวแตก ใช่มั้ยคะ  :-[ (อันนี้เกินจริงไปล่ะ -*-)
ไม่ดราม่าเน๊อออออออออ T^T อ่านแล้วใจสั่นมากกกก ทั้งเขิน ทั้งอาย ทั้งเลือดสูบฉีด ทั้งวิตกจริต
รอตอนต่อไปนะคะพี่โอออออออ //ส่งสายตาปริบๆ

ออฟไลน์ Fish129

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 746
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +56/-3
อ่า  มันสั้นจริงๆนั้นละ

เรื่องนี้เรื่อยๆดีจัง แต่ตอนนี้เขินๆๆนะ

tachibanramen

  • บุคคลทั่วไป
สาวออฟฟิศไม่มีปิดเทอม

 :o12:

ยิ่งย้ำยิ่งปวดใจ อยากกลับไปเรียนจุงเบย

ออฟไลน์ $VAN$

  • Moderator
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1738
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +307/-6
หวานและโรแมนติก พอให้ยิ้มน้อยๆ แต่แล้วก็ถอนหายใจ...
ปรารถนาให้รักนี้...สมหวัง...ยาวนาน...


เอิ่ม.   เรื่องนี้เราชอบเทียนกับอักษรนะ. ดูมีไรน่าติดตามม :L2:


แต่ที่งง ๆ :confuse: แบบว่าเห็น 2เม้นท์ละ. มาม่าเกาหลีเปงไงหรือคะ. ใครเคยกินเอามาให้ดูบ้าง :m26:

อินี่สงสัยจะโดนถีบ :z6:
มันจะเส้นใหญ่กว่ามาม่าบ้านเราค่ะ เหนียวนุ่ม ปริมาณเยอะ รสสไปซี่อ่ะ อร่อยสุด
555  ล้อเล่น
ในความหมายของเรา จะประมาณ ดราม่าประเภทตัวเอกป่วยหนักปางตาย
ซึ่งหนังเกาหลีสมัยแรกๆที่เข้ามาบูมในบ้านเราส่วนใหญ่จะมีแนวนี้เยอะมาก

ออฟไลน์ murasakisama

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1489
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +236/-4
อะไรก็ได้ที่ไม่ใช่มะเร็ง :monkeysad:

RGB.__

  • บุคคลทั่วไป
เค้าไม่อยากรู้แล้วว่าอักษรเป็นอะไร   :z6:
รู้สึกใกล้จะจบ... รึเปล่า ?? ไม่เถอะ   :sad4:


“คุณ..ทำให้ผมรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังฝันอยู่เลย...”

 “...งั้นผมจะไม่ให้คุณตื่นเลยล่ะ  เชื่อสิ"


เขินนะ เขินแบบหน่วงๆยังไงบอกไม่ถูก เฮ้ออ เค้าห่วงอักษรอ่ะ แต่พี่โอคงลิขิตเอาไว้แล้วนั่นแหละ ฮือ

มาดิท !! หลังจากกดฟังเพลงประกอบ
มันหนังเกาหลีมาก TTTT !!!!!

อักษรเป็นโรคหัวใจรึเปล่าอ่ะ ??   :z3:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26-10-2012 15:37:10 โดย RGB.__ »

ออฟไลน์ Gaem

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 127
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-4
วิ่งรอบบ้านก่อนแล้วกันเขินนนนน    :give2:  :oni1:

ออฟไลน์ Fay

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 12
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ชอบเรื่องนี้ที่สุดในบรรดา ซีรีย์รักร้ายยยย ดูหน่วงๆๆ มนๆๆ มืดๆๆ ครึ้มๆๆดีค่ะ

ถ้าให้เดาว่าอักษรเป็นไรคิดว่าน่าจะเป็นมะเร็งอะไรซักอย่างป่ะคะ ดูจากที่ว่าน้องเปลี่ยนจากกกินเนื้อวัวมากินปลา

และที่ไปโรง-บาลบ่อยๆน่าจะเพราะต้องไปให้chemoอ๊ะป่าวว เดานะ 555+

เรื่องนี้สนุกมากๆเลยนะคะ ชอบบรยากาศในเรื่องมั่กๆๆ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






cotone

  • บุคคลทั่วไป
โอ...มันช่างหวาน อย่ามาทำตัวหวานส่งท้ายแบบนี้นะนาย มันชวนใจหายมาก

ฮือออออ รอตอนต่อไปค่ะ

ออฟไลน์ fanglest

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 813
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-0
รอต่อไปจ้า 


 :call: :call: :call: :call:


 :L2: :L2: :L2:

ออฟไลน์ from_mars

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1154
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +136/-0
อักษรเป็นอะไรกันแน่นะ
ไอ้เราก็ไม่ค่อยป่วย และไม่มีความรู้เรื่องนี้นัก ยากเกินคาดเดา

รออ่านต่อ และขอบคุณมากจ้า

ออฟไลน์ elfonofle

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 44
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
ลุ้นมาก อักษรเป็นอะไร
ตอนนี้เทียนแสดงออกเยอะแล้วนะ ฮิฮิ

Namiirin

  • บุคคลทั่วไป
แหม เทียน หลงอักษรแล้วหล่ะซิ  :impress2:

ออฟไลน์ EoBen

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3306
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +150/-6
หยอดใส่กันใหญ่เลยตอนนี้


ตลิปเล่นไวโอลิน เพราะมากอะ

ออฟไลน์ พระสนมฝ่ายซ้าย

  • ❤วั ง ว น ว า ย เ วิ่ น เ ว้ อ❤
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2293
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +283/-2
อยากรู้สุดติ่งเลยค่ะว่าน้องษรเป็นอะไร  :monkeysad:

ออฟไลน์ fossa

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 39
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ถึงจะยังคาใจมากกับอาการป่วยของอักษร
แต่ตอนครึ่งหลังนี่ก็หวานกินใจจริงๆ  :impress2:
เป็นกำลังใจให้นะคุณโอ รออ่านเสมอคะ  :3123:

ออฟไลน์ GETIIZ

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1186
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +90/-4
โอ้ยยยยยยยยยยยยยยยยย
จะบอกว่าสุข ก็บอกได้ไม่เต็มปาก
อักษรเป็นอะไรกันแน่ อย่าให้มันร้ายแรงเกินไปได้ไหม กลัวตัวเองรับไม่ไหว ฮรืออออออออ  :z3: :z3: :z3:

Mclvblue

  • บุคคลทั่วไป
มาตามอ่านแล๊ว สรุปว่าเทียนรักอักษรแล้วว่างั้น
หวานกันจนอิจฉา แต่ถ้าจิ้นอิมเมจแล้วละก็
ชายสูง 187 นายสูง เอิ่มมม น่าจะถึง 165 แหละ  o18
ไม่ยืนก้มหน้าคุยกันเลยหรือ ???

รออ่านตอนต่อไปจ้า  :L2:
ปล. คอมโบด้วย XY อีกหยังงี้ทุกตอนเลยนะ รักตายเลย

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ runma

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 169
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
เทียนโรแมนติกหวานๆ ดีจังครับ ผมอยากเห็นอักษรมีความสุขแบบนี้ทุกตอน
อ่านไปก็พยายามไม่คิดต่อว่าอักษรป่วยเป็นอะไร เพราะที่ลองนึกเล่นๆ จากอาการ
ที่เห็นเนี่ยดูท่าว่าจะหนักอยู่ ผมยังทำใจไม่ได้  :m17:

ชีวิตน้องยังมีหนทางอีกไกล ผมยังอยากเห็นเวลาดีๆ ที่เทียนกันอักษรอยู่ด้วยกัน
เป็นคู่ที่ชีวิตแต่ละคนมีเรื่องราวจริงๆ นะครับ ทั้งชีวิตครอบครัวเทียน ทั้งอักษรที่เกิด
มามีชีวิตที่พร้อมทุกเรื่อง แต่ก็ต้องมาเจอกับอะไรก็ไม่รู้(เพราะคุณโอยังไม่เฉลย)
คงต้องรอติดตามตอนต่อไปว่าจะมีอะไรมาให้ลุ้นอีกหรือเปล่า

 :pig4:  :pig4:  :pig4:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-10-2012 12:14:59 โดย runma »

ออฟไลน์ NewYearzz

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2544
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +346/-2
อ่านแล้วกลัว กลัวที่สุด คงจะรู้สึกเหมืนที่เทียนรู้สึกหล่ะนะ :เฮ้อ:

รอตอนต่อไปครับ :L2:

zerea

  • บุคคลทั่วไป
เทียนไข นายพูดว่าไงนนะ "...งั้นผมจะไม่ให้คุณตื่นเลยล่ะ เชื่อสิ" กรี๊ดๆๆๆ นั่งกรี๊ดคนเดียวที่ตึกวิศวะ แอบจับหนุ่มๆแถวนี้จิ้นวายเรียบร้อย

SweetSmile

  • บุคคลทั่วไป
บรรยากาศช่างแสนโรแมนติก
และก็หวานมาก ๆ
อ่านตอนนี้ซึ้งจริง ๆ เลย
ไม่น่าเชื่อว่าเทียนจะทำแบบนี้ให้อักษรได้

prangkiie

  • บุคคลทั่วไป
ฮรึกกกก ไม่รู้จะพูดยังไง ;______;
พูดไม่ออก บอกไม่ถูกอีกละ มาตามอ่านพาร์ทเดียวแบบไม่แยก
อารมณ์คนละขั้วเลยข่าาาาาาาาาาาาาาา -..-

อักษรป่วยแน่ๆ เทียนรู้แล้วล่ะ แต่ก็ยังไม่กล้าพอที่จะถามออกไปตรงๆ
ส่วนอักษรก็ตีมึนจะไม่บอก... และก็คาดว่าถึงเทียนถามก็คงไม่บอก
มันจะไม่ดราม่าใช่มั้ยอะ? ดราม่าได้ อนุญาติให้ได้นิดหน่อย
อย่าเยอะ ทรมานแทน คู่นี้มันกลมกล่อม ละมุนไปหมด อย่าดราม่าเยอะเลยนะ T T

พาร์ทหลังนี่อ่านรวดเดียวไม่ได้บอกตรงๆ ถึงกับต้องหยุดอ่าน
และเดินวนรอบห้อง ไม่ไหวละจ้าาาาาาาาาาาาาา เทียนขราาาาาาาาาาาา
แพ้ แพ้ แพ้ โรแมนติกแบบนี้แพ้มากๆ อ๊ากกกกกก -///-
มันไม่มีอะไรมากเลยนะ แค่มาทานข้าวเย็นแค่นั้นเอง
แต่ทำไมเราเขินขนาดนี้ แอร๊กกกกกกกกกกกกกก
ไม่ไหวละ ขอลา ลิ้นจุกปาก พูดจาต้องเรียบเรียง ละมุนเหลือเกิน >_<

earthhnozomism

  • บุคคลทั่วไป
อักษรเธอเป็นโรคอะไร  :o12: :o12: :o12:

ออฟไลน์ raluf

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 499
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-1
คุณเก่งมากเลยค่ะที่ทำให้ชินรักทุกอักษรที่คุณถ่ายทอดออกมา เป็นเรื่องที่ยกระดับจิตใจอย่างมาก แสงสว่างยังมีเสมอซึ่งสัมผัสได้จากอักษร เป็นคนที่มีเสน่ห์มากจริงๆค่ะ เป็นกำลังใจให้อักษร ไม่รู้ว่าป่วยเป็นอะไรรึเปล่า ขอให้พลังรักช่วยให้ทุกอย่างผ่านไปได้ด้วยดีค่ะ

casano_va

  • บุคคลทั่วไป
รออ่านต่อนะคร้าบ ^ ^

ออฟไลน์ ozaka

  • ตัว "โอ" เป็นอะไรได้มากกว่าที่คุณคิด
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 200
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1818/-38
    • ozaka's blog



12th Day : Abnormal












   ..คุณษรโชคดีที่รักคุณเทียน..


   ผมคงงี่เง่าเอามากๆถ้ากำลังคิดว่า..ผมจะทำให้ประโยคนั้นเป็นจริงขึ้นมาด้วยวิธีการใดได้บ้าง..

   ..อยากให้อักษรไม่เสียใจ..ที่ได้รักคนอย่างผม..



   การล้างฟิล์มเป็นงานอดิเรกที่ค่อนข้างใช้เวลาพอสมควร  และถึงกลิ่นน้ำยาจะไม่ได้หอมรัญจวนใจอะไรขนาดนั้นแต่ผมก็มีความสุขเล็กๆกับการได้เห็นสีที่ค่อยๆติดบนกระดาษขึ้นมาเป็นภาพเต็มรูปแบบ...ผมเปิดหน้าต่างครั้งแรกตอนสิบโมงเช้า  ปล่อยให้สายลมอ่อนๆโชยเข้ามาพัดเหงื่อให้จางลงไปบ้าง..

   ..หลังทำอะไรที่ชอบ..ความสุขที่ได้ตอนเช้าทำให้วันทั้งวันเป็นวันที่ดี..
   ความคิดเช่นนั้นทำให้ผมรู้ตัวว่าตัวเอง 'เปลี่ยนไป' แล้ว..ถึงแม้จะเพียงนิดหน่อยก็เถอะ



   ผมคิดว่าควรจะออกไปหาอะไรทาน..ใช่..ข้างนอก  ต้องออกไปข้างนอกเปลี่ยนบรรยากาศ..จะว่าไปก็เคยได้ยินเรื่องสถานที่กินที่เที่ยวของเด็กวัยรุ่นที่อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากที่นี่มากนักเหมือนกัน..เห็นสวยๆจากสถาปัตยกรรมของอิตาลีคล้ายปาลิโอที่เขาใหญ่  อืม..ท่าทางจะไปไม่ยากนักด้วย..เอาที่นี่แหละ

   การหยิบมือถือมากดโทรออกครั้งนี้ไม่ยากเหมือนครั้งแรก  ผมหยิบผ้าขนหนูพาดบ่าเตรียมอาบน้ำขณะเดินออกมาจากห้องตัวเอง  ยายไม่อยู่..คงออกไปทำธุระ  ก้านธูปก็ออกไปวิ่งเล่นเหมือนเคยล่ะมั้ง
   เสียงรอสายจากเขาไม่นานนัก  โชคดีชะมัด
   กริ๊ก

   ((ฮ..ฮัลโหล  สวัสดีครับ))

   ..เอ๊ะ?
   ..ทำไม..ปลายสายเสียงสั่นผิดปกตินะ?

   ผมพยายามตั้งสติ  แล้วตอบกลับ
   “เอ่อ...อักษรเหรอ?  ผมเองนะ"
   ..บ้าชะมัด!  คำตอบรับแบบนั้นมันเห่ยสุดๆ!!  ผมพูดออกไปได้ยังไงกันนะ!?
   พอคิดได้ดังนั้นผมก็อยากทึ้งหนังหัวตัวเองหลุดติดมือออกมาให้รู้แล้วรู้รอด  แต่อีกฝ่ายไม่ได้ขำแบบเย้ยหยัน  เสียงหัวเราะคิกคักของเขาทำให้ห้วงอารมณ์ของผมกลับมาเป็นปกติได้อย่างรวดเร็ว  นั้นเป็นความสามารถพิเศษของเขาเลยล่ะ
   ((ฮะๆ  เพิ่งตื่นเหรอครับคุณเทียน!))
   “เปล่า  ไม่ใช่" ผมเผลอยิ้มตาม "ตื่นมาสักพักแล้วน่ะ  ล้างฟิล์มอยู่...แล้วคุณล่ะ?"
   ((ผมก็..เอ่อ...ตื่นมาสักพักเหมือนกันครับ))
   ผมเลิกคิ้วกับคำตอบนั้น "เหรอ..ตื่นเช้าจังนะ"
   ((เอ่อ...ผม...))
   “ษร?”
   เท่านั้นแหละปลายสายถึงกับแหวใส่ ((อะไรน่ะ!! จะฆ่าผมด้วยชื่อเรียกแบบนั้นรึไงกันครับ!!!))
   “อ-อ้าว” ผมเกาแก้มอย่างเก้อเขิน..เผลอสุดๆครับ  เผลอสุดๆไปเลย.. “เปล่า..ผมแค่เห็นว่าคุณแปลกๆ”
   ((อา...ไม่ครับ  ไม่มีอะไรแปลก))
   การคุยกับเขาไปเรื่อยๆแบบนี้มันชวนให้หลงประเด็นชะมัด  เอาล่ะ..ผมต้องกลับเข้าเรื่อง  ต้องเก๊กเสียงให้เป็นแบบเดิมและพูดต่อไปด้วยจังหวะที่เรียบง่ายที่สุด
   “วันนี้คุณ..ว่างมั้ย?”
   ผมไม่เข้าใจการกระตุกของเสียงตัวเองเลยจริงๆให้ดิ้นตาย
   ((ครับ  ว่างครับ))
   ..ต่อไปเป็นคำพูดสำคัญแล้วครับ..

   และเชื่อไหมว่าวินาทีนั้นความคิดทั้งหลายทั้งมวลตีกันเหมือนพายุเฮอริเคนในสมองผม  ทั้งไอ้เรื่องที่ว่าจะพูดออกไปอย่างไรให้ไม่กระดากอายมากที่สุด  จะเจาะประเด็นอะไรสำคัญ..หรือพูดไปเลยว่า 'ไปเที่ยวกันมั้ย?' เลย...มันดูจงใจเกินไปนิดนึงสินะ  มันจะต้อง..มีเทคนิคและลีลาที่แพรวพราวมากกว่าครั้งก่อนๆ

   ((เทียน?))
   ผมว่ามันไม่มีเวลาให้คิดมากขนาดนั้น  เพราะเขาคงเริ่มจับได้แล้วล่ะ

   “...คุณรู้จักThe Circleมั้ย?”

   ประโยคนี้ดีมาก  ไม่ตรงและไม่อ้อมค้อมมากเกินไป  พอจะตีความต่อไปได้อย่างไม่ต้องสงสัย
   ((ครับ  รู้จัก))
   ..ลืมไป..ว่าอักษรสามารถกวนประสาทผมได้อย่างเหลือเชื่อ..
   ผมถอนหายใจหลังจากคิดได้..กับอักษร  ต้องเล่นลูกตรง..ไม่งั้นเราเนี่ยแหละจะโดนเล่นซะเอง..
   “คุณอยู่ไหน?  อยู่บ้านใช่มั้ย?  อาบน้ำแต่งตัวซะนะเดี๋ยวผมไปรับ"
   ((เอ๊ะ!?))
   “อีกชั่วโมงนึงผมคงถึงนะ"
   ((เอ่อ...))
   “อะไร?” ผมชะงักก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำพอดี "ไม่สะดวกเหรอ?”
   ((ม-ไม่ใช่ครับ  คือ..ท-ที่จริง...ผมไม่ได้อยู่บ้าน))
   “อ้าว  ออกมาทำธุระเหรอ?  ที่ไหนล่ะเดี๋ยวผมไปรับ?”
   ((เปล่าครับ...คือ...คือ...))
   ปกติแล้วทุกคนคงจะรู้นะครับว่าอักษรไม่ใช่คนที่จะอึกอักเวลาพูดอะไร  ทุกครั้ง..เขาจะมองตรงไปข้างหน้าด้วยรอยยิ้มและพูดทุกสิ่งทุกอย่างด้วยความมั่นใจเสมอ  ถ้าจะพูดก็คือพูด..ถ้าจะไม่พูดก็คือไม่พูด..ดังนั้นผมสรุปเหตุการณ์นี้ได้ว่าประหลาดมาก
   “อักษร..”
   ((ผม...))
   “คุณ-อยู่-ที่ไหน-?”
   ((ผม..ขอโทษ..ครับ..))
   “ขอโทษทำไม?”
   ((ถ้าบอก...ต้องห้ามโกรธผมนะครับ))
   ผมยิ้ม "จะโกรธอะไรล่ะ  บอกมาสิผมจะได้ไปรับ"
   ((..คือ..ไม่ต้องมารับผมหรอกครับ..คือ..))
   อีกฝ่ายยังคงอ้ำอึ้ง  ผมเลยตัดสินใจยื่นคำขาด

   “ผมว่าถ้าคุณไม่บอกผมจะโกรธมากกว่านะ...”




   ((ผมอยู่หน้าบ้านคุณครับ..!!))




   กึก..
   “ห๊ะ?”
   ((...ผม..ผมกะแล้วว่าคุณต้องโกรธ..))
   เสียงอีกฝ่ายหงอยลงอย่างเห็นได้ชัด  ในขณะที่ผมหันหลังเดินจากห้องน้ำมายังหน้าประตูบ้านอย่างลืมตัว
   ((คือ..ผม..ผมแค่จะมาหาคุณแปปเดียวนะครับ  แต่ถ้านี่เรียกว่าการละเมิดสิทธิส่วนบุคคลล่ะก็ผมต้องขอโทษด้วยจริงๆ  ผมจะไม่ให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นซ้ำสองผมรับรองได้!))

   ผมเปิดประตู  ท่าทางมันจะไม่ได้เสียงดังอะไรอย่างที่ผมคิด
   ร่างเปราะบางจนเหมือนจะหักได้นั่งยองเข่าอยู่กับพื้น  เขาหลับตาพร่ำพูดน้ำคำขอโทษออกมาราวกับน้ำป่าไหลหลาก  ไม่ได้สนใจเลยสักนิดเรื่องที่ผมก้มลงมานั่งข้างๆ..แถมยังอยู่ในชุดแบรนด์เนมตั้งแต่ศีรษะจรดเท้าแบบนี้  เขาช่างไม่ระวังตัวและไม่รู้เลยรึไงนะว่าย่านนี้มันไม่ใช่ทุกที่ที่จะปลอดภัย...

   “...เพราะงั้นอย่าเพิ่งแคนเซิลเรื่องไปเที่ยวกันเลยนะครับ  ผมอยากไปกับคุณนะ..อยากไปมากจริงๆ  ไม่ว่าที่ไหนก็อยากไป...อย่าโกรธผมเลยนะครับ  ผมยอมแล้ว..ผมจะทำทุกอย่าง..ผม...”

   “ครับ...รู้แล้ว"

   นั่น..ทำให้อักษรเงยหน้าขึ้นมาจนได้
   ผมยิ้ม..ไม่รู้ตัวอีกครั้งว่ายิ้มออกไปอีท่าไหน  แต่ก็รู้ได้ว่าการกระทำแบบนี้มันทำให้อักษรหน้าแดงแปร๊ดจน..เอ่อ..ไม่พูดดีกว่า  เอาเป็นว่ากลีบปากสีเข้มนั่นเผยอขึ้นเหมือนจะอุทานอะไรบางอย่าง  แต่ก็ไม่ได้พูด  จนกระทั่งผมเนี่ยแหละต้องเป็นฝ่ายพูดเอง
   “เข้าไปข้างในสิ"
   “เอ๊ะ?”
   “ยืนตรงนี้มานานมั้ย?  เมื่อยรึเปล่า?  เอ้า..ลุกสิ"
   ผมยื่นมือไปให้เขา  อีกฝ่ายลังเลเพียงเล็กน้อยก่อนจะเอื้อมมือมาแตะ
   “จะดีเหรอครับ?”
   “ทำไมล่ะ?”
   “ผมรู้มาว่าคุณไม่เคยพาคนอื่นเข้าบ้าน...”
   ผมเลิกคิ้ว..ดูถูกแหล่งข่าวของอักษรไม่ได้เลยจริงๆ.. “คุณไม่ใช่ 'คนอื่น'”
   “........กำลังจะ 'คิดเป็นอื่น' เลยล่ะครับ..ประโยคนั้นน่ะ"

   ..หยอดแบบนี้แปลว่า 'อักษร อัครมณฑา' กลับมาแล้ว..
   เขายิ้มหวาน..รอยยิ้มนั้นทำให้หัวใจผมพองโต  ครับ..ถูกของเขา..แต่คนที่กำลังจะ 'คิดเป็นอื่น' น่ะคือผมเอง  และท่าทางอาการจะหนักซะด้วย

   “บ้าน..รกหน่อยนะ..”
   ผมบอกเขาด้วยความจำเป็น
   อักษรไม่ได้มองไปรอบๆบ้านผมอย่างเสียมารยาท  เขายืนอยู่อย่างเก้ๆกังๆที่กลางบ้านเสียมากกว่า..ผมหันไปมอง  พยักเพยิดไปทางโซฟาตัวเก่าเพื่อบอกเขาว่า
   “อาบน้ำแปปนึงครับ  เดี๋ยวออกมา"
   “ครับ!”
   เขาดูตื่นตระหนก..ซึ่งมันก็..ไม่เลวนัก..
   “ห้องผม..อยู่ทางนั้น" ผมชี้ไปที่ประตู "ถ้าคุณไม่สะดวกใจจะไปนั่งที่ห้องก็ได้นะ"
   “หวา  มาครั้งแรกผมไม่รุกถึงห้องนอนหรอกครับ!”
   ..รุกอะไรฟะ..
   “งั้นก็ตามใจ..”
   “ผม..ผมเข้าได้แน่นะ?”
   “แน่ะ  อยากเข้าก็เข้าไปสิ"
   “งั้น..ไม่เกรงใจนะครับ"

   ผมยิ้ม  เดินเข้าห้องน้ำไปโดยไม่สนใจว่าเขาจะเข้าไปสำรวจอะไรรึเปล่า..แล้วแต่เขาจริงๆ..



   ผมไม่เคยพาใครเข้าบ้านจริงอย่างที่เขาว่า..และถ้าให้มองจากมุมมองของคนนอกบ้านผมก็ไม่ได้น่าอยู่อะไรมากนัก..แฟลทเก่าๆอับๆราคาถูกไม่ได้น่าเจริญใจถ้าไม่ติดว่าชินชา  แต่ผมรู้ว่าอักษรไม่ถือเรื่องนั้น..เขารู้เรื่องของผมทั้งหมดและยังรักผมอยู่..เหตุผลนั้นเป็นหลักประกันชั้นดี..

   ..ถ้าเป็นคนอื่นมาบอกว่ายืนรอผมอยู่หน้าบ้าน..ผมคงจะได้โกรธเป็นฟืนเป็นไฟและไล่ออกไปอย่างไม่ใยดีแน่ๆ..

   แต่ผมก็ไม่แปลกใจนักที่ทำแบบนี้เป็น 'กรณีพิเศษ' ..





   เขา 'พิเศษ' กว่าใคร..

   ..และนั่น..คือสิ่งที่ผมอยากให้เขารู้ยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด..






   ตอนที่ผมเปิดประตูออกจากห้องน้ำ  สิ่งที่ทำให้หัวใจผมตกลงไปอยู่ที่ตาตุ่มคือยายที่นั่งอยู่บนโซฟา

   ท่านหันมามองผมที่อยู่ในชุดไปรเวทเตรียมออกจากบ้านด้วยรอยยิ้มอุ่นๆเหมือนเคย
   “กินอะไรรึยังจ้ะเทียน?”

   ..ทำไม..หัวใจผมต้องเต้นรัวขนาดนี้ด้วยฟะ..

   ผมอ้าปาก  รู้สึกเหมือนต้องพูด..ใช่..ผมต้องพูด
   “ยายครับ..”
   คนฟังเอียงหน้ารับจนปอยผมสีอ่อนด้านข้างตกลงมานิดหน่อย
   “...เพื่อนผมมา...”
   ยายยิ้ม  มองไปรอบๆ "จ้ะ  อยู่ในห้องเหรอ?”

   ผมพยักหน้ารับ  รีบสาวเท้าเร็วๆไปที่ประตูห้องของตัวเองเพื่อกระชากมันเปิดออกด้วยความตื่นเต้น..อา..ผมเพิ่งรับรู้ได้ถึงความน่ากลัวของการแนะนำเพื่อนให้คนในครอบครัวรู้จักครั้งนี้เป็นครั้งแรก


   อักษรกำลังจ้องรูปที่ผึ่งไว้ด้วยแววตาใสแจ๋วเหมือนเด็กทารก..ผมรู้ได้ด้วยสัมผัสที่หกว่าเขาเองก็หลงใหลในปรากฏการณ์ประหลาดของรูปอัดฟิล์มเช่นนี้เหมือนกันเป็นแน่..แต่นั่นยังไม่ใช่ประเด็นสำคัญในตอนนี้  พอเห็นว่าผมเปิดประตูเขาก็เบือนสายตาหันมายิ้มให้ผมซื่อๆ

   ผมกวักมือเรียก  เขาทำตาโต..แล้วเดินออกมา
   “ยายผม"

   คงไม่ต้องมีการอธิบายอะไรเพิ่มเติมเพราะยายท่านก็ลุกขึ้นมาจากโซฟาเพื่อทำความรู้จักทันที  แรกทีเดียวประกายตาสีอ่อนนั้นดูจะตกใจมิใช่น้อย..ก่อนจะรีบยกมือรับไหว้จากอักษรซึ่งผมค่อนข้างที่จะ..เอ่อ..'เชื่อมือ' ในด้านนี้..
   “สวัสดีครับคุณยาย  ผมชื่อ 'อักษร'..เพื่อนที่โรงเรียนของเทียนครับ"
   เขาแนะนำตัวเองเสร็จสรรพโดยที่ผมไม่ต้องบอกด้วยรอยยิ้มกว้างเหมือนที่เขายิ้มบ่อยๆ..บริสุทธิ์ซะจนแม้กระทั่งผมที่อยู่นอกวงสนทนายังเผลอยิ้มตาม..
   และเป็นที่แน่นอนว่า..บุคลิกของอักษรได้ใจยายไปเต็มๆ..
   เขาเป็นคนมีมนุษยสัมพันธ์ที่ดีเว่อร์..ด้วยความที่เขาเรียบร้อย  มีมารยาทดี  รู้จักกาลเทศะ..มันทำให้เป็นที่รักของใครต่อใครได้ง่ายๆ..ไม่ว่าจะกับเพื่อนฝูงที่มีมากมาย  คณะกรรมการนักเรียน  กลุ่มรักร้าย  ครอบครัวอันประกอบด้วยพ่อแม่และน้องชาย..จนผมคิดไม่ออกจริงๆว่าใครกันนะจะกล้าเกลียดอักษร อัครมณฑา..

   ยายกับอักษรคุยกันถูกคอสุดๆ..เลยกลายเป็นว่าผมแต่งตัวเสร็จเป็นชาติแล้วต้องมานั่งรอ  แต่ก็ดี..ผมเองก็ไม่ได้เร่งร้อนอะไร  ถ้าสองคนนี้สนิทกันไว้ผมก็ไม่เห็นว่ามันจะเสียหาย 
   ..แต่สุดท้ายอักษรก็รู้เวลาดีพอที่จะขอตัวออกมา



   เราเดินกันมาถึงป้ายรถเมล์โดยมีจุดมุ่งหมายที่แน่นอนแล้ว  คนเยอะ..และมีคนจับจ้องมองผมราวกับเป็นตัวประหลาดเหมือนเช่นปกติ..แต่ครั้งนี้ผมกลับไม่รู้สึกว่าสายตาเหล่านั้นระคายผิวเลยแม้แต่น้อย..นั่นคือสิ่งไม่ปกติ..
   ระยะห่างระหว่างไหล่ของเราสองคนห่างกันไม่ถึงคืบ  ผมว่ามันกำลังดี..ไม่ห่างเกินกว่าที่ผมจะดูแลเขาได้
   “คุณยายของคุณพูดไทยชัดมากเลยนะครับ"
   เขาเปิดประเด็นขึ้นมาดื้อๆ  จนผมต้องรีบหันมาก่อนที่เขาจะจับได้ว่าผมแอบมอง
   “อ่า..อยู่ไทยมานานแล้วน่ะ" ผมตอบ "อ่านออกเขียนได้..เห็นว่าเคยเรียนภาษาไทยเหมือนกัน"
   “อย่างงี้นี่เอง...ผมก็สงสัยอยู่...”
   “ผมนึกว่าคุณรู้อยู่แล้ว?”
   “ขอบเขตข้อมูลผมมีจำกัดครับเทียน" อีกฝ่ายเอียงคอยิ้มแล้วใช้นิ้วเคาะศีรษะตัวเองให้ดู  "เมมโมรี่เต็มแล้วด้วย"
   ..ทำไม..ถึงทำให้ผมอิ่มเอมใจได้ทุกท่วงท่าขนาดนี้กันนะ..

   ผมไม่ได้ต่อความอะไรเพิ่มเติม..นั่นไม่ใช่งานถนัดเท่าไหร่  และประจวบเหมาะกับที่รถเมล์สายที่ต้องการมาพอดี 
   พวกเราสองคนเดินขึ้นรถเมล์  คราวนี้รถแน่นขนัดนัก..ผมเดินเอาหัวเบี่ยงหลบพัดลมที่วางอยู่สลับฟันปลากันเป็นว่าเล่น  กว่าจะได้หยุดที่พื้นที่โล่งตรงด้านท้าย  พอหันไปเช็คดูพบว่าอักษรเองก็เอาตัวรอดจากช่วงเวลาคับขันนี้ได้ก็สบายใจขึ้นเยอะ..เขาไม่ได้เป็นลูกคุณหนูอย่างที่ผมคิด...นั่นเป็นข้อสรุปที่ได้มาเมื่อนานมากแล้ว

   เขาหันมาหัวเราะให้ผม  พอผมเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม..ก็รีบอธิบาย
   “ผมนึกว่าคุณจะโดนพัดลมจามหัวไปแล้วน่ะ"

   ผมส่ายหน้า “ไม่โดนหรอก  ระวังอยู่"
   “เคยโดนเหรอครับ?”
   “อืม...ไม่โดนจามหัวหรอก  แค่เดินไม่ระวังแล้วฟาด...ตอนนั้นเป็นช่วงเริ่มสูงใหม่ๆ"
   “อ้ออ  มือใหม่หัดสูง"
   “ตลกเหรอนั่น?”
   “เปล่าครับ  แค่คิดว่าเท่ดี"
   ..ผมไม่ควรพูดต่อ.. “แล้วคุณล่ะ?”
   “ผมเหรอ?  หัวผมไม่เคยฟาดโดนอะไรหรอกครับ  แหม..ไม่ได้สูงแบบคุณสักหน่อย"
   “เปล่า" การแสร้งทำเป็นหลบสายตาออกไปนอกตัวรถแบบนี้ใช้ได้ผลนักเวลาแก้เขิน "คุณเหนื่อยมั้ย?”
   “เหนื่อยอะไรครับ?”
   “ร้อนรึเปล่า?”
   “ร้อน? ร้อนอะไรครับ?”
   “...น่าจะขึ้นรถแอร์เนอะ"
   ดูเหมือนเขาจะจับได้ทันทีจากรอยยิ้มกว้างๆนั่น..รอยยิ้มที่ผมรู้สึกได้ว่านั่นไม่ค่อยจริงใจและยิ้มออกมาพอเป็นพิธี
   “เทียนครับ...ผมไม่ได้บอบบางขนาดนั้นนะ"
   “ผม..ไม่ได้บอกสักคำว่าคุณบอบบาง"
   “โอเค" เสียงนั้นดูนิ่งงัน  และผมไม่ทันหันไปมอง "ผมไม่เถียงกับคุณก็แล้วกัน"
   “อักษร  ผมแค่เป็นห่วง"
   “ครับ  ผมรู้"
   ..งานเข้าล่ะกู..
   ผมมองไปรอบๆ  ไม่มีใครรับรู้ได้หรอกว่าอักษรกำลังคิดอะไรหรือรู้สึกยังไง..มีแค่ผมที่คิดว่ามันประหลาดกับการที่เขาทำน้ำเสียงเช่นนั้น  จริงๆแล้วมันก็ไม่ได้แตกต่างจากตอนปกติมากนักเพียงผมแค่สะกิดใจ  ผมรู้ว่าทิ้งไว้สักพักอารมณ์แปรปรวนนั้นก็จะดีขึ้นเอง..แต่..ผมไม่อยากปล่อยมันเอาไว้อย่างนั้น

   ความรู้สึกกระสับกระส่ายเข้าครอบงำจนแทบจะเป็นบ้า  พอคิดๆดูแล้วอากาศในปลายปีแบบนี้ก็ไม่ได้ร้อนอะไรมากมาย..ผมไม่น่าพูดแบบนั้น  ไม่น่าตั้งแง่จับผิดหรืออะไรที่ทำให้เขา..ลำบากใจ..
   เอาเป็นว่าที่ผมพล่ามไปทั้งหมดผมแค่อยากจะบอกคำเดียวว่า...

   “...ผม..ผิดเอง"

   เขารีบหันมามองด้วยอารามตกใจ  ก่อนจะคลี่ยิ้มบาง
   "เทียน  อย่าทำหน้าแบบนั้นสิครับ..คุณไม่ได้ผิดอะไรเลยนะ"
   ประโยคนั้นทำให้ผมหันไปมองกระจกหน้าต่างรถ  แล้วรีบตีสีหน้าให้กลับเป็นเหมือนเดิมโดยไม่ได้พูดอะไรต่อ

   ผมรู้สึกว่าตัวเองงี่เง่ามากที่เผลอพูดความคิดในใจออกไปโดยไม่มีปี่มีขลุ่ย  แต่มันก็ดี..มันทำให้บรรยากาศของเขาดีขึ้น..และระยะห่างระหว่างไหล่ของเราสองคนก็แคบลงมาน้อยกว่าคืบ...คุ้มค่าทีเดียว..



   ตอนที่รถเมล์เบรคกระตุกจนสะเทือนไปทั้งคันนั้นอักษรเซเล็กน้อย  และผมเองก็เอื้อมมือไปคว้าแขนเขาไว้อย่างลืมตัว..เขาหันมาพยักหน้าให้ด้วยหน้าที่ขึ้นสีผิดปกติ..ก่อนที่ผมจะรีบปล่อยมือ...และคิดว่าตัวเองต้องเผลอทำแบบนั้นอีกแน่ๆถ้าหากว่าเครื่องยนต์รถยังซังกะบ๊วยอยู่แบบนี้..บริการด้านคมนาคมของประเทศไทยยังไม่เคยก้าวหน้าไปไหนเลยจริงๆ

   ผมห้ามตัวเองไม่ได้หรอกครับ  พอเห็นร่างผอมบางนั่นไหวตัวก็เผลอไปคว้าไว้ทุกที..จนในที่สุดผมก็ตัดสินใจเขยิบเข้าใกล้เขาจนอกชนไหล่  แล้วดึงชายเสื้อเขาไว้หลวมๆแทน...มันคงดีกว่าการทำอะไรโดยไม่ทันตั้งตัวเหมือนเมื่อครู่นี้แน่ๆ
   อักษรก้มหน้านิ่งไม่พูดไม่จา  แต่เลือดสูบฉีดแดงมาถึงหูกับต้นคอ..ที่ผมทำมันมากเกินไปรึไงกันนะ?  แต่ไอ้ครั้นจะถอยออกมามันก็ดูไม่ใช่ที  คิดเสียว่านี่ดีแล้วที่เขาไม่ได้ทักอะไรให้ผมเขินไปด้วยอีกคน..


   จนกระทั่งเราลงจากรถก่อนถึงที่หมาย  นั่นแหละที่เขาก้าวฉับๆเดินหนีเป็นครั้งแรก
   “เฮ้" ผมเรียก "จะไปไหนน่ะ?”
   “ไม่รู้ครับ"
   “อ้าวเฮ้ย..”
   “บ้าจริง! ผมล่ะอยากจะมุดดินหนีไปให้รู้แล้วรู้รอด!” เขาหันมาหอบด้วยรอยยิ้มหวานๆ  หน้าแดงๆ..เหงื่อออกนิดๆหน่อยๆ "ผมขอบคุณตัวเองตั้งไม่รู้กี่ครั้งเรื่องที่เมื่อเช้าสระผมมา"
   “ห๊ะ?”
   “ถ้าคุณจะเข้ามาใกล้ขนาดนั้นล่ะก็..คราวหลังบอกล่วงหน้าสักอาทิตย์นะครับ"
   “อะไรของคุณเนี่ย" ผมนึกขำ "คนมันเยอะต่างหาก"
   “ก-ก็นั่นแหละครับ!”
   “แล้วมันเดินไปทางนั้นที่ไหนล่ะครับ  ทางนี้ต่างหาก"
   เขาชะงัก  แล้วหันมามองเหมือนอยากจะค้อนผม..แต่ก็ไม่ได้ทำ  แถมไม่ได้ทำอะไรเลยจนกระทั่งผมกวักมือเรียกแล้วชี้ไปอีกทางนั่นแหละถึงจะยอมเดินมา
   “คุณเคยมามั้ยครับ?”
   ผมไหวไหล่ "ไม่ครับ  แต่เห็นว่ามีสองแถวผ่านถนนราชพฤกษ์..เดี๋ยวถามคนแถวนี้เอาก็ได้"
   “มันไกลมั้ยครับ?”
   ผมรู้ว่าเขาหมายถึงอะไร “...ไกลครับ  ผมไม่มีทางพาคุณเดินแน่ๆ"
   “ว๊า  แย่จัง..ผมอยากออกกำลังกายแท้ๆ"
   “ออกกำลังกายอะไรล่ะ  แค่ขึ้นรถเมล์ก็เหงื่อซ่กแล้วแท้ๆนี่น่ะนะ?”
   ผมหัวเราะ  ยื่นมือไปเช็ดเหงื่อที่ไหลตามข้างแก้มเขาอย่างลืมตัว..และพอสำนึกตัวได้ก็ถอยกลับมาไม่ได้แล้วครับ  เลยได้แต่ค้างท่านั้นไว้โดยไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรต่อดี..
   ดวงตาใสแจ๋วเหมือนเด็กทารกนั่นช้อนมองผม..ด้วยหน้าแดงๆที่ไม่รู้เพราะอารมณ์เขินหรืออากาศมันร้อนกันแน่..และเขาคงรู้ว่าผมเริ่มทำตัวไม่ถูกจึงได้แต่ตัดบทเองด้วยการหยิบผ้าเช็ดหน้าออกจากกระเป๋า  แล้วเช็ดมือให้ผมก่อน
   “ผมขี้ร้อนน่ะครับ"
   เขายิ้ม  และผมเกลียดตัวเองชะมัดที่ไม่สงสัยในรอยยิ้มแบบนั้น


   รถสองแถวมาพอดี..ผมโบก  ซึ่งเขาจอดให้ทั้งๆที่มันไม่ใช่ป้าย  นี่แหละคือข้อดีของขนส่งเอกชน...บนรถมีคนอยู่แค่สองคน  ถ้ารวมพวกผมด้วยก็เป็นสี่..มันเป็นตัวเลขที่กำลังนั่งสบายดี  แถมช่องหน้าต่างยังโล่งสบายเปิดโอกาสให้สายลมเย็นๆพัดมา...ขณะที่อักษรกำลังเช็ดหน้าเช็ดตาให้ตัวเองด้วยผ้าเช็ดหน้าผืนนั้น

   การเดินทางครั้งนี้เป็นช่วงเวลาสั้นๆ  ไม่นานที่หมายเราก็ปรากฏอยู่ตรงหน้า..ผมกดออดให้เราสองคนได้ลง  ส่วนคุณลุงคุณป้าอีกที่นั่งอยู่ก่อนแล้วก็นั่งเลยต่อไปอีก  คงเป็นสถานที่ที่ไม่เหมาะแก่วัยแบบนั้นมากมายกระมัง


   คำแรกที่อักษรพูดทันทีที่เห็นก็คือ
   “คน..น้อยจังนะครับ"
   ผมพยักหน้ารับ "นั่นสิ  คงเพราะอยู่ชานเมืองกระมัง"
   “อา  ยังไม่เที่ยงเลย...เดินเล่นกันก่อนมั้ยครับ?”
   “อักษร.."
   ผมเอ่ยขึ้น  รู้สึกอึกอักนิดหน่อยที่ต้องพยายามพูดอะไรแบบนี้อีกครั้ง
   เขาเอียงหน้ามองผมเป็นเชิงถามให้พูดต่อ  ส่วนผมน่ะตอบรับด้วยการหยิบกล้องกับเลนส์เท่าบ้องแขนออกมาจากกระเป๋า...ซึ่งเขามองตาม  แน่นอนว่าเขามองตาม..และจากปฏิกิริยานั้นผมรู้ว่าคงยังไม่มีใครเข้าใจอะไรหากว่าผมไม่พูดขึ้น

   “...ผมมาเพราะเค้าลือกันว่าที่นี่สวย...และพอมาเห็นด้วยตาผมก็รู้ว่าที่นี่สวย...”

   ..อ้อมค้อมเกินไป..บางทีอาจจะยากแก่ความเข้าใจ
   แต่อีกฝ่ายก็อดทนรับฟังแม้ว่ากว่าที่จะเอ่ยประโยคหลักออกมามันต้องใช้เวลา


   ผมรู้ว่าคำพูดนี้มันช่างไม่เหมาะกับตัวผมเองซะเลย  แต่กลับรู้สึกว่าถ้าไม่เริ่มทำตอนนี้ก็ไม่รู้จะมีโอกาสได้ใช้มันอีกไหม..นี่อาจจะเป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้ายที่ผมจะกล้าทำอะไรงี่เง่าแบบนี้เพราะความรู้สึกส่วนตัว...






   “...ให้เกียรติเป็นนายแบบของผมได้มั้ยครับ?”




   ..ไม่ใช่แค่ความมืดมน..
   ..ไม่ใช่แค่มุมมองด้านลบที่ถูกถ่ายทอดออกมา..

   ...ผมอยากจะมองเข้าไปในเลนส์กล้อง...โดยเห็นแค่ 'ความสวยงาม' บ้าง..สักครั้งหนึ่ง..










ออฟไลน์ ozaka

  • ตัว "โอ" เป็นอะไรได้มากกว่าที่คุณคิด
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 200
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1818/-38
    • ozaka's blog


----------










   …..
   “เกร็งไปรึเปล่าคุณ?”
   “ก็ผมไม่เคยนี่ครับ!”
   “....เหมือนทุกทีน่ะแหละ  ผมถ่ายคุณออกบ่อยไป"
   “แต่นี่มันการขออย่างเป็นทางการนะครับ  โธ่...เขินชะมัดเลย...”

   ท้ายเสียงพึมพำแผ่วเบา..แต่แน่นอนว่าไม่อาจเล็ดลอดหูที่แสนดีของผมไปได้หรอก  ผมยิ้ม..เขาหลบตา..ดูเหมือนเรื่องแบบนั้นจะเป็นปฏิกิริยาอัตโนมัติที่ค่อยๆเปลี่ยนแปลงไปของอักษร อัครมณฑา..ที่เดิมแล้วเป็นคนค่อนข้างมั่นใจในตัวเอง

   ผมมองนาฬิกา...ไม่ได้นึกจริงจังกับสิ่งที่ทำอยู่เมื่อครู่เท่าไหร่นัก
   “เที่ยงครึ่งแล้ว..ไปหาไรทานกันดีกว่ามั้ย?”
   “ก็ดีครับ  เหนื่อยแย่เลย"
   “เหนื่อยอะไรกัน?  ยังไม่ได้กดชัตเตอร์เลยสักรูปนะ?”
   “หัวใจครับหัวใจ  หัวใจมันเต้นจนเหนื่อย" เขากุมหน้าอกแล้วหอบให้ดู "คุณไม่ค่อยได้ถ่ายรูปคนไม่ใช่เหรอครับ?”
   “...ก็แค่...อยากจะรับงานได้ทุกรูปแบบน่ะ  ฝึกไว้ไม่เสียหาย..”
   ผมไม่ได้ตอบตามที่หัวใจต้องการ  และเลือกที่จะเดินนำเข้าร้านอาหารที่อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล

   จริงอยู่..มันค่อนข้างจะประหลาดไปสักหน่อยที่ผู้ชายสองคนจะมาเที่ยวสถานที่แบบนี้ด้วยกัน..ชอปปิ้งงั้นหรือ? ผมไม่เห็นอะไรนอกจากเสื้อผ้าแฟชั่นผู้หญิงน่ารักๆตามสมัยนิยม  ตุ๊กตา  ของเล่นเด็ก  ไหมพรม  บลาๆๆ..และร้านอาหารแต่ละร้านก็จัดซะกุ๊กกิ๊กน่ารักจนกว่าจะเดินเข้าได้ก็ต้องคิดแล้วคิดอีก
   ..ดูเหมือนอักษรจะไม่ได้คิดอะไรเรื่องนั้น..หรืออาจจะคิดก็ได้เพียงแต่ผมไม่รู้..


   พอได้ลองเข้ามานั่งจริงๆแล้วก็ไม่ได้อึดอัดอะไรอย่างที่ผมคิดครับ  หรือเป็นเพราะคนมันน้อย?..อืม..นั่นอาจจะเป็นปัจจัยหลัก  เรานั่งตรงข้ามกัน  ผมวางกล้องไว้กับที่นั่งข้างๆโดยไม่ลืมปิดฝาเลนส์เรียบร้อย  พนักงานเดินมาหยิบยื่นเมนูให้ด้วยรอยยิ้ม..ที่ผมเห็นชัดว่าประหลาดนิดหน่อย  แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร
   เนื่องจากเราไม่เคยมาที่แบบนี้มาก่อนเลยสั่งอะไรไม่ได้นอกจากอาหารที่ติดป้าย recommendไว้  หน้าตาที่เห็นในเมนูมันก็น่าอร่อยดีแต่ของจริงบางทีก็ต้องใส่แสควรูท...แต่ผมไม่ได้คาดหวังอะไรกับรสชาติมากนักหรอกครับ

   คนตรงหน้าผมกระพือคอเสื้อรับอากาศ  หน้าอกกระเพื่อมขึ้นลงด้วยพยายามหายใจ
   แต่ถ้าผมถามว่า 'เหนื่อยมั้ย?' ด้วยสีหน้าจริงจังออกไป..เขาต้องทำเสียง 'นิ่ง' ใส่ผมอีกแน่ๆ......เพราะงั้นไม่ทักดีกว่า


   “มีคนเคยกล่าวเอาไว้ว่า 'คนเราจะดูดีที่สุดเมื่ออยู่ต่อหน้าคนที่เราชอบ'..”

   หน้าที่ชวนคุยเป็นของเขาเหมือนเคย..

   “แต่หลังจากผมอยู่กับคุณนานๆแล้วผมก็รู้ว่ามันไม่ใช่"


   “...ไม่ใช่ตรงไหนกัน?”
   “ไม่รู้สิครับ  แต่มันเขินจนทำอะไรไม่ถูก...เลยคิดว่าเราจะดูลนลานที่สุดเมื่ออยู่ต่อหน้าคนที่เราชอบเสียมากกว่า"
   ..นี่ขนาดทำอะไรไม่ถูกนะ.. “...ตัวผมเองไม่เห็นจะลนลานเลย"
   “..เอ๊ะ?”
   “เปล่า" ผมไหวไหล่  พยายามสุดความสามารถให้เขาลืมเรื่องคำพูดเมื่อครู่ไป "ไม่ต้องเกร็งหรอก  ผมไม่เอารูปคุณไปประจานหรือแบล็คเมลล์ที่ไหน"
   “...แค่คุณเป็นคนถ่ายนั่นก็เรียกว่าประจานแล้วล่ะครับ"”
   “เฮ้ เฮ้ เฮ้"
   “ล้อเล่นน่า  ผมแค่เขินน่ะครับ"
   “งั้นลืมเรื่องที่ผมขอให้คุณมาเป็นนายแบบไปล่ะกัน..." ผมค้อมตัวมาใกล้  แล้วประสานมือไว้บนโต๊ะ "ความเป็นงานเป็นการจะทำให้เซลล์ประสาทเกร็งโดยไม่รู้ตัว  ความเป็นธรรมชาติจะมาเองถ้าผมขอคุณเป็น...อย่างอื่น..”
   “เป็น..อะไรครับ?”
   ผมยิ้มกับคำถามนั้น "คิดเอาเองสิ"


   ..ผมสาบานได้เลยว่าหลังทานอาหาร..ผมต้องได้เซ็ทภาพที่ดีที่สุด  เป็นธรรมชาติมากที่สุด และสวยงามมากที่สุดมาแน่ๆ..





   เขาหน้าแดงเล็กๆทุกครั้งที่ผมยกกล้องขึ้นมาโฟกัส  และพยายามหลบตาทุกครั้งที่เห็นว่าผมกำลังถ่าย..แต่สิ่งที่ผมเฝ้ารอคือการเหลือบสายตามามองอีกครั้งหนึ่งของเขามากกว่า  ผมรู้สึกดีที่หยิบเลนส์ชัตเตอร์ไวตัวนี้มา..ไม่งั้นคงเก็บภาพ 'ความเขิน' อย่างธรรมชาติสุดๆแบบนั้นมาไม่ได้แน่ๆ..

   พอผมพยายามทิ้งระยะห่างให้ได้ภาพเขาครึ่งตัวถึงเต็มตัว  ก็กลายเป็นว่าเขาต้องรีบหันหลังกลับและวิ่งมาหาผมเสียอย่างนั้น  พอให้กลับไปยืนที่เดิมก็จะก้มหน้าเงียบปฏิเสธ...จนต้องอาศัยทีเผลอเป็นจังหวะ..ถือว่ายากไม่ใช่เล่น



   ..อืม..
   ..ผมเพิ่งรู้ว่าถ่ายภาพคนมันสนุกขนาดนี้เนี่ยแหละ..




   เราเดินไปคุยกันไปถ่ายรูปกันไป  ที่จริงผมไม่ได้จริงจังกับการถ่ายรูปแบบนี้มากนัก  มันไม่ใช่งาน..ไม่ใช่การบ้าน..ไม่ใช่อะไรเลย  และนั่นเป็นครั้งแรกที่ผมกดชัตเตอร์โดยไร้ความเครียดเพราะเรื่องแบบนี้แหละ
   การถ่ายภาพคนที่สดใสและบริสุทธิ์ได้ขนาดนี้..
   ...นี่..ก็คงเป็นครั้งแรกเช่นกัน...










   เอ๊ะ..?










   ...มี...อะไรบางอย่าง...?












   “อักษร"
   ผมเรียกเขา..ก่อนจะลดกล้องในมือลงช้าๆ

   “ครับ?”
   อีกฝ่ายหันมาขานรับด้วยใบหน้าที่แทบไม่มีสีเลือด
   ..ใช่..ผมไม่ได้คิดไปเอง..
   “หน้าคุณ...ซีดเกินไปรึเปล่า?”
   “เอ๊ะ?” เขายิ้ม  "เพราะคุณมองอยู่หรอกครับ...แค่ก!"

   ผมคงแทบจะได้อุทานว่า 'โอ้พระเจ้า!' ออกมาแล้วถ้าหากคุมสติไม่ทัน  เพียงไม่กี่วินาทีถัดมาผมก็คว้าแขนเขาไว้ได้..ใช่..เขาไอโดยไม่มีเสียง..และหอบหนักจนน้ำตาคลอเบ้า..
   “อักษร!!”
   เขาพยักหน้ารับ  แล้วยกมือเป็นเชิงบอกว่าตัวเองไม่เป็นอะไร
   ...ไม่เป็นอะไรก็แย่แล้ว..!?!

   ข้อสรุปหลังจากคิดสรตะคือต่อให้ผมพยายามเกลี้ยกล่อมเขาอย่างไรเขาก็คงมีแต่ใจแข็งปฏิเสธ  นั่นเป็นความดื้ออย่างเดียวของอดีตเลขานุการกรรมการนักเรียนคนเก่งคนนี้  และสิ่งเดียวที่ผมจะทำได้คือการทำลงไปเลยโดยไม่ถาม

   ควับ!

   มันดูฉุกละฮุกแต่ไม่มีเวลาให้อีกฝ่ายตกใจตอนที่ผมช้อนร่างผอมบางนั้นขึ้นมา..แต่ตัวผมเองต่างหากที่ต้องประหลาดใจกับน้ำหนักเบาหวิวแบบนี้  ผมไม่มีเวลาถามเขาว่าทานอาหารครบทั้งสามมื้อรึเปล่า..มันอาจจะดูตีตนไปก่อนไข้เกินไปหน่อยที่ผมอุ้มเขาเดินออกมาถึงปากทางโดยไม่ถามถึงความสมัครใจ
   มือเรียวยาวนั้นคว้าเสื้อเชิ้ตผมเอาไว้คล้ายจะถาม  ก่อนคนในอ้อมแขนจะโก่งตัวไอแบบไม่มีเสียงอีกครั้งหนึ่ง
   “ขอโทษครับ  เรียกแท๊กซี่ให้ที"
   ในสถานการณ์แบบนี้ไม่มีอะไรดีไปกว่าการตะโกนบอกพี่ยาม  คนฟังก็ดูตกใจมิใช่น้อยแต่ก็คว้าโทรศัพท์ขึ้นมาให้

   “ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น"
   ผมหันมาบอกอักษร  ดวงตาใสแจ๋วเหมือนเด็กทารกที่ผมชอบมองปรือลงช้าๆก่อนจะพยักหน้า  แรงที่กำเสื้อค่อยๆคลายลงไป...มันทำให้หัวใจผมแทบหยุดเต้น
   “...อักษร..ไม่เอาน่า  ตั้งสติไว้ก่อนนะ..”
   คำพูดที่พร่ำบอกเขาขณะยืนรอรถอยู่ตรงนั้น  ไม่นานแท๊กซี่สีฟ้าก็วิ่งปรู๊ดเข้ามาตามคำเรียกร้อง
   “ขอร้องล่ะ..อดทนอีกนิดเดียวนะ...”

   พี่ยามคนเดิมวิ่งอ้อมมาเปิดประตูรถให้ผม  โชเฟอร์เองก็ดูจะตกใจกับสถานการณ์นี้..แต่เราไม่มีเวลาอธิบายมากนัก




   “...ไปโรงพยาบาลทีครับ"








   ผมเกลียดแดดร้อน..
   ผมเกลียดอากาศที่ไม่เป็นใจ..
   ผมเกลียดการเดินทางไกลๆโดยไม่จำเป็น..


   ผมเกลียดที่เขาต้องฝืน..
   ผมเกลียดที่เขาต้องทน..
   ผมเกลียดที่เขาปากแข็งไม่ยอมบอกอะไรเลย..




   และ..ผมเกลียดตัวเอง...


   ...เกลียดที่ไม่ทันคิด...ว่าตนจะเป็นคนทำให้เรื่องราวมันยิ่งเลวร้ายลงไปอีก...แบบนี้...









TBC






====================

ลุ้นมั้ยคะ ลุ้นไปเลย เอาให้ตับปลิ้นกันไปข้าง 555555



หลายคนคงรู้มาว่า..เปิดเทอมครั้งนี้โอทำงานตัวเป็นเกรียวหัวเป็นน็อตมากค่ะ  :sad4:
แถมพอยุ่งๆวุ่นวายนิดๆก็จะมาล่ะ อาการขี้ลืม ลืมไปว่าแต่งไว้นานแล้วต้องอัพ 555555
ฝากใครเตือน ก็มีแต่คนเกรงใจไม่กล้าเตือน... :z3: กรณีนี้นี่ผิดเองค่ะ ฮืออออ

คิดว่าทุกคนคงจะจำไม่ได้แล้วล่ะว่าตอนที่แล้วมันเป็นยังไง
บ้าเอ้ย! ดองไปสองเดือน อยากจะฆ่าตัวตายจริงๆ
....ยังไม่สายที่จะกลับไปอ่านทวนนะคะ ;_;///
อยู่ที่หน้า44ค่ะ 555555 /เกรียนมากมาย/

อ่ะ เม้าท์หน่อยล่ะกัน
สุดสัปดาห์ที่ผ่านมา หนีความจริงไปเขาค้อ งานโอเว่อร์โค้ตมาค่ะ
อากาศดีมากมายยยยย เย็นสบายไม่เหมือนกรุงเทพ ไปมาแล้วไม่อยากกลับด้วย(บังเอิญไปฟรี กร๊ากกกก)
เดือนนี้มีหยุดยาวเยอะ(ซึ่งผ่านมาสองครั้งแล้ว 555) หลายคนคงไปเที่ยวกัน
เดินทางปลอดภัย คุณพระคุณเจ้าคุ้มครองน้า  :กอด1:




ขอบคุณสำหรับทุกคอมเม้นท์ค่ะ


ozaka*




 :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด