__________, ปรารถนา "รัก" . . เป็นดั่งใจ ,__________ [ จบแล้วจ้า ]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: __________, ปรารถนา "รัก" . . เป็นดั่งใจ ,__________ [ จบแล้วจ้า ]  (อ่าน 571044 ครั้ง)

ออฟไลน์ rainystreet22

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 64
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
เจ็บปวด  :hao5:

ออฟไลน์ ozaka

  • ตัว "โอ" เป็นอะไรได้มากกว่าที่คุณคิด
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 200
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1818/-38
    • ozaka's blog








14th Day : Innocent Sincerity












   “…ช่อดอกไม้ครับ”
   “ค่ะ  เอาดอกอะไรดีคะ?”
   “กุหลาบครับ" ผมพูดโดยไม่ต้องคิด "สีขาว"

   อีกฝ่ายยิ้มรับคำนั้น  "คนที่ได้รับดอกไม้นี้...คงมีความสุขมากแน่ๆค่ะ"

   ผมตอบรับคำอวยพรของเธอด้วยรอยยิ้มนิดหน่อย  น่าแปลกที่วันนี้เธอเลือกที่จะคุยกับผม...อาจจะเป็นเพราะจังหวะเวลาเหมือนเดิมกับเมื่อวาน  ซึ่งหลังจากเวลาเปิดร้านมาเพียงนิดหน่อย  ยังเช้าอยู่มาก..ที่สำคัญคือคงไม่มีฝรั่งอายุรุ่นราวคราวเดียวกับผมมาแถวนี้บ่อยนัก  เธอคงจำผมได้



   อีกครั้งที่ผมเดินออกจากร้านด้วยช่อดอกกุหลาบขาวในมือ  เดินผ่านสวนที่ก้านธูปมาเล่นบ่อยๆ...ผ่านตึกอาคารเดิมๆที่คุ้นตา  แต่วันนี้อะไรๆก็ดูจะไม่สดใสไปเสียหมด
   ผมเกลียดตัวเองที่ขี้ขลาด..

   …..และ....จะไม่ทำตัวแบบนั้นอีกแล้ว..

   ถ้าผมไม่รวบรวมความกล้าในวันนี้  ต่อจากนี้คงจะไม่มีอะไรดีขึ้นมา...หลังจากนอนคิดเรื่องบ้าๆทั้งคืนมันก็ไม่มีข้อสรุปอันไหนที่ดีไปกว่าความเชื่อที่ว่า 'จงทำวันนี้ให้ดีที่สุด' ...และนั่นคือทางเลือกเดียวที่ผมเหลืออยู่
   กระจกเงาในลิฟท์สะท้อนภาพของผมตอนเดินเข้าไป...หลังจากกดเลือกชั้นเป็นที่เรียบร้อยผมก็หันกลับมายืนอยู่หน้ามัน  ส่องเข้าไปในเงาที่ไร้ชีวิตชีวาของตัวเอง...ถ้าผมคิดจะไปเจอหน้าเขาผมต้องทำตัวให้สดชื่นกว่านี้  แจ่มใสมากกว่านี้  อย่างน้อยก็ให้เข้ากับเสื้อยืดคอกว้างแขนสามส่วนสีฟ้าสดใสตัวนี้ที่ผมอุตส่าห์เลือกใส่มา
   แว่บนึงที่ผมคิดว่า..ถ้าผมมีรอยยิ้มที่สดใสเหมือนสีคราม..ก็คงจะดีไม่น้อย..
   ผมลองยิ้มให้กับตัวเองในกระจก  มันดูดีขึ้นมานิดหน่อย...แต่ดวงตาที่ผมเห็นนั้นไม่ใช่เลย  ถึงแม้ทั้งเสื้อผ้าทั้งดอกกุหลาบขาวในมือจะขับให้ผมดูมีความสุขแค่ไหน...แต่ถ้าแววตาไม่ดีขึ้น  มันก็ไม่ช่วยอะไร




   เวลาในลิฟท์เหมือนจะหดสั้นลงกว่าทุกที..


   ..ในที่สุดผมก็ต้องก้าวออกมา  ทั้งๆที่รู้ว่าตัวเองยังไม่พร้อม..






   ผมมองนาฬิกาที่เคาน์เตอร์พยาบาล  จึงได้รู้ว่าตัวเองรักษาเวลาได้สม่ำเสมอและดีมาก...และเมื่อผมเลี้ยวไปทางห้องผู้ป่วยเดี่ยว  กลับเห็นนายแพทย์เจ้าของไข้ของอักษรเดินออกมาพอดี  พร้อมๆกับคุณพ่อคุณแม่ของเขา..ทำให้ผมยกมือไหว้ด้วยปฏิกิริยาอัตโนมัติ

   ท่านทั้งสองเห็นผม  พยักเพยิดให้ผมเข้าไปในห้องก่อน
   ผมได้แต่พยักหน้าทำตามด้วยไม่ได้คิดอะไร...ได้แต่ปิดประตูลงหลังจากที่พวกเขาออกไปเรียบร้อยแล้ว



   ภายในห้องเงียบสนิท  บรรยากาศไม่ต่างจากเมื่อวานเท่าไหร่...ทั้งอุณหภูมิของแอร์และอะไรต่อมิอะไร  จะมีก็แต่เตียงนอนคนเฝ้าไข้กับโซฟาที่เปลี่ยนทิศไปเพียงเล็กน้อย  พ่อกับแม่ของอักษรคงสละเวลามาเฝ้าไข้ตลอด...ก็นะ  พ่อกับแม่ปกติก็คงทำแบบนี้
   ผมควบคุมลมหายใจขณะเดินผ่านห้องรับรองเข้าไปถึงห้องผู้ป่วยด้านใน

   จึงได้เห็นว่าอักษรไม่ได้หลับอยู่



   ร่างผอมบางในชุดผู้ป่วยต่างสีจากเมื่อวานนั่งอยู่บนเตียง  ดวงหน้าขาวซีดไม่มีสีเลือดเบือนออกไปนอกหน้าต่างที่เปิดม่านอยู่...แสงแดดยามเช้าลอดผ่านยอดไม้เข้ามาถึงภายใน  ฉาบให้ห้องแห่งนี้ทอแสงมากกว่าเมื่อวานมากนัก  วิวทิวทัศน์ฝั่งตรงข้ามแม่น้ำเจ้าพระยากอปรด้วยบ้านริมน้ำหลังเล็กเรียงรายกัน  และวัดวาอารามมากมายเป็นแบคกราวน์
   แต่ดวงตาคู่ใสแจ๋วเหมือนเด็กทารกนั้นกลับไม่ได้มองทิวทัศน์ทางสถาปัตยกรรมแบบที่ควรจะเป็น..

   ..เพียงภาพท้องฟ้าสีครามที่สดใสเท่านั้น..สะท้อนอยู่ภายในแววตา..




   ….....ผมคิดว่ามันช่างงดงามเหลือเกิน.......





   เขาดูจะไม่รู้ว่าผมมา  ผมก็ไม่อยากให้เขารู้เท่าไหร่...ภาพที่เขากำลังตกอยู่ในภวังค์แบบนี้มันทำให้ผมลืมหายใจ  อักษรดูเหมือนฑูตสวรรค์...บอบบางและบริสุทธิ์จนผมกลัว...กลัวว่าร่างกายที่เหมือนประติมากรรมแก้วนั้นจะแตกหักด้วยมือของผมเอง...


   เมื่อได้สติจึงได้รู้ว่าเผลอกำช่อดอกไม้นั้นแน่นเกินไป  มันทำให้ผมต้องผ่อนลมหายใจออกมาสั้นๆ

   “อักษร"

   ผมทักเขา  หนึ่งเพื่อเรียกเขา  และสองเพื่อเรียกสติตัวเอง....ขณะสาวเท้าเข้าไปใกล้
   อีกฝ่ายไม่ได้สะดุ้งหรืออะไรเลยสักนิด  เขาทำเพียงแค่หันมายิ้มอ่อนๆให้ผม

   "อรุณสวัสดิ์ครับเทียน"

   ..และรอยยิ้มนั้นทำให้โลกที่มืดมนแห่งนี้สดใสขึ้นมาทันตา..

   “....อรุณ...สวัสดิ์...”




   ดอกไม้ที่ผมนำมาเมื่อวาน  ถูกจัดลงแจกันใบสวยข้างเตียง
   ตามกลีบดอกมีรอยเหี่ยวย่นและขึ้นสีน้ำตาลคล้ำเล็กน้อยตามกาลเวลา  มันเป็นธรรมดาของดอกไม้สด..และถ้ามันเป็นเช่นนั้นผมก็ยินดีจะนำมาเปลี่ยนให้ทุกวัน  หากเขาเห็นดอกไม้นี้แล้วสดชื่นขึ้นบ้างก็คงดี
   แรกผมคิดว่าจะเปลี่ยนดอกไม้ให้เลย  แต่ถ้าเขายังตื่นอยู่..ผมควรใช้เวลาอยู่คุยกับเขามากกว่า

   ผมวางดอกไม้ไว้ที่โต๊ะข้างเตียงนั้น  แล้วดันตัวเองขึ้นไปกึ่งนั่งบนเตียงคนไข้...หันไปเผชิญหน้ากับเขา
   “เป็นไงบ้าง?”
   “ครับ" เขายิ้ม "สบายดี"
   ..เสียงของเขาแหบแห้งกว่าที่ผมคิด..
   วันนี้เขาดูแปลกออกไป...อาจจะเพราะผมคิดไปเอง...
   “ยังเช้าอยู่เลย...นอนก่อนมั้ยครับ?”
   เขาส่ายหน้า  ไม่ได้พูดอะไรนอกเหนือจากนั้น
   มันทำให้ผมต้องขมวดคิ้ว "อักษร...”
   “ครับ?”
   “เหนื่อยเหรอ?”
   เขายิ้มอีก  แต่ก็ยังคงส่ายหน้า "ไม่ครับ"

   ...ผมไม่ได้คิดไปเองครับ  เขาแปลกไปจริงๆ


   อักษรดูอ่อนเพลียจนใกล้จะหมดแรง  แต่เขาก็ยังนั่งอยู่แบบนั้น...ไม่ได้หลับตา  ไม่ได้หายใจแรง  ไม่ได้แสดงอาการผิดปกติทางกายภาพ  เพียงแค่นั่งอยู่เฉยๆ...ราวกับว่าไม่อยากทำอะไร

   ผมขยับเข้าไปใกล้เขาเพื่อพิสูจน์ข้อเท็จจริงนั้น  ยกมือแตะบังคับกลายๆให้เขาเงยหน้าจ้องตาผม...ค่อยยังชั่ว...ดวงตาคู่นั้นยังมีประกายสดใสเหมือนเคย  คงจะมีแต่ร่างกายกระมังที่แปลกออกไป...ถึงกระนั้นก็อดห่วงไม่ได้อยู่ดี  ระยะห่างระหว่างเราในตอนนั้นไม่ได้มากเกินไป...ไม่ได้น้อยเกินไป...มันเป็นช่องว่างที่ทำให้เราพอจะเป็นตัวของตัวเองได้
   “...คุณดูง่วงนะ...”
   เขาหลบตาผม "ไม่เป็นไรหรอกครับ"



   “อักษร"

   ผมพยายามบังคับเสียงให้ดุเขา  แต่มันกลับออกมานุ่มนวลอย่างน่าประหลาด

   “...เป็นอะไร...บอกผมได้มั้ยครับ?”



   คนฟังหน้าแดงไปถึงหู  ขณะปิดเปลือกตาลงช้าๆ...ไม่มีอาการดื้ออีก
   “ผม...นอนไม่หลับครับ"
   “ทำไมล่ะ?”
   “...ผมไม่รู้...”
   “หายใจไม่ออกเหรอ?” ผมถามเขา "หรือว่าปวดตรงไหน?”
   “...ไม่ครับ  ไม่ได้ปวด...”



   ผมสันนิษฐานมันคือ 'ภาวะเครียด' ...ที่เราทุกคนก็ต่างเป็นกันด้วยทั้งนั้น

   เรื่องอะไรไม่ว่าจะเล็กน้อยแค่ไหน..หากมันส่งผลกระทบและสร้างความกังวลภายในใจก็ทำให้เกิดโรคนี้ได้  มันเริ่มจากการนอนไม่หลับกระสับกระส่าย...กระวนกระวายตลอดเวลา...ก่อนจะผ่านเข้าไปสู่ภาวะที่หนักหนามากขึ้นเช่นเป็นอาการทางจิตด้านต่างๆจนถึงขั้นต้องปรึกษาจิตแพทย์..
   ไม่ต้องสงสัยหรอกครับว่าผมรู้เรื่องแบบนี้ได้ยังไงใ..
   ....แม่ของผมเอง..ก็เคยผ่านจุดๆนี้...

   และผมยังไม่เชี่ยวชาญพอที่จะปฐมพยาบาลขั้นต้นได้  นั่นทำให้สมองของผมในวินาทีนั้นทำงานอย่างหนัก...และความตื่นตระหนกในอกยิ่งเป็นแรงกดดันให้ประมวลผลออกมาลำบากมากขึ้น...และดูเหมือนมันจะช้าไป...

   เมื่ออีกฝ่ายเลื่อนมือเย็นเฉียบนั่นมากุมมือผมไว้




   “เทียนครับ...”

   เพราะอะไรไม่รู้..ทำให้ความร้อนจางๆลอยขึ้นมาที่ตา “ครับ"




   “...จากนี้...”




   เสียงนั้นแหบพร่า  ดูไร้เรี่ยวแรง..
   ..เบาราวกับเสียงกระซิบ..จนไม่อาจวัดว่าคนพูดต้องกลั้นใจมากแค่ไหนกว่าจะเอื้อนเอ่ยมันออกมาได้..

   อักษรหลับตาลง  นั่นทำให้ผมใจสั่น
   มือที่กุมกันก็บีบแน่นขึ้นราวกับร่างกายกระตุกไปเอง







   “...อย่ามาที่นี่...อีกเลยนะครับ..."







   ...เบาหวิว...ยิ่งกว่าสายลมพัดผ่านไป...
   แต่กลับดังก้องอยู่ในสมอง  มีอำนาจมากพอที่จะสั่งการให้หัวใจหยุดเต้น

   มันเป็นความเงียบที่ทำให้ลำคอแห้งผาก  ผงทรายมากมายดาษอยู่ที่คอแม้แต่กลืนน้ำลายก็ยังลำบาก

   เขาไม่ได้มองตาผม  กลับทิ้งสายตาลงกับมือที่กุมกันอยู่...และจากคำพูดนั้นทำให้สมองว่างเปล่าจนไม่อาจเดาได้เลยว่าเขากำลังทำสีหน้าแบบไหนอยู่
   แต่สิ่งที่ฉุดสติผมให้กลับคืนมาคือหยดน้ำใสหนึ่งหยดที่ตกลงบนตัก  ซึมผ่านผ้าห่มสีขาวและหายไปในเวลาอันรวดเร็ว...ก่อนจำนวนหยดเหล่านั้นจะเพิ่มปริมาณากขึ้น  พร้อมๆกับความรู้สึกที่ไหลทะลักออกมาตามชั้นบรรยากาศโดยไม่มีคำอธิบาย  ไม่มีแม้เสียงสะอื้นหรือเสียงร่ำไห้  ไม่มี...อะไรเลย...

   ผมรู้สึกเหมือนฟันกระทบกันดังกึกๆจนต้องกัดมันไว้  รู้สึกว่าตัวเองซะอีกที่เป็นฝ่ายสั่นไหวกับคำพูดคำนั้น
   ...บ้าจริง...
   ...เข้มแข็งหน่อยสิไอ้บ้า  ทั้งชีวิตแกจะไม่ทำเรื่องดีๆบ้างเลยรึไง..!!

   การกลืนน้ำตาลงไปไม่ใช่เรื่องยากอีกเลยหลังจากที่ผมคิดแบบนั้นได้...ผมปล่อยมือจากที่กุมมือเขาอยู่  เลื่อนขึ้นมาตามแขนเล็กจนถึงไหล่บอบบางใต้ชุดคนไข้  จนกระทั่งถึงลำคอและเรือนแก้มใสที่เปียกชื้น...จนกระทั่งประคองดวงหน้าเปื้อนน้ำตานั้นให้เงยหน้าขึ้นมาจนได้


   ดวงตาที่ผมเห็นว่าใสแจ๋วเหมือนเด็กทารกนั้น...แท้จริงแล้วมันคลอไปด้วยความเสียใจนี่ต่างหาก


   ..ทำไมผมถึงเพิ่งสังเกตมันกันนะ..




   ผมคิดว่าผมควรจะพูดอะไรสักอย่าง  แน่ละ..ผมต้องเป็นคนพูด  แต่ทั้งๆที่เผยอริมฝีปากออกไปนานแล้วกลับไม่มีเสียงอะไรออกมาเลยสักแอะ
   เขาซะอีกที่เริ่มสะอึก  เริ่มพยายามควบคุมจังหวะการหายใจอย่างเอาเป็นเอาตาย...เริ่มพยายามกลั้นเสียง  เริ่มที่จะทำเป็นว่าเขาไม่รู้สึกอะไรทั้งๆที่ไม่จำเป็นต้องทำถึงขนาดนั้น  มันทำให้ผมโน้มตัวลงไปใกล้เขามากขึ้นอีก...ใกล้จนเริ่มรู้แล้วว่าแบบนี้มันใกล้เกินไป...จนกระทั่งริมฝีปากแตะลงที่พวงแก้มใสนั้นอย่างเชื่องช้า...และจูบซับน้ำตาพวกนั้นอย่างแผ่วเบาที่สุด...

   รสเค็มของมันทำให้ผมคงสติเอาไว้ได้อย่างน่าประหลาด  และผมตัดสินใจว่าจะทำเช่นนั้นไปเรื่อยๆจนกว่าเขาจะหยุดร้องไห้




   “อย่าพูด...”




   ในที่สุด...ผมก็พูด 'อะไรสักอย่าง' ที่ว่านั่นออกไปได้สักที




   “.....เรื่องแบบนั้นอีก...เป็นครั้งที่สอง....”





   มันดูเหมือนเป็นคำขู่  เข้าใจถูกแล้วครับ...มันคือคำขู่
   และถึงจะเป็นคำขู่ก็เถอะ...ผมก็ทำหน้าดุเขาไม่ลงเท่าที่ควร  เมื่ออีกฝ่ายใช้ดวงตาดังลูกแก้วนั้นมองกลับมา

   “ผม...” เสียงเขายังคงสั่น "….ไม่อยากให้คุณเสียเวลา....”

   ผมจูบเปลือกตาเขา “...ผมไม่เห็นว่ามันเป็นอย่างนั้นนะ"
   “เทียน!” เขาหดคอตัวเองถอยหลังไปด้วยใบหน้าแดงซ่าน "ผมซีเรียสอยู่นะ!”
   “ครับ?  ผมก็ซีเรียสอยู่ไง"

   เขาเม้มปาก  เหมือนไม่เชื่อว่าผมกำลังจริงจังอยู่อย่างที่ปากว่า...ผมใช้ปลายนิ้วเกลี่ยปอยผมไปทัดหูให้เขา..มันชื้นนิดๆ..คงเป็นเพราะน้ำตาเมื่อครู่นี้...และนั่นทำให้ผมรู้ว่าการเห็นเขาร้องไห้ไม่ใช่เรื่องที่ดีสำหรับผมนัก

   อักษรก้มหน้าหลบตาผมอีกครั้ง "เทียนเข้าใจรึเปล่าครับ...ผมน่ะ....”

   “ชู่"
   ..นั่นเป็นคำขัดที่เห่ยชะมัด  ซึ่งผมมาตระหนักได้ถึงมันก็หลังจากที่ทำเสียงอย่างนั้นออกไปแล้วน่ะนะ..
   “ไม่เอา" ผมถอนหายใจ..หลับตา..แล้วเอนหน้าผากตัวเองชนกับหน้าผากอีกฝ่าย "ไม่พูดแล้วนะ..”
   “แต่...”
   “ถ้ายังพูดอยู่  ผมจะปิดปากคุณด้วยอย่างอื่นที่ไม่ใช่มือ"

   เรือนแก้มที่ผมจับอยู่นั้นร้อนขึ้นนิดหน่อย "...ถ้าอย่างนั้นผมก็จะพูดอีก...”

   ...แน่ะ...เสือกชงด้วยตัวเองอีกกู...
   ผมอดยิ้มไม่ได้จริงๆที่ได้ยินคำพูดนั้น  แล้วจึงเลียริมฝีปากตัวเอง.. "…..งั้น......”
   “พ-พูดเล่นครับ!  ผมพูดเล่น!”
   “แล้วทำมาหยอดนะ...”
   “พูดเล่นหรอก" เขาบ่นอุบอิบ  พยายามหนีออกจากวงแขนผม "...ปล่อย...ผมก่อนเถอะครับ...”
   “ทำไมล่ะ?”
   “หัวใจ...มันจะหลุดออกมา"
   “...อืม...." ผมยิ้มหวาน  เผลอเอียงหน้าจนจมูกของเราแตะกัน "...งั้นก็ให้มันหลุดออกมาเลยสิ..ผมจะรับไว้เอง”
   แต่ดูเหมือนเขาไม่รับมุขนั้น  “....หน้าอก...มัน...ปวด....”

   เท่านั้นแหละผมผละออกมาโดยไม่ต้องคิดอะไรเพิ่มเติม  ผมลืมไปซะสนิท...ลืมไปเลยว่าร่างกายของอักษรบอบบางกว่าที่ผมคิด  และนึกโทษตัวเองอยู่ประมาณสามล้านรอบเห็นจะได้  เพื่อเป็นบทเรียนว่าไม่ควรทำอะไรแบบนั้นอีก

   แต่ก็ชะงักทันควันเมื่อเขาหัวเราะออกมา
   “ฮะๆๆ  ล้อเล่นหรอกครับ"

   ผมมุ่ยหน้า "ไม่ขำนะครับ"
   “ครับ" เขายิ้มอ่อน "ผมรู้ว่ามัน 'ไม่' ขำ"

   ..อักษรเป็นจอมวายร้าย..เขาโกหกเก่งเหลือเกิน..




   ผมประคองเขาให้นอนลงบนเตียงดีๆ  อีกฝ่ายไม่ได้ขัดขืน..เขาคงเหนื่อยล้าเกินกว่าจะค้านผม  หลังจากจัดท่าทางเรียบร้อยแล้วผมก็ห่มผ้าให้เขาจนถึงคอ  อักษรไม่ได้บ่นว่าร้อนหรือหนาว...จะว่าไปแล้วเขาไม่เคยบ่นเรื่องอาการของตัวเองให้ผมได้ยินสักคำ  แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าผมอยากได้ยินเขาพูดว่า 'เจ็บ' หรอกนะ..
   แน่นอนว่าผมไม่ลืมจูบหน้าผากเขาเป็นเชิงบอกให้เขานอน  มันอาจจะทำให้เขาหน้าแดงหรือหัวใจเต้นแรงเกินพิกัด..แต่ผมสบายใจที่จะกระทำมากกว่าบอกเขาว่า 'ฝันดี' ...ซึ่งมันช่างเสี่ยวสะบัดเกินกว่าที่ผมจะกลั้นใจบอกเขาออกไปในตอนนี้ได้

   แต่เมื่อผมละออก...มือผอมบางนั้นกลับคว้าชายเสื้อผมเอาไว้
   ดวงตาคู่นั้นจ้องมองตรงมาชั่วครู่หนึ่ง  ก่อนจะหลุบลง...แล้วค่อยปล่อยชายเสื้อผมไปโดยไม่ได้พูดอะไร

   แต่ผมรู้ความหมายของการกระทำนั้น "ผมไม่ไปไหนหรอกครับ...จะอยู่นี่นะ"

   “.......ขอโทษครับ.....” เขาอุบอิบ "ผมไม่อยากให้คุณลำบาก...”
   “ผมอยากอยู่" ผมตอบเขา  ก่อนจะยกมือเกลี่ยปอยผมที่ปกหน้าให้อย่างเบามือ "..ผมอยู่ตรงนี้  ไม่ไปไหนทั้งนั้นแหละ..”
   อักษรพยักหน้าช้าๆ  ก่อนจะค่อยๆหลับตาลง

   ผมมองภาพนั้น...นาน...ก่อนจะโน้มคอลงมาจูบหน้าผากเขาอีกหนึ่งหน  แล้วตัดสินใจทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ  วันนี้ผมบอดี้คอนแทคกับเขามากไปหน่อย...แต่ไม่รู้สิ...ในอกมันโหวงทุกครั้งที่คิดว่าผมจะได้สัมผัสเขาแบบนี้อีกนานเท่าไหร่กันนะ..

   บางที...มันอาจจะเป็นความผิดผมเอง...
   ...เมื่อวานผมควรแข็งใจรออยู่ในห้องจนกว่าเขาจะตื่น  ควรกล้าหาญมากกว่านี้...



   ….....เข็มวินาที......มันเคยรอใครสักที่ไหน......





   ผมรอ..รอจนกระทั่งแผ่นอกแบนราบกระเพื่อมขึ้นลงเป็นจังหวะ  รอให้เขาดำดิ่งสู่ห้วงนิทราโดยสมบูรณ์...ถึงค่อยลุกขึ้นยืน  ลังเลใจว่าจะทำอะไรดี...และเมื่อผมเห็นช่อดอกกุหลาบช่อใหม่ของวันนี้ผมก็หางานของตัวเองเจอ  ผมยกแจกันดอกไม้เข้าไปในห้องน้ำ  วางมันลงบนเคาน์เตอร์หินอ่อน  แล้วจึงค่อยๆจัดการเรียงช่อใหม่ลงไปอย่างประณีตที่สุด

   หลังจากพิจารณาผลงานนั้นๆก็แอบนึกเข้าข้างตัวเองอยู่นิดหน่อยว่าผมเองก็มีเซ้นส์มิใช่น้อย  ผมถือแจกันดอกไม้เดินออกมาจากห้องน้ำอย่างภาคภูมิใจ...แรกก็นึกอยากจะอวดเขาอยู่หรอก...แต่คิดไปคิดมามันช่างไร้สาระเหลือประดา



   ..ดอกไม้สดใหม่ที่วางอยู่ข้างเตียงนั้นช่างงดงามเหลือเกิน..

   ฑูตสวรรค์...ก็เหมาะกับอะไรขาวๆแบบนี้แหละนะ..





   ผมยิ้มกับความคิดนั้น  จังหวะนั้นเองที่เสียงเปิดประตูจากห้องรับรองดังขึ้น  คงเป็นคุณพ่อคุณแม่ของอักษร...ซึ่งผมไม่อยากนึกเลยว่าถ้าพวกท่านเปิดประตูเข้ามาตอนที่เราสองคนกำลังนัวเนียกันอยู่จะทำเช่นไรดี
   ดังคาด  พวกท่านเดินเข้ามา...ส่วนผมน่ะเหรอเตรียมยกมือไหว้อีกครั้งหนึ่งอยู่แล้วล่ะ

   จริงอยู่ที่เราไม่รู้จักกัน  และแทบไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันเลย...และถึงแม้บรรยากาศจะอึดอัดขนาดไหนแต่วันนี้ผมก็เลือกแล้วที่จะนั่งอยู่  เลือกแล้วว่าจะต้องผ่านช่วงเวลานี้ไปให้ได้เพื่อใครสักคนหนึ่ง...ถึงผมจะพูดกับใครไม่เก่งนัก  แต่ผมเงียบได้เก่งพอสมควร  ถ้านี่เป็นจุดแข็งที่พระเจ้าประทานมามันก็สมควรจะได้ใช้ในเวลาแบบนี้..

   ผมกลั้นใจ...กำลังรวบรวมสมาธิอยู่ในความเงียบ
   เพียงแต่คุณแม่ของอักษรก็พูดอะไรขึ้นมาก่อน


   “เทียนจ้ะ"


   นั่นเป็นชื่อผม..เอาล่ะ  ผมฟังไม่ผิดหรอก
   และการบังคับให้ตัวเองไม่ตื่นตกใจช่างเป็นภาระที่หนักหน่วงนัก
   “ครับ?”
   ท่านยิ้ม  และกวักมือเรียกผม
   การเรียกเช่นนั้นสร้างความสงสัยให้เกิดขึ้นได้ไม่ยาก  และถึงแม้ผมจะขมวดคิ้ว  ก็ต้องยอมลุกขึ้นเดินออกไปตามที่อีกฝ่ายต้องการ  พวกท่านเดินนำผมออกมาจากห้องผู้ป่วย  เดินออกมาจนถึงโถงทางเดินด้านนอก...โดยมีผมเป็นผู้ปิดประตูตามหลัง

   วินาทีนั้นผมรู้สึกปั่นป่วนไปหมด  การเผชิญหน้าแบบนี้ไม่ใช่อะไรที่ผมถนัดนัก..หรือพูดให้ถูกก็คือผมหลีกเลี่ยงมันมาตลอด  ทั้งๆที่รู้ว่าเรื่องแบบนี้มันต้องมาถึงเข้าสักวัน  ผมเป็นเพื่อน..ไม่สิ..เป็น...อะไรสักอย่าง...ของอักษร  แต่ก็ยอมรับโดยสดุดีว่าเราทั้งคู่ต่างก็มีอิิทธิพลต่อกันมากพอดู  และไม่น่าแปลกใจที่คนเป็นพ่อเป็นแม่จะรู้เรื่องนี้

   ยิ่งเจอกับผม..ดูเหมือนชีวิตอักษรกลับแย่ลงเรื่อยๆ...
   ...บางที...พวกเขาอาจจะอยากคุยเรื่องนี้กระมัง



   “มีเรื่อง..ที่ต้องบอกก่อน...น่ะค่ะ...”

   ดูเหมือนฝ่ายชายจะปล่อยให้ฝ่ายหญิงเป็นคนอธิบาย
   ผมไม่เข้าใจว่าเหตุใดพวกท่านต้องสุภาพกับผมถึงขนาดนี้  แต่ก็พยักหน้ารับ "ครับ"
   “ษรบอกแล้วใช่มั้ยคะเรื่องอาการที่เค้าเป็น?”
   “ครับ  เอ่อ...ไม่ใช่ทั้งหมดน่ะครับ"
   การตอบไปตามความจริงเช่นนั้นดูกำกวมเกินไปหน่อย  แต่คนฟังไม่ได้ว่ากล่าวอะไร

   "...อักษรน่ะ  ถึงจะดูเหมือนแข็งแรง...แต่ที่จริงแล้วไม่ใช่เลยจ้ะ"  หล่อนยิ้ม..เป็นรอยยิ้มที่เศร้าสร้อยเสียเหลือเกิน "เด็กคนนั้นอดทนมามาก  อดทนต่อความเจ็บปวดทุกอย่าง..เพราะงั้นจึงไม่แสดงออก  และไม่เคยแสดงอาการว่าทรมานมาก่อน...จนกระทั่ง....อึก...”
   ไม่น่าแปลกใจนักที่ผู้หญิงตัวเล็กคนนี้จะสะอื้น  ผมปรือตาลง..และยืนเงียบต่อไปเพื่อรับฟัง  ไม่ว่าคนตรงหน้าจะต้องใช้เวลาอธิบายเรื่องแบบนั้นมากแค่ไหนผมก็จะฟัง


   “...เมื่อเดือนก่อน  ที่ร่างกายนั้นทนต่อความเจ็บปวดไม่ได้แล้ว...”


   และเธอก็ร้องไห้ออกมา
   มือที่ประสานกันอยู่ของผมบีบกันแน่น  บังคับให้มันไม่สั่นไหวไปตามแรงอารมณ์  การต้องแสร้งทำเป็นเข้มแข็งมันทรมาน...ผมเคย..ใครก็เคย..และทุกคนก็รู้ดีว่าอักษรทำเรื่องนั้นได้ดีที่สุด

   “..กว่าพวกเราจะรู้มันก็สายไปแล้ว  นาน...กี่เดือนกี่ปีเด็กคนนั้นต้องอดทนมา  ยิ่งแม่รู้แบบนั้นตอนที่มองย้อนกลับไปว่าอักษรเป็นเด็กดีแค่ไหนมันก็ยิ่ง.... ทั้งๆที่เด็กคนนั้นทรมานแต่เขาก็พยายามทำทุกอย่างให้ดี  นั่นเป็นเพราะเขาถูกคาดหวังไว้สูง  เขาเป็นลูกชายคนโตของอัครมณฑา...เขาเป็น...ลูกชายที่แสนวิเศษที่สุด...”

   มันเป็นเรื่องยากที่จะกลั้นน้ำตา..
   และผมไม่คิดว่ามันน่าอาย  ที่จะรับฟังเรื่องดังกล่าวด้วยใบหน้าเช่นนี้

   “แต่ตอนที่เขารู้ว่าตัวเองจะมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นาน...เขากลับยิ้ม...ยิ้มให้พวกเราทั้งหมด...แล้วพูดว่า 'ไม่เป็นไรครับแม่  ผมไม่เป็นไร' โดยไม่มีแม้กระทั่งน้ำตา  เพราะว่าไม่อยากให้เราเป็นห่วง...เขาพยายามทน...แม้กระทั่งในช่วงเวลาแบบนั้นเขาก็ยังพยายาม...”



   ผมรู้สึกหนักอึ้งเหลือเกิน  ราวกับว่าร่างกายใหญ่โตนี้จะล้มลงไปทั้งอย่างนั้น

   ผมยอมรับว่าผมในตอนนี้มัน 'อ่อนแอ' สิ้นดี...




   ผู้หญิงคนนี้ร้องไห้จนตัวสั่นเทิ้ม  ก่อนผู้เป็นสามีจะโอบไหล่ปลอบประโลมเธอเอาไว้ทั้งขอบตาแดง  ผมรู้ดีว่าสถานการณ์เช่นนี้ต้องตั้งสติอย่าให้พายุแห่งความเศร้าโหมกระหน่ำพัดเอาแม้กระทั่งสำนึกคิดไป  และผู้ชายคนนั้นเองก็ทำได้ดีในระดับที่สมแล้วที่เป็นพ่อของอักษร อัครมณฑา

   ทั้งๆที่รอบด้านเปี่ยมไปด้วยบรรยากาศชวนหม่นหมอง  แต่ผมกลับไม่รู้สึกอึดอัดเลยสักนิด...เหมือนตอนที่เราอยู่ใต้น้ำ  แม้จะหายใจไม่ออก  แต่ก็สัมผัสถึงความชุ่มชื้นผ่านเนื้อหัวใจ

   “อาการของอักษร...” ผมพูดขึ้น "ตอนนี้...เป็นยังไงบ้างครับ..?”

   ผู้เป็นมารดาสั่นศีรษะแรงๆขณะปาดน้ำตาไปด้วย  แต่คนที่ตอบผมคือคุณพ่อ
   “อย่างที่เห็น..ไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก  เราตัดสินใจให้อักษรลาออกจากโรงเรียนเพื่อพักรักษาตัวที่โรงพยาบาล...จริงๆหมอแนะนำตั้งแต่ครั้งแรกที่มาตรวจแล้ว  แต่ษรแกไม่ยอม" 


   คำพูดนั้นเปี่ยมไปด้วยความรู้สึกบางอย่างที่แทบทะลักทลายออกมา  และแววตาคู่นั้นก็เปี่ยมไปด้วยความรู้สึกหลายอย่างที่คละเคล้ากัน  ผมเข้าใจเรื่องนั้น...ผมเข้าใจเรื่องที่เขาพยายามจะบอกผมโดยไม่ยากเย็นเลย



   "...มันพูดยากนะ....แม้กระทั่งพวกเราที่เป็นพ่อแม่ยังไม่กล้าคัดค้านความคิดนั้น  ในเมื่อมันเป็น 'ความปรารถนา' ของเขา...”



   พวกเขาค่อยๆเล่าเรื่องเกี่ยวกับอักษรทีละน้อย...เหมือนค่อยๆนึกออกช้าๆ

   ...น่าแปลกที่ผมตั้งใจฟังทุกเรื่อง  ทุกคำพูดของพวกเขา...ถึงแม้ว่าเรื่องแบบนั้นจะไม่เกี่ยวอะไรกับตัวเองเลยก็ตาม




   รอยยิ้มที่อีกฝ่ายมีไม่ได้มอบให้ผม  แต่ผมก็สุขใจที่ได้มองความอิ่มเอมนั้น
   ..ทุกครั้งที่พวกท่านทั้งสองพูดชื่อ 'อักษร'  ดวงตาทั้งคู่ก็ดูจะมองไกลออกไป...วูบหนึ่งที่ผมเผลอคิดไปเองว่าในอ้อมแขนของผู้เป็นมารดามีทารกตัวน้อยร้องอ้อแอ้อยู่  ดวงตากลมใสจ้องแป๋วออกมาพร้อมรอยยิ้มบริสุทธิ์จับขั้วหัวใจ...ความทรงจำที่พวกเขาได้มีโอกาสประคองสิ่งล้ำค่าเอาไว้ในอ้อมแขนครั้งแรกย้อนกลับมาอีกครั้ง...

   และพวกเขาก็เลือกที่จะจดจำอดีตที่เปี่ยมไปด้วยความสุขเช่นนั้น  ถึงแม้ว่ามันจะทำให้ความทุกข์ที่กำลังเผชิญทวีความสาหัสมากขึ้นก็ตาม




   ….บางที...แค่บางทีนะ...

   ….....ผมเองก็คงเป็นเช่นนั้นเหมือนกัน....






   “...เพราะงั้น...ถือว่าพ่อกับแม่ขอร้องล่ะกันนะเทียน...”


   คุณแม่ของอักษรเอื้อมมากุมมือผม...มือบอบบางทั้งสองข้างนั้นสั่นเกร็งจนสัมผัสได้...และเพราะจิตใจที่ถูกบำบัดแล้วของผมกระมังที่ทำให้ตัดสินใจบีบมือท่านกลับ...เพื่อบอกด้วยอวัจนภาษาว่าผมพร้อมจะทำทุกอย่าง...โดยไม่มีแม้กระทั่งข้อแม้
   ...นั่นทำให้เธอคลี่ยื้มออกมา

   “แม่รู้ว่าเทียนคงไม่พอใจนักกับเรื่องแบบนี้  แต่ขอร้องล่ะ...ถ้ามันไม่ได้ลำบากเกินไป...”





   “ช่วยอยู่เคียงข้างอักษรแบบนี้อีกสักพัก...แค่พักเดียวก็ได้...ได้ไหมจ้ะ?”










ออฟไลน์ ozaka

  • ตัว "โอ" เป็นอะไรได้มากกว่าที่คุณคิด
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 200
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1818/-38
    • ozaka's blog








----------------










   หลังจากการรอคอยอยู่นาน...ในที่สุดเปลือกตาสีเข้มก็ค่อยปรือขึ้น
   ดูเหมือนเขายังจะมีอาการเบลอหลังตื่นนอนอยู่  ส่วนผมก็ใจจดจ่อรอ..รอที่จะยิ้มให้เขาถ้าเขาหันมามอง

   “..เทียน?”

   ...บ้าจริง  ถ้าจะเล่นยิ้มสว่างไสวขนาดนั้นตอนที่หันมามองผมล่ะก็...ผมได้สติหลุดกันพอดี...
   “ครับ?” เอาเป็นว่าผมฉุดสติกลับมาได้ทัน  เพื่อยิ้มรับเขาก็แล้วกัน
   คนตัวเล็กยกมือขยี้ตาทั้งยังอมยิ้มอยู่  "อยู่...จริงๆด้วย....”
   ผมลุกขึ้นจากเก้าอี้  โดดขึ้นมานั่งข้างเตียงเขาเหมือนเคย "...ก็บอกแล้วไงว่าจะไม่ไปไหน"
   “ขอบคุณครับ"
   “อะไร?”
   “...ที่อยู่...ตรงนี้...”
   เสียงสั่นพร่าของเขาทำให้ผมใจหายแว่บ  และได้แต่มานึกโทษตัวเองว่าทำไมเมื่อวานถึงไม่อยู่เฝ้าเป็นเพื่อนเขากันนะ...ถ้าการที่เขาตื่นขึ้นมาแล้วเห็นผมอยู่ข้างๆมันจะทำให้เขาดีใจได้ขนาดนี้...และที่สำคัญ  คนที่จะต้องพูดคำนั้นมันคือผมเองต่างหาก!
   ผมอยากจะโน้มตัวลงไปจูบหน้าผากเขาอีกสักหน...แต่ก็พึงระลึกได้ก่อนว่าพ่อกับแม่ของอีกฝ่ายก็อยู่  ถึงจะนอกห้องก็เถอะ
   ...บ้าชะมัด...
   และความฟุ้งซ่านบ้าๆนั่นก็ทำให้ผมต้องคิดอีกว่าจะเปลี่ยนเรื่องคุยยังไงดี

   “...คุณ...ไม่ใส่แว่น..แล้วมองเห็นด้วยเหรอ?”
   “บ้าน่ะ!” เขาหัวเราะ "ผมสายตาสั้นนะครับไม่ได้ตาบอด"
   “อ้าว  คือ...แล้วเมื่อกี้รู้ได้ยังไงน่ะว่าเป็นผม?”
   เขายิ้มยิงฟัน “นั่นลองเรียกดูเล่นๆน่ะครับ  ถ้าคุณขาน  แปลว่าคุณอยู่"
   “อะไรนะ?”
   “ล้อเล่นหรอก  ผมสั้นแค่150เองนะครับ  ระยะแค่นั้นน่ะเห็นอยู่แล้วล่ะ"
   ...คิดไปเองป่าววะ...ว่าแม่งน่าฟัดมาก...
   แต่ผมก็ทำแค่เอานิ้วจิ้มหน้าผากเขาหนึ่งทีเป็นเชิงตักเตือนนั่นแหละ



   อาการที่น่าเป็นห่วงที่สุดของอักษรในตอนนี้คือ...นอนไม่หลับ

   แม่ของเขาบอกว่าเป็นอาการไม่อยากนอนเสียมากกว่า  ซึ่งผมก็เห็นแล้ว..และตัวเขาก็พูดเอง  ส่วนการให้ยานอนหลับก็เหมือนจะส่งผลกระทบกับโรคของอักษรโดยตรงด้วย  ถ้าทำได้จึงอยากหลีกเลี่ยง...เมื่อลงความเห็นเช่นนั้นแล้วทุกครั้งที่เขาหลับตา  จึงไม่มีใครคิดจะปลุก  ซึ่งอันที่จริง..เขาจะตื่นๆหลับๆทุกๆ1-2ชั่วโมงมากกว่า
   ร่างกายของเขาเครียด  เพียงแต่ตัวเขาเองกลับไม่แสดงอาการที่ว่านั่นออกมา...จนกระทั่งถึงจุดๆหนึ่งที่ร่างกายไม่ไหวเสียเอง  ผมนับถือความสามารถในการอดทนของอักษรเสียจริง


   ครอบครัวของอักษรตกลงที่จะให้ผมใช้เวลาอยู่กับเขาสองคน  แน่ละว่าองศาผู้เป็นน้องถึงกับโกรธเป็นฟืนเป็นไฟเมื่อรับรู้ถึงการตัดสินใจนั้น  เพราะฉะนั้นตอนบ่ายที่เขามาถึงได้เดินมาจ้องหน้าหาเรื่องผม  และเมื่อเห็นว่าผมไม่ได้ใส่ใจ..เขาก็เดินกลับไป..ช่างเป็นการโกรธที่พิลึกกึกกือเสียจริง...ส่วนเพื่อนๆของอักษรก็แวะเวียนมาบ้างเป็นระยะ  พวกเขาดูแปลกใจถึงการมีอยู่ของผมแต่ก็ไม่ได้พูด...และผมก็หน้าด้านมากพอจะนั่งต่อไปเงียบๆ  รอจนกระทั่งพวกนั้นตัดสินใจกลับกันเอง...



   อักษรดูดีใจอย่างออกหน้าออกตาที่เห็นว่าผมอยู่กับเขาทั้งวัน

   ..โอเค  ผมยอมรับว่าผมเองก็สุขใจ..เพียงแต่ไม่ได้แสดงออกขนาดนั้น..




   เรามีเรื่องคุยกันไม่มาก  เพราะปกติแล้วอักษรเป็นคนชวนคุยเอง...แต่เมื่อถึงเวลาที่อักษรเหนื่อย..เราก็ทำเพียงนั่งอยู่ใกล้ๆกันโดยไม่ได้พูดอะไร  แล้วเขาก็จะหลับไป  ตื่นขึ้นมาใหม่  เจอหน้าผม..แล้วก็ยิ้มเหมือนเคย  เป็นลูปแห่งความสุขที่ผมเฝ้ารอคอย

   ...แต่ที่ผมเป็นกังวลก็คือ...เขากินข้าวได้น้อยเหลือเกิน..

   ผมรู้ว่าอาหารที่โรงพยาบาลไม่ได้อร่อยนัก  และเมื่อพ่อกับแม่เขาไม่ได้พูดหรือยัดเยียดให้ลูกกินอะไรเละๆนั่น..และพูดตามตรง...เป็นผม  ผมก็คงไม่กิน  ผมก็เลยไม่ทักเรื่องนั้น..การบีบบังคับให้เขารับประทานต่อมันคงจะส่งผลต่อภาวะความเครียดโดยตรง  อย่างน้อยอักษรก็หยิบช้อนบ้าง  ไม่ใช่ว่าไม่กินสักทีเดียว
   ..ซึ่งผมสันนิษฐานไปเองว่าที่เขาฝืนกินทั้งๆที่ทำหน้าอยากจะอาเจียนแบบนี้  เป็นเพราะกลัวคนอื่นจะเป็นห่วง
   ….กังวลอะไรไม่เข้าท่าจริงๆ...



   ไม่นานพยาบาลคนเดิมก็เดินเอายาหลังอาหารเย็นมาให้  ผมมีหน้าที่รับเอาไว้ก่อนค่อยส่งต่อให้อักษร

   และนั่นเหมือนจะเป็นสัญญาณบอกว่าเวลาได้ล่วงเลยมามากพอแล้ว



   อักษรยังไม่นอน  จริงๆมันก็ยังไม่ถึงเวลานอนของผมด้วย..เพียงแต่ไอ้นาฬิกาแขวนผนังบ้าๆนั่นมันก็กดดันเกินไปนิดหน่อย  ผมมองมันซ้ำแล้วซ้ำเล่า  หันกลับไปมองพ่อกับแม่ของอักษรที่นั่งเช็คอะไรบางอย่างในมือถือ  และทำมันสลับกันทุกห้านาที  อักษรดูเหมือนจะสังเกตได้ในที่สุด


   “...พรุ่งนี้...จะมามั้ยครับ?”

   คำถามนั้นทำให้ผมต้องหันมาสบตาเขา "มาสิ"
   จริงๆแล้วคำตอบเช่นนั้นไม่เห็นต้องคิดอะไรเพิ่มเติมด้วยซ้ำ  แต่นั่นเป็นแค่อารัมภบทของอักษร  เขามีวาทศิลป์เสมอไม่ว่าจะเรื่องไหนๆ
   “งั้นวันนี้กลับไปก่อนก็ได้ครับ  ผมไม่เป็นไรหรอก...นี่ก็ดึกมากแล้วด้วย"


   ..ถ้านั่นเป็นการพูดแบบถนอมน้ำใจ...ก็อย่ายิ้มชวนเศร้าแบบนั้นได้มั้ย...



   ผมหันกลับไปมองนาฬิกาอีกครั้ง  นึกอยากจะถอนหายใจ..แต่การกระทำเช่นนั้นมันจะทำให้ความกล้าหดหายลงไปจนเหลือศูนย์  ผมขยับตัวยืนขึ้นจากเก้าอี้...ตอนที่ตัดสินใจจะทำการใหญ่ก็ดันหันไปเห็นหน้าเขาพอดี  มันช่วยไม่ได้ที่มุมปากจะกระตุกขึ้นมายิ้ม  และสิ่งต่อมาที่ผมทำคือการเดินไปหาพ่อกับแม่ของเขา



   “ขอโทษนะครับ"


   พวกท่านทั้งสองเงยหน้าขึ้นมามอง  ความกดดันกลับเพิ่มทวีมากขึ้นจนผมต้องสูดลมหายใจ...ผมหันกลับไปมองอักษรที่ยังคงทำหน้างงเต้กอยู่..มันไม่ใช่เรื่องที่เขาได้นักหรอก  แล้วหันกลับมาอีกครั้ง
   ความบริสุทธิ์ใจนี่ช่างน่าอึดอัด  และสิ่งเหล่านี้ทั้งหมดเป็นเรื่องที่ผมไม่เคยคิดมาก่อน
   ...และให้ตาย...เรื่องน่าอายแบบนี้ผมคงให้ใครไม่ได้อีกแล้ว...


   “...ขอให้ผมนอนเฝ้าอักษรด้วย...ได้มั้ยครับ?”









TBC



=====================


ไม่เป็นไรนะ ไม่เป็นไร
เพราะปาฏิหาริย์...เกิดขึ้นกับคนที่เชื่อมันเท่านั้น...

http://www.youtube.com/v/GRl3zj0Xb5M



รู้สึกยิ่งเขียนยิ่งกดดันขึ้นเรื่อยๆ มันช่างเป็นนิยายที่สมควรจะอัพรวดเดียวให้จบจริงๆ
เพียงแต่...คนเขียนไม่ได้บ้าพลังขนาดนั้น 5555
และที่สำคัญเหนือสิ่งอื่นใด...อยากให้ช่างเวลานี้ผ่านไปอย่างเชื่องช้า ให้รู้สึกว่ามันยาวนานกว่านี้
ความสุขของชีวิตน่ะ...มันเพิ่งเริ่มต้นด้วยซ้ำ

ช่วยเป็นกำลังใจให้เทียนไขกับอักษร ผ่านมันไปได้ด้วยกันนะคะ : )




ขอบคุณสำหรับทุกคอมเม้นท์ค่ะ
จะพยายามมาอัพให้บ่อยๆนะคะ ;_;//

ozaka*




 :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:



ออฟไลน์ nunnuns

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1972
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-3
มันจะต้องผ่านไปด้วยดี และต้องมีความสุขค่ะ

เราเชื่อ

ออฟไลน์ Whatever it is

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3959
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +380/-8
หวังว่า งานนี้คงไม่แนวเกาหลีนะ เหอะๆ

ออฟไลน์ NOoTuNE

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3255
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +317/-15
เราเชื่อในปาฏิหารย์ และเราเชื่อว่าปาฏิหารย์จะมากับคนที่เชื่อมั่น



มันจะต้องมี มันจะต้องเกิดกับเด็กคนนี้ :กอด1:



ปล. อย่าืทิ้งช่วงนานมากนะนุ้งโอ พี่ใจจะขาด

nai.mamaw

  • บุคคลทั่วไป
//ปาดน้ำตาเงียบๆ TT

ไม่เป็นไรนะๆ มันต้องผ่านไปได้ด้วยดี (ปลอบตัวเอง #ผิด)

รู้สึกดีดีมากๆเลยอะ แต่ก็ปนเศร้าๆ

ชอบจังเวลาเทียนทำอะไรให้อักษร

แอบค้านกับเพลง ไม่อยากให้หยุดเวลาแค่นี้ อยากให้เวลาเดินต่อไป

อยากเห็นทั้งคู่รักกัน ดูแลกันแบบนี้ ต่อไป ต่อๆไป 55

เป็นคู่ที่อบอุ่นมากเลยค่ะ ชอบมากจริงๆ

ออฟไลน์ Yundori

  • From where I stand...
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 588
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-1
น้ำตาปริ่มเลย ตอนพ่อแม่พูดถึงอักษร
คุณโอบรรยายได้เห็นภาพ และกินใจมากๆ
ยิ่งอักษร เป็นคนดีขนาดนี้แล้ว ยิ่งเสียใจ
เชื่อว่าปาฏิหาริย์มีจริงนะคะ
ช่วยทำให้ความสุข มันมาช้าๆแต่อิ่มเอมด้วยนะคะ

ออฟไลน์ raviiib❁

  • คนเขียนนิยาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 367
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-1
โอยอ่านแล้วน้ำตาไหลพรากกก
สงสารอักษรมากเลย ยังไงก็ต้องมีปฏิหารเกิดขึ้นกับอักษรแน่ๆ
เทียนอย่าเพิ่งท้อ นอนเฝ้าอักษรต่อไปU.U

รอตอนหน้าแบบใจจดใจจ่อ♥

ออฟไลน์ fuwa79

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 40
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ใช้เวลาอยู่ด้วยกันอย่างคุ้มค่าอะ ดีแล้วนะ
บางช่วงเวลาทีอ่อนแอ คนหนึ่งคนต้องการคนแค่เพียงคนเดียวที่สำคัญที่สุดกับเขา
ต้องการกำลังใจ
แล้วคนๆนั้นอยู่เคียงข้าง

คาดว่าอักษรคงไม่ปรารถนาสิ่งใดอีกแล้ว

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ raluf

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 499
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-1
เป็นกำลังให้คู่นี้อย่างสุดซึ้ง เข้มแข็งไว้นะจ๊ะ อ่านไปยิ่งกดดัน ไม่รู้ว่าบทสรุปจะเป็นเช่นไรแต่ขอให้มีความสุขกันไปทุกวันนะจ๊ะ :monkeysad:

ออฟไลน์ GETIIZ

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1186
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +90/-4
บอกตรงๆว่าต้องสูดหายใจลึกๆก่อนอ่านเรื่องนี้ทุกครั้ง
ยิ่งช่วงหลังๆ แทบๆจะค่อยเอามือปิดอ่านทีละบรรทัด   มันบีบหัวใจเกินไป

ถ้าเรามีความเชื่อจนถึงที่สุด ความปรารถนา ของเราจะเป็นจริงใช่ไหม
เพราะฉะนั้นจะเชื่อจนวินาทีสุดท้าย  ว่าอักษรจะต้องรอด  ได้หรือเปล่าถ้าขอที่จะเชื่อแบบนั้น
ได้โปรดเถอะ ...

ออฟไลน์ minipuri

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 65
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
 :mew6: :mew6: :mew6: :mew6: :mew6:

มันปวดใจจจ

ออฟไลน์ Dwammy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 89
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
ทำร้ายจิตใจสุดTT :sad4: :sad4:
สงสารกันทั้งเรื่อง มันต้องมีปฏิหาริย์สิ :m15:

ออฟไลน์ Wins_Sha

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 949
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-4
เข้มแข็งไว้นะทั้งเทียนทั้งษรเลย

ปาฏิหาริย์จะต้องมีจริง

 :mew6: :mew6: :mew6: :mew6:

ออฟไลน์ ❥ʞαxiќɒ。

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 174
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-0
ขอเชื่อในปฎิหารย์ด้วยคน..
ตอนจบจะเป็นยังไงไม่รู้แล้ว.. แต่ตอนนี้ขอเชื่อว่าอักษรต้องไม่เป็นไร (: !!

พอคิดว่าวันนี้อักษรดีใจที่เทียนอยู่ด้วยทั้งวันขนาดนี้...
แอบคิดย้อนไปเมื่อวาน..ที่ตื่นมาแล้วไม่เจอเทียน.. สงสารอักษรมากอ่ะ T^T
ที่ษรมีอาการไม่อยากนอนเพราะกลัวว่าถ้าหลับไปแล้วตื่นมาอีกครั้งเทียนจะไม่อยู่รึเปล่า ?
(หวังว่าคงไม่ใช่เพราะหมอตรวจแล้วเจออะไรผิดปรกติ แย่ลงกว่าเดิมนะ? T[]T)
แต่ก็ไม่โกรธเทียนนะ..เพราะรู้ว่าเมื่อวานเทียนยังสับสนอยู่ แล้วก็คงเสียใจไม่แพ้อักษรหรอก.. UU
และเทียนตอนนี้ก็ดูเหมือนจะมั่นคงในความรู้สึกของตัวเองแล้ว!

ดราม่าพ่อแม่ษร... เหมือนคุณแม่จะโทษตัวเองอยู่นิดๆนะ..
มันไม่ใช่ความผิดของคุณแม่หรอกค่ะ อักษรแค่อดทนเก่งเกินไป(ไม่)หน่อยเท่านั้นเอง T^T
อยากให้อักษรแสดงความอ่อนแอของตัวเองออกมาให้คนอื่นเห็นมากกว่านี้...ถ้าเจ็บก็บอกว่าเจ็บสิ!
อย่างน้อยแค่กับเทียนก็ยังดี YY
แต่อักษรก็ร้องไห้ต่อหน้าเทียนไปตั้งหลายครั้งแล้ว..
เวลาเห็นอักษรร้องไห้แล้วรู้สึกอยากร้องตามทุกที.. ถึงบางทีจะไม่เข้าใจว่าษรร้องทำไมก็เถอะ.. แต่คนอย่างอักษรปล่อยโฮต่อหน้าคนอื่นแสดงว่าต้องไม่ไหวแล้วจริงๆแน่ๆ! TT'
ต่อไปนี้เทียนต้องทำให้อักษรมีความสุขมากๆนะ ♥

ตั้งแต่อ่านเรื่องนี้มาตอนนี้ทำใจเต้นแรงที่สุดเลย! >//<

อักษรแลดูเด็กน้อยมาก!
ตอนเพิ่งตื่นเรียก 'เทียน' ยิ้มสว่างสไหวส่งมาให้(เทียน)นี่.. #ฆ่าฉันเถอะ แฮ่ก :jul1:

แล้วเทียนตอนที่พูดว่า “ถ้ายังพูดอยู่  ผมจะปิดปากคุณด้วยอย่างอื่นที่ไม่ใช่มือ"
นี่แทบลงไปดิ้น... โฮกกกกกก >//////< คือ.. มันเขินจนอ่านต่อไม่ไหว ต้องหยุดทำใจ(?)แบบนึงแล้วถึงกลับมาอ่านต่อได้ >///<
นาน น๊านนนนนนนนน! ทีจะมีช็อตอิเทียนหยอดอักษรแบบขั้นสุด(?)แบบนี้ โอ๊ยยย กัดหมอดเกือบขาด -///- 55555555
คิดว่าถ้าเทียนมันทำจริงๆ นี่เราคงหัวใจวายตายอ่ะ 55555555555
หวังว่าต่อไปนี้เทียนจะหวานแบบนี้บ่อยๆนะ ฮิฮิ ><

ยิ่งอ่านยิ่งรักเรื่องนี้มากขึ้นทุกที
รักอักษร รักเทียน(น้อยกว่าอักษรนิดนึง5555)มากๆ♥

อ่านเรื่องนี้แล้วรู้สึกว่าเวลาเดินช้าจริงๆ
มันไม่เกี่ยวว่าอัพช้านะ(หรืออาจจะเกี่ยวนิดนึง ? 555)
แต่บรรยากาศหรืออะไรซักอย่างมันพาไป... เหมือนว่าทั้งสองคนอยู่ด้วยกันมานานแล้ว
คิดอีกที.. มันเพิ่ง 14 วันเองนี่หว่า - -; 5555555555

ปล. ตอนนี้พี่โออัพเร็วมากกกกกก♥ จ๊วฟฟฟฟฟฟฟฟ >3<

ออฟไลน์ kyoya11

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4680
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +340/-12
ปรารถนารัก เป็นดั่งใจ เราเชื่อแบบนั้น :mew6:

aphro_dite

  • บุคคลทั่วไป
น่าสงสารอักษรน้อยของแม่ ฮึ่ก ทรมานสินะลูกขา

เทียนไขก็ช่างเป็นผู้ชายที่คิดมาก คือฉันอ่านความคิดแกแล้วฉันเหนื่อยแทนเลย นี่พูดเลย OTL

นอนเฝ้า ... :katai2-1:

ขอบคุณคุณพ่อคุณแม่ที่รักลูกชายคนโตเหลือคณนา

(เม้นอะไรวะอ่านไม่เข้าใจเลย //ช่างหนูเถอะนะคะพี่โอ  :katai5:)

ออฟไลน์ anchoviiz

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 315
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-1

ออฟไลน์ Thezetiv

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 41
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
เทียนไขแอทแทคคคคคคค
นี่อยากด้ายเทียนมากกก ดิ้นนนนนน

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Fate

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 77
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ขอเชื่อในปาฏิหาริย์นะคะ ปกติชอบเชียร์ให้นางเอกตาย(อะไรของเอ็งว้าาาา!!?)
แต่เรื่องนี้ขอเถอะ หนูอักษรอย่าเป็นอะไรเลย :mew2:
เทียนเขาก็กลายเป็นพ่อพระเอกไปแล้ววว
ทั้งสองมาสวีทให้ดูก่อนนานๆ

 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:


PAAPAENG~

  • บุคคลทั่วไป
เอาจริงๆตอนนี้มันน่ารักนะ
เข้าขั้นน่ารักมากอ่ะ
ตั้งแต่อ่านมา... 'ไม่เคย' เห็นเทียนน่ารักขนาดนี้เลย

แต่พี่ร้องไห้ว่ะโอ
ความรู้สึกเหมือนกลัวอักษรตายอ่ะ
คือรับไม่ได้จริงจังนะ จะตามไปบีบคอยมฑูตเลย!

เฮ้อ...ตอนหน้าก็...เบาๆหน่อยละกัน
เตียงรพ.มันไม่แข็งแรง
#ผิด

กร๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก

ออฟไลน์ Arancia

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 463
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-2
เป็นกำลังใจให้ทั้งคู่ผ่านมันไปด้วยกันจริงๆ ซึ้งอะที่ว่ามันเป็นความปรารถนาของเขา

รออ่านและเชื่อมั่นในปาฏิหาริย์ !!

ออฟไลน์ mamajie

  • ต้องตื่นก่อน , จึงรู้ว่า , ที่ผ่านมาคือความฝัน.
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 93
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-1
ยิ่งฟังเพลงน้ำตายิ่งไหลลงมายั่งกับเขื่อนแตก   :katai1: :katai1:

สารภาพเลยว่าไม่กล้าอ่าทุกตัวอักษรตั้งแต่ตอนที่แล้วแล่ว....    มันเศร้าา   โฮกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก  ทั้งกดดัน

แต่ก็ยังอยากรู้ความเป็นไปทั้งๆที่ในใจกลัวว่าซักตอนนึงอักษรจะ....

คิดในใจถ้าตูตัวอ่านทุกตัวเหมือนตอนที่แล้วๆ ตูจะไม่นั่งร้องไห้หนักๆ เหมือนตัวเองเป็นอักษรหรือเทียนเลยหรอฟะ

อักษรเข้มเเข็งมาก เทียนก็ด้วย  :hao5: ฮึก TT ไม่ว่าผลสรุปจะเป็นังไงมันก็คือความทรงจำที่ดี

ออฟไลน์ amito

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1943
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +222/-0
ในที่สุด ในที่สุด ความกล้าขอเทียนก้อมา เย้

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
มันหน่วงๆในใจมากเลย จะว่ามันหวานได้ไหมนะแต่มันก็เป็นอย่างที่ว่าคือหน่วงหายใจไม่ออกเอาซะเลย :katai1: :katai1: :katai1:

greentea2598

  • บุคคลทั่วไป
อ่านแล้วรู้สึกเจ็บๆตรงหัวจายยย ฮือออ แต่ก็อ่านไปอมนิ้มไปเหมือนกันนะ คิคิ หวังว่าอักษรคงจะไม่ตายนะ แง้มมมมมม

ออฟไลน์ Fujoshi

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 759
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-2
มันหน่วงอ่ะ มันหน่วง :katai1:
ฮือ ตอนจบแฮปปี้ใช่มั้ยคะ
อย่าให้อักษรเป็นอะไรไปเลยนะ
ขอร้องงงงง :hao5:

jjasu

  • บุคคลทั่วไป
อยากจะร้องไห้ :mew6:

เศร้ามากเลยค่ะ เทียนต้องอยู่กับอักษรตลอดไปนะ

อักษรต้องไม่เป็นอะไร

ออฟไลน์ Monkey D lufy

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +245/-4
อักษรจะต้องหายแน่ๆ  สู้นะจ๊ะ  อดทนอีกหน่อยเถอะนะ

เทียนกล้าๆหน่อย  ทำเพื่ออักษร  สู้ๆ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด