นวนิยายแนวแฟนตาซี My Love Angel ร่วมภารกิจปกป้องโลกกับอัครเทวดาสุดหล่อ
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: นวนิยายแนวแฟนตาซี My Love Angel ร่วมภารกิจปกป้องโลกกับอัครเทวดาสุดหล่อ  (อ่าน 93152 ครั้ง)

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
งานนี้ไม่ลุ้นแระ เพราะเทวดาคงทำพลาดตลอดแหละ
เหมือนตำรวจเลยน้า มาตอนจบทุกที   :m14: :m14: :m14:

KriT_SuN

  • บุคคลทั่วไป
 o12 กุญแจดอกนี้ยกให้เลยครับ เพราะว่า ลุงตัณหากลับ จริง ๆ 555

เทวดาท่านยังคงไม่เข้าใจอารมณ์ที่รู้สึกมังครับ อิอิ น่ารักจัง

ออฟไลน์ jojoe

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 223
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-1
ตอนที่ 13

รถยนต์คันหรูขับออกมาจากโรงแรมม่านรูด โดยมีรถตู้สีเงินที่จอดรถอยู่หน้าโรงแรม ขับตามมาโดยที่คนขับรถยนต์คันหรูนั้นไม่รู้ตัว
“ราฟาแอล ตรวจดูซิว่ารถคันนั้นเป็นของใคร” กาเบีรยล์หันไปสั่งเพื่อนของเขา
เทวดาหนุ่มพิมพ์ตัวอักษรของทะเบียนรถยนต์คันหรูนั้นลงบนโน๊ตบุ๊ค
หน้าจอเครื่องโน๊ตบุ๊คแสดงผลออกมาเป็นประวัติ และข้อมูลพร้อมรูปถ่ายของเจ้าของรถยนต์
“ชื่อ นาย วิสูตร อัครมหาโชค เป็นนักธุรกิจ อายุ 45 ปี”ราฟาแอลอ่านประวัติและรายละเอียดของเจ้าของรถยนต์
ไมเคิลจ้องมองภาพถ่ายของเจ้าของรถยนต์ ซึ่งเป็นชายวัยกลางคน หน้าตาค่อนข้างดี
เขามีความรู้สึกว่าชายคนนี้หน้าตาคล้ายๆกับใครบางคน
“มีอะไรเหรอไมเคิล นายรู้จักคนนี้ด้วยเหรอ”ราฟาแอลถามเพื่อนของเขา เพราะเห็นไมเคิลจ้องมองภาพถ่ายอย่างสนใจ
“ผมมีความรู้สึกว่าชายคนนี้ น่าตาคล้ายๆกับใครบางคน แต่ผมจำไม่ได้” ไมเคิลบอกเพื่อนของเขา
“มนุษย์ที่นายรู้จักก็มีแต่ ยู เท่านั้น หรือว่าชายคนนี้หน้าตาคล้ายกับยู แต่ผมว่าไม่เห็นเหมือนน่ะ” ราฟาแอลพูดแซวไมเคิล
ไมเคิลเงีบยไม่ตอบอะไรเขาหันหน้ามองออกไปที่นอกรถ
ราฟาแอลสงสัยกับอาการของเพื่อน เขาเอียงตัวมาทางกาเบีรยล์ที่เป็นคนขับรถ
“ไมเคิลดูแปลกๆ ตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว เป็นอะไรของเขาน่ะ” เขากระซิบที่ข้างหูของกาเบีรยล์
กาเบีรยล์ยิ้ม แต่ไม่ได้เสนอความเห็นอะไร เขาพอจะรู้ว่าที่ไมเคิลเป็นแบบนี้เพราะอะไร
รถตู้ของเหล่าเทวดา ขับตามรถของนายวิสูตรมาจนถึงที่ๆหนึ่ง รถยนต์คันหรูจอดข้างทาง
มีเด็กหนุ่มสามคนลงมาจากรถ แลัวรถยนต์คันนั้นก็ขับออกไป
รถตู้ของเหล่าเทวดาก็ขับตามรถยนต์คันนั้นไปอีก
“เล่นสามคนเลยเหรอเนี่ย เหมาะแล้วกับบาป ตัณหา” ราฟาแอลเอ่ยขึ้น
“เราจะทำยังไงต่อไป” ไมเคิลถามกาเบีรยล์
“ดูไปเรื่อยๆ ยังไงเราก็รู้ตัวเจ้าของลูกกุญแจแล้วนี้”
รถยนต์คันหรูขับมาถึงที่หน้าคฤหาสน์หลังใหญ่ สักพักประตูรั้วก็เปิดอัตโนมัติ รถยนต์คันนั้นก็ขับเข้าไปข้างใน
ส่วนรถตู้ของกาเบีรยล์จอดอยู่ข้างกำแพงคฤหาสน์นั้น
“เอาล่ะ เราจะรอให้ใกล้เวลาบ่ายสามโมงแล้วหาวิธีเข้าไปข้างใน” กาเบีรยล์วางแผนกับเพื่อนของตน
“แล้วตอนนี้ทำอะไร” ราฟาแอลถาม
“สวดสายประคำ รอให้ถึงเวลา” กาเบีรยล์พูดเสร็จพร้อมคว้าสายประคำขึ้นมา
“โอ้พระแม่มารีย์ โปรดประทานพระพรแก่พวกลูกด้วยเทอญ”

หนุ่มน้อยเดินออกมาจากโรงเรียน เขากำลังจะไปขึ้นรถตู้กลับบ้าน
“ยู เดี๋ยวก่อนรอด้วย” เสียงเรียกที่คุ้นเคยเรียกหนุ่มน้อย
“มีอะไรว่ะ ไอ้เต้ เรียกกูทำไม” หนุ่มน้อยหันไปพูดกับเพื่อนสนิทของตน
“มีเรื่องให้มึงช่วยว่ะ” หนุ่มน้อยร่างสูงใหญ่ ผิวเข้ม น่าตาดี ขอความช่วยเหลือจากยู
“ทำรายงานไม่เสร็จอีกหล่ะซิ” ยูพอจะรู้ว่าเพอื่นของเขามาขอร้องเรื่องอะไร
“ใช่ครับผม กูต้องเอามาส่งพรุ่งนี้ อาจารย์แม่งโคตรโหดเลย” เต้อธิบายถึงสาเหตุที่มาขอร้องยู
“เออๆเดี๋ยวกูช่วย”
“ขอบคุณคร้าบบ น่ารักจริงๆเพื่อนกู ขอหอมแก้มที่นึงเด่ะ” เต้ชอบพูดเล่นกับยูอย่างนี้ประจำ
“บ้า! เดี๋ยวมึงโดยกูต่อยหรอก” หนุ่มน้อยกำหมัดเพื่อเป็นการขู่
“กูล้อเล่นเว้ย ไปเถอะ เดี๋ยวนั่งรถกลับบ้านไปกับกูน่ะ” เต้ลากยูไปขึ้นรถที่จอดรอไว้
“นี้รถพ่อมึงนี้” หนุ่มน้อยถาม เพราะปกติรถที่มารับเต้ไม่ใช้รถคันนี้
“อือ วันนี้พ่อกูอยู่บ้าน พ่อเลยให้เอารถคันนี้มารับกู” เต้อธิบาย
“ดีดี กูยังไม่เคยเจอพ่อมึงเลย”
เมื่อมาถึงบ้านของเต้ ยูตกใจกับคฤหาสน์หลังใหญ่ที่สวยงามมากๆ
“บ้านมึงเหรอเนี่ย โคตรใหญ่เลย” ยูยังคงมองบ้านเต้ด้วยความแปลกใจ
“บ้านคนอื่นยังใหญ่กว่าบ้านกูตั้งเยอะ เข้าไปข้างในเถอะ”เต้พายูเข้าไปข้างใน
หนุ่มน้อยพบกับชายวัยกลางคนคนหนึ่งนั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ที่โซฟา
เต้เดินเข้าไปหาชายคนนั้น “ป๊ะป๋า นี้เพื่อนเต้ครับ ชื่อยู”
“หวัดดีครับ” ยูยกมือไหว้มือของเต้
ชายวัยกลางคนวางหนังสือพิมพ์ลง หันไปรับไหว้หนุ่มน้อย
“เพื่อนเต้ น่าตาน่ารักน่ะ”เขาชมยู พร้อมส่งสายตาที่แสดงความเอ็นดูกับหนุ่มน้อย
“ก็เพื่อนผมต้องหล่อเหมือนผมดิ เดี๋ยวผมไปทำการบ้านบนห้องน่ะป๋า” เต้พูดกับพ่อเสร็จก็พายูขึ้นไปบนห้อง
ชายหนุ่มมองหนุ่มน้อยเดินขึ้นบันไดไปพร้อมลูกชายของเขา
“น่ารักขนาดนี้ ไม่ปล่อยไว้หรอก”

“เสร็จแล้ว” เต้กระโดดลุกจากเก้าอี้
“เออดีใจด้วย กูกลับบ้านก่อนน่ะ จะบ่ายสามโมงแล้ว เดี๋ยวรถติด” ยูลุกขึ้นพร้อมหยิบเป้มาสะพาย
“เดี๋ยวกรูให้คนไปส่งน่ะ”
“ไม่ต้องหรอกเกรงใจอ่ะ”ยูปฏิเสธ
“มึงช่วยกูทำรายงานน่ะโว้ย กูจะได้ตอบแทนมึงไงว่ะ”
“เปลี่ยนเป็นตังค์ได้ไหมอ่ะ” ยูแก้ลงหยอกเต้
“เอาไหมหล่ะ จะเอาเท่าไรบอกมาเลย” เต้ทำท่าควักเงินจากกระเป๋ากางเกง
“กูพูดเล่น ให้คนไปส่งก็ได้”
“งั้นเดี่ยวกูไปบอกคนขับรถก่อนน่ะ” เต้ออกนอกห้องไป
ยูเดินมองรอบห้องของเต้ จนไปเห็นรูปที่เขาถ่ายคู่กับเต้วางไว้บนโต๊ะเขียนหนังสือ
เขาเองก็มีรูปนี้ แต่เขาเก็บมันไว้ที่อัลบั้มรูปภาพ
เต้กลับมาที่ห้อง พร้อมรอยยิ้ม
“มึงโคตรโชคดีเลย คนขับรถให้มึงเป็นคนขับรถกิติมศักดิ์”
“พูดอะไรของมึงกูไม่เข้าใจ” หนุ่มน้อยเกาหัวด้วยความสงสัย
“ก็พ่อกูจะเป็นคนขับรถไปส่งมึง เผอิญพ่อกูจะออกไปข้างนอกพอดี”

-----จบตอน-----

KriT_SuN

  • บุคคลทั่วไป
 o12 ถ้าเดาไม่ผิด ต้องมีบทบู๊ ของไมเคิล ที่หึง ยู แน่ ๆ เลย อิอิ มารอครับ ๆ ๆ ๆ ๆ

ออฟไลน์ jojoe

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 223
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-1
ตอนที่14

รถสีดำคันหรูแล่นออกจากคฤหาสน์คันใหญ่ ทำให้เหล่าเทวดาที่กำลังสวดสายประคำ รีบขับรถตามออกไปทันที
“ดีน่ะที่เจ้าตัวขับรถออกมาข้างนอก ง่ายๆหน่อย” กาเบีรยล์พูดขึ้นพร้อมรีบขับรถตามออกไป
ภายในรถคันหรู ยูนั่งตัวเกร็ง เขาไม่กล้าที่จะพูดกับวิสูตร มีเพียงชายวัยกลางคนที่เป็นฝ่ายชวนหนุ่มน้อยคุยตลอด
“รีบกลับหรือเปล่า อาจะพาไปทานข้าว เป็นการขอบคุณที่ช่วยสอนการบ้านให้เจ้าเต้”
ยูรีบปฏิเสธ ด้วยความเกรงใจ “ไม่เป็นไรครับ เต้เป็นเพื่อนผม ผมก็ต้องช่วยเหลือเสมอ”
“ถือว่าเป็นน้ำใจเล็กๆน้อยๆจากอาแล้วกัน อย่าปฏิเสธเลยน่ะ” วิสูตรรีบหว่านล้อม
หนุ่มน้อยเลยต้องไปทานข้าวกับวิสูตร ยังไงเขาก็คงปฏิเสธอะไรไม่ได้อยู่แล้ว การไปกินข้าวกับพ่อของเพื่อนคงไม่เสียหายอะไร
วิสูตร จึงขับรถไปที่โรงแรมแห่งหนึ่ง
รถตู้ที่ตามมาก็ขับตามมาๆติด เหล่าเทวดาต่างตั้งใจรอเวลาที่ลูกกุญแจจะแสดงพลังออกมา
“เขาขับรถเช้าโรงแรมไปแล้ว ทำไงดีหล่ะ” ราฟาแอลถามกาเบีรยล์
สังเกตไปเรื่อยๆ เพราะมันจะใกล้เวลาแล้ว
ไมเคิลมองเวลา เหลือเพียงยี่สิบนาทีเท่านั้น
รถคันหรูจอดที่หน้าโรงแรม วิสูตรลงจากรถพร้อมยู
เหล่าเทวดาในรถตู้ต่างตกใจ ไม่นึกว่ายูจะมากับชายวัยกลางคนนั้นด้วย
ไมเคิลรีบลุกและกระโจนจากรถ เขาเกรงว่าหนุ่มน้อยอาจจะได้รับอันตราย
ราฟาแอลห้ามไว้ก่อน
“ไมเคิล มันอาจจะไม่ใช่อย่างที่นายคิดก็ได้ ยังไงยูก็คงดูแลตัวเองได้อยู่แล้ว”
“ทำไมนายพูดอย่างนี้ นายก็เห็นอยู่ว่ายูไปกับหมอนั้น” ไมเคิลตะวาดใส่ราฟาแอลด้วยความโมโห
“แล้วจะให้ทำไงเล่า เพราะตอนนี้เรารู้สึกถึงพลังของลูกกุญแจแล้ว แต่มันไม่ได้อยู่กับนายคนนี้”ราฟาแอลรีบอธิบายให้ไมเคิลฟัง
“อะไรน่ะ นายหมายความว่าไง” ไมเคิลไม่เข้าใจในสิ่งที่เพื่อนของเขาพูด
“กาเบีรยล์และฉันรู้สึกถึงพลังของลูกกุญแจ กาเบีรยล์เลยรีบตรวจสอบว่าตอนนี้พลังอยู่ที่ตรงไหน แต่ที่แน่ๆกุญแจไม่ได้อยู่กับนายวิสูตร”
แม้ราฟาแอลจะอธิบายความจริงให้ฟังแล้วก็ตาม แต่เขาก็อดห่วงหนุ่มน้อยไม่ได้
“แล้วทำไมผมไม่รู้สึกถึงพลังของลูกกุญแจเลยหล่ะ” เพราะเทวดาทั้งสามคนจะรู้สึกถึงพลังของลูกกุญแจพร้อมกันทุกครั้ง
“ก็นายมัวแต่ไปสนใจเรื่องของยู นายลองตั้งสมาธิดูดีดี นายจะรู้สึกถึงพลังของลูกกุญแจ”
เทวดาหนุ่มได้ยินสิ่งที่เพื่อนของเขาพูด เขาจึงหลับตาตั้งสมาธิ
ไมเคิลเห็นภาพนายวิสูตรขับรถออกมาจากโรงแรมม่านรูด ซึ่งรถตู้ของพวกเขาขับตามมา
พวกเขาคิดว่ากุญแจอยู่กับนายวิสูตร เพราะนายวิสูตรเป็นคนขับรถคันนั้น
แต่พวกเขาลืมไปว่า ในรถคันนั้นไม่ได้มีแค่นายวิสูตรเท่านั้น แต่ยังมีเด็กหนุ่มอีก 3 คน
เทวดาหนุ่มลืมตา เขาหันไปมองราฟาแอล
“ผมรู้แล้วว่ากุญแจอยู่กับใคร”

วิสูตรพาหนุ่มน้อยมาที่ห้องๆหนึ่งในโรงแรม
ยูทั้งแปลกใจ และ สงสัยว่า ทำไมวิสูตรถึงพาเขามาที่ห้อง แทนที่จะพาไปที่ภัตตราคาร
“ทำไมต้องมาทานข้าวที่ห้องด้วยหล่ะคับ”
“ก็ที่ภัตตราคารมันเต็ม ฉันเลยพาเธอมาที่นี้” เขาตอบพร้อมมองหนุ่มน้อยและรอยยิ้ม
วิสูตรพายูมานั่งที่โต๊ะทานข้าว กลางห้อง ซึ่งถัดจากนั้นไป ก็จะเป็นเตียงนอนและห้องน้ำ
“เธอชอบทานอะไร ทานสเต๊กไหม” วิสูตรถามหนุ่มน้อย
“ครับ ผมท่านอะไรก็ได้ครับ” หนุ่มน้อยเริ่มรู้สึกอึดอัดกับบรรยากาศแบบนี้
ชายหนุ่มยกหูโทรศัพท์ สั่งอาหารกับพนักงาน
แล้วเขาก็ไปหยิบไวน์ในตู้เย็น เทลงในแก้วใบหรู
หนุ่มน้อยมองไปรอบๆห้อง แม้ห้องนี้จะสวยงาม หรูหรา และใหญ่โต เพียงใด แต่เขากลับอยากจะออกจากห้องนี้ไปเร็วๆ
แก้วไวน์ใบหรูถูกยื่นมาที่ตรงหน้าของหนุ่มน้อย
“เธอคงดื่มได้ใช่ไหม” ยูรับแก้วไวน์จากชายหนุ่ม
เขามองนายวิสูตรที่ส่งสายตาแห่งความเอ็นดูมาให้เขา แต่เขากลับไม่รู้สึกถึงความอบอุ่นแม้แต่น้อย
ช่างต่างจากสายตาของไมเคิลซึ่งไม่ว่าเขาจะทำอะไร หนุ่มน้อยกลับรู้สึกถึงความอบอุ่นจากตัวเขา
“ดื่มสิ” วิสูตรคะยั้นคะยอ
หนุ่มน้อยมองหน้าชายหนุ่มอีกครั้ง ก่อนจะค่อยๆดื่มไวน์นั้น
“ดีมาก เธอนี้น่ารักจริง” พูดจบเขาก็เดินเข้ามาใกล้หนุ่มน้อย ก่อนที่จะค่อยๆเอามือไปแตะที่ต้นขาของยู
ยูสะดุ้งตัว ด้วยความตกใจก่อนจะปัดมือนั้นออกไป
“ทำอะไรครับคุณอา”
“ฮึ ฮึ ฮึ ฉันแค่อยากให้เธอสนุกเท่านั้นเอง” วิสูตรหัวเราะพร้อมค่อยถอดเสื้อของเขา
หนุ่มน้อยไม่คิดว่าวิสูตรจะทำกับเขาได้เพียงนี้ เขาต้องหาทางรีบนี้ก่อน
ยูลุกขึ้นพยายามที่จะวิ่ง แต่วิสูตรคว้าตัวเขาไว้ทัน
“จะไปไหน พ่อหนุ่มน้อย มานี้ซะดีดี” เขาสวมกอดยู แม้หนุ่มน้อยจะดิ้นหนีเพียงใด แต่ก็สู้แรงของเขาไม่ได้
“อย่านะครับ คุณอา อย่า อย่าทำแบบนี้เลย อย่า อย่.....” สิ้นเสียงของหนุ่มน้อย เขาก็สลบไปเพราะฤทธิ์ของยาสลบที่วิสูตรแอบใส่ในแก้วไวน์
วิสูตรอุ้มร่างอันไร้สติของยูไปที่เตียง พร้อมค่อยๆถอดเสื้อของหนุ่มน้อย
“สลบอย่างเนี้ยจะสนุกเหรอ รอให้ฟื้นดีกว่า” วิสูตรจึงเอื้อมไปที่ลิ้นชักแล้วยิ้มกุญแจมืออกมา
“รับรอง เธอจะสนุกแน่ๆ”

รถตู้วิ่งไปถึงโรมแรมม่านรูด เหล่าเทวดาก็รีบลงจากรถและบุกไปที่ห้องๆหนึ่ง ที่พวกเขาสันนิษฐานว่าเป็นห้องที่คนถือลูกกุญแจอยู่ในห้องนั้น
กาเบีรยล์เคาะประตู โดยมีราฟาแอล กับ ไมเคิลยืนอยู่ด้านหลัง
“ใครว่ะ บ๋อยเหรอ ไม่ได้สั่งอะไรสักหน่อย” เด็กหนุ่มส่งเสียงด้วยความโมโห
เขาเปิดประตูเห็นชายชาวต่างชาติสามคนยืนอยู่ที่หน้าประตู
“พวกคุณเป็นใคร” เขาถามด้วยความสงสัย
กาเบีรยล์มองเด็กหนุ่มน่าตาดี ที่ตอนนี้ใส่ผ้าขนหนูแค่ผืนเดียว “ผมเป็นตำรวจ”
เด็กหนุ่มคนนั้นน่าเสีย “อะไร คุณมาจับผมเรื่องอะไร”
“ผมรู้น่ะว่าคุณทำอาชีพอะไร ผมมีหลักฐานที่สามารถจะจับคุณได้ แต่ถ้าคุณให้ความร่วมมือกับผม ผมจะไม่จับคุณ เพียงแค่คุณช่วยบอกผมว่า กุญแจอยู่ที่ไหน”
เด็กหนุ่มนึกถึงเมื่อตอนเข้ามืด ที่เขากำลังจะกลับบ้านพร้อมลูกค้าและเพื่อนของเขาอีกสองคน เขาเห็นลูกกุญแจดอกหนึ่ง มันเป็นกุญแจโบราณที่มีลักษณะคล้ายกางเขน มีตัวอักษรสลักเป็นภาษาละติน
เขาหยิบมันติดตัวมาด้วย เพราะเห็นว่ามันสวยดี เลยจะเอามาทำเป็นสร้อย
กาเบีรยล์ยิ้มนึกในใจ เขาคิดไม่ผิดว่าลูกกุญแจอยู่ที่ตัวเด็กหนุ่มคนนี้
“คุณพูดอะไร กุญแจอะไร ถ้าคุณเป็นตำรวจจริงๆไหนหล่ะบัตรแสดงตัว ไหนหล่ะปืน”
ราฟาแอลนึกอยู่แล้วว่าจะต้องเจอแบบนี้ เขาบอกกาเบีรยล์แล้วว่าอย่าใช้มุขนี้
“ผมจะเรียกยาม” แล้วเขาก็ปิดประตูทันที

ยูเริ่มรู้สึกตัว เขารู้สึกมึนหัว เขาค่อยลืมตา แล้วก็ต้องตกใจเมื่อเห็นตัวเองถูกขึงด้วยกุญแจมือ บนเตียงนอน
และต้องตกใจอีกเมื่อเห็นตัวเองเปลือยอยู่
วิสูตรเดินออกมาจากห้องน้ำ ร่างกายของเขาเปียกชุ่มไปด้วยน้ำ เขาใช้ผ้าขนหนูเช็ดไปตามร่างกายของเขา
ยูพยายามดิ้น แต่เขาทำอะไรไม่ได้เลย
วิสูตรเดินมาที่เตียง เขาค่อยๆใช้มือลูบไล้ไปตามร่างกายของหนุ่มน้อย
“ปล่อยผมไปเถอะ อย่าทำอะไรผมเลย” ยูเริ่มร้องไห้ เขาทั้งกลัว ทั้งโกรธ
วิสูตรไม่ได้สนใจคำพูดของยูแม้แต่น้อย เขาค่อยๆใช้มือคล่ำไปที่หว่างขาของหนุ่มน้อย
“อย่าครับคุณอา ผมขอร้อง ถ้าเต้รู้เขาจะรู้สึกยังไงที่พ่อเขาทำแบบนี้” ยูพยายามหาเหตุผลมาช่วยตัวเอง
“ฉันไม่สนใจ ลูกชายฉันไม่มีวันรู้เป็นอันขาด หรือเธออยากบอกก็เชิญ เขาไม่มีทางเชื่อหรอก”
“แล้วถ้าเต้เจอแบบนี้บางคุณอาจะรู้สึกยังไงหล่ะ” ยูไม่ละความพยายาม เขาพยายามที่จะเกลี้ยกล่อมวิสูตรต่อไป
“เขาอาจจะชอบก็ได้ ที่เจอแบบนี้ เธอไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น” วิสูตรเริ่มรำคาญ เขาไม่สนใจว่าหนุ่มน้อยจะพูดอะไรก็ตาม
วิสูตรค่อยขึ้นไปทับร่างของหนุ่มน้อยก่อนที่จะใช้นิ้วไปช้อนก้นและแหย่ไปในนั้น
ยูเริ่มรู้สึกเจ็บ เขาร้องออกมาจนสุดเสียง “ม่ายยยยยยยยยย”
ในใจเขานึกถึงแต่ไมเคิลคนเดียว “ไมเคิล ช่วยด้วย!”

-----จบตอน-----

KiKuMon

  • บุคคลทั่วไป
ไมเคิลจามาช่วยทันไม๊นี่

ลุ้นๆๆๆ

aum

  • บุคคลทั่วไป

ออฟไลน์ มูมู่น้อย

  • Global Moderator
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +468/-12
สนุกดี  มันส์ๆ  เรื่องนี้สอดแทรกศีลธรรมเข้าไปด้วย  เยี่ยมเลย :m4:

แล้วลูกกุญแจจะไปอยู่ที่ใครละเนี่ย  ถ้าไม่ได้อยู่ที่ตาแก่ตัณหากลับนี่อะ
สงสัยคงจะปกป้องกุญแจไม่ได้จนกว่าจะถึงลูกสุดท้ายนู่นอะป่าว

อยากอ่านต่อแล้ว  ยูจะรอดมั้ยเนี่ย  ไมเคิลมาช่วยทีเท้อ  :oni2:

ออฟไลน์ jojoe

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 223
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-1

เหล่าเทวดาถูกยามลากตัวมาข้างหน้าโรมแรม
ราฟาแอลเจ็บใจที่ไม่สามารถเอากุญแจมาได้ “แล้วทีนี้จะทำอย่างไงเล่า” ราฟาแอลโมโห
ไมเคิลใช้ความคิดหาวิธีจะเอากุญแจ แต่เขากลับรู้สึกถึงพลังบางอย่าง มันไม่ใช้พลังของลูกกุญแจ สักพักเขาได้ยินเสียงของยู “ไมเคิล ช่วยด้วย!”
ไมเคิลสะดุ้งตกใจ เขาหันไปพูดกับเพื่อนของเขาทั้งสอง “ผมคงช่วยพวกนายหากุญแจไม่ได้แล้ว ผมเป็นห่วงยู”
“นายจะบ้าเหรอ นี้มันเป็นหน้าที่ของพวกเราน่ะ”ราฟาแอลพยายามเตือนสติไมเคิล
กาบีรยล์เข้ามาแตะที่หลังราฟาแอล “ให้ไมเคิลไปเถอะ ฉันกะนายจะจัดการเรื่องนี้เอง”
กาเบีรยล์พอจะเข้าใจความรู้สึกของไมเคิล ที่ไมเคิลรู้สึกถึงความรู้สึกของยู เพราะความผูกผันที่พวกเขามีให้กัน
ไมเคิลยิ้มขอบใจกาเบีรยล์ ก่อนที่จะกระโดดขับรถตู้ออกไป
“แล้วเราจะทำยังไงนี้มันจะบ่ายสามแล้วน่ะ” ราฟาแอลหันมาตะวาดใส่กาเบีรยล์
“ฉันมีวิธีน่า ไม่ต้องห่วง” กาเบีรยล์พยายามไม่ให้ราฟาแอลโมโห
“แล้วเมื่อกี้ไม่ใช่วิธีของนายเหรอ เป็นไงหล่ะ มันได้ผลไหม”ราฟาแอลพูดประชด
กาเบีรยล์หันไปมองที่ร้านขายเสื้อผ้าที่อยู่ข้างๆโรงแรมม่านรูดนั้น
“เรามีวิธีเดียวที่จะเข้าไปได้คือ ต้องปลอมตัว”

ระหว่างที่ไมเคิลกำลังขับรถจะไปโรงแรม เขารู้สึกได้ถึงความรู้สึกของยูก็จริง
แต่เขาไม่รู้ว่าหนุ่มน้อยอยู่ที่ส่วนไหนของโรมแรม
เขานึกถึงตอนที่ราฟาแอลให้เขาเพ่งสมาธิ จนเขาสามารถรู้ตำแหน่งของลูกกุญแจ
เขาเลยจะเพ่งสมาธิเพื่อจะได้รู้ว่าหนุ่มน้อยอยู่ที่ไหน
เขาจอดรถและหลับตา พยายามรวบรวมสมาธินึกถึงหนุ่มน้อย
เขาเริ่มเห็นภาพหนุ่มน้อยออกจากคฤหาสน์พร้อมวิสูตร โดยมีหนุ่มน้อยอีกคนหนึ่งเดินออกมาด้วย
วิสูตรขึ้นรถพร้อมยู และรถก็แล่นออกมาจากคฤหาสน์ โดยที่พวกเขาก็ขับรถตามมา
เขาพยายามเพ่งไปที่หนุ่มน้อยคนนั้นที่ออกมาที่หน้าคฤหาสน์ แต่ไม่ได้ขึ้นรถออกไปกับยูด้วย
หนุ่มน้อยร่างสูงใหญ่ ผิวเข้ม น่าตาดีคนนั้นที่ไมเคิลเห็นเพียงแวบๆ เขารู้สึกว่าเหมือนเคยเห็นที่ไหน
ใช่สิ นั้นมันหนุ่มน้อยที่ถ่ายรูปกับยู ในอัลบั้มรูปภาพที่เขาเปิดดูเมื่อเช้า และหนุ่มน้อยคนนี้มีหน้าตาละหม้ายคล้ายกับวิสูตรด้วย
ไมเคิลพอจะเรียบเรียงเหตุการณ์ได้แล้วว่า หนุ่มน้อยคนนั้นเป็นลูกของวิสูตร
ไมเคิลขับรถใกล้จะถึงโรมแรมอยู่แล้ว แต่เขาก็เลี้ยวรถกลับไปอีกทาง
ตอนนี้เขากำลังมุ่งตรงไปที่คฤหาสน์อันหรูหราของวิสูตร

รถแท๊กซี่มาจอดที่หน้าห้องในโรมแรมม่านรูด ผู้โดยสารสองคนลงมารถแท๊กซี่นั้น ก่อนที่รถจะขับออกไป
ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ใส่หมวกใส่แว่น เอื้อมมือไปเปิดประตูพร้อมผู้หญิงร่างสูงใหญ่พอๆกับฝ่ายชาย
“เร็วๆสิ จะบ่ายสามแล้ว” ราฟาแอลในชุดแซ็กกระโปรงสั้นรีบบอกกาเบีรยล์
“ตอนนี้แต่งเป็นผู้หญิงก็พูดดัดสียงหน่อย เดี๋ยวบ๋อยมันได้ยินหรอก” กาเบีรยล์หันไปดุเพื่อนของเขา
“ไม่เห็นต้องแต่งเลย แค่นั้นรถเข้ามาข้างในก็ผ่านแล้ว” ราฟาแอลเริ่มหงุดหงิดกับเสื้อผ้าตัวเอง
กาเบีรยล์อยากให้ปลอมตัวเข้ามาเพราะยามจะได้จำพวกเขาไม่ได้ เพราะถ้ายามจำได้พวกเขาก็อาจจะโดนโยนออกมาหน้าโรงแรมอีกแน่
ทั้งสองคนพอเข้าไปในห้อง ก็รีบวิ่งไปที่ห้องน้ำ กาเบีรยล์ยกเท้าไปเหยียบที่โถส้วม พร้อมยกตัวขึ้นเอื้มมือไปที่หน้าต่างด้านหลังของห้องน้ำ แล้วปืนออกมาจนพ้น เขาค่อยๆกระโดดลงมาด้านนอกห้อง แล้วเดินมาที่หน้าต่างห้องน้ำของห้องอีกห้องหนึ่ง เขาพยายามจะปืนหน้าต่างเข้าไปข้างใน
“รอด้วยดิกาเบีรยล์ ฉันไปด้วย” ราฟาแอลพยายามปืนตามกาเบีรยล์ออกไป แต่เพราะชุดกระโปรงสั้นของเขามันทำให้เขาก้าวขาลำบาก แต่ราฟาแอลไม่ละความพยายาม เขาปืนออกมาได้ แต่กระโปรงที่เขาใส่ปลอมตัวมาดันขาดไม่เหลือชิ้นดี จนเขาต้องถอดกระโปรงออก เหลือแต่กางเกงในตัวเดียว
“โธ่เว้ย ต้องมาโป๊อีกเว้ย” เขาสบถออกมาเสียดัง แล้วปืนตามกาเบีรยล์เข้าไปในห้องนั้น
เทวดาทั้งสองเข้ามาในห้องน้ำที่เด็กหนุ่มผู้ถือกุญแจดอกที่สาม
พวกเขาได้ยินเสียงครางของคนสองคน กาเบีรยล์รู้ว่าอีกไม่ช้ากุญแจจะเริ่มสัมฤทธิ์ผล
เขาเอื้อมไปเปิดประตูห้องน้ำ แต่เขาเปิดไม่ได้ เขาแปลกใจ เพราะประตูไม่น่าจะถูกล็อคจากด้านนอก
“ทำไมเปิดไม่ได้หล่ะเนี้ย” กาเบีรยล์พูดออกมา
“เปิดไม่ได้ก็พังไม่ไปเลยสิว่ะ” ราฟาแอลพูดจบก็กระโดดโถมเข้าใส่ประตูนั้น
แต่ประก็ยังเปิดไม่ได้อยู่ดี พวกเขาทำอีกครั้งหนึ่ง แต่ประตูก็ยังเปิดไม่ได้
กาเบีรยล์นึกในใจว่าเขาอุตส่าห์พังประตูเสียดังขนาดนี้ ข้างในมันน่าจะได้ยินเสียง แล้วออกมาเปิดประตูดู แต่ทำไมเขายังได้ยินเสียงครางอยู่อีก
“ถ้าไมเคิลอยู่ คงเปิดประตูนี้ได้” ราฟาแอลพูดถึงไมเคิลที่มีพละกำลังมากกว่าพวกเขาทั้งสอง
“อ๊ะ อ๊ะ อ๊ายยยส์” เสียงครางดังขึ้นและจบลง พร้อมพลังของกุญแจเริ่มรุนแรงขึ้น
เทวดาหนุ่มทั้งสองมองหน้ากัน พวกเขารู้ว่ากุญแจเริ่มสัมฤทธิ์ผลแล้ว
พวกเขาจึงใช้พลังที่มีทั้งหมด กระโดดเตะประตูนั้น
โครม! ประตูกระเด็ดออกมาทันที เทวดาทั้งสองกระโดดเข้าไปในห้องนั้น
เขาเห็นชายสองคนสลบไร้สติอยู่บนเตียงด้วยร่างกานเปลือยเปล่า
กาเบีรยล์เห็นสร้อยรูปกุญแจวางไว้อยู่บนโต๊ะข้างเตียง เขาจึงรีบกระโดดไปคว้ากุญแจนั้น
แต่แล้วก็เหมือนมีพลังบางอย่างมาขวางเขาไว้ จนตัวเขากระเด็นไปที่อีกมุมหนึ่งของห้อง
ราฟาแอลเห็นดังนั้นจึงคว้าผ้าขนหนู ตวัดชายผ้าไปที่กุญแจ
แต่ก็มีมือมาจับชายผ้านั้น เปกาเฟอร์โผล่ร่างออกมา พร้อมใช้แรงของเขาเขวี้ยงผ้าเช็ดตัวออกไป
ร่างของราฟาแอลก็กระเด็นออกไปด้วย เขาล้มลงไปกองกับพื้น
“พวกเจ้าแค่สองคนทำอะไรข้าไม่ได้หรอก เจ้าไมเคิลมันมุดหัวไปไหนแล้วหล่ะ”
ปีศาจร้ายต้องการเผชิญหน้ากับไมเคิลเท่านั้น เพราะไมเคิลเป็นคนเดียวที่มีพลังเทียบเท่ากับเปกาเฟอร์
“ถ้าอย่างนั้น ข้าจะจัดการพวกแกไปก่อนหล่ะกัน” เปกาเฟอร์ยกฝ่ามือไปยังเทวดาทั้งสอง
แสงสีดำก็พุ่งมาจากมือของเขา มันพุ่งตรงไปยังกาเบีรยล์และราฟาแอล
บูม! เสียงระเบิดก็ดังขึ้น ทุกอย่างภายในโรมแรมม่านรูด กระจัดกระจายไม่เป็นท่า
เหลือเพียงแต่ลูกกุญแจโบราณ ท่ามกลางซากปรักหักพัง
แต่เพียงไม่นาน ก็มีมือลึกลับรีบคว้าลูกกุญแจหายไป

ภายในห้องหรู ชายวัยกลางค่อมขึ้นค่อมร่างกายของหนุ่มน้อย
หลังจากที่เขาใช้นิ้วมือล่วงเข้าไปในร่องก้นของยู
วิสูตรค่อยๆใช้ลิ้นไซร้ไปตามซอกคอ และไล้ลงมาเรื่อยๆ
แต่หนุ่มน้อยไม่ได้มีอารมณ์ร่วมเลย เขาได้แต่ร้องไห้ และพยายามดิ้น ทั้งๆที่รู้ว่าไม่มีทางที่จะหลุดพ้นจากการกระทำอันชั่วร้ายของชายคนนี้
วิสูตรยังค่อยใช้ลิ้นไต่ไปตามร่างกายของหนุ่มน้อย
แต่เขาก็ต้องชะงัก เมื่อมีคนมาเคาะประตูที่ห้อง “ก๊อก ก๊อก ก๊อก”
เขาเริ่มกังวลว่าจะทำอย่างไรต่อไป
“ใครน่ะ” เขาถาม แต่ไม่มีใครตอบ เขายิ่งกังวลมากขึ้น เขาไม่ควรจะเปิดประตูเพราะคงไม่ดีแน่ถ้าใครมาเห็นว่าหนุ่มน้อยถูกขึงอยู่บนเตียงในห้องนี้
แต่ไม่ทันที่เขาจะตัดสินใจ ประตูห้องก็กระเด็นออกมาก่อนเหมือนมีใครใช้แรงอันมหาศาลระเบิดมัน
เขาตกใจเมือเห็นชายฝรั่งคนหนึ่งยืนจ้องหน้าเขาด้วยความโกรธ พร้อมกับ เต้ลูกชายของเขา
“พ่อ ทำไมพ่อทำแบบนี้” เต้โมโหพ่อของเขา และผิดหวังที่พ่อทำร้ายเพื่อนสนิทของเขา
“คือ...พ่อ....” ยังไม่ทันที่เขาจะตอบ ไมเคิลก็โถมต่อยที่วิสูตร จนเขากระเด็นออกไปอีกด้านของห้อง
เทวดาหนุ่มเห็นยูถูกขึงอยู่ก็รีบเข้าไปกระชากกุญแจมือออกทันที
เมื่อยูพ้นเป็นอิสระแล้ว เขาโผ่เข้ากอดไมเคิลทันที
ไมเคิลรู้สึกถึงน้ำตาของหนุ่มน้อย เขาลูบหัวหนุ่มน้อยเพื่อเป็นการปลอม
“ยู เรา ขอโทษ เราขอโทษจริงๆ”เต้ร้องไห้ออกมาด้วยความเสียใจ
“มะ ไม่เป็นไร เราต้องขอบใจนายต่างหาก” หนุ่มน้อยเข้าใจว่าเหตุการณ์นี้ไม่ใช่ความผิดของเต้
“นายคนนี้ต่างหากที่ช่วยนาย ถ้าเขาไม่มาบอกเรา เราคงไม่รู้หรอก ว่าพ่อของเราทำตัวแบบนี้” เต้ยกความดีให้ไมเคิล
หนุ่มน้อยมองไมเคิล เขาอยากจะบอกขอบใจเทวดาหนุ่มช่วยเขาไว้
แต่ไมเคิลพูดออกมาก่อน “กลับบ้านเถอะ”

หนุ่มน้อยเอนกายลงบนที่นอน เขาพยายามหลับตา แต่เขาก็ยังนึกถึงเหตุการณ์อันเลวร้ายนั้น
จนยูต้องสะดุ้งตื่น เขาหันไปมองไมเคิลที่กำลังนอนอยู่บนพื้นข้างๆเขา
“นี้ ไมเคิลนอนบนพื้น เจ็บหลังป่าว”
ไมเคิลได้ยินเสียงของยูก็หันไปตอบ “ก็นิดนึง แต่ผมชินแล้ว”
หนุ่มน้อยอ่ำอึ้งไปพักหนึ่งก่อนจะบอกออกไปว่า
“เออ...นายขึ้นมานอนกับเราหน่อยสิ”
ไมเคิลได้ยินดังนั้น เขาก็รีบลุกขึ้นไปนอนข้างๆหนุ่มน้อยทันที
“นี้ อย่าเข้าใจผิดน่ะ ที่วันนี้ให้มานอนด้วย เพราะสงสารที่ต้องนอนพื้น” ยูบอกเหตุผลกับเทวดาหนุ่ม แต่ความจริงแล้ว หนุ่มน้อยไม่อยากนอนคนเดียว เขาอยากมีใครสักคนที่จะคอยปลอบเขา ให้เขาหายกลัว จากเหตุการณ์อันเลวร้ายนั้น
หนุ่มน้อนรีบนอนหันหลังให้ไมเคิล
ไมเคิลเขยิบไปใกล้หนุ่มน้อยให้มากที่สุด แต่เขาพยายามจะไม่ให้โดนตัวหนุ่มน้อย
“ทำอะไรน่ะ” หนุ่มน้อยทำเสียงดุ เมื่อเห็นไมเคิลจะขยับตัวเข้ามาใกล้
“คือ ผมกลัวตกเตียง” เทวดาหนุ่มแก้ตัว
ยูเขยิบตัวไปข้างๆเพื่อให้ไมเคิลได้นอนอย่างสบาย
ก่อนที่ยูจะหลับตา เขาหันไปมองไมเคิลอีกครั้ง และพูดกับเทวดาหนุ่มว่า
“ขอบใจนายมากๆน่ะ ที่ช่วยผมวันนี้”
ไมเคิลได้ยินดังนั้นเขาก็หันไปจ้องตาหนุ่มน้อย เขายิ้มให้ จนหนุ่มน้อยเริ่มเขินอาย
“นอนแล้ว” ยูหลับตาลงทันที
ไมเคิลเองก็หลับไปพร้อมกัน
ทั้งสองนอนอยู่บนเตียงเดียวกัน ท่ากลางอากาศที่เริ่มหนาวเย็น
ฤดูหนาวเริ่มเข้ามา พร้อมกับเวลาของเหล่าเทวดาที่เหลือน้อยลงทุกที

-----จบตอน-----

ออฟไลน์ มูมู่น้อย

  • Global Moderator
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +468/-12
มาต่อแล้ว  :m4:

ดีนะช่วยทัน  ตาแก่นั่นมัวลีลามาก  อดเลย
ว่าแต่ราฟาแอลกับกาเบียลร์เป็นไงแล้วอะ  โดนพลังเต่าสะท้านฟ้าไป  :a5:

รออ่านต่อเน้อ  :oni2:  :oni2:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
หุหุ พลาดอีกแระ เทวดาเอ้ย    :m14: :m14: :m14:

KiKuMon

  • บุคคลทั่วไป
เทวดาจาได้กุญแจซักดอกไม๊นี่


ออฟไลน์ jojoe

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 223
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-1
ตอนที่16

เสียงนกร้องทำให้เทวดาหนุ่มตื่นขึ้นมา เขาลุกขึ้นนั่งมองสิ่งรอบตัวเขา
เขาแปลกใจที่เห็นว่าเขากำลังนอนท่านมกลางทุ่งหญ้าอันเวิ้งว้าง รอบๆบริเวณนั้นเต็มไปด้วยดอกไม้หลากสีหลากชนิด ถัดไปไกลสุดสายตาเป็นภูเขาลูกใหญ่หลายลูกวางตัวเรียงกันเป็นแนวยาว และมีแม่น้ำสายเล็กๆตัดผ่านทุงหญ้านั้น
“ไมเคิล ไมเคิล” เสียงๆหนึ่งเรียกเขา มันคือเสียงอันนุ่มนวลที่เขาคุ้นเคยเป็นอย่างดี
เขาหันไปมองเจ้าของเสียงนั้น
ชายหนุ่มผิวขาว หน้าตาสวยราวกับผู้หญิง แต่รูปร่างของเขาค่อนข้างบึกบึนเหมือนกับไมเคิล
ชายหนุ่มนั้นกำลังจ้องมองและยิ้มมาให้เทวดาหนุ่ม
ไมเคิลดีใจที่ได้เห็นชายคนนั้น คนที่เขาคิดถึง และใผ่ฝันว่าจะอยู่ด้วยกันไปตลอด
แต่สิ่งที่เขาหวังคงเป็นได้เพียงความฝันเท่านั้น
และด้วยความดีใจนั้น เทวดาหนุ่มจึงโผ่เข้ากอดชายคนนั้น
แต่ทว่า ร่างนั้นกลับหายไป
ไมเคิลสะดุ้งตื่นขึ้น เขาลืมตามองไปรอบๆตัว ทุ่งหญ้าที่เขาได้เห็นเมื่อกี้ กลายเป็นห้องนอนของยู
เขาลองใช้มือลูบๆรอบๆบริวเณที่เขานอน มันคือเตียงนอน แต่ทำไมเมื่อกี้เขาถึงรู้สึกว่ามันคือทุ่งหญ้า
เขาหันไปมองข้างๆกายเขา ไมเคิลเห็นหนุ่มน้อยกำลังกอดเขาอยู่
เทวดาหนุ่มมองใบหน้าของหนุ่มน้อย แต่เขากลับเห็นเป็นใบหน้าของชายในฝันของเขา
เขาขยี้ตา และมองไปที่ใบหน้าของหนุ่มน้อยอีกครั้ง ครั้งนี้เป็นใบหน้าอันแสนน่ารักของยู
ไมเคิลคิดว่าที่ยูกอดเขาคงเป็นเพราะอากาศเริ่มเย็น เพราะเข้าช่วงฤดูหนาวแล้ว
ไมเคิลจึงหันไปเอื้อมมือเข้ากอดหนุ่มน้อย เขาคิดว่ามันคงจะช่วยให้ยูอุ่นขึ้น
ไมเคิลกอดหนุ่มน้อยจนใบหน้าของเขาใกล้กับใบหน้าของยู
หนุ่มน้อยรู้สึกอุ่นขึ้นมาบ้างแต่เขายังไม่รู้สึกตัวตื่นขึ้นมา
เทวดาหนุ่มเองก็รู้สึกอุ่นเช่นกัน เขาไม่เคยรู้สึกดีแบบนี้มาก่อน
ไมเคิลหลับตาลงและเคลิ้มหลับไป

ในตึกร้างแห่งหนึ่ง ใกล้จากตัวเมืองออกไป เสียงสะท้อนของฝีเท้าดังไปทั่วตึก
เปกาเฟอร์เดินมาสุดมุมตึก เขาเห็นว่ามีคนยืนรอเขาอยู่ที่นั่นแล้ว
ชายหนุ่มจึงรีบก้มลงคำนับผู้เป็นนายของเขา
“ไหนหล่ะกุญแจลูกที่สาม เจ้าได้มันมาไหม”
เปกาเฟอร์ก้มหน้าไม่กล้าตอบเจ้านายของเขา
“เจ้าทำงานพลาด” เจ้านายของเขาตอบแทน
“ข้า พยายามแล้วท่าน แต่พวกมันใช้ช่วงเวลาที่เผลอ เอาลูกกุญแจนั้นไป”
“ไม่ต้องแก้ตัว” ชายหนุ่มลึกลับตะโกนด่าลูกน้องของเขา พร้อมไปพลังทำร้ายอีกด้วย
โครม! เปกาเฟอร์ถูดพลังอันรูนแรงดันไปชนกำแพงอีกฟากหนึ่ง
“นี้คือบทลงโทษที่เจ้าทำงานพลาด อย่าให้ข้าเห็นว่าเจ้าทำงานพลาดอีกครั้งน่ะ มิฉะนั้น เจ้าอาจจะเจ็บมากกว่านี้”
ชายหนุ่มลึกลับพูดกับลูกน้องของตน ก่อนจะหายตัวไปในเงามืด
เปกาเฟอร์พยายามพยุงตัวขึ้น แต่เขาก็ต้องล้มลง
พลังอันรุนแรงของราชันย์แห่งนรกไม่มีใครหรอกจะสามารถต้านทานมันได้
เขาโกรธและโมโหเป็นอย่างมาก แต่เขามิได้โกรธที่เจ้านายลงโทษเขา
แต่เขาโกรธเหล่าเทวดาที่สามารถเอาลูกกุญแจดอกที่สามไปได้
“ครั้งนี้ ข้าจะไม่ยอมให้พวกเจ้าเอาไปได้หรอก”

ถนนในยามค่ำคืนช่างเงียบสงบ และวังเวง
อากาศเริ่มหนาวเย็น ทุกแห่งในเมืองหลวงเหลือแต่แสงไฟสลัวๆ
ผู้คนกำลังผักผ่อน น้อยคนนักที่จะออกมาเดินเล่นในช่วงเวลานี้
แต่ก็ยังมีชายสองคนเดินพยุงกัน ที่ริมถนน ใกล้กับตึกร่างแห่งหนึ่ง
ทั้งสองช่วยพยุงกันเข้าไปในตึกนั้น
ชายหนุ่มทั้งสองนั่งลงพักที่นั้น
“เป็นอะไรมากไหม ราฟาแอล” กาเบีรยล์ถามเพื่อนรักของตน
“กอ กอ ก็ เจ็บนึดหน่อย แต่อย่าลืมซิว่าผมมีพลังพิเศษ” หนุ่มน้อยพูดเสร็จ ก็ยกมือขึ้นมาเหนือนบาดแผลของเขา
เขานั่งทำสมาธิก่อนจะรวมรวบพลังออกมา แต่ทว่า กลับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“อะไรกันเนี้ย โดนเล่นงานจนพลังหายไปเลยเหรอ” ราฟาแอลตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น
กาเบีรยล์เริมตรวจสอบพลังของตัวเองเช่นก้น เขาลองนั่งสมาธิและรวบรวมพลังของตัวเอง
เขาแปลกใจที่ร่างกายของเขากลับไม่รู้สึกถึงพลังของตัวเอง
“กาเบีรยล์ดูสิ เริ่มเข้าสู่หน้าหนาวแล้วน่ะ” ราฟาแอลเตือนเพื่อนของตน เพราะเขาเห็นว่าอากาศในคืนนี้เย็นกว่าทุกวัน
กาเบีรยล์เองก็รู้สึกเช่นเดียวกับเพื่อนของเขา
“หรือว่า เวลาของเราใกล้จะหมดแล้ว” กาเบีรยล์พูดพึมพัมกับตัวเอง
กาเบีรยล์ค่อยลุกขึ้นพร้อมหันไปพูดกับเพื่อนของเขา “รีบไปเถอะ เราต้องหากุญแจดอกที่เหลือให้เร็วที่สุด”
ราฟาแอลหันไปมองกาเบีรยล์ที่อยู่ดีดีก็ลุกขึ้น และดูเหมือนจะกระตือรื้อร้นเป็นพิเศษ
“เป็นอะไรของนาย อย่าลืมซิ ตอนนี้เรามีกุญแจหนึ่งดอกแล้วน่ะ” ราฟาแอลพูดพร้อมหยิบกุญแจขึ้นมาให้เพื่อนเขาดู
“ถ้าพวกมันหาครบทั้งหกดอก แต่ขาดไปดอกหนึ่ง มันก็เปิดประตูนรกไม่ได้หรอก”
“อย่าพูดแบบนี้ซิ ปีศาจมันก็ไม่ได้ฉลาดมากไปกว่าเราหรอกน่ะ มันอาจจะหาวิธีแย่งกุญแจดอกที่นายกำลังถืออยู่ก็ได้ ดังนั้นเราต้องรีบแล้วน่ะ” กาเบีรยล์หันไปหันเตือนเพื่อนของเขา
“โธ่ แล้วเราไม่มีพลังแบบนี้จะทำอะไรมันได้” ราฟาแอลพูดประชด
“ที่จริงไม่ใช่เราไม่มีพลัง แต่พลังของเรากำลังเริ่มก่อตัวขึ้น ใกล้ฤดูหนาวแล้วด้วย พลังของเราจะมีมากขึ้นในช่วงฤดูนี้แหล่ะ”
เขาอธิบายให้ราฟาแอลฟัง
“แล้วทำไมเป็นอย่างนั้นหล่ะ” ราฟาแอลไม่เข้าใจในสิ่งที่กาเบีรยล์พูด
“ก็ช่วงฤดูหนาว เป็นช่วงใกล้เทศกาลคริสตสมภพน่ะซิ” กาเบีรยล์พูดถึงวันคริสตมาสวันสำคัญอย่างยิ่งต่อชาวคริสต์และพวกเขาด้วย
“และฉันคาดว่า ประตูนรกจะแสดงตัวก็ในวันคริสต์มาสเช่นกัน” กาเบีรยล์อธิบายทุกอย่างตามที่เขาได้รับบัญชามาจากสวรรค์
“แสดงว่าเราก็มีเวลาอยู่บนโลกนี้อีกไม่นานแล้วซิ” ราฟาแอลฟังในสิ่งที่กาเบีรยล์พูดแล้วรู้สึกกระตือรือร้นขึ้นมาทันที
“ใช่ อีก 4อาทิตย์ กับลูกกุญแจสี่ดอก”

-----จบตอน-----

alulugun

  • บุคคลทั่วไป

ken_krub

  • บุคคลทั่วไป

ออฟไลน์ มูมู่น้อย

  • Global Moderator
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +468/-12
ลุ้นระทึกจริงๆ ด้วย หนุกๆ  :m4:

อ่านตอนที่แล้วนึกว่าเทวดาพลาดซะอีก  ในที่สุดก็ยังได้กุญแจ
จะรักษาได้มั้ยเนี่ย  เหลือเวลาไม่มากแล้ววว

รออ่านต่อ  :oni2:  :oni2:

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
เหอ เหอ สรุปเทวดาไม่พลาดเหรอนี่   :m4: :m4: :m4:

KiKuMon

  • บุคคลทั่วไป
จะเป็นยังไงต่อไป

ลุ้นๆๆ










แล้วก็


ขอบคุณนะคับ สำหรับเรื่องดีๆ

nartch

  • บุคคลทั่วไป
:m28:
ตกลงว่าไมเคิลมีคนรักอยู่แล้ว หรือว่า ยูเคยเป็นคนรักไมเคิลแล้วมาเกิดใหม่
แม้จะไม่มีทางเป็นไปได้ แต่อ่านแล้วอบอุ่นดีจังงงงงง  :m1:

mahama

  • บุคคลทั่วไป

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ jojoe

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 223
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-1
ตอนที่17

หนุ่มน้อยลืมตาตื่นขึ้นมา ต้อนรับรุ่งอรุณของวันใหม่ วันแรกของฤดูหนาว
เมื่อคืนเขาเองก็รู้สึกหนาว แต่ทำไมตอนนี้เขาถึงรู้สึกอุ่นๆยังไงก็ไม่รู้
ยูหันไปมองด้านข้างของตัวเอง เห็นไมเคิลนอนหลับอยู่ ใบหน้าของเทวดาหนุ่มช่างดึงดูดให้เขามองซะจริงๆ
แต่เขาต้องรีบไปเรียน ไม่มีเวลามามองใบหน้าอันหล่อเหลาของไมเคิลหรอก
แต่เขาก็ต้องตกใจเมื่อพบว่า เขากำลังกอดกับไมเคิลอยู่
“เฮ้ย อะไรว่ะเนี้ย” หนุ่มน้อยสะดุ้งตกใจ พร้อมรีบเอามือออกจากร่างของเทวดาหนุ่ม
เขารู้สึกว่าหัวใจของเขาเต้นแรงผิดปกติ หนุ่มน้อยจับหน้าอก เขาไม่รู้ว่าที่หัวใจเต้นเพราะตกใจ หรือ ดีใจกันแน่
เทวดาหนุ่มรู้สึกตัวเพราะยูขยับตัวลุกขึ้นนั่งบนเตียง
“ตื่นแล้วเหรอ” ไมเคิลขยี้ตา พร้อมถามหนุ่มน้อย
“อืมม ไปอาบน้ำก่อนน่ะ” ยูตอบเทวดาหนุ่มพร้อมรีบเข้าห้องน้ำไป เขาพยายามไม่ให้ไมเคิลเห็นว่าตัวเองกำลังหน้าแดงอยู่
หนุ่มน้อยล้างหน้าล้างตา พร้อมมองตัวเองในกระจก
ทำไมเขาต้องรู้สึกเขินด้วยหล่ะ เขาอาจจะนอนดิ้นเลยเผลอไปนอนก่อนไมเคิลก็ได้
ไมเคิลคงไม่ใช่คนหื่นกามแบบ คุณอาวิสูตรหรอก
ถึงจะเป็นเหตุผลใดก็ตาม เขาจะไปสนใจทำไมเล่า
หรือว่า... เขาเริ่มชอบไมเคิล
หนุ่มน้อยอึ้งไปกับความคิดของตัวเอง เขาเงยหน้ามองตัวเองในกระจกอีกครั้งหนึ่ง
เขาตกใจเมื่อเห็นว่าบนหน้าผากของเขาในกระจกนั้น มีรูปกางเขนกำลังส่องแสงอยู่
หนุ่มน้อยเลยใช้มือไปลูบที่หน้าผากของตัวเอง แต่แล้ว รูปกางเขนนั้นก็หายไป
หนุ่มน้อยขมวดคิ้ว ทำไมเขาถึงเห็นภาพอะไรแปลกๆแบบนั้น
ยูมองกระจก และเพ่งไปที่หน้าพากของตัวเองในกระจกอีกครั้งหนึ่ง แต่เขาก็ไม่พบร่องรอบอะไรเลย
หนุ่มน้อยพยายามเลิกคิด เขาคงตาฝาดไป แล้วก็เปิดฝักบัวอาบน้ำ

กาเบีรยล์ กับ ราฟาแอล กำลังรักษาบาดแผลของพวกเขา
ตอนนี้ราฟาแอลกำลังเพิ่มพลังของตัวเอง ด้วยการสวดภาวนาอยู่
“ข้าแต่พระจิตเจ้า โปรดประทานพระพรแก่ข้า เพื่อให้ข้าได้ทำตามพระประสงค์ของพระองค์”
เทวดาหนุ่มประสานมือ คุกเข่าลงตรงหน้าตู้ศีลมหาสนิทในโบสถ์แห่งหนึ่ง
กาเบีรยล์เองก็คุกเข่าลงเช่นกัน
ทั้งสองกำลังสวดภาวนาขอพลังจากพระจิต(หนึ่งในพระตรีเอกกานุภาพ คือ พระบิดา พระบุตร(พระเยซู) พระจิต)
ทันใดนั้นก็เกิดแสงสว่างไปทั่วโบสถ์ พร้อมมีลมพัดแรงในโบสถ์นั้น
เสื้อผ้าหรือเส้นผมของเทวดาทั้งสองพัดปลิวไปตามแรงลม แต่ร่างของทั้งสองไม่ไหวติง
หน้าผากของทั้งสองปรากฏรูปกางเขน และกำลังส่องแสงประกายไปทั่ว ทำให้ปีกของพวกเขาโผล่ขึ้นมา
ภายในโบสถ์เริ่มมีแรงสั้นสะเทือน เหมือนแผ่นดินไหว
ผ่านไปไม่ถึงนาที แรงสั้นนั้นก็หยุด พร้อมกับ แสงจ้าที่เพิ่มขึ้น
นกพิราบตัวหนึ่งก็บินถลาลงมาอยู่เบื้องหน้าของเทวดาทั้งสอง
ราฟาแอล และ กาเบีรยล์ ลุกขึ้นยืน ก่อนที่จะก้มลงถวายความเคารพ
นกพิราบนั้นค่อยๆบินมาที่เหนือหัวของเทวดาทั้งสอง
ก่อนที่มันจะบินหายไป พร้อมกับแรงสั้นสะเทือนอีกครั้งหนึ่ง
เมื่อแรงสั้นหยุด แสงจ้าก็ค่อยๆหายดับไปด้วย
กาเบีรยล์และราฟาแอล มองหน้ากัน เขาเห็นว่าร่างกายของพวกเขาปราศจากบาดแผล
พร้อมกับร่างกายที่สมบูรณ์ยิ่งขึ้น
“เอาล่ะ เราก็มีพลังเพิ่มมากขึ้น เราไปหากุญแจกันต่อเถอะ” กาเบีรยล์รีบลุกขึ้น แต่ราฟาแอลคว้ามือของเขาไว้ก่อน
“แล้วไมเคิลหล่ะ ไมเคิลยังไม่ได้พลังเพิ่มเหมือนเราเลยน่ะ” เขาถามด้วยความเป็นห่างเพื่อน
“ไม่มีใครรู้หรอกว่า พระเจ้าทรงมีแผนการอย่างไรบ้าง แต่เราเชื่อว่า ไม่นานหรอก ไมเคิลก็จะได้รับพลังเพิ่มเช่นกัน”
กาเบีรยล์หันไปพูดกับเพื่อนของเขา
“เอาล่ะ เราจะไปกันได้หรือยัง” กาเบีรยล์ยื่นมือไปหาราฟาแอล
ราฟาแอลยื่นมือไปจับมือของกาเบีรยล์ แล้วพยุงตัวลุกขึ้น
ทั้งสองเดินก้าวออกไปจากโบสถ์ พวกเขามีความมั่นใจว่า แผนการนี้จะสำเร็จ เพราะพระเจ้าจะอยู่เคียงข้างพวกเขาเสมอ

ภายในโบสถ์เงียบสนิท มีเพียงเสียงภาวนาของเด็กน้อยคนหนึ่ง
“ข้าแต่พระเจ้า โปรดประทานพระพรแก่ผม เพื่อให้ผมได้ทำตามพระประสงค์ของพระองค์”
เด็กน้อยอายุสิบขวบ คุกเข่าที่หน้าตู้ศีลมหาสนิท สวดภาวนาอธิษฐานอย่างตั้งใจ
“ผมเป็นคนอ่อนแอ ผมอยากมีแรงเยอะๆ สู้กับคนอื่นๆได้ จะได้ไม่มีใครมารังแกผม”
เสียงของเด็กน้อยเรื่มสั่นเครือ และน้ำตาของเขาก็เริ่มไหล
โครม! เสียงดังมาจากด้านหน้าประตูโบสถ์ ทำให้เด็กน้อยเปลี่ยนความสนใจมาที่เสียงอันดังนั้น
เขาเดินไปที่ต้นเสียงนั้น เด็กน้อยมองไปรอบๆโบสถ์ ไม่มีสิ่งใดที่ผิดปกติ
แต่ทำไมเสียงนั้นเหมือนเสียงที่มีอะไรตกลงมาจากด้านบน
แต่แล้วหนุ่มน้อยก็ต้องไปสะดุดกับรูปปั้นเทวดารูปหนึ่ง ที่อยู่ด้านหน้าของโบสถ์
เป็นรูปที่เทวดากำลังอุ้มเปลือกหอยอยู่ ภายในเปลือกหอยเต็มไปด้วยน้ำเสก(น้ำศักดิ์สิทธิ์)ที่ชาวคริสต์ทุกคนต้องจุ่มมือไปจิ้มน้ำนั้นเพื่มมาทำเครื่องหมายกางเขน บนหน้าผาก หน้าอก และไหล่ทั้งสองข้าง ก่อนเข้าโบสถ์ (เหมือนในหนังฝรั่ง)
แต่ภายในเปลือกหอยมิได้มีแต่น้ำเสกเท่านั้น แต่ยังมีลูกกุญแจดอกหนึ่งอยู่ในนั้นด้วย มันเป็นกุญแจโบราณที่มีลักษณะคล้ายกางเขน มีตัวอักษรสลักเป็นภาษาละติน ที่แทบจะอ่านไม่ค่อยออก
เด็กน้อยหยิบกุญแจนั้นใส่ไปในกระเป๋านักเรียน และเดินออกจากโบสถ์ไป

ภายในกระเป๋านักเรียนนั้น ภาษาละตินบนลูกกุญแจเริ่มส่องแสงเป็นคำที่แปลว่า
“ความโกรธ”

-----จบตอน------

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
กุญแจมาอีกดอกแล้ววว ดอกนี้น่าสนใจจริงๆ  :m12: :m12:

ออฟไลน์ jojoe

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 223
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-1
ตอนที่ 18

ยูกำลังสะพายเป้เพื่อเตรียมตัวจะไปเรียน เขาเดินเปิดประตู ลมหนาวก็พัดเข้ามาในบ้าน
ยูตัวสั่นไปด้วยความหนาว เขาลืมไปว่านี้เริ่มหน้าหนาวแล้ว
ยูเลยหันหลังกลับจะไปหยิบเสื้อกันหนาว แต่ไมเคิลก็ยื่นเสื้อกันหนาวมาให้ทันที
“อย่าลืมซิครับ อากาศมันหนาวน่ะ ตอนคุณไปเรียนคุณไม่ได้กอดผมเหมือนเมื่อคืนแล้วน่ะ”
หนุ่มน้อยเลยรีบรับเสื้อกันหนาวนั้น และรีบเดินออกจากบ้านไป
ไมเคิลมองหนุ่มน้อยเดินออกจากบ้าน จนพ้นไปจากซอย
เขาอดยิ้มไม่ได้กับท่าทีของหนุ่มน้อย ยิ่งยูเขินเท่าไร ก็ยิ่งน่ารักขึ้นทุกที
ไมเคิลเดินเข้าไปในครัว เขากะว่าจะหาอะไรกินสักหน่อย
แต่แล้วเขาก็รู้สึกถึงพลังบางอย่าง เขาตั้งสมาธินึกถึงพลังนั้น
เขาเห็นภาพของโบสถ์แห่งหนึ่ง เทวดาหนุ่มลืมตาขึ้นและวิ่งออกจากบ้านไป

ยูขึ้นรถไฟฟ้าไปโรงเรียน เขาเดินเข้าไปในขบวนรถ
แต่เนื่องจากคนแน่นมากทำให้ยูต้องยืนเกือบติดประตูทางเข้า
หนุ่มน้อยหันหน้าไปทางประตู ทำให้เขาเห็นภาพตัวเองในกระจกที่ติดกับประตูทางเข้า
เขามองใบหน้าของตัวเอง หนุ่มน้อยเริ่มนึกถึงเรื่องเมื่อวาน
เรื่องที่เขาโดนขมขื่น เรื่องที่ไมเคิลมาช่วยเขา เขาดีใจที่คนมาช่วยเขาคือไมเคิล
และเขาก็แปลกใจกับความรู้สึกของตัวเองที่เขาเองก็ยังบอกไม่ได้ว่าเขาเป็นอะไร
เมื่อเขาเห็นว่าไมเคิลกอดเขาตอนที่เขาหลับอยู่
เขาเองยังไม่กล้ายืนยันว่าเขาชอบไมเคิล แต่จะเป็นไปได้อย่างไร เมื่อไมเคิลเป็นเทวดา และอีกไม่นานเมื่อภาระกิจเสร็จสิ้น เขาก็ต้องกลับไปสวรรค์
ยูยิ่งคิดเรื่องไมเคิลทีไร เขาเองก็ไม่สบายใจทุกที
หนุ่มน้อยเงยหน้ามองตัวเองที่กระจกตรงประตู เขาตกใจเมื่อเขาหน้าผากตัวเองในกระจกมีรูปกางเขนขึ้น
เหมือนตอนที่เขาเห็นในห้องน้ำเมื่อเช้านี้ หนุ่มน้อยเหมือนตกในภวังค์
แต่แล้วประตูก็เปิดออกเมื่อถึงสถานีต่อไป ยูจึงตั้งสติว่าสิ่งที่เขาเห็นคืออะไร
เมือประตูปิดอีกครั้งหนึ่ง เขาจึงลองเพ่งมองในกระจกอีกครั้ง แต่เขาก็ไม่พบอะไรบนหน้าผากของเขา
นี่มันเกิดอะไรขึ้น! หนุ่มน้อยเริ่มไม่แน่ใจกับสิ่งที่ตนเองเห็น
ทำไมเขาถึงตาฝาดบ่อยนักหล่ะ
หนุ่มน้อยไม่สามารถตอบความสงสัยให้กับตัวเองได้
ประตูของรถไฟเปิดขึ้นอีกครั้ง ยูออกจากรถไฟฟ้าเพื่อไปโรงเรียน
ประตูรถไฟกำลังจะปิด มีแววตาคู่หนึ่งที่ค่อยจ้องหนุ่มน้อยเดินลงบันไดเลื่อน
ประตูปิด พร้อมกับแววตาคู่นั้นก็หายไปด้วย

ไมเคิลรีบวิ่งไปที่โบสถ์ ทีที่เขารับความรู้สึกถึงพลังของลูกกุญแจ
ขณะที่เขากำลังวิ่งอยู่ ก็มีมือหนึ่งมาดึงเขาไว้
“จะไปไหนสุดหล่อ” ราฟาแอลทักทายเพื่อน
“เอ้า พวกนายก็รู้สึกถึงพลังด้วยเหรอ งั้นรีบไปกันเถอะ”
“พลังอะไรของนาย” ราฟาแอลขมวดคิ้ว
“ก็เมื่อกี้ผมรู้สึกถึงพลังที่รุนแรง ที่โบสถ์แห่งนี้ นายไม่รู้สึกบ้างเหรอ” ไมเคิลถามราฟาแอล พลางชี้ไปที่โบสถ์ข้างหน้า
“อ๋อ ท่าทางนายจะเข้าใจผิด เมื้อกี้ที่นายรู้สึกถึงพลัง มันไม่ใช่มาจากกุญแจหรอก” ราฟาแอลตบไหล่ไมเคิลเบาๆ
“เมื้อกี้เราขอพลังเพิ่มจากพระจิต เพราะเมื่อคืนเราโดนพวกปีศาจโจมตี” กาเบีรยล์อธิบายให้เทวดาหนุ่ม
“แสดงว่าเมื่อกี้พระจิตแสด็จลงมาเหรอ” ไมเคิลทำตาโต
“อืมม ใช่ เรารีบไปหาข้อมูล เพื่อหาลกกุญแจกันเถอะ เราคงรอให้กุญแจแสดงพลังไม่ได้แล้ว” กาเบีรยล์ดึงมือเพื่อนของเขาขึ้นรถไป
แต่ไมเคิลยังไม่หายสงสัย ว่าเมื่อกี้เขารู้สึกถึงพลังของลูกกุญแจ ไม่น่าจะเป็นพลังของพระจิต
แต่เขาเป็นมนุษย์ ความรุ้สึกของเขาที่มีต่อพระจิต อาจไม่เหมือนตอนเป็นเทวดาอยู่บนสวรรคก็ได้
เทวดาหนุ่มทั้งสามจึงขึ้นรถตู้ออกไป

หลังจากเลิกเรียน ยูเดินสะพายกระเป๋าเป้ไปตามทาง
ยูกำลังจะเลี้ยวเข้าซอยทางไปบ้านของเขา
หนุ่มน้อยเห็นเด็กกลุ่มหนึ่ง น่าจะอายุอ่อนกว่าเขา คงประมาณมัธยมต้น
กำลังรุมล้อมเด็กชายคนหนึ่ง อายุคงประมาณสิบขวบ
“เฮ้ย ไอ้น้อง มีเงินเท่าไรว่ะ” เด็กหนุ่มคนหนึ่งในกลุ่มตะโกนใส่เด็กชายคนนั้น
“อยู่โรงเรียนฝรั่งนี่หว่า ท่าทางบ้านรวย แม่คงให้เงินมาเยอะ ขอหน่อยดิ” เด็กหนุ่มอีกคนหนึ่งพูดใส่เด็กน้อย
เด็กชายกอดกระเป๋นนักเรียนแน่น ด้วยความกลัว
เด็กหนุ่มคนหนึ่งก็กระชากกระเป๋าของเด็กชายผู้โชคร้าย และขว้างออกไปไกลๆ
เด็กพวกนั้นรีบล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงของเด็กชาย บางคนจับแขนจับขาเพื่อไม่ให้เด็กชายคนนั้นดิ้น
“อย่าน่ะ อย่าน่ะ”เด็กชายคนนั้นพยายามดิ้น
ยูเห็นดังนั้น จึงรีบคว้าก้อนหินแถวนั้นขว้างไปที่กลุ่มเด็กหนุ่มอันธพาลพวกนั้น
ก้อนหินไปโดนหัวของเด็กหนุ่มกลุ่มนั้น ทำให้พวกนั้นหันมามองที่ยู “ใครว่ะ”
“ตัวกะเปี๊ยก ยังทำตัวซ่าอีก” ยูยืนกอดอก ทำหน้าดุใส่เด็กพวกนั้น
“แกมายุ่งอะไรด้วยว่ะ” เด็กหนุ่มยืนเรียงหน้ากันเป็นแถวยาว
“ก็ไม่ได้อยากยุ่งหรอก แต่เห็นพวกแกทำแบบนี้ มันไม่น่าอายไปหน่อยเหรอ”
“พวกกูจะทำอะไรก็เรื่องของกู แกไม่เกี่ยว สงสัยมันอยากเจ็บตัวว่ะ” พวกนั้นก็ไม่ยอมเช่นกัน
ระหว่างการสนทนาของยูกับเด็กหนุ่มอันธพาลพวกนั้น เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น
ยูสะดุ้งตกใจ เพราะนั้นเป็นเสียงโทรศัพท์ของเขา
ยูรับโทรศัพท์ แล้วพูดเบาๆไม่ให้เด็กพวกนั้นรู้ “ อะไรไมเคิล”
“ผมโทรมาบอกว่าวันนี้ผมไม่กลับน่ะ ผมจะค้างกับกาเบีรยล์และราฟาแอล” ไมเคิลพูดด้วยเสียงใสแจ๋ว
“เออ แค่นี้ มีธุระอยู่” ยูรีบกดว่างแต่ยังเอาโทรศัพท์แนบไว้ที่หู
“พ่อเหรอครับ อ๋อ จะกลับบ้านแล้ว เผอิญมีธุระนิดหน่อยครับ พ่อยังอยู่ที่โรงพักเหรอครับ” ยูพยายามสร้างเรื่องเพื่อให้เด็กพวกนั้นเชื่อ
“ยังไม่ออกเวรเหรอครับ พ่อรีบกลับบ้านน่ะ เมื่อเช้าที่โรงเรียนมีคนมาหาเรื่องผม พ่อจัดการให้หน่อยดิ เอาเจ็บๆเลยน่ะ ที่จริงผมก็จัดการไปแล้วแหล่ะ อยากโชว์ให้เพื่อนๆเห็นว่าเพิ่งได้สายดำมา”
เด็กพวกนั้นได้ยินยูพูดก็ตาโต ตกใจกับสิ่งที่หนุ่มน้อยพูด
“ครับแค่นี้น่ะครับพ่อ” ยูก็วางโทรศัพท์พร้อมพูดกับเด็กพวกนั้นว่า
“เมื่อกี้พูดถึงไหนน่ะ อ๋อ ใครจะเจ็บตัวน่ะ” หนุ่มน้อยพูดพร้อมตั้งท่ายูโด
เด็กหนุ่มพวกนั้นถอยหลังกันไปหมด
“ฝากไว้ก่อนน่ะ” แล้วพวกนั้นก็วิ่งไป
ยูถอนหายใจโล่งอก เขาเดินไปหาเด็กชายที่กำลังเดินไปหยิบกระเป๋า
“ขอบคุณครับที่ช่วยผม” เด็กชายกล่าวขอบคุณ
“ไม่เป็นไรหรอก ยังไงน้องก็เป็นรุ่นน้องพี่นี้” ยูหันไปชี้ที่ตราสัญลักษณ์โรงเรียนบนกระเป๋าเสื้อของเด็กชาย
“แล้วบ้านอยู่แถวนี้เหรอ เดี่ยวพี่ไปส่งไหม”
“ครับผมอยู่ซอยถัดไป ไม่ต้องไปส่งหรอกครับ ผมไปเองได้”เด็กชายยิ้มให้ยู
“งั้นพี่ไปก่อนน่ะ” ยูจึงเดินกลับบ้าน
ส่วนเด็กน้อยคนนั้นก็กำลังจะเดินกลับบ้านเช่นกัน เข้าหันไปมองที่พื้นเห็นลูกกุญแจโบราณตกอยู่
มันคงหลุดออกมาจากกระเป๋าตอนที่เด็กพวกนั้นเขี้ยวงกระเปาออกไปแน่ๆ
เขารีบหยิบลูกกุญแจนั้นแล้วเอาใส่เข้าไปที่เดิม และเดินออกจากซอยเพื่อกลับบ้าน

-----จบตอน------

ออฟไลน์ มูมู่น้อย

  • Global Moderator
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +468/-12
คราวนี้อารมณ์โกรธ  ได้รอดจากอารมณ์นี้มั้ยเนี่ย เด็กน้อย

รออ่านต่อน้า  o13

ken_krub

  • บุคคลทั่วไป

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
อืม งานนี้เทวดามีแววชนะแต่ไกลเลยวุ้ย (เดาอีกแระ  :mc2: :mc2:)

ออฟไลน์ jojoe

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 223
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-1
ตอนที่19

ห้องหรูของคอนโดมีเนี่ยมใจกลางเมือง กลายเป็นที่รวมตัวของเหล่าเทวดา
ทั้งสามกำลังวุ่นวายอยู่กับกลายหาลูกกุญแจดอกที่สี่
กาเบีรยล์ค้นหาข้อมูลในคอมพิวเตอร์โดยการนำบุคคลที่เป็นตัวแทนของลกกุญแจทั้งสามมาวิเคราะห์
ราฟาแอลหาหนังสือประวัติศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องของลูกกุญแจ และ เรื่องประตูนรก เพื่อค้นหาข้อมูลเพิ่มเติม
ส่วนไมเคิลกำลังบริหารร่างกาย เพื่อเตรียมสู้กับพวกปีศาจ เทวดาหนุ่มกำลังเล่นเครื่องฟิตเนสที่ฟิตเนสของของคอนโด
ผู้คนในฟิตเนสต่างมองมาที่เทวดาหนุ่ม เพราะหน้าตา รูปร่างของไมเคิลที่หล่อเหลาและดูมีเสน่ห์ดึงดูดให้ใครต่อใครต่างหลงใหล
แต่ไมเคิลกับไม่สนใจสายตาของใครทั้งสิ้น เพราะเขากำลังคิดถึงวิธีการค้นหาลูกกุญแจ และการต่อสู้กับปีศาจ
ที่สำคัญที่สุด เขานึกถึงความปลอดภัยของยู เพราะบ้านของยูเป็นที่ซ่อนของประตูนรก
ปีศาจคงต้องวนเวียนอยู่ที่บ้านของยูแน่ๆ เขาไม่อยากให้หนุ่มน้อยต้องมามีอันตรายเพราะเขา
ไมเคิลนึกถึงเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้น มันทำให้เขาได้ใกล้ชิดกับหนุ่มน้อย
เขาเริ่มนึกถึงเวลาของเขาที่อยู่บนโลก มันเริ่มเหลือน้อยลาทุกที
เขาไม่อยากจากยูไปเลย แต่นี้คือลิขิตแห่งสวรรค์ เขาไม่สามารถฝืนคำบัญชาของพระเจ้าได้
เทวดาหนุ่มกำลังเช็ดตัวที่เปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อของเขา เขาเดินเข้าไปในห้องน้ำ
ไมเคิลมองตัวเองในกระจก เขานึกถึงวันแรกที่เจอกับยู
เขาเริ่มรู้สึกแปลกๆกับยูตั้งแต่วันนั้น เขารู้สึกมีความสุขและอยากอยู่ใกล้ๆกับหนุ่มน้อย
เขายังไม่เข้าใจว่าความรู้สึกแบบนี้ มนุษย์เรียกว่าอะไร
ไมเคิลมองตัวเองที่กำลังยิ้มบนกระจก
แต่แล้วเขาก็ต้องแปลกใจ เมื่อบนหน้าผากของตัวเขา มีรูปกางเขนปรากฏขึ้น
รูปกางเขนนี้คือ สัญลักษณ์อย่างหนึ่งของเทวดา

ยูเดินออกจากบ้าน เขามองดูบ้านของเขาที่เขาอยู่เพียงคนเดียวมานานเกือบสามปี ตั้งแต่ที่เขาย้ายมาเรียนที่เมืองหลวงแห่งนี้
บ้านที่เงียบสงบและอ้างว้าง แต่พอไมเคิลเข้ามา บ้านนี้ก็ดูสดใสขึ้น พร้อมกับจิตใจของเขาเองที่มีความสุขด้วยเช่นกัน
และอีกไม่นาน เขาก็คงหาลูกกุญแจได้ครบ แล้วก็คงกลับไปสวรรค์
แล้วตอนนั้นเขาก็คงต้องอยู่คนเดียว
หนุ่มน้อยเดินก้มหน้า เขาไม่อยากนึกถึงช่วงเวลาที่เขาต้องกลับมาอยู่คนเดียว
“ขอโทดครับ พี่ชาย” เสียงเล็กๆเสียงหนึ่งเอ่ยทักเขา
ยูเงยหน้ามองเจ้าของเสียง เด็กชายคนที่เขาช่วยจากเด็กอันธพาลเมื่อวานนี้เอง
“อ้าวน้องนี้ มีอะไรเหรอ” ยูยิ้มให้เด็กน้อย
“เออ...คือ ผมเดินไปโรงเรียนกับพี่ด้วยได้ไหมครับ” เด็กน้อยทำท่าเขินอาย
“ได้สิ เราอยู่โรงเรียนเดียวกันนี้”
“ครับ” เด็กน้อยตอบพร้อมเดินไปกับยู
“น้องชื่ออะไรหล่ะ” ยูหันไปถามเด็กน้อย
“ผมชื่อ มายด์ ครับ แล้วพี่ชื่ออะไรเหรอครับ”
“พี่ชื่อยู แล้วน้องอยู่เกรดไหน”
“ผมอยู่เกรด5คับ”
“เหรอ 10ขวบแล้วสิ”
“ครับ ผมอยากโตไวไวกว่านี้ อยากมีแรงเยอะๆกว่านี้ ผมจะได้สู้กับคนอื่นเข้าได้” ดวงตาของมายด์ดูเศร้าลงไปทันที
ยูมองเด็กน้อย แม้มายด์จะอายุสิบขวบ แต่ตัวของเด็กน้อยดูเล็กกว่าเด็กทั่วไป ไม่แปลกที่จะมีคนคอยแกล้งเสมอ
เพราะตัวเขาเองตอนเด็กๆก็ตัวเล็ก และก็โดนแกล้งเป็นประจำ
“มายด์” ยูเรียกเด็กน้อย พร้อมจ้องตา “แม้มายด์จะตัวโต หรือมีกำลังกว่าคนอื่น การใช้กำลังไม่ช่วยแก้ปัญหาอะไรได้หรอก”
“แล้วพี่จะให้ผมทนไปอย่างนี้ตลอดเหรอ พี่ไม่รู้หรอกว่าผมโดนแกล้งมากขนาดไหน” มายด์พูดกับยู พร้อมน้ำตาที่ล้นเอออกมา
ยูใช้มือลูบหัวเด็กน้อยด้วยความเอ็นดู “การเราตัดสินปัญหาด้วยกำลังมันไม่ช่วยอะไรหรอกน่ะ ดูอย่างข่าวตามหน้าหนังสือพิมพ์ซิ ส่วนมากก็จะเป็นการใช้กำลังในการแก้ปัญหาทั้งนั้น แล้วสุดท้ายก็กลายเป็นศพ”
หนุ่มน้อยย่อเข่าลง และจ้องตาไปที่เด็กน้อย “การแก้ปัญหา เราต้องใช้นี้” ยูชี้ไปที่หัวตัวเอง
“สติปัญญาไงหล่ะ ดูอย่างพี่ที่ช่วยมายด์เมื่อวานซิ”
“ครับ ผมจะเชื่อพี่” มายด์เงยมองหน้ายู
“ดีมาก ป่ะ รีบไปเถอะ เดี๋ยวสาย” ยูยื่นมือไปจับมือของมายด์
และทั้งสองก็เดินไปโรงเรียนด้วยกัน

ไมเคิลเดินเข้ามาในห้องของกาเบีรยล์ เขาเห็นเพื่อนของเขากำลังจ้องดูคอมพิวเตอร์
เขาเพิ่งเห็นว่าเพื่อนของเขาใส่แว่นตาด้วย
“นี้นายใส่แว่นตาด้วยเหรอ”
“อืมม จ้องคอมนานๆแล้วมันปวดตา” กาเบีรยล์ตอบแต่ตายังจ้องคอมพิวเตอร์
“แล้วไปถึงไหนแล้วหล่ะ” ไมเคิลถามเพื่อน
“ยังไม่ไปถึงไหนเลย ตอนนี้กำลังเอาประวัติของคนที่ถือกุญแจลองมาดูว่า พอจะมีอะไรบอกกับเราได้บ้าง”
ไมเคิลจ้องมองข้อมูลบนคอมพิวเตอร์
“ตอนนี้ข้อมูลเราคงน้อยเกินไป ถ้าเราเจอลูกกุญแจสักอีกสองดอกมันคงบอกไรได้มากกว่านี้” กาเบีรยล์อธิบายให้ไมเคิลฟัง
“แล้วราฟาแอลทำอะไรอยู่”
“อยู่ที่ห้องนอนนู้นน่ะ กำลังหาข้อมูลทางประวัติศาสตร์อยู่” กาเบีรยล์ชี้นิ้วไปที่ห้องของราฟาแอล
“แล้วลูกกุญแจหล่ะ”
“ราฟาแอลเอาไปตรวจสอบอยู่ นายมีอะไรเหรอ”
“เปล่า แค่อยากเห็นเฉยๆ”ไมเคิลตอบกาเบีรยล์ พร้อมเดินเข้าไปในห้องน้ำ
เขาไม่ชอบเจ้าลูกกุญแจนี้เลย ลูกกุญแจที่ทำให้เขาต้องพลัดพรากจากคนที่เขารักมากที่สุด
“ผมขอกลับไปที่บ้านยูหน่อยน่ะ ไม่ได้กลับไปหลายวันแล้ว” ไมเคิลตะโกนเสียงดังมาจากห้องน้ำ
กาเบีรยล์ได้ยินดังนั้น เขาก็พอจะเริ่มเข้าใจความรู้สึกที่ไมเคิลมีให้กับยู
เขาต้องอธิบายให้เพื่อนของเขาเข้าใจแล้วว่า ความรู้สึกที่เขากำลังมีให้กับหนุ่มน้อย อาจจะเป็นผลร้ายกับตัวไมเคิล
เหมือนดังเช่นที่เคยเกิดขึ้นมาแล้ว เมื่ออดีตกาล

-----จบตอน-----

ออฟไลน์ มูมู่น้อย

  • Global Moderator
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +468/-12
มันจะมีผลร้ายอะไรน้อ  :เฮ้อ:
แต่ยูก็มีรูปกางเขนด้วยนิ  ยูจะกลายเป็นเทวดาไปด้วย (ว่าไปเรื่อย)  :a6:

รออ่านต่อ  :oni1:  :oni1:

KiKuMon

  • บุคคลทั่วไป
เอ่ะ!!

อดีตกาลมีอะไรเกิดขึ้นหว่า

หรือว่า

ตะก่อน

ยูก็เคยเป็นเทวดามาก่อน

มีกางเขนบนหัวด้วนหนิ

เอ่ะๆๆๆ

รอลุ้นต่อไป











ปล.ขอบคุณสำหรับเรื่องดีๆนะคับ

ออฟไลน์ jojoe

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 223
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-1
ตอนที่20

ราฟาแอลมองดูลูกกุญแจ เขาพยายามพิจารณาลูกกุญแจดอกนั้น
ยังไงมันก็ดูเป็นแค่ลูกกุญแจธรรมดาดอกหนึ่งเท่านั้น
เขาหยิบหนังสือประวัติศาสตร์ศาสนจักรโรมันคาทอลิกออกมาดู
เขาเปิดดูหน้าต่างๆเผื่อจะมีข้อมูลอะไรบ้าง
ราฟาแอลเปิดหนังสือไปเรื่อยๆจนไปเจอหน้าๆหนึ่ง ที่อธิบายถึงกุญแจศักดิ์สิทธิ์ทั้งเจ็ด
โดยมีรูปภาพประกอบด้วย เขาพิจารณารูปภาพนั้น มันช่างคล้ายกับลูกกุญแจที่เขาถืออยู่
ราฟาแอลเลยนำเอาลูกกุญแจมาเทียบกับรูปภาพในสมุด ปรากฏว่า มันคือลูกกุญแจดอกเดียวกัน
เขารีบอ่านข้อมูลที่อธิบายถึงลูกกุญแจทันที
หนังสือไม่ได้บอกไว้ว่า ใครเป็นเป็นคนสร้างลูกกุญแจเหล่านี้ขึ้นมา
ราฟาแอลหัวเราะ โธ่เอ้ย! ก็พระเจ้าเป็นคนสร้างขึ้นไง เขาก้มลงอ่านหนังสือต่อไป
ในหนังสือบอกเพียงแต่ว่า ลูกกุญแจทั้งเจ็ด เป็นสิ่งที่แทนชนเผ่าดั้งเดิมทั้งเจ็ดของชาวยิวโบราณ
แล้วทางสำนักวาติกันได้นำมารวบรวมไว้ เพราะพระสันตะปาปามีความเชื่อว่า
ลูกกุญแจเหล่านี้ เป็นของที่พระเจ้าประทานมาพร้อมๆกับ แผ่นศิลาศักดิ์สิทธิ์ของโมเสส(แผ่นศิลาที่ระบุบัญญัติสิบประการ)
พระสันตะปาปาคาดว่า ลูกกุญแจต้องมีอะไรบางอย่างที่พระเจ้าประทานให้กับมนุษย์ 
เพราะลูกกุญแจนี้มีสัญลักษณ์ศักดิ์สิทธิ์ คือ รูปกางเขน
ทางวาติกันจึงสลักชื่อบาปต้นเจ็ดประการบนลูกกุญแจนั้น เพื่อเป็นเครื่องเตือนใจให้มนุษย์ตระหนักถึงบาป
และได้สร้างเรื่องขึ้นมาว่า ลูกกุญแจเหล่านี้คือลูกกุญแจที่สามารถไขประตูนรกได้
เพื่อทำให้มนุษย์เชื่อว่า นรก และ สวรรค์มีจริง
ราฟาแอล ประหลาดใจที่มนุษย์สร้างเรื่องขึ้นได้ตรงกับความเป็นจริง
เขายังอ่านหนังสือนั้นต่อไป เรื่องที่วาติกันได้สร้างขึ้น กลายเป็นที่สนใจให้กับพวกลัทธินับถือซาตาน
จนเกิดการโจรกรรมกุญแจขึ้นมาในสมัย ที่มหาวิหารเซนต์ปีเตอร์มีการปรับปรุงซ่อมแซม
ทางวาติกันคาดว่า ผู้ที่ขโมยคงเป็นคนในลัทธิซาตานนิกายหนึ่ง
และคงกำลังหาประตูนรกในแทบทวีปเอเชียเพื่อไขกุญแจนั้น ตามความเชื่อของลัทธิซาตาน
ว่าประตูนรกถูกสร้างขึ้นโดยพระเจ้า และได้สร้างประตูไว้ในที่ๆร้อนที่สุดในโลก เพราะ โลกคือที่กั้นกลางระหว่าง สวรรค์และนรก
ราฟาแอล ประหลาดใจอีกครั้งหนึ่ง ที่มนุษย์สร้างเรื่องได้ตรงเป๊ะกับความเป็นจริงอีแล้ว
เขาหันไปดูแผนที่โลก ประเทศที่เขาอยู่ ตรงกับเส้นศูนย์สูตรพอดี
ดังนั้น ลูกกุญแจจึงต้องอยู่ในประเทศนี้
แม้หนังสือจะบอกข้อมูลอะไรหลายอย่าง แต่ข้อมูลเหล่านั้นเขารู้ทั้งหมดอยู่แล้ว
และรู้มากกว่าหนังสือเสียด้วย
ราฟาแอลจึงปิดหนังสือ และเดินออกจากห้องไป
ลูกกุญแจวางอยู่บนโต๊ะหนังสือ และแล้วมันก็ส่องแสงพุ่งตรงไปยังที่ๆหนึ่ง
แสงนั้นกำลังพุ่งตรงไปที่ลูกกุญแจดอกต่อไป ลูกกุญแจกำลังบอกที่ซ่อนของลูกกุญแจดอกต่อไปด้วยตัวของมันเอง

หลังจากเลิกเรียนแล้ว มายด์มารอยูที่หน้าโรงเรียนเพราะอยากจะกลับบ้านพร้อมกับยู
เมื่อยูเดินออกมาจากโรงเรียน เห็นเด็กน้อยยืนอยู่ที่ประตูโรงเรียน ก็รีบเข้าไปทักทันที
“ว่าไงพ่อหนุ่มน้อย มารอใครเหรอ” เขาเดินเข้าไปลูบที่หัวของมายด์
เด็กน้อยเห็นยู ก็ดีใจรีบยิ้มให้ทันที
“ก็มารอพี่ไงครับ ผมอยากเดินกลับบ้านไปกับพี่ครับ”
ยูยิ้มตอบรับ พร้อมจับมือเด็กน้อยเดินกลับบ้าน
ระหว่างทาง ทั้งสองคุยกันอย่างสนิทสนม
ก่อนที่จะเลี้ยวเข้าซอยทางเข้าบ้านของมายด์
มีคนจำนวนหนึ่งเข้ามาจับแขน และขา ทั้งสองข้างของยู
พวกนั้นไม่ใช่ใคร คือ เหล่าเด็กอันธพาลที่เคยแกล้งมายด์นั่นเอง

ไมเคิลกำลังวุ่นวายกับการทำกับข้าว เขาไม่อยู่ที่บ้านนี้หลายวัน ยูคงเหงา
เพราะเขาเองก็รู้สึกเหงาเหมือนกัน
ไมเคิลเลยอยากทำอะไรให้ยูบ้าง เขาเลยคิดจะทำกับข้าว เพราะเขายังไม่เคยแสดงฝีมือให้ยูเห็นเลย
เทวดาหนุ่มจะลองทำไข่เจียวยัดไส้ กับ สตูเนื้อ
และจะลองทำข้าวปั้น เพราะยูชอบทานข้าวปั้นมากๆ
ห้องครัวจึงดูรก และ วุ่นวาย
เวลาผ่านไป2ชั่วโมง ไมเคิลดูผลงานของตัวเอง
ไข่เจียวยัดไส้ กลายเป็นไข่เจียวไส้ทะลัก เพราะไส้ของไข่เจียวทะลักออกมาเกือบหมด คงเป็นเพราะตอนที่เขาตักไข่เจียวออกมาจานกระทะ ตะหลิวคงไปโดนไข่จนไส้ทะลักออกมา
สตูเนื้อ เนื้อก็แข็งไปหน่อย คงเป็นเพราะใช้เวลาเคี่ยวเนื้อน้อยไปหน่อย
คงมีแต่ข้าวปั้นที่พอดูได้
เทวดาหนุ่มยกจานกับข้าวทั้งหมดมาจัดที่โต๊ะทานข้าว
เขานึกถึงวันเวลาที่เขาและยู กินข้าวด้วยกัน โดยเฉพาะช่วงเวลาที่ยูป้อนข้าวให้เขา
เขาเห็นยูทำท่าเขินอาย เขาอยากรู้จังว่า
หนุ่มน้อยจะคิดเหมือนกับเขาบ้างหรือเปล่า
ขณะที่เขากำลังยิ้มหวานอยู่นั้น เหมือนมีพลังบางอย่าง เขาพยายามเพ็งสมาธิถึงพลังนั้น
“ไมเคิล ช่วยด้วย” เขาสะดุ้งลืมตา เสียงนี้เป็นเสียงของยู
เขาไม่รีรอ รีบเปิดประตูและวิ่งไปตามเสียงนั้น

-----จบตอน-----

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด