เนื่องจากนักเขียนไม่ปรมาจารย์ในด้าน NC พอ นักเขียนเบื่อๆกับวันนี้เลยหยิมโน๊ตบุ๊คขึ้นมาแตะ แล้วนึกถึงพี่ยุ่งกับน้องหิน เลยแต่งภาคพิเศษ(ที่ยาวๆมาฝากกัน) NC ใกล้จะมาแล้วนะคะอีกวันสองวันเป็นกำลังใจให้ด้วย สู้ โว้ย
(รู้สึกว่าตัวเองมีไฟ
ตอนพิเศษ 2
สวัสดีครับทุกคน กระผมนายยุ่งขอรายงานตัวครับหลังจากปล่อยให้สุดที่รักของผมนามว่าน้องหิน ได้รายงานสถานการณ์ความเป็นไปของพวกผม ความเป็นไปที่มีแต่ความสุข แน่ล่ะความรักของผมหรือของทุกคนต้องมีทะเลาะกันบ้าง เพราะคนเราไม่ได้เข้ากันได้ทุกเรื่อง แต่ผม นายยุ่งคนนี้จะขอปรับตัวเข้ากับน้องหินเอง ผมก็รู้เหมือนกันว่า น้องหินก็พยายามปรับตัวเข้าหาผมเหมือนกัน เพราะพวกเราต่างพร้อมปรับตัวเข้าหากันทำให้เราไม่ได้ทะเลาะกันร้ายแรง แค่ทะเลาะกันให้เป็นสีสันของชีวิตก็พอ ใครมันจะไปอยากทะเลาะกับคนที่รักบ่อยๆกันจริงไหมล่ะครับ ชีวิตของผมตอนนี้กับกับน้องหินก็เรื่อยๆครับไม่มีอะไรหวือหวา
“พี่ยุ่ง ไปอาบน้ำเดี๋ยวนี้เลย เหงื่อท่วมตัวเลย ตัวเหม็นอีกตังหาก”
“โห หินพี่ขอพักแปปนึงสิ พี่พึ่งเล่นบอลมาเหนื่อยๆนะ”
“ไม่ต้องเลย วันนี้ก็ไม่ได้ไปรับ แถมยังกลับเย็นอีก”
ฟังจากน้ำเสียงของน้องหินเหมือนจะดูงอนๆผมนะ ก็วันนี้เพื่อนๆ ผมมันโทรชวนผมไปเตะบอล พอผมบอกว่าไม่ไปมันก็หาว่าติดเมีย ผมไม่ว่างจริงๆผมต้องไปรับหิน แต่มันบอกว่านานๆครั้งผมเลยโทรบอกหิน สงสัยผมเล่นจนเพลิน ลืมเวลา ลืมไปว่าหินรอทานข้าวกับผมอยู่
“พี่ขอโทษครับหิน ทีหลังพี่จะไม่ไปเล่นบอลอีกแล้ว แล้วก็จะไปรับหินทุกวันเหมือนเดิม”
“หินไม่ได้ว่าอะไร พี่ยุ่งก็ต้องไปกับเพื่อนๆบ้าง ทีหลังจะกลับเย็น น่าจะโทรมาบอกกันบ้าง หินรอกินข้าวอยู่”
ฟอด
“ยี้ เหม็นแถมยังตัวเน่าอีก ไอ้พี่ยุ่ง”
ผมเดินเข้าไปหอมแก้มหินดูเหมือนหินจะรังเกียจผมนะ ผมคงต้องไปอาบน้ำแล้ว หลังจากที่ผมพยายามจะหอมแก้มหินเป็นครั้งที่สอง
“เห้ย หินคว้ามีดทำไม”
“ลองโดนตัวหินอีกสิ จะเฉือนให้เลือดพุ่ง”
“หินจะเฉือนอะไรพี่ พี่กลัว”
“ไอ้พี่ยุ่ง”
“โอเค พี่ไปอาบน้ำก็ได้”
ฟอด ก่อนเข้าห้องน้ำผมก็อาศัยความวัยขั้นเทพขโมยหอมแก้มหินอีกครั้งนึง
“ออกมา มึงตาย ไอ้พี่ยุ่ง”
น้องหินของพี่โหดมาก
ผมบอกอะไรคุณไปยังว่ามหาลัยผมจะปิดสองอาทิตย์ เนื่องจากครบรอบร้อยปีมาการก่อตั้งมหาลัย ผมว่าผมจะเซอร์ไพรส์หินพาไปเที่ยวทะเล ที่จริงผมอยากพาไปมัลดีฟส์นะ แต่ในเมื่อการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยบอกให้เที่ยวในไทย ใช้ของไทย ผมควรจะสนองนโยบายของเขาสักหน่อย อีกอย่างหินเป็นคนเหนือคงจะเห็นทะเลหมอกบ่อยกว่าน้ำทะเล อีกอย่างมันโรแมนติค ผมคาดว่าผมจะพาหินไปเสม็ด สโลแกนมันชวนให้ไปมาก “ไปเสม็ด เสร็จทุกราย” น่าเที่ยวสุดๆ ถึงไม่ไปหินก็เสร็จผมอยู่ดี อุวะฮ่าๆ ผมกำลังจินตนาการอะไรๆพิเรนท์ในสมอง สียงหินก็มาเร่งให้ผมอาบน้ำเร็วๆสงสัยหินจะหิวข้าวจริงๆ ผมรีบอาบดีกว่า
ฟอด
ในมื่อผมอาบน้ำเสร็จแล้ว ผมก็มีสิทธิ์หอมแก้มหินแล้ว
“เห้ย วันนี้อะไรกับแก้มหินมากป่ะ หอมอยู่นั่นแหละ มันช้ำหมดแล้ว”
“ไหน ยังไม่เห็นช้ำเลย มาๆมาให้พี่หอมอีกที”
“ประชดโว้ย”
“55555”
แหมไม่ให้หอมได้ไงแก้มหินน่ะ ทั้งนุ่ม ทั้งใส ทั้งหอม ทั้งขาว แค่เห็นผมก็ขึ้นแล้วล่ะครับ
“ไปนั่งได้แล้ว หินทำกับข้าวเสร็จแล้ว จะได้กินกัน หิวจนไส้จะขาดอยู่แล้ว”
“จ้าๆ แม่ศรีเรือน”
“ไอ้พี่ยุ่ง”
“จ้า”
เดี๋ยวนี้หินเป็นอะไรไป แปปๆเป็นคว้ามีด ผมคนนะครับไม่ใช่เนื้อหมูจ้องจะฆ่ากันลูกเดียวเลย ผมนั่งทานข้าวกับหินได้สักพักผมก็เหมือนจะนึกไรได้
“หิน/พี่ยุ่ง” ผมกับหินพูดพร้อมกันเลยครับ หรือจะคิดเหมือนกัน
“เอ่อ พี่ยุ่งมีอะไรเหรอ”
“เรื่องพี่ไม่สำคัญหรอก หินพูดก่อนเลย”
“เอ่อ คือว่า สองอาทิตย์ที่จะหยุดนี้ หินไม่อยู่นะ”
“หินจะไปไหน”
“โอย ทำไมต้องตวาดด้วย”
“เอ่อ ขอโทษ”
สงสัยผมจะลืมตัว เลยตวาดออกไป ผมอุตส่าห์วางแผนไว้เป็นอย่างดี มารับรู้ว่าไอ้คนที่อยากให้ไปด้วยนี่มันไม่อยู่ เจ็บใจใช่เล่น
“หินจะไปไหน”
“คือหินจะกลับบ้านน่ะ”
“หือ? กลับบ้าน บ้านที่เชียงใหม่อ่านะ”
“อื้อ พอดีเมื่อกี้พ่อของหินโทรมาบอกว่าให้ไปหาบ้าง มันพอดีที่มหาลัยหยุด ผมเลยตอบตกลงว่าจะไปหาท่าน”
“แล้ว หินจะไปทั้งสองอาทิตย์เลยเหรอ”
“ก็คงจะเป็นอย่างนั้น”
น้องหินของผม น้องหินของผมไม่อยู่ กิจกรรมยามค่ำคืนผมก็ต้องหยุด ห่างกันตั้งสองอาทิตย์ผมจะทนไหวไหม ผมคิดถึงน้องหินแน่ๆ
“คือ”
“มีอะไรเหรอหิน”
“คือ”
“หรือหินจะไม่ไปแล้ว”
“ไม่ใช่”
“อ้าว”
ผมก็อุตส่าห์ดีใจ ใจแป้วเลยกูไอ้ยุ่งเอ๊ย
“แล้วอะไรล่ะหิน หินทิ้งพี่ไปสองอาทิตย์ หินจะพูดอะไรทำร้ายจิตใจพี่อีกล่ะ”
“หึ พี่ยุ่งอย่ามาปัญญาอ่อน แค่หินจะชวนพี่ยุ่งไปเชียงใหม่กับหินเท่านั้นแหละ”
“ไม่เอา อ๊ะ เมื่อกี้หินพูดไรนะ”
“หินพูดว่า พี่ยุ่งจะไปเชียงใหม่กับหินไหม”
“ไป ไป ไปแน่”
“ไปเจอพ่อหินด้วยนะ ไม่กลัวเหรอ”
“ไม่กลัว ถือโอกาสไปสวัสดีคุณพ่อตาด้วย ไปเอาลูกเขาแล้ว ไม่รับผิดชอบได้ไง”
“พูดอะไรน่ะ พี่ยุ่งน่าเกลียดว่ะ”
“ไว้รอหินเรียนจบพี่เอาพ่อไปขอหินแน่ๆ แต่ตอนนี้ขอไปเซอร์เวย์นิสัยพ่อตาก่อนแล้วกัน”
“แล้วจะได้รู้กันพี่ยุ่ง”
ว้ากก น้องหินพูดให้คิด ผมรู้สึกสังหรณ์ใจแปลกๆ ไม่หรอกน่า พ่อของหินน่าจะไม่โหด ผมหวังให้เป็นอย่างนั้น สาธุ
แท่นแท๊น
ผมมาหยุดหน้าประตูไม้ที่ดูขลัง ผมขอมอบคำนี้ให้เลยแล้วกันทำไมน่ะเหรอ คุณเคยเห็นรั้วไม้ที่ดูหนาและแข็งแรง เก่าๆ มีไม้เลื้อยบนขอบประตู ทำนองโจรปีนขึ้นยาก ออกลักษณะนั้นเลย มันเลยได้จำกัดความว่า ขลัง(แฝงความน่ากลัว) พอเงยหน้ามองเลยข้ามรั้วไปก็จะเห็นบ้านเรือนไทยทรงเก่าแก่ตามสไตล์บ้านเรือนไทยของชาวเหนือ ผมรู้มาว่าพ่อของหินเป็นกำนันอำเภอหนึ่งในเชียงใหม่ แล้วยังเป็นเจ้าของไร่ส้ม หลังจากที่ผมซักประวัติคร่าวๆของพ่อตาจากน้องหินนั่นเอง
“นี่เหรอบ้านหิน”
พวกเรามาถึงบ้านหินก็เกือบจะห้าโมงเย็น ผมแพคมาแบบเป้ ผู้ชายจะเอาอะไรมามากกางเกงใส่ซ้ำกันหลายวันก็อยู่ได้ ส่วนน้องหินนี่สิ มาแบบกระเป๋าเดินทางแล้วลำบากใครลำบากผมที่ต้องช่วยถือ
“อื้อ เล็กล่ะสิ”
“ไม่เล็กหรอก แค่พี่คิดว่ามันดูขลัง และดูน่ากลัวนะ”
“แค่เห็นตัวบ้านก็ใจเสาะแล้วเหรอ พี่ยุ่ง”
“ป่าวไม่ได้ใจเสาะ แค่ใจมันหวิวๆ”
“หึ เดี๋ยวก็รู้”
คำพูดของหินทำให้พี่กลัวนะ ผมหันไปมองหน้าน้องหิน นั่นทำหน้าตาหน้ากลัวใส่ผมอีกตังหาก ไว้เจอกันคืนนี้หินน้อย ก่อนที่ผมจะคิดไรมากไปกว่านี้ หินก็เดินไปกดออดหน้าประตู ไม่น่าเชื่อประตูแบบนี้มีออดให้กดด้วย
“สักครู่เจ้า ข้าเจ้ากำลังจะไปเปิดเดี๋ยวนี้และเจ้า”
“สวัสดี น้าเม้ย”
“อ่ะ คุณหิน คุณหินกลับมาแล้ว”
“โอย น้าเม้ยหินกระดูกแหลกหมดแล้ว”
“ก็เม้ยคิดถึงคุณหินจ้า ไม่ได้ป๊ะกันตั้งนาน”
ผมยืนมองผู้หญิงที่ดูมีอายุหน่อยๆกอดหินของผมซะแน่นเลย ผมหึงนะ ถึงจะเป็นคนสนิทที่บ้านหินก็เถอะ แต่ทำไงได้ผมได้แต่ยืนมองตาปริบๆ
“อ่ะ สุมาเตอะเจ้า ผู้ใด๋กา คุณหิน”
“อ้อ นี่รุ่นพี่ของหิน ชื่อยุ่งน่ะ”
“สวัสดีครับ น้าเม้ย”
ผมยกมือไหว้ น้าเม้ยดูเหมือนจะเป็นคนรับใช้ที่บ้านของหิน
“ไม่ต้องไหว้หรอกเจ้า เพื่อนของคุณหินก็เหมือนนายของข้าเจ้าด้วยอีกคน มากันเหนื่อยๆขึ้นเฮือนก่อนเตอะเจ้า ไปดื่นน้ำดื่มท่ากันก่อนดีกว่า”
ผมหยุดมองน้าเม้ยจูงมือหินขึ้นเรือนไปพร้อมกระเป๋าของหิน ผมลองมองไปรอบๆบ้าน มีต้นไม้ต้นใหญ่ๆรอบบ้าน มีรากไม้ที่ย้อยมาจากกิ่งของต้นไม้ใหญ่ มีต้นไม้เล็กๆตามพื้นดิน สองข้างทางเดินเข้าไปขึ้นตัวบ้านก็จะมีพวกพุ่มเข็มพุ่มกุหลาบ นี่สินะความแตกต่างระหว่างสังคมเมืองกับชนบท ผมเคยมาเชียงใหม่หลายครั้ง แต่ผมก็ได้เที่ยวแต่ตัวเมืองของเชียงใหม่เช่น ดอยสุเทพ กำแพงท่าแพ ห้างเซนทรัลกาดแก้ว คูเมือง ถนนคนเดิน ตอนแรกผมอดสงสัยไม่ได้เลยว่าเชียงใหม่จะเจริญเท่ากรุงเทพหรือจะมากกว่า เพื่อนต่างชาติของผมคนหนึ่งเคยถามว่าเมืองหลวงของประเทศไทย คือเชียงใหม่ใช่หรือป่าว นั่นแหละครับ จังหวัดเชียงใหม่ดังกว่ากรุงเทพมหานครเสียอีก
หมับ
เฮือก
มีคนมาจับไหล่ผมด้านหลัง
“ผู้บ่าว บ้านใดล่ะนี่ มายืนอยู่หน้าบ้านฮา” (ฮา ในภาษาเหนือ แปลว่ากู: คนเขียน(นักเขียนไม่ใช่ชาวเหนือ เด็กกทมโดยกำเนิดแต่ชอบภาษาเหนือเลยลองๆเขียนเป็นเหนือๆนิดนึงผิดยังไงขอโทษด้วยนะคะ))
“เอ่อ สวัสดีครับ”
“หือ ไม่ใช่คนเหนือหรอกหรือ”
“ครับ”
ผมหันกลับมาสวัสดี ผู้ชายอายุประมาณ 50กว่าๆ ดูน่าเกรงขาม แล้วผมรู้สึกว่า หน้าตาผู้ชายคนนี้เขาคล้าย นายจันทร์หนวดเขี้ยวของบางระจัน ไว้หนวดสวยมากครับ So good! เขายืนมองหน้าผมสักพักก็มีเสียงข้างบนเรือนตะโกนลงมา
“กำนันเจ้า คุณหินกลับมาแล้วเจ้า”
“แล้วนี่ใคร เม้ย”
“อ้อ นั่นคือเพื่อนของคุณหินเจ้า”
“อ้าวเพื่อนของไอ้หนูเองเรอะ แล้วไม่บอก ข้าเป็นพ่อของไอ้หนูเอง ชื่อกำนันจันทร์”
หนวดเขี้ยวใช่ไหมครับ ผมต่อเองในใจ เหมือนมาก ผมไม่ได้ลามปามนะครับแต่มันอดคิดไม่ได้
“สวัสดีครับ ผมชื่อยุ่งครับ คุณพ่อ เอ้ย กำนันจันทร์”
“ฮ่าๆๆ ชื่อยุ่งเหรอวะ พ่อแม่เข้าใจตั้งชื่อนะเรา เรียกว่าพ่อเหมือนไอ้หนูก็ได้ เป็นเพื่อนของไอ้หนูก็เหมือนลูกข้าอีกคนนั่นแหละ”
“ครับ คุณพ่อ”
เริ่มได้ดีไอ้ยุ่งทำคะแนนเข้าไว้เว้ย เรียกคุณพ่อได้แล้วต่อไปต้องทำให้ยอมเป็นพ่อตาให้ได้ ไฟท์ติ้ง
“พ่อจันทร์ หินกลับมาแล้ว คิดถึงพ่อจัง”
หินที่ขึ้นไปบนเรือนแล้ว กลับวิ่งลงมากระโดดกอดคอพ่อจันทร์เหมือนเด็กๆ ผมมองแล้วน่ารักจริงๆ น้องหินของพี่ยุ่ง ถ้าเป็นผมกับพ่อคงไม่มีแบบนี้หรอก ไม่ใช่พ่อผมยุ่งกับธุรกิจมากเกินหรืออะไร แต่ผมกับพ่อตัวโตพอๆกันจะมากอดกันกลมแบบหินกับพ่อจันทร์แค่ผมคิดภาพผมก็ไม่ไหวแล้วครับ ผมกับหินไม่มีแม่เหมือนกัน แม่ของหินเพิ่งตายไปเมื่อสามปีที่แล้ว ส่วนแม่ผมหนีไป ช่างมันเหอะ ยังไงๆผมก็โตมากับพ่อ อดีตจะเป็นยังไงก็ช่างมัน
“พ่อก็คิดถึงไอ้หนูของพ่อ ไปๆ ขึ้นบ้าน ไอ้หนู ไอ้ยุ่งขึ้นบ้าน”
“ครับคุณพ่อ”
ผมเดินตามหินและพ่อจันทร์ขึ้นมาบนบ้าน นี่สิเรือนไทยของแท้ เป็นเรือนแบบกว้างๆ ตรงกลางก็จะมีพื้นยกสูงขึ้น รอบก็เป็นทางเดินและแยกไปเป็นห้องต่างๆ ผมเห็นความทันสมัยก็แค่ทีวี โทรศัพท์บ้าน แล้วพัดลมที่ติดอยู่บนเพดาน คาดว่าคงไม่มีแอร์แน่ๆ
“ไม่ชินล่ะสิไอ้ยุ่ง บ้านข้าเป็นแบบธรรมดา อยู่แบบพอเพียงอาศัยอากาศจากธรรมชาติ ไม่มีแอร์ ไม่มีเครื่องทำนำร้อน ไม่มีเตียงอยู่ได้ไหมล่ะ”
“เอ่อ อยู่ได้ครับ”
อ่ะเดี๋ยวก่อนหมายความว่าไง ไม่มีอย่างอื่นผมอยู่ได้ แต่ไม่มีเตียงนี่หมายถึงอะไรกันครับ
“ไอ้พี่ยุ่งแน่ใจเหรอว่าอยู่ได้ หินว่าพี่ไปเช่าโรงแรมนอนเถอะ”
“บ๊ะ ไอ้หนู ก็ไอ้ยุ่งบอกว่าอยู่ได้มันก็ต้องอยู่ได้สิวะ ลูกผู้ชายพูดคำไหนคำนั้นใช่ไหม ไอ้ยุ่ง”
“ครับ คุณพ่อ”
ผมได้แต่ตอบรับและพยักหน้าหงึกๆ ก็เล่นพ่อตาพูดมาซะขนาดนี้ ผมไม่พยักหน้ารับก็อย่าหวังทำคะแนนต่อไปได้เลย
“ฮ่าๆๆ ไอ้ยุ่งนี่ถูกใจข้าจริงๆ เม้ยฉลองหน่อย ไปทำกับข้าวมาเยอะๆ”
“เจ้า กำนัน คุณหินกับคุณยุ่งมา เม้ยจะทำสุดฝีมือ”
“น้าเม้ยให้หินไปช่วยไหม”
“ไม่ต้องเลยเจ้า งานนี้ฝีมือเม้ยเอง”
“หินพาเจ้ายุ่งไปเก็บกระเป๋าก่อนเถอะไป ไปล้างหน้าล้างตาแล้วมานั่งคุย”
ผมเดินตามหินที่พาผมมาเก็บกระเป๋า เป็นห้องไม้ๆ ที่ประตูเป็นแบบขัดกลอนประตู เป็นพัดลมติดเพดานเหมือนเดิม มีเตียงไม้แล้วก็มีเสื่อปู มีหมอน หนึ่งใบ มีหมอนข้าง ผ้าห่มหนึ่งผืน ในห้องก็จะมีโต๊ะเครื่องเขียนที่ทำจากไม้ มีโคมไฟแบบเก่าๆ ขอบคุณนะครับที่มีโคมไฟและหลอดไฟให้ผมอยู่
“พี่ยุ่งนอนห้องนี้นะ เก็บกระเป๋าแล้วหินจะพาไปห้องน้ำ”
“อ้าวแล้วหินไปนอนไหน”
“หินก็ไปนอนห้องหินสิ”
“ไม่นอนกับพี่เหรอ”
“เหอะ ไม่บางทีหินอาจจะไปนอนกับพ่อด้วย”
“งั้นเหรอ ”
ผมได้แต่ทำหน้าหงอยๆ โยนกระเป๋าเป้ลงกับพื้น ผมแอบสังเกตหน้าน้องหินที่ดูจะผิดสีไปนิดหน่อย
“พี่ยุ่งไม่อ้อนหินเหรอ”
“ไม่อ่ะ มันเป็นความต้องการของหินพี่ก็คงจะไม่ห้าม อีกอย่างคุณพ่อกับหินก็ไม่ได้เจอกันนานแล้วด้วย”
“พี่ยุ่ง”
“ทำไมเหรอหิน”
“พี่ยุ่งไม่เข้าใจหินเลย”
ผมมองหน้าหินแล้วอมยิ้มน้อยๆ
ฟอด
“ไม่ต้องมาหอมหินเลย”
ผมโอบกอดหินจากด้านหลังแล้วเอาคางเกยบนไหล่ของหิน หินเหมือนจะดิ้นนิดหน่อย
“พี่รู้ว่าหินคิดถึงพ่อ พี่ก็เลยอยากให้หินอยู่กับพ่อเยอะๆ ก่อนจะกลับไปเรียนอีกเป็นปีๆ หินกับพ่ออยู่ไกลกันนานๆเจอกันที”
ผมกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้น
“ที่จริงพี่ก็อยากให้หินนอนห้องเดียวกับพี่ หรือไม่พี่ก็ไปนอนกับหิน แต่วันนี้ที่พี่เห็นหินกอดกับคุณพ่อ พี่เลยอยากให้หินอยู่กับท่านเยอะ เพราะยังไงๆหินกลับกรุงเทพหินยังอยู่กับพี่อีกนาน อีกอย่าง เตียงมันก็แค่นี้จะนอนเบียดกันก็ใช่เรื่อง หินไปนอนห้องหินจะสบายกว่านะ”
“ขอบคุณนะพี่ยุ่งที่เข้าใจหิน”
“แล้วไอ้เด็กคนไหนบอกว่าไม่เข้าใจหินนะ”
“ไอ้พี่ยุ่งบ้า”
น้องหินหันกลับมา ผมเห็นน้ำตาของหินรื้นๆขึ้นที่ดวงตา แล้วเขาก็เข้ามากอดผมแน่น
“ฮึก ฮือๆ”
“ร้องไห้ทำไมหิน เดี๋ยวพ่อหินเข้าใจผิดคิดว่าพี่ทำหินร้องไห้”
“หินซึ้งอ่า”
“เด็กขี้แง พี่เคยบอกแล้วไงว่าจะไม่ทำให้หินร้องไห้”
“แง มันห้ามไม่ได้”
ผมจับหน้าหินแล้วประทับจูบบนริมฝีปากที่นิ่มๆสีชมพู
“นี่ไงหยุดร้องไห้แล้ว”
“ไอ้พี่ยุ่งบ้า”
“หินรีบออกจากห้องนี้เถอะ”
“ทำไมอ่ะ”
“เพราะพี่รู้สึกว่าพี่กำลังจะทนไม่ไหว ถ้าพี่กดหินขึ้นมาแล้วจะยุ่งพี่ไม่อยากกินลูกซองเป็นอาหาร”
“ไอ้พี่ยุ่งหื่น ซึ้งไม่ทันไร”
“รีบไปหาคุณพ่อกันเถอะ เดี๋ยวพี่อยากกินหนุ่มเหนือขึ้นมาแล้วจะยุ่ง”
“ชิ ไอ้หื่น”
หินพาผมเดินดูรอบๆบ้าน พาไปดูห้องน้ำที่อยู่ชานเรือน เป็นห้องน้ำที่คลาสสิคสุดๆ เป็นแบบเหมือนนำไม้ไผ่มาสร้างติดๆกัน เป็นสี่เหลี่ยมกว้างๆอยู่เหมือนกัน มีโอ่งอยู่สองใบ ขอบคุณที่ห้องน้ำยังมีความทันสมัยโถส้วมเป็นแบบชักโครก มีสายยางฉีดก้นแล้วก็ที่กดเหมือนชักโครกทันสมัยทั่วๆไป
“ที่นี่มีห้องน้ำสามห้อง ชั้นล่างสองห้อง ส่วนชั้นบนหนึ่งห้อง ส่วนมากทุคนจะมาอาบน้ำชั้นล่างมากกว่าชั้นบน ชั้นบนเอาไว้สำหรับใครมีกิจธุระตอนกลางดึกเท่านั้น”
“อ้อ แล้วหินสนใจมาอาบน้ำชั้นล่างพร้อมพี่ไหม แบ่งกันคนล่ะห้อง”
“ก็ได้นะว่าแต่ทำไม กลัวผีเหรอ”
“ป่าว ก็เผื่อพี่แหวกไผ่ดูหินอาบน้ำ น่าตื่นเต้นไปอีกแบบนะ”
“ไอ้โรคจิต”
จบข่าว หินเดินขึ้นบ้าน งอนไปตามระเบียบ
“อ้าวขึ้นบ้านมาพอดี มาๆๆกินข้าวกินปลา ไอ้หนู ไอ้ยุ่งไปล้างมือแล้วมากินข้าว”
“ครับ คุณพ่อ”
หินไม่สนใจผมเดินจ้ำอ้าวไปยังห้องน้ำชั้นบน
“หินๆ ที่นี่มีน้าเม้ยเป็นแม่บ้านคนเดียวเหรอ”
ผมกระซิบกระซาบกับหิน
“อ้อที่จริงมีอีกสองคน มีแมเลาะ ที่เป็นกระเหรี่ยง แล้วก็ลุงใหญ่เป็นชาวสวนบ้านนี้น่ะ”
“แล้วเขาไปไหนกันหมด”
“สงสัยลาหยุดมั้ง”
“สองคนนั้นน่ะ จะมากินข้าวหรือจะมากระซิบกระซาบกัน บอกพ่อมั่งสิ กระซิบอะไรกัน”
“เอ่อ คือผมสงสัยว่าที่นี่มีน้าเม้ยเป็นแม่บ้านคนเดียวเหรอครับ”
“อ้อป่าวหรอก มีอีกสองคน แมเลาะแล้วก็ไอ้ใหญ่ไปทำธุระที่ตัวเมือง เดี๋ยวก็คงกลับมา เดี๋ยวเจอเองแหละ”
“มาแล้วเจ้า มาแล้วเจ้า อาหารขันโตกต้อนรับคุณหิน กับคุณยุ่ง”
“เวอร์ซะไม่มีนะนังเม้ย”
“แหม กำนันเจ้า มีแขกมาบ้านข้าเจ้าก็ต้องเต็มที่ไม่ให้อายหน้ากำนันไง”
“แล้วแมเลาะกับใหญ่กลับมารึยัง”
“กลับมาแล้วเจ้า เดี๋ยวก็ขึ้นเอาอาหารมาเสิร์ฟเจ้า”
“แมเลาะมาแล้ ป้อกำนา เอาอาหามาเสิร์ฟแล้วเจ้า”
“ภาษามาแต่ไกลเลยนะแมเลาะ”
“กรี๊ด คุณหิ”
“หิน แมเลาะหิน”
ผมอดอมยิ้มไม่ได้ ฮ่าๆนี่แหละน้าเป็นความยากของภาษาไทย
“ขำไร พี่ยุ่ง นี่แมเลาะ คนนี้ชื่อยุ่งเพื่อนหิน”
“โอ้ว ว้าววว เพื่อนคุณหิ หล่อจางคะ”
“ขอบคุณครับ”
ผมมองหน้าแมเลาะแล้วก็ขำๆ ฮ่าๆ หน้าตาเป็นเด็กผู้หญิงที่น่าจะไม่เกิดสิบหกสิบเจ็ด ปะแป้งน่ารักใสซื่อดีจังครับ
“กรี๊ด แมเลาะปลื้มจังคุณหิ แมเลาะเขิน แมเลาะขอตัวลงไปข้างล่างก่อนนะคะ”
“ทำเป็นเขินไปได้นะเจ้าเด็กแมเลาะ”
พ่อจันทร์หันมาหัวเราะกับผม มืออาหารมือนี้เต็มไปด้วยความสุขและเต็มไปด้วยความอบอุ่นของครอบครัว พอทานเสร็จ พ่อจันทร์ก็เล่าเรื่องวีรกรรมต่างๆของหินให้ฟัง ผมฟังไปเรื่อยๆมีแต่แสบๆทั้งนั้นเลย
“ไม่ฟังแล้วพ่อ หินงอนพ่อแล้ว เล่าอะไรก็ไม่รู้ให้พี่ยุ่งฟัง”
“ก็มันจริงนี่ไอ้หนู ไอ้ยุ่งว่าจริงไหมล่ะลูกของพ่อน่ะแสบสุดๆไปเลย”
“จริงครับ”
“ไอ้พี่ยุ่งไม่สนแล้ว หินขอตัวไปอาบน้ำนอนก่อนและกัน”
“แค่นี้ทำเป็นงอนนะไอ้หนู เห้อ”
“เป็นอะไรไปครับคุณพ่อ”
“มองไอ้หนูแล้วนึกถึงแม่ไอ้หนูมันน่ะ”
“คุณพ่อรักคุณแม่มากเลยเหรอครับ”
“มากสิ ข้าน่ะรักแม่ของไอ้หนูตั้งแต่แวบแรก ข้าไปเจอแม่ของไอ้หนูที่งานบุญที่วัดตอนนั้น ข้าน่ะเป็นแค่เด็กวัดทโมนไปเห็นแม่ของไอ้หนูนั่งฟังพระสวดอยู่ สวยยังกับนางฟ้าข้าได้แต่แอบมอง จนวันนึงที่แม่เขาเดินมาหลังวัดมานั่งชิงช้าที่ข้าทำไว้ ข้าเลยเดินไปหาพอแม่เขาเงยหน้าขึ้นมา ถึงทำให้ข้ารู้สึกว่าข้าหลงรักจนถอนตัวไม่ขึ้น ข้าพยายามจีบจนแม่ไอ้หนูรักข้า แต่แม่ของไอ้หนูรวยเป็นเจ้าของไร่ส้ม พ่อแม่ของเขาพยามยามกีดกันทุกทาง แต่จำไว้นะไอ้ยุ่งไม่มีอะไรชนะความดีได้หรอก ข้ารักจริง ข้ายอมทนจนพ่อแม่หรือตายายของไอ้หนูยอมรับ จนมีไอ้หนู ข้ารักไอ้หนูมาก”
“ครับผมก็รักหินเช่นกัน”
ผมได้แต่พึมพำในลำคอ
“อะไรนะ ข้าฟังไม่ถนัด”
“ไม่มีอะไรหรอกครับ”
“ข้าฝากไอ้หนูด้วยนะ”
“ครับ งั้นผมขอตัวไปอาบน้ำก่อนนะครับ”
ผมลุกขึ้นยืนแล้วเดินออกไป จะว่าไปผมก็ตกหลุมรักหินตั้งแต่เงยหน้ามองเหมือนกัน รักมาก ผมได้นุ่งผ้าขาวม้าเป็นครั้งแรก ถือขันไปอาบน้ำ น้ำโคตรเย็นเลยครับขนาดอากาศร้อน จะว่าไปมันก็เย็นชื่นใจ ผมขึ้นจะไปนอนก็เห็นยืนอยู่ตรงระเบียงกำลังมองดูดาวอยู่
“ยังไม่นอนอีกเหรอหิน”
“ยัง พี่ยุ่งเพิ่งอาบน้ำเสร็จเหรอ จะเข้านอนแล้วสิ”
“ใช่ อาบน้ำที่นี่ นี่มันเย็นชื่นใจจริงๆ ล่อซะพี่ตัวซีดเลย”
“ฮ่าๆๆ ก็งี้แหละชีวิตเด็กตจว”
“ว่าแต่หินมาทำไรตรงนี้”
“หินคิดถึงแม่ ทุกทีแม่หินจะพาหินมาดูดาวตรงนี้เสมอ แม่บอกว่าพลังของดวงดาวจะช่วยปกป้องหิน”
“นั่นสิเนอะ หินวันนี้พ่อของหินเล่าเรื่องความรักของพ่อจันทร์ต่อแม่ของหินด้วยล่ะ”
“อื้มพ่อจันทร์น่ะรักแม่หินมากตอนแม่หินเสียแทนที่หินจะร้องไห้หนักจนพ่อต้องปลอบกลายเป็นว่าหินต้องไปปลอบพ่อแทน”
“พี่ไม่รู้หรอกว่าพ่อจันทร์รักแม่หินมากขนาดไหน แต่พี่อยากบอกว่าพี่รักหินมาก พี่อยากจะรักหินให้ได้เท่ากับความรักของพ่อจันทร์”
“ขอบคุณนะพี่ยุ่ง ที่รักหินมากขนาดนี้”
ผมหอมหน้าผากหินแล้วไล่ให้ไปนอน ผมก็เข้านอนเหมือนกัน ผมต้องขอบคุณพ่อจันทร์ที่ทำให้วันนี้ผมมีหิน ต้องขอบคุณหินที่ชวนผมมา ทำให้ผมรู้สึกว่าโลกของเราหมุนช้าลง และก็ขอบคุณน้องหินที่ให้โอกาสคนอย่างผมได้รักน้องเขา พี่ขอบคุณจริงๆนะหิน แล้วก็เดินเข้าห้องนอนไป
“เอ็งรักไอ้หนูของข้า จริงๆด้วยสินะ ไอ้ยุ่ง”