ในขณะที่ ‘สองคนบนเรือน’ กำลังหวามไหวไปกับรอยจูบนับครั้งไม่ถ้วนที่มอบให้กัน ‘สองคนข้างล่าง’ กลับอยู่ในภาวะใกล้ก่อสงครามเต็มที ฝ่ายน้ำเงินคือคุณพัชรีเจ้าของเรือนผู้มีศักดิ์เป็นป้าที่จอมขวัญเคารพและรักยิ่ง ในขณะที่ฝ่ายแดงคือพลอยแพรวหญิงสาวผู้วาดฝันว่าจะได้ผันตัวไปเป็นนางเอกในชีวิตของจอมขวัญชายในดวงใจของเธอ!
…แต่…จนบัดนี้ ชายในดวงใจของพลอยแพรวยังไม่เหยียบบันไดลงมาเลย หญิงสาวชะเง้อคอแทบหลุดอยู่แล้ว แต่ก็ไม่เห็นแม้แต่ปลายเท้าของจอมขวัญจะก้าวลงมา
…ไม่รู้คุยอะไรกับลูกชายน้านุช! ทั้งๆที่พาเธอมาแท้ๆ! น่าจะมานั่งเล่นพูดคุยกับเธอต่างหากล่ะ!
“ไม่ต้องมองมากนักหรอก เขาคงไม่ลงมาในห้านาทีนี้!!” คุณพัชรีมั่นใจเกินครึ่งว่าสองคนนั่นต้องหมกตัวกันอยู่ในห้อง หรือต่อให้อธิปจะอยากลงมาช่วยเธอทำอาหารในฐานะแขกที่ดี แต่จอมขวัญที่เป็นตัววางแผนพาพลอยแพรวมาเจอ ‘คุณพัชรี’ ก็คงห้ามไม่ให้อธิปลงมานั่นล่ะ! ไม่งั้นเสียแผนกันพอดี!
พลอยแพรวหันกลับมามองคนพูดอย่างไม่พอใจ แต่ก็เกรงว่าเกิดเธอ ‘ปะ ฉะ ดะ’ ไปตอนนี้ แล้วจอมขวัญลงมาเห็นเข้า คะแนนเธอจะติดลบเสียเปล่าๆ!
“คุณพัชรี วิมลกิตติเนี่ย…ทำตัวเหมือนแม่พระเอกที่ชอบทะเลาะกับลูกสะใภ้เลยนะคะ!” แต่ไอ้จะให้เธอทำตัวนิ่งสงบสยบทุกฝีปากคนอื่นก็เห็นจะไม่ใช่พลอยแพรวเสียแล้ว หญิงสาวเลยจัดไปเล็กๆหนึ่งดอก
คุณพัชรีฟังปุ๊บ ตีความเข้าใจปั๊บในทันทีว่าพลอยแพรวกำลังยกหางตัวเองว่าเป็นสะใภ้ของคุณพัชรี! ฝันหวานไปล่ะมั้ง แม่คุณ!!!
“ฉันไม่มีทั้งลูกสะใภ้ หลานสะใภ้!!”
“ก็ไม่แน่หรอกค่ะ! อาจจะได้หลานสะใภ้ในเร็วๆนี้!!” หญิงร่างอวบผู้เป็นเจ้าของเรือนไทยยกยิ้มที่มุมปากอย่างเหนือกว่า พลอยแพรวไม่รู้…ใช่!...เธอไม่รู้ว่าคุณพัชรีคนนี้อาจจะไม่ได้มีหลานสะใภ้ไปชั่วชีวิต! เพราะหลานชายสุดที่รักหา ‘หลานเขย’ มาให้แล้ว!!!
“แน่ใจเหรอ ว่าฉันจะได้หลานสะใภ้ในเร็วๆนี้ อะไรทำให้เธอมั่นใจนักล่ะ? ท่าทีของหลานฉันทำให้เธอคิดอย่างนั้น หรือเธอแค่คิดไปเอง” พลอยแพรวเถียงไม่ออก อันที่จริง จะว่าจอมขวัญแสดงออกว่าสนใจเธอก็ไม่ใช่ เขาแค่ทำทุกอย่างให้เธออย่างสุภาพบุรุษพึงกระทำ แต่…แต่…แต่ถ้าเขาไม่สนใจเธอ มองเห็นเธอเป็นแค่ผู้หญิงธรรมดา แล้วเขาจะมาแสดงท่าทีสุภาพบุรุษให้เธอประทับใจทำไม!
“นี่…ฉันจะบอกอะไรให้นะ ไอ้ที่เธอฝันอยากจะเป็น ‘นางเอก’ ในชีวิตของหลานชายฉันน่ะ มันเป็นได้แค่ฝัน…เพราะ ‘นางเอก’ ตัวจริงน่ะ มีแล้ว”
… ‘นางเอกตัวจริง’ จะเป็นใครไปไม่ได้ ถ้าไม่ใช่หลานชายสุดที่รักของคุณพัชรีที่แม้จะเป็นชายทั้งแท่ง แต่ก็ผันตัวไปเป็น ‘นางเอก’ ชนิดที่รู้เห็นกันทั้งครอบครัว เหลือแต่ตัวนางเอกเองนั่นแหละที่ไม่รู้สักทีว่าถูกคนอื่นเขามองเป็นอะไร ดูซิ!! ทำตัวสมสถาบันนางเอกเสียที่ไหน เที่ยวพาผู้หญิงไปนั่นมานี่! มันใช้ได้มั้ยล่ะ!! นี่ถ้าไม่ได้ ‘ญาตินางเอก’ อย่างคุณพัชรี ป่านนี้ ‘พระเอก‘ หนีเตลิดเปิดเปิงไปนานแล้ว!!!
“หมายความว่ายังไง!”
“ก็หมายความตามที่พูด… ‘นางเอกกับพระเอก’ มีครบแล้ว ถ้าจะขาด…ก็เหลือแค่ ‘นางร้าย’! เธออยากเป็นมั้ยล่ะ แต่บอกก่อนนะ ‘นางร้าย’ น่ะ…ฉันไม่เห็นเคยจบดีเลยสักราย!” คุณพัชรียืนยันด้วยวาจาของแฟนละครผู้เหนียวแน่น!!!
…………………………………
จักรกฤษณ์แกว่งกุญแจรถในมือไปมาอย่างไม่มีอะไรทำ เขานั่งรอฆ่าเวลาเพราะมาถึงที่หมายก่อนเวลานัดเกือบห้านาทีเต็ม เครื่องดื่มและอาหารทานเล่นถูกสั่งมาตั้งเอาไว้ตรงหน้า แต่ชายหนุ่มกลับไม่นึกอยากจะแตะมันเลย ในเมื่อตอนนี้…สมองเขายังเอาแต่คิดว่าจะ ‘ตอบ’ คำถามของคนที่จะมาถึงในอีกห้านาทีข้างหน้าอย่างไรดี…หรือจะตอบกวนๆไปเลยดีวะ?! ไหนๆเขาก็ไม่รู้จะตอบอะไรแล้วนี่หว่า!
“คุณจักรกฤษณ์…” เสียงหวานใสดังขึ้น ทำเอาชายหนุ่มร่างสูงหลุดจากภวังค์ เขาเงยหน้าขึ้นมอง ถึงได้เห็นว่า ‘คนนัด’ มาถึงแล้ว จักรกฤษณ์พลิกนาฬิกาข้อมือขึ้นดูเวลา
“มาเร็วนี่”
“คุณเองมาเร็วกว่าน้ำอีกไม่ใช่หรือคะ” น้ำทิพย์ย้อนถาม ก่อนจะทรุดกายลงนั่งบนเก้าอี้ว่างฝั่งตรงข้าม
“กินอะไรมารึยัง สั่งอาหารสิ” ชายหนุ่มส่งเมนูที่เสียบเอาไว้บนแผงบนโต๊ะ ร้านอาหารเล็กๆมีอาหารตามสั่งง่ายๆหลายรายการ แต่คาดว่าที่น้ำทิพย์เลือกที่นี่เพราะเป็นร้านเงียบๆ บรรยากาศสบายๆเพราะติดเครื่องปรับอากาศเย็นฉ่ำชนิดที่แสงแดดแผดเผานอกร้านไม่อาจส่งไอร้อนเข้ามาในนี้ได้เลย
หญิงสาวรับเมนูไปเปิดดู พอดีกับที่บริกรของร้านเดินเข้ามารับรายการอาหาร เธอสั่งเครื่องดื่มเพียงอย่างเดียว
เมื่อบริกรจากไป น้ำทิพย์จึงหันมาทางคนที่นั่งอยู่อีกฝั่งของโต๊ะ จักรกฤษณ์กำลังตักอาหารทานเล่นเข้าปากราวกับไม่คิดจะพูดเรื่องที่เธอนัดเขามาวันนี้
“มองอะไร” พอรู้สึกตัวว่าถูกหญิงสาวจ้องเอาๆ จักรกฤษณ์ก็เลยเงยหน้าขึ้นถาม รู้สึกอิ่มตื้อขึ้นมากะทันหัน เห็นน้ำทิพย์เป็นผู้หญิงเรียบร้อยอ่อนหวานอย่างนี้ แต่สายตาเธอทำให้เขาร้อนๆหนาวๆได้ไม่ยาก
“ที่ฉันฝากให้คุณเอากลับไปคิด คุณคิดบ้างรึยังคะ”
“ยัง”
“คุณจักรกฤษณ์…” น้ำทิพย์ครางเสียงอ่อนด้วยความอ่อนใจ ทำยังไงหนอ…เขาถึงจะเปิดใจกว้างยอมรับเสียบ้าง ไม่ใช่ดื้อด้านหัวชนฝาเสียขนาดนี้
“คุณจอมเป็นน้องคุณนะคะ”
“มันเป็นน้องผมน่ะผมรู้ แต่คุณเหอะ มันเป็นแค่แฟนเก่าไม่ใช่รึไง แล้วมาเดือดร้อนอะไรไปกับมัน” จักรกฤษณ์ย้อนถามหน้าตากวนประสาท
วันนี้เรื่องที่เป็นประเด็นจนน้ำทิพย์ขอพบเขาเป็นการส่วนตัวในร้านอาหารแห่งนี้ คือเรื่องที่เธอพยายามตะล่อมให้เขายอมรับความรักของจอมขวัญและอธิปให้ได้ตั้งแต่คราวนั้นที่เธอเรียกเขาไปคุย เธอฝากให้เขาเอากลับไปคิดว่าระหว่างเปิดใจให้น้องชายได้คบหากับผู้ชายด้วยกัน แต่จอมขวัญมีความสุข กับทำตัวใจแคบไม่ยอมรับความสัมพันธ์ของน้องตัวเองกับผู้ชายแล้วต้องเห็นจอมขวัญทุกข์ตรมแสนสาหัส เขาจะเลือกอะไร
อันที่จริง จักรกฤษณ์เลือกแล้ว และเขาเองก็บอกกับจอมขวัญไปแล้ว…ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ไม่ว่าจอมขวัญจะเป็นยังไง แต่สำหรับเขา จอมขวัญเป็นน้อง เป็นของขวัญที่ล้ำค่าที่สุดในชีวิตของพี่คนนี้…แต่…เขาไม่ได้บอกน้ำทิพย์ว่าเขากับจอมขวัญปรับความเข้าใจกันได้แล้ว
…เพราะอะไรน่ะหรือ…ก็…เพราะเขาอยากแกล้งให้เธอกระวนกระวายเล่นล่ะมั้ง…
“เงียบเชียว พูดไม่ออกละสิ จริงๆแล้วยังรักมันใช่มั้ยละ”
“ฉันกับคุณจอมเป็นเพื่อนกันค่ะ!”
“แต่ก็เคยเป็นแฟนกันมาก่อน แถมตอนเลิกกันก็ไม่ได้เลิกเพราะหมดรักด้วยไม่ใช่เหรอ” น้ำทิพย์มองชายหนุ่มปากเสียตรงหน้าอย่างไม่พอใจ เธอได้แต่เม้มปากแน่นเพราะไม่อยากไปต่อล้อต่อเถียงกับเขา
“ถ้าคุณยังเอาแต่เบี่ยงประเด็นไปมาอย่างนี้ ฉันก็ขอตัวกลับแล้วกัน แล้วจำไว้นะคะ คนใจแคบอย่างคุณจะไม่มีความสุขไปชั่วชีวิต เพราแม้แต่น้องชายคนเดียว คุณยังเปิดใจยอมรับเขาไม่ได้เลย!” น้ำทิพย์พูดเสียงแข็ง ก่อนจะหมุนตัวหมายจะลุกออกจากโต๊ะ ทว่า…สายตาของเธอกลับเหลือบไปเห็นหญิงสาวคุ้นหน้าที่นั่งอยู่อีกฟากของร้าน
น้ำทิพย์ชะงัก เธอกะพริบตาปริบๆเพราะนึกว่าตาฝาด เธอไม่ได้เจอผู้หญิงคนนั้นนานแล้ว…นับตั้งแต่วันนั้นที่…ถูกจอมขวัญมัดติดเก้าอี้
…อัญญิกา…
“เป็นอะไรไป” จักรกฤษณ์เห็นน้ำทิพย์นิ่งงันเลยเอ่ยปากถาม เขามองตามสายตาเธอไปแล้วก็ต้องนิ่งไปเช่นกันเมื่อพบว่าวันนี้โลกกลมจนน่าเหลือเชื่อ
…กรุงเทพฯมีร้านอาหารเป็นหมื่น แต่…อัญญิกากลับมานั่งในร้านเดียวกับพวกเขา…เธอนั่งที่โต๊ะริมหน้าต่างกระจกใส และไม่ได้มาคนเดียว…มีผู้หญิงสูงวัยอีกคนนั่งอยู่ด้วย ทั้งคู่เหมือนไม่ได้มาด้วยกัน เพราะไม่คุยกันสักนิด แต่จักรกฤษณ์จำได้แม้จะเคยเห็นแค่ครั้งเดียวเมื่อสิบปีที่แล้ว…ผู้หญิงสูงวัยคนนั้นคือ ‘แม่’ ของอัญญิกา…
เสียงกระดิ่งแขวนประตูดังกรุ้งกริ่งบอกให้รู้ว่ามีลูกค้าใหม่เข้ามา และไม่รู้ว่าด้วยอะไรดลใจ จักรกฤษณ์เบือนสายตาไปมองยังลูกค้าใหม่รายนั้น และคราวนี้ เขาก็ได้รู้ว่าโลกใบนี้มันกลมเสียยิ่งกว่ากลม
…ทรงพล!!!...
จักรกฤษณ์เห็นแม่ของอัญญิกายกมือทักให้ทรงพล ก่อนจะขยับปากพูดเสียงเบาๆ ซึ่งเขาไม่มีทางได้ยิน แต่!...ชายหนุ่มอ่านปากออก ริมฝีปากที่เคลือบลิปสติกสีสุภาพขยับเป็นคำอย่างที่ทำให้เขาชาวาบไปทั้งร่าง
‘ตาพล…ทางนี้ลูก’
…ลูก!!!!...หมายความว่ายังไง! แม่ของอัญญิกาเรียกทรงพลว่า ‘ลูก’!!!...
………………………….
พลอยแพรวกลับไปหลังจากจบมื้อเย็น ตอนแรกจอมขวัญเสนอจะเป็นคนไปส่ง แต่คุณพัชรียึดมั่นในวิญญาณของญาตินางเอกอย่างเหนียวแน่น ยื่นคำขาดไม่ให้หลานชายออกจากบ้านไปไหน ส่วนอธิปก็ยังกลับไม่ได้ เพราะคุณชัยเรียกให้ไปช่วยกันที่เรือนกล้วยไม้ก่อนล่วงหน้าแล้ว หญิงสาวร่างบอบบางผู้เจอฤทธิ์คุณพัชรีเข้าไปเต็มเหนี่ยวเลยขอเรียกแท็กซี่กลับโดยไม่รอสิ่งใดอีก
…ไม่ไหว! เธอยอมรับว่าหลงจอมขวัญหัวปักหัวปำ แต่ถ้าเจอ ‘ป้า’ ของจอมขวัญกดขี่ข่มเหงกันทุกคำพูดแล้ว สาวหัวสมัยใหม่อย่างเธอก็ขยาดเป็น! ผู้ชายไม่ไร้เท่าใบพุทรา!! ถึงจะเสียดายจอมขวัญ แต่ถ้าต้องพ่วงฤทธิ์ ‘คุณป้า’ มาด้วยทุกเมื่อ เห็นทีเธอคงต้องขอลา!!!...
“ไปได้ซะที!!” คุณพัชรีมองส่งจากบนเรือน เห็นหญิงสาวขึ้นแท็กซี่จากหน้าบ้านไปแล้วก็เบาใจ จึงหันมาทางหลานชายที่นั่งกินผลไม้อยู่ที่กลางเรือนอย่างไม่ทุกข์ไม่ร้อน…ใช่! ไม่ทุกข์ไม่ร้อน! ตอนกินข้าวก็แทบจะไม่สนใจผู้หญิงที่ตัวเองพามาด้วยซ้ำ กินไปยิ้มไป มีความสุขจนคุณพัชรีนึกหมั่นไส้หลานชายเสียจริง!!!
“ยังมีหน้ามายิ้มอีกนะของขวัญ! ทำผู้หญิงเสียใจน่ะมีความสุขนักเหรอ!” ถึงเธอจะสนับสนุนช่วยเหลือหลานชายด้วยการแกล้งพูดจาร้ายกาจกับพลอยแพรว แต่อย่างไรเสียฝ่ายนั้นก็เป็นผู้หญิงเหมือนเธอ อารมณ์รักอารมณ์หลงของผู้หญิงนั้นแรงกล้าเพียงใด คุณพัชรีรู้ดี
“ขวัญก็ไม่ได้อยากทำซะหน่อย ก็เขาตามขวัญเอง ขวัญจะปากเสียไล่ไปก็…เกรงใจแม่พี่โต”
“แล้วทำไมต้องเกรงใจแม่โต?” คุณพัชรีถามหน้าซื่อราวกับไม่รู้เรื่อง เล่นเอาคนกำลังกินผลไม้ชักจะเฝื่อนคอกลืนแทบไม่ลง
“เอ่อ…ก็…ก็คุณแพรวเป็นหลานของคนรู้จักของแม่พี่โตนี่นา ถ้าเกิดขวัญพูดจาไม่ดี เดี๋ยว…เอ่อ…เดี๋ยวมีปัญหา”
“แคร์แม่โตขนาดนั้นเลยเหรอ”
“ก็…ก็…ก็แม่พี่โตก็…ก็รู้จักกับป้ารีไม่ใช่เหรอ ขวัญก็แค่…แค่กลัวว่า…กลัวว่าเขาจะมองว่าขวัญพูดจาไม่ดี แล้วพาลเป็นหาว่าป้ารีไม่สั่งสอน…เอ่อ…ขวัญกลัวภาพลักษณ์ป้าเสียน่ะ” พูดไปก็เหมือนเหงื่อจะตกไป จอมขวัญได้แต่ก้มหน้ามองซากเปลือกผลไม้ที่ตัวเองแกะกองไว้บนโต๊ะ เพราะไม่รู้ว่าตอนนี้เขาควรเอาสายตาไปจมไว้กับที่ใดดี ที่จะไม่ทำให้คุณป้าที่รักผิดสังเกต
…แค่เขาพูดจาเหมือนห่วงใยความรู้สึกคุณกนกนุช มันก็ดูแปลกพิกลมากแล้ว สำหรับคนที่ไม่เคยนึกถึงคนอื่นอย่างเขา…
คุณพัชรีมองท่าทางหลานชายที่เอาแต่ก้มหน้าหลบสายตาแล้วก็บอกตัวเองว่าถึงเวลาแล้ว ที่เธอควรจะทำอะไรสักอย่างให้จอมขวัญสามารถ ‘ยืน’ ในบ้านหลังนี้ได้อย่างสบายใจ สามารถเปิดปากเล่าความสุขและความทุกข์ที่เกิดขึ้นในชีวิตได้อย่างไม่ต้องหวั่นว่าใครที่นี่จะเหยียดหยามซ้ำเติม…
หญิงร่างอวบเดินไปทรุดตัวลงนั่งใกล้หลานชาย ก่อนจะเปิดปาก
“ของขวัญ…ป้าถามอะไรสักอย่างได้มั้ยลูก…”
“ครับ?”
“ตั้งแต่เลิกกับหนูน้ำ ของขวัญมีความรักครั้งใหม่รึยัง?” จอมขวัญนิ่งไป น้ำลายเหนียวหนืดจนทำให้คอแห้งผาด หัวใจเต้นถี่สั่นรัว ในท้องเบาโหวงเหวงจนแทบไม่รับรู้ว่ามีอวัยวะส่วนใดอยู่ เขารู้สึกว่ามือไม้เย็นเฉียบจนต้องเอามันมาจับกันไว้
คนเป็นป้าเห็นอาการหลานชายก็พอจะรู้ว่าจอมขวัญกำลังประหม่าและไม่กล้าพูด เธอส่งมือไปกุมมือสองข้างของหลานชาย แล้วบีบนวดให้เขารู้สึกตัว…ให้หลานคนนี้ของป้าได้รู้ ว่าเขาไม่ได้ตัวคนเดียว เขายังมีป้าคนนี้อยู่…ยังมีคุณพัชรีคอยเคียงข้าง แม้มือของเธอจะเหี่ยวย่นไม่สวยงาม แม้มือจะหยาบกระด้างเพราะหยิบจับเครื่องครัวทำอาหารเลี้ยงทั้งสามี ลูก และหลานมาแทบจะตลอดชีวิต…แต่มือคู่นี้ก็ยังมอบความอบอุ่นให้จอมขวัญเสมอมา…
ร่างโปร่งเงยหน้ามองผู้เป็นป้า ใจจริงแล้วเขาไม่อยากบอก…เขากลัว…กลัวว่าป้าจะรับไม่ได้ กลัวว่าตัวเองจะต้องกลายเป็นหลานเนรคุณอีกครั้งถ้าทำให้ป้าเสียใจ…เขากลัว…กลัวไปหมด
“ของขวัญเห็นมือป้ามั้ยลูก…” ดวงตาเรียวลดลงมองมืออวบอูมที่มีริ้วรอยเหี่ยวย่นตามวัยแล้วก็ใจหาย เขาไม่ได้สังเกตมือของป้ามานานมากแล้ว แต่จอมขวัญยังจำได้ มือคู่นี้ที่เคยตีเขา ที่เคยจับมือเขาสอนคัดตัวอักษร เคยจับจูงพาข้ามถนน มันเคยเต่งตึงและนุ่มนิ่ม…ทว่าบัดนี้…มันคือมือของผู้หญิงแก่ๆคนนึงที่นอกจากความอบอุ่นที่เหมือนมือคู่เดิมแล้ว นอกนั้นก็ไม่มีอะไรเหมือนเดิมอีก…กาลเวลา…กำลังจะพรากผู้หญิงที่เขารักที่สุดในชีวิตอีกคนไปจากเขา…
“ป้าแก่แล้ว และป้าก็ไม่รู้ว่ามือของป้าจะจับมือของขวัญไปได้อีกนานเท่าไหร่…สิ่งเดียวที่ป้าหวังคือก่อนจะตาย ป้าจะได้ส่งมือของหลานชายคนนี้ ให้ใครสักคน ให้เขาช่วยกุมมือยามของขวัญท้อและเหนื่อย ให้เขาช่วยจูงมือยามของขวัญเดินไปไหนไม่ไหว ถ้าวันข้างหน้า ของขวัญไม่มีลูก ป้าก็หวังให้มือของใครสักคนคนนั้นช่วยดูแลหลานป้า คอยเช็ดเนื้อเช็ดตัวยามของขวัญไม่สบาย คอยป้อนข้าวป้อนน้ำยามของขวัญเจ็บป่วย ป้าจะฝากให้เขาช่วยจับมือของหลานป้า อย่าให้หลานคนนี้ต้องเหงา ต้องว้าเหว่อีก…”
น้ำตาของคุณพัชรีไหลอาบแก้ม แต่ก็ยังส่งยิ้มให้หลานชายสุดที่รัก มืออูมบีบกระชับมือขาวของหลานชายด้วยความรักความห่วงใยทั้งหมดที่มี
“ป้ารี…อย่าร้องไห้สิ…” แค่เห็นน้ำตาของป้า จอมขวัญก็สะเทือนไปทั้งใจ ทั้งชีวิตนี้ นอกจากแม่แล้ว ป้าคือผู้หญิงคนที่สองที่รักเขายิ่งกว่าอะไร ไม่ว่าจอมขวัญจะดื้อร้ายหรือเลวทรามแค่ไหน แต่สำหรับคุณพัชรี เขาคือหลานชายตัวน้อยๆ ยังเป็นหลานที่คุณพัชรีเคยโอบอุ้ม เคยป้อนข้าวป้อนน้ำ
“ป้าแค่…แค่…แค่คิดว่าอยากจะเจอใครสักคนคนนั้น ก่อนป้าจะจากโลกนี้ไป…ป้ามีเรื่องต้องฝากเขาอีกเยอะเลย มีอีกตั้งหลายเรื่องของของขวัญ ที่ไม่มีใครรู้ดีไปกว่าป้า…ป้า…หรือป้าทำพินัยกรรมไว้ดีมั้ย เขียนหนังสือเกี่ยวกับของขวัญสักเล่ม ใส่ตู้เซฟเก็บไว้เลย…ถ้าป้าตายก่อนจะได้เจอใครคนนั้น เขาได้จะได้มีโอกาสได้รู้เรื่องของของขวัญจากป้า…” จอมขวัญได้แต่มองใบหน้าอาบน้ำตาของผู้เป็นป้า ความรักความห่วงใยที่คุณพัชรีมีให้เขา มันยิ่งใหญ่เสียจนเขาจุกเจ็บไปทั้งอก ชายหนุ่มก้มหน้าลง แม้ใจหนึ่งจะไม่อยากพูด หากแต่อีกใจ…กลับทำให้เขาเอ่ยปากออกมา
“…พี่โตครับป้า…” เสียงของจอมขวัญดังขึ้นแผ่วเบา “…พี่โต…คือคนรักของขวัญ…” ดวงตาเรียวของหลานชายสั่นระริกขณะเหลือบขึ้นจับจ้องใบหน้าของผู้เป็นป้าราวกับรอคอยปฏิกิริยาของคุณพัชรี
“…ป้า…เกลียดขวัญมั้ย…ขวัญทำให้ป้าเสียใจรึเปล่า…ที่…ที่ขวัญ…รักพี่โต…” ไม่มีคำตอบอื่นใด นอกจากมืออุ่นๆของคุณพัชรีคลายออกจากการเกาะกุมมือเขา จอมขวัญใจหายวาบ ดวงตาที่สั่นระริกกลั่นน้ำตาหยดลงบนแก้มขาวอย่างใจหาย เขาอ้าปากพยายามจะพูด แต่ไม่มีเสียงใดหลุดออกมา
…ป้าเกลียดเขาหรือ? ป้าเสียใจเพราะเขารักพี่โตใช่มั้ย?...
คุณพัชรีไม่พูดอะไร สองแขนอ้าออกช้าๆ ก่อนจะส่งยิ้มให้หลานชาย
“ร้องไห้ทำไม มาหาป้านี่มา”
“ป้ารี…” จอมขวัญครางเบาๆ ก่อนจะโผเข้ากอดร่างคุณพัชรีราวกับเด็กชายตัวน้อยๆ น้ำตาไหลอาบแก้มด้วยความกลัวว่าป้าจะรับความรักของเขาไม่ได้
มือเหี่ยวย่นทว่าอบอุ่นของคุณพัชรีลูบศีรษะเขาเบาๆ
“ร้องไห้ทำไมลูก ป้ายังไม่ได้ว่าอะไรเลย”
“ขวัญกลัวป้าเสียใจ ขวัญกลัวป้าเกลียดขวัญ…” คำตอบนั้นมีเสียงสะอื้นปนออกมาจนคุณพัชรีต้องโอบแขนกอดแน่นขึ้น
“ไม่เอา ไม่ร้อง…โตเป็นหนุ่มแล้วยังจะร้องไห้อีก…” คุณพัชรีโยกตัวหลานชายเบาๆ ทำราวกับเขาเป็นเด็กตัวเล็กๆที่เธอเคยกล่อมนอน จอมขวัญยิ้มทั้งน้ำตา สัมผัสที่คุ้นเคย อ้อมกอดที่อบอุ่น…แม้เขาจะเป็นยังไง แต่ป้าก็ยังเหมือนเดิม…ยังรักเขา ให้กำลังใจเขา ยังมีอ้อมกอดให้เขาเสมอมา…
“คือโตเหรอลูก ใครคนนั้นของของขวัญ…” จอมขวัญพยักหน้าเบาๆ แม้จะยังซุกอยู่กับอ้อมกอดของคุณพัชรีก็ตาม
“ดีจัง ที่ป้าได้รู้จากปากของของขวัญ…แต่ของขวัญรู้ใช่มั้ยว่าความรักแบบนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย…” จอมขวัญเงยหน้าขึ้นมอง คุณพัชรียังคงยิ้มให้ แม้ดวงตาจะยังแดงก่ำ
“แต่ไม่ว่ามันจะยากสักเท่าไหร่ อย่าท้อนะลูก อย่าให้ความรักครั้งนี้จากไปเพราะความขี้ขลาดของตัวเอง…จงยืนหยัดและกล้าหาญให้สมกับที่เป็นหลานของป้านะ”
“ครับป้า” จอมขวัญกอดรัดคุณพัชรีแน่นขึ้น ความโล่งใจและดีใจผสมปนเปจนแทบจะร้องไห้อีกรอบ ไม่มีอะไรดีไปกว่าการถูกยอมรับจากคนในครอบครัว แม้จะไม่ใช่ครอบครัวแท้ๆ แม้จะเกี่ยวดองกันแค่สถานะป้าหลาน แต่สำหรับเขา…เขาคือหลาน…หลานที่คุณพัชรีเลี้ยงมากับมือ ตีมากับมือ…เขาคือหลาน...หลานที่ได้รับความรัก ความเอาใจใส่และโอกาสกลับเนื้อกลับตัวนับครั้งไม่ถ้วน…เพราะครอบครัวนี้ ถึงทำให้เขามีวันนี้…เพราะครอบครัวนี้ ถึงทำให้จอมขวัญ วิมลกิตติคนนี้ยังมีลมหายใจ…
คุณชัยที่ยืนอยู่บนบันไดขั้นบนสุดมองภรรยาและหลานชายแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจเบาๆอย่างโล่งอก เรื่องระหว่างป้าหลานดูเหมือนจะเรียบร้อยลงตัวแล้ว จะเหลือที่ยังไม่เคลียร์ก็…เรื่องของลุงกับว่าที่หลานเขยนี่ล่ะ
ชายวันปลายหันมาทางอธิปที่ยืนอยู่ข้างหลังเขา
“รู้ใช่มั้ย โต…ว่าเราสองคน…ก็มีเรื่องต้องตกลงกัน…”
ติดตามตอนต่อไป (ขอเป็นหลังวันที่ 9 สิงหานะคะ)
เนื่องจากว่า พี่สาวกับน้องสาวจะมาเที่ยว
บัวเลยต้องกลายเป็นไกด์จำเป็นคอยดูแลอย่างเอาใจใส่เป็นเวลา 7 วัน นับตั้งแต่อังคารหน้าเป็นต้นไป
เพราะงั้น ก็เลยทำให้มาต่ออาทิตย์หน้าไม่ได้จ๊ะ
มีคนถามหาอิมเมจของทุกคาแรกเตอร์ จะบอกว่า…บัวไม่มีอิมเมจในหัวเลยค่ะ ฮ่าฮ่า
เพราะว่าเรื่องนี้เกิดจากเวลาดูละครไทย แล้วบางครั้ง (ย้ำว่าบางครั้ง) เวลาพระเอกชกต่อยกับผู้ร้าย(ที่หน้าตาดีๆ) มุมกล้องมักจะทำให้บัวรู้สึกหวั่นไหวตามประสาสาววาย บัวเอาความหวั่นไหวตรงนั้น มาเขียนเป็นเรื่องนี้แหละ
ส่วนหน้าตา จริงๆแล้วไม่ว่าจะเรื่องไหน บัวก็ไม่มีหน้าตาพระเอกนายเอกในหัวนะ
จะมีแค่ ‘อารมณ์’ ของคาแรกเตอร์ตัวนั้น
เช่น ล่าสุดเจอผู้ชายที่ ‘อารมณ์’ ประมาณ จอมขวัญที่สถานีรถไฟแถวบ้าน หน้าตาเขาธรรมดาๆ แต่อารมณ์เขาให้อ่ะ
ประมาณนี้แหละค่ะ เพราะงั้น จะจิ้นใครเป็นใครก็ตามสบายโล้ดดดดด
ป.ล. พาร์ทนี้ใครต้มมาม่ารอเอาไว้ ปล่อยอืดได้เลย ฮ่าฮ่า
ป.ล. 2 รักป้ารีกันถ้วนหน้า บัวก็รักป้ารีด้วยยยยย
เจอกันอีกทีอีก 2 สัปดาห์กว่าๆเลยอ่ะ คิดถึงทุกคนนนนน
คนอ่าน คนติดตาม คนเม้นท์ และพื้นที่บอร์ดค่ะ