“แม่…เต็ง…เป็นอะไรน่ะ” อธิปกลับมาถึงบ้านแล้ว และทันทีที่เหยียบเท้าเข้ามาในบ้านเขาก็เห็นว่าน้องชายกำลังนั่งอยู่กับมารดา แม้เขาจะเห็นใบหน้าเพียงเสี้ยวเดียวของคุณกนกนุช แต่อธิปก็เห็นร่องรอยของความกังวลบนนั้นอย่างชัดเจน ชายหนุ่มรีบเดินเข้ามาหาด้วยความห่วงใย
“ไม่มีอะไรหรอกพี่โต พี่โตไปหาข้าวกินกับเต็งดีกว่า” อานุภาพคิดว่าเขาไม่ควรให้มารดาและพี่ชายอยู่ด้วยกันในเวลานี้ จึงลุกขึ้นหาทางลากอธิปออกห่างจากคุณกนกนุชทันที ทว่าผู้เป็นพี่ยังยืนนิ่งและจับจ้องไปที่มารดาด้วยความห่วงใย
“เดี๋ยวสิ แม่หน้าซีด...เป็นอะไรรึเปล่าแม่ ไม่สบายเหรอ” ด้วยความเป็นลูกคนโต อธิปใส่ใจคนในครอบครัวจนเป็นปกติ เขาทรุดกายลงนั่งข้างมารดาราวกับจะปักหลักไม่ไปไหน เล่นเอาอานุภาพที่พยายามกันท่าไม่ให้พี่ชายเข้าใกล้แม่ในเวลานี้ได้แต่ตบหน้าผาก
…ให้ตายสิว้า! จะมาเป็นลูกที่ดีอะไรในเวลานี้!!...
“แม่…อย่าเงียบสิ เป็นอะไร” อธิปยิ่งร้อนใจเมื่อเห็นคุณกนกนุชนิ่งไม่พูด และเอาแต่มองเขาด้วยแววตาเสียใจ ชายหนุ่มบีบมือมารดาไปมาราวกับจะเรียกสติ
“โต…โตมีคนรักใช่มั้ย” คำถามของมารดาทำเอาอธิปเป็นฝ่ายนิ่งเสียเอง เขาชะงักก่อนจะกลายเป็นเบือนหน้าหนีหลบสายตาของมารดา
“โต…บอกแม่สิโต…คนรักของโต… คือคุณจอมขวัญ…ใช่มั้ย” ร่างสูงหันกลับมาสบตามารดา เขาส่งยิ้มบางเบาหากแต่เป็นยิ้มที่เศร้าเหลือทน เมื่อจำต้องบอกความจริง
“ครับ…เขาเป็นคนรักของผม…” ราวกับหัวใจของคุณกนกนุชร่วงหล่นลงไปกองกับพื้น ลูกชายของเธอมีคนรักเป็นผู้ชายอย่างนั้นหรือ?!! อธิปมีคนรักเป็นผู้ชาย!!!!...
“โต…เขาเป็นผู้ชาย โตก็เป็นผู้ชาย…ทำไม…”
“ผมก็ไม่รู้แม่ ไม่รู้ว่าทำไม…แต่ผมแค่…รักเขา…” คำว่ารักของอธิปยิ่งทำให้คุณกนกนุชแทบจะหายใจไม่ออก เธอได้แต่หลับตาลงอย่างเจ็บปวด อธิปมีคนรักเป็นผู้ชาย ทั้งๆที่ก็เป็นผู้ชาย ทำไมถึงเป็นเช่นนี้
“ผมขอโทษครับแม่” คำขอโทษทำให้ผู้เป็นมารดาต้องเบือนสายตามามองบุตรชายที่รัก อธิปยกมือขึ้นไหว้เธอราวกับจะขอร้องให้เธอยอมรับในความรู้สึกของเขา หากแต่…มันง่ายหรือ? มันง่ายหรือไรกับการทำใจยอมรับว่าลูกชายคบหากับผู้ชายด้วยกัน ทั้งๆที่ไม่เคยมีวี่แววมาก่อนว่าอธิปจะหันมารักชอบผู้ชายเช่นนี้!!!…
“พี่โต…พี่ออกไปก่อนเถอะ” เพราะเห็นท่าว่ามารดายังทำใจไม่ได้ อานุภาพจึงมาดึงแขนพี่ชายให้ลุกขึ้น อธิปยอมลุกขึ้นยืนแต่โดยดี เขารู้ว่าเวลานี้ดึงดันไปก็มีแต่จะเป็นผลเสีย คุณกนกนุชยังทำใจไม่ได้กับเรื่องของเขาและจอมขวัญ
…เขาเข้าใจ มันไม่ใช่เรื่องง่าย…ในเมื่อความรักของเขาไม่เหมือนปกติทั่วไปของ ‘ลูกชาย’ อย่างที่พ่อและแม่คาดหวัง
“พี่ไปนอนที่หมู่บ้านก่อน เดี๋ยวทางนี้เต็งจัดการเอง” อานุภาพกระซิบบอกพี่ชายขณะดึงแขนให้อธิปออกจากห้อง
“โต…” เสียงเรียกจากด้านหลัง ทำให้สองพี่น้องต้องหันมอง คุณกนกนุชยังคงก้มหน้านิ่งราวกับไม่อยากเห็นหน้าอธิป หากแต่ริมฝีปากสวยขยับถามเบาๆ
“คุณพัชรีกับคุณชัยรู้เรื่องนี้มั้ย”
“รู้ครับแม่” เพียงเท่านั้น คุณกนกนุชก็ถึงกับต้องหันมองลูกชายแล้วอ้าปากค้างอย่างสุดแสนผิดหวัง หากแต่เพียงไม่กี่นาทีหลังจากนั้น เธอก็รีบหันหน้าหนีแล้วโบกมือไล่ให้สองพี่น้องรีบออกไปจากสายตาของเธอ
อานุภาพส่งพี่ชายขึ้นรถออกจากบ้านไปแล้ว เขาก็รีบกลับมาดูแลมารดาที่ยังนั่งนิ่งซึมอยู่ในห้องนั่งเล่น ชายหนุ่มขอบอกขอบใจที่หญิงสาวแขกผู้มีเกียรติของบ้านอย่างพลอยแพรวไม่ลงมาจ๊ะเอ๋สถานการณ์ในเวลานี้ เธอเป็นแขกที่ดีหรอกนะ แต่ก็ติดจะพูดมากจนน่าปวดหัวไปเสียหน่อย และเขาก็ไม่อยากให้เธอเอาเรื่องนี้ไปพูดต่อที่ไหนเสียด้วย
ชายหนุ่มกลับเข้ามาในห้องนั่งเล่นอีกครั้ง เขาปิดประตูเรียบร้อยก็ตรงเข้าไปหามารดา
“แม่ แม่ใจเย็นๆนะแม่…” อานุภาพพยายามเตือนสติ คุณกนกนุชเงยหน้ามอง ใบหน้าสวยมีเค้าเจ็บปวดสุดแสน
“เต็ง…เต็งลูกแม่…ทำไมพี่ของเต็งทำแบบนี้…”
“พี่โตไม่ได้ทำอะไรเลยแม่ พี่โตแค่มีความรัก การมีความรักเป็นสิ่งที่ดีไม่ใช่เหรอ แล้วคนอย่างพี่โตไม่ได้รักใครได้ง่ายๆ แม่เปิดใจสักนิดนะ ค่อยๆยอมรับความรักของพี่โต…”
“แต่ความรักของโตมันผิดไปจากที่แม่คิดเลยนะเต็ง มีคนรักเป็นผู้ชายไม่พอ ยังไปเป็นนางเอกในชีวิตเขาอีก แบบนี้เต็งจะให้แม่ยอมรับในวินาทีนี้เลยได้ยังไง แม่ทำใจไม่ได้! แม่ทำใจไม่ได้จริงๆ”
“น…นางเอก?...เดี๋ยว นี่แม่พูดเรื่องพี่โตอยู่รึเปล่า?” อานุภาพชักจะงงว่าทำไมอยู่ดีคุณกนกนุชถึงพูดเรื่องนางเอกอะไรขึ้นมา…มันเกี่ยวกันยังไงวะ? พี่โตแค่รักชอบผู้ชาย ไม่ได้ไปเล่นเป็นนางเอกให้ละครเรื่องไหนเสียหน่อย?!...
“ก็…ก็น้องแพรวมาเล่าให้แม่ฟังว่าคุณรีพูดทำนองว่า…ว่า ‘คนนั้น’ มีนางเอกในชีวิตแล้ว…แล้ว…แล้วเมื่อกี้เต็งก็ได้ยิน โตพูดเองว่าโตเป็นคนรักของ ‘คนนั้น’ อย่างนี้ก็แสดงว่าโตเป็น ‘นางเอก’…แล้วถ้า…ถ้าวันนึงโตลุกขึ้นมาแต่งหน้าทาปากตอนอายุจะสามสิบ เต็งจะให้แม่ทำใจยอมรับได้ยังไง!! แม่ทำใจไม่ได้! มันเกินกว่าที่แม่จะคิดนะเต็ง!” คุณกนกนุชพูดไปสะอื้นไปด้วยความเจ็บช้ำเต็มอก แต่คนเป็นลูกกลับพูดไม่ออกเพราะปวดหัวกับจินตนาการอันเกินขอบเขตของมารดา
“สรุปว่า…แม่กังวลว่าพี่โตจะเป็นสาว?”
“ก็…ก็…ก็โตแมนมาตลอด…โตเป็นผู้ชาย โต…”
“แม่…คือว่าสมัยนี้อ่ะนะ ผู้ชายรักกันก็ไม่ได้หมายความว่าคนใดคนหนึ่งต้องสาวสักหน่อย”
“เต็งรู้ได้ยังไง” คุณกนกนุชย้อนถามทันควัน
“เอ้า! เพื่อนเต็งที่มีแฟนเป็นผู้ชายก็มี แมนอีกทั้งคู่อีกต่างหาก…”
“แล้ว…แล้ว…แล้ว…แล้วแมนทั้งคู่…เอ่อ…แล้วเวลา…กอด…” คุณกนกนุชพูดไม่ออก ด้วยเพราะไม่มีใครใกล้ตัวที่เป็นชายและคบหากับชายเหมือนกัน ที่พอจะผ่านหูผ่านตาก็มีแค่ดารากะเทยที่แปลงเพศแล้วมีแฟนเป็นชายนั่นก็ว่าไปอย่าง และเพราะเธอเห็นแบบนั้น ถึงได้…ถึงได้…กลัวว่าวันหนึ่งลูกชายคนโตจะกลับมาในสภาพที่…เอ่อ…ที่…มี ‘นม’
…ฮือ!!! คุณกนกนุชไม่อยากจะคิด!! หากวันหนึ่งข้างหน้า อธิปมาขอให้เธอพาไปซื้อเสื้อชั้นใน หรือแม้แต่ขอให้ช่วยเลือกสีลิปสติก เธอจะทำหน้ายังไง!!!!...
“เวลาบนเตียง?...แม่จะถามเรื่องนี้ใช่มั้ย? ไม่ยากหรอกแม่ ก็เป่ายิงฉุบเอา ใครชนะได้เป็น ‘ไจแอนท์’ “ ว่าแล้วอานุภาพก็ระเบิดเสียงหัวเราะดังลั่นอย่างที่ทำเอาคุณกนกนุชต้องตีเพี๊ยะเข้าไปที่ไหล่ลูกชาย
“พูดจาอะไรน่ะเต็ง! น่าเกลียด!!!” แม้เสียงหัวเราะของลูกชาย จะทำให้คุณกนกนุชคลายความเศร้าไปได้บ้าง แต่ก็ยังติดกังวลจนไม่เป็นอันทำอะไร
“ไม่น่าเกลียดหรอกแม่ เรื่องของความรัก เรื่องของคนรัก เรื่องของครอบครัว…มันเป็นพื้นฐานของมนุษย์ คนอย่างพี่โตไม่ใช่คนหลักลอย ถ้าเขาออกตัวว่านี่คือคนรัก นั่นแสดงว่าเราสบายใจได้แล้วว่าพี่โตกำลังจะสร้างครอบครัวของตัวเองขึ้นมา ถึงครอบครัวของเขาจะมีแค่สองคนและไม่มีทางงอกเป็นสาม สี่ ห้า ถึงครอบครัวของเขาจะมีแต่ผู้ชายไม่มีผู้หญิง…แต่ครอบครัวเป็น ‘งานแฮนด์เมด’ นะแม่ ไม่มีครอบครัวไหนเหมือนกัน เราจะไปคาดหวังให้ครอบครัวเขา เหมือนกับครอบครัวที่พ่อกับแม่สร้างขึ้นมาไม่ได้หรอก”
คุณกนกนุชได้แต่มองลูกชาย อานุภาพเป็นคนมองโลกในแง่ดีและมีความสุขกับชีวิต คำพูดปลอบใจของเขาแม้จะคลายกังวลของเธอไม่ได้ แต่รอยยิ้มของเขาก็ทำให้แม่อย่างเธอเต็มตื้นขึ้นบ้าง
“ไม่ต้องห่วงนะแม่ ถ้าอยากอุ้มหลานเดี๋ยวเต็งจัดให้เอง ตอนนี้เมียสองลูกหกยังไม่ได้จดทะเบียน ถ้าแม่พร้อม เต็งจะพามาเจอพรุ่งนี้เลย”
แต่ความเต็มตื้นไม่อยู่นาน เพราะลูกชายคนเล็กแสนกวนนั้นกลับพูดจาไม่เข้าหูอย่างที่ทำเอาคนเป็นแม่ผู้กำลังกังวลไปกับความรักของลูกคนโตถึงกับต้องทำตาลุกกับคำพูดของลูกชายคนเล็ก
“ว่ายังไงนะ?!!! เมียสองลูกหกยังไม่จดทะเบียน!!! นี่เต็งไปมีเมียตั้งแต่เมื่อไหร่!!!” กำลังจะคว้าแขนลูกชายเอาไว้ แต่อานุภาพไวกว่าเพราะลุกพรวดถลาไปที่ประตูห้องนั่งเล่นเตรียมตัววิ่งหนีอย่างว่องไว
“ไม่บอกกกกกก…อ่ะ! พ่อ!! มาจัดการแม่ที! เต็งจะหนีไปหาเมียคนที่สามล่ะ!!” อานุภาพตะโกนโหวกเหวกแล้ววิ่งหนี แต่เสียงของคุณกนกนุชก็ยังเรียกตามด้วยหมายจะลากตัวมาคุยกันให้รู้เรื่อง เมียสองลูกหกยังไม่เคลียร์ให้เธอแจ่มแจ้ง แล้วยังจะมาเมียสามอีก! เดี๋ยวเถอะ!!!
“เต็ง!! กลับมาพูดกับแม่ให้รู้เรื่องเดี๋ยวนี้! เต็ง!!!” แล้วกลายเป็นว่าจากกังวลเรื่องลูกคนโตก็ต้องมาปวดหัวกับลูกคนเล็ก เพราะคนอย่างอานุภาพพูดเล่นแต่ทำจริงเสมอ!
…เกิดเป็นแม่คนนี่มันลำบากชนิดที่ไม่เป็นเองไม่รู้หรอก!!!..
………………………………………
อธิปนั่งนิ่งอยู่บนโซฟาในบ้านหลังเล็กในหมู่บ้าน ชายหนุ่มออกจากบ้านใหญ่และคิดจะมาค้างที่นี่สักพักจนกว่ามารดาจะทำใจได้ ทำใจหรือ?...นานเพียงใดแล้วที่เขาไม่สร้างความกังวลใจให้บิดามารดา อาจจะนับตั้งแต่เกิดวิกฤตกับบริษัทคราวนั้น แล้วเขาตระหนักได้ว่าตนเองคือลูกชายคนโต คือความหวัง คือกำลังสำคัญของครอบครัว อธิปพยายามทำตัวให้เป็นที่พึ่งของทุกคนในบ้านมาตลอด พยายามไม่สร้างความหนักใจหรือเสียใจให้สมาชิกในครอบครัวคนไหน หากแต่วันนี้…วันนี้ ความรักที่เขาเลือก…กลับทำให้มารดานั่งนิ่งราวหุ่นปั้นเช่นนั้น…
ยิ่งคิด…ก็ยิ่งรู้สึกว่าตนเองเป็นลูกเนรคุณ แค่รัก…จอมขวัญ…แต่เป็น ‘รัก’ ที่พ่อแม่รับไม่ได้…
เสียงโทรศัพท์มือถือพร้อมอาการสั่นระรัวของมันทำให้ชายหนุ่มต้องเหลือบสายตาไปมอง ก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบจากบนโต๊ะขึ้นมาดู
‘ของขวัญ’
ชื่อของคนรักทำให้อธิปลังเลที่จะรับ เขาคิดถึงสีหน้าของมารดายามที่รู้ว่าเขาจอมขวัญมีความสัมพันธ์กันเช่นไร
…แม่เสียใจ แม่ผิดหวัง…
แต่ผิดที่จอมขวัญหรือ? ไม่…ไม่ได้ผิดที่จอมขวัญ แต่ผิดที่เขาเอง…ที่รักจอมขวัญ…
เสียงโทรศัพท์ยังดังอย่างต่อเนื่อง และในที่สุดอธิปก็ตัดสินใจกดรับมัน
‘ฮัลโล พี่โต’ เสียงปลายสายนั้นสดใสและร่าเริง จนอธิปยิ้มบางเบา เขาดีใจที่ได้ยินน้ำเสียงมีความสุขของคนรัก แม้ว่าตอนนี้…ตนเองกำลังจมอยู่ในความทุกข์และอึดอัดหนักหนา
“ครับ”
‘พรุ่งนี้ตอนเที่ยงต้องไปกินข้าวกับลูกค้ามั้ย พรุ่งนี้ป้ารีจะทำเป็ดย่าง ขวัญเลยจะชวนพี่กลับมากินข้าวที่บ้านขวัญตอนเที่ยง แล้วเดี๋ยวขวัญไปส่งที่บริษัทตอนบ่าย…พี่โต?’
“หืม?”
‘ทำไมเงียบแปลกๆ มีอะไรรึเปล่า?’ อธิปกำลังจะเอ่ยปากว่าเปล่า หากแต่คำขอร้องของคุณชัยเมื่อตอนเย็นที่ขอกับเขาว่าอย่าโกหกจอมขวัญดังลั่นสมองอย่างที่ทำเอาชายหนุ่มได้แต่เผยอริมฝีปากค้าง เขาพูดไม่ออก ไม่กล้าพูด เขาไม่อยากโกหกคนรัก
‘พี่โต? ตอนนี้อยู่ที่ไหน? ที่บ้านในหมู่บ้านรึเปล่า’
“อืม”
‘ขวัญไปหาได้มั้ย’ ใจอธิปนั้นอยากเจอจอมขวัญ แต่ก็กลัว…กลัวแม่จะมาเจอเขาและจอมขวัญที่นี่…เขากลัวและรู้สึกผิด…
‘นะ…ให้ขวัญไปหานะ’
“อืม…พี่จะรอ” อธิปตอบได้แต่เพียงเท่านั้น ก่อนที่จอมขวัญจะวางสายแล้วทิ้งเขาเอาไว้กับความเงียบของบ้านหลังเล็กหลังนี้
…………………………..
จอมขวัญวิ่งออกจากห้องนอน เสื้อผ้ายังคงเป็นชุดนอนเพราะเร่งรีบจนไม่มีกระจิตกระใจจะเปลี่ยน อธิปทำเสียงแปลกๆ ปกติเวลาคุยโทรศัพท์กับเขา แม้จะคุยกันสั้นๆ ไม่ถึงห้านาทีแต่น้ำเสียงของร่างสูงไม่เคยเป็นแบบนี้..แบบที่เงียบงันและเหงาอย่างน่ากังวล
ชายหนุ่มถลาลงจากเรือน มือกำลังจะกดรีโมทรถแต่ปรากฏว่าไฟจากหน้ารถคันหนึ่งที่เลี้ยวมาจอดที่หน้าบ้านสาดมากระทบเขาเสียก่อน จอมขวัญหันมองแล้วรีบเปลี่ยนทิศวิ่งตรงไปยังประตูบ้านทันที
“ไอ้ขวัญ จะไปไหนวะ” เจ้าของรถนามว่าจักรกฤษณ์เปิดกระจกแล้วชะโงกหน้าออกมาตะโกนถามน้องชายที่กำลังเปิดประตูรั้ววิ่งออกมาหาเขา
“พี่จักร ไปส่งขวัญหน่อย!” มันว่าอย่างนั้นแล้วกระโดดขึ้นนั่งตำแหน่งข้างคนขับทันที
“ส่งที่ไหน?” คนพี่หันมาถาม แต่มือเตรียมหักเลี้ยวออกจากหน้าบ้านแล้ว
“บ้านพี่โต เดี๋ยวขวัญบอกทางเอง!”
“ไปตอนนี้อ่ะนะ?!!” จักรกฤษณ์ไม่ต้องเหลือบตามองนาฬิกาก็พอจะคำนวณได้ว่า จากที่เขาไปส่งน้ำทิพย์แล้ววกกลับมาที่นี่ ไม่เกินครึ่งชั่วโมง ซึ่งนั่นหมายความว่าตอนนี้เกือบจะสองทุ่มแล้ว
“เออ ตอนนี้!”
“ไปทำไม” กลายเป็นเริ่มซักไซ้ แถมยังไม่ยอมขับรถเสียที จอมขวัญที่ใจร้อนและเริ่มกังวลห่วงใยคนรักเลยทำหน้าเอือมใส่
“เออหน่า! ขับไปก่อน เดี๋ยวเล่าให้ฟังทีหลัง! ทีขวัญยังไม่เห็นซักเลยว่าพี่จักรไปกินข้าวกับคุณน้ำทำไม” พอถูกน้องชายย้อนแบบนั้น จักรกฤษณ์ก็ได้แต่เงียบกริบ ด้วยว่าเรื่องที่ไปกินข้าวกับน้ำทิพย์นั้นก็มากพออยู่แล้วที่จะทำให้เขารู้สึกเหมือนตัวเองเป็นวัวสันหลังหวะ ไหนจะเรื่องที่เขาไปเจอทรงพลและอัญญิกาพร้อมด้วยแม่ของอัญญิกาอีก…จนกว่าเรื่องของสามคนนั่นจะกระจ่าง เขาไม่อยากให้จอมขวัญสงสัยหรือเอะใจอะไร โดยเฉพาะเรื่องที่…เรื่องที่ทรงพลและอัญญิการู้จักกัน…
จักรกฤษณ์มัวแต่คิดเรื่องที่เขาและน้ำทิพย์ไปเจอมาวันนี้ จนลืมไปว่าตอนนี้น้องชายตนเองกำลังร้อนรนจะเป็นจะตาย และถึงขั้นยื่นขาข้างหนึ่งข้ามมาพาดตักเขา หมายจะนั่งที่นั่งคนขับแทน ทั้งๆที่จักรกฤษณ์ยังนั่งอยู่!
“เฮ้ย! อะไรวะไอ้ขวัญ!” ร่างสูงหันไปร้องถามน้องชายที่เอาขาก่ายมาฝั่งเขาแล้วข้างหนึ่ง
“ก็ไม่ขับสักที! ขวัญก็เลยจะขับเองไง!”
“เออๆ! ขับแล้วโว้ย! อะไรวะ! พอเป็นเรื่องผัวละใจร้อนขึ้นมาทันที”
“ไอ้พี่จักร!!!” เพราะพี่ชายพูดถึงสถานะที่ไม่ควรพูด คนน้องเลยโวยใส่เสียเลย จักรกฤษณ์ทำหน้าเบ้แบะปาก แต่เพราะสายตาเอาเรื่องของน้องชายที่จ้องไม่หยุด ชายหนุ่มเลยต้องยอมเหยียบคันเร่งปลดเกียร์พารถยนต์ส่วนตัวและจอมขวัญไปยังบ้านของอธิปที่จอมขวัญเป็นคนบอกทาง
……………………
จักรกฤษณ์จอดรถที่หน้าบ้านเดี่ยวหลังเล็กในหมู่บ้านหรูย่านชานเมืองได้ปุ๊บ จอมขวัญก็บอกขอบคุณแล้วถลาลงจากรถปั๊บ ชายหนุ่มร่างโปร่งวิ่งไปเปิดประตูรั้วอัลลอย มันไม่ได้ลงกลอนเอาไว้ เพราะพอเขาเลื่อนเล็กน้อย มันก็เปิดทางให้จอมขวัญแทรกตัวผ่านเข้าสู่บริเวณบ้านได้อย่างรวดเร็ว แสงไฟจากภายในบ้านส่องออกมาตามประตูกระจกและหน้าต่าง บอกให้รู้ว่าอธิปยังอยู่ในนั้น ชายหนุ่มรีบวิ่งไปที่ประตูบ้านทันที
“พี่โต…” อธิปนั่งอยู่ที่ชุดโซฟารับแขก ข้อศอกวางอยู่บนเข่าทั้งสองข้าง มือประสานจับกันไว้ราวกับกำลังวิตกและกังวลกับบางเรื่อง
จอมขวัญไม่เคยเห็นอธิปเป็นแบบนี้ อธิปเป็นผู้ใหญ่ ใจเย็น และมักจะมอบกำลังใจให้เขาอยู่เสมอ หากแต่เวลานี้…กลายเป็นอธิปเสียเองที่ดูไม่มีกำลังใจใดๆเหลืออยู่แล้ว ร่างโปร่งของแขกยามค่ำคืนนี้เดินไปหยุดตรงหน้าเจ้าของบ้าน และเมื่อนั้น เหมือนอธิปจะรู้สึกตัว ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมอง เขาสบตากับดวงตาของจอมขวัญก่อนจะลุกขึ้นช้าๆ แล้วคว้าร่างของคนรักเข้ามากอดแน่น
“พี่โต…” จอมขวัญงุนงงและไม่เข้าใจ เขาไม่รู้ว่ายามนี้อธิปเจอปัญหาอะไร อ้อมกอดที่เคยแข็งแกร่ง มั่นคงและอบอุ่นของอธิปนั้น ในเวลานี้มันสั่นเทาและเหมือนจะพังทลายลงจนคนถูกกอดต้องยกมือขึ้นหมายจะโอบกอดแผ่นหลังกว้างไว้เพื่อช่วยพยุง ทว่า…คำพูดของอธิปที่ดังขึ้นที่ข้างหูเขา กลับทำให้แขนทั้งสองข้างของจอมขวัญค้างเติ่งกลางอากาศ
“แม่พี่รู้แล้วของขวัญ…” …แม่?...แม่ของอธิปรู้?...รู้เรื่องอะไร?...
“…แม่พี่รู้แล้ว…ว่าเราสองคนเป็นคนรักกัน…” ไม่ต้องถามเพิ่มว่าแม่ของอธิปรับได้ไหมกับการคบหาระหว่างเขาและร่างสูง จอมขวัญรู้ในทันทีเมื่อน้ำเสียงสั่นระรัวของอธิปยังคงดังก้องอยู่ในหัวเขา
จอมขวัญไม่รู้ว่าเวลาเช่นนี้ เขาควรจะยกมือขึ้นกอดตอบอธิปดีหรือไม่ ในวันที่อธิปเจ็บปวด เสียใจและเต็มไปด้วยความกังวล เขาอยากยืนเคียงข้าง แต่ถ้าการเคียงข้างของเขากลายเป็นความกังวลของอธิปเสียเองล่ะ…เขาจะทำอย่างไร
มือของเขาที่ค้างอยู่กลางอากาศค่อยๆขยับทีละน้อยก่อนจะแตะเบาๆที่ไหล่หนาของคนรัก แล้วดันร่างอธิปให้ออกห่างจากเขา
จอมขวัญส่งยิ้มให้กับร่างสูงที่ยังมองเขาด้วยสายตาไม่เข้าใจ
“คืนนี้ขวัญค้างที่นี่ได้มั้ย”
“ขวัญรู้ว่ามันเสี่ยง ถ้าแม่ของพี่มาเจอเข้าอาจจะเกิดเรื่อง แต่ขวัญทิ้งพี่ไว้คนเดียวไม่ได้ ขวัญรักพี่ ขวัญอยากอยู่ข้างๆพี่ ถ้าแม่พี่มา ขวัญจะกระโดดหนีทางหน้าต่าง แต่ถ้าหนีไม่ทัน พี่โตจะอธิบายให้แม่พี่ฟังไปเลยก็ได้ว่าเราสองคนตกลงเลิกกันแล้ว”
“ของขวัญ!!” จอมขวัญยังคงนิ่งสงบ เขายังส่งยิ้มบางให้คนรัก มือที่จับไหล่หนานั้นบีบแน่น
“ขวัญยังรักพี่เหมือนเดิม แต่เพื่อความสบายใจของแม่พี่ ขวัญยินดีรักพี่อย่างเดียวโดยไม่ต้องเกี่ยวดองกับพี่ก็ได้ ต่อให้แม่พี่จะให้พี่แต่งงานกับผู้หญิง ขวัญก็ยินดี” ร่างโปร่งแน่วแน่และมั่นคงราวกับเป็นจอมขวัญคนละคนกับที่เคยพึ่งพิงเขา คุณชัยพูดไม่ผิด จอมขวัญพร้อมจะพยุงเขาในวันที่เหนื่อยล้าหรือล้มลง
“ของขวัญ…” อธิปได้แต่ครางชื่อคนรักด้วยความเจ็บปวด เขารั้งร่างโปร่งเข้ามากอด ซุกหน้าลงกับลาดไหล่ของอีกฝ่าย จอมขวัญข่มกรามแน่น แล้วตัดสินใจตวัดสองแขนกอดรัดร่างสูงเช่นกัน
…แม้ว่าการเคียงข้างของเขาจะสร้างความเจ็บปวดให้อธิป แต่เวลานี้ เขาขอเพียงแค่ได้เป็นเสาหลักให้อีกฝ่ายเข้มแข็ง แล้วหากวันหนึ่งต้องจากกันจริง อย่างน้อยจอมขวัญจะได้บอกตัวเองว่าครั้งหนึ่ง ความรักของเขาเคยช่วยพยุงอธิปให้ลุกขึ้นยืนได้อย่างสง่าผ่าเผย…
…เขาไม่ได้อยากตอบแทนที่อธิปเคยดูแลและใส่ใจเขา หากแต่เขาแค่อยาก ‘ให้’ อธิป… ‘ให้’ แม้สุดท้ายแล้วอาจจะไม่ได้อะไรกลับคืนมาเลยก็ตาม
…ความรักคือการให้ จอมขวัญเข้าใจแล้วในวันนี้…
ติดตามตอนต่อไป (อังคารหน้าจ้ะ)
ขอโทษสำหรับการผิดนัดคราวก่อนนะคะ
เชื้อมันแรงจริงอะไรจริง(ยังไม่หายสนิทเลยอ่ะ) แล้วเจออากาศเปลี่ยนด้วย แถมงานพิเศษอีก ก็เลยน็อก
พาร์ทนี้ไม่หวาน เอาไว้พาร์ทต่อๆไปแล้วกันนะ
ไปพักแหละ
ขอบคุณคนอ่าน คนติดตาม คนเม้นท์ และทุกกำลังใจเลยค่ะ
ขอบคุณพื้นที่บอร์ดด้วยนะจ๊ะ
เจอกันอังคารหน้า
สปอย พาร์ทหน้าหวาน(มั้งงงงงง) แอร๊ยยยยยวิ่งเข้ามาแก้คำผิด ขอบคุณมากๆที่บอกนะคะ T.T บัวเบลอจริงอะไรจริงอ่ะ