อกเปลือยเปล่าร้อนฉ่ากำลังแนบสีกันอย่างซาบซ่าน จอมขวัญบิดกายด้วยความรัญจวนยามมือหนาลากไล้ไปทุกอณูผิว ในขณะที่ริมฝีปากยังมอบจูบให้เขาไม่ห่าง เคาน์เตอร์ครัวทำจากหินอ่อนที่เคยเย็นเฉียบ มาบัดนี้ร้อนเร่าเมื่อแผ่นหลังของจอมขวัญบิดซ่านไปมา
เวลานี้ ไม่มีใครรั้งใครอีกแล้ว พวกเขามีแต่ความต้องการจนแทบไม่สนใจว่าตรงนี้คือห้องครัว จนกระทั่ง…เสียงโทรศัพท์บ้านแผดลั่นในวินาทีนั้น
“พ…พี่โต…อื้อ…โทรศัพท์…” จอมขวัญเบี่ยงหน้าหนีแล้วบอกอู้อี้ เพราะอธิปแทบไม่ปล่อยให้เขาห่างจากรสจูบนั้นเลย ร่างสูงหอบหายใจหนัก พยายามตั้งสติไม่ให้มัวเมาไปกับรสรักที่กำลังเกิดขึ้น
เสียงโทรศัพท์…ใช่…เสียงโทรศัพท์บ้าน…
“พี่โต…ไปรับโทรศัพท์ก่อน…อ่า…” จอมขวัญสะท้านครางไปทั้งกาย เมื่อความร้อนรุ่มของกายร้อนยังเบียดลึกเข้ามาในร่างเขา อธิปสูดลมหายใจเพื่อเรียกสติกลับคืนมา ก่อนจะถอนกายออกช้าๆ แต่ไม่วายก้มลงจูบหนักๆลงบนริมฝีปากคนที่ยังกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเคาน์เตอร์
“รอพี่ก่อนนะของขวัญ…” เขาหอบหายใจพลาง ก่อนจะข่มอารมณ์กับอาการปวดตุบเพราะอารมณ์ดิบที่ยังคั่งค้าง แล้วรีบเดินไปหยิบโทรศัพท์มารับ
‘ฮัลโลพี่โต เรื่องใหญ่งอกขึ้นมาอีกแล้ว’ ปลายสายไม่ต้องบอกว่าเป็นใคร อธิปก็รู้ดีว่าเสียงนี้เป็นของน้องชายของเขา
“เรื่องใหญ่?”
‘พ่อบอกให้พี่กับแฟนควงแขนกันมาที่บ้านเดี๋ยวนี้…หื้ม? เสียงหอบ? พี่ทำไร ทำไมหอบ?’
“ไม่มีอะไร…พ่อจะคุยเรื่องนั้นใช่มั้ย”
‘ใช่ เฮ้ย! เต็งว่าเต็งได้ยินเสียงพี่หอบว่ะ ออกกำลังกายเหรอ? อ๊ะฮ้า!! นี่อย่าบอกนะว่า…!!!’
“แค่นี้นะ”
‘พ่อบอกว่าให้เข้ามาตอนนี้เลยนะพี่ กิจกรรมเข้าจังหวะชะลาล่า ช่วยเอาไว้ทำทีหลัง’
“พูดมากจริงๆแก แค่นี้แหละ” อธิปวางสายอย่างรวดเร็ว ก่อนจะรีบกลับไปหาคนรัก จอมขวัญยังหอบหายใจหนักอยู่บนเคาน์เตอร์ และอารมณ์ยังค้างเติ่งจากกิจกรรมเมื่อครู่
“ของขวัญ…พ่อให้เราทั้งสองคนไปหา…” ดวงตาเรียวที่หรี่ปรือเหลือบมองอย่างไม่เข้าใจ
“เราสองคน? หมายถึงขวัญด้วยเหรอ”
“ใช่”
“ตอนนี้?!!” ตอนนี้ที่เขายังวูบวาบเพราะสัมผัสของอธิปน่ะหรือ
“ใช่…พี่รู้ว่า…ของขวัญอาจระบม แต่ว่า…ถ้าไม่ทำเสร็จเร็วๆ เดี๋ยวไปหาพ่อไม่ได้” จอมขวัญยังไม่ทันแปลความหมายในคำพูดของอธิป ร่างกายของเขาก็สะดุ้งเฮือกเพราะถูกแทรกเสือกอย่างรวดเร็ว
“อ๊ะ! พี่โตเดี๋ยว! อื้อ!!...” เสียงร้องประท้วงดังขึ้นอีกไม่กี่ครั้งก็กลายเป็นเสียงครางกระหน่ำเพราะการกระสนของร่างสูงใหญ่ จอมขวัญบิดเร้าไปทั้งร่างก่อนจะทะลักทะลายพร้อมๆกับคนรักในที่สุด
…หมดแรงขนาดนี้…แล้วอย่างงี้จะไปคุยกับพ่ออธิปรู้เรื่องมั้ยล่ะนี่!!...
…………………
สองสามีภรรยาวิมลกิตติเลี้ยวรถเข้าจอดในบริเวณบ้านของคุณเทิดศักดิ์และคุณกนกนุชที่ทางฝ่ายชายเป็นคนโทร.ไปตามให้มาหา ด้วยเหตุผลที่ว่า ‘มีเรื่องจะคุยด้วย’
บอกมาเท่านี้ คุณพัชรีก็เข้าใจแจ่มแจ้งไปถึงก้นกบว่า ‘เรื่อง’ ที่จะคุยคงหนีไม่พ้นว่าทางบ้านของอธิปรู้เรื่องของหลานชายเธอและชายหนุ่มเรียบร้อย คราวนี้จะหมู่หรือจ่าก็ขึ้นอยู่กับว่าทางพ่อแม่ของอธิปจะยอมรับเรื่องราวครั้งนี้ได้มากน้อยเท่าไหร่
…แต่…สาธุ้!! ถ้าคุณกนกนุชรับได้ขึ้นมา อย่าทำตัวเป็นแม่ผัวใจร้ายใจดำแบบในละครแล้วกัน! ไม่งั้นเดี๋ยวได้เห็นฤทธิ์ญาตินางเอกกันบ้างล่ะ!!...
คุณชัยจอดรถแล้วจึงหันมามองภรรยาที่กำลังยกมือพนมหลับตาพึมพำเหมือนเล่นของ ก่อนจะสูดลมหายใจเข้าดังฟืด! ราวกับจะรวบรวมลมปราณทั้งสิบ เธอผ่อนลมหายใจออกช้าๆ แล้วค่อยๆลืมตาขึ้น สีหน้ามุ่งมั่นจริงจังเหมือนจะบอกให้รู้ว่า วันนี้คุณพัชรี วิมลกิตติจะไม่ยอมให้ใครหน้าไหนมาพูดจาว่าร้ายหรือกีดกันความรักของหลานชายเด็ดขาด!
ไม่ต้องพูดพร่ำทำเพลงใดๆ คุณพัชรีก็เปิดประตูลงจากรถ เดินตรงไปยังประตูบ้านที่มีเด็กรับใช้มารออยู่แล้ว ก่อนจะพาทั้งเธอและคุณชัยตรงไปยังห้องนั่งเล่น ซึ่งมีคุณกนกนุชและคุณเทิดศักดิ์ผู้เป็นเจ้าของบ้านนั่งอยู่เพียงแค่สองคน
“สวัสดีค่ะ” ด้วยมารยาทอันคับคั่ง แม้จะรู้ดีว่าวันนี้ถูกเรียกให้มาพบเพราะอะไร แต่คุณพัชรีก็ยังยกมือไหว้ด้วยความเคยชิน คุณกนกนุชยกมือไหว้เช่นเดียวกัน หากแต่ไม่พูดจาใดๆ ดวงหน้ายังอิดโรยอย่างที่ทำเอาสองสามีภรรยาวิมลกิตติต้องลอบมองกันด้วยความสงสาร
“เชิญนั่งครับ อีกสักพักโตกับ…หลานของพวกคุณก็คงจะมา” คุณเทิดศักดิ์เป็นคนเอ่ยปากก่อน “…เราจะ…พูดกันตอนนี้เลย หรือว่ารอให้พวกเขามาก่อนดี” ชายเจ้าของบ้านยังเป็นคนพูด คุณพัชรีส่งยิ้มให้บางเบา
“พูดเลยก็ได้ค่ะ เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ต้องตกลงในหมู่ผู้ใหญ่ไม่ใช่หรือคะ โตกับของขวัญไม่ได้มีปัญหาอะไรเสียหน่อย” ราวกับคุณพัชรีจะบอกให้รู้ว่าปัญหาของเรื่องที่ทำให้พวกเขาสี่คนต้องมาพร้อมหน้าพร้อมตากันในวันนี้ ไม่ใช่เพราะอธิปและจอมขวัญสร้างขึ้นมา หากแต่เป็นเพราะอคติในใจ ‘ผู้ใหญ่’ ต่างหาก
คุณกนกนุชและสามีเหลือบมองกัน ก่อนที่ฝ่ายมารดาของอธิปจะหันมามองคุณพัชรี
“คุณรีทราบเรื่องนานรึยังคะ”
“ก็ไม่นานหรอกค่ะ พอจะจับพิรุธได้ เลยถาม พวกเขาก็ยอมรับ…สำหรับฉัน เท่านั้นก็คือจบ”
“จบ? จบได้ยังไงคะ? ลูกของนุชกับหลานของคุณรีน่ะ…” คุณกนกนุชตั้งท่าจะร้องไห้อีกรอบ แม้คุณพัชรีจะเป็นพวกใจอ่อนมักร้องไห้ตามนางเอกเวลาดูละครเป็นประจำ แต่งานนี้ตั้งใจมั่นว่าจะไม่อ่อนข้อให้บ้านของอธิปเด็ดขาด
“…เป็นผู้ชายทั้งคู่ แต่แล้วยังไง? ถ้าคนเขารักกัน จะให้ไปขวางอย่างนั้นหรือ? คุณนุช ฉันรักหลานฉันมากนะคะ รักมากจนไม่อยากขัดขวางเขา คนอื่นอาจจะมองว่าฉันเลี้ยงเขามาผิดๆ ตามใจเขาจนเสียคน แต่ฉันคิดว่าถ้าความสุขของเขาไม่ได้ทำร้ายใคร ฉันก็ไม่อยากห้าม คิดในแง่ดี ฉันมีหลานชายมาตั้งนาน คิดแทบตายว่าจะเข้ากับว่าที่หลานสะใภ้ได้ไหม แต่ตอนนี้ดันได้หลานเขยมาซะแล้ว แถมยังเป็นหลานเขยนิสัยดี อบอุ่นและอ่อนโยน ฉันถือว่าตัวเองเป็นคนมีบุญด้วยซ้ำ”
คุณกนกนุชอยากจะพร่ำเพ้อว่าหลานคุณพัชรีกำลังทำร้ายเธอด้วยการรักกับอธิป แต่ท้ายประโยคของแขกผู้มีเกียรติร่างอวบกลับทำให้หญิงเจ้าของบ้านต้องขมวดคิ้วมุ่น
“คุณรีว่าใครเป็นหลานเขยนะคะ?”
“อ้าว! ก็จะใครถ้าไม่ใช่โต”
“ไม่จริง! ทางนี้ต่างหากที่ได้ลูกเขย!!” คุณกนกนุชเถียงทันควันตามความเข้าใจที่ตนเองตีความมา เล่นเอาคุณพัชรีอ้าปากค้าง ก่อนจะเถียงสู้เช่นกัน
“ไม่ใช่แล้วค่ะ! คุณนุชไปฟังมาจากที่ไหน! ทางบ้านวิมลกิตติต่างหากที่ได้โตมาเป็นเขย”
“อ้าว!! แต่!!...”
“ไม่มีแต่ค่ะ! เรื่องนี้สามีฉันถามโตเองเลย! เขาก็ยอมรับว่าเขาเป็นเขยบ้านวิมลกิตติ! คุณนุชอย่ามาแย่งนะคะ!” คุณพัชรีคิดว่าชีวิตครอบครัวตอนนี้เพียบพร้อมดีแล้ว มีหลานเขยหนึ่งคน หลานชายก็น่ารักมากกว่าเดิม ทั้งประจบ ทั้งเอาใจคุณพัชรีกว่าเคย ส่วนลูกชายแม้จะยังไม่เห็นแสงสว่างของชีวิตคู่ แต่การที่มันอยู่เป็นโสดขวางหูขวางตาพ่อแม่เช้าเย็นก็สร้างสีสันให้ชีวิตยามแก่ของสองสามีภรรยาวิมลกิตติไม่ใช่น้อย
คุณกนกนุชอ้าปากค้าง ก่อนจะหันมองหน้าสามี ที่ส่ายหน้าระอาแล้วพยักพเยิดไปทางกรอบประตูของห้องนั่งเล่นที่มีสองหนุ่มในหัวข้อบทสนทนายืนหน้าตาอิหลักอิเหลื่ออยู่
“พวกคุณสองคนนี่เถียงกันไม่ดูต้นเหตุเลย…ได้ยินชัดสองรูหูเลยสิโต” คุณเทิดศักดิ์หันไปถามลูกชายที่มาถึงแล้ว แต่ไม่ทันจะได้เดินเข้ามาในห้องก็ได้ยินเสียงมารดาตนเองโต้เถียงกับคุณพัชรียกใหญ่ จับใจความได้ว่าต่างฝ่ายต่างเกี่ยงกันจะเป็นฝ่ายรับเขย
“เข้ามาสิ” คุณเทิดศักดิ์เรียกให้สองหนุ่มเดินเข้ามาในห้อง อธิปเดินนำมีจอมขวัญก้าวขาตามเบื้องหลัง ก่อนจะทรุดตัวลงนั่งบนโซฟาเดี่ยวคนละตัว
“พูดกันตรงๆเลยนะ…ตอนนี้ ผู้ใหญ่เขารับรู้กันหมดแล้ว เพราะฉะนั้น จะมาทำเล่นๆไม่ได้ ไม่ใช่วันนี้คบคนนี้ วันหน้าเปลี่ยนคู่ ไม่ว่าจะคบใครก็ต้องจริงจัง ถึงจะเป็นผู้ชายด้วยกันก็เถอะ…” บิดาของอธิปเอ่ย มองสบดวงตาลูกชายก็พอจะรู้ว่าอธิปรักจริงเพียงใด เขาก็ได้แต่ภาวนาให้จอมขวัญก็รักลูกเขาจริงเช่นกัน เพราะหากอธิปเปลี่ยนคู่บ่อยๆ จะกลายเป็นแม่ของอธิปรับไม่ได้ขึ้นมาอีก
“…แล้วนี่…คิดกันเอาไว้บ้างรึยังว่าจะวางแผนอนาคตกันยังไง” อธิปกับจอมขวัญเหลือบตามองกัน พวกเขาไม่ได้เตรียมอะไรมาพูดเลย ยกเว้นประโยคเดียวของจอมขวัญคือถ้าแม่ของอธิปขอให้เลิก เขาก็จะเป็นฝ่ายเลิกเอง แต่นี่…มาถามเรื่องอนาคตข้างหน้าของเขาและอธิป แถมดูเหมือนจะหมายถึงอนาคต…แบบ…แบบ…แบบที่หมายถึงอนาคตของเขาและอธิปรวมกัน
อาการเงียบของสองหนุ่มทำเอาคุณเทิดศักดิ์ต้องขมวดคิ้ว
“เงียบแบบนี้หมายความว่ายังไม่วางแผนเหรอ? คิดจะคบกันเล่นๆรึยังไง”
“เปล่านะครับพ่อ คือ…เอ่อ…” อธิปพูดไม่ออก ช่วงที่ผ่านมามันมีอะไรเกิดขึ้นหลายอย่าง และความรู้สึกของเขาสองคนก็เพิ่งชัดเจนมากขึ้น เรื่องอนาคตก็เลยยังไม่ทันได้คิด แถมวันนี้ก็รีบขับรถกลับมาชนิดตาเหลือก ผมเผ้ายังไม่ทันได้หวีกันด้วยซ้ำ แถมเขายังถูกจอมขวัญทำมึนตึงใส่อีกต่างหาก โทษฐาน ‘รุนแรงและรวดเร็ว’ จนจอมขวัญตั้งรับไม่ทัน
…จะไม่ทันอะไรกัน…ก็ในเมื่อตอนนั้นน่ะ ‘ไปพร้อมกัน’ แท้ๆ!...
“ผมว่าให้เขาไปคุยกันมาก่อนดีไหม แล้วค่อยเรียกมาถาม จะว่าไปแล้ว เขาก็เพิ่งคบกันไม่นาน น่าจะให้เรียนรู้กันอีกสักระยะ” คุณชัยช่วยพูดเมื่อเห็นว่าทั้งอธิปและจอมขวัญต่างพากันเงียบ แถมด้วยหน้าตาหลานชายของเขายังแอบบูดน้อยๆ เล่นเอาคุณชัยล่ะกลัวใจมันจะลุกขึ้นเหวี่ยงเพราะอารมณ์หงุดหงิดเนื่องจากถูกเซ้าซี้นี่ล่ะ! เดี๋ยวคะแนนความประทับใจของว่าที่พ่อแม่สามีก็ติดลบกันพอดี!
“แต่ก็ไม่ใช่เรียนรู้กันแบบเอิกกะเหริกนะ เข้าใจกันทั้งคู่ใช่มั้ย” คุณเทิดศักดิ์ย้ำ อย่างไรเสีย เรื่องการคบหาระหว่างผู้ชายด้วยกันก็เป็นเรื่องที่สังคมเอามากดขี่และย่ำยีอยู่ดี เขาไม่อยากให้ลูกชายและคนรักของลูกชายตกเป็นเป้าสายตาและลมปากของใคร
“ผมเข้าใจครับพ่อ” อธิปรับคำ คุณชัยเห็นว่าครอบครัวของอธิปก็ดูจะตอบรับเรื่องนี้ได้ดี แม้คุณกนกนุชจะยังเอาแต่นั่งก้มหน้าไม่สบตาใครก็ตาม เขาจึงหันมาทวงสัญญากับว่าที่หลานเขย
“ตอนนี้ทางบ้านโตก็รู้เรื่องแล้ว อย่าลืมเรื่องที่สัญญาเอาไว้กับลุงนะ” ร่างสูงรู้ทันทีที่ว่าคุณชัยทวงสัญญาอะไรจากเขา อธิปทรุดกายลงนั่งกับพื้น ก่อนจะคลานเข่าไปหาบิดามารดา
ชายหนุ่มยกมือขึ้นพนม กลางอก ไม่มีคำพูดอื่นใด นอกเสียจากการกระทำ…เขาก้มลงกราบแทบเท้าคุณกนกนุช ราวกับความรู้สึกในใจลูกชายคนนี้ส่งไปยังหัวใจของมารดา คุณกนกนุชได้แต่ยกมือขึ้นปิดปากกลั้นเสียงสะอื้น
…ใช่…ไม่ว่าคนตรงหน้าจะเป็นอะไร ไม่ว่าอธิปจะรักใครชอบใคร แต่เขาก็ยังเป็นลูกชายของเธอ…ยังเป็นลูกที่ครั้งหนึ่งเคยตัวเล็กจ้อยและขดตัวอยู่ในท้องเธอ ยังเป็นลูก…ที่ครั้งหนึ่งเธอเคยขอเพียงแค่ให้เขาเกิดออกมาครบสามสิบสองประการ ขอให้เขาเติบโตขึ้นมาเป็นคนดี ขอให้เขาช่วยเหลือตัวเองและคนอื่นและไม่สร้างความเดือดร้อนให้ใคร…
…และเขาก็ทำได้ทุกอย่างอย่างที่เธอหวัง วันนี้อธิปเติบโตเป็นผู้ใหญ่ เป็นคนเต็มคนที่ไม่เบียดเบียนคนอื่น เป็นที่พึ่งให้ผู้อื่น…เขาเป็นลูก…ลูกที่แม่อย่างเธอภาคภูมิใจเสมอ
“โต…” เสียงคุณกนกนุชครางเครือด้วยหัวใจสั่นสะท้าน ก่อนจะโอบสองแขนรอบแผ่นหลังกว้างนั้น แม้บัดนี้อธิปจะเติบโตจนเธอไม่สามารถโอบแผ่นหลังเขาโดยรอบได้อีกแล้ว แต่สองมือแม่ก็ยังรู้สึกว่าแผ่นหลังของลูกชายคนนี้ ก็คือลูกชายคนเดียวกับที่เธอเคยอาบน้ำถูหลังให้สมัยยังเด็ก
“ผมขอโทษครับแม่”
“ไม่…อย่าขอโทษแม่ โต…มันไม่ใช่ความผิดของโต…” คุณกนกนุชเหลือกตาขึ้นมองเพดานเพื่อไล่หยาดน้ำที่เอ่อคลอรอบดวงตาไม่ให้ไหลลงมาให้อับอายผู้คน เธอเหลือบไปมองชายหนุ่มอีกคนที่นั่งอยู่ในห้องด้วย
…ชายคนนั้น…คือคนที่ได้ชื่อว่าเป็นคนรักของอธิป…คนรัก…ที่เป็นชาย…
คุณกนกนุชสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะยกมือข้างหนึ่งขึ้นช้าๆ แล้วกวักมือเรียกจอมขวัญให้เข้ามาหา
ร่างโปร่งนิ่งชะงัก หากแต่เมื่อเห็นสายตาอ่อนโยนของมารดาคนรักก็ทำให้เขาทรุดตัวลงกับพื้น แล้วคลานเข่าเข้าไป
จอมขวัญพูดอะไรไม่ออก อากาศในห้องมันหนักหนาจนกดทับไหล่ทั้งสองข้างของเขาจนหนักอึ้งไปหมด ชายหนุ่มไม่กล้าเงยหน้าขึ้นสบตาใคร ไม่กล้ามองหน้าใคร อธิปและคุณกนกนุชเป็นแม่ลูกกัน จะให้อภัยกันไม่ใช่เรื่องแปลก แต่เขานี่สิ…เขาที่เป็นคนอื่น…เขาที่…
ความรู้สึกอุ่นๆเกิดขึ้นบนศีรษะของเขา จอมขวัญนิ่งไปทั้งร่างกายและสติ เขาเพ่งความรู้สึกทั้งหมดไปที่ความอบอุ่นนั้น ก่อนจะรับรู้ว่ามันคือ ‘มือ’
…มือ…
จอมขวัญเงยหน้าขึ้นมอง และนั่นเอง เขาถึงได้รู้ว่ามือนั้น…เป็นของคุณกนกนุช
“แม่เรียกว่าของขวัญได้มั้ย” ยิ่งกว่าการให้อภัยนั่นคือการยอมรับด้วยหัวใจ แม้ยามนี้คุณกนกนุชจะไม่อาจเปิดทั้งใจให้ชายหนุ่มตรงหน้าที่เป็นคนรักของลูกชาย แต่…ถ้าเพื่ออธิปแล้ว…ไม่มีเรื่องใดที่แม่คนนี้จะทำไม่ได้…
“…ครับ” อากาศที่กดทับเหมือนจะมลายหายไปหมด เขาช้อนตาขึ้นมองหญิงวัยปลายที่ยังลูบศีรษะเขา และเพียงวินาทีถัดมา คุณกนกนุชก็เริ่มหน้าแดง
“เอ่อ…เป็นอะไรรึเปล่าครับ?” จอมขวัญถาม หน้าตาห่วงใยจนคุณกนกนุชนึกเขิน
…หลานชายของคุณพัชรีหล่อจริงๆ หล่อชนิดที่ดาราบางคนยังอาย หล่อกว่าพระเอกบางคนที่เธอติดตามละครเสียอีก! แล้วดูดวงตาเรียวๆคู่นี้ยามช้อนมองเธอสิ! โอ๊ย!! ไม่หน้าแดงก็ไม่รู้จะว่ายังไงแล้ว!!
“ม…ไม่เป็นอะไรหรอกจ้ะ เอ?...นั่งไม่สบายเหรอ กลับไปนั่งที่โซฟาก็ได้ลูก” หญิงเจ้าของบ้านเห็นท่านั่งยงโย่ยงหยกไม่นั่งทับขาดีๆของจอมขวัญก็นึกห่วงใยตามประสาผู้ใหญ่ แต่คนถูกทักเริ่มอึกอักพูดไม่ออก จะพูดได้ยังไงว่าที่นั่งไม่สะดวกก็เพราะลูกของคุณกนกนุชนั่นแหละ ทำเขาระบม! บ้าเอ๊ย!! แล้วยังมาแอบยิ้มเยาะเขาอีก!!
“ของขวัญเขานั่งสะดวกครับแม่ นั่งดีๆ” อธิปเป็นคนตอบ ก่อนจะดึงเขาให้นั่งลงอย่างรวดเร็ว จอมขวัญสะดุ้งแล้วรีบเอนกายไปทางอธิปหมายจะให้อีกฝ่ายช่วยรับน้ำหนักของร่างเขาเอาไว้ ก่อนที่น้ำหนักทั้งหมดจะตกลงที่ก้นแล้วกระแทกกับปลายเท้าเต็มๆ
“พี่โต!” แม้อีกฝ่ายจะช่วยถ่ายน้ำหนักให้ แต่จอมขวัญก็ยังหันมาดุลอดไรฟันเสียงเบา ก่อนจะรีบดันกายออกห่างเพราะเกรงใจสายตาพ่อแม่ของร่างสูง เขาหามุมนั่งเล็กน้อยก็พอจะทำใจนั่งแบบเจ็บหนึบๆได้อยู่
“โต…แกล้งเป็นเด็กๆไปได้…” คุณกนกนุชหันมาปรามลูกชาย ก่อนจะหันมาทางจอมขวัญที่นั่งได้เรียบร้อยดีแล้ว ยังไม่ทันจะได้ชวนพูดคุย เสียงโทรศัพท์มือถือของจอมขวัญก็ดังขึ้น ชายหนุ่มทำหน้าขอโทษขอโพยก่อนจะล้วงจากกระเป๋ากางเกงขึ้นมาดู
‘น้ำทิพย์’
“คุณน้ำโทร.มา” เขาหันมาบอกคนรักเบาๆ ก่อนจะหันมาทางคุณกนกนุชและคุณเทิดศักดิ์
“ขอตัวสักครู่นะครับ” ชายหนุ่มว่าอย่างนั้น ก่อนจะรีบลุกออกจากห้องไป แล้วทิ้งความเงียบงันของห้องนั่งเล่นเอาไว้เบื้องหลัง
ติดตามตอนต่อไป (พุธหน้าค่ะ)
ขอโทษนะคะที่เมื่อวานผิดนัด เขียนเสร็จแล้ว แต่ว่าพออ่านแล้วมันไม่ค่อยลื่น (อันนี้ลื่นกว่าเมื่อวานแล้วนะ =.=)
มีคนถามเรื่องอายุ พี่โตเกือบ 30 ได้มั้ง ส่วนของขวัญนี่ น้อยกว่าพี่โตประมาณ 4-5 ปีค่ะ
ตอนแรกว่าพาร์ทนี้จะหวาน ฉุดอารมณ์สักหน่อย แต่มันแอบไม่ลื่น ก็เลยต้องตัดใจเอาออกอ่ะ เอาความหล่อน้องขวัญไปแทนนะคะ
แอบรู้สึกว่าพาร์ทนี้ ของขวัญหล่อมากกกกก พิมพ์ไปเขินของขวัญไป
ส่วนน้องเต็ง หลังจากมีชื่อของน้องในเรื่องมานาน เพิ่งมีโอกาสปล่อยของเมื่อพาร์ทที่แล้ว
และรู้สึกว่าจะโกยคะแนนไปได้ไม่น้อยซะด้วย
สปอยพาร์ทหน้า …สั้นๆ สองพยางค์ “ทรงพลลลลลลลลลลลลล”
ขอบคุณคนอ่าน คนติดตาม คนเม้นท์ และทุกกำลังใจนะคะ ขอบคุณพื้นที่บอร์ดด้วยค่ะ