เธอคือดวงตะวัน
.
.
.
บทที่ 9 เวลาของดวงตะวัน
.
.
.
.
.
"กี่ทุ่มแล้วว่ะ" พุฒเงยหน้าขึ้นมาจากหนังสือเล่มหนาแล้วพร้อมทั้งเปิดปากถามดวงตะวันที่นั่งอยู่ข้างๆ
"จะตีหนึ่งแล้ว" ใบหน้ารูปไข่เอ่ยตอบเสียงแผ่วเบาเพราะตอนนี้ความง่วงงุ่นเริ่มเข้าครอบงำ ไม่คิดว่าจะอ่านหนังสือเพลินขนาดนี้ ลองเหลียวดูรอบกายก็พบเพียงนักศึกษาบางกล่มเท่านั้นที่ยังนั่งอ่านหนังสืออยู่ แสงไฟสาดส่องไปทั่วบริเวณของใต้อาคารตึกคณะทำให้รอบบริเวณไม่น่ากลัวและวังเวงจนเกินไป ดวงตะวันเหลียวมองไปยังคนร่างสูงที่ยังนั่งนิ่งอ่านหนังสืออย่างเงียบๆ ลมหนาวที่พัดเข้ามาทำเอาเรือนร่างบางที่มีเพียงเสื้อคลุมตัวใหญ่ทนความหนาวเย็นไม่ไหว ขยับเข้าใกล้ร่างสูงอย่างต้องการไออุ่น
ภัทรเงยหน้าขึ้นมาจากหนังสือเรียนของตนมองเสี้ยวหน้าด้านข้างของคนร่างเล็กแล้วเผยยิ้มออกมาอย่างช้าๆ ลำแขนเรียวโอบกระชับเอวบางพร้อมทั้งจัดเสื้อคลุมของตนที่ตอนนี้ไปอยู่บนตัวของดวงตะวันให้คลุมร่างบอบบางให้มิดชิดกว่าเดิม ดูเหมือนว่าทั้งพุฒและอุ๋มต่างก็เห็นการกระทำของคนทั้งคู่ที่แสดงออกมาอย่างเป็นธรรมชาติ แต่ทั้งคู่ก็ไม่ได้เอ่ยปากแซวแต่อย่างใด
"หนาวอ่ะภัทร" มือบางทั้งสองข้างกำชายเสื้อเชิ้ตของภัทรแน่น ริมฝีปากเรียวบางสั่นระริก เพราะยิ่งดึกเท่าไรลมที่พัดเข้ามาใต้ตึกก็ยิ่งแรงขึ้นไปอีก เสียงใบไม้และต้นไม้ไหวเอน ดังแกรกกราก สั่นประสาทของคนขวัญอ่อนอย่างดวงตะวันได้เป็นอย่างดี
"แค่หนาวอย่างเดียวเหรอ" ภัทรเอ่ยยิ้มๆ แต่นั่นก็เรียกเลือดฝาดให้ขึ้นไปวิ่งวนอยู่บนผิวหน้าของดวงตะวันได้เป็นอย่างดี ร่างบางหลับตาแน่นพร้อมทั้งเอนกายเข้าหาภัทรอย่างรวดเร็ว เมื่อโสทประสาทรับรู้สึงกิ่งไม้ใหญ่ที่ไหวเอนรุนแรงยิ่งกว่าเดิม เงาตะคุ่มที่ทอดกายพาดผ่านตัวอาคารทำเอาคนร่างเล็กไม่กล้าแม้แต่จะมองไกลออกไปไหนนอกจากกระเป๋าเสื้อของร่างสูง
"อย่าบอกนะว่ามึงคิดว่าผีจะออกมาตอนนี้" พุฒเอ่ยอย่างรู้ทัน เพราะปฏิกิริยาอย่างนี้ของดวงตะวันนั้นคาดเดาได้ไม่ยากนัก
"เปล่าๆ กูแค่คิดว่ามันหนาวเฉยๆ"
"จ้ะ! ตัวสั่นหลับตาแน่นขนาดนั้นคงหนาวอย่างเดียวซินะ หึหึ" อุ๋มเอ่ยล้อๆ พร้อมทั้งเก็บของลงกระเป๋า เพราะตอนนี้มีเพียงแต่กลุ่มของตนเท่านั้นที่นั่งอยู่ นักศึกษาคนอื่นๆ ทยอยกลับกันหมดแล้ว คงเพราะลมที่พัดแรงกว่าปกติแน่นอน ทั่วทั้งบริเวณจึงเงียบสงัดยิ่งกว่าเดิม
"รีบกลับกันเถอะ ง่วงแล้วอ่ะ" ร่างบางผละออกจากร่างสูงแล้วกวาดเอาทุกสิ่งทุกอย่างลงไปในกระเป๋าอย่างเร่งรีบทำเอาสามคนที่เหลือสบตากันอย่างยิ้มๆ ภัทรคว้ากระเป๋าและหนังสือของดวงตะวันมาถือไว้เอง ส่วนมืออีกข้างก็คว้ามือบางขึ้นมากุมไว้
"หอตะวันอยู่ตรงไหน" ร่างสูงของภัทรที่เดินจูงมือตะวันนำหน้าพุฒและอุ๋มนั้น ร่างสง่างามเสียจนแสบตา ภาพที่ทั้งสองคนก้มหน้าลงมาคุยกันนั้นเรียกความอิจฉาจากสองเพื่อนสนิทได้เป็นอย่างดี นึกไปนึกว่าก็เสียดายแทนผู้หญิงทั้งมหาลัย เพราะคนหล่อๆอย่างภัทร ต้องมาตกอยู่ในกำมือของดวงตะวันจอมซื่อและเซ่อเสียแล้ว
เมื่อมาถึงรถยนต์คันหรูภัทรก็เปิดประตูฝั่งที่นั่งข้างคนขับให้ดวงตะวันเข้าไปนั่ง ส่วนพุฒและอุ๋มก็เข้าไปนั่งที่ห้องผู้โดยสาร ภัทรปิดประตูแผ่วเบาแล้วรีบวิ่งไปฝั่งคนขับอย่างรวดเร็ว เพราะรู้สึกว่าเปลือกตาบางของดวงตะวันใกล้จะปิดเต็มที่
"อยู่หน้ามหาลัย เดินแปปเดียวก็ถึง" ดวงตะวันเอ่ยเสียงเอื่อยๆ เพราะความง่วงที่เข้าครอบงำอย่างช้าๆ ภัทรขยับเข้ามาใกล้จับเสื้อคลุมตัวหนาที่อยู่บนตัวของดวงตะวันอย่างเล็กน้อย แล้วจึงสตารท์เครื่อง ขับออกมาจากตึกคณะวิทย์ฯ อย่างช้าๆ
"แล้วพุฒกับอุ๋มล่ะ"
"พุฒอยู่หอเดียวกับตะวัน แต่คนละห้อง ส่วนอุ๋มอยู่หอหญิงข้างๆกัน" พุฒเอ่ยตอบ ภัทรพยักหน้ารับ ระยะทางจากมหาลัยถึงหอพักของดวงตะวันนั้น ร่างสูงเหลือบมองร่างบางที่นั่งตาปรืออยู่ตลอดเวลา ใจอยากจะจับให้ศีรษะทุยสวยนั้นมาซบที่ไหล่หนาของตัวเอง แต่ก็เกรงใจเพื่อนสนิทของดวงตะวันทั้งสองคนที่นั่งอยู่ด้านหลัง
"จอดตรงนี้เลย นี่แหละหอตะวัน" เป็นพุฒที่เป็นคนบอกทางกับภัทร เพราะดวงตะวันนี้ตอนนี้แทบไม่มีแรงที่จะขยับเปลือกตา
"ตะวันถึงหอแล้วนะ" ร่างบางพยักหน้าขึ้นลงอย่างช้าๆ แล้วจับเสื้อคลุมตัวหนาส่งใหักับผู้ที่เป็นเจ้าของ
"พรุ่งนี้ค่อยเอามาคืน ตะวันใส่ขึ้นไปบนหอดีกว่า ลมมันแรง"
"อืม ขอบคุณนะ ขับรถดีๆนะ" ดวงตะวันกระชับกระเป๋าและหนังสืออีกครั้งแล้วก็เปิดประตูลงไป รอจนรถยนต์คันหรูค่อยๆหายลับไปจนสุดสายตาถึงได้เดินขึ้นหอ
"ทำไมภัทร ถึงเป็นสุภาพบุรุษอย่างนี้" อุ๋มเอ่ยออกมาอย่างเพ้อๆ
"สุดยอดว่ะ เพิ่งเคยเห็นผู้ชายอ่อนโยนก็วันนี้แหละ" ระหว่างทางที่ตะวันและพุฒเดินมาส่งอุ๋มที่หอพักข้างๆ ก็มีเสียงแซวของพุฒและอุ๋มดังขึ้นไม่เคยขาด จนเมื่อกระทั่งอุ๋มแยกตัวไป พุฒก็ยังคงแซวเพื่อนสนิทไม่หยุดปาก
"ไม่รีบคว้าไว้ ระวังชะนีลดโลกร้อนคาบไปแดกนะมึง"
"อะไรคือชะนีลดโลกร้อน"
"ก็พวกผู้หญิงที่นุ่งน้อยห่มน้อยไง สาวๆเดี๋ยวนี้เขามีนโยบายประหยัดเสื้อผ้านะโว้ย"
"ฮ่าๆ คิดได้ไงว่ะ เออๆ พรุ่งนี้เจอกัน" เมื่อถึงห้องพักของตัวเอง ดวงตะวันก็เอ่ยลาเพื่อนเล็กน้อย เมื่อเปิดประตูเข้าไปความเงียบและความมืดก็ทำเอาสติสัมปชัญญะกลับคืนมาสู่ร่างอีกครั้ง และเสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นทำลายความเงียบก็ทำเอาร่างบางสะดุ้งไม่น้อย เมื่อมองดูหน้าจอก็รู้ว่าใครโทรเข้ามา
"ภัทร" ร่างบางกดรับโทรศัพท์ แล้วกดสวิตส์เปิดไฟ เมื่อแสงสว่างเข้ามาแทนที่ความมืดมิด ความอุ่นใจก็แทรกเข้ามาทันที ไม่รู้ว่าเพราะห้องสว่าง หรือว่าเพราะภัทรโทรเข้ามาตอนนี้กันแน่
"ครับ แค่อยากรู้ว่าตะวันถึงห้องหรือยัง"
"ถึงแล้ว...แล้วภัทรถึงบ้านหรือยัง"
"อีกนิดนึงก็จะถึงแล้ว ตะวันอาบน้ำตอนดึกๆ ระวังเป็นหวัดนะ"
"อือ.......ภัทรวางก่อนได้ไหม คุยโทรศัพท์ตอนขับรถมันไม่ดี"
"เป็นห่วงเหรอครับ" ดวงตะวันไม่อยากคิดถึงใบหน้าของอีกฝ่ายเลยว่าตอนนี้คนร่างสูงจะทำอย่างไรถ้าไม่ใช่หรี่ตาลงอย่างเจ้าเล่ห์
"ก็..........อืม! ภัทรวางไปเลย ถึงบ้านแล้วค่อยโทรมา"
"ครับ ตะวันรีบอาบน้ำนะ"
"รับทราบ!" เมื่อสายตัดไป ร่างบางก็รีบคว้าผ้าขนหนูกับชุดนอนเข้าไปในห้องน้ำทันที เพราะยิ่งดึกยิ่งหนาว ดวงตะวันอาบน้ำอย่างรวดเร็วเมื่อจัดการกับกระเป๋าและหนังสือเรียนเรียบร้อยแล้ว ร่างบอบบางก็กระโดดขึ้นมานอนบนเตียงรอใครบางคนต่อสายกลับมา แต่จนแล้วจนรอด โทรศัพท์มือถือเครื่องเล็กก็ยังไม่มีวีแววว่าจะส่งเสียงร้องเตือนถึงสัญญาณการโทรเข้าแต่อย่างใด ร่างบางจึงผุดลุกขึ้นนั่งอย่างกระสับกรส่าย
“เป็นอะไรหรือเปล่านะ” แต่ยังไม่ทันที่จะกดโทรออกไป เสียงเรียกเข้าที่ตั้งเป็นพิเศษก็ดังขึ้นเสียก่อน ริมฝีปากบางฉีกยิ้มอย่างดีใจ ความรู้สึกอุ่นวาบกระจายไปทั่วผิวกาย นี่ซินะ ..... ความรัก.......
“ถึงบ้านแล้วครับ”
“ก็นึกว่าเป็นอะไร เห็นภัทรโทรกลับมาช้า” ถ้าหากเป็นเมื่อก่อนดวงตะวันคนนี้คงพูดอ้อมโลกไม่ยอมเปิดเผยความในใจ แต่เมื่อได้รู้จักกับภัทรที่แสดงท่าทางห่วงใยตนตลอดมา ทำให้เขาอยากจะพูดหรือทำให้ได้ครึ่งหนึ่งที่ภัทรทำให้
“เมื่อกี้ผมแวะเซเว่นซื้อน้ำแร่ เลยทำให้ช้า ว่าแต่ อาบน้ำแล้วใช่ไหม”
“อาบน้ำ ปะแป้งนอนแล้วด้วย....”
“แล้วแป้งหอมไหม?”
“ก็ต้องหอมซิ”
“เหรอ วันหลังเอามาให้ดมด้วยนะ”
“ภัทรใช้แป้งเด็กด้วยเหรอ”
“เปล่า”
“แล้วจะดมอะไรอ่ะ”
“ดมแก้มตะวัน”
“..........................”
“จะยอมไหม”
“ ก็...............ไม่รู้”
“ทำไมถึงไม่รู้ล่ะ”
“ก็.................อื้อ! ภัทรบ้า ไม่ต้องมากวนเลย เมื่อตอนเย็นก็เพิ่งขโมยไป”
“ไม่ได้กวน แต่พูดจริงๆ เดี๋ยวพรุ่งนี้จะไปดมถึงที่เลย”
“ไม่ต้องเลย ไม่ให้มา”
“หึหึ นอนได้แล้วนะครับ ดึกแล้ว พรุ่งนี้เรียนกี่โมง”
“เรียน 9.30 ตื่นทันอยู่หรอกน่า”
“ให้ไปรับไหม”
“ไม่ต้องก็ได้ ข้ามถนนมาแปปเดียวก็ถึงแล้ว”
“ตะวัน ผมเคยบอกแล้วไม่ใช่เหรอว่าให้ข้ามสะพานลอย เดินไปนิดหน่อยก็ถึงสะพานลอยแล้ว มันอันตรายคุณรู้ไหม” นึกหงุดหงิดคนปลายสายอยู่ไม่น้อยที่ดื้อรั้นข้ามถนนเดินเข้ามหาลัยตลอด ทั้งที่เขาก็เคยบอกไว้แล้วว่าข้ามถนนมันอันตราย แต่ดวงตะวันก็ยังคงเป็นแมวดื้ออยู่วันยันค่ำทำตาใสๆซื่อๆส่งมาให้ รับปากอ้อมแอ้มว่าจะทำตาม แต่ผลสุดท้ายก็แอบข้ามถนนอยู่ดี
“ก็มันขี้เกียจนี่” ป่านนี้คนน่ารักคงนอนทำปากยื่นปากยาวค้อนเขาผ่านสายโทรศัพท์อยู่แน่นอน
เฮ้อ......อยากกอดจัง
“งั้นเดี๋ยวผมจะไปรับตะวันเอง”
“ไม่ต้องไง เอ๊ะ ภัทรชอบทำตัวดื้อ”
“ใครกันแน่ที่ดื้อ.....ดื้อเหมือนแมว”
“ไม่ใช่ซักหน่อย ตะวันไม่ได้เป็นแมวนะ”
“แล้วตกลงจะเอาอย่างไรครับ”
“โอเคๆ เดี๋ยวตะวันจะข้ามถนน เอ๊ย! ข้ามสะพานลอย ภัทรไม่ต้องห่วง”
“รับปากแล้วนะ ถ้าจับได้ว่าแอบข้ามถนน โดนแน่!”
“ไม่กลัว”
“หึหึ” ดวงตะวันนึกเสียดายใบหน้าหล่อเหลาของภัทร เกียรติบูรพาจริงๆ เพราะถ้าอีกฝ่ายหัวเราะอย่างนี้ทีไร รังสีเจ้าเล่ห์จะแผ่ออกจากร่างกายทันที
“ไม่ต้องมาหัวเราะเลย” ร่างบอบบางบิดซ้ายบิดขวาอย่างผ่อนคลายตัวเอง เปลือกตาบางค่อยๆปิดลงอย่างช้าๆแพรขนตางอนขยับไหวราวกับปีกผีเสื้อ ทุกสิ่งทุกอย่างกอปรกันลงตัวบนใบหน้ารูปไข่ ริมฝีบางคลี่ยิ้มกว้างเมื่อได้ยินประโยคสุดท้ายก่อนที่สัญญาณจะตัดไป
“ฝันดีนะครับ ดวงตะวันของภัทร”
.
.
.
.
.
.
ห้องบรรยายรวมคือสิ่งที่น่าเบื่อที่สุดสำหรับภัทร นอกจากนักศึกษาคนอื่นที่เสียงดังเพราะคุยกันแล้ว ยังทำให้เรียนไม่รู้เรื่องอีก และยังมีสายตาของพวกผู้หญิงที่ชอบลอบมองมาที่เขาอยู่บ่อยๆ ถ้ารายไหนกล้าหน่อยก็เดินเข้ามาทำความรู้จักและปิดท้ายด้วยการขอเบอร์โทรศัพท์ แต่เมื่อเจอภัทรตีหน้านิ่งใส่เป็นต้องกระเจิดกระเจิงไปหมดทุกราย ชายหนุ่มถอนลมหายใจออกมาอย่างเบื่อหน่าย เพราะไอ้สิ่งที่อาจารย์กำลังสอนอยู่นั้นตนได้อ่านมาหมดแล้ว แต่ก็ลุกออกไปไหนไม่ได้เพราะอาจารย์ท่านนี้ให้คะแนนเข้าเรียนด้วย เลยทำให้เจ้าชายน้ำแข็งยิ่งทำหน้าโหดเข้าไปใหญ่
“ทำหน้าให้มันดีๆหน่อยดิวะ” ภัทรปรายตามองคนพูด แต่ก็ไม่ได้ทำตามที่อีกฝ่ายบอกแต่อย่างใด มือหนากดโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดูแต่เมื่อเห็นว่ามีคนส่งยิ้มให้ที่หน้าจอ ดวงตาคมกล้าก็ลดประกายตาอันฉุนเฉียวลงทันที เอ็มสังเกตเห็นท่าทางนั่นแต่ก็แสร้งทำเป็นไม่เห็น เพราะรู้ดีว่า เจ้าชายน้ำแข็งมันไม่อายอยู่แล้วถ้าจะแซวมัน เพราะฉะนั้นไม่ต้องแซวให้เสียน้ำลายซะดีกว่า
“แล้วกูทำหน้าแบบไหน” ร่างสูงนั่งหลังตรงจ้องเขม็งไปที่กระดานไม่ได้หันไปคุยกับเพื่อนสนิทโดยตรง
“พร้อมที่จะฆ่าทุกคนที่มาเข้าใกล้มึง”
“หึ.....” ภัทรไม่ได้ตอบกลับหรือโต้แย้งแต่อย่างใด
“งานเข้าแล้วมึง” ภัทรเงยหน้าขึ้นมองตามทิศทางที่เอ็มสะกิดบอก
ร่างสูงโปร่งของนุช ในชุดนักศึกษาที่สั้นและรัดหุ่นจนหนุ่มๆสาวๆในห้องเล็คเชอร์มองตามกันเป็นแถวๆ ภัทรจะไม่เดือดร้อนอะไรเลยถ้าอีกฝ่ายไม่ได้เดินตรงมาที่เขา ภัทรไม่ปฏิเสธว่านุชหุ่นดี แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่ภัทรชื่นชอบ เพราะสำหรับภัทรแล้วต้องตัวเล็กน่ารักแบบดวงตะวันเท่านั้น
“ขอนั่งด้วยคนได้ไหมคะภัทร” นุชส่งยิ้มให้กับชายหนุ่ม เมื่ออีกฝ่ายอนุญาตเจ้าตัวก็รีบลดตัวลงไปนั่งทันที หญิงสาวลอบมองใบหน้าของชายหนุ่มที่เธอพึงใจอย่างหลงใหล ภัทรมีทุกสิ่งทุกอย่างที่เธอต้องการ และไม่ว่าข่าวลือหนาหูเกี่ยวกับภัทรจะมากเพียงใด เธอก็ไม่สนใจ เพราะเธอมั่นใจว่า เธอจะเป็นคนที่พิชิตใจของเจ้าชายน้ำแข็งคนนี้ให้ได้
“ภัทรว่างไหมคะวันนี้”
“ไม่ว่าง!” ภัทร เกียรติบูรพาตอบเสียงห้วนกระชาก ทำเอาเอ็มถึงกลั้นหัวเราะแทบไม่อยู่ นี่ถ้าหากลองเป็นผู้ชายคนอื่นมาพูดอย่างนี้ใส่ดาวมหาลัยคงได้โดนตบกลับไปบ้าง
“อย่างนั้นเหรอคะ แย่จังนุชว่าจะชวนภัทรไปดูหนังซักหน่อย แล้ววันอื่นล่ะค่ะ”
“ไม่ว่างซักวัน” ร่างสูงนับหนึ่งถึงร้อยอยู่ในใจอย่างสะกดกลั้นอารมณ์โกธาที่มีต้นเหตุมาจากหญิงสาวที่นั่งอยู่ข้างๆ ใจอยากจะลุกไปนั่งที่อื่นแต่ก็ยุ่งยากเสียเปล่าๆ เพราะเห็นว่าอีกไม่นานอาจารย์จะเลิกสอนแล้ว
“ทำไมล่ะคะ”
“ยกเวลาให้ดวงตะวันไปหมดแล้ว!”
“ !! ”
.
.
.
.
.
.
๐ ไม่เจอะกันนานคิดถึงจังเล้ยยยยยย -///////- คิดถึงเค้าไหมตัวเองงง
๐ เอามาให้อ่านแก้คิดถึง ฮ่าๆ ระวังน้ำตาลเข้ากระแสเลือดนะเคอะ อิอิ
๐ ใครกดบวก กดเป็ด ขอให้ได้แฟนอย่างภัทร สาธุ!!!
รักและขอบคุณ
By Chocolate Love ~